ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอยรัก รอยเสน่หา (ตีพิมพ์สำนักพิมพ์อิ้ง) ฉบับรีไรต์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1++++50%(การกลับมาฉบับรีไรต์)

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 59


    บทที่ 1/1
          
    นกยักษ์ลำใหญ่กำลังทะยานขึ้นสู่อากาศยานน่านฟ้าที่ลอยลำอยู่บนอากาศที่กว้างใหญ่ไพศาล จากลอนดอน
    มุ่งหน้าสู่อากาศยานน่านฟ้าเมืองไทย มีลูกเรือเต็มลำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่โดยสารมากับเที่ยวบินลำนี้ ทว่ามองออกไปจะเห็นท้องฟ้าที่มีเมฆลอยฟูฟองสวยงามราวกับปุยนุ่น เป็นความงามอีกมุมที่เก็บไว้ในความทรงจำสวยงามไม่รู้ลืม ก่อนเสียงสัญญาณเตือนเตือนภัยจะดังขึ้น เมื่อกัปตันประกาศแจ้งลูกเรือโดยสารให้รัดเข็มขัดนิรภัยพร้อมทั้งให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้รบกวนสัญญาณการบินของนกยักษ์ขนาดใหญ่ลำนี้ด้วย

    เมื่อกัปตันเดินทางสู่เส้นทางการบินที่ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง นกยักษ์ขนาดใหญ่จึงค่อย ๆ กดหัวให้ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้มองเห็นดวงไฟสว่างไสวจากหลังคาบ้านเรือนที่มองเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ เป็นสัญญาณที่เดินทางใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเข้าทุกที ก่อนที่กัปตันจะบังคับเจ้านกยักษ์ลงรันเวย์ได้อย่างนุ่มนวลและพานกยักษ์จอดสนิท หลายคนต่างก็ลุกจากที่นั่งเพื่อหยิบจับสัมภาระที่อยู่เหนือศรีษะซึ่งเป็นช่องใส่สัมภาระด้านบนและทยอยออกจากเครื่องบินโดยสาร โดยมีประตูขนาดใหญ่เปิดรอลูกเรือที่เชื่อมต่อกับงวงช้างโดยพนักงานต้อนรับยืนรอส่งลูกเรือด้วยรอยยิ้มสดใส กระทั่งลูกเรือคนสุดท้ายที่เดินออกมาหลังจากนกยักษ์ฝ่าแรงโน้มถ่วงของโลกนานหนายชั่วโมงและถึงปลายทางอย่างปลอดภัย

    กวินภัทร อัศวะวรนันท์ ชายหนุ่มวัย 34 ปีกำลังเข็นสัมภาระของตัวเองหลังจากที่เดินทางมาเป็นเวลาอันยาวนาน เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้กลับมาเมืองไทยแผ่นดินเกิดของตัวเองและเซอร์ไพรส์สุด ๆ เมื่อไม่ได้แจ้งข่าวให้ทางบ้านรับทราบกับการกลับมาอยู่อย่างถาวร บุคคลิกและหน้าตาของชายหนุ่มโดดเด่นเป็นสง่าจนตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน ร่างสูงโปร่งสมส่วนใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอมชมพูได้รูปจึงไม่แปลกนักที่จะตกเป็นเป้าสายตา แม้ว่าใบหน้าจะถูกสวมทับด้วยแว่นกันแดดสีดำก็ตาม แต่สำหรับเพลย์บอยหนุ่มกลับไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้นสักนิด หล่อเลือกได้อย่างเขาไม่จำเป็นต้องทอดมองผู้หญิงให้เสียสายตา เพราะชีวิตเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงเพียงกระดิกนิ้วนิดเดียวก็แทบจะกระโจนเข้าหาเลยทีเดียว เขาจึง ใช้ชีวิตโสดอย่างคุ้มค่า ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเปรียบเสมือนของเล่นที่เบื่อแล้วจะสลัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะผู้หญิงยุคนี้สมัยนี้หาความเป็นกุลสตรีนั้นยากเหลือเกิน จนมองแทบไม่เห็นค่า อาจจะเพราะเหตุนี้ทำให้กวินภัทรไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานและยังสนุกกับการเป็นหนุ่มโสดจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตคู่อย่างเด็ดขาด หากไม่ติดว่าต้องกลับมาบริหารกิจการต่อจากผู้เป็นบิดาที่อายุเพิ่มขึ้นทุกวันแล้วล่ะก็ เขาอาจจะอยู่ที่ต่างประเทศเป็นการถาวร แต่ด้วยภาระหน้าที่ของบุตรชายคนโตจึงต้องรับหน้าที่อันใหญ่ยิ่งที่เขาไม่สามารถที่จะต่อรองมารดาได้อีกและบิดาก็สุขภาพไม่ค่อยดี เขาไม่อยากเป็นลูกชายที่ไม่เอาถ่านจึงรับหน้าที่นี้อย่างหลีกหนีไม่ได้

    กวินภัทรพยายามมองหาเพื่อนสนิทที่มารับเขาที่สนามบิน แต่ก็ยังไม่เจอเสียที เขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจแต่อย่างใดเพราะรู้จักนิสัยภานุทัตน์เพื่อนสนิทเป็นอย่างดีว่าเป็นเช่นไร ระยะเวลาที่ทั้งสองคบกันมายาวนานทำให้รู้จักนิสัยใจคอกันดีที่มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่างจึงได้ครองตัวเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้ จะแตกต่างก็แต่ภานุทัตน์ที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของ ตระกูลเกียรติวรางค์กุล ในขณะที่เขาเป็นบุตรชายคนโตและยังมีน้องสาวอีกคนที่เพื่อนสนิทเข้ากับน้องสาวเข้าได้ดีทำให้เขาไม่ไว้ใจกลัวว่าน้องสาวจะมีใจให้เพื่อนสนิทจอมเจ้าชู้ เพราะขึ้นชื่อเหลือเกินโดยเฉพาะเรื่องฉาว ๆ ที่ตกเป็นข่าวจนไม่น่าไว้ใจเขาจึงกันท่าไม่ให้ทั้งสองใกล้ชิดกันเกินงามเพราะกวินตรายังเด็กพอที่จะรับรู้เรื่องเหล่านี้ได้

    “เฮ้ย! วินทางนี้” 

    น้ำเสียงที่คุ้นหูทำให้กวินภัทรมองหาต้นเสียงนั้น เขามองซ้ายมองขวาไปตามเสียงแต่ก็ยังไม่พบเจ้าของเสียง ด้วยผู้คนที่อยู่ในสนามบินจำนวนหนาแน่นทุกวัน ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นเจ้าของเสียงนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะเรีกกซ้ำอีกครั้ง

    “วิน ทางนี้โว้ย”       

    เมื่อเสียงเรียกอีกครั้งทำให้เขาแน่ใจว่าไม่ผิดคนแน่ ๆ เขาถึงกับยิ้มอย่างยินดีที่ไม่ได้เจอกันนานและพยายามมองหาอีกครั้งแต่กว่าจะหากันจนเจอก็ทำให้ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลักทีเดียว พอเห็นหน้าเพื่อนสนิทก็ทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นทันที

    ภานุทัตน์บินกลับมาเมืองไทยก่อนเขา 6 เดือนจึงไม่ได้คุยกันเท่าที่ควรเมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีภารกิจของตัวเอง และ ช่วงเวลานั้นทำให้กวินภัทรได้ทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างจนมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจกลับเมืองไทยโดยไม่ได้แจ้งให้ที่บ้านทราบเพราะต้องการเซอร์ไพรส์นั่นเองจึงเลือกที่จะโทรบอกภานุทัตน์คนเดียว ทำเอาเจ้าตัวดีใจไม่น้อยที่เพื่อนสนิทอย่างกวินภัทรตัดสินใจกลับมาอย่างถาวรและการกลับมาครั้งนี้ยังมาสานต่อกิจการของครอบครัวถึงขั้นยอมสละกับงานที่รักเพื่อกิจการของครอบครัว

    “ทำไมมาถึงช้าจังว่ะ ฉันนึกว่าแกจะไม่มาเสียอีก”

    เมื่อเห็นหน้าเพื่อนสนิท ภานุทัตน์รีบทักทายด้วยความร้อนใจ

    นิสัยใจร้อนของเพื่อนสนิททำให้กวินภัทรส่ายหัวไปมาและหัวเราะในลำคอเบา ๆ ไม่เจอกันนานนิสัยใจร้อนของภานุทัตน์ก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

    “โทษทีว่ะนุ พอดีว่าเครื่องดีเลย์ตั้งแต่อยู่ที่ลอนดอนก็เลยเหรดไปหน่อย อีกอย่างอากาศก็ไม่ค่อยอำนวยด้วย ว่าแต่แกเถอะมารอฉันนานหรือยัง”

    “ไม่นานหรอก” อีกฝ่ายยักไหล่เบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “แกจัดการกับธุระที่โน่นเรียบร้อยดีไหม”

    “เรียบร้อยไม่ติดปัญหาอะไร แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายเหมือนกันว่ะ”

    งานที่กวินภัทรเคยวาดฝันและเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เมื่อได้รับโอกาสเขาก็ตัดสินใจทำทันทีโดยไม่คิดอะไร แต่ด้วยภาระและหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่รออยู่ จึงยอมลาออกจากงานที่เขารักด้วยความรู้สึกเสียดาย เพื่อกลับมาสานต่อกิจการจากผู้เป็นบิดาของตระกูลอัศวะวรนันท์

    “เสียดายไปก็เท่านั้น เพราะยังไงแกก็ต้องมาบริหารกิจการต่อจากพ่อแก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องมา”

    “มันก็ใช่ แต่ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วแบบนี้นี่หว่า”

    กวินภัทรหัวเราะ อย่างไม่เต็มเสียงนัก

    “เอาน่าได้อย่างก็ต้องเสียอย่างมันเป็นสัจธรรม ฉันก็ยังไม่อยากแต่ทนแม่ฉันรบเร้าไม่ไหว สุดท้ายฉันก็ต้องมา”

    “แม่แกสบายดีนะนุ”

    “สบายดี ตอนนี้ก็จะหาเมียให้ฉันท่าเดียวกลัวว่าฉันจะไม่แต่งงาน ไม่เข้าใจแม่ฉันจริง ๆ ว่าทำไมจะต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ไม่รู้ เรื่องนี้มันไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลยนะวิน แต่แกมาก็ดีแล้วฉันจะได้ไม่เหงา”

    “ปกติไม่มีฉันแกก็เที่ยวของแกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่ะ ฉันกลับมามันต่างกันยังไง” กวินภัทรปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอยขึ้น “ที่แม่แกพูดก็ดูเข้าท่าดีนะ แกน่าจะหาเมียสักคน เผื่อจะได้มีหลานให้แม่แกเร็ว ๆ ท่านจะได้ไม่เหงา”

    ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายังชายตามองเพื่อนและหัวเราะอย่างมีความสุข เห็นหน้ากันทีไรก็อดที่จะแขวะไม่ได้ทุกที  เพราะภานุทัตน์ครองตัวโสดมานานไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน จนเขาชักอยากจะแกล้งเสียให้เข็ด

    “เออน่า” ภานุทัตน์เสียงสูง “ยังไงมันก็ไม่เข้าท่าอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงที่นี่คิดจะงาบแต่ผู้ชายรวย ๆ แต่บทจะง่ายก็แสนง่าย เล่นคลานขึ้นเตียงก็มีเยอะแยะไป บางรายแม่งเล่นตัวชะมัดที่นี่กับที่ลอนดอนมันไม่ได้เหมือนกันนี่หว่า”

    ภานุทัตน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “ไม่เหมือนกันยังไง”

    “ก็ ภานุทัตน์พูดไม่ออก

    กวินภัทรจึงรีบพูดสวนทันที                “ตอนนี้คั่วไปกี่คนแล้วล่ะ หรือจะเถียง”

    ได้ทีเขารีบเหน็บแหนมเพื่อนสนิทเสียไม่ได้ ทำให้คนที่ฟังอยู่ยิ้มเยาะอย่างอารมณ์ดี

    “ไม่เท่าไหร่หรอกน่า” เขาพูดเสียงสูง “ว่าแต่แกเถอะมาเหนื่อย ๆ จะหาอะไรทานก่อนไหม หรือว่าจะให้ฉันไปส่งแกที่บ้านเลย”

    กวินภัทรครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนจะพูดต่อ “ยังไม่อยากเข้าบ้านว่ะ เอาเป็นว่าแกไปส่งฉันที่คอนโดก่อนแล้วกัน”

    “เอางั้นเหรอ มันจะดีหรือวิน”

    “เถอะน่ามันต้องดีสิว่ะ หรือแกไม่ดีใจที่จะฉลองการกลับมาของฉัน เราไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้วนะ ไปนั่งดื่มนั่งฟังเพลงให้มันผ่อนคลายดีเหมือนกันหรือแกว่าไง?” 

    กวินภัทรยิ้มเล็กน้อยพร้อมทั้งเหล่ตาไปมองอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน ลองได้ชวนทีไร ไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว

    ตอนแรกคิดว่าเพื่อนมาเหนื่อยคงอยากจะพักผ่อนจึงไม่อยากกวน แต่ทว่าเมื่อเพื่อนเป็นคนเปิดทางมาขนาดนี้จะให้เขาปฏิเสธได้อย่างไรกัน เมื่อเจ้าตัวเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสียเองจึงไม่คิดจะขัดใจ และยังเข้าใจดีอีกด้วยว่าเพื่อนรักยังไม่พร้อมที่จะกลับเข้าบ้านในตอนนี้

    “ถ้าแกไม่เหนื่อยฉันก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วไอ้เพื่อนรัก เพราะฉันกำลังติดใจสาว ๆ ที่ร้านนั้นอยู่พอดี การันตีเลยนะโว้ยว่าสวย ๆ กันทั้งนั้นโดยเฉพาะพวกดารายังงี้เลย” ภานุทัตน์ไม่พูดเปล่ายังชูนิ้วโป้งเพื่อยืนยัน

    กวินภัทรต้องหัวเราะและส่ายหัวไปมากับความกะล่อนของเพื่อนรักไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเหมือนเดิม

    “ถ้าแกรับประกันขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ไปพิสูจน์เห็นทีคงจะไม่ได้แล้วสิ ฉันชักสงสัยแล้วสิ ว่าแกกำลังติดพันธ์สาวคนไหนอยู่หรือเปล่าลีลาคงไม่เบาใช่ไหม แกถึงไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ หรือว่าฉันพูดผิด”  คนรู้ทันรีบพูดดักคอ

    “ถูกต้องเป๊ะเลยว่ะ ทั้งดาราแล้วก็พริตตี้นะโว้ย อยากได้ใครเลือกได้เลย”

    “ดูมันง่ายขนาดนั้นเลย”

    “เออสิว่ะ”

    คนฟังหัวเราะอย่างขบขัน “เข้าท่าว่ะ”

    “ผู้หญิงพวกนี้นะวิน ขอแค่มีเงินก็แทบจะคลานเข้ามา ไม่ว่าดาราหรือนางแบบจะสวยขนาดไหนถ้ามีเงินเปย์ให้หล่อนแบบไม่อั้น ฉันรับรองว่าไม่พลาดสักราย”

    “ผู้หญิงสมัยนี้เห็นแก่เงินขนาดนี้เลยหรือวะ ถึงขั้นต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินโดยที่ไม่เห็นค่าตัวเอง”

    คราวนี้ภานุทัตน์หันมามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

    “ไม่เจอกัน 6 เดือน แกดูแปลก ๆ นะวิน ถ้าแกจะหาสาวบริสุทธิ์สมัยนี้ เห็นทีจะยากว่ะมันยุคไหนสมัยไหนแล้ว”

    “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ก็แค่พูดให้แกฟังเฉย ๆ  อีกอย่างที่นี่ก็เมืองไทย มันก็น่าจะหลงเหลือบ้างแต่ก็อย่างว่าแหละฉันไม่ได้กลับมานาน มันอาจจะเปลี่ยนไป ที่ว่าสวย ๆ ของแกน่ะไม่เป็นเมียน้อยก็เป็นเด็กเสี่ยกันทั้งนั้น”

    เขาพูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง แม้จะมีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่ในใจลึก ๆ แล้วเขาก็อยากจะมีผู้หญิงที่ดีสักคนและไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน แต่เพราะสังคมสมัยนี้ทำให้เขาไม่คิดอยากจะจริงใจกับใคร เมื่อผู้หญิงสมัยนี้หาค่าแทบไม่มี ทำให้ความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงนั้นเหมือนของเล่นและไม่คิดจะจริงใจกับใคร

    “ที่แกพูดมันก็ถูก แต่ฉันก็คิดว่าผู้หญิงแบบนั้น ฉันไม่คิดที่จะเอามาเป็นแม่ของลูกเสียหน่อย แต่ระดับนี้แล้วไม่ทิ้งไข่ไว้เรี่ยราดแน่นอน”

    “ครับพ่อคนเก่ง” เขาลากเสียงสูง “เก่งให้มันตลอดแล้วกัน” เขาประชดขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “คืนนี้ฉันยังไม่มีรถใช้ห้ามแกหิ้วสาวกลับบ้านโดยเด็ดขาด” 

    ภานุทัตน์กลับยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนที่จะเดินไปที่รถสปอร์ตคันหรูและขับมาส่งกวินภัทรที่คอนโด

    “ขอบใจมากนะนุ”

    “แก่แน่ใจนะวินว่าจะไม่กลับบ้านจริง ๆ น่ะ”

    “แน่ใจสิว่ะ”

    “งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวฉันโทรหา ส่งแกแค่นี้นะ”

    “อืม”

    ภานุทัตน์มาส่งกวินภัทรที่คอนโด ไม่นานก็เอ่ยขอตัวกลับเพื่อให้เพื่อนได้อยู่กับตัวเองและพักผ่อนไปด้วย

    เมื่อมาถึงคอนโดชายหนุ่มก็สำรวจห้องของตัวเอง ทุกอย่างยังอยู่ครบและยังเหมือนเดิมทุกอย่าง มารดาของเขาคงสั่งให้แม่บ้านดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย
     

                   *ฝากผลงานเรื่องรอยรัก รอยเสน่หาด้วยนะคะ ติดตามและ Favorite กันเยอะ ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวเล็ก ๆ คนนี้ด้วยนะคะ*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×