คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16 : Kiss real !
“ให้มันได้อย่างที่พูดนะคร้าบ~” งินพูดลางเสียงอย่างกวนๆอยู่ๆรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาและหน้าก็แดงกล่ำเพราะพิษไข้
“คุณเร็ตสึชั้น...” รันงิคุพูดไม่ทันจบก็ล้มลงไปอีกครั้งแต่ดีที่ได้งินรับร่างของเธอเอาไว้ ส่วนเร็ตสึพูดถอนหายใจออกมาก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมา
“จูชีโร่ เบอร์บริษัทของงานที่รับมาล่าสุดน่ะ จำได้มั้ย” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนจูชิโร่ก็เอากระดาษออกมาและยื่นให้
จากนั้น
“ชั้นต้องขอโทษจริงนะคะ คือว่ารันงิคุจัง ไม่ไหวจริงๆน่ะค่ะ....คุณพอจะ....ให้โมโมะจังไปแทนได้มั้ยคะ” เร็ตสึพูดขึ้นโมโมะก็สะดุ้งโหยงในทันที
“อ๋อ โมโมะจัง ที่ว่าตอนนี้เล่นหนังกับ พวกชูเฮย์คังใช่มั้ย ท่าคนนั้นล่ะก็เอามาเลย!!!” ชายหนุ่มพูดพลางดีใจส่วนโมโมะก็เงียบไปในทันที
“ขอบคุณมากค่ะ.....(วางสายไป)/โมโมะจัง ไปกันเถอะ” เร็ตสึหันมาพูดกับโมโมะทันทีที่พูดจบและโมโมะก็สะดุ้งและโทชีโร่ก็ทำหน้าหน่ายๆ
“ช่ะ ชั้นทำไม่ได้หรอกค่ะ ชั้นไม่เคยถ่ายแบบสักหน่อย” โมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเร็ตสึก็เอามือลูบศีรษะเบาๆ
“เอาน่า” เร็ตสึพูดก่อนที่จะเดินลงไปส่วนจูชีโร่ก็เอามือมาวางที่ศีรษะเธอเบาๆ
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก และทำตามที่เขาบอกก็พอแล้วแหละนะ” จูชีโร่พูดพลางเอามือลูบศีรษะเธอเบาๆส่วนโมโมะก็พยักหน้ารับแล้วยังลังเลอยู่
“อะไรกัน คิดจะยอมแพ้พี่สาวเธอรึไง เมื่อก่อหน้านี้บอกว่าจะไม่ยอมแพ้ไง” โทชีโร่พูดพลางมองมาที่หนังสือการ์ตูนส่วนโมโมะก็ถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะเดินออกไป ส่วนโทชีโร่ก็อมยิ้มบางๆ
“แหม~ คิดอะไรกับโมโมะจังรึป่าว” งินถามอย่างกวนๆส่วนโทชีโร่ก็หน้าแดงกล่ำในทันที
“ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” โทชีโร่พูดจบก็ดึงหนังสือการ์ตูนจากงินมาและเดินเข้าห้องไปในทันที
“เดี๋ยวสิ ชั้นยังอ่านไม่จบเลย” งินพูดเรียกโทชีโร่อย่างไม่สบอารมณ์ส่วนรันงิคุก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“พี่น้อง สนิทกันจังเลยนะ” รันงิคุพูดเบาๆส่วนจูชีโร่ก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนที่จะพูดกับงินว่า
“งินวันนี้มีถ่ายคู่กับ อลิซ ไม่ใช่เหรอไม่รีบไปเดี๋ยวจะถูกว่าเอานะ” จูชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและยิ้มให้ส่วนงินก็สะดุ้งโหยงก่อนที่จะคว้าแว่นและผ้าพันคอวิ่งออกไปในทันที ส่วนโทชีโร่ที่อยู่ในห้องก็ไม่ใช่ว่าไม่มีงาน แต่เพียงออกช้าเท่านั้น
“โทชีโร่คุง ตอนเที่ยงห้ามลืมนะ” จูชีโร่ตะโกนเข้าไปบอกอย่างยิ้มๆส่วนโทชีโร่ก็ไม่ตอบอะไรกลับมาแต่จูชีโร่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“รันงิคุจังชั้นว่านะเธอขึ้นไปนอนดีกว่านะ ลุกไหวมั้ย” จูชีโร่พูดหลังจากที่เอามือแตะที่หน้าผากเธอเบาๆส่วนรันงิคุที่หน้าแดงกล่ำและจูชีโร่ก็พยุงเธอให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ
เมื่อถึงห้อง
“ขอบคุณค่ะ” รันงิคุพูดก่อนที่นอนลงส่วนจูชีโร่ก็เอามือลูบศีรษะเธอเบาๆก่อนที่จะเดินออกไป
“เอ่อ คุณจูชิโร่คะ คือชั้นมีเรื่องจะถามหน่อย” รันงิคุพูดพลางดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งส่วนจูชีโร่ก็หันมามอง
“ว่ามาสิ” จูชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและรันงิคุก็เอ่ยต่อไปว่า
“คือว่า พวก อิจิโกะคุง ร่วมถึงคนอื่นๆ เป็นเด็กกำพร้าทั้งหมดจริงๆเหรอคะ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนจูชีโร่ก็เอามือเกาศีรษะเล็กน้อย
“ก็ไม่เชิงเด็กกำพร้าหรอกนะ/แล้วทำไมพวกคุณถึงได้รู้เรื่องในอดีตของพวกเขาได้ล่ะคะ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่จริวจังส่วนจูชีโร่ก็สะดุ้งเล็กน้อย
“เธอนอนพักเถอะ แล้วก็อย่าถามเรื่องแบบนี้อีกเลยนะ” จูชีโร่พูดจบก็เดินออกไปในทันทีส่วนงินที่คิดว่าดูข้างล่างก็ยืนแอบฟังอยู่ตลอดเวลาเมื่อจูชีโร่เปิดประตูออกมางินก็เข้าไปตรงหลังประตูในทันที
‘ที่เหลือก็แค่หลักฐาน’ งินพูดก่อนที่จะมองซ้ายมองขวาและก็คิดอะไรบ้างอย่างออกมาจึงเดินไปที่รันงิคุก่อนที่จะดันตัวเธอให้นอนลง
“นี่นาย ใครให้เข้ามามิทราบ ออกไปเดี๋ยวนี้” รันงิคุพูดขึ้นในทันทีและตกใจมากเพราะอยู่ๆงินก็โถ้มเข้าใส่ตัวเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“ขอเส้นนึ่งนะ” งินพูดก่อนที่จะดึงผมรันงิคุออกมา “ไอบ้านี่ อะไรของนายชั้นเจ็บนะ” รันงิคุยัไม่ทันได้ต่อว่าอะไรมากมายงินก็วิ่งออกไปซะแล้ว
“อะไรของเจ้านั่นน่ะ” รันงิคุพูดก่อนที่จะล้มตัวลงนอนอย่างโล่งใจที่งินไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอ
ก็เดินเข้าไปที่ห้องของโมโมะก่อนที่จะก้มลงที่พื้น
“มันต้องมีบ้างสิ อยู่ไหนนะ แค่เศษเล็บก็ได้” งินพูดออกมาเบาและและงินก็เก็บเส้นผมสีดำขึ้นมาดูอยู่ครู่นึ่ง
“นี่ไง”
งินที่วิ่งลงมาก็รีบเอาผ้าเช็คหน้าห่อเส้นผมทั้ง 2 เส้นไว้ ก่อนที่จะวิ่งลงไปจากสำนักงาน ส่วนจูชีโร่ก็ห้ามไว้ไม่ทัน เพราะงินวิ่งเร็วมากนั้นเอง เหอๆ
“งินคุง ถ้าจะไปข้างนอกล่ะก็รีบกลับมาด้วยนะ” จูชีโร่ตะโกนลงไปส่วนงินก็วิ่งลงไปอย่างไม่สนใจหันกลับขึ้นมามองเลยทีเดียว
ทางด้านชูเฮย์กับเนมที่ในวันนี้ถ่ายฉากสุดท้าย (นานาโอะกับอิซึรุอยู่ด้วย ผู้จัดการไม่อยู่)
“เนมฉากสุดท้ายแล้วนะ คงไม่เครียดนะ เรื่องจูบน่ะ” นานาโอะถามเนมที่กำลังจะหวีผมอย่างเป็นห่วงส่วนเนมกลับยิ้ม
“ถูกเจ้านั่น จูบไปครั้งนึ่งแล้วนี่นา จะกลัวอะไรอีกล่ะ” เนมพูดพลางยิ้มให้นานาโอะ
“นั่นสินะ” นานาโอะพูดพลางยิ้มให้เธออย่างสดใส
“ชั้นคิดว่านะ อย่างเจ้าหมอนั่นน่ะ คงไม่จูบจริงอีกเป็นครั้งที่ 2 หรอก ถึงพูดออกมาคงไม่จริงหรอก” เนมพูดออกมาอย่างสบายอารมณ์
จากนั้น
“เนม วันนี้ว่างรึป่าว” ชูเฮย์กระซิบถามข้างหู
“ก็ว่าง ถ่ายฉากนี้เสร็จ ก็ว่างทั้งวันเลย” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบส่วนชูเฮย์ก้ยิ้มก่อนที่จะบอกไปอีกว่า
“ชั้นจะไปเล่นบอลที่สนามโรงเรียนน่ะ ไปด้วยกันมั้ย” ชูเฮย์ถามจบเนมก็ลังเลเล็กน้อย
“เดี๋ยวดูก่อนแล้วกัน” เนมพูดพลางยิ้มให้ส่วนชูฮ์ก็เอามือขยี้หัวเธอเบาๆก่อนที่จะเดินเข้าไปฉาก
“เนมจัง เร็วหน่อยสิ” หญิงสาวคนนึ่งพูดขึ้นส่วนเนมก็รีบเดินเข้าไปในทันที ซึ่งตอนนี้เป็นบรรยากาศของห้องเรียนในช่วงเช้าที่สว่างและไม่มีใครอยู่ในห้อง
“พร้อมนะ.....(หน้ากับชูเฮย์พยักหน้ารับ....) แอ็กชั่น!!!!!!!!!!” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดังลั่นส่วนเนมก็เงยหน้าขึ้นในทันที
“โซกิคุงคือชั้นน่ะรักโซกิคุงจริงๆนะ....ชั้นอยากจะอยู่กับโซกิคุง....ช่วงที่เลิกกันน่ะรู้มั้ยว่าชั้นคิดถึงนายขนาด...” เนมพูดออกมาอย่างเขินๆนิดๆและชูเฮย์ก็เล่นไปตามบทคือ....เอามือมาจับที่ใบหน้าและรูดเส้นผมเธอเบาๆ
“แล้วคิดว่า...ชั้นไม่คิดถึงเธอรึไง...เธอน่ะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น...(เนมทำหน้ามุ้ยนิดๆตามบท)... แต่นี่แหละชั้นถึงรักเธอ” เขาพูดจบเนมก็หน้าแดงไปในทันที (นอกบทนะอันนะ) ชูเฮย์ก็ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยและค่อยๆเอามือขึ้นมาจับช่วงแก้มของเธอซึ่งเป็นการปิดริมฝีปากของเธอส่วนเนมโล่งใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลงเพราะทุกทีที่มีฉากจูบชูเฮย์จะทำแบบนี้ทุกครั้ง หรืออีกความหมายคือไม่ได้จูบจริง แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นจึงกำลังจะสั่งคัตแต่ชูเฮย์ก็มือลงมาซะก่อนทำให้เห็นภาพที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอยู่จึงทำให้ชายหนุ่มนั่งลงในทันที ส่วนอิซึรุกับนานาโอะก็ถึงกับอึ้ง ส่วนเนมคราวนี้กลับเอามือจับที่หน้าเบาๆส่วนอีกข้างก็จับขอบหน้าต่างไว้ ส่วนชูเฮย์เอามือขวาลูบที่ต้นคอเธอเบาๆส่วนอีกข้างก็ล้วงกระเป๋า ซึ่ง...ตามบท
“คัต ปิดกล้อง เก่งมากครับเด็กๆ” ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะปรบมือให้ส่วนทั้งคู่ก็ถอนริมฝีปากออกจากกันอย่างช้าๆและตอนนี้ก็หน้าแดงกันเล็กน้อย เนมเอามือลูบที่ริมฝีปากเบาๆก่อนที่จะพูดไปว่า
“จ่ะ จ่ะ จะจูบจริง ทำไมไม่รู้จักบอกชั้นก่อน เกือบตั้งตัวไม่ทัน” เนมพูดพลางหลบสายตาชูเฮย์อย่างเขินๆส่วนชูเฮย์เอามือปิดปากตัวเอง
“ก่ะ ก็อยาก น่ารัก ทำไม” ชูเฮย์เขินๆส่วนเนมก็หน้าแดงกล่ำ
“ไม่รู้ด้วยแล้ว ชั้นจะไม่ไปดูนายเล่นบอลแล้วด้วย” เนมพูดอย่างเขินๆก่อนที่จะวิ่งไปเพราะความเขิน ส่วนชูเฮย์ก็เขินเช่นกัน
“ร้ายไม่ใช่เล่นนะครับ รุ่นพี่” อิซึรุที่เดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนชูเฮย์ก็หน้าแดงกล่ำ
“รู้สึกว่าจะชวยโอกาส จูบพี่เนม ครั้งนี้ครั้งที่ 2 แล้วนะครับ” อิซึรุพูดและทำหน้าเจ้าเล่ห์ส่วนชูเฮย์ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะใช้มือฝาดเข้าไปที่ศีรษะอิซึรุก่อนที่จะเดินไป ส่วนอิซึรุก็เอามือลูบศีรษะตัวเองเบาๆ
ทางด้านเนม
“กะแล้วเชียวว่า ชูเฮย์ ต้องจูบจริง เพลย์บอยตัวลูก ขนาดนั้นน่ะ” นานาโอะพูดขึ้นและถอนหายใจอย่างหน่ายๆส่วนเนมก็เอายางรัดผมออกและเอาหวีขึ้นมาหวีผม
จากนั้น
“นี่เนม เธอคิดจะกลับไปคบกับชูเฮย์มั้ย” นานาโอะถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเนมที่กินน้ำอยู่ก็ถึงกับสำลัก
“ข่ะ คือว่า ความจริงแล้ว...ตอนนี้ก็คบกันแล้วน่ะ” เนมพูดอย่างเขินๆส่วนนานาโอะก็สะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
“ง่ะ งั้นก็ดีแล้วแหละ ชั้นคิดว่าครั้งนี้ชูเฮย์คงสนใจเธอมากขึ้นนะ...” นานาโอะพูดไม่ทันขาดคำเสียงของชูเฮย์ก็ดงออกมาจากข้างนอก
“เนม ตกลงจะไปมั้ย” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเนมก็สะดุ้งในทันที
“รอแปบนึ่ง” เนมพูดก่อนที่จะเก็บกระเป๋าส่วนนานาโอะก้ยิ้มบางๆ
“ยังไงก็อย่ากลับดึกเชียวนะ” นานาโอะพูดจบเนมก็หันยิ้มให้ก่อนที่จะคว้าเสื้อคลุมและเดินออกไปและเนมก็ชนกับชูเฮย์ที่รออยู่หน้าห้อง
“ท่ะ โทษที” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและตอนนี้ก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียวส่วนชูเฮย์ก็ทำหน้าไม่สบอารมร์เล็กน้อย
“เปลี่ยนใจแล้ว ไปเดินเล่นกันดีกว่า” ชูเฮย์พูดจบก็ลากเธอออกไปในทันที ส่วนเนมก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรกลับ
เมื่ออกมาแล้วเดินออกมาตามาทาง ชูเฮย์ที่มองซ้ายมองขวาแล้วเอามือหมวกจากเสียงด้านหลังขึ้นมาปิดหน้าอย่างมิดชิด เนมเองก็เช่นกัน เพียงแต่เนมใส่แว่นกันแดดด้วย ชูเฮย์ก็ทำท่าเหมือนไม่คิดที่จะจูงมือเธอเลยสักครั้งเดียว และปล่อยให้เนมเดินตามหลังต้อยๆ
“ไงน้องสาว ไปไหนคนเดียวเหรอจ๊ะ” อยู่ก็มีเสียงของชายหนุ่มคนนึ่งทักขึ้นส่วนเนมก็หยุดชะงักในทันที
“เอ่อคือ...” เนมยังไม่ทันได้พูดอะไร ชูเฮย์ที่คิดว่าไม่สนใจกลับเดินเข้าเอาแขนโอบไหล่เธอแสดงความเป็นเจ้าของแล้วพูดว่า
“ไปเถอะ” ชูเฮย์ก่อนที่จะพาเนมเดินไปส่วนชายหนุ่มก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไปอย่างหงุดหงิดส่วนเนมก็หน้าแดงกล่ำ
“นี่ที่หลัง ถ้ามีคนมาทักแบบนี้ ห้ามบอกเด็ดขาดนะ” ชูเฮย์พูดก่อนที่จะปล่อยเธอและเอามือวางที่ศีรษะเธอเบาๆแล้วเดินนำหน้าต่อไปและมันก็ทำให้เนมฉุดคิดว่ามันจะกลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งมั้ย และในขณะที่คิดอย่างงั้น ชูเฮย์ที่เดินนำเหลียวหลังมาเห็นเธอที่ใส่เสื้อคลุมบางๆและเสื้อสีขาวด้านและอากาสที่หนาวมากพอ
สมควรจึงหยุดเดินและถอดเสื้อโค๊ตของตัวเองออกแล้วเอาคลุมที่ไหล่เธอเบาๆ ทำให้เธอสะดุ้งและหน้าแดงนิดหน่อย
“อากาสมันเย็นแล้วยังจะใส่เสื้อบางๆอีกนะ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเนมก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับเพราะเขินจนหน้าแดงกล่ำ
ผ่านไปสักพักนึ่งที่เนมซื้อขนมปังร้อนมาปัง เนมค่อยๆฉีกถุงออกอย่างช้าๆและเอาปากงับเข้าไปคำเล็กๆ เนมก็ไม่ได้ทำสีหน้าอะไรแม้ว่ามันจะอร่อยเก็ตามและเธอก็กัดเข้าไปอีกคำนึ่งส่วนชูเอย์ก็มองอยู่ครู่นึ่งก่อนที่จะขับมือข้างที่ถือขนมปังมาใกล้ๆก่อนก้มลงกัดขนมปังที่มือเนมเบาๆ
“อร่อยดีนิ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเนมก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียวและชูเฮย์ที่ติดใจในรสชาติใช้ความเจ้าเล่ห์ของตัวเองคว้าถุงขนมจากแขนของเนมไปอย่างเนียนๆก่อนที่จะขนมปังออกมากินจนเกือบแค่ชิ้นเดียว
“ตะกระ” เนมพูดอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเมื่อเห็นขนมปังเหลือแต่ชิ้นเดียวและชูเฮย์ที่นั่งอยู่ที่ราวสะพานก็กระโดดลงมา
“ก็แหม แย่งกินมันอร่อยกว่านิ” ชูเฮย์ก็พลางแสยะยิ้มแล้วหัวเบาๆและเนมที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรลมหนาวก็พักมาทำให้เธอต้องกอดตัวเล็กน้อยและแน่นอนผมก็ต้องปลิวเล็กน้อยและที่นี่ไม่มีคนผ่านเท่าไหร่เนมจึงถอดหมวกออกมาและแน่นอนว่าผมต้องปลิวไปตามลม
“ชั้นน่ะ...ชอบเวลาเธอปล่อยผมมากกว่า................ป่ะ ป่าวไม่มีอะไรพูดเฉยๆ” ชูเฮย์พูดเปลี่ยนคำพูดในทันทีที่เนมหันมามองหน้าและเมื่อเห็นชูเฮย์หน้าแดงและหลบสายตาของเธอไปก็ต้องอมยิ้มแล้วเอายางรัดผมออกมา และสะบัดผมเล็กน้อย
“ชั้นคิดอยู่ว่าจะตัดผมดีมั้ย คิดว่ามันยาวเกินน่ะ ปลายผมมันแห้งหมดแล้ว” เนมพูดจบก็ขึ้นมานั่งใกล้ๆชูเฮย์และเอามือจับที่ปลายผมที่แห้งกรอบของเธอเบาๆ
“ชั้นไม่ให้ตัด” ชูเฮย์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยส่วนเนมก็ยิ้มบางๆ
“ก็แล้วแต่...” เนมพูดไม่ทันจบชูเฮย์ก็หันมาและจับมือเธอขึ้นมาและก้มหน้าลงจมูกก็สัมผัสกับมือที่นุ่มของเธออย่างช้าๆและเนมก็ต้องหน้าแดงกล่ำ
“หอมมากเลยนะ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเอาจับเธอไว้อย่างงั้นส่วนเนมก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียว
“แถวนี้น่ะ ไม่มีใครอยู่เลยนะ” เนมพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นและมันก็ทำให้ชูเฮย์เงยหน้าขึ้นมาและยอมปล่อยมือเธฮ
“อ๋อนี่น่ะ ไม่ค่อยมีคนเดิมไปมาสักเท่าไหร่ยิ่งช่วงที่อากาสเป็นแบบนี้แล้วด้วย” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเนมก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเอาขนมปังชิ้นสุดท้ายออกมาแล้วฉีกแบ่งครึ่ง
“เอ้านี่” เนมพูดจบก็เอาส่วนของตัวเองใส่ปากและส่วนของชูเฮย์ยื่นให้และชูเฮย์ใช้ปากคาบขึ้นมาก่อนที่จะใช้มืออีกข้างนึ่งดึงออก
“เนม” ชูเฮย์เรียกเนมอย่างจริงจังก่อนที่จะดึงหมวกของเสื้อกันหวานมาคลุมศีรษะเนมไว้และตัวชูเฮย์ก็ก้มหน้าลงแต่เนมก็ทำท่าทางงงๆแต่ว่าก็ไม่ได้ทักท้วงถามอะไร และอยู่ๆก็มีเด็กหลายคนวิ่งไปวิ่งมาอย่างสนุกสนานส่วนเนมก็ถอนหายใจและยิ้มบางๆ
“จริงสินี่ แล้วชูโกะจังล่ะ ไปไหนแล้ว” เนมถามขึ้นชูเฮย์พูดยิ้มบางๆ
“อยู่ที่บ้านสิ ถามได้” ชูเฮย์พูดพลางยิ้มให้เธอส่วนเนมก็หัวเราะเบาๆ
“นายนี่ดีจังเลยนะ สนิทกับพี่น้องดีจัง” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนชูเอยก็หันมาเอามือลูบศีรษะเธอเบาๆ
“เธอเองก็ท่าทางสนิทกับพี่ชายนะ เวลาอยู่ใกล้ๆพี่เธอยิ้มซะขนาดนั้นน่ะ” ชูเอย์พลาดคิดถึงรอยยิ้มของเธอในตอนนั้น
“ความจริงแล้ว นานๆทีเท่านั้นแหละ ชั้นถึงจะได้เจอกับพี่น่ะ กลับบ้านก็เจอพ่อด่ากระเจิง พี่เขาก็เลยย้ายไปอยู่ที่อื่น พี่บอกว่าห้ามไปหาเขาบอกว่า กลัวชั้นเป็นข่าวว่าไปหาผู้ชายถึงห้องน่ะ ฮ่ะๆ” เนมพูดพลางหัวเราะออกมาส่วนชูเฮย์ก็ยิ้มบางๆ
“ได้ยินว่า อายุมุกับอายามุ ทะเลอะกันทุกวันเลยท่าทางพี่จะปวดหัว น่ะฮ่ะๆ” เนมพูดพลางเอาเราะออกมาและชูเฮย์ก็ยิ้มบางๆ
“อ่ะกินสิ” ชูเฮย์พูดพลางยื่นขนมปังที่กินไปให้ “ไม่เอาชั้นอิ่มแล้ว” เนมพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างสดใส
-------------------------------
ทางด้านรันงิคุ ซึ่งในตอนนี้นอนอยู่คนเดียวไม่มีใครอยู่ที่สำนักงานเลย ส่วนงินก็ยังไม่กลับมา
“แค่กๆ” รันงิคุไออกมาและพยายามลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินไปข้างล่างอย่างช้าๆ เพื่อจะมากินน้ำแต่เธอกต้องล้มลงในทันทีเพราะพิษไข้ที่ในตอนนี้ทำให้ตัวของเธอร้อนไปทั้งตัว และเหมือนสวรรค์ช่วยที่งินที่เดินเข้ามาสังเกตเห็นเธอเข้า
“รัน!” งินตะโกนเรียกในทันทีและรีบเข้าไปช้อนศีรษะของเธอขึ้นมาอย่างช้าๆ
“นี่ รันได้ยินชั้นมั้ย” งินพยายามเขย่าตัวเธอและเธอไม่ได้ตอบรับอะไรแม้แต่น้อย งินจึงกัดฟันตัวเองและอุ้มเธอขึ้นอย่างมาและพาขึ้นไปที่ห้องของเธอในทันที
“ตัวร้อนยิ่งกว่าเดิมอีก” งินพูดหลังจากที่เอามือแตะหน้าผากเธอและลุกขึ้นไปเอาผ้าไปชุ่มน้ำและเอามาวางที่หน้าผากของเธอก่อนที่จะเดินลงไปที่ห้องของตัวเอง
“อยู่ไหนฟร๊ ยาลดไข้ ที่เวลาแบบนี้ดันหาไม่เจอ แล้วทำไมลิ้นชักมันรกขนาดนี้วะเนี่ย!” งินพูดกับตัวเองและเอามือควนหายาโดยที่ไม่รู้เลยว่าในลิ้นชักมีใบมีดคัตที่ไม่ได้ใส่กล่องไว้อยู่ ทำให้งินถูกบาดเข้าไปเต็มๆ แต่ก็ยังทำเฉยๆ เพราะไม่รู้ตัว (เป็นแบบนี้จริงๆมันชา)
“นี่ไงเจอแล้ว” งินพูดจบก็ลุกออกไปจากห้องและหยิบน้ำป่าวแล้ววิ่งขึ้นไปหารันงิคุทันที
“รัน!” งินตะโกนเรียกชื่อเธออย่างเป็นห่วงก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปแล้วเอาน้ำรินใส่แก้วพลางเอามืออีกข้างวางยาเอาไว้นึ่งแผง และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ตัวว่าถูกมีดบาด - -* และงินก็เอาผ้าออกจากหน้าผากเธอแล้วเอาชุ่มน้ำที่วางอยู่และก่อนี่จะบีบมาดๆและเอาวางที่หน้าผากของเธออีกครั้งและงินก็เลือกที่จะไม่ปลุกเธอหลังจากนั้นงินนั่งลงข้างเตียงและเพิ่งจะมาสังเกตเห็นเลือดที่หลังมือของตัวเองที่ไหลมาเยอะพอสมควร
“โดนอะไรมาวะเนี่ย” งินพูดเบาๆก่อนที่จะดึงกระดาษชิดชู่มาหลายแผ่นมาเช็คที่หลังมือเบาๆ
หลังจากที่งินทำแผลเสร็จก็เผลอหลับไป
“แค่กๆ” รันงิคุไอออกมาและค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพดานห้องตัวเอง
“จำได้เราลุกไปกินน้ำนี่นา” รันงิคุพูดเบาๆก่อนที่จะเอามือแตะที่หน้าผากก็เอามือหยิบลงมาก็เห็นสีขาวมองอยู่และเธอก้มองไปที่ข้างเตียงก็สะดุ้งทันทีเมื่อเห้นงินนั่งหลับอยู่และเมื่อมองขึ้นไปก็เห็นแผงยาและน้ำวางอยู่
“พอจะรู้แล้วแหละนะ” รันงิคุเบาๆและเอามือเข้ามาลูบใบหน้างินเบาๆก่อนที่จะใช้เล็บดันยาออกมาและกินเข้าไปก่อนที่จะกินน้ำตามไปหมดแก้ว
‘ถ้าเอาจริงๆแล้ว งินก็ห่วงคอื่นเป็นเหมือนกันนี่นา’ เธคิดในใจและยิ้มบางๆก่อนที่จะล้มตัวลงนอนและอยู่เสียงประตูจากด้านล่างก็ดังขึ้นมาจนถึงด้านบนและงินก็รู้ได้ในทันทีว่าใครมาจึงเดินไปล็อกประตูห้องเอาไว้
“งินจาง~~~ อยู่เอ่ย?~~~~ ลูซี่มาหานะ” เธอตะโกนเรียกลากเสียงก่อนที่จะวางของที่ถือมาลงที่โต๊ะส่วนรันงิคุที่ก็ลุกพรวดขึ้นมาในทันที
“นอนต่อเถอะ ชั้นล็อกให้แล้วห้ามส่งเสียงนะ” งินพูดพลางเอามือปิดปากเธอและรันงิคุก็พยักหน้ารับและค่อยๆนอนลงส่วนงินก็เอามือแตะที่หน้าผากเบาๆ
“กินยาไปแล้ว เดี๋ยวไข้คงลดลงบ้างแหละนะ เธอก็นอนพักเยอะๆนะ” งินพูดพลางกุมมือเธอไว้และนั้นก็ทำห้รันงิคุทั้งเขินทั้งตกใจในเวลาเดียวและเสียงประตูที่ โครมครามเรียงห้อง ก็ดังขึ้นมาจนถึงด้านบนส่วนที่ตอนนี้กำลังกลั้นความโมโหอย่างเต็มที่
“งิน...ไม่ลงไปหาเขาเหรอ” เธอถามขึ้นส่วนงินก็หันหน้ามาหาเธอในทันที
“ชั้นอยากอยู่กับเธอ” งินพูดจบก็กุมมือเธอแน่นขึ้นส่วนรันงิคุก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียวและอยากจะดึงมือออกมาเต้มทีเพราะความเขิน แต่ก็ไม่มีแม้แต่แรง
“งินจาง~~~~ มีงานถ่ายแบบด้วยนะ~~~ลูซี่ไม่มีคนไปเป็นเพื่อนเลย~~~~ถ้าอยู่ก็ตอบลูซี่หน่อยน้า~~~~” เธอตะโกนเรียกงินที่กำลังนั่งอยู่กับรันงิคุด้วยเสียงที่ตกแหลซึ่งเป็นน้ำเสียงที่งินเกลียดเอามากจึงทนไม่ไหวแล้วลุกไปในทันที
เมื่อเดินลงมา
“ลูซี่ กลับไปซะ” งินตะหวาดขึ้นเสียงดังลั่นส่วนเธอก็สะดุ้งเล็กน้อย
“แหม~งินจังใจร้าย” เธอพูดพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไหเต็มทน
“เลิก ดัดจริต ตอแหล สักทีชั้นบอกให้กลับไป ฟังไม่รู้เรื่องรึไง” งินตะหวาดขึ้นดังยิ่งกว่าเดิมส่วนรันงิคุที่นอนอยู่ด้านบนก็ได้ยินอย่างชัดเจน
“งินจังทำไมพูด...” ลูซี่พูดและทำหน้ามุ้ยแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร
“จะออกไปดีรึว่า จะให้ชั้นถีบเธอออกไป อย่าคิดว่าชั้นไม่กล้าถีบผู้หญิงนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนลูซี่ก็รีบเก็บกระเป๋าและวิ่งออกไปในทันทีส่วนรันงิคุก็นอนหัวเราะเบาๆส่วนงินก็เดินขึ้นมาและไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้องไว้
“นายนี้ดุเหมือนกันนะ” รันงุพูดขึ้นและจากที่งินทำท่าเหมือนโมโหและโกรธเหมือนครู่นี้ก็หายไปจนหมด และตอนนี้ก็กลับมาเป็นคนขี้เล่นคนเดิม
“ก็แหม~ กวนว่ายัยนั่นจะมารบกวน เวลาพักของเธอนี่นา” งินพูดพลางเอามือเกาศีรษะของตัวเองและความน่ากลัวเม่อครู่นี้ก็หายไปนหมดสิ้น
หลังจากนั้นประมาท 20 นาทีรันงิคุก็เผลอหลับไปอีกครั้งนึ่ง งินก็ค่อยเอามือแตะที่หน้ากตลอดเวลาก็ต้องดีใจเมื่อไข้มันลดลงเรื่อยๆและงินก็นั่งเฝ้าเธอทั้งวันจนไม่ได้ลุกไปไหนเลยด้วยซ้ำไป จนกระทั่ง หัวค่ำ
“หายแล้วแฮะ” รันงิคุที่ลุกข้นมาเตียงเตียงเอามือแตะที่หน้าผากตัวเองส่วนงินในตอนนี้ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่
“ดีแล้วแหละนะ” งินพุดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายอารมณ์แต่รันงิคุกับทำสายตาจับผิดขึ้นม
“งิน...ถามหน่อยสิ....ทำไมนายถึงมาเฝ้าไข้ชั้น นายก็มีงานไม่ใช่เหรอ” รันงิคุถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนงินก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็แค่ “อยาก” เท่านั้นแหละ” งินพุดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ยังไงก็ ขอบใจนะ...งิน” รันงิคุพูดก่อนที่จะเปิดประตูออกไป
โครก~ คราก~ เสียงท้องของเธอร้องขึ้นดังสนั่น เพราะวันนี้เธอไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำ
“จะมีอะไรกินมั้ยเนี่ย” รันงิคุพูดพลางเปิดตู้เย็นออกมาและโชคดีที่มีผลไม้ที่แช่เอาไว้อยู่รันงิคุก็ค่อยๆ หยิบแอปเปิ้ล แตงโม ฝรั่ง และอื่นๆอีกมากมายมาวางไว้บนโต๊ะ ส่วนงินที่เดินลงมาก็เห็นรันงิคกำลัง ยัด ผลไม้เข้าปากราวกับว่าไม่ได้กินข้าวมาเป็น แรมปี
“เอ้าๆ ยัดเข้าไป น้ำหนักลงโวยวายนะคร้าบ~” งินพูดแหย่เล่นส่วนรันงิคุก็ไม่สนใจหยิบใส่ปากด้วยความหิวงินก็ยิ้มบางๆและงอนหายใจอย่างโล่งใจก่อนที่จะไปนั่งใกล้ๆและเปิดทีวีดู
“จริงสิ หนังสั้นถ่ายเสร็จแล้วนี่นา เห็นว่าจะออกอากาศประมาท สองเดือนโน่น สองคนนั้นคงต้องวิ่ง โปรโมท เหนื่อยแต่แย่เลยนะ” พูดไปเหอะย่ะ ชั้นไม่สนใจหรอก รันงิคุคิดในใจและจับเข้าปากต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลา 8 ทุ่มครึ่งเร็ตสึที่กำลังเป็นประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของเธอออกมาดังลั่น
“กรี๊ดดดดด ม่าย~~~~น้า!!!!!!!” เสียงของรันงิคุดังลั่นจนเร็ตและพวกจูชีโร่ถึงกับตกใจและเปิดประตูเข้าไปก็เห็นรันงิคุยืนสั่นอยู่บนเครื่องชั่งน้ำหนักและงินก็ทำท่าเหมือนจะปล่อยหัวเราะออกมาให้ได้
“พ พี่คะ มีอะไรเหรอ” โมโมะถามพลางทำหน้าเจื่อนๆส่วนรันงิคุก็หันมาก่อนที่จะทำหน้าเหมือนจะร้องไห
“ร่ะ เรื่องใหญ่แล้ว...” รันงิคุพูดขึ้นส่วนโมโมะก็ทำหน้างงๆและหันมามองหน้ากับโทชีโร่อยู่ครู่นึ่ง
“มีอะไรล่ะฮะ พี่ยัยนั่นมาตบเอาเหรอ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ส่วนจูชีดร่ก็เขกหัวไปในทันที
“ข่ะ คือว่า....น่ะ น้ำหนักน่ะ............................ขึ้นมาตั้ง 3 กิโล!!!!!!!” รันงิคุตะโกนออกมาลั่นที่ตกใจและเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็มีแค่เร็ตสึกับโมโมะเท่านั้น (ผู้หญิงด้วยกันนิ) แต่พวกผู้ชายกับทำหน้างงๆ
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” งินพูดอย่างกวนๆส่วนรันงิคุก็เข้ามาตบผัวะลงที่หัวในทันที
“เรื่องใหญ่สิย่ะ ใหญ่มากด้วย!!!” รันงิคุพูดขึ้นส่วนโมโมะกับเร็ตสึก็หันมามองหน้ากันเล็กน้อย
“ก็เตือนแล้วไม่ฟังเองนี่นา ยัยติ๊งต๊อง ก็ยัดไปซะขนาดนั้นไม่ขึ้นก็ไม่แปลกหรอกนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆส่วนรันงิคุก้กำลังจะตบอีกครั้งแต่งินกับคว้ามือเธอไว้ทัน ส่วนรันงิคุก็ยกขาขึ้นเตะไปที่ %++%+% งินจนถึงกับจุกและล้มลง
“ล่ะ แหลกเลย ยัยตัวแสบ วันนี้อุส่าเฝ้าไข้นะ” งินพูดเบาๆและเร็ตสึก็พูดขึ้นมาว่า
“ชั้นมีวิธีอยู่นะ....ลดได้ทันตาเลย” เร็ตสึอย่างยิ้มส่วนรันงิคุก็หันมามองในทันที
“นับตั้งแต่พรุ่งนี้เดินไปโรงเรียนห้ามนั่งรถ กระโดดเชือก ห้ามกินเค้กหรือของหวานอะไรทั้งสิ้น ไม่กินของมัน อย่างเช่นเอาจานเปล่ามาแล้วใส่ผักให้เต็มจาน”
“นี่แต่ออกกำลังกายก็พอละมั้ง” จูชีโร่พูดแย้งขึ้นส่วนรันงิคุก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย
“ห้ามกินของหวานหมายถึงเค้กน่ะเหรอ?” รันงิคุถามขึ้นเพื่อความแน่ใจส่วนโมโมะก็ทำหน้าเจื่อนๆเล็กน้อย
“ใช่จ๊ะ” เร็ตสึพูดอย่างมันใจส่วนโมโมะก็สะกิดข้างหลังก่อนที่จะพูดว่า
“เอ่อ คือว่า...ถ้าพี่เขาไม่ได้กินเค้กสักชิ้นนึ่ง...จะไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยน่ะค่ะ” โมโมะพูดพลางทำหน้าเจื่อนๆส่วนเร็ตสึก็หัวเราะเบาๆ
“แต่ว่าทำแบบนี้ไม่ใช่แค่ลดควมาอ้วนหรอกนะ อาจจะทำให้หุ่นดีขึ้นด้วย” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนรันงิคุในตอนนี้ก็ห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้น ตกกลางคืน
“ฮัดเช้ย!” เสียงของงินจามออกมาพลางเอากระดาษชิดชู่เช็คที่จมูกเบาๆ
“ติดหวัดซะแล้วเหรอพี่” โทชีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนงินกเอามือเช็คที่จมูกที่มีน้ำมูกไหลเบาๆ
“สงสัยจะใกล้ชิดไปหน่อยล่ะมั้ง” งินพูดออกมาเบาๆส่วนโทชีโร่ก็คิดลึกไปหน่อย
‘ใกล้ชิด เอ ใกล้ชิด...หรือว่า...’ ตอนนี้โทชีโร่คิดถึงภาพที่งินกับรันงิคุกับกำลัง จูบ หรือในอีกความคิดนึ่งก็คิดว่า
‘รันงิคุเป็นไข้ต้องมีเหงื่อออกเยอะๆนะถึงจะหายเร็ว’ ความคิดของโทชีโร่เป็นแบบนี้ส่วนงินที่ไม่ได้สงสัยอะไรจึงลุกขึ้นและหยิบเสื้อโค๊ดผ้าพันคอและแว่นกันแดดเดินออกไปข้างนอก
“พี่จะไปไหน” โทชีโร่ตะโกนถามขึ้นส่วนงินก็หันมายิ้มให้
“ผับ” โทชีโร่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเปิดประตูห้องของเขาก็ดังขึ้นเมื่อมองไปก็เห็นเด็กสาวเรือนผมสีดำ ดวงตาสีช็อคโกแลคกำลังถือกล่องคุกกี้มาให้
“ฮินาโมริ มีอะไรเหรอ” โทชีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเธอก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียว
“ช่ะ ชีโร่จัง ขอบใจนะที่ช่วยชั้นวันนี้น่ะ ถ้าไม่ได้เธอชั้นคงแย่” โมโมะพูดขึ้นส่วนโทชีโร่ก็ทำหน้าหน่ายๆอย่างมาก
“ช่างเถอะเรื่องแค่นี้เอง” โทชีโร่ตอบอย่างๆนิ่งๆส่วนโมโมะก็ทำหน้ามุ้ยเล็กน้อย
“อ่ะนี่ ชั้นให้” โมโมะพูดพลางยื่นกล่องช็อคโกแลคแต่โทชีโร่ก็ทำท่าทางไม่สนใจก่อนที่จะรับมาและวางลงที่หัวเตียงและไม่มองหน้าเธอแต่หางตา
“ปะ ไปแล้วนะ” โมโมะพูดก่อนที่จะกันหลังเดินไปที่ประตูและเปิดประตูเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณืเล็กน้อยส่วนโทชีโร่ก็เหล่ไปมองเมื่อไม่เห็นว่าโมดมะยืนอยู่แล้วก็รีบเอาช็อตโกแลคออกและเอาใส่ปากในทันที
ด้านนอก
“โมโมะ ไอ้ป่าเถื่อนไปไหนแล้ว” รันงิคุถามขึ้นเมื่อเดินลงมาส่วนโมโมะก็ทำหน้างงๆเล็กน้อย
“เอาพี่งินน่ะเหรอ? เห็นบอกว่าจะไป ผับ น่ะ” โมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนรันงิคุก็ถอนหายใจก่อนที่จะวิ่งขึ้นไป
เมื่อขึ้นมาบนห้องก็ล้มตัวลงนอนตัวเตียงในทันที
“ตั้งใจจะ ขอบคุณ แท้ๆ แต่ดันไปเที่ยวซะได้” รันงิคุบ่นขึ้นเบาๆและหลับตาลงก่อนที่จะนอนหงายขึ้นและเอามือจับทีหน้าอกตัวเอง
‘.....ชั้น.......ชอบเจ้านั่นเข้าให้แล้วสินะ เรานี่แย่จริงๆ แบบนี้ชั้นก็ เกมส์โอเว่อร์ แล้วน่ะสิเรา’ เธอคิดในใจก่อนที่จะนึกย้อนไปในช่วง 3 เดือนที่ (ช่วงที่เนมกับชูเอย์ถ่ายหนังสั้นกัน แล้วไม่ได้พูดถึงคู่นี้ เหอๆ)
“ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ” เธอตะคอกใส่เขาที่ในตอนนี้กันกำคร่อมตัวเธออยู่และตรึงมือทั้ง 2 ข้างของเธอไว้กับเตียง
“อะไรกันๆ แค่นี้กลัวเหรอ” งินพูดพลางเสียงอย่างกวนๆส่วนรันงิคุก็พยายามดิ้นแต่ก็ขยับไม่ได้สักนิด
“เล่นเกม...กันหน่อยมั้ยจ๊ะ คนสวย” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ ส่วนรันงิคุก็มองหน้าอย่างไมสบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม
“เกม อะไรของนายห๊ะ จะปล้ำชั้นรึไง” รันงิคุตะคอนใส่และพยายามยกมือขึ้นมือของเขาที่ทั้งใหญ่และแข็งแรงจึงทำให้ขยับแทบไม่ได้
“ปล้ำเหรอ? หึความคิดดีนี่ งั้น...” งินชะงักคำพูดของตัวเองไว้รันงิคุก็ถึงกับเงียบและงินก็หัวเราะเบาๆ
“เอางี้มั้ยล่ะ ชั้นจะจีบเธอ” งินพูดอย่างหน้าๆนิ่งส่วนรันงิคุก็ตกใจมากเลยทีเดียว
“ฟังไม่ผิดหรอกนะ ชั้นจะจีบเธอ ชัดมั้ย?” งินพูดเน้นคำว่าจีบมากขึ้นส่วนรันงิคุก็...แน่นอนพูดไม่ออก
“ภายใน 3 เดือน ถ้าชั้นจีบไม่ติดชั้นจะเลิกยุ่งกับเธอซะ...แต่ถ้าเธอเกิดรักชั้นขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว...หึ!...เกมส์โอเว่อร์...ส่วนเรื่องที่จะให้เธอทำอะไรน่ะขอคิดก่อนนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ส่วนรันงิคุก็เถียงขึ้นมาในทันที
“นี่นายอย่ามาพูดเองเออเองนะ” รันงิคุตะคอกใส่อย่างเหลืออด ส่วนงินก็ทำท่าทางไม่สนใจ
“จริงสิงั้น....ขอจูบแบบ.....เร้าร้อนสักที....แล้วกันนะ” งินพูดพลางรคร่อมตัวลงเพื่อให้ใบหน้าอยู่ใกล้ๆเธอมากที่สุดและหน้าอกของเธอก็สัมผัสกับหน้าอกงินเล็กจนเธอตรงหน้าแดงกล่ำ ก่อนที่จะหลบสายตาของเขาไป
“แต่ว่าถ้าชั้นรักเธอขึ้นมาจริงๆ...เกมนี้ก็จะ โอเว่อร์ ทั้งคู่”
ตัดกลับมาปัจจุบัน
‘ถูกงิน...จูบเอาก็ 3 ครั้ง...เราก็ทำเหมือนไม่เต็มใจแต่ไม่ใช่หรอก....มันเขินมากๆเลยตังหาก...เจ้าหมอนั่นก็มีคู่หมั้นแล้วแถมยัง สวย น่ารัก ถึงจะนิสัย เสียก็เถอะ อีกอย่างยังรวยอีก ชั้นสู้ไม่ได้สักอย่างเดียว ชั้นควรที่จะเป็นฝ่ายถอยสินะ งินเป็นถึงซุปเปอร์สตาร์อันดับนึ่ง ผิดกับชั้นที่เป็นแค่คนธรรมดาคนนึ่ง ชั้นกับงิน.....ไม่คู่ควรกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...เพราะงั้นชั้นเป็นเพียงได้แค่เพื่อนเท่านั้น’ รันงิคุคิดในใจและน้ำตาก็ไหลลงมาเล็กน้อย
จากนั้นตี 3 ครึ่ง
“กลับมาแล้วคร้าบ~” งินพูดขึ้นรันงิคุที่อยู่ด้านบนและกำลังวาดรูกอยู่เพราะนอนไม่หลับและตอนนี้ก็ใส่แว่นด้วย
“กลับมาแล้วแฮะ” รันงิคุพูดขึ้นและก้มลงวาดรูปต่ออย่างยิ้มๆ
“ยัยนั่นยังไม่นอนอีกเหรอเนี้ย” งินพูดหลังจากที่มองขึ้นไปเห็นแสงไฟอ่อนๆเปิดอยู่ห้องเดียวจึงเดินขึ้นไป
“นี่ยังไม่นอนอีกเหรอ” งินพูดหลักจากที่ถือวิสาสากเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวแต่รันงิคุก็ชินแล้วแหละเพราะแบบนี้ทุกวัน
“ชั้นนอนไม่หลับน่ะ”
“...วาดอะไรอยู่...” งินพูดพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ
“วาดการ์ตูนเล่นๆ...รู้สึกเบื่อนิดหน่อยก็เลยมานั่งวาดเล่น” รันงิคุพูดจบงินที่ยืนอยู่ด้านหลังก็คร่อมตัวเธอจากด้านหลังและก้มมองสมุดวาดรูปที่บนโต๊ะทำให้เธอหน้าแดงกล่ำ
“นี่รู้มั้ย...เจ้าชูเฮย์กับเนมจัง น่ะกลับมาคบกันเหมือนแล้วนะ เห็นบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง” งินพูดขึ้นและยิ้มบางๆส่วนรันงิคุก็ดีใจและเขินในเวลาเดียวกัน
“ข่ะ เข้าใจผิดเหรอ?” รันงิคุพูดอย่างงงๆส่วนงินกหัวเราะเบาๆ
“ก็ตอนนั้น ชูเฮย์ไปเดินเล่นกับน้องสาวน่ะ แล้วเนมเห็นเข้าก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนใหม่ของเจ้านั่น ก็เลยบอกเลิกไปน่ะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วน
รันงิคุก็หัวเราะเบาๆ
“ก็ดีแล้วแหละ”
“ตรงนี้น่ะ ลงหนักหน่อยดีกว่านะ” งินพูดก่อนที่จะทำเนียนยื่นมือไปจับมือของเธอและจับมือของเธอที่ถือดินสอและเรื่อไปตรงมุมกระดาษที่เป็นสีดำค่อยข้างอ่อน
‘มือทั้งใหญ่ ทั้งอบอุ่น...แถมยังมาหายใจรดอีก เจ้านี่เป็นบ้าอะไร ต้องขึ้นมาหาชั้นถึงห้องทุกวัน’ รันงิคุคิดในใจและงินพูดขึ้นมาว่า
“เธอนี่วาดรูปเก่งจังเลยนะ แต่ว่าเรื่องน้ำหนักยังไม่ได้เรื่อง” งินพูดพลางหัวเราะแกล้งเธอเบาๆส่วนรันงิคุก็หน้าแดงกล่ำแล้วตอนนี้ใจก็สั่นและเต้นแรงมาก และในเวลาเดียวกันก็ได้กลิ่นเหล้าด้วย
“น่ะ นี่นายกินเหล้ามาเหรอ”
“นิดหน่อยน่ะ อ่อนี่เจ้าอิจิโกะเมาหัวทิ้มเลย เห็นบอกว่างานเยอะอยากจะปลดปล่อยสักหน่อย ดีนะที่เจ้าชูเฮย์อาสาไปส่งไม่งั้นชั้นได้กลับเช้าแหง.......เอาเสร็จแล้ว” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆเมื่อพูดจบก็ปล่อยมือเธออย่างช้าๆ และภาพก็มีดูมีน้ำหนักมากขึ้น
“รัน” เขาเรียกก่อนที่จะใช้มือลูบที่แก้มของเธอก่อนที่จะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆหอมแก้มเธอไป 1 ที ส่วนรันงิคุก็เงียบอยู่ครู่นึ่งก่อนที่จะผลักออกอย่างสุดแรง
“จะไปไหนก็ไปเลยไป!!” รันงิคุตะคอกใส่ส่วนงินก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆก่อนที่จะเปิดประตูเดินออกไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” รันงิคุพูดจบก็นั่งลงที่เก้าอี้ในทันที ก่อนที่จะหันมาจับดินสอและวาดรูปต่อ และใครจะรู้ละว่าเธอแอบยิ้มบางด้วย
ส่วนงินที่เดินลงไปก็พิงราวบันไดและหัวเราะเบาๆ
“มือก็หอมแก้มยังหอมอีก สงสัยต้องตั้งกฎของเกมใหม่แล้วสิ แบบนี้เราแพ้แน่”
เม้นด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น