คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 : These include the superstar leading the country.
Chapter 5 , These include the superstar leading the country.
(การรวมตัวของเหล่า ซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศ)
วันต่อมา
“โมโมะตื่นเร็วเข้า เดี่ยวไปเรียนสายหรอก” รันงิคุเรียกโมโมะที่นอนอยู่บนเตียงแล้วโมโมะก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“ทำไมวันนี้ตื่นเร็วจัง” โมโมะพูดพลางเอามือขยี้ตาเบาๆแล้วรันงิคุที่กำลังปิดม่านอยู่ก็เอามือกอดอกแล้วพูดว่า
“ก็เมื่อคืนชั้นไม่ได้นอนนี่นา” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโมโมะก็ตกใจขึ้นมาทันที
“ทำไมไม่นอนล่ะ แล้ววันนี้จะเรียนไหวมั้ยเนี่ย” โมโมะถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเอามือพับผ้าห่ม แล้วรันงิคุก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
“ชั้นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ นอนไม่หลับเลย” รันงิคุพูดจบโมโมะที่เพิ่งจะเดินลงมาจากเตียงก็เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วพูดว่า
“คิดถึงพี่งินล่ะสิ ไม่ว่า” โมโมะพูดแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วรันงิคุก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“บ้ารึไง ใครจะไปคิดถึง ไอ้หน้าจืด นั้น” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วแล้วปิดประตูห้องน้ำเสียงดังลั่นแล้วโมโมะก็หัวเราะเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นานมากนักทั้ง 2 คนก็ออกจากบ้านแล้วเมื่อไปถึงวิน
“พี่คะ ไปก่อนนะ” โมโมะพูดแล้วโบกมือให้รันงิคุแล้วรันงิคุก็พยักหน้ารับแล้วกำลังจะเดินขึ้นวินอีกขันนึ่งแต่ว่า
“ผมโทรไปลาทางโรงเรียนให้แล้ว วันนี้คุณมีงานเข้ามานะคับ” เสียงของเด็กหนุ่มคนนึ่งดังขึ้นทำให้รันงิคุต้องหันฝ่ายขวาทันทีก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังยืนก้มโค้งและใส่หมวกกันน็อกปิดหน้าไว้แต่รันงิคุก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือใคร
“นี่นาย! มาได้ไงแล้วก็มาทำไมด้วย ไม่ไปเรียนรึไง” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็แสยะแล้วพูดว่า
“วันนี้มีงานช่วงเช้าน่ะคับ ผมก็เลยอาสามารับคุณไงคับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้าตกอย่างมาก
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ เรื่องของเรื่อง คือ วันนี้ชั้นมีงาน” รันงิคุพูดแล้วก็ชี้มาที่ตัวเองแล้วงินก็พยักหน้าแล้วรันงิคุก็พูดต่อไปว่า
“แล้วพวกนายก็ติดต่อโรงเรียนว่าวันนี้ชั้นขอหยุดโดยที่ไม่บอกชั้น ถูกต้องมั้ย” รันงิคุพูดแล้วพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุดแล้วงินก็พยักหน้าเท่านั้นแหละรันงิคุก็กระชากคอเสื้องินขึ้นมาแล้วทำสายตาโหดๆแล้วพูดว่า
“ทำไมไม่รู้จักถามกันก่อนห๊ะ!” รันงิคุตะหวาดขึ้นทันทีแล้ววินมอเตอร์ไซร์ก็สะดุ้งกันหมดแล้วงินก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า
“ก็รู้ไงล่ะ ว่าบอกแล้วเธอต้องโวยวายแน่ๆ ก็เลยทำไปโดยที่ไม่บอกน่ะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์ (ไม่กลัวโดนตบรึไง - -*) แล้วรันงิคุก็หายใจแรงด้วยความโมโหและไม่รู้จะเถียงยังไงดี แล้วงินก็ได้แต่ทำท่าทางกวนๆ
“ช่วยไม่ได้” รันงิคุพูดแล้วก็ปล่อยคอเสื้องินลงแล้วหันไปบอกวินว่า
“เอ่อ ขอโทษนะคะ พอดีมีธุระ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้ววินก็พยักหน้ารับทันทีแล้วรันงิคุก็ขึ้นไปซ้อนหลังแล้วงินก็ออกรถทันที
ระหว่างทาง
“วันนี้ถนนโล่งนะ” งินพูดแล้วเหลียวหลังมามองรันงิคุเล็กน้อยก็เห็นว่ารันงิคุเชิดหน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์แล้วงินจึงหันกลับมายิ้มแล้วขับไปทางซ้ายทางขวาสลับกันทำให้รันงิคุต้องสะดุ้งแล้วจับเอวงินไว้แน่น
“ไอ้บ้า ทำอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็ล้มหรอก!” รันงิคุพูดขึ้นแล้วจับตัวงินแน่นแล้วงินก็ขับลีลาเช่นเดิมแล้วอยู่ก็พูดขึ้นว่า
“ขนาดโทชีโร่ยังไม่ร้องสักแอะนะ ปอดแหกนี่นาเธอน่ะ” งินพุดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็กัดฟันตัวเองแล้วปล่อยเสื้องินแล้วเชิดหน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์แล้วอยู่ๆงินก็คว้ามือของเธอแล้วใช้มืออกข้างจับแฮนไว้เพื่อคุมรถ
“ไอ้หื่น ทำอะไร” รันงิคุพูดแล้วก็ชักมือออกมาทันทีแล้วงินก็แสยะแล้วอย่างกวนๆแล้วเริ่มเลิกแกล้งรันงิคุแล้วกลับมาขับรถตามปกติ
“เห็นเมื่อกี๊จับซะแน่น เลยคิดว่ากลัว” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆเช่นเดิมแล้วรันงิคุก็วีนแตกทันทีจึงพูดไปว่า
“ก็เล่นขับซะขนาดนั้นไม่ให้ชั้นกลัวได้ไงห๊ะ ไอหื่น ไอโรคจิต ไอเพลย์บอย ไอบ้ากาม ไอๆๆ” หลังจากนั้นรันงิคุกับงินก็เถียงกันไปตลอดทาง
จนกระทั่งงินพูดขึ้นว่า
“อยากเจอ Deer Light มั้ยล่ะ ที่เขาเอาเค้กมาให้บ่อยๆน่ะ” งินพูดจบรันงิคุก็ยอมเงียบทันทีแล้วรันงิคุก็ทำท่าคุ้นคิด
“อยากเจอก็อยากนะ แต่ชั้นจะไปเรียนเข้าใจมั้ย” รันงิคุพูดจบก็ตบไปหมวกกันน็อกแล้วก็ความเจ็บก็จี๊ดขึ้นมาทันที
เมื่อถึงสำนักงาน
“กลับมาแล้วคับ” งินพูดจบพร้อมกับเดินเข้าในห้องก็เจอเด็กสาวอีก 4 คน ยืนอยู่ทำให้รันงิคุทำหน้าตางงๆขึ้นมาทันที
“รุ่นพี่งิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เด็กสาวเรือนผมสีดำยาวประบ่าพูดขึ้นแล้วงินก็แสยะยิ้มแล้วพยักหน้ารับแล้วอยู่ๆเด็กสาวเรือนผมสีดำที่รวบผมขึ้นไปด้านบนก็เดินเข้ามาหารันงิคุแล้วพูดว่า
“สวัสดีจ๊ะ Deer Light อิเสะ นานาโอะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กสาวพูดพร้อมกับยิ้มให้รันงิคุอย่างสดใสแล้วรันงิคุก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“มัตสึโมโต้ รันงิคุ ฝากตัวด้วยนะ เค้กอร่อยมากเลย ขอบใจมากนะ” รันงิคุพูดขึ้นทำให้เด็กสาวผมเปียเรือนผมสีดำก็หน้าแดงกล่ำขึ้นมาทันทีแล้วนานาโอะก็ยิ้มแล้วหันไปมองเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังกต้องยิ้มออกมาทันที
“ชั้นไม่ได้เป็นคนหรอกนะ ด้านหลังนี่ ตังหากเป็นคนทำเองทั้งหมดเลย” นานาโอะพูดแล้วชี้ไปที่เด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังแล้วรันงิคุก็มองไปด้านหลังแล้วยิ้มออกมาทันที แล้วรันงิคุก็เดินเข้าไปใกล้ๆ
“ดีจ้า ชั้นชื่อ รันงิคุ นะ ขอบคุณสำหรับเค้กนะ อร่อยมากๆเลย” รันงิคุพูดแล้วยิ้มให้เด็กสาวอย่างอ่อนโยนแล้วเด็กสาวก็ต้องหน้าแดงยิ่งกว่า
“ข่ะ ค่ะ” เด็กสาวพูดด้วยเรียบๆและตะกุกตะกักเล็กน้อยแล้วอยู่ๆโอริฮิเมะก็ก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า
“รุ่นพี่เนม ยิ้มหน่อยสิคะ ได้ออกมาเปลี่ยนบรรกาศทั้งน่ะ” โอริฮิเมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วยิ้มให้เนมแล้วหันไปพูดกับรันงิคุว่า
“สวัสดีค่ะ Aqua Rabbit อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ ค่ะ” โอริฮิเมะพูดแล้วยิ้มให้รันงิคุอย่างสดใสแล้วรันงิคุก็ยิ้มกลับมาแล้วพูดว่า
“รันงิคุ จ๊ะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วอยู่ๆเด็กสาวผมสีดำถอยหลังมาชนหลังโอริฮิเมะโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
“ชั้นล้อเล่น ขอโทษจ้า” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วพยายามถอยหลังหนีเด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวแล้วเข้ามาแล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“แล้วเธอสูงกว่าชั้นตรงไหน มิทราบห๊ะ คุจิกิ” เด็กพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงมากที่สุด
“ก็บอกแล้วไง ว่า ขอโทษน่ะ” ลูเคียพูดย้ำอีกครั้งแล้วเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีเด็กหนุ่มอีก 4 คนเดินเข้ามาแล้วเนมที่ทำหน้าเขินเมื่อกี๊นี้ก็เปลี่ยนสายตาไม่ทันที
“มาแล้วคร้าบๆๆ” เสียงชายหนุ่มเรือนผมสีเหลืองถือไม้เท้าเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มผมสีส้มที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋าอย่างไม่สบอารมณ์และเด็กหนุ่มอีกคนที่มัดผมหางม้าเดินเข้ามา และหญิงสาวเรือนผมสีม่วงดวงตาสีเหลืองแล้วมือก็อุ้มแมวสีดำเดินเข้ามาอีกตัวนึ่ง แล้วเด็กหนุ่มเรือนผมสีทอง และเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำอมม่วงที่สายตาเหล่ไปที่เด็กสาวผมเปียเรือนผมสีดำอย่างไม่สบอารมณ์
“โทษทีนะที่มาช้า” หญิงสาวเรือนผมสีม่วงแล้วก็หันไปพูดกับเด็กหนุ่มเรือนผมสีม่วงอมดำว่า
“ชูเฮย์~” หญิงสาวลากเสียงแล้วชูเฮย์ก็หันมามองแล้วอยู่หญิงสาวก็เอามือจับที่ปกเสื้อและบีบแน่นและพูดว่า
“ถ้าเกิดว่า วันนี้หาเรื่องเนมจังล่ะก็ นาย....ตาย!!” หญิงสาวพูดจบก็เดินเข้าไปในที่มีผู้จัดการทุกคนอยู่ด้านในพร้อมกับชายหนุ่มเรือนผมสีเหลือง
“อิจิโกะ เป็นไงสบายดีมั้ย?” เสียงใสๆของลูเคียที่วิ่งเข้าไปทักอิจิโกะทำให้อิจิโกะต้องหน้าแดงกล่ำแล้วพูดว่า
“อ่ะ อื้ม สบายดีเธอล่ะงาน ลาบลื่นดีมั้ย” อิจิโกะถพูดอย่างเขินๆแล้วลูเคียก็พยักหนน้ารับแล้วอยู่ๆเด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงก็พูดขึ้นว่า
“แหม~ ลูเคียลืมชั้นซะแล้วเหรอเนี่ย” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วลูเคียก็หันไปยิ้ม
“ก็เห็นนายดูอารมณ์ไม่ดีนี่นา โทษทีล่ะกัน” ลูเคียพูดแล้วด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุที่ยืนอยู่ก็ทำหน้างงๆแล้วพูดขึ้นลอยๆว่า
“ดูสนิทกันจังเลยนะ” รันงิคุพูดขึ้นลอยแล้วโอริฮิเมะที่อยู่ข้างก็หันมาทันทีแล้วพูดว่า
“ก็แบบนี้แหละค่ะ พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่ที่เข้าวงการใหม่ๆแล้วแหละ” โอริฮิเมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วอยู่ๆนานาโอะก็พูดขึ้นว่า
“แต่ชั้นว่ายังมีอีกคู่นึ่ง ที่ไม่ถูกกันอย่างแรงเลยแหละ” นานาโอะพูดแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วชี้ไปที่เนมที่กำลังจ้องตากับชูเฮย์อย่างไม่มีใครยอมใคร
“ฮ่าๆ นั้นสินะ” โอริฮิเมะพูดแล้วหัวเราะอย่างเจื่อนๆแล้วรันงิคุก็ยิ้มเจื่อนๆออกมาแล้วทั้ง 2 คนเริ่มที่จะมีปากเสียงกันขึ้นมา
“เพราะแบบนี้ไงถึงไม่ค่อยอย่างจะมา องมาเจอยัยแก่หน้าเป็นตูดแบบเนี่ย เฮ้อ~เซงชีวิตจริงๆ” ชูเฮย์พูดขึ้นเพื่อให้เธอได้ยินแล้วเด็กเรือนผมสีทองที่ยืนอยู่ข้างๆก็เขย่าแขนเบาๆ แล้วพูดว่า
“เดี๋ยวก็โดนผู้จัดการ สวดยับหรอก” เด็กหนุ่มพูดขึ้นแต่ชูเฮย์ก็ไม่ยอมฟังแม้แต่น้อยแล้วอยู่เด็กสาวที่ทางท่าเงียบๆก็เริ่มทำสายตาโหดๆขึ้นมา
“นายมันน่ารำคาญไปไกลจะดีกว่า ขว้างหูขว้างตาจริงๆ” เนมพูดจบก็เดินไปนั่งบนโซฟาที่ลูเคียนั่งอยู่แล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“ถ้าผู้จัดการไม่บังคับ ชั้นก็ไม่มามองหน้าเธอให้เสียสายตาหรอก” ชูเฮย์พูดแกรมประชดประชันแล้วเด็กหนุ่มก็ต้องถอนหายใจเพราะรู้ว่าห้ามอะไรไม่ได้จึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ โทชีโร่ที่นั่งอยู่บนอ่างล้างจาน (ไม่เปียก)
“ไง โทชีโร่ ดีใจด้วยนะทีได้อันดับ 1” เด็กหนุ่มทักด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโทชีโร่ก็หันมาแล้วพยักหน้ารับแล้วเสียงของเนมก็ดังขึ้นลั่นห้อง
“สิงโต มันเป็นสัตว์ป่าไม่ใช่รึไง แต่ว่านอนสอนง่ายเหมือนแมว ไม่มีผิด” เนมพูดแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแล้วทำเมินใส่ชูเฮย์อย่างกวนๆ
“ยังไงซะ เยื่อของสิงโต ก็เป็นกวางอยู่วันยังค่ำ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ขึ้นไปอีกแล้วเนมก็เหล่ตามามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับปไมองหนังสืออีกครั้ง
“ถ้าสิงโตมันไร้น้ำยา ก็ไม่มีท่าจับกวางไปหรอก” เนมพูดจบก็วางหนังสือลงแล้วนั่งเอนไปด้านหลังอย่างกวนๆ (เรื่องเนมเขากวนแบบนิ่งๆ)
“ว่าไงนะ!” ชูเฮย์พูดแล้วคิระที่นั่งอยู่ก็เข้ามาจับไว้ทันที
“นี่ รุ่นพี่เป็นคนหาเรื่องเขานะ” คิระพูดจบชูเอย์เหลียวหลังมามองแล้วสะบัดออกอย่างไม่สบอารมณ์แล้วชูเฮย์ก็นั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเร็นจิก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า
“ไม่มีใครเถียงผู้หญิงได้หรอกนะคับ” เร็นจิพูดแล้วยิ้มเจื่อนๆแล้วชูเฮย์ก็เอามือคว้าแก้วน้ำแล้วกระดกสะบั้นอารมณ์
และทางด้านในซึ่งตอนนี้กำลังคุยกันเรื่อง....(อ่านเอานะ)
“นี่ๆให้เด็กไปเรียนหนังสือกันบ้างสิ ได้ยินว่าช่วงนี้ชูเฮย์คุงกับอิซึรุคุงหยุดเรียนบ่อยเลยนะ ชิโฮอิน ถนอมพวกเขาหน่อยสิ เดี๋ยวก็ได้สอบตกกันทั้งคู่หรอก” เสียงของชายรวบผมไว้ด้านหลังใบหน้าดูเป็นผู้ใหญ่นอนเอนหลังอย่างสบายอารมณ์แล้วหญิงสาวเรือนผมสีม่วงก็ถ้วงขึ้นทันที
“พวกไม่ให้ทำงาน เจ้าพวกนั้นก็ก่อเรื่องเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนเลยโดเฉพาะชูเฮย์น่ะ แล้วก็เมื่อวันก่อน มันไปเที่ยวกันแล้ววิ่งหนีแฟนคลับกลับมาไม่เป็นรูป ดีนะที่นักข่าวไม่เห็นเข้า ไม่งั้นล่ะก็ ชั้นได้แก้ข่าวปากฉีกถึงหูแน่” หญิงสาวพูดพลางเข้ามือลูบหัวแมวที่นอนอยู่บนตักตลอดเวลา
“เอาน่าๆ เด็กก็แบบนี้แหละ” จูชีโร่พูดขัดขึ้นก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเริ่มเถียงกันไม่หยุด
“นี่ชุนซุย! พวกนานาโอะจัง เรตตี้ง เป็นไงบ้าง” อยู่ๆเร็ตสึก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชุนซุยก็ทำหน้างงๆ
“ก็พอๆกับ Black Dragon นั่นแหละแต่ก็ยังน้อยกว่านิดหน่อยน่ะ” ชุนซุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชายหนุ่เรือนผมสีดำที่นั่งจิบกาแฟอย่างเงียบมาตลอดก็พูดขึ้นว่า
“แล้วตกลงมีอะไรล่ะคับ พวกคุณ 2 คนถึงเรียกพวกเรามารวมกันแบบนี้” ชายหนุ่มพูดขึ้นแล้วเร็ตสึก็ทำหน้าตกขึ้นมาเล็กน้อย
“ฮ่าๆ เบียคุยะ เนี่ยยังเหมือนเดิมเลยนะ” จูชีโร่หัวเราะออกมาตามแบบฉบับของหนุ่มเจ้าสำราญแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“นั่นสินะ งั้นชั้นจะขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วทุกคนก็เริ่มทำหน้าจริงจังกันแล้วเร็ตสึก็พูดขึ้นว่า
“อยากบอกไว้ก่อนหน้านี้นะคะ ชั้นพาเด็กเข้ามาใหม่น่ะ ที่ชื่อ รันงิคุ น่ะ” เร็ตสึพูดขึ้นแล้วทุกคนก็เงียบเพื่อรอฟังต่อแล้วโยรุอิจิก็มองออกไปด้านนอกก็เห็นรันงิคุที่กำลังยิ้มและหัวเราะอย่างสดใส แล้วอยู่เร็ตสึก็พูดขึ้นว่า
“เด็กคนนั้นเป็น ลูกสาว ก็เขาผู้หญิงคนนั้นยังไงล่ะ” ทันทีที่เร็ตสึพูดจบทุกคนก็เบิงตากว้างขึ้นมาทันทีแล้วอยู่ๆชุนซุยก็พูดขึ้นว่า
“เธอไปเจอเด็กคนนั้นที่ไหน” ซุยชุนถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาแล้วเร็ตสึก็หัวเราะเบาๆ
“งินคุง ตังหากล่ะที่เป็นคนหาเจอ” เร็ตสึพูดจบก็มองออกไปด้านนอกเพื่อมองรันงิคุที่กำลังเริ่มที่จะหันมาทะเลอะกับงิน
“มีหลักฐานอะไรยืนล่ะยันล่ะคับ ว่าใช่แน่ บ้างคนน่ะหน้าตามันเหมือนกันนะคับ” คิสุเกะพูดขึ้นแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้ว
“แล้วรูปนี้พอจะยืนยันได้รึป่าว” เร็ตสึพูดจบก็วางรูปลงที่กลางโต๊ะ แล้วทุกคนก็มองไปที่รูปนั้นแล้วสลับกับมองรันงิคุไปพลาง (ถ้าบรรยายรูปในภาพเดี๋ยวจะหาว่าสปอย) แล้วอยู่ๆแมวสีดำที่นั่งอยู่บนตักของโยรุอิจิโกะก็ลุกขึ้นมาหาวและบีบตัวยาวแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง (มาบอกทำไม)
“เห็นมั้ยคะ ทั้งสีผม ทั้งดวงตา ทั้งโครงหน้า ได้แม่มาทั้งหมด” เร็ตสึพูดแล้วรอยยิ้มก็หายไปจนหมดสิ้นแล้วทุกคนก็เริ่มที่จะทำใจยอมรับรันงิคุกันอย่างไม่มีข้อแม้
“เหมือนกันมากเลยนะ” โยรุอิจิพูดขึ้นแล้วเร็ตสึเอามือหยิบรูปนั้นเก็บใส่กระเป๋าแล้วพูดขึ้นว่า
“ตอนนี้รันงิคุจัง มีเพลงของตัวแล้ว 1 เพลง แล้วทุกอย่างทำเองทุกอย่างไม่มีใครช่วยเลย” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วอยู่ๆเบียคุยะก็พูดขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาว่า
“อย่างจะบอกว่า เป็นพรสวรรค์ สินะ” เบียคุยะพุดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็พยักหน้ารับแล้วอยู่ๆโยรุอิจิก็พูดขึ้นว่า
“เธอคงมีอะไรหพวกเราช่วยสินะ เธอคงไม่เรียกพวกเรามาบอกเรื่องแค่นี้หรอกใช่มั้ยล่ะ” โยรุอิจิพูดพลางเอนตัวไปด้านหลังและเอามือลูบหัวแมวไปพลาง
“ใช่ค่ะ ชั้นอยากให้ทุกคนช่วยดูแล เด็กคนนั้นหน่อยน่ะค่ะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วทุกคนก็ยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์ (ยกเว้นเบียคุยะที่ยิ้มที่มุมปาก)
“แค่เธอบอกว่า เป็นลูกสาวของผู้หญิงคนคนั้น พวกเราก็ยินดีที่จะดูแลแหละนะ” ซุยชุนพูดแล้วทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแล้วเร็ตสึก็ยิ้มออกมาบางๆ
“ขอบคุณมากนะคะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโยรุอิจิกพูดขึ้นว่า
“ชั้นกลับก่อนนะ เดี๋ยวให้เจ้าชูเฮย์กับอิซึรุ ไปโปรโมท มิวสิควีดีโอ ด้วย” โยรุอิจิโกะพร้อมกับเดินมาที่ประตูแล้วแมวสีดำก็ขึ้นมานั่งที่บนไหล่
“ค่ะ กลับดีๆนะคะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโยรุอิจิก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไปทันทีแล้วเมื่อเดินออกมา
“ชูเฮย์ อิซึรุ ไปกันได้แล้วมีงานต่อนะ” โยรุอิจิพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชูเฮย์กับอิซึรุก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามโยรุอิจิไปแล้วก่อนที่ชูเฮย์จะเดินไปก็มาส่งสายตากวนๆใส่เนม แล้วเนมก็ทำเมินเฉยเหมือนไม่สนใจ แล้วอยู่รันงิคุก็ถามขึ้นว่า
“นี่ ทำไม 2 คนนี้ถึงไม่ถูกกัน ขนาดนี้ล่ะเนี่ย” รันงิคุถามนานาโอะเบาๆแล้วนานาโอะทำหน้าเจื่อนๆแล้วพูดว่า
“เหตุผลน่ะ ชั้นไม่รู้หรอกนะ แต่รู้แค่ตอนที่ยังไม่เข้าวงการน่ะ2คนนี้เขาเคยคบกันน่ะ” นานาโอะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเนมก็ได้ยินอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่พูดต่อว่าอะไร
“จริงป่าวเนี่ย?” รันงิคุถามอย่างตกใจแล้วนานาโอะก็พยักหน้าแล้วเล่าต่อไปว่า
“แต่เพราะชูเฮย์ เขาไม่มาสนใจอะไรเลย พูดง่ายๆก็คือไม่แคร์เลยนั่นแหละแล้วก็ควงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาเลย ก็เลยมีเรื่องไม่เข้าใจกันแล้วก็เลิกกัน แล้วก็เลิกคุยกันไปพักใหญ่ๆ แล้วก็เริ่มมาคุยกันอีกที ก็ไม่นานนี้เอง แต่ที่ว่าคุยกันก็อย่างที่เห็นนี่แหละ แล้วก็ห้ามบอกคนที่บ้านเด็ดขาดเลยนะ ที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่พวกเราที่มาวันนี้เท่านั้นแหละ แหะๆ ขืนเล่าให้คนอื่นฟัง 2 คนนี้ได้เดือดร้อนกันถึงผู้จัดการแน่นอน” นานาโอะพูดแล้วหันมายิ้มให้รันงิคุแล้วรันงิคุก็พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ แล้วอยู่ๆชายหนุ่มเรือนผมสีดำก็เดินออกมา
“พี่!” ลูเคียที่กำลังยืนอยู่ข้างๆอิจิโกะก็วิ่งเข้าไปหาเบียคุยะทันทีแล้วโอริฮิเมะก็หันไปพูดกับรันงิคุว่า
“กลับก่อนนะคะ” โอริฮิเมะพูดแล้วก้มโค้งให้รันงิคุเล็กน้อยแล้วรันงิคุก็ยิ้มแล้วโอริฮิเมะก็เดินไปแล้วลูเคียที่กำลังจะเดินออกไปก็พูดขึ้นว่า
“อ่อ! โทษทีนะคะลืมแนะนำตัวเลย Aqua Rabbit คุจิกิ ลูเคียค่ะ กลับก่อนนะคะ!” ลูเคียพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสดใสแล้วรันงิคุก็พยักหน้ารับแล้วรันงิคุที่ยังไม่ทันได้บอกชื่อตัวเองลเคียก็เดินออกไปซะแล้ว
“เด็กคนนั้นน่ะไวชำมัดเลยแฮะ” รันงิคุพูดขึ้นลอยๆแล้วยิ้มนิดๆแล้วนานาโอะก็พูดขึ้นว่า
“ลูเคีย น่ะเหรอ” นานาโอะพูดแล้วยิ้มเจื่อนๆแล้วในตอนนี้ก็เหลือแค่ Deer Light กับ FireFox เท่านั้นที่ผู้จัดการยังไม่ออกมา
“ผู้จัดการทำอะไรอยู่น้า~ไม่ออกมาสักที” นานาโอะบ่นเบาๆแล้วเนมก็ชะเง้ยมองเข้าไปในห้องที่มีกระจกสีทึบเล็กน้อยแล้วเนมก็ก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วเอาแหวนวงเล็กๆขึ้นแล้วมองด้วยสายตาที่เศร้าๆแล้วในแหวนก็มีรอยสลักว่า “Shunhei Love Name” แล้วเนมก็ถอนหายใจเบาๆ
‘อยากจะทิ้งลงขยะจริงๆ แต่มันก็ทำใจทิ้งไปไม่ได้อยู่ดี’ เนมคิดขึ้นในใจและถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเก็บแหวนใส่กระเป๋าไปแล้วรันงิคุที่ยืนอยู่ก็สังเกตเห็นที่ขาของเนมที่มีเหมือนรูปเขากวางแลบออกมาเล็กน้อยจึงถามขึ้นว่า
“นี่ขาไปโดนอะไรมา” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเนมก็หันมาแล้วมองไปที่ขาตัว
“อ๋อนั่นน่ะ รอยสัก ตังหาก เป็นสัญลักษณ์ของ Deer Light” นานาโอะพูดขึ้นแล้วเปิดขาเสื้อตัวเองขึ้นมาแล้วรันงิคุก็มองอย่างงงๆ
“อืม....คงเจ็บน่าดูเลยนะสักเนี่ย” รันงิคุพูดแล้วก้ทำท่าทางคุ้นคิดเล็กน้อยแล้วนานาโอะก็มองไปที่รอยสักแล้วพูดว่า
“ก็นิดหน่อยน่ะ” นานาโอะพูดจบชายหนุ่ม 3 คนแล้วหญิงสาวอีกนึ่งคนก็เดินออกมาจากห้อง
“ผู้จัดการคะ” นานาโอะเรียกชุนซุยเบาๆ แล้วชุนซุยก็เดินเข้ามาใกล้ๆรันงิคุแล้วพูดว่า
“นี่ รันงิคุจัง วันนี้นานาโอะจังมีงานอัดเสียงด้วยจะลองไปดูมั้ยล่ะ” ชุนซุยเอ่ยชวนแล้วรันงิคุก็ลังเลขึ้นมาทันทีแล้วนานาโอะก็หันมาพยักหน้าแต่รันงิคุก็ยังลังเลอยู่
“ลองไปดูสิ รันงิคุจัง เดี๋ยวเธอเองก็ต้องเอาอัดเหมือนกัน ได้ศึกษาไว้หน่อยเถอะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุทำหน้าหน่ายๆแล้วพยักหน้าไป
“งั้นตามมาเลย” ชุนซุยพูดจบก็ลากรันงิคุลงไปทันทีแล้วทั้ง 2 คนก็ยิ้มให้เร็ตสึแล้วก้มโค้งลงอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินลงไป
“นี่คุณเร็ตสึ เรื่องที่บอกน่ะ ผมจะช่วยแล้วกันนะคับ แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจนทนผมไว้รึป่าว” คิสุเกะพูดขึ้นพร้อมกับเอามือเกาหัวเบาๆแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
“ผู้จัดการ ก่อนจะดูแลคนอื่นไปจัดของที่สำนักงานตัวเองจะดีกว่ามั้ยคับ” อิจิโกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็นจิก็หัวเราะเบาๆ
“อ๋อ ตรงที่คุณทำไอศกรีมหกไว้น่ะเหรอคับ ตรงนั้นคุณไม่ต้องห่วงคับ แม่บ้านทำให้เรียบร้อยคับ” คิสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์แล้วอิจิโกะพูดทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที แล้วเร็นจิก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“กลับนะคับ” คิสุเกะพูดจบก็เดินลงไปทันทีแล้วอิจิโกะกับเร็นจิก็ตามลงไปแล้วงินก็พูดขึ้นว่า
“ผมควรจะตามไปรึป่าวคับ” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็พยักหน้ารับแล้วพูดว่า
“อย่างมากด้วยจ๊ะ” เร็ตสึพุดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโทชีโร่ก็พูดขึ้นว่า
“ไปไหนอีกล่ะ พี่” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยแล้วทำหน้ามุ้ยนิดๆ
“ไปด้วยกันมั้ยล่ะ” งินพูดแล้วก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆแล้วโทชีโร่ก็เชิดหน้าใส่แล้วเดินเข้าไปในห้อง
ลานจอดรถ
‘รถสะอาดจัง’ รันงิคุคิดในใจเมื่อเห็นรถเบนซ์สีเงินแววสะอาดล้อรถที่เป็นดำเหมือนกระจกหน้ารถที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“แล้วขึ้นไปสิ คนสวย” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ยังไมทันได้พูดอะไรอยู่ก็มีเด็กหนุ่มเดินลงมาจากด้านบนแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไรคับ เดี๋ยวเรื่องรันงิคุเดี๋ยวให้ไปกับผมก็ได้” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชุนซุยก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“แหม~ รู้สึกว่าจะหวงแม่คนสวยจังเลยนะ” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วนานาโอะก็ยืนอยู่ข้างๆรถก็พุดขึ้นว่า
“ระวังเป็นข่าวล่ะ รอยสักน่ะไม่เอาผ้าพันคอมาปิดไว้ เดี๋ยวจะเดือดร้อนทั้งคู่นะ” นานาโอะพูดออย่างเป็นห่วงแล้วงินก็ยิ้มบางๆแล้วหันกลับมาพูดกับรันงิคุว่า
“ไม่ต้องหวังหรอก ไม่มีใครมองตามชั้นทันหรอกน่า” งินพูดพร้อมกับใส่หมวกกันน็อกเพื่อปิดหน้าไว้แล้วรันงิคุก็หันไปยิ้มให้นานาโอะแล้วพูดว่า
“เจ้าหมอนี่น่ะ ขับรถเร็วจะตาย ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างชั้นไม่ค่อยชอบนั่งรถใหญ่ด้วย ขอโทษนะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วนานาโอะกพยักหน้ารับ
“ตามใจ ผู้จัดการรีบไปเถอะค่ะ” นานาโอะพูดจบก็ขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเนมแล้ชุนซุยก็หันมายิ้มก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถ
หลังจากที่ออกรถไปได้ไม่นานามากนัก เมื่อนานาโอะเห็นงินที่ขับรถซิ่งอย่างมากจึงเริ่มเป็นห่วงรันงิคุขึ้นมา
“คนมองไม่ทันก็ดีอยู่หรอก แต่เร็วขนาดนั้นถ้าตำรวจจับล่ะก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีเลยนะ” นานาโอะบ่นขึ้นเบาๆแล้วเนมก็ทำหน้าเจื่อนๆเล็กน้อยแล้วชุนซุยก็ปล่อยหัวเราะออกมาตามแบบผู้ชายเจ้าสำราน
“ฮ่าๆ ถ้าโดนจับก็แย่ล่ะสิ ฮ่าๆ” ชุนซุยพูดอย่างสบายอารมณ์แล้วนานาโอะก็ถอนหายใจพร้อมกับเอาแขนเท้าที่ขอบประตูแล้วเอามือเท้าคางอย่างหน่ายๆแล้วอยู่
งินก็ขับรถย้อนสอนกลับมาแล้วระวังที่ขับรันงิคุก็ต้องกลัวจนต้องจับเอวงินแน่น (ดูมันขับ ขับหรือแกล้งกันแน่) แล้วงินก็ชะรอรถลงแล้วหันไปรถทางด้านหน้าอีกครั้ง แล้วก็ขับขึ้นไปให้เสมอกับรถของ Deer Light แล้วเมื่อเสมอกันได้ที่งินก็เอามือเคาะกระจกรถด้านหลังเบาๆ แล้วนานาโอะที่นั่งอยู่ฝั่งนั้นพอดีก็เปิดหน้าต่าง ออกมาแล้วถอนหายใจเบาๆแล้วพูดขึ้นทันทีว่า
“นายจะบ้ารึไง ขับแบบนั้นเดี๋ยวได้เดือดร้อนทั้งคู่หรอก” นานาโอะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วงินก็แสยะยิ้มแล้วทำหน้าสบายอารมร์แล้วพูดว่า
“ว่าแต่จะไปอัดเสียงกันที่ไหน ชั้นจะได้ล่วงหน้าไปก่อนเลย” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วนานาโอะก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์
‘มันไม่ฟังกันเลยใช่มั้ยเนี่ย’ นานาโอะคิดในใจแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า
“ก็ที่เดียวกับที่นายไปอัดมาล่าสุดนั้นแหละ Modular Records น่ะ” นานาโอะพูดด้วยน้ำเสียงที่หน่ายๆแล้วงินก็พยักหน้ารับแล้วกำลังจะเร่งเครื่อง
“นี่นายน่ะ ขับช้าๆหน่อยก็ได้ รันงิคุ เขากลัวใหญ่แล้ว เห็นมั้ยนั่นน่ะ สั่นใหญ่เลย” นานาโอะพูดด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นรันงิคุที่นั่งอยู่ด้านหลังทำท่าทางเหมือนจะอ้วกและขับเสื้องินแน่น แต่งินก็ยังทำหน้าสบายอารมณ์แล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไรหรอก รันงิคุน่ะอึดตะตาย ไปนะ” งินพูดจบก็เร่งเครื่องไปด้วยความเร็วโดยที่ไม่รู้เลยว่ารันงิคุนั้นกำลังจะอ้วกจริงๆแล้วนานาโอะปิดกระจกแล้วทำท่าทางเป็นห่วงอย่างมากเนมที่นนั่งอยู่ข้างๆก็ห่วงไม่แพ้ถึงแม้ว่าจะไม่พูดอะไรเลยก็ตาม - -*
“เอาน่า เห็นแบบนั้นงินคุงเขาขับรถแข็งนะ” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์แล้วนานาโอะก็ถอนหายใจเบาๆอย่างหน่ายๆเนมก็เช่นกันแต่ทั้ง 2 คนก็หันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันเล็กน้อย (เนมยิ้มที่มุมปากนิดเดียว)
และงินที่ล่วงหน้าไปก่อนตอนนี้ใกล้ๆจะถึงแล้วแต่เมื่องินเห็นรันงิคุที่เงียบมากๆทำให้เกิดประหลาดใจขึ้นมา
“นี่ ยัยตัวแสบ เป็นอะไรไป เงียบซะผิดปกติเลยนะ” งินพูดจบอยู่ๆรันงิคุก็ก้มหน้าลงทำให้งินเหลียวหลังไปเล็กน้อย
“งินชั้น.....จะอ้วกแล้ว” รันงิคุพูดจบก็เอามือมาปิดปากตัวเองไว้ข้างนึ่งแล้วอีกข้างนึ่งจับเสื้องินไว้แน่น
“เดี๋ยวนะ อม ไว้ก่อน” (ดูมัน- -*) งินพูดจบก็ลดความเร็วลงแล้วมองซ้ายเพื่อหาที่คนน้อยๆจนกระทั่ง
“จ่ะ จอดเร็วเข้า ช่ะ ชั้นจะไม่ไหว ล่ะ แล้ว” รันงิคุก็พูดแล้วก็เอามือปิดปากตัวเองแน่นขึ้นแล้วงินก็ถอนหายใจ
“เป็นข่าวก็เป็นข่าวโว้ย” งินพูดเบาๆแล้วจอดลงที่ข้างทางหน้าร้านขายเครื่องสำอางร้าน (ใหญ่) ร้านนึ่งแล้วรันงิคุก็ไม่สนใจแม้แต่แล้วทันทีที่จอดรถรันงิคุก็วิ่งลงมาตรงต้นไม้แล้วอ้วกออกมาทันที แล้วงินเอามือปิดรอยสักตัวเองไว้ข้างนึ่งแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆรันงิคุแล้วก็เอามือลูบหลังเบาๆ
“ปกติไม่เห็นจะอ้วกแบบนี้เลยนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็เอามือเช็คปากเบาๆแล้วหันมาทำให้งินเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวมาก
“นั่นมันทางใกล้ๆนิ นี่มันไกลแล้วนายเล่นขับเร็วขนาดนั้นชั้นหายใจไม่......แหวะ!” รันงิคุพูดไม่ทันจบก็แหวะออกมาอีกครั้งแล้วงินก็เอามือลูบหลังเบาๆ
“ไหวมั้ยเนี่ย” งินถามอย่างเป็นห่วงแล้วรันงิคุพยักหน้าแล้วหลังจากไม่นาน
“หายแล้วนะ” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็พยักหน้าพลางเอากระดาษชิชูเช็คที่ปากแล้วงินก็เดินนำไปขึ้นรถแล้วรันงิคุก็เดินขึ้นมาซ้อนหลังแล้วพูดว่า
“คราวนี้ไม่ต้องเร็วมากนะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรแล้วงินก็ออกรถไปด้วยความเร็วที่น้อยลงหรือเท่ากับที่คนปกติขับกัน
เมื่อถึงสำนักงาน
“เฮ้อ~ พวกนานาโอะยังมาไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย” งินบ่นเบาๆพลางถอดหมวกกันน็อกออกแล้วเอาหมวกนักน็อกขวางไว้ที่เฮดรถแล้วรันงิคุก็ถามขึ้นว่า
“นี่พวกนายแบบนี้กันตลอดเลยเหรอ” รันงิคุถามอย่างสงสัยแล้วงินก็ทำหน้างงๆ
“เป็นยังไงล่ะ” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
“ก็หยุดเรียนไงล่ะ เวลามีงานเช้าหรือว่าถูกเรียกประชุมแบบนี้น่ะ ก็ตอนหยุดเรียนใช่มั้ยล่ะ เป็นแบบนี้แล้วเรื่องเรียนจะไปรอดเหรอ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ยิ้มบางและหัวเราะเบาๆ แล้วรันงิคุก็ทำหน้ามุ้ยนิดๆ
“พวกชั้นเรียนอยู่เป็นโรงเรียนสำหรับไอดอล เพราะงั้นเรื่องหยุดอะไรเนี่ยไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะว่า อาจารย์มีโปรแกรมพิเศษสำหรับพวกไอดอลโดยการสอนชดเชยให้น่ะ เธอลองมาเรียนดูมั้ยล่ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วยิ้มแหย่รันงิคุอย่างกวนๆ
“ไม่เอาด้วยหรอกยะ ชั้นอยู่ของชั้นแบบนี้มันก็ดีแล้ว” รันงิคุพูดแล้วเอามือกอดหมวกกันน็อกไว้แล้วสายตาของงินก็มองลงไปช่วงขาของรันงิคุที่ใส่กระโปรงสั้นจนเห็นขาอ่อนและเกือบเห็น กกน อยู่แล้ว และงินมองด้วยสายตาที่หื่น
“ขาขาวชำมัดเลย” งินพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวแล้วรันงิคุก็มองไปที่ขาอ่อนตัวแล้วหน้าแดงขึ้นมาแล้วหันไปมองงินเมื่อเห็นสายตาที่หื่นๆนั้นจึงใช้หมวกกันน็อกปาใส่ศีรษะเข้าเต็มๆ แล้วงินก็เอามือกุมศีรษะเบาๆ แล้วหมวกกันน็อกก็ตกใส่เท้า
“ไอ้โรคจิต” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณแล้วงินก็ก้มไปหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นเบาๆพร้อมกับพูดว่า
“แหม~ ก็เล่นใส่กระโปรงซะสั้นขนาดนั้น ไม่ใช่ชั้นก็มองกันหมดน่ะแหละ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็พิงกำแพงอย่างไม่สบอารมณ์
“เอ้า ไม่นั่งแล้วเหรอ” งินถามอย่างกวนๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้าตาโตใส่แล้วงินก็หัวเราะเบาๆ
แล้วหลังจากนั้นประมาท 5 นาทีพวกนานาโอะก็มาถึงแล้วเมื่อจอดรถเสร็จก็ลงมากัน
“เร็วจังเลยนะ” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินนก็หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า
“เร็วเหรอคับ ขนาดมีคนอ้วกกลางทางเนี่ยนะ” งินพูดจบรันงิคุก็หันมามองอย่างเคืองๆแล้วนานาโอะก็ถอนหายใจเบาๆ
“แล้วเป็นอะไรรึป่าว” นานาโอะถามอย่างเป็นห่วงแล้วรันงิคุก็หันมายิ้มแล้วพูดว่า
“สบายมาก” รันงิคุพูดแล้วยิ้มอย่างสดใสแล้วนานาโอะก็พลอยยิ้มไปด้วยแล้วชุนซุยก็พูดขึ้นว่า
“รีบขึ้นไปกันเถอะ เดี๋ยวเขาจะบ่นเอา” ชุนซุยพูดจบก็เดินนำขึ้นไปแล้วนานาโอะก็เดินมาจับมือรันงิคุแล้วลากไปด้วยแล้วเนมก็กำลังจะเดินตามไปแต่ว่า
“เนมจัง กับเจ้าชูเฮย์ ไม่คิดจะกลับมาคบกันอีกรอบเหรอ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเนมก็ทำท่าทางไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“แค่หน้าของไอบ้าโรคจิตนั้นชั้นยังไม่อยากจะเห็นเลย” เนมพูดจบก็เดินขึ้นไปอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีแล้วงินก็หัวเราะเบาๆแล้วเดินตามขึ้นไป
ตัดไปที่ชูเฮย์
“ฮัดชิ้ว!” เสียงของชูเฮย์ที่จามขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุทำให้คิระประหลาดใจเล็กน้อย
“เป็นหวัดซะแล้วเหรอ” คิระถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชูเฮย์ก็เอามือเช็คจมูกเบาๆ
“สงสัยยัยนั่น นินทาชั้นแหงเลยเนี่ย” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วโยรุอิจิก็หัวเราะขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆ ชั้นว่าเนมจังเขาก็น่ารักดีออก ถึงเงียบไปหน่อยก็เหอะ” โยรุอิจิพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชูเฮย์ก็ทำหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเอนตัวไปด้านหลัง
“ไม่คิดจะคืนดีก่ะ....” โยรุอิจิพูดไม่ทันจบชูเฮย์ก็พูดไม่อยากไม่หยุดคิดแม้แต่น้อยว่า
“ไม่มีทาง ยัยนั่นควงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตา ผมเลยนะ เรื่องอะไรจะคืนดี” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิมแล้วคิระก็ทำหน้าเจื่อนๆแล้วพูดว่า
“ก็รุ่นพี่ไม่เห็นจะสนใจเขาสักนิดเลยนี่นา มีคนอื่นก็ไม่แปลก” คิระพูดแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วชูเฮย์ก็เหล่ตามาอยากโกรธนิดๆ
“ชั้นว่างซะที่ไหนเล่า ใครกันล่ะที่รับงานมาแบบไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ” ชูเฮย์จบโยรุอิจิโดยจอดรถที่ข้างถนนทันทีแล้วคิระก็สะดุ้งทันและเมื่อหันไปมอง
โยรุอิจิก็สัมผัสได้ทันทีว่า ตอนนี้โยรุอิจิกำลังโกธรถึงขั้นลุกเป็นไฟ ชูเฮย์ก็เหงื่อออกทันที
“ม่ะ ไม่ได้ ห่ะ หมายความแบบนั้น คือว่า.....คือ....” ชูเฮย์พูดอย่างตะกุกแล้วโยรุอิจิก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ๆขึ้นเรื่อยๆ
อะจ๊าก!!!! เสียงของชูเฮยดังออกมานอกรถทำให้คนที่เดินอยู่โดยรอบหันมาที่รถกันหมด
ตัดไปที่รันงิคุกันบ้าง
หลังจากที่ชุนซุยตกลงกับพนักงานเรียบๆก็พูดขึ้นว่า
“ฝากตัวนะคับ” ชุนซุยพูดจบก็เดินออกจากห้องแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆแล้วกำลังจะเดินไปแต่ว่า
“เธออยู่นี่แหละ” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุกทำหน้างงๆยิ่งกว่าเดิม
“เธอมาศึกษานิ นั่งดูไปเหอะ” ชุนซุยพูดจบก็เดินออกไปพร้อมเนมและงินแต่ก็ที่งินจะออกไปก็หันมาพูดกับรันงิคุว่า
“อย่าก่อเรื่องล่ะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเดินออกไปดยไม่รอให้รันงิคุไม่เถียงอะไรแล้วรันงิคุก็เดินไปนั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกระจกที่สามารถมองเห็นฝั่งตรงข้ามและฝั่งตรงข้ามก็เห็นนานาโอะกำลังเทสไมล์อยู่ และตอนนี้หูฟังใส่อยู่ที่หู
“นานาโอะจังพร้อมนะ” เสียงชายหนุ่มตะโกนเข้าไปแล้วนานาโอะก็จับไมล์ให้อยู่ใกล้ๆปากแล้วหันหน้า
“เริ่มเลย” ชายหนุ่มหันมาพูดกับทีมงานแล้วความสว่างก็เริ่มน้อยลดแล้วหลังจากนั้นนานาโอะก็เสียงดนตรีก็เริ่มดังขึ้นเสียงของนานาดอะก็เริ่มดังขึ้นเช่นกัน
แล้วรันงิคุก็มองอย่างใจจดใจจ่ออย่างอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกันกลับทำได้มากกว่าตัวเองหลายร้อยเท่า
แล้วพวกชุนซุยที่อยู่ด้านนอก
“ผู้จัดการคะ เป็นอะไรไปคะ เดินไปเดินมาอยู่ได้” เนมพูดขึ้นอย่างหน่ายๆแล้วทำท่าทางรำคาญเล็กน้อยแล้วชุนซุยก็หันมายิ้มแล้วพูดว่า
“กลัวว่านานาโอะจังจะพลาดน่ะ ครั้งนี้ที่ 2 เอง” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์แล้วเนมก็ส่ายหัวเบาๆแล้วกระดกแก้วและงินที่นั่งอยู่ข้างๆก็กระซิบถามขึ้น
“นี่ถ้าเกิดว่าสักวันนึ่งเธอได้เล่นหนังคู่กับเจ้าชูเฮย์แล้วมีฉากจูบขึ้นมา จะทำยังไง” งินถามแหย่เล่นแต่เนมที่กำลังดื่มก็พ่นน้ำมาใส่หน้างินเข้าเต็มๆ
“ข่ะ ขอโทษค่ะ” เนมพูดจบก็ผ้าเช็คยื่นให้งินทันที
“เกลียดเจ้าชูเฮย์ขนาดนี้เชียวรึเนี่ย” งินพูดพร้อมกับเอาผ้าเช็คมาเช็คหน้าตัวเองแล้วเนมก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“อย่างเจ้านั่นแค่ก็ไม่อยากได้ยิน” เนมพูดแล้วกำมือตัวเองแน่นแล้วงินก็เริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อยแล้วก็เงียบไปทันที
หลังจากนั้น 5 นาทีกว่าๆรันงิคุกับนานาโอะก็เดินออกมาจากด้านใน
“เฮ้อ~” นานาโอะถอนหายใจเบาๆแล้วชุนซุยก็ทำหน้างงๆขึ้นมาทันทีแล้วนานาโอะก็พูดว่า
“ในห้องอัดร้อนชำมัด” นานาโอะพูดแล้วก็นั่งลงแล้วหยิบหนังสือมาพัดใบหน้าเบาๆ
“นานาโอะ นี่เก่งจังเลยน้า~” รันงิคุพูดขึนลอยๆแล้วทำหน้าสบายอารมณ์แล้วนานาโอะก็หน้าแดงนิดๆ
“ไม่หรอก” นานาโอะพูดแล้วเอนตัวไปด้านหลังแล้วเหงื่อก็ไหลออกมาเล็กน้อย
“นี่คับ ได้แล้วคับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นแผ่นซีดีสีขาวให้ชุนซุยแล้วชุนซุยก็กำลังจะรับมาแล้วนานาโอะก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้วคว้าแผ่นซีดีมาทันที
“แหม~นานาโอะจัง ชั้นไม่ทำหายหรอกน่า~” ชุนซุยพูดแล้วทำเจื่อนๆแล้วนานาโอะก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วพูดว่า
“ไม่เอาด้วยห รอกขืนเก็บไว้ทำผู้จัดการล่ะก็หายแน่ๆ ครั้งก่อนก็หายไปแล้วเพราะงั้นไม่ต้องคิด” นานาโอะพูดแล้วทำสายตาต่อต้านขึ้นมาแล้วเนมก็ลุกขึ้นมาแล้วงินก็แอบหัวเราะเบาๆ แล้วรันงิคุก็ยิ้มหน่อยๆ
“จ้าๆ” ชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่หน่ายๆแล้วนานาโอะก็เอาแผ่นซีดีสีขาวที่อยู่ในกล่องใสแล้วใส่ไปในกระเป๋าทันที
“แล้วฝากอัพลงเว็บนั้นด้วยนะ” ชุนซุยพูดจบก็ดันหลังพวกนานาโอะเดินลงไปด้านล่างทันที
เมื่อลงมาที่ลานจอดรถ
“เฮ้อ~เวลาผ่านไปเร็วชำมัดยาดเลยแฮ่ะ บ่าย 3 แล้วเหรอเนี่ย” งินบ่นเบาๆแล้ว คุก็ถอนหายใจเบาๆ
“นี่รันงิคุหิวมั้ย?” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ส่ายหัวแล้วนานาโอะก็พูดขึ้นว่า
“งิน นายทำรันงิคุอ้วกมาทีนึ่งแล้วนะ ให้ไปกับพวกชั้นดีกว่า” นานาโอะพูดอย่างเป็นห่วงแล้วรันงิคุก็หันมายิ้ม
“สบายมากจ๊ะ ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ” รันงิคุดูแล้วก็ทำท่าทางสบายๆแล้วนานาโอะยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
“งั้นพวกชั้นกลับก่อนนะ” นานาโอะพูดจบก็ขึ้นรถไปทันทีแล้วหลังนั้นชุนซุยก็ออกรถแล้วงินที่ยืนมองระอาทิตย์อยู่ก็แกล้งทำเป็นเหม่อลอย
“นี่งินกลับกันรึยัง” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็แกล้งทำเป็นมองพระอาทิตย์เช่นเดิม
“งิน” รันงิคุเรียกงินเบาๆแล้วกระดุกแขนเสื้อเบาๆแล้วงินก็ยังทำท่าทางเช่นเดิมจนรันงิคุออกแรงดึงทำให้งินก็หันมาเห็นใบของรันงิคุที่ห่างกันไม่ถึง 1 เซน และอีกนิดเดียว อีกนิด อีกนิด
จบจร้า~~ก็จบตอนนี้เอาไว้แบบนี้น้า~~
จะได้จุ๊บกันรึป่าวติดตามตอนต่อไปน้า~~~~~~~
ไม่เม้นไม่อัพ ไรเตอร์ไม่เดือดร้อน~~
ความคิดเห็น