คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 : Start
Chapter 2 : Start
(เริ่มต้น)
วันต่อมา เวลาประมาท 10 โมงเช้า รันงิคุที่กำลังนั่งเขียนเนื้อเพลงอยู่บนโต๊ะสีน้ำตาลมีโครมไฟตั้งอยู่ แล้วรันงิคุก็นึกเนื้อเพลงอยู่นานจนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดัง
“ฮัลโหลค่า~” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่หน่ายๆแล้วโมโมะที่กำลังนั่งดูทีวีอยูบนเตียงก็หันมามองทันที
(รันงิคุจังตัดสินใจได้รึยัง?) เสียงของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้นทำให้รันงิคุต้องถอนหายใจแล้วออกไปยืนที่ระเบียงห้อง
“ขอเวลาให้ชั้นสักพักนะคะ” รันงิคุพูดพร้อมกับเอามือจับผมที่ปลิวไปเพราะแรงลมอย่างต่อเนื่อง
(รันงิคุจัง มีคนอยากคุยด้วยน่ะจ๊ะ) หญิงสาวพูดจบรันงิคุก็ยืนพิงกำแพงไปอย่างแล้วมองออกไปด้านนอกที่มีบ้านมากมาย
(ไงจ๊ะ คนสวยจำได้มั้ยว่าใคร) เสียงของเด็กหนุ่มทำให้รันงิคุถึงกับอารมณ์พุ้งปลีด! ข้นมาทันที
“นี่นาย?!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจแล้วเด็กหนุ่มก็หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า
(ที่ไม่มาเนี่ยกลัวชั้นล่ะสิ) เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็ถึงกลับวีนแตกเลยทีเดียว
“เออ! ก็ได้งั้นรออยู่ที่นั่นเลยนะ จะไปเดี่ยวนี้แหละ!” รันงิคุพูดก็กดวางสายแล้วเดินเข้าไปในห้องทันทีแล้วเมื่อเดินเข้ามาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวสุดๆทำให้รันงิคุลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่สมุดเล่มสำคัญซึ่งในตอนนี้รันงิคุเอามือหยิบไปเพียงแค่กระเป๋าใบเล็กๆกับเงินเท่านั้นแล้วโมโมะที่นั่งดูหนังอยู่ก็ถึงกับงงจนพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว แล้วเมื่อรันงิคุเดินลงมาเห็นพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่จึงพูดว่า
“พ่อ! เดี๋ยวหนูมานะไปหาเพื่อนแปบนึ่ง” รันงิคุพูดจบก็ใส่รองเท้าแล้วพุ้งออกไปนอกบ้านทันที โดยพ่อของเธอที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ได้ตะโกนออกมาว่าอะไร ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไปนั่นแหละแล้วเมื่อเดินมาจนถึงทะเล แล้วเมื่อเธอเห็นวิวทะเลอารมณ์ของเธอก็เย็นลงในทันที แล้วเธอก็ทำท่าเหมือนจะหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋าแต่ว่า
“ลืมไว้ที่บ้านนี่นา เฮ้อ~ไม่น่าวีนแตกเพราะเจ้าหมอนั่นเล้ย~” รันงิคุพูดอย่างหน่ายๆแล้วก็เดินต่อไปจนอยู่ในตลาดและใกล้จะถึงที่สำนักงาน แล้วอยู่ก็มีรถมอเตอร์ไซร์ขันไม่ใหญ่มากนักมาจอดขว้างหน้าเธอ แล้วเธอก็งงเล็กน้อย
“ขึ้นมาสิคับเดี๋ยวผมพาไปส่งที่สำนักงานเอง” เด็กหนุ่มเสียงทุ้มพูดขึ้นแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆแล้วพูดว่า
“แล้วนี่ใคร หมวกกันน็อกไม่ถอดเล่า” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่สงสัยแล้วเด็กหนุ่มก็ถอดหายแล้วหันหน้ามาหารันงิคุในแนวตรงแล้วพูดว่า
“ผมให้คุณเห็นคนเดียวนะคับ ห้ามตะโกนเหมือนตอนที่เจอพี่ผมนะ” เด็กหนุ่มเสียงทุ้มก็จบรันงิคุก็สะดุ้งและก็เริ่มเดาออกแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นใครแล้วเมื่อเด็กหนุ่มก็ค่อยๆเปิดตรงกระจกสีทึบด้านหน้าของหมวกกันน็อกออกมา เผยให้เห็นดวงตาสีเขียวน้ำทะเล ใบหน้าที่คล้ำเล็กน้อยเส้นผมสีขาวที่เห็นช่วงหน้าผากทำให้รันงิคุ ยอมขึ้นมานั่งบนรถแต่โดยดีเพราะรู้แล้วว่าเป็นใครแล้วเมื่อรันงิคุขยับตัวขึ้นมานั่งบนรถโทชีโร่ก็ยืนหมวกกันน็อกให้แล้วเอากระจกทึบของหมวกกันน็อกของตัวเองลงมา แล้วเมื่อรันงิคุใส่หมวกกันน็อกเสร็จแล้วก็ออกรถไปด้วยความรวดเร็ว และระหว่างทาง
“นายน่ะนิสัยผิดกับพี่ชายเลยนะ” รันงิคุทักขึ้นเมื่อรถกำลังติดไฟแดงอยู่
“ผิดกับพี่เหรอคับ?” โทชีโร่พูดขึ้นอย่างงงๆแล้วไฟจราจรก็เป็นไฟเขียวโทชีโร่จึงออกรถพร้อมกับรอฟังรันงิคุไปด้วย
“ว่าไงดีล่ะ ก็เจ้าหมอนั่นพูด “คับ” สักคำก็ไม่มี แถมยังไม่ให้เกรียติผู้หญิงอีก” รันงิคุพูดแล้วทำหน้ามุ้ยแล้วโทชีโรก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้ารับ
เมื่อถึงสำนักงาน โทชีโร่ก็ขับรถเข้ามาในประตูเหล็กที่ถูกยกขึ้นอยู่แล้วเมื่อจอดเสร็จรันงิคุก็ถอดหมวกนักน็อกออกแล้วเอาแขวนไว้กระจกหน้ารถของมอเตอร์ไซร์แล้วเมื่อโทชีโร่ถอดหมวกกันน็อกออกมาก็สะบัดผมเล็กน้อยแล้วโทชีโร่ก็วางหมวกกันน็อกลงที่เบาะนั่งแล้วหันไปพูดกับรันงิคุ
“ตามมาคับ เดี๋ยวผมพาไป” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุที่กำลังจัดผมอยู่ก็เดินตามไป แล้วโทชีโร่ก็พาเดินออกมาจากโรงรถแล้วเดินเข้าไปในประตูสีขาวแล้วเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอห้องโล่งๆขนาดไม่ใหญ่มากนักทำให้รันงิคุตกใขเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากมายเท่าไหร่นัก แล้วโทชีโร่ก็พาเดินนำเข้าไปในลิฟแล้วเมื่อลิฟเปิดออกโทชีโร่ก็เดินเข้ามาแล้วรันงิคุก็เดินตามเข้าไปแล้วลิฟขึ้นมาจนถึงชั้นที่ 2 ก็เจอกับห้องที่มีโซฟาสีแดงขนาดใหญ่วางไว้ 2 ข้างแล้วมีโต๊ะกระจกสีทึบวางกลั้นอยู่ แล้วโทชีโร่ก็เดินไปนั่งบนโซฟาทันที
“กลับมาแล้วเหรอ โทชีโร่คุง” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นแล้วโทชีโร่ก็หันไปด้านหลังแล้วพยักหน้ารับแล้วรันงิคุก็หันไปทันที ก็เจอกับหญิงสาวที่ถักเปียไว้ด้านหน้า ใบหน้าขาวใส ดวงตาให้วความรู้สึกอ่อนโยน ใส่เสื้อฟ้าอ่อน กระโปรงสั้นเลยหัวเข่า แล้วรันงิคุพูดขึ้นว่า
“มาแล้ว แล้วให้ทำไงต่อ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึยังไม่ทันได้ตอบอะไร ก็เด็กหนุ่มผมสีขาวตาตี่เดินเข้ามาแล้วพูดว่า
“ไง ยัยตัวแสบ เจอกันอีกแล้วนะ” เด็กหนุ่มผมแล้วเด็กสาวก็ถึงกับหันไปมองด้วยสายตาที่เคืองๆแล้วชายหนุ่มเรือมผมขาวสีขาวก็เดินตามเข้ามา
“สวัสดีจ้า คนสวย” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อถูกชมว่า สวย แล้วเร็ตสึก็พูดขึ้นว่า
“รันงิคุจัง เพลงที่เธอแต่งน่ะไม่เลวเลยนะ” เร็ตสึพูดแล้วยิ้มออกมาแล้วรันงิคุก็ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ชั้นคิดอะไรก็เขียนไปนะ ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังหรอก” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินที่นั่งอยู่บนโซฟาก็พูดตัดขึ้นทันทีว่า
“ว่างั้นแหละ การสัมผัสก็ไม่มีสักตัว ลายมือก็เลอะตุ้มแป๊ะ อ่านแทบไม่ออก” เมื่องินพูดจบรันงิคุก็หันมามองตาเขียวเลยทีเดียว
“นายนี่มัน!” รันงิคุพูดขึ้นด้วยความโมโหและโมโหมากจนไม่รู้จะทำยังไงดี แล้วอยู่เร็ตสึก็ถืออะไรบ้างอย่างมาให้
“นี่รองกินสิ อร่อยนะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพร้อมกับยื่นเค้กกาแฟให้เมื่อรันงิคุหันมาเห็นจับใส่ปากคำเดียวหมด
“ออบ อุน อะ” รันงิคุพูดออกมาพร้อมกับเอามือปิดปากตัวเองแล้วเร็ตสึก็มีเหงื่อยออกเล็กน้อยแล้วยิ้มเจื่อนๆแล้วเมื่อรันงุเคี้ยวหมดก็พูดขึ้นว่า
“ทำเองเหรอคะเนี่ย อร่อยมากเลย” รันงิคุถามขึ้นพร้อมกับเอาปากกัดที่นิ้วเบาๆแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“อ๋อ เป็นของพวก Deer Lightน่ะเขาเอามาฝาก” เร็ตสึพูดแล้วรันงิคุก็ทำหน้าคลุ้นคิดขึ้นมาแล้วเมื่อคิดออกก็พูดขึ้นว่า
“Deer Light คุ้นๆยังไงไม่รู้แฮ่ะ” รันงิคุพูดแล้วทำหน้าคลุ้นคิดอย่างหนักแล้วจูชีโร่ที่นั่งอยู่หยิบนิตยสารขึ้นมาแล้วยื่นให้รันงิคุแล้วพูดว่า
“นี่ไงล่ะ Deer Light” จูชีโร่พูดจบรันงิคุก็หันมาเอารับหนังสือนิตยสารจากจูชีโร่แล้วเอามาดูที่หน้าปกติรูปเด็กสาว 2 ที่คนแรกถักเปีย เรือนผมสีดำ ใส่ชุดกิโมโนสีดำ แบบกระโปรงสั้นรองเท้าส้นสูงยืนหันหน้ามาและเด็กอีกคนนึงที่ใส่แว่นมือข้างนึ่งถือหนังสือเล่มหนาอยู่แล้วมืออีกข้างนึ่งก็จับแว่นตาแล้วยืนหันไปทางด้านขวาแล้วหันหน้ามา แล้วเมื่อรันงิคุเห็นในรูปก็ทำหน้างงๆแล้วในตอนนี้เครื่องหมาย ? ก็เต็มสมององเธอไปหมดแล้วจูชีโร่ก็พูดขึ้นว่า
“เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างซ้ายน่ะชื่อว่า คุโรซึจิ เนม อายุก็น้อยกว่าเธอปีนึ่งนั้นแหละ แล้วอีกคนนึ่ง อิเสะ นานาโอะ คนนี้อายุเท่าเธอเลย เป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบสูงเลยนะ ชั้นว่าเธอควรรู้จักเอาไว้นะ ดูท่าทางแล้วจะเข้ากับเธอได้ดี” จูชีโร่พูดจบก็หันมามองรันงิคุที่ยืนอยู่ก็ต้องทำท่าทางหน่ายๆเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารันงิคุกำลังซักไซ้เร็ตสึอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายเกี่ยวกับเรื่องขนมเค้กและไม่ได้สนใจที่ตัวเองพูดเลยแม้แต่น้อย จึงถอนหายใจแล้วยิ้มนิดๆแล้วหันไปจิบกาแฟต่อ
“นี่ๆ แล้วทำยังไงให้มีกลิ่นหอมล่ะ” รันงิคุซักไซ้ถามเร็ตสึอย่างต่อเนื่องแล้วงินที่นั่งอยู่ก็หันศีรษะไปเล็กน้อยเพื่อมองเธอด้วยสายตาที่หลงใหลไม่ใช่น้อย
“น่ารักมากเลยนะ เด็กคนนั้นน่ะ” จูชีโร่พูดขึ้นแล้วส่งสายตามาทางงินแล้วงินก็เผลอพยักหน้าไปอย่างไม่รั้วแล้วเมื่อโทชีโร่เห็นแบบนั้นจึงแซวขึ้นทันที
“นั่นไง ยอมรับแล้วสินะ พี่” โทชีโร่พูดแล้วยิ้มนิดๆแล้วงินก็หน้าแดงกล่ำแล้วหันกลับมาแล้วจิบกาแฟต่ออย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับพูดว่า
“ก็ได้แต่น่ารักนั่นแหละ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักแล้วโทชีโร่ก้ยิ้มแล้ววางแก้วกาแฟลงแล้วลุกออกไปจากโซฟา
“โทชีโร่คุง จะไปไหนเหรอ” เร็ตสึถามขึ้นแล้วโทชีโร่ก็หันมายิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆว่า
“เมื่อวานซื้อหนังสือการ์ตูนมาน่ะคับ ได้อ่านไปแค่ 13 เล่มเอง ยังเหลืออีกตั้ง 5 เล่มน่ะคับ” โทชีโร่พูดจบก็เดินออกไปจากห้องทันทีแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ แล้วก็หันมามองรันงิคุต่อแล้วพูดว่า
“เอาล่ะ เธอพร้อมที่จะทำงานรกรึยัง” เร็สึถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆแล้วเอามือเกาศีรษะแล้วพูดว่า
“เอ....งาน.....งานอะไรอ่ะ” รันงิคุพูดแล้วทำหน้าตาบองแบ้วขึ้นมาแล้วเร็ตก็เหงื่อตกเล็กน้อยแล้วงินที่นั่งก็กลั้นหัวเราะเล็กน้อยแล้วถามขึ้นว่า
“อะไรกาน~นี่เธอจำไม่ได้หรือไงว่ามาทำอะไรที่นี่ ฮ่าๆ” งินพูดขึ้นแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆแล้วยิ่งกว่าเดิมแล้วทำท่าทางคลุ้นคิดแล้วพูดว่า
“นั่นสิ ชั้นมาทำอะไรล่ะเนี่ย มากินเค้กล่ะมั้ง” รันงิคุพูดแล้วงินก็ทำหน้าเจื่อนๆขึ้นมาทันทีแล้วเร็ตสึก็ถามขึ้นว่า
“นี่เธอ มีปัญหาทางด้านความจำรึป่าวเนี่ย” เร็ตสึพูดแล้วยิ้มเจื่อนๆแล้วรันงิคุก็ยิ้มอย่างสดใสแล้วพูดว่า
“แหะๆจะว่าไป คุณพ่อก็ชมอยู่บ่อยๆน่ะค่ะว่าชั้นพอได้กินเค้กแล้วก็จะลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปหมดเลย แหะๆ” รันงิคุพูดแล้วทั้ง 3 คนก็ถึงกับถอนหายออกมา
“นั่นน่ะไม่ใช่คำชมแล้วจ๊ะ” เร็ตสึพูดเบาๆแล้วงินก็มองใบหน้าของเธอที่ในตอนนี้ทำท่าทางเขินๆแล้วยิ้มอย่างสดใสทำให้ต้องกลับมามองด้วยสายตาที่หลงใหลอีกครั้งนึ่ง แล้วเร็ตสึที่ยืนอยู่ก็พิงไปกับเสาที่อยู่ด้านหลังอย่างหน่ายๆแล้วพูดว่า
“ชั้นจะพาเธอไปถ่ายแบบน่ะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ทำท่าทางตกใจไม่ใช่น้อยแล้วจูชีโร่ที่นั่งอยู่เช่น
“เร็ตสึ เธอจะบ้าเหรอ รันงิคุจังน่ะ ยังไม่มีพื้นฐานอะไรเลยนะ” จูชีโร่พูดท้วงขึ้นแล้ววางถ้วยกาแฟลงแล้วงินที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน
“นั่นน่ะสิคับ คุณเร็ตสึ อีกอย่างยัยนี่ยังเซอซ่า ซุ่มซ่าม ไม่มีทางทำได้หรอก” งินพูดจบรันงิคุก็ถึงกับของขึ้นแล้วหันหน้ามาตะโกนกลับใส่งินว่า
“เฮ้ย! พูดงี้หมายความว่าไงห๊ะ!” รันงิคุพูดแล้วงินก็สะดุ้งเล็กน้อยแล้วเร็ตสึพูดตักบทขึ้นก่อนที่ทั้ง 2 คนจะทะเลอะกันว่า
“ก็จะให้ทำไงล่ะ ชั้นตอบตกลงไปแล้ว เห็นว่าวันนี้ งินคุงกับโทชีโร่คุง มีถ่ายแบบช่วงเย็นไม่ใช่เหรอ” เร็ตสึพูดขึ้นพร้อมกับเอาซองจดหมายขึ้นมาแล้วโยนให้งินแล้วงินก็รับมาได้แล้วเปิดอยู่ข้างในทันที แล้วเมื่อ งินก็เห็นเนื้อหาข้างในก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเคียดๆ
“เกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้ด้วยนะ” งินพูดจบก็วางจกหมายลงแล้วเดินออกจากห้องไปทันที แล้วขณะที่เดินผ่านรันงิคุนั้นงินก็พูดข้างหูเธอเบาๆว่า
“อย่าก่อเรื่องล่ะ ยัยตัวแสบ” งินพูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปทันทีแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆขึ้นและจูชีโร่ที่ยืนอยู่ก็พูดขึ้นว่า
“เฮ้อ~ถ้าเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้วแหละ พยายามเข้านะ รันงิคุจัง” จูชีโร่พูดจบก็วางจดหมายลงเบาๆแล้วเดินออกมาใกล้ๆทั้ง 2 คน
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกนะ” จูชีโร่พูดแล้วเอามือตบบ่าเธอเบาๆแล้วรันงิคุก็ถามขึ้นว่า
“ตื่นเต้นเรื่องอะไรเหรอคะ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่งงๆแล้วทำหน้าตาบ่องแบ้วแล้วเร็ตสึก็ถึงกับเหงื่อตดอีกครั้ง
“นี่อย่าบอกนะว่าลืมอีกแล้ว” เร็ตสึถามแล้วจูชีโร่ก็ทำท่าทางตกใจเช่นกันแล้วรันงิคุก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ป่าวหรอกค่ะ แค่คิดว่าแค่ถ่ายแบบทำไมต้องตื่นเต้นด้วยก็เท่านั้นเอง” รันงิคุพูดแล้วยิ้มอย่างสดใสแล้วเร็ตสึก็ยิ้มออกมาจูชีโร่ก็เช่นกัน
“ชั้นน่ะไม่ยอมแพ้ Black Dragon หรอกค่ะ” รันงิคุพูดแล้วยิ้มอย่างสดใสแล้วจูชีโร่ก็ยิ้มอย่างสบายใจแล้วหันไปพูดข้างหูของเร็ตสึว่า
“เด็กคนนนี้อาจจะมีพรสรววค์อย่างที่เธอว่าจริงๆก็ได้” จูชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็หลับตาลงครู่นึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา
“เด็กคนนี้แหละ ที่เหมือนผู้หญิงคนนั้น” เร็ตสึพูดจบจูชีโร่ก็พยักหน้ารับแล้วเดินลงไปแล้วเร็ตสึก็หันมาพูดกับรันงิคุต่อว่า
“รันงิคุจัง ไปกันเถอะพวกงินคุง คงลงไปเตรียมรถให้แล้วแหละ” เร็ตสึพูดจบก็เดินไปปิดไฟห้องแล้วรันงิคุก็เดินถามไปอย่างช้าๆ
เมื่อถึงลานจอดรถ
“มาแล้วเหรอ ยัยตัวแสบ” งินที่กำลังเอาแขนเท้ากับรถอยู่ก็พูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นรันงิคุเดินเข้ามาในลาดจอดรถ
“รันงิคุ หัดจำซะมั้งไอหน้าจืด” รันงิคุตะคอกกลับไปทันทีทำเอางินถึงขึ้นเลยทีเดียว
“โห....เล่นแรงนะคับเนี่ย ถ้าผมหน้าจืดจริงคงไม่มีเด็กผู้หญิงชมชอบกันเยอะแยะหรอกคับ” งินพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็เชิดหน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์แล้วเร็ตสึที่ยืนอยู่ก็พูดขึ้นว่า
“รันงิคุจัง ขึ้นรถจ๊ะ” เร็นสึพูดขึ้นแล้วพูดแล้วเปิดประตูรถออกแล้วรันงิคุก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นไปนั่งบนรกเร็ตสึก็กำลังจะเปิดประตูแล้วงินพูดขึ้นว่า
“คุณเร็ตสึ ผมขอไปด้วย อยากเห็นคนหน้าแตกกลางงานน่ะคับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วงินก็ขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซร์สีขาวพูดขึ้นว่า
“อยากจะรู้จังว่า ต๊องๆแบบเธอจะได้สักเท่าไหร่กัน” งินพูดพลางใส่หมวกันน๊อกและผ้าพันคอไปด้วย แล้วรันงิคุก็ทำเมินใส่
แล้วหลังจากที่ต้องมาไม่นานเพราะต่างหน้าตรงที่รันงิคุนั่งมันเปิดอยู่ทำให้สามารถคุยกับงินเพราะว่าขับมอเตอร์ไซร์ประกบข้างอยู่อย่างไม่ห่าง
“ทำหน้าเซงแบบนั้นเหมือนคนแก่เลยนะ” งินพูดขึ้นเพราะกับหันมามองหน้าเธอและมองทางด้านหน้าไปด้วยแล้วรันงิคุก็ทำหน้าเมินใส่
“แหม~เมินกันเลยเหรอ หันมามั้งสิคนสวย” งินพูดแล้วทำหน้าตาเจ้าเหล่ใส่แล้วรันงิคุก็หน้าแดงเล็กน้อย
“นี่คุณคนสวย คืนนี้สนใจมาสนุกกับผมมั้ยคับ” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเหล่แล้วรันงิคุหันมามองด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์
“ไปไกลๆไป ไอหื่น” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ขับรถถอยห่างออกมาทันทีแล้วพุดว่า
“โฮ้โห~แรงแท้เลยคร้าบ~” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ขำเบาๆ
แล้วเมื่อถึงสตูดิโอถ่ายแบบ เร็ตสึก็เลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถแล้วเมื่อจอดรถเสร็จก็ทั้ง 2 คนก็เปิดประตูรถพร้อมกันแล้วงินก็เอาหมวกกันน็อกแขวนไว้กับกระจกหน้ารถแล้วเมื่อเดินออกมาก็ปิดประตูแล้วเร็ตสึก็กดปุ่มที่กุญแจ ที่รถมีไปกระพริบพร้อมกับมือเสียงดังขึ้นมาติดกัน 2 ครั้งแล้วทั้ง 3 คนก็เดินเข้าไปด้วยกัน เมื่อถึงห้องที่จะถ่าย
“ไงอลิซ พามาแล้วนะ” เร็ตสึพูดขึ้นพร้อมกับเอามือจับบ่ารันงิคุเบาๆแล้วรันงิคุก็มองเร็ตสึด้วยสายตาที่งงๆแล้วหญิงสาวผมสีทองยาว ดวงตาสีฟ้าใบหน้าขวาใสจมูกโดดเป็นสัน (ว่าเป็นสวย) เดินเข้ามาหาเร็ตสึแล้วพูดว่า
“Hi! เร็ตสึ ไหนล่ะเด็กใหม่ที่ว่าน่ะ” หญิงสาวพูดออกสำเนียงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นักเนื่องจากเป็นชาวฝรั่งเศส แล้วหญิงสาวก็เดินเข้ามาเอามือทั้ง 2 ข้างจับบ่าของรันงิคุเบาๆ แล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วมองด้วยสายตาที่จับผิดทำให้รันงิคุต้องเหงื่อตกและตกใจเล็กน้อย
“Beautiful สุดยอดมากเลย เร็ตสึ!” หญิงสาวพูดขึ้นแล้วเร็ตสึก็ยิ้มขึ้นมาแล้วหญิงสาวก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสืออยู่จึงทักขึ้นว่า
“ดีจ้า กินคุง How are you” หญิงสาวทักขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ทำท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ผมชื่อ งิน คับไม่ได้ชื่อ กิน” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วหญิงสาวก็ทำท่าทางร่าเริงแล้วหันไปพูดกับรันงิคุว่า
“What your Name” หญิงสาวถามขึ้นแล้วรันงิคุก็ตัวสั่นเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“เอ่อ....รันงิคุ ค่ะ” รันงิคุพูดอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วหญิงสาวก็ทำท่าทางกระดี้กระด้าขึ้นมาทันที
“งั้นมาถ่ายกันเลยดีกว่า” หญิงสาวพูดจบก็ลากรันงิคุเข้าไปทันทีที่ห้องถ่ายทันทีโดยที่ไม่เข้าไปในห้องแต่งตัวและไม่ได้แต่งหน้าเลยแม้แต่น้อย
“คุณอลิซชอบเรียกชื่อผมผิดอยู่เรื่อย” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วเร็ตสึก็เอามือลูบศีรษะงินเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องถ่าย
“เฮ้อ~ทำไมมีแต่คนชอบทำเหมือนเราเป็นเด็กน้า~” งินบ่นเบาๆแล้วเดินตามเร็ตสึเข้าไปในห้องถ่าย
เมื่อเข้ามาในห้อง ก็เห็นโต๊ะกระจกมีผ้าสีขาวปูทับอยู่แล้วจานและขนมเค้กที่มีครีมสีขาวทาอยู่โดยรอบแล้วด้านบนก็มีเชอรี่วางอยู่ตรงกลางแล้วมีสตอเบอรี่ล้อมรอบแล้วก็มีแก้วสีขาววางอยู่ด้านข้าง แล้วด้านหลังก็ฉากที่เป็นภาพของวิวที่เข้ากันได้ดีกับโต๊ะ (คิดเองนะคะไรเตอร์คิดไม่ออก - -*)
“ชั้นอยากให้รันงิคุจัง กินเค้กตามใจชอบน่ะจ๊ะ แล้วเรื่องถ่ายรูปให้เป็นหน้าที่ของชั้นเอง” หญิงสาวพูดจบเร็ตสึก็ยิ้มทันทีแล้วรันงิคุก็มองเค้กแล้วน้ำลายก็สอเลยทีเดียว แล้วงินที่ยืนอยู่ก็เดินเข้ามาให้ใกล้ๆ
“เห็นของกินเป็นไม่ได้เลยนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็ไม่ตอบโต้อะไรกลับเพราะกำลังจับจ้องไปที่ขนมเค้กอย่างเป็นจริงเป็นจัง
“รันงิคุจัง เข้าที่จ้า” หญิงสาวพูดแล้วชี้ให้รันงิคุเข้าไปนั่งที่เก้าอี้แล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆจนกระทั่งงินเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วผลักหลังเธอให้เข้าไปเบาๆ
“ไปกินเค้กไป” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็หันมามองอยู่ครู่นึ่งแล้วเมื่องินกลับเข้าไปยืนด้านหลังตากล้องที่กำลังเอาผ้าคลุ้มศีรษะแล้วกำลังปรับกล้องอยู่แล้วรันงิคุก็เข้าไปนั่งที่เก้าอี้แล้วหันไปมองหน้าเร็ตสึอย่างหนักใจเล็กน้อยแล้วเมื่อเร็ตสึพยักหน้ามารันงิคุก็พยักหน้ากลับไปแล้วค่อยๆหยิบช้อนขึ้นมาตักใส่ปากอย่างช้าๆ แล้วก่อนที่จะเข้าปากเพียงเสี้ยววินาที เสียงกล้องก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟที่แวบขึ้นมาครู่นึ่งแล้วเมื่อเค้กกระทบกันลิ้นรันงิคุก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสแล้วเสียงกล้องก็ดังขึ้นพร้อมกับไฟที่แวบมาอีกครั้งแล้วงินที่ยืนอยู่ก็พูดขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า
“น่ารัก นี่หว่า” งินพูดขึ้นเบาๆแล้วเร็ตสึที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้ยินอย่างชัดเจนจึงหันมามองหน้างินแล้วก็พูดว่า
“เมื่อกี๊ว่าไงนะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์แล้วงินก็หน้าแดงกล่ำแล้วพูดว่า
“ป่าว ผมไม่ได้พูดสักหน่อย” งินพูดแล้วหน้าแดงเล็กน้อยแล้วเร็ตสึก็หัวเราะเบาๆแล้วหญิงสาวผมสีทองที่ยืนดูอยู่ก็กระซิบข้างๆหูเร็ตสึว่า
“เด็กคนนี้ very good สมกับที่เข้าตาเธอเลยนะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับแล้วพูดว่า
“สมกับที่เป็น ลูกสาว ของคนคนนั้นจริงๆ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็หันไปมองหน้าของเร็ตสึด้วยความสงสัยทันที
เมื่อถ่ายเสร็จ
“Very good ทำได้ดีมากๆเลยนะ รันงิคุจัง” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างสบายใจแล้วเร็ตสึแล้วแขนมาพาดไหล่เธอเบาๆแล้วพูดว่า
“พรุ่งนี้รอดูผลงานตัวเองด้วยนะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆแล้วเร็ตสึก็หันไปพูดกับงินว่า
“งินคุง ช่วยไปส่งรันงิคุจังที่บ้านทีนะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็เบิงตากว้างด้วยความตกใจแล้วงินก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“ยินดีคับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์แล้วเดินออกไปจากห้องแล้วรันงิคุก็ท้วงขึ้นทันทีว่า
“ชั้นไม่เอาด้วยนะ กลับกัลป์ไอหื่นนั่นน่ะ” รันงิคุพูดแล้วชี้ไปที่ประตูที่งินเดินออกไปแล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“เอาน่า เห็นแบบนั้นก็เถอะงินคุงน่ะ เชื่อใจได้นะ” เร็ตสึพูดแล้วรันงิคุก็ต้องถอนหายใจเบาๆแล้วรันงิคุก็พูดขึ้นว่า
“ชั้นไม่อยากเป็นข่าวหน้า 1 นะ” รันงิคุพูดจบก็เอามือกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“งินคุง ปิดหน้าซะขนาดนั้น ไม่มีใครรู้หรอกน่า” เร็ตสึพูดแล้วเอามือลูบที่ศีรษะของรันงิคุเบาๆ
“ก็ได้ค่ะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วก็เดินออกไปประตูเดียวกับที่งินเดินออกไปเมื่อครู่นี้
เมื่อเดินลงมาถึงลาดจอดรถ
“ช้าจังเลยนะ” งินที่ในตอนนี้เอามือผ้าพันคอมาไว้เพื่อรอยสักแล้วหมวกกันน็อกที่ปิดไปทั้งใบหน้าทำให้ไม่เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย
‘แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย’ รันงิคุคิดในใจแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆมอเตอร์ไซแล้วงินก็ยืนหมวกกันน็อกให้แล้วรันงิคุก็รับมาแล้วใส่ไปแล้วงินก็ขึ้นมาคร่อมมอเตอร์ไซแล้วสตาเครื่อง แล้วรันงิคุขึ้นไปนั่งโดยเอาขาทั้ง 2 ข้างห้อยลงไปด้านข้างแล้วงินก็พูดขึ้นก่อนที่จะออกรถว่า
“ชั้นไม่ขับช้าเหมือน โทชีโร่นะ เพราะงั้นจับดีๆด้วย” งินพูดจบรันงิคุก็เชิดหน้าใส่แต่ก็เอามือเบาะซะแน่น
แล้วงานก็ออกรถด้วยความเร็วที่รู้สึกว่าเกิดกำหนด (ออกมาที่ถนน) แล้วผมของรันงิคุปลิวไปตามสายลมย่างต่อเนื่องแต่เพราะความเร็วที่มากเกินไปรันงิคุจึงพูดว่า
“ช้าหน่อยสิ เร้วเกินไปแล้วนะ” รันงิคุพูดข้างหูงินแล้วก็มองไปที่กระจกหน้ารถแล้วแสยะยิ้มแต่เพราะหมวกกันน็อกที่ใส่ยู่ทำให้ไม่เห็นใบหน้านั้น
“ถึงบอกให้จับแน่นๆไง” งินพูดด้วย้นำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นแล้วก็ม่ได้พูดโต้ตอบอะไรแล้วงินนกขับต่อไปเรื่อยจนกระทั่งถึงหน้าปากซอยบ้าน แล้วรันงิคุก็พูดขึ้นก่อนที่งินจะขับเข้าไปในซอยว่า
“จอดตรงนี้แหละ ถ้าพ่อชั้นเห็นว่าผู้ชายมาส่งล่ะ พ่อชั้นเอาตายแน่” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็ยอมจอดแต่โดยดีแล้วรันงิคุก็ลงจากรถทันที
“ขอบคุณนะที่มาส่ง” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วถือกระเป๋าแล้วกำลังเดินเข้าไปแล้วงินก็พูดขึ้นว่า
“นี่!” งินเรียกรันงิคุด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็หันมาทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วงินก็พูดขึ้นว่า
“เธอเรียกมหาลัย ช่วงเช้าหรือชวงเที่ยง” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดกลับมาว่า
“เช้า” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแลวงินก็พยักหน้ารับแล้วขับรถเลี้ยวกลับไปทันทีแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆ
“อะไรของเจ้านั่น” รันงิคุบ่นเบาๆแล้วก็เดินเข้าไปในซอยบ้าน แล้วเมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นโมดมะลงมานั่งคอมอยู่อย่างหน้าสบายอารมณ์พร้อมกับอมลูกอมไปด้วยแล้วรันงิคุก็ วางกระเป๋าลงเบาๆแล้วนอนลงกับโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง
“พี่รันไปทำอะไรมาเนี่ย” โมดมะละสายตาจากคอมแล้วหันมามองรันงิคุที่ทันทีแล้วรันงิคุก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ถึงเวลาข้าวเย็นแล้วปลุกชั้นด้วยนะ” รันงิคุพูดจบก็ถือกระเป๋าเดินขึ้นไปด้านบนทันที แล้วโมดมะก็มองตามขึ้นไปอย่างงงๆแล้วก็หันไปเล่นคอมต่อ
รันงิคุที่อยู่บนห้องก็เปิดแอร์ในอุณภูมิ 20 องศาทันที เพราะความเหนื่อยและความร้อนในตอนนี้ทำให้รันงิคุถอดเสื้อคลุมออกหนึ่งชั้นแล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง
“เฮ้อ~เหนื่อชำมัด” รันงิคุบ่นเบาๆแล้วหลับตาเพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้หลับลงไปทันที จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาท 3 ชั่วโมง โมโมะที่นั่งเล่นคอมอยู่ก็เดินขึ้นมา เมื่อเห็นรันงิคุนอนอยู่จึงพยายามเดินอย่างเบาที่สุดแล้วโมโมะก็ทิ้งกล่องคุกกี้ลงขยะไปแล้วหลังจากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำแล้วเมื่อออกมาก็นอนลงข้างๆ
รันงิคุแล้วเปิดทีวีดูก็ดูละครเรื่องเปื่อยจนกระทั่งเผลอหลับไปข้างๆรันงิคุ
วันต่อมา
กรี้งๆๆๆๆ เสียงนาฬืกาปลุกดังขึ้นทำให้โมโมะตื่นขึ้นมาแล้วสะกิดเรียกรันงิคุเบาๆ
“พี่รันตื่นไปแล้ว วันนี้ไปโรงเรียนนะ” โมโมะพูดจบรันงิคุก็ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือแล้วโมโมะก็ลุกไปหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีและระหว่างที่รอโมดมะอาบน้ำรันงิคุก็ไปหยิบเสื้อผ้าแล้ววางข้างๆตัวแล้วขึ้นไปนั่งก็โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเปิดสมุดที่วางอยู่ทันที
“เฮ้อ~ได้แค่นี้เอง” รันงิคุบ่นเบาๆเมื่อเห็นเนื้อหาในสมุดที่เขียนไว้เพียงว่า
จะอยู่เคียงข้างฉันไหมด้วยความตั้งใจจริงผ่านความว่างเปล่าอย่างบางเบา
ความสงบสุขที่มีเสมอมากลับมองไม่เห็นเหตุการณ์ร้ายที่คืบคลานเข้ามา
ฉันรวบรวมชิ้นส่วนเล็กๆของความรัก
“คิดอะไรออกเลยแฮ่ะ” รันงิคุพูดแล้วทำหน้าเคร่งเคลียดแล้วหลัวจากนั้นไม่นานโมดมะก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
“พี่ทำอะไรอยู่เหรอ” โมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ปิดสมุดทันทีแล้วพูดว่า
“ป่าวหรอก” รันงิคุพูดจบก็หยิบสมุดใส่ไว้ในลิ้นชักทันทีแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำแล้วโมโมะก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นแบบนี้ทุกวันแล้วโมดมะก็เดินลงไปด้านล่าง
เมื่อเดินลงมาก็เห็นชายหนุ่มเรือมผมสีดำ กำลังถือกระเป๋าโน็ตบุ๊คและกำลังใส่รองเท้าอยู่
“ทำไม วันนี้พ่อไปเช้าจังเลย ปกติเห็นไปเที่ยงๆไม่ใช่หรอก” โมโมะถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วชายหนุ่มพูดพลางใส่รองเท้าไปว่า
“วันนี้พ่อมีประชุมเช้า” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกไปทันทีแล้วโมดมะก็นั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบหวีมาหวีผมแล้วเอามือข้างนึ่งหยิบรีโมทเปิดทีวีแล้วหลังจากนั้นไม่นานรันงิคุก็เดินลงมาจากห้องแล้วหยิบหวีอันนึ่งที่อยู่บนเครื่องแป้ง (โต๊ะเดียวกัน) แล้วหวีผมเช่นเดียวกับโมโมะแล้วหลังจากที่หวีเสร็จแล้วรันงิคุก็หยิบลิบมันมาทาที่ริมปีปากจนทั่วและเป็นเวลาเดียวกับที่โมโมะใช้ปากขาบยางรัดไว้แล้วกำลังใช้มือทั้ง 2 ข้างรวบผมอยู่แล้วอยู่รันงิคุก็พูดขึ้นว่า
“นี่โมโมะ ใกล้จะสอบแล้วนะ อ่านหนังสือรึยัง” รันงิคุพูดพลางใช้ที่หนีบผมมาหนีบผมช่างด้านบนเบาๆโดยไม่รูดลงมาตั้ง่วงเพราะจะทำให้รอนคลาย (มั้ง)
“ไว้ใกล้ๆจริงแล้วค่อยอ่านแล้วกันนะ” โมโมะพูดแล้วหันมายิ้มให้รันงิคุแล้วรันงิคุก็ยิ้มกลับไปแล้วพยักหน้ารับ
แล้วหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ทั้ง 2 คนก็เดินออกจากบ้านแล้วก่อนท่ะออกจากบ้านโมโมะก็หันมาล็อคประตูบ้านไว้ก่อนที่จะเดินออกไปป้ายวินมอเตอร์ไซพร้อมกับรันงคุ และระหว่างที่เดินไปนั้นก็เจอกับอะไรบ้างอย่างที่ใหญ่มากๆเข้าแล้วโมโมะก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสิ่งนั้น
“พี่รันนั่นมัน!!”
จบไปอีกตอนแล้วนะคะ ^_^
ไม่เม้นไม่อัพเช่นเดิมค่า~~
แล้วก็ สวัสดีวันสงการณืนะคะ ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญนะคะ
ขอบคุณธีม Dark Sniper
ความคิดเห็น