คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2++++50%(อุบัติเหตุ)
ตอน : อุบัติเหตุ
หลังจากมีเรื่องของรติลพมาก่อกวนใจเมื่อคืนเธอก็แทบไม่มีสมาธิ และเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความไม่มั่นใจสักนิด เมื่อบุคคลที่สัมภาษณ์ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้จบ ๆ ไปเท่านั้น หรือเพราะว่าเธอเครียดกับปัญหาที่มันกำลังรุมเร้าหลายเรื่อง จึงพรีเซ็นต์ไม่ค่อยดีทำให้การสัมภาษณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกท้อถอยแทรกซึมเข้ามาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเริ่มไม่มีแม้แต่กำลังใจที่จะหางานทำ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็นอนแทบไม่หลับ เพราะปัญหาของพี่ชายมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เสียแล้ว ลำพังผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะมีปัญญาหาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น ถึงตอนนี้เธอยังหาทางออกไม่ได้
ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกจนเครียดจัดทีเดียว!
หญิสาวเดินออกมาจากตึกสูงด้วยความเหม่อลอยและเดินทอดน่องไปตามถนนอย่างไม่มีจุดหมาย อากาศที่ร้อนจัดในช่วงบ่ายจนต้องเอามือปาดเหงื่อที่ไหลออกด้วยความอ่อนล้า เมื่อไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องตกงานพลันให้เธอเข้าใจหัวอกของคนตกงานว่ารู้สึกเช่นไร ลัลญ์ลลินเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ไหนต่อเพราะไม่อยากให้มารดารู้จึงไม่อยากกลับบ้าน และสุดท้ายการหาที่ไปหลบร้อนในห้างสรรพสินค้าจึงเป็นการและฆ่าเวลาได้ดีที่สุด
เอี๊ยดดดด!!
รถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงต้องเบรกกระทันหัน เมื่อมีร่างของหญิงสาวทรุดฮวบลงหน้ารถ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะลงจากรถและพบร่างหมดสติของหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่หน้ารถ ศรัญวีย์ถึงกับตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูกทีเดียวแต่เมื่อได้สติเขาจึงพยายามเรียกสติของหญิงสาวนิรนามแต่ก็ไม่เป็นผลเสียแล้ว เมื่อสาวเจ้าไม่รู้สึกตัวเขาจึงรีบส่งโรงพยาบาลทันที
หลังจากนายแพทย์หนุ่มออกจากคนป่วย คนที่รอจึงถามขึ้นอย่างร้อนใจ “เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ทีละคำถามสิวะ เล่นถามเยอะแบบนี้จะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนล่ะ”
ธวัชเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าของศรัญวีย์เพื่อนสนิทดูร้อนใจ เขาถึงกับยิ้มอย่างขบขันไม่ได้ หลังจากเพื่อนสนิทพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลและโชคดีที่วันนี้เขาเข้าเวรพอดี
“แกจะมาขำอะไรตอนนี้วะไอ้หมอ ฉันซีเรียสอยู่นะโว้ย”
“แล้วไปทำอีท่าไหนล่ะ ถึงเป็นแบบนี้?” หมอธวัชยังเอ่ยออกมาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ขับรถของฉันปกติ”
“แน่ใจนะว่าแกขับปกติน่ะ?” คนถามแอบเหล่ตามองเพื่อนสนิทเล็กน้อย
“แน่สิวะ ก็เขาเดินไม่ดูรถเองไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า” สีหน้าของคนพูดมีแววกังวลอย่างชัดเจน
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก เย็บแผลแค่ห้าเข็ม ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว แต่เท้าบวมนิดหน่อย คงเดินกระเพลกอีกหลายวัน” นายแพทย์หนุ่มพูดเสียงเรียบ “ทีนี้ก็เลิกห่วงได้แล้ว”
ศรัญวีย์พ่นลมหายใจออกมาออกมาอย่างโล่งอก “ค่อยยังชั่ว”
“จะไปธุระที่ไหนล่ะถึงได้รีบขนาดนั้น?” หมอธวัชยังรบเร้าไม่เลิก
“ไปดูงานที่โรงงาน พอดีงานมีปัญหานิดหน่อย คงจะเรื่องขอขึ้นค่าแรงของลูกจ้างบางรายที่เรียกร้องเท่านั้น แต่ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน เรื่องโรงงานก็เลยให้ผู้จัดการโรงงานดูแลแทน”
“แกทำดีแล้วล่ะวี ชีวิตคนเราสำคัญกว่าเป็นไหน ๆ เรื่องนั้นก็ปล่อยให้ลูกน้องดูแลไปก่อน แต่ไม่มีอะไรมากหรอกสงสัยน้องเขาคงจะตกใจไม่ทันดูรถและแกก็คงจะขับเร็วด้วย...ใช่ไหม”
ศรัญวีย์พยักหน้า “ยังดีที่ว่าฉันมีสติ ไม่อย่างนั้นเละเป็นโจ๊กแน่”
อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ตอนแรกก็คิดจะแกล้งให้เข็ดจะได้เลิกขับรถเร็วเสียที เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ศรัญวีย์เป็นแบบนี้ แต่พอเห็นสีหน้าของเพื่อนแล้วหมอธวัชก็เปลี่ยนใจกลัวอีกฝ่ายจะใจเสีย และเห็นเปรย ๆ ว่างานมีปัญหาจึงไม่อยากให้ปวดหัว เมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทกรำงานหนักจนแทบไม่มีเวลา แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันโดยบังเอิญเช่นนี้
“แกตั้งใจหรือเปล่าวะไอ้วี เลือกชนคนสวยเสียด้วย”
หมอธวัชกระเซ้าทีเล่นทีจริง เพราะเจอกันทีไรเขามักจะแขวะเพื่อนเสมอ ทั้งสองไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันมากนักเพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง แต่วันนี้กลับมาเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้
“จะบ้าหรือไงไอ้หมอ ของแบบนี้มันจะเลือกได้ไงว่ะ”
“ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ถ้าน้องเขาฟื้นก็กลับได้เลย” นายแพทย์หนุ่มหัวเราะขบขัน
“ตกลงฉันไปเยี่ยมได้ยัง”
“แล้วใครห้ามล่ะ” หมอธวัชปรายตามองและอมยิ้มนิด ๆ
ภายในห้องฉุกเฉินหญิงสาวเริ่มได้สติจึงค่อย ๆ ลืมตาด้วยขึ้นมาด้วยศรีษะที่หนักอึ้ง พอเปิดเปลือกตาขึ้นจนเต็มตา จึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับสถานที่แปลกใหม่ ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก่อนจะเริ่มทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็คิดไม่ออก แต่พอจะรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่? เธอเฝ้าถามตัวเองในใจ
เมื่อประตูห้องเปิดเข้ามาพร้อมกับนายแพทย์หนุ่มและยังมีชายหนุ่มอีกคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ดูจากลักษณะท่าทางแล้วจัดได้ว่าเขาเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการทีเดียว คิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสัน ทรงผมถูกจัดทรงมาเป็นอย่างดี ดวงตาคู่นั้นกำลังมองมาที่เธอพอดี แต่เพราะยังรู้สึกมึนศรีษะทำให้เธอละความสนใจจากผู้ชายตรงหน้าทันที
“ฟื้นแล้วหรือครับ?”
คำถามของนายแพทย์หนุ่มทำให้ลัลญ์ลลินมีสติขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นถึงสาเหตุที่เธอมาอยู่ที่โรงพยาบาล
“ไม่ทราบว่าฉันเป็นอะไรคะ ทำไมถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้?”
ศรัญวีย์มองผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะตอบด้วยความรู้สึกผิด “พอดีว่าผมขับรถชนคุณ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ทันระวัง คุณก็เลยต้องเจ็บตัวเพราะผม”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณที่พามาส่งโรงพยาบาล”
เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ค่อยดี เขาจึงเอ่ยขึ้นทันควัน “ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ ผมรับผิดชอบทังหมด”
“ฉันซุ่มซ่านไม่ทันระวังเอง ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ติดใจเอาความ ขอบคุณเรื่องค่าใช้จ่ายและก็เรื่องที่คุณช่วยพาฉันมาส่งโรงพยาบาลค่ะ”
“ผมก็ขอบคุณเช่นกันครับที่คุณไม่ติดใจเอาความ”
หมอธวัชกระแอมเสียงดังก่อนจะเอ่ยขึ้น “พยาบาลทำแผลเรียบร้อยแล้ว หมอตรวจร่างกายไม่มีอะไรน่าห่วง เย็บแผลที่ศรีษะเล็กน้อย และข้อเท้าอักเสบนิดหน่อยนอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร อาจจะต้องพักฟื้นสักสัปดาห์อาการก็ดีขึ้นครับ”
“เป็นสัปดาห์เลยหรือคะ?” ลัลญ์ลลินเอ่ยขึ้นอย่างตกใจและสีหน้าเครียดอย่างมาก
“ครับ...เพราะเท้าคุณยังบวม มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“มะ…ไม่มีคะ”
“ไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะครับ”
ความรู้สึกเบื่อหน่ายเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นอกจากจะตกงานแล้วยังต้องเจ็บตัวอีก ทำไมถึงจะมาเป็นเอาตอนนี้ก็ไม่รู้ ศรัญวีย์พอจะเดาออกว่าผู้หญิงตรงหน้ารู้สึกเช่นไร เขาเองก็ไม่ได้สบายใจนักที่ทำให้คนอื่นต้องเดือนร้อนเพราะความประมาทของตัวเอง
“ขอบใจนะไอ้วัช แล้วฉันจะโทรหา” หมอธวัชยิ้มให้เพื่อนสนิท ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ไม่ทราบว่าคุณ…”
“ฉันลัลญ์ลลินค่ะ ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวกลับนะคะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านนะครับ ไม่ทราบว่าบ้านของคุณอยู่ไหนครับ?”
“ไม่เป็นไรคะ แค่นี้ดิฉันก็เกรงใจมากพอแล้วคะ” ลัลญ์ลลินไม่ไว้ใจนัก ถึงแม้เขาจะมีน้ำใจรับผิดชอบทุกอย่าง แต่เธอก็ไม่วางใจอยู่ดีก่อนจะก้าวลงจากเตียง แต่เท้ายังบวมบวกกับอาการมึนที่ศรีษะทำให้เธอเซถลาทันที
เมื่อเห็นท่าไม่ดีและอาการของเธอยังน่าเป็นห่วง เขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย
“ให้ผมไปส่งเถอะครับ ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้คุณกลับบ้านในสภาพนี้เพราะคุณยังไม่หายดี”
ลัลญ์ลลินมองหน้าเขาอย่างไตร่ตรอง แต่เธอก็ไม่อยากดันทุรัง เพราะยังไงก็คงกลับไม่ไหวอย่างเขาพูดจริง ๆ “ถ้างั้นฉันต้องรบกวนคุณด้วยนะคะ” ในที่สุดเธอก็พูดออกมาอย่างเกรงใจ
“ขอบคุณครับที่ไว้ใจ ผมชื่อศรัญวีย์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เธอพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะยอมให้เขาช่วยพยุงร่างอย่างเต็มใจ จนกระทั่งไปถึงรถ ชายแปลกหน้าก็ยังบฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี เพราะร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้เธอได้ก้าวขึ้นรถคันหรูด้วยความทุลักทุเล แต่พอคิดอะไรขึ้นมาได้ความกลัดกลุ้มที่มีอยู่ในใจทำให้สีหน้าของเธอฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจนแม้จะพยายามกลบเกลื่อนแต่ก็ปิดอีกฝ่ายไม่มิด
เขาเห็นแบบนั้นจึงถามขึ้น “มีอะไรหรือเปล่าครับ ท่าทางคุณดูเครียด ๆ”
“ไม่ทราบว่าเห็นเอกสารกับกระเป๋าสะพายของดิฉันหรือเปล่าค่ะ? พอดีว่ามีเอกสารสำคัญค่ะ”
“ผมเก็บไว้ให้แล้วครับ”
เมื่อทราบคำตอบสีหน้าที่มีแววกังวลก่อนหน้าจึงดีขึ้นมาบ้าง “ขอบคุณมากค่ะ”
+++ฝากติดตามผลงานของดาราวลีด้วยนะคะ ทุกการติดตามและทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจของนักเขียนตัวเล็ก ๆ คนนี้ ขอบพระคุณทุกท่านจากใจค่ะ++++
ความคิดเห็น