คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1++100%(ปัญหาใหญ่)
บทที่ 1+++100%
สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวช่วงบ่ายแก่ ๆ ทำเอาหลายคนต้องปาดเหงื่อกับสภาพอากาศในเมืองไทย แต่สำหรับสาวร่างบางอย่างลัลญ์ลลินต้องยอมทนกับสภาพอากาศแบบนี้ตลอดทั้งวัน เธอเดินทอดน่องหางานด้วยความเหน็ดเหนื่อย โดยไม่รู้เมื่อไหร่จะได้งานทำเสียที หลังจากที่ตกงานเกือบจะสองเดือน ยังไม่มีบริษัทฯไหนเรียกเธอเข้าทำงานแต่ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกท้อเมื่อมีความมุ่งมั่นย่อมมีความหวังเสมอ
ระยะเวลาที่ลัลญ์ลลินตกงานส่งผลกระทบกับครอบครัวเธอไม่น้อย เมื่อเสาหลักของบ้านอย่างเธอต้องตกงานและยังมีภาระอีกมากมายที่ต้องแบกรับ แต่เพราะทนรับกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้จึงยอมลาออกเพื่อตัดปัญหาทุกอย่างจะได้หลุดพ้นจากพวกปากเหยี่ยวปากกาที่คอยนินทาไม่เว้นแต่ละวันที่กล่าวหาว่าเธอใช้เต้าไต่และเป็นเมียลับ ๆ กับเจ้าของบริษัทฯ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต กระทั่งเรื่องไปถึงหูทักษวัลย์ภรรยาของเจ้านายหนุ่มและมาราวีถึงบริษัทฯ จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต เธอจึงตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมงานกลายเป็นเรื่องเอื้อฉาวใหญ่โต เพื่อไม่ให้สถาณการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ เธอจึงตัดสินใจลาออกเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง และเจ้านายหนุ่มอย่างธนากรก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรและยังทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความนับถือและความศรัทธาที่มีต่อเจ้านายหนุ่มจึงจบลงตั้งแต่วินาทีนั้น
คนอย่างลัลญ์ลลินมีศักดิ์ศรีและไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าว่าแย่งสามีคนอื่น!
กระทั่งวันนี้ลัลญ์ลลินออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความรู้สึกเดิม ๆ เมื่อได้รับคำตอบจากผู้สัมภาษณ์เฉกเช่นทุกครั้ง ‘เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับนะคะ’ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหนที่จะต้องตะลอนหางานอยู่แบบนี้ สังคมสมัยนี้การเข้าทำงานในบริษัทฯ ใหญ่ยังใช้เส้นสายอยู่บ้างในการทำงานที่ยังอยู่ในระบบสังคมไทยแต่สำหรับเธอคงไม่มีโอกาสนั้นแม้จะรู้สึกท้ออยู่บ้างแต่ก็ต้องสู้เพื่อทุกคนในครอบครัว
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจังล่ะลิน?” เมื่อกลับถึงบ้านพอมารดาเห็นหน้าเธอก็เอ่ยทักขึ้น
“ช่วงนี้งานไม่ค่อยยุ่งค่ะแม่ ก็เลยกลับเร็ว ว่าแต่วันนี้มีอะไรทานบ้างค่ะ ลินหิวจะแย่แล้ว”
หญิงสาวรีบรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อมารดาถามถึงเรื่องงาน เพราะไม่อยากให้มารดารู้ว่าเธอกำลังตกงานเกรงว่าจะทำให้เครียดเพราะสุขภาพของมารดาไม่ค่อยดีนัก
“วันนี้มาแปลกจังลูกคนนี้ มาถึงก็บ่นหิว”
รัมภาส่ายหน้าไปมาเมื่อลูกสาวคนเล็กเดินเข้ามาในบ้าน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีลัลญ์ลลินก็มักจะอ้อนแบบนี้เสมอ จนเป็นเรื่องเคยชิน แต่นิสัยไม่ยอมใครของลัลญ์ลลินก็ไม่ทิ้งไปไหนไม่รู้ว่าชาตินี้ลูกสาวจะมีแฟนกับเขาหรือเปล่า
“แม่มองลินแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่เลย”
รัมภาหัวเราะ เบา ๆ เมื่อเห็นท่าทีของลูกสาว
“นอกจากจะไม่ตอบยังหัวเราะอีก ถามแบบนี้ลินก็เขินเป็นเหมือนกันนะแม่”
“วันนี้แม่เพิ่งจะได้มองลูกสาวของแม่เต็มตา เพิ่งรู้ว่าโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” รัมภาพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่แม่ว่าช่วงนี้ลินดูซูบ ๆ ไปนะมีอะไรหรือเปล่าลูก?”
คนที่กำลังดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนที่หยิบออกมาจากตู้เย็นถึงกับสำลักเสียงดัง
“อะไรกันน่ะแม่ ร้อยวันพันปีลินไม่เคยเห็นแม่มาสนใจ วันนี้แม่นึกยังไงถึงได้มาจับผิดกัน ลินก็ปกติเหมือนทุกวัน” เธอพูดโดยไม่สบสายตาของมารดา
“ก็แม่ห่วง เห็นลินทำงานเยอะ ควรจะหาเวลาพักบ้าง ทำงานงก ๆ แบบนี้สุขภาพจะแย่เอา”
“เยอะอะไรแม่ ทำงานแค่นี้ ลินไม่เหนื่อยหรอก” เพราะลินกำลังตกงานเธอต่อเองในใจ
“แม่เห็นลินกลับดึกบ่อย ๆ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แม่รู้ว่าลินเหนื่อยแต่ก็ไม่เคยปริปากบ่นและทำเพื่อทุกคนมามากควรหยุดพักบ้างนะลูก แม่เองก็อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรรู้สึกเบื่อเหมือนกันจึงอยากช่วยลินอีกแรง”
รัมภาพูดอย่างอดห่วงไม่ได้เมื่อลัลญ์ลลินทำงานโดยไม่หยุดพัก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทำงานตัวเป็นเกลียว
“โธ่แม่! ลินไม่เหนื่อยเลยอีกอย่างแม่ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แม่เหนื่อยเพราะทุกคนมามากแล้ว ลินอยากให้แม่อยู่เฉย ๆ ต่อไปลินจะดูแลแม่เอง”
ลัลญ์ลินพูดออกมาอย่างหนักแน่น แม้จะมีเรื่องให้กลัดกลุ้มแต่ก็ยังยิ้มร่าให้มารดาเพราะไม่อยากให้ท่านคิดมาก ที่ผ่านมามารดาทำงานหนักมากหาเงินส่งเสียให้เธอเรียนจนจบปริญญาตรี ทั้งที่อาชีพแม่ค้ารายได้ไม่มากนัก แต่มารดาของเธอก็สู้เพื่อลูกทุกคนส่งเสียจนเรียนจบและทำงานทุกคน
“ไม่เหนื่อยหรอกลูก แม่อยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ จะได้ช่วยลินหาเงินมาซ่อมบ้านด้วย”
“เรื่องนั้นไม่แม่ต้องห่วงค่ะ เก็บเงินอีกนิดเดียวก็น่าจะพอซ่อมบ้านได้แล้ว แม่ทำงานหนักเพื่อลินมาทั้งชีวิตแล้ว ทำไมลินจะทำเพื่อแม่บ้างไม่ได้”
“แต่แม่ว่าอย่าเพิ่งซ่อมบ้านเลย มันยังไม่จำเป็นขนาดนั้น ทุกวันนี้ก็มีแต่ลินเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของบ้าน”
“ไม่จำเป็นอะไรแม่ ฝนตกมาที บ้านก็รั่ว มันถึงเวลาต้องซ่อมแล้วค่ะ”
“เอาไว้ให้ลินทำงานอีกสักปีสองปีค่อยซ่อมก็ได้ลูก เผื่อมีเรื่องจำเป็นต้องใช้ แม่ว่าเก็บไว้ก่อนเถอะ”
ลัลญ์ลลินถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมันจริงอย่างที่มารดาพูด เมื่อเธอตกงานเกือบจะสองเดือนแล้วและยังไม่มีวี่แววว่าจะได้งานทำ เงินที่มีอยู่ในตอนนี้ก็เริ่มร่อยหรอเมื่อต้องถอนมาใช้ในแต่ละวันที่ไปสัมภาษณ์งาน ทำให้เธอเริ่มคิดหนักมากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอทั้งนั้น ลำพังพี่ชายก็ทำงานไม่มั่นคงนักเลี้ยงตัวเองก็แทบไม่รอดทำให้เธออดห่วงไม่ได้
“แล้วพี่ลพล่ะแม่” ลัลญ์ลลินรีบเฉไฉไปเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้เมื่อไม่อยากให้มารดาคิดมาก
“ตาลพน่ะหรือ รายนั้นกลับดึกทุกวัน ไม่รู้จะทำงานหามลุ่มหามค่ำไปถึงไหน บ้านช่องก็กลับไม่เป็นเวลา พอถามเข้าหน่อยก็อารมณ์เสีย”
เมื่อพูดถึงบุตรชายคนโตก็ทำให้รัมภาอดห่วงไม่ได้ เพราะทำงานกลับดึกแทบทุกวัน บางวันก็ไม่กลับพอถามก็อ้างว่าต้องเข้ากะดึกและต้องค้างที่บริษัทฯ โชคดีที่เป็นผู้ชายเรื่องค้างอ้างแรมที่อื่นจึงไม่น่าเป็นห่วง แต่รติลพไม่เคยนึกห่วงที่บ้านแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายภายในบ้านก็ไม่เคยสนใจ เพราะคิดว่าลัลญ์ลลินมีหน้าที่การงานที่ดีกว่า แต่คนเป็นแม่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีเมื่อบุตรชายมีหน้าที่การงานที่ไม่มั่นคงและยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้
“ลินไม่เข้าใจจริง ๆ พี่ลพจะทำงานอะไรนักหนาถึงได้กลับดึกเกือบทุกคืนวันหยุดก็อยู่ไม่ติดบ้าน”
“ช่างเถอะลูก ตาลพก็คงไปเที่ยวตามประสาผู้ชายน่ะ อีกหน่อยคงจะคิดได้เอง”
“ไม่สนใจได้ยังไงล่ะแม่ ก็พี่ลพชอบทำตัวแปลก ๆ ”
พักหลังรติลพทำตัวเหมือนมีลับลมคำใน นอกจากไม่ค่อยกลับบ้านแล้ว พอโทรหาก็ไม่ค่อยรับสายอ้างว่างานยุ่งตลอดเวลา พออยู่บ้านก็เก็บตัวเงียบและยังพูดจาน้อยผิดปกติ เธอพยายามจะหาจังหวะคุยแต่ก็ยังไม่มีโอกาส เพราะเธอก็ตระเวนหางานจนแทบไม่มีเวลา ที่สำคัญเธอไม่อยากอยู่บ้านกลัวว่ามารดาจะรู้ความจริงเพราะไม่อยากให้คิดมากเมื่อมารดายังเจ็บออด ๆ แอด ๆ กลัวว่าจะไปกันใหญ่
“ไม่ต้องไปห่วงพี่เขาหรอก ตาลพเป็นผู้ชายคงดูแลตัวเองได้ แต่เรานะสิ วันไหนกลับดึก ๆ แม่ก็อดห่วงไม่ได้ เป็นผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย”
รัมภาพูดออกมาอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะทางเข้าบ้านค่อนข้างเปลี่ยวแม้จะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรแต่ก็ต้องกันไว้ดีกว่าแก้เพราะหากเกิดอะไรขึ้นคงไม่คุ้ม
ลัลญ์ลลินส่งยิ้มให้มารดา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “ช่วงนี้แม่ทานยาบ้างหรือเปล่า?”
“ทานจ๊ะ…แม่ทำตามหมอสั่งทุกอย่างเลยลูก”
สองแม่ลูกคุยกันไม่นานก่อนที่เสียงรถยนต์คุ้นหูจะวิ่งเข้ามาจอดในบ้าน ทำให้การสนทนาสองแม่ลูกต้องหยุดลงชั่วขณะ เมื่อบุคคลที่กำลังพูดถึงก็มาพอดี ทำให้รัมภาแปลกใจไม่น้อยที่รติลพกลับบ้านแต่หัววันแต่ก็ดีเหมือนกันจะได้ทานข้าวกันพร้อมหน้ากันสามคนแม่ลูก
“นั่นไง! พูดถึงตาลพก็มาพอดี” รัมภาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสดชื่น
“วันนี้พี่ลพมาแปลกจัง ทำไมกลับบ้านแต่หัววันได้ล่ะแม่”
“ก็ดีแล้วลูกจะได้ทานข้าวด้วยกัน นาน ๆ จะได้อยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้ แม่น่ะมีความสุขมากเลยรู้ไหมที่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน เราไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันมานานแล้ว”
รัมภาพูดออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเพราะความสุขของคนเป็นแม่คือการได้อยู่พร้อมหน้าลูก ๆ ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นแม่ค้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กอปรกับสุขภาพไม่ค่อยดีและลัลญ์ลลินก็ให้เธอหยุดทำงานทั้งที่ยังไม่อยากหยุดแต่เมื่อลูก ๆ ทำงานกันหมดแล้วจึงไม่มีอะไรให้ห่วงจึงยอมทำตามที่บุตรสาวร้องขอ
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยทักทายทุกคนเมื่อเดินเข้ามาถึงบ้านแต่พอเหลือบไปเห็นน้องสาวรติลพก็รีบเอ่ยทักอย่างดีใจเมื่อไม่ได้เจอกันหลายวันทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน “อ้าวลิน งานไม่ยุ่งเหรอช่วงนี้ ทำไมกลับเร็วจัง?”
“งานไม่ค่อยเร่งน่ะพี่ลพ ก็เลยกลับเร็ว” หญิงสาวโกหกพี่ชายคำโต
“หิวจังเลยครับแม่ มีอะไรทานบ้าง?”
“มาถึงก็บ่นหิวเลยนะพี่ลพ ลินกำลังจะเตรียมอาหารอยู่พอดีเลย พี่ลพมาก็ดีแล้วจะได้ทานพร้อมกัน ถ้างั้นขอเข้าครัวก่อนนะคะ”
พูดจบลัลญ์ลลินก็หายเข้าไปในครัว ปล่อยให้สองแม่ลูกได้คุยกันตามลำพัง
“เร็ว ๆ ด้วยนะลินพี่หิว”
ชายหนุ่มตะโกนตามหลังน้องสาวอย่างอารมณ์ดี แม้ภายในใจไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่นักเมื่อมีเรื่องให้กลัดกลุ้มไม่น้อย บางวันแทบไม่มีสมาธิในการทำงานเพราะปัญหาถาโถมเข้ามาอย่างหนักที่ได้ทำอะไรลงไปโดยไม่ยั้งคิด กระทั่งมันได้ลุกลามจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ทว่าพอถึงตอนนี้แล้วเขาก็ยังไม่สามารถจะแก้ปัญหานั้นได้เลย
ไม่นานอาหารที่เตรียมก็เสร็จเรียบร้อยและเป็นการทานข้าวที่อร่อยกว่าทุกวัน นอกจากจะได้นั่งทานพร้อมหน้ากันแล้วยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน เสียงหัวเราะของรัมภาแทรกขึ้นเป็นระยะที่ได้ยินเรื่องราวของลูก ๆ โดยที่เธอไม่มีวันรู้ว่ารติลพและลัลญ์ลลินกำลังมีปัญหาโดยที่ทั้งสองก็พยายามกลบเกลื่อนความทุกข์ของตัวเอง
“งานเป็นไงบ้างลิน?”
“ก็ดีน่ะพี่ลพ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศอย่างเดียวแต่ถ้าจำเป็นก็ออกข้างนอกบ้างขึ้นอยู่กับงานด้วยล่ะพี่ลพ”
“ก็ดีแล้วจะได้ไม่เหนื่อยมาก แต่ก็ระวังตัวด้วยล่ะหัวหน้าลินเป็นผู้ชายยังไงก็อย่าไว้ใจ”
“ที่ตาลพพูดก็ถูกนะลิน ทำงานกับผู้ชายเราก็ควรระวังตัวให้มาก อย่าได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว พวกเสือพวกตะเข้มันอยู่รอบตัวโดยที่เราก็ไม่รู้” รัมภารู้มาตลอดว่าที่ทำงานของลูกสาวมีผู้ชายเยอะเพราะเป็นบริษัทฯ รับเหมาก่อสร้างแต่ที่ผ่านมาลัลญ์ลลินก็ไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้น่าห่วง
“แม่กับพี่ลพไม่ต้องห่วงหรอกน่า ลินดูแลตัวเองได้ว่าแต่พี่ลพเถอะไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องไปติดสาวที่ไหนหรือเปล่า ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย”
“หล่อและเสน่ห์แรงอย่างพี่ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาใครหรอกลิน จะมีก็แต่สาว ๆ ที่วิ่งหาพี่ ต้องบอกว่าหล่อเลือกได้ถึงจะถูก” คนพูดปรายตามองน้องสาวเล็กน้อยทีเล่นทีจริง
“แหวะ!” ลัลญ์ลลินร้องขึ้นอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ “หลงตัวเองเป็นบ้าเลย แม่ดูลูกชายแม่สิ”
รัมภาหัวเราะถูกใจที่เห็นสองพี่น้องหยอกล้อกัน เจอกันทีไรก็มีเรื่องมากระเซ้าเหย้าแหย่กันไม่หยุดหย่อน สำหรับคนเป็นแม่เห็นพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวก็ทำให้เธอมีความสุขมากแล้ว แม้ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นก็ทำให้เธอสุขใจจนล้นเปี่ยมทีเดียว
“คุยกันจนลืมแม่เลยนะ ถ้างั้นก็คุยกันก่อนแล้วกันแม่เริ่มง่วงแล้วขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน”
เธอไม่พูดเปล่ายังหาวหวอด ๆ บอกถึงอาการง่วงนอน ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปพักผ่อนปล่อยให้สองพี่น้องได้อยู่คุยกันตามลำพัง
หลังจากมารดาขึ้นห้องไปพักผ่อนรติลพก็ถอนหายใจอยู่หลายรอบ แต่กว่าจะพูดออกมาได้เขาต้องรวบรวมความกล้าอย่างถึงขีดสุด หากไม่พูดให้ลัลญ์ลลินฟังก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ตอนนี้เขามืดแปดด้านจะมีก็แต่น้องสาวเพียงคนเดียวที่พอจะช่วยเขาได้ ถึงจะช่วยไม่ได้ทั้งหมดแต่เขาก็เชื่อว่ายังทำให้เขาลืมตาอ้าปากได้บ้าง
“ลิน!”
“มีอะไรหรือเปล่าพี่ลพ? หรือว่าความสวยของลินทำให้พี่ลพตะลึง”
ลัลญ์ลลินยังหัวเราะร่า แต่ในขณะที่อีกฝ่ายฝืนยิ้มจืด ๆ ทำเอาหญิงสาวต้องหุบยิ้มทันที ที่เห็นสีหน้าของพี่ชายเหมือนคนอมทุกข์ ก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย “พี่ลพมีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียดจัง?”
“เปล่าหรอกลิน ไม่มีอะไร”
“พี่ลพอย่ามาโกหกให้ยากเลย หน้าตาของพี่ลพฟ้องเสียขนาดนั้น มีอะไรก็พูดมาเถอะ ถ้าพี่เก็บปัญหาไว้คนเดียวแล้วใครจะช่วยเหลือพี่ได้ล่ะ”
รติลพถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายพูดแทงใจดำอย่างจังเพราะปัญหาบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขคนเดียวได้ ที่ผ่านมาเขามีปัญหาทีไรน้องสาวคนนี้ก็ช่วยเหลือได้ทุกครั้ง
“พี่มีปัญหาเรื่องเงินน่ะลิน” เขาพูดโดยไม่กล้าสบตาก่อนจะพูดต่อ “พอจะมีเงินให้พี่ยืมไหม พี่ยืมไม่นานหรอก แล้วพี่จะรีบเอามาคืนลินให้เร็วที่สุด”
รติลพรู้ว่าลัลญ์ลลินต้องช่วยเขาได้ แต่พออีกฝ่ายไม่ได้โต้ตอบยิ่งทำให้เขามีความหวังมากขึ้น เขารู้ว่าลัลญ์ลลินเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร เพราะข้อนี้เองเขาถึงต้องคุยกับน้องสาวก่อน แม้ว่ามันจะเป็นเงินมหาศาลแต่เขาเชื่อว่าน้องสาวเพียงคนเดียวจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขา
“เท่าไหร่ล่ะพี่ลพ?”
คราวนี้ชายหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกจำนวนเงินหากพูดออกไปคงต้องตกใจแน่ ๆ
“ไม่เท่าไหร่หรอกลิน”
“ถ้าไม่บอก ลินก็ช่วยพี่ลพไม่ได้นะ แล้วจะเอาไปทำอะไร?”
“พี่โดนโกงค่าแชร์น่ะลิน แถมยังโดนเพื่อนร่วมงานยืมเงินแล้วก็ชิ่งลาออกไป ตอนแรกพี่ก็คิดว่าจะขายรถแต่กว่าจะขายได้ก็คงไม่ทัน เจ้าหนีก็เห็นหน้ากันทุกวัน ลินต้องช่วยพี่นะ นอกจากลินแล้วพี่ก็ไม่มีใคร”
เขาโกหกทั้งเพ ไม่อยากบอกความจริงทั้งหมด เพราะพูดออกไปมีหวังลัลญ์ลลินต้องตกใจแน่นอน จึงต้องค่อย ๆตะล่อมจะดีกว่า เพราะเขารู้จุดอ่อนของลัลญ์ลลินดีว่าเป็นคนขี้สงสาร
“ถ้ามันไม่มากจนเกินไปลินก็พอจะช่วยพี่ลพได้ เงินที่ลินมีอยู่มันก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น ลินตั้งใจจะเก็บเงินซ่อมบ้านก่อน แต่ถ้าพี่ลพเดือนร้อนก็เอาไปก่อนก็ได้”
ลัลญ์ลลินไม่ได้บอกเรื่องตกงาน แต่เมื่อพี่ชายมีเรื่องเดือนร้อนจึงอยากช่วยเหลือ เมื่อเห็นท่าทางรติลพเครียดมากคงจะเป็นเรื่องที่หนักพอควรเห็นแล้วก็อดห่วงไม่ได้เมื่อสายตาของพี่ชายมันฟ้องชัดเจน
“ขอบใจนะลิน ที่เข้าใจพี่”
“ก็เรามีกันอยู่สองพี่น้อง ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงลินก็จะช่วย แต่พี่ลพต้องบอกลินมาก่อนว่าจะใช้เงินเท่าไหร่?”
มาถึงขั้นนี้แล้วเป็นไงเป็นกันว่ะ รติลพนับหนึ่งถึงสามในใจ ก่อนจะตอบ “ห้าแสนน่ะลิน”
“อะไรนะ! ห้าแสน”
เธอร้องขึ้นเสียงดังไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้ ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าสิ่งที่พี่ชายพูดนั้นพูดจะเป็นเรื่องจริงทั้งเรื่องค่าแชร์หรือโดนเพื่อนโกงอย่างที่บอกก่อนหน้า มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ยังปิดบังและไม่ยอมพูดความจริง
“ลินต้องช่วยพี่นะ ถ้าไม่มีลินแล้วพี่ก็ไม่มีใคร”
“เงินตั้งมากมายขนาดนี้ลินจะเอามาจากไหนล่ะพี่ลพ แม่ก็เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ต้องใช้เงินเหมือนกันพี่ลพก็น่าจะรู้” เธอมองพี่ชายอย่างไม่ละสายตา “มันมีอะไรมากกว่านี้ใช่ไหมพี่ลพ อย่าโกหกลินให้ยากเลย”
รติลพถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคาดคั้นเอาคำตอบ จะให้เขาบอกความจริงได้อย่างไรกัน ขืนบอกออกไปมีหวังน้องสาวเอาเขาตายแน่ เพราะห้าแสนมันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับหนี้ที่เขาได้ก่อเอาไว้
“ลิน…” ลำคอของเขาแห้งผากทีเดียว
“ลินขอความจริงนะพี่ลพไม่ใช่การโกหก”
ภายในใจของรติลพร้อนลุ่มราวกับไฟสุม หากไม่บอกความจริงลัลญ์ลลินคงไม่ช่วยเขาแน่เพราะเธอมักจะมีเหตุผลเสมอครั้นจะโกหกก็ถูกจับได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันอาจจะถึงชีวิตทีเดียวหากเบี้ยวไม่จ่ายพวกมัน
“คือพี่กับเพื่อนร่วมกันเปิดบริษัทฯน่ะลิน แต่เป็นบริษัทเล็ก ๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเพราะเงินทุนมันมีไม่มากตอนนี้หมุนเงินไม่ทันพี่ก็เลยไปกู้แบงค์ แต่ตอนนี้ก็ช๊อตจริง ๆไม่มีเงินจ่าย พี่กำลังจะถูกดำเนินคดี เพื่อนก็ชิ่งหนีกันหมดแล้วคนที่กู้ก็ดันเป็นพี่มันก็เลยเป็นแบบนี้” สุดท้ายรติลพก็ไม่ยอมเปิดปากพูดความจริง
“พี่ลพแน่ใจนะว่าที่พูดมันคือความจริง”
“แน่ใจสิลิน”
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ลินว่าห้าแสนมันคงไม่ใช่หรอกพี่ลพ แต่ก็เอาเถอะ ลินขอคุยกับแม่ก่อน”
“ไม่ได้นะลิน” เขาร้องขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว ก่อนจะพูดเสียงเบา “อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้นะ”
หากมารดารู้เรื่องเข้าคงเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว นอกจากจะไม่ได้เงินแล้วอาจจะโดนเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ถึงบ้านแน่ พอถึงตอนนั้นมันคงเป็นเรื่องราวใหญ่โตทีเดียว
“แต่แม่ต้องรู้นะพี่ลพ คิดการใหญ่ขนาดนี้ไม่คิดจะปรึกษาแม่บ้างหรือไง หรือว่าพี่ลพมีอะไรอย่างอื่นที่มากกว่านี้แล้วไม่ยอมบอกลิน” เธอสบตาพี่ชายอย่างไม่ละสายตา
“ถ้าพี่บอกแม่ แล้วลินคิดว่าแม่จะเชื่อพี่งั้นสิ” เขาเริ่มใจไม่ดีเมื่อน้องสาวไม่ยอมช่วยเขาง่าย ๆ
“แต่แกต้องช่วยพี่นะ แกยืมเงินจากหัวหน้าแกที่บริษัทฯ ได้ไหม รวยขนาดนั้นเงินแค่ล้านเดียวคงไม่เป็นไรหรอก” ในที่สุดรติลพก็เผลอหลุดออกมาจนได้ เพราะความเครียดทำให้เขาไม่มีสมาธิ
“เมื่อกี้พี่ลพว่าอะไรนะ!” ลัลญ์ลลินมองหน้าพี่ชายอย่างเอาเรื่อง “เงินตั้งล้านลินจะเอามาจากไหน”
“แกจะเสียงดังไปทำไมกันลิน เดี๋ยวแม่ก็รู้กันพอดี”
“ลินไม่มีหรอก เงินเป็นล้าน ๆ แบบนั้น ใครกันจะให้ยืมง่าย ๆ ขนาดนั้น”
“ก็พี่ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้ทั้งธนาคารทั้งเจ้าหนี้เงินกู้ ตามหนี้พี่จ้าละหวั่น”
“ทำไมไม่คิดจะปรึกษาลินบ้างค่ะ กี่ครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้” เธอสุดจะทนกับความไม่ได้เรื่องของพี่ชายไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่เอาปัญหามาให้เธอได้ตลอดทำอะไรก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จและคนที่คอยแก้ปัญหาก็หนีไม่พ้นเธออยู่ดี
ครั้งนี้มันสุดจะทน เธอโกรธจนพูดไม่ออกกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน!
“อย่าโกรธพี่เลยนะลิน พี่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้”
“กี่ครั้งแล้วพี่ลพที่เป็นแบบนี้”
“ลินพี่ขอโทษ” ชายหนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด
ลัลญ์ลลินระงับอารมณ์โกรธอย่างที่สุด มือของเธอเย็นเฉียบ มันเป็นปัญหาที่ใหญ่สำหรับเธอเลยทีเดียว ที่พี่ชายก่อปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ครั้งนี้มันหนักหนาสาหัสเกินกว่า ที่เธอจะแก้ปัญหานี้ได้แต่จะปล่อยให้ปัญหานี้มันบานปลายไม่ได้ เพราะคนที่เดือนร้อนก็คือทุกคนในบ้านโดยเฉพาะมารดาที่ไม่ได้รับรู้ถึงปัญหานี้
“แล้วพี่ลพจะเอายังไงค่ะ?”
“พี่คิดไม่ออกเลยลิน สมองพี่ตื้อไปหมด”
“ลินก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ลินปวดหัว แล้วไม่อยากคิดด้วย”
“ลิน!” เขาร้องขึ้นอย่างอย่างอ่อนแรง
เธอแทบไม่อยากมองหน้าพี่ชาย “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ลินบอกว่าลินปวดหัวไงคะ”
รติลพมองน้องสาวหน้าละห้อย สภาพของเขาตอนนี้เหมือนหมาจนตรอก มองไปทางไหนมันก็มืดไปหมด อีกแค่สัปดาห์เดียวถ้ายังหาเงินไปให้ชูชัยหรือเฮียเซี๊ยะเจ้าพ่อบ่อนการพนันไม่ได้ มีหวังเขาต้องตายสถานเดียว!
“แกไม่คิดจะช่วยพี่บ้างหรือลิน?”
“ขอเวลาคิดก่อนได้ไหมพี่ลพ พูดวันนี้จะเอาตอนนี้ลินไม่มีให้หรอก” เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ปัญหามันรุมล้อมไปหมด นอกจากเธอจะตกงานแล้วยังมีปัญหาของรติลพเพิ่มเข้ามาอีกและเรื่องนี้จะให้มารดาของรู้ไม่ได้
“ลินว่าพี่ลพขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ช่วยกันหาทางแก้ปัญหา”
“พี่ขอโทษนะลิน ที่เอาแต่ปัญหามาให้แกตลอด”
รติลพไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด และร้อนใจเป็นอย่างมากเมื่อน้องสาวไม่ได้มีเงินอย่างที่เขาคิดไว้พลันทำให้เขาเกิดอาการลุกลี้ลุกลนจนผิดสังเกต
“พี่ลพ…” รติลพสะดุ้งสุดตัว “เรียกแค่นี้ทำไมจะต้องตกใจด้วยล่ะ”
“ปะ… เปล่าไม่มีอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ไม่มีอะไรก็ดี อย่าให้ลินรู้นะว่าพี่ลพคิดทำอะไรที่มันไม่ดีอีก แล้วที่กลับบ้านไม่เป็นเวลาล่ำเวลามันคืออะไร? อย่าให้รู้นะพี่ลพ ไม่อย่างนั้นลินเอาพี่ตายแน่”
รติลพโล่งอกขึ้นมาทันทีที่ลัลญ์ลลินไม่ได้คาดคั้นอะไรมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงตายแน่ เพราะรู้ดีว่าหากถูกคาดคั้นที่ไรเขาก็จนมุมทุกที
“ถ้างั้นพี่ขึ้นห้องก่อนนะ”
“เอ้อ!จะไปไหนก็ไป…เชิญ” เธอกระแทกเสียงอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทำให้รติลพรีบสาวเท้าขึ้นห้องทันที
กว่าลัลญ์ลลินจะข่มตาให้หลับได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ปัญหาใหญ่ขนาดนี้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้ เงินที่เธอเก็บมาทั้งชีวิตมันยังไม่เพียงพอกับหนี้สินที่รติลพได้ก่อเอาไว้ด้วยซ้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอทำงานหัวไม่วางหางไม่เว้นเพื่อทุกคนในครอบครัว แต่ในขณะที่พี่ชายตัวดีก็ก็สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนและเธอก็ตามแก้ปัญหาให้ตลอดแต่ครั้งนี้มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอที่ไม่รู้ว่าจะแก้ให้มันผ่านพ้นไปได้อย่างไร
ครั้นจะให้เธอหันหน้าไปพึ่งเจ้านายเก่า ยิ่งเป็นไปไม่ได้แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะช่วยเหลือมาโดยตลอดแต่ทว่าตอนนี้สถานะมันไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อเธอถูกทักษวัลย์มาชี้นิ้วกล่าวหากลางที่ทำงานอย่างไม่ไว้หน้าทั้งที่มันไม่เป็นความจริงสักนิดโดยที่และธนากรก็ไม่ได้รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เธอไม่มีวันยอมก้มหัวให้ผู้ชายสาระเลวคนนั้นอย่างเด็ดขาด!
++ฝากผลงานดาราวลีไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ฝาก Favorite กันเยอะ ๆ นะคะ//ขอบคุณที่รักกันค่ะ ++
ความคิดเห็น