คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 13 : The fact (almost) are exposed.
Chapter 13 : The fact (almost) are exposed.
(บทที่ 13 ความจริงที่(เกือบ)ถูกเปิดเผย
“ยัยนี่ซ้อนรถชั้นทีไร ก็หลับทุกที........เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเลย..........ยังน่ารักไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ.................................เนม” พูดบ่นออกมาเบาๆและท้องฟ้าในตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว เมื่อไฟเป็นสีเขียวชูเฮย์ออกรถไปและเนมก็พิงงหลังชูเฮย์แบบนั้นแต่ชูเฮย์เอามือข้างนึ่งมาจับแขนเธอไว้และอีกข้างก็บังคับรถไป
เมื่อถึงโรงเรียน นาอิกิ
“โห...หรูจังเลยแหละ...แต่ว่าไม่มีใครอยู่เลยนะเนี่ย” ชูเฮย์พูดพลางมองไปรอบๆก่อนที่จะเห็นเก้าอี้ตัวยาวที่ตั้งอยู่ทางด้านขวาของประตูชูเฮย์หันไปมองเนมก็ที่จะเดินไปจับแขนเธอขึ้นมาโอบไหล่ไว้แล้วค่อยเอาแขนทั้งสองข้างช้อนตัวเธอขึ้นมาอย่างช้าๆก่อนที่จะอุ้มไปวางไว้บนเก้าอี้และจับให้เธอนอนสบายๆและชูเฮย์เดินไปเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานคนของกองถ่ายก็มาถึงกัน
“ชูเฮย์คุง เนี่ยขับรถเร็วพอๆกับงินคุงเลยนะ” จูชีโร่พูดพลางยิ้มเจื่อนๆและโอริฮิเมะกับโมโมะก็เดินไปรอบๆ
“ก็พี่เขาสอนผมนี่คับ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่จะหันไปมองเนมที่ตื่นขึ้นมาและนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างเหม่อลอย
‘ทำไมซ้อนรถเจ้านี่ทีไร มันจะรู้สึกอบอุ่นแล้วก็สบายจนหลับทุกที’ เนมคิดในใจและนั่งก้มหน้าอยู่และชูเฮย์ก้มองอย่าไม่ละสายตาเลยทีเดียว
“เนมจัง เป็นอะไรรึป่าวเนี่ย นั่งเหม่อๆนะ” ชุนซุยเดินเข้ามาถามและเนมก็ส่ายหัวในทันที
“ป่ะ ป่าวค่ะ แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและให้ชุนวุยบางๆและชุนซุยก็เอามือลูบศีรษะเธอเบาๆ
“เอ้าๆๆ ชูเฮยคุงเนมจัง ฉากแรกเนี่ย เป็นแบบนี้นะ....” ***อธิบายหมด*** และก็เริ่มถ่ายกันหลังจากที่จัดของเสร็จ
ตัดไปที่งินกับรันงิคุกันบ้าง
“กรี๊ดดดดดด” เสียงของรันงิคุก็กรี๊ดออกมาจากบ้านดังลั่นทำเอางินต้องรีบเอาปิดหูในทันที
“ฮ่ะๆๆ” งินหัวเราะออกมาอย่างสะใจพลางเอามือปิดหูไว้และรันงิคุก็พยายามจะหลบแมงมุมที่อยู่พื้น
“งิน! จับมันไม่ทิ้งเดี๋ยวนี้เลยนะ ชั้นไม่เอาด้วยเด็ดขาดเลย!!!” รันงิคุตะโกนขึนอย่างสุดเสียงและงินก็หัวเราะอย่างสะใจโดยที่ไม่ฟังคำพูดของเธอและเมื่อแมงมุมเริ่มขยับตัวเล็กน้อยรันงิคุก็ขึ้นมาบนโซฟาในทันที
“น่ะ นายจำไว้เลยนะ ไอโรคจิต!!!” รันงิคุพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เพราะรู้ว่ายังไงงินก็คิดจะแกล้งเธออยู่แล้ว
“แหม~ขอร้องคนอื่นพูดให้มันดีๆหน่อยสิคร้าบ~” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและรันงิคุก็กัดฟันด้วยเองก่อนที่จะพูดว่า
“ช่วยจับออกไปด้วยค่ะ!!” รันงิคุพูดกระแทกเสียงและงินก็ทำหน้ากวนๆใส่และพูดว่า
“เสียงคุณโคตรจะเต็มใจเลยคับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะพูดไปว่า
“แล้วจะเอายังไงหะ ไปโรคจิต!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และงินก็แสยะยิ้มออกมาอย่างกวนๆ
“อ่ะ อะไรของนาย” รันงิคุถามขึ้นและงินก็เข้ามาคว้าข้อมือจับให้นั่งลงก่อนที่จะพูดว่า
“ขอเสียงหวานๆได้มั้ยครับ คนสวย” งินพูดพลางทำท่าทางหว่านเสน่ห์ใส่โดยการเปิดตาขึ้นมาเล็กน้อย และมันก็ทำให้รันงิคุเขินจนต้องหลบไปอีกทางนึ่ง
“ช่ะ ช่วยเอาแมงมุมไปทิ้งด้วยค่ะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานเล็กน้อยและงินก็ค่อยๆปล่อยมือเธอออกมาอย่างช้าๆ
“ก็แค่เนี้ย” งินพูดจบก็เดินไปตรงที่มีแมงมุมเล็กๆอยู่งินและแทนที่งินจะจับโยนทิ้งไป แต่กลับแค่เอามาไล่ไปเท่านั้น
“ไอโรคจิต ทำไมไม่ทิ้งมันไม่เลยเล่า!!” รันงิคุตะโกนขึ้นและงินก็หันกลับมาทำสายตานิ่งๆก่อนที่จะพูดว่า
“ที่อื่นน่ะทิ้งได้แต่ที่นี่ผมทำไม่ได้ เหตุผลคุณไม่จำเป็นต้องรู้” งินพูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกไปและรันงิคุก็ค่อยๆนั่งลงที่โซฟาและถอนหายใจอย่างโล่งใจก่อนที่จะเอามือแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ
‘เจ้าหมอนั่นคงไม่ลืมเรื่องที่จูบเราหรอกนะสับสนไปหมด...พอฟังเรื่องของเด็กที่ชื่อ มิวฟา แล้วมันรู้สึก...เจ็บที่หน้าอกยังไงไม่รู้’ รันงิคุคิดก่อนที่จะเอามือลงมาจับที่หน้าอกตัวเองเบาๆ และงินที่เดินเข้าไปในห้องก็เปิดคอมขึ้นมาก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง
หลังจากนั้น เมื่อเข้าที่เว็บ News of the superstar.com ก็เห็นรูปของรันงิคุที่ยิ้มอย่างสดใสและกำลังกินเค้กอยู่ หลายรูปเลยทีเดียวและงินก้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนที่จะเลื่อนลงไปเห็นรูปของลูซี่ที่ปล่อยผมยาวสวย และกำลังยิ้มอย่างร่าเริง
‘ไม่เข้าใจยัยนี่เลยจริงๆ......ต่อหน้าสื่อก็ทำเป็นแม่พระใจดี....พอลับหลังละก็ไล่ตบคนอื่นไปทั่ว’ งินพูดพลางเอามือกุมขมับตัวเองก่อนที่จะเปลี่ยนหน้าเว็บไปที่หน้าเว็บบอร์ดซึ่งมีข่าวเก่าและข่าวใหม่มากมาย (มีทุกอย่างเกี่ยวกับซุปเปอร์สตาร์) งินก็คลิกเข้าไปดูข่าวเก่าๆก็เจอรูปที่จูชีโร่กับเร็ตสึที่ร้องเพลงด้วยกันอยู่รูปหนึ่ง
“ข่าวเก่าขนาดยังเอามาโพสกันอีก จะมีใครสน....”งินชะงักคำพูดไว้ในทันทีเมื่อเรื่อยลงมาเห็นรูปของหญิงสาวเรือนผมสีเหมือนรันงิคุ ใบหน้าและโค้งหน้าก็คล้ายกันมาก ส่วนหน้าตาก็สะสวย และที่สำคัญคือ....สร้อยที่หญิงสาวใส่อยู่เหมือนกับสร้อยที่รันงิคุใส่อยู่ไม่มีผิด และตอนนี้ก็กำลังกอดคอจูชีโร่และเร็ตสึอยู่
“รัน!” งินตะโกนเรียกรันงิคุด้วยเสียงสั้นๆพร้อมกับผลักประตูออกมาและรันงิคุที่นั่งอยู่ข้างนอกก็สะดุ้งโหยงในทันที
“ไอ้โรคมาเดี๋ยวนี้นะ” รันงิคุตคอกขึ้นแต่งินกลับวิ่งเข้าห้องไปซะแล้วและรันงิคุกระชากประตูและเดินเข้าไปอย่างหงุดหงิด
“ไอโรคจิตทำอะไรห๊ะ!” รันงิคุพูดก่อนที่มองหน้างินที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“รัน...สร้อยนี่ได้มาจากไหน” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนรันงิคุก็ทำท่าทางคุ้นคิดเล็กน้อย
“จะไปรู้ได้ไง ตั้งแต่ชั้นจำความได้มันก็อยุ่กับคอชั้นแล้ว” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะคว้าสร้อยคือมาและงินก็ยอมปล่อยสร้อยของเธอแต่โดยดีและจ้องมองไปรูปของหญิงสาวอย่างจริงจังและรันงิคุก็เพิ่งจพสังเกตเห็นรูปของเร็ตสึและจูชีโร่ที่ร้องเพลงด้วยกัน
“อะไรกันเนี่ย 2 คนนี้เคยร้องเพลงคู่กันด้วยเหรอเนี่ย.........แล้วผู้หญิงคนนี้................ใครเหรอ” รันงิคุพูดออกมาเมื่อเห็นรูปล่างถัดมาและงินก็มองหน้าเธอก่อนที่จะเรื่อยลงมาอีกเล็กน้อย และรันงิคุก็จ้องมองด้วยสายตาที่จริงจังและอ่านเนื้อหาได้ในอย่างขะมักเขม้น
“อาซายูโกะ โอเคียวริ...แต่งงานกับ.......” รันงิคุยังไม่ทันได้อ่านต่องินก็กำลังมองด้วยสายตาที่จริงจังเช่นกันแต่อยู่ๆคอมก็ดับเพราะปลั๊กที่ถูกปลดออก
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเก่าๆ จะไปขุดมันขึ้นมาอีกทำไมกัน” เสียงของหญิงสาวที่คุ้นเคยทำให้ทั้งสองคนหันไปมองในทันที
“คุณเร็ตสึ!/คุณเร็ตสึ!” ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันแต่เร็ตสึกับทำสายตาที่ดุดันใส่และจริงจังด้วย
“คุณ...ไม่สิ....พวกผู้จัดการทุกของพวกเราทุกคน ทั้ง กวาง กระต่าย เสือ จิ้กจอก สิงโต แล้วก็มังกร ผู้จัดการทุกคนมีอะไรบางอย่างกำลังปิดบัง” งินไม่ทันจบเร็ตสึก็ตะคอกขึ้นจนรันงิคุก็ทำหน้าตกใจขึ้นมาในทันที
“มันไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างพวกเธอ...ลูซี่จังกลับไปแล้ว ชั้นมาตามพวกเธอกลับสำนักงาน” เร็ตสึพูดก่อนที่จะเดินออกไปและทั้งงินและรันงิคุก็หันมามองหน้ากันในทันที ส่วนเร็ตสึที่เดินออกไปก็เดินพลางคิดในใจว่า
‘เรื่องพันนั้นจะให้เด็กๆรู้ไม่ได้เด็ดขาด....ถ้าพวกเขารู้กัน...พวกเขาอาจจะท้อแต่กลับทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็ได้’ เร็ตสึคิดในใจและน้ำตาก็ไหลรินลงมาอย่างต่อเนื่องและพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้สะอื้นออกมา
ด้านนอก
งินที่ออกมาแล้วกำลังเตรียมรถมอร์เตอร์ไซค์อยู่แต่สายตาก็มองเร็ตสึที่นั่งเท้าคางอยู่ในรถตลอดเวลาเพราะความสงสัยรันงิคุที่ยืนอยู่ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆงิน
“ชั้นไม่เคยเห็นคุณเร็ตสึ เป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ” รันงิคุพูดด้วยยน้ำเสียงที่เรียบๆและเอามือจับที่หน้าอกตัวเองเบาๆ
“อืม...ปกติน่ะ จะยิ้มตลอดเลยนะ...” งินพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับคิดตรงกันข้าม ‘ไม่ว่ายังไง ก็เค้นคอให้พูดออกมาให้ได้’ งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่จะขึ้นไปหลังบนรถมอร์เตอร์ไซค์และงินเรียกรันงิคุก่อนที่จะบอกไปว่า
“รัน...ขอบใจนะ...” งินพูดออกมาเบาๆและมันก็ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาในทันที และรันงิคุก็ค่อยๆเข้าไปนั่งบนรถของเร็ตสึและงินก็ออกรถไปก่อนและเร็ตสึก็พูดขึ้นว่า
“ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกนะ ที่ไม่มีแม่” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและรันงิคุก็หันไปมองหน้าเธอในทันที
“เชื่อมั้ย เนมจังตั้งแต่แม่เสียไปพ่อก็ผลักไสไล่ส่งให้เธอออกจากบ้าน ส่วนพวกญาติๆเธอก็ช่วยกันเอาเธอไปเลี้ยงดู แต่ไปๆมาๆกลับส่งเธอไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า นานาโอะจังพ่อกับแม่ก็ตายไปตั้งแต่ที่เธอเกิด ตอนนี้ก็มีย่าเลี้ยงดูเธอไว้ ส่วนเร็นจิกับอิจิโกะคุงก็โตมาด้วยกันจากสถานรับเลี้ยงเด็กที่แต่ละวันแทบไม่มีข้าวกิน ส่วนลูเคียจังพ่อกับแม่ของเธอก็ตายในวันเกิดของเธอ ทำใหช่วงนั้นเธอเป็นประสาทเสียไปเลย แต่ดีนะที่ได้ฮิซานะพี่สาวที่ถูกจับแยกกันไปตั้งแต่เด็กๆช่วยเอาไว้ โอริฮิเมะจังก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ถูกแกล้งมาตลอด ส่วนชูเฮย์คุง อิซึรุคุง ร่วมถึงงินคุงกับโทชีโร่จัง สี่คนนี้โตมาด้วยกันเล่นกันเหมือนพี่น้อง หน้าพ่อแม่แท้ๆยังไม่เคยเห็น” เร็ตสึพูดไม่ทันจบรันงิคุก็คัดขึ้นว่า
“แต่ว่า...ไหนงินเขาบอกว่า....” รันงิคุไม่ทันได้ท้วงอะไรมากมายเร็ตสึก็พูดตัดขึ้นว่า
“ถึงบอกว่าเป็นแม่ แต่ก็เป็นแค่แม่เลี้ยง แต่หล่อนก็รักสองคนนั้นเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเธอป่วยเป็นโรคที่ทำให้ไม่สามารถมีลูกได้น่ะ ก็เลยรับงินคุงกับโทชีโร่จัง มาเลี้ยง แต่สามีเขาก็ไม่พอใจ บางครั้งโมโหอะไรมาก็เอามาระบายใส่พวกงินคุงจนเป็นแผลเป็นเต็มตัวไปหมด ที่หน้าของงินคุงจะมีรอยแส้อยู่ ส่วนโทชีโร่จังที่ข้อมือก็มีรอยเย็บเพราะถูกแส้ผาดเอาเหมือนกัน” เร็ตสึพูดพลางฝืนหัวเราะออกมาอย่างสบายใจถึงแม้ว่าในใจและร้องไหอยู่ก็ตาม และรันงิคุก็นั่งเงียบไปและนึกถึงแผลที่หน้าอกของงินอยู่ตลอดเวลาและมองไปที่งินที่อยู่ขับมอร์เตอร์ไซค์อยู่ข้างๆอย่างเศร้าๆ
“น่าสงสารจังเลยนะคะ เอ่อ...แต่ว่าทำไม...คุณถึงได้รู้เรื่องอดีตของพวกเขาหมดเลย...ไหนว่าคุณมาเจอพวกเขาตอนที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วนี่นา ทำไมคุณถึงได้รู้เรื่องในวัยเด็กของพวกเขาด้วย จะบอกว่าพวกเขาเล่ามาเองมันก็เชื่อยากนะคะเรื่องแบบนี้ นี่น่ะมันปมด้อยของพวกเขานะคะ” รันงิคุพูดขึ้นเร็ตสึก็สะดุ้งและเงียบไปตลอดทาง
เมื่อถึงสำนักงาน ก็เห็นรถมอร์เตอร์ไซค์ที่ดำจอดอยู่แล้ว
“อะไรกันเนี่ย โทชีโร่กับมาก่อนอีกเหรอเนี่ย” งินพูดก่อนที่จอดรถไว้ใกล้ๆและเอาหมวกกันน็อกแขวนก่อนที่จะเดินขึ้นไปอย่างสบายอารมร์และรันงิคุก็ลงจากรถและเดินตามขึ้นไป อย่างเศร้าใจ และเร็ตสึที่เก็บของอยู่ก็เดินตามขึ้นไปเช่นกัน
“นี่ไปไหนมา” จูชีโร่ถามเร็ตสึที่เดินขึ้นมาแต่เธอกลับส่ายหัวและไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับ และมันก้ทำให้โทชีโร่กับโมโมะงงเอามากๆ
“โมโมะเป็นไงบ้างละวันนี้” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและฝืนยิ้มออกมาพลางเอามือลูบศีรษะเธอเบาๆ
“ก็ดีค่ะ” โมโมะพูดจบรันงิคุก็เอามือออกจากศีรษะเธอและเดินเข้าไปในห้องและโมโมะก็มองตามไปด้วยสายตาที่แปลกใจและจูชีโร่ก็เดินตามเร็ตสึเข้าไป
“เป็นอะไรไปเล่า ดูเงียบๆนะ” จูชีโร่พูดก่อนที่จะก้มลงมามองหน้าเธอที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่และเธอก็ไม่ยอมตอบอะไรกันเช่นเดิม
“นี่...” จูชีโร่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเธอก็ลุกขึ้นมาและกอดเขาไว้แน่นเลยทีเดียวและจูชีโร่ก็แปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เอามือลูบศีรษะเธอเบาๆ
“เอาไว้ใจเย็นลงหน่อยค่อยเล่าให้ชั้นฟังก็ได้” จูชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและมองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ชั้น..ไม่อยากให้เด็กๆ...ต้องกลายเป็นแบบนั้น...ชั้นไม่อยากเลย” เร็ตสึพูดพลางสะอื้นไปด้วยและจูชีโร่ก็กอดเธอเอาไว้
“พอเถอะ...ไม่ต้องพูดหรอก” จูชีโร่พูดปลอบใจเธอแต่เธอก็ยังร้องไหอยู่เช่นเดิม
ด้านนอกก็ได้แต่นั่งเงียบกันและไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา รันงิคุก็นั่งแกว่งขาไปมาและนั่งก้มหน้าตลอดเวลา
‘งิน....ไม่มีแม่.....เหมือนกันงั้นเหรอ’ รันงิคุคิดในใจและมองหน้างินที่กำลังยืนพิงเสาอย่างเศร้าๆ
วันต่อมา ที่โรงเรียน เวลา 9 โมงครึ่ง
“งินคุ๊ง~~~~~~” เสียงของเด็กผู้หญิงหลายคนตะโกนขึ้นทันทีเมื่องินก้าวเข้ามาในโรงเรียนและงินก็พยายามยิ้มรับและไม่ได้วิ่งหนีไปไหน
“งินคุง ได้ยินว่าจะมี ซิ้งเกิลใหม่เหรอ?!” เด็กสาวคนนึ่งถามขึ้นและงินก็เอามือเกาศีรษะเบาก่อนที่จะบอกไปว่า
“ก็นะ คิดว่า คงออกเร็วๆนี้แหละ พูดยังงั้นก็เหอะ ผมยังจำเนื้อเพลงไม่ได้ด้วยซ้ำไป ฮ่ะๆ” งินพูดพลางพยายามที่จะหัวเราะอกมาให้มากที่สุดและเด็กสาวกรี๊ดกันยกใหญ่เลยทีเดียว
“ยังไงชั้นก็จะรอนะ” เด็กสาวพูดพลางยิ้มให้งินอย่างสดใสและงินก็ยิ้มกับมาด้วยรอยยิ้มที่มนหมองทำให้เด็กผู้หญิงหลายคนเริ่มรู้สึกแปลกใจและมีเด็กสาวคนนึ่งถามขึ้นมาว่า
“งินคุง....เป็นอะไรไป ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย” งินก็สะดุ้งขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะถอนหายใจและพูดว่า
“ก็เครียดในหลายๆเรื่องน่ะคับ” งินพูดพลางเอามือเกาศีรษะและเธอก็ยิ้มให้งินก่อนที่จะพูดว่า
“แหม~ มีอะไรไม่สบายใจละก็มาระบายให้พวกเราฟังก็ได้นี่นา~~~ก็งินคุงพูดเองนี่นา ว่าถึงเธอจะ ดังหรืออะไร ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่นา งินคุงเองไม่ใช่เหรอ ที่พูดประโยคนี้เสมอเลย เพราะงั้น พวกชั้นน่ะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็มาเล่าให้เธอฟังแล้วเธอก็ช่วยพวกเราทุกครั้ง คราวนี้ให้พวกเราช่วยบ้างเถอะนะ” เธอพูดจบงินก็เผลยลอยยิ้มออกมาในทันทีก่อนที่จะลุกขึ้นมาและจับมือเธอขึ้นมาและเด็กสาวหลายที่ยืนอยู่กันตรงนั้นก็เงียบกันหมดแล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่องินก้มหน้าลงมาและจูบลงที่ฝ่ามือเธอเบาๆและกำลังก็ทำให้เธอหน้าแดงจะจนเป็นลูกมะเขือ และเมื่องินเง้ยหน้าขึ้นมาก็พูดขึ้นว่า
“ขอบคุณคับ คาเร็น” งินพูดก่อนที่จบปล่อยมือเธอลงเบาๆและเดินออกไปจากและเด็กสาวก็นิ่งเงียบไปเลย
“กรี๊ดดดด คาเร็นเธอทีหลังเธอต้องให้ชั้นพูดนะ คนอะไรกันทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก แถมยังทะเล้น” เด็กหลายคนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวและอยู่เด็กสาวก็ล้มลงซะเฉยๆและใบหน้าของเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุขและหน้าแดงกล่ำเลยทีเดียว
“ตายแล้ว!!! คาเร็น รีบพาไปห้องพยาบาลเร็ว!!!” เด็กสาวที่ยืนรับเธอเอาไว้ตะโกนขึ้นและทุกก็ช่วยกันพาเธอไปส่งและเธอก็พูดโครงครางออกมาว่า
“งิน...คุง.....หล่อ...ที่สุดเลย...” เด็กสาวโครงครางออกมาทั้งๆที่กำลังหลับอยู่ (เหอะๆ)
งินที่เดินออกมาก็ขึ้นมาบนด้าดฟ้าของโรงเรียน และมองลงมาก็คิดถึงเรื่องเมื่อวานอย่างเครียดๆ และอยู่ๆก็...
“งินจัง~~~~~มาอยู่นี่เลย ลูซี่หาตั้งแต่” เสียงของเด็กสาว (แห่งนรก) ตะโกนเรียกก่อนที่จะวิ่งเข้ามากอดงินแน่นและงินก็ยังคงยืนนิ่งๆและไม่คิดที่จะพูดอะไรตอบเธอกลับ
“นี่ๆๆๆๆๆ ลูซี่ให้นะ” เธอพูดด้วยน้ำที่ดีใจก่อนที่จะยื่นแหวนสีทองให้งิน และงินก็รับมาและจับหมุนซ้ายหมุนขวา
“เอามาให้ชั้นทำไม” งินถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและลูซี่ก็ยิ้มและตอบกลับไปว่า
“แหม~เดี๋ยวหมดหน้าหนาว เราก็หมั้นกันแล้วนี่นา ฮ่ะๆ เอาไว้เผื่อยังไงล่ะ” เธอพูดและยิ้มออกมาอย่างสดใสและลมก็พัดลงมาแรงทำให้ผมของเธอปลิวไปตามสายลมและงินเก็บแหวนนั้นเอาก่อนที่จะเอามือลูบศีรษะของเธอและมันก็ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาในทันที
“งิน...จัง” เธอพูดออกมาและตอนนี้ก็หน้าแดงกล่ำและงินก็ค่อยๆเปิดตาขึ้นมาก่อนที่จะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆและเธอก็หลับตาลงและคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ลูซี่ เธอช่วยไม่ยุ่งกับรันงิคุได้มั้ย ยัยนั่น...คือเพื่อนของชั้น...ไม่ใช่แฟนหรืออะไรทั้งนั้น” งินพูดพลางมองหน้าด้วยสายตาที่จริงจังและลูซี่ก็ลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีแต่ก็พยายามซ่อนความหงุดหงิดโดยเผยลอยยิ้มออกมาแทน
“ก็ได้จ๊ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและงินก็ถอยห่างออกมาก่อนที่จะเดินไปอย่างไม่หันมามองหน้า
ทางด้านรันงิคุที่ในตอนนี้ก็นั่งคุยกับนานาโอะอยู่
“งั้นเหรอ...ก็หน้าคิดอยู่หรอกนะ” รันงิคุพูดพลางทำท่าทางคุ้นคิดเล็กน้อยส่วนนานาโอะก็ยิ้มบางๆ
“ก็นะ” นานาโอะพูดพลางยิ้มออกมาบางๆและอยู่ๆลูเคียก็วิ่งมาอย่างเร่งรีบและมาเกาะประตูห้องและนานาโอะกับรันงิคุก็หันไปในทันทีและดีที่คนในห้องนี้ไม่ค่อยมีพวกที่บ้าดาราสักเท่าไหร่นัก
“พี่นานาโอะ พี่เนม เขา พี่เนมน่ะ แฮ่กๆ” ลูเคียพูดพลางหอบออกมาอย่างหนักและนานาโอะก็เดินมาเอามือลูบหลังเบาๆและรันงิคุก็มองอย่าสงสัย
“เอาล่ะๆ คงทะเลอะกับชูเฮย์อีกแล้วสิท่า ใช่มั้ยล่ะ” นานาโอะพูดจบลูเคียกส่ายหัวก่อนที่จะคง้ามือของทั้งสองคนและลากไปในทันที
“พี่เนมเขาเป็นลมไปแล้วอยู่ดีๆก็ชักขึ้นมา” ลูเคียพูดจบนานาโอะก็ถึงกับช็อคไปเลยทีเดียว
เมื่อถึงห้อง
“เนมจัง! ทำใจดีๆไว้นะ เนมจัง!” เสียงของเด็กสาวหลายคนที่กำลังร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงและตอนนี้ก็มีเด็กสาวเรือนผมสีฟ้าขุ่นเอาแขนลองศีรษะเธอด้วย
“เซเร็น เกิดอะไรขึ้น” (เป็นน้องสาวของ คาเร็น เพื่อนในห้องของงิน เป็นเพื่อน(ในห้อง)ที่สนิทที่สุดของเนม) นานาโอะเดินเข้ามาถามอย่างเร่งรีบก่อนที่จะเข้ามาจับที่ข้อมือของเนม และตอนนี้เนมก็หมดสติไปแล้ว เหลือเพียงแค่อาการหอบเท่านั้นและหนักมากด้วย
“นี่! เนมเป็นอะไรห๊ะ!” เสียงของเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้ามาและในตอนี้ก็เปนห่วงเธออย่างมากและเด็กผู้หญิงหลายคนก็มองด้วยสายตาที่หลงกันไปทั่นหน้าและรันงิคุก็ทักขึ้นว่า
“นี่นาย อยู่ ม.6 เหมือนกันแท้ๆ ห้องก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้ ทำไมนายรู้เรื่องคนสุดท้ายเลยห๊ะ?!” รันงิคุตะคอกถามขึ้นและชูเฮย์ก็หันไปมองรันงิคุก่อนที่จะพูดว่า
“ห้องผมมันเอะอะจะตายไป ช่างเถอะ” ชูเฮย์พูดก่อนที่จะเดินไปใกล้ๆเนมและนั่งยองๆลงและอิจิโกะกับเร็นจิที่เดินเข้ามาและพูดว่า
“รุ่นพี่ ผายปอดสิ มีวิธีเดียวนะ/รุ่นพี่! เดี๋ยวรุ่นพี่เนมได้นอนโรงบาลแน่” ทั้งสองคนตะโกนออกมาเพราะกันและคนอื่นที่อยู่ในห้องตอนนี้ก็ถึงกับอึ้งเมื่อนานาโอะพูดขึ้นว่า
“นี่ชั้นขอร้องแหละค่ะ ช่วยออกไปกันก่อน!!” นานาโอะตะหวาดขึ้นมาในครั้งเดียวและทำให้แม้แต่พวกอิจิโกะที่ไม่ได้ถูกไล่ออกไปยังถึงกับสะดุ้งโหยงและโมโมะที่ยืนอยู่ใกล้ๆรันงิคุก็ถึงกับตกใจเลยทีเดียว และเมื่อคนอื่นออกไปจนหมดก็ปิดห้องประตูและกระจกด้านบนก็ดึงม่านมาปิดไว้
“ชูเฮย์ เร็วสิ!” นานาโอะตะคอกขึ้นและชูเฮย์สะดุ้งแล้วลังเลมากเลยทีเดียวและเนมก็มีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆและอยู่ๆเสียงของคนที่ไม่คาดฝันก็ดังขึ้น
“ถ้านายไม่ทำเอง ชั้นทำให้ก็ได้นะ ชูเฮย์~~” เสียงของเด็กหนุ่มที่ท่าทางเจ้าเล่ห์ในตอนนี้และชูเอย์ก็หันไปมองในทันที
“เข้ามาตอนไหนเนี่ย 2 พี่น้องนี่” รันงิคุพูดออกมาเบาๆและงินก็เดินเข้าไปใกล้ๆชูเฮย์และพูดว่า
“นับ 1 ถึง 10 ถ้านายไม่ทำชั้นทำเอง 1...” เมื่องินเริ่มนับก็ทำให้ชูเอย์เริ่มรนรานและตอนนี้ก็ได้แต่มองหน้าเธอที่เริ่มมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ
“รุ่นพี่!” ชูเฮยเรียกแต่งินก้ไม่สนใจและยังคงนับต่อไป “2...3....4...5...6....7....8....9....” งินนับเร็วขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ต้องหยุดเมื่อชูเฮย์ช้อนตัวเธอขึ้นและพาวิ่งออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว และชูเฮย์ฝ่าผู้คนที่ยืนอยู่กันหน้าห้องอย่างลำบากแต่ก็ผ่านไปจนได้ และพวกที่อยู่ในห้องก็ถึงกับเงียบ
“ชูเฮย์นี่มันหัวแข็งไม่เปลี่ยนเลยแฮะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์และนานาโอะก็เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะใช้มือฝาดเข้าไปที่ใบหน้าของงินจนหัน
“นายคิดอะไรอยู่ห๊ะ?!” นานาโอะตะคอกขึ้นและงินก็เอามือลูบที่ใบหน้าตัวเองเบาๆ
“นายน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าอาการของเนมมันแย่แค่ไหน แล้วทำไมนายยังพูดจาสบายแบบนี้ได้อีกล่ะ?!” นานาโอะตะขึ้นและกระชากคอเสื้องินขึ้นมา
“ก็ชั้นรู้ไง...ว่าเนมจังน่ะ...เป็นเด็กอดทน...ไม่ตายง่ายขนาดนั้นหรอก เธอเองก็รู้จักเขามาตั้งแต่เล็กๆหน้าจะรู้ไม่ใช่เหรอ?” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆก่อนที่จะหันไปอีกทางที่รันงิคุเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไห่รไม่รู้และใช้มือจิกผมของงินรุนแรงออกที่จะพูดว่า
“ขอโทษเดี๋ยวนี้” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆและนานาโอะก็ถึงกับเงียบส่วนงินก็พยายามที่จะไม่ร้องออกมา
“...โทษทีนะ...” งินพูดพลางยิ้มให้นานาโอะและนานาโอะพยักหน้ารับและรันงิคุก็ทิ้งศีรษะของงินลงพื้นอย่างไม่ใยดี และอิจิโกะกับเร็นจิกพระซิบกันเบาๆว่า
“ชั้นว่าลูเคียโหดแล้วนะ พี่รันงิคุ โหดกว่าอีก/นั่นสิชั้นก็ว่างั้น...ดูๆแล้วโหดกว่า คุณโยรุอิจิ ซะด้วยมั้งนั่นน่ะ” ทั้งคู่กระซิบกันและดีที่เบาจนไม่มีใครได้ยิน
ห้องพยาบาล
“ถ้ามาช้ากว่านี้ล่ะก็...เขาคงต้องนอกโรงบาลอีก” หญิงสาวใส่ชุดขาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและชูเฮย์ก็พยักหน้ารับก่อนที่จะพยักหน้ารับและเดินเข้าไปก็เห็นเนมนอนโทรมอยู่บนเตียง และตอนนี้ใบหน้าก็ซีดซะจนขาวไปหมด แต่เธอก็ยังหอบอยู่เล็กน้อยแต่ก็เป็นแค่เพราะอาการเหนื่อยตามปกติ
‘รู้สึกอยากจะถามขึ้นมาเฉยๆว่า ทำตอนนั้นถึงบอกเลิกชั้น แล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ อยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม’ ชูเฮย์คิดในใจหลังจากที่นั่งเอาหลังพิงกำแพงฝาที่อยู่ใกล้ๆกับเตียงและมองหน้าเธอด้วยสายตานิ่งเฉยและแฝงด้วยความสำนึกผิด
“เฮ้อ~มาอยู่ห้องพยาบาลอย่างงี้ก็ดีแฮะ~ไม่ต้องเรียนฟิสิก ด้วย” ชูเฮย์พูดพลางบีบขี้เกียจก่อนที่จะเอนตัวลงเอาหลังพิงพะนักเก้าอี้
หลังจากนั้น ไม่ถึงชั่วโมง ประมาท 10 นาที เนมก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงและผ้าห่มก็ปัดเข้าตาชูเฮย์จึงทำให้ชูเฮย์จากที่หลับอยู่ก็ตาสว่างขึ้นมาในทันที
“แฮ่กๆ” เนมลุกพรวดขึ้นมามีเหนื่อยแตกพรั่กและเธอก็มอาการหอบขึ้นมาอีกเล็กน้อย และชูเฮย์ทำเป็นมองอย่างไม่สบอารมณ์และแกล้งพูดขึ้นว่า
“ยาก็ไม่รู้จักพก...ยัยซื่อบื้อ เอ๊ย~” ชูเฮย์พูดพลางเอามือขยี้ตาตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์และเนมก็ยังช็อคอยู่เพราะเมื่อครู่นี้เธอฝันอะไรบางอย่างอยู่ด้วย
“...เนม...” ชูเฮย์พูดพลางมองหน้าเธอเล็กน้อยและเนมก็สะบัดหัวตัวเองเล็กน้อย
“ไม่มีอะไร.........นายน่ะมาได้ไง” เนมถามด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆและชูเฮย์ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์
“เหอะ! ก็ชั้นเป็นคนอุ้มเธอมานี่ไง...เป็นหอบแล้วยาก็ไม่รู้จักพก...เดี๋ยวก็ตาย.../ตายก็ดีน่ะสิ ชั้นจะได้ไม่ต้องมาเห็นหน้าของคนหลงตัวเองอย่างนาย” เนมพูดตัดขึ้นโดยที่ชูเฮย์ยังไม่ทันพูดแต่ชูเฮย์ก็ไม่ยอมโต้เถียงอะไรกลับก่อนที่จะพูดถามขึ้นมา
“ทำไมเธอไม่เคยบอกชั้น....เรื่องโรค.../นายเคยคิดจะสนใจชั้นสักครั้งมั้ยเล่า?!” เนมพูดตัดขึ้นโดยที่ชูเฮย์ยังพูดไม่จบและชูเฮย์เงียบนิ่งไปในทันทีที่เธอตะคอกขึ้น
“ไม่สนใจอะไร เธอไม่มาบอกชั้นเองนิ” ชูเฮย์ตะคอกกลับแต่ก็ถูกเธอจ้องมองด้วยสายตาที่ดุดันและชูเฮย์สะดุ้งก่อนที่จะนั่งลงและหลบสายตาเธอ
“ชั้นน่ะจะบอกนายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ชั้นยังไม่ทันบอกอะไร นายแต่ก็พูดแต่ ให้บอกทีหลัง ตอนนี้ไม่ว่างๆๆๆๆ ไม่ว่างอย่างเดียว” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและชูเฮย์ก็ได้แต่เอามือเท้าคางฟังอย่างเงียบๆและไม่ยอมทักท้วงอะไรกลับมาทั้งสิ้น
“นอนพักไปเลยไป” ชูเฮย์พูดก่อนที่จะลุกออกไปจากห้องและเนมก็ถอนหายใจก่อนที่จะค่อยล้มตัวลงนอน (เชื่อชูเฮย์)
“ไอบ้าเอ๊ย...กะแล้วเชียว...ว่าต้องลืม...คนอย่างหมอนั่นไม่มีวันจำ...หรอก” เนมพูดเบาๆก่อนที่จะเริ่มมีน้ำใสไหลลงมาและหยดลงมาที่หมอนเล็กน้อย
และชูเฮย์ที่เดินออกมาก็นั่งอยู่หน้าห้องเธอไม่ได้ลุกไปไหนเพราะขี้เกียจเรียนวิชา ฟิสิก แต่ก็นั่งคิดเรื่องของเนมอย่างเดียว
“จริงด้วยสิ......เนมเองก็เป็นผู้หญิงนี่นา......” ชูเฮย์พูดออกมาเบาๆก่อนที่จะแงบประตูและมองไปด้านในก็คิดว่าเธอหลับไปแล้วจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไปและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงแต่เนมที่นอน (ร้องไห) อยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากให้ชูเฮย์ล้อเธอว่าเป็น ยัยขี้แง และเธอก็ต้องสะดุ้งทันทีเมื่อชูเฮย์ยื่นมือมาลูบศีรษะเธอเบาๆ และขยับตัวเล็กน้อยแต่พยายามเอาหมอนปิดหน้าและไม่หันไปมอง
ตัดไปที่งินในตอนนี้ ที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียน
“ไม่ต้องไปหาเนมหรอกน่า เชื่อสิ” งินพูดกับนานโอะที่ในตอนนี้กำลังจะเดินออกไป
“แต่ว่า...” นานาโอะพูดและกลายเป็นรันงิคุอีกคนที่จับแขนเธอไว้แล้วยิ้มให้และงินก็พูดขึ้นว่า
“ชั้นน่ะรู้จักกับเจ้านั่นมาตั้งแต่เด็กๆ หมอนั่นน่ะ ท่าชอบใครแล้ว...ไม่มีวันหยุดอยู่ที่คำว่า “ชอบ” หรอกนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์และแสยะยิ้มก่อนจะเดินไปและนานาโอะก็ถอนหายใจและพูดกับรันงิคุว่า
“กลับห้องดีกว่า” นานาโอะพูดจบอิจิโกะก็พยักหน้ารับก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
และชูเฮย์ที่กำลังเอามือลูบศีรษะเธออยู่ก็ปริปากขึ้นมาว่า
“ชั้น...ขอโทษนะ...” ชูเฮย์ด้วยน้ำเสียงที่สำนึกแล้วเนมก็สะดุ้งเฮือกๆและชูเฮย์ยื่นมือไปที่แก้มเธอก่อนที่จะเช็คน้ำตาที่ไหลอยุ่เล็กน้อยและตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้หลับ แต่ชูเฮย์ก็ยังทำเป็นไม่รู้อยู่ และยังพูดต่อไปอีก
“คิดๆดูแล้วมันก็เป็นตัวชั้นเองนั่นแหละ...ที่ไม่สนใจอะไรเธอ ถูกเธอบอกเลิกก็ไม่แปลกหรอก จริงมั้ย?” ชูเฮย์และฝื้นยิ้มออกมาส่วนเนมก็เบิ่งตากว้าง
‘มือของเขา....อุ่นจัง’ เนมคิดในใจและตอนนี้ก็หน้าแดงกล่ำและชูเฮย์เองก็รู้และเห็นด้วย (ไม่ได้ปิดหน้าสักหน่อย)
“ตั้งแต่ที่เลิกกันน่ะ เธอก็น่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ อยู่ชั้นกลับไม่คุณค่าของเธอสักนิด.........ชั้นน่ะตอนแรกพูดตรงๆว่าแค่ชอบเธอเท่านั้นแหละ แต่ไปๆมาๆ มันกลับกลับเป็นความรู้สึกแบบอื่น ไม่รู้ว่ามันจะเป็นด้านบวกหรือลบ” และเมื่อชูเฮย์ก็จบก็เนมก็เบิ่งตากว้างขึ้นมาและตอนนี้เธอก็รู้สึกทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียว และชูเฮย์ก็ยิ้มบางๆก่อนที่จะพูดว่า
“อีกอย่างนะ....เธอน่ะ จะแกล้งหลับไปถึงเมื่อไหร่...ชั้นรู้หรอกนะ” ชูเฮย์พูดและหัวเราะออกมาเบาๆและเนมก็เหล่ตาไปมองก่อนที่จะค่อยๆหันมาและมองหน้าชูเฮยก่อนที่หลบสายตาชูเฮย์ไปเล็กน้อย และชูเฮย์ก็ถามขึ้นมา
“นี่...ถามหน่อยสิ...ทำไมตอนนั้น.....ถึงได้.......เลิกกับชั้น.....” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเนมก็หันมาทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่
“ก็นาย.....อยากควงผู้หญิงคนอื่น.....ทำไม” เนมพูดพลางเหล่มามองชูเฮย์อย่างเขินๆและชูเฮย์ก็ทำหน้างงขึ้นมาในทันที
“ผู้หญิง....คนอื่น?” ชูเฮย์พูดอย่างงงๆและเนมก็หันมามองหน้าในทันที
“มีหลายคน จนจำไม่ได้งั้นเหรอ” เนมถามย้ำขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเหล่มามองชูเฮย์และชูเฮย์ก็ถึงกับทำน้าตกใจเมื่อนึกออก
“ข่ะ ข่ะ คนอื่นอะไรของเธอ นั่นน่ะ น้องสาว ชั้น ชื่อฮิซากิ ชูโกะ/เชื่อก็บ้า” เนมพูดและเชิดหน้าใส่ชูเฮย์เล็กน้อยแต่เธอก็หน้าเสียเล็กน้อยเหมือนกัน
“ไม่เชื่อดูนี่ได้เลย!” ชูเฮย์พูดพลางยื่นรูปถ่ายให้และเนมก็รับมาก็เห็นรูปของ เด็กสาวเรือนผมสีม่วงคล้ายๆกัน และของชูเฮย์ในตอนเด็กๆที่นั่งกอดอกและทำหน้าไม่สบอารมณ์และเด็กสาวกำลังกอดคอชูเฮย์อยู่และยิ้มอย่างสดใสเลยทีเดียว และเนมก็ถึงกับเงียบ
“ยัยนั่นน่ะ เลือดเนื้อเชื้อสายเดียวกับชั้นเลยนะ” ชูเฮย์พูดพลางเอามือรองศีรษะและเนมก็ยื่นรูปคืนให้ก่อนที่จะพิงไปที่หัวเตียง
“นี่เธอ.....โกรธ....เรื่องนี้เองเหรอ” ชูเฮย์ถามขึ้นและเนมก็ก้มหน้าลงก่อนที่จะพยักหน้าและชูเฮย์ก็เงียบไปเช่นกัน
“เป็นใคร เห็นภาพแบบนี้เข้ามันก็ต้องคิดแบบนี้อยู่...แถมนายยังมา..........เย็นชา...........ใส่ชั้นอีก พอชั้นจะเล่าอะไรให้ฟังนายก็มาตะคอกใส่ชั้นทุกที ชั้นก็เลยไม่ค่อยอยากเล่าอะไรให้นายฟังไม่ค่อยกล้าคุยด้วย เดี๋ยวจะมาว่าชั้น ว่าเป็นคนน่ารำคาญอีก” ชูเฮย์สะดุ้งในทันทีและชูเฮย์บอกไปว่า
“มันเครียดเรื่องงาน.......ว่าแต่เธอล่ะ บอกเลิกชั้นแล้วก็มีคนใหม่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ” ชูเฮย์พูดพลางมองหน้าเธอและเนมก็สะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว
“ข่ะ คนใหม่อะไร” เนมพูดอย่างงงๆและชูเฮย์ก็หันมามองหน้าเธอในทันที
“ก็...คริสมาสต์...ปีก่อนน่ะ...เห็นเดินอยู่ด้วย ไม่ใช่แฟนรึไง” ชูเฮย์เริ่มลังเลที่จะอะไรอีกและเนมก้นิ่งไปเป็นอาการเดียวกับชูเฮย์เมื่อครู่นี้
“อ๋อ...นั่นน่ะ พี่ชายชั้นตังหาก คุโรซึจิ อาซึระ.....พี่น่ะมีครอบครัวแล้วนะ....ชั้นอายุหลงจากพี่ตั้ง 12 ปี” เนมพูดและยิ้มออกมาบางๆและชูเฮย์ก็ทำหน้าไม่เชื่อ
“หลักฐานล่ะ” ชูเฮย์พูดพลางเอามือกอดอกและเนมก็ทำหน้าไม่สบอารมร์ก่อนที่จะเอากระเป๋าตังเปิดออกแล้วเอารูปออกมา
“นี่ไง พี่เขามีลูกตั้ง 2 คน” เนมพูดจบชูเฮย์ก็รับมาและมองลงไปก็เห็นภาพของชายหนุ่มที่กำลังให้เด็กผู้ชายตัวเล็กๆขี่คอและหญิงสาวอีกคนที่อุ้มเด็ผู้ชายอีกและคนทั้งๆสองคนก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เพราะเหมือนกำลังทะเลอะกันอยู่
“คนที่ขี่คอพี่อยู่น่ะ ชื่อ อายูมุ อีกคน ชื่อ อายามุ ทีนี้เชื่อได้รึยัง” เนมพูดจบก็กระชากรูปถ่ายคือมาอย่างไม่สบอารมณ์และบรรยกาสก็เริ่มเข้าสู่ความเงียบอยู่นานเลยทีเดียว ชูเฮย์ก็ได้แต่นั่งคิดเพราะว่าที่ทั้งสองคนเลิกรากันไปเพราะเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น เนมเองก็เช่นกัน
“ช่ะ ชั้นขึ้นเรียนก่อนนะ เธอเองก็นอนพักซะนะ” ชูเฮย์พูดจบก็ลุกแล้วเดินออกไปในทันทีและเนมก็นิ่งไปครู่นึ่งก่อนที่จะเอามือมากุมที่หน้าอก
“นี่เราเข้าใจผิดเองเหรอ.........เรานี่มัน.......อ่อนแอจริงๆ.......ผิดกับแม่ลิบลับเลย” เนมพูดออกมาเบาๆก่อนที่จะยิ้มออกมาบางๆ
และชูเฮย์ที่เดินมาจนถึงห้อง ก็เข้ามานั่งที่และมองออกนอกหน้าต่างอยู่ตลอดเวลาจนไม่ได้เรียนทั้งชั่วโมง
“ฮิซากิ!” ชายหนุ่มพูดพลางเอาสันหนังสือเคาะที่โต๊ะและชูเฮย์หันมามองแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรกลับ
“ครูเข้าใจนะว่าเธอทำงานเหนื่อยแต่พอถึงเวลา....” ชายหนุ่มพูดไม่ทันจบชูเฮย์ก็ลุกขึ้นและพูดว่า
“จะให้ออกไปยืนหน้าห้องก็พูดมาเลยคับ” ชูเฮย์พูดจบก็เดินออกไปในทันทีและก็ปิดประตูห้องและชูเฮย์ยื่นพิงกำแพงและเอามือกอดอกอย่างสบายอารมณ์
หลังจากนั้นสักพักก็เห็นเนมเดินมา ชูเฮย์ถึงไปมองเธอและเธอก็หันมามองชูเฮย์เช่นกัน และก็ต้องหลบตากันเพราะความเขินในทันที
“โดน...ไล่ออกมาเหรอ” เนมยืนนิ่งและเริ่มเอ่ยปากถามออกมาส่วนชูเฮย์ก็พยักหน้ารับ
“ขอโทษนะ...ถ้านายไม่ไปเฝ้าชั้น...คงได้เข้าเรียน” เนมพูดและก้มหน้าลงเล็กน้อยและชูเฮย์ยื่นมือมาและเอามือวางที่ศีรษะเธอเบาๆก่อนที่จะยิ้มให้
“ชั้นหลับในห้องเรียนแล้วโดนไล่ออกมาตังหาก เธอก็ถ้าหายแล้วก็ไปเรียนได้แล้วไป” ชูเฮย์พูดจบเนมก็พยักหน้าก่อนที่จะวิ่งถัดไปประมาท 3 ห้องแล้วเดินเข้า (ห้องอยู่ใกล้กันแค่นี้ ชูเฮย์กลับรู้เรื่องคนสุดท้ายว่าเนมชัก) ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็มีเซเร็นก็เข้ามากอดเธอในทันที
“เนม! เป็นอะไรมั้ย ไม่เป็นไรแล้วน้า~~~” เธอพูดและกอดเนมหนักแน่นและเนมก็พยักหน้ารับเอามือลูบหลังเธอเบาๆ
ด้านไปที่งินในทันที
“พี่” โทชีโร่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและงินก็หันมามองอย่างเจื่อนๆ
“ทำไมพี่ไม่ให้ชั้นกลับไปห้องเรียนสักทีเล่า?!” โทชีโร่ในตอนนี้ก็ถูกเด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกับงินกลุ่มอยู่มากมายเลยทีเดียว และงินก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆ
“แหม~ๆ เอาน่า~” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนตอนนี้โทชีโร่ก็พยายามยิ้มรับทุกๆด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าจะฝื้นยิ้มออกมาก็ตาม
หลังจากนั้น
“พี่ชั้นกลับได้รึยัง” โทชีโร่พูดและในตอนนี้ก็มีทั้งดอกไม้และช็อคโกแลค ลูกอม อมยิ้ม เยลลี่ อะไรต่างๆนานาอยู่ในมือและงินก็ปิดหนังสือก่อนที่จะถอนหายใจ
“เฮ้อ~ทำไมวันนี้นายเช่ามาแค่เล่มเดียวเองดูสิ เลยค้างเลย” งินพูดพลางบีบขี้เกียจอย่างสบายอารมณ์
“ฟังหน่อยสิ เฮ้ย!” โทชีโร่พูดและทำหน้าไม่สบอารมณ์และงินก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนที่เอามือลูบศีรษะโทชีโร่เบาๆ
“รู้แล้วๆ ถ้าคิดว่าแบกไปได้หมดก็ไปไหนก็ไปไป๊” งินพูดพลางสะบัดมือไล่โทชีโร่อย่างกวนๆ
“ไล่กันเลยเหรอห๊ะ?!” โทชีโร่พูดจบงินก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆส่วนโทชีโร่ก็เอาสะบัดศีรษะเพื่อให้งินปล่อยศีรษะเขาและพยายามใช้เท้าเปิดประตูห้อง
“พี่! มาเปิดดิ!” โทชีโร่ตะคอกขึ้นและงินก็ถอนหายใจก่อนที่จะเดินมาและใช้มือเลื่อนเบาๆและโทชีโร่ก็กำลังจะเดินออกไป
“นี่โทชีโร่ มานี่แปบสิ” งินพูดก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อยและโทชีโร่ก็หันมาทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อยส่วนงินก็มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะกระซิบข้างๆหูว่า
‘รันงิคุอยู่...ห้องเดียวกับนานาโอะน่ะ...ฝากบอก 2 คนนั้นด้วยว่า ระวัง ลูซี่ ให้ดี’ งินพูดโดยเน้นคำว่าลูซี่และโทชีโร่ก็หันไปมองหน้างินก่อนที่จะพยักหน้ารับและเดินไป และเพราะพรมที่ปูไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่บวกของบนมือที่เยอะของโทชีดร่ทำให้เท้าสะดุดกับพรมและล้มหน้าติ้ม และงินก็คิดในใจทันที
‘เฮ้อ~อุส่าเดินไปแบบเท่ๆแล้วแท้ๆ’ งินพูดพลางมือปิดหน้าและทำเป็นไม่เห็นก่อนที่จะเปิดประตูห้อง
“โทชีโร่คุง~~~” เสียงของเด็กสาวเรือนผมสีดำดวงตาสีช๊อกโกแลกที่ฉายความเป็นห่วงรีบวิ่งอย่างเร่งรีบและโทชีโร่ก็มองขึ้นไป
“ฮินาโมริ...” โทชีโร่พูดจบโมโมะก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและเธอก็หอบเล็กน้อย
“นี่ๆ อาจารย์ให้มาตามน่ะ” โมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนโทชีโร่ก็พยักหน้ารับก่อนที่จะค่อยๆเก็บของที่หล่นอยู่
“ช่ะ ชั้นช่วยนะ” โมโมะพูดก่อนที่จะค่อยๆเก็บของที่อยู่ใกล้ๆเธอก็สังเกตเห็นกล่องช็อกโกแลคสีชมพูอ่อน ที่ด้านหน้ากล่องไปลายลูกหมีก็ตกใจขึ้นมาในทันที
“เห...แฟนคลับเขาลงทุนน่าดูเลยนะ ซื้อยี่ห้อนี้ให้เนี่ย...ชั้นยังไม่เคยกินสักที ฮ่ะๆ” โมโมะพูดก่อนที่จะกล่องช็อคโกแลคและอย่าอื่นวางลงไป
“อยากได้ก็เอาไปสิ ชั้นไม่ชอบกันช็อกโกแลค มันหวานคอ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและโมโมะก็ตกใจเล็กน้อย
“ห่ะ ให้จริงเหรอ นี่มันของจากอิตาลี่เชียวนะ” โมโมะพูดอย่างตกใจโมโมะพูดพลางย่อตัวลงเล็กน้อย
“จะเอามั้ย?!” โทชีโร่พูดอย่างไม่สบอารมร์เมื่อเห็นโมโมะย่อตัวมาและโมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆ
“อ่ะ เอาจ๊ะ” โมโมะพูดก่อนที่จะเอากล่องช็อกโกแลคลงมาและแกะกล่องออกมาแล้วเอาช็อกโกแลคที่เป็นลูกกลมใส่เข้าปาก
“เฮ้ย นี่ๆ กินตรงนี้เลยเหรอ” โทชีโร่ถามขึ้นและโมโมะหันมายิ้มเจื่อนๆและเอามือเกาหัว
“กลัวมันละลายน่ะ ได้ยินว่าละลายง่ายมากเลย แหะๆ” โมโมะพูดจบก็จับอีกชิ้นนึ่งเข้าปาก เมื่อถึงห้องโทชีโร่ก็เดินเข้าไปและพูดว่า
“นี่ๆ ฮินาโมริ เดี๋ยวเตือนพี่รันงิคุ เรื่องคู่หมั้นพี่ด้วยนะ” โทชีโร่พูดจบโมโมะก็มองหน้าเขาก่อนที่จะพยักหน้ารับและเดินไปที่ห้องฝั่งตรงข้าม
พักเที่ยง
“นี่ๆ ทำไมช่วงนี้ Black Dragon ไม่มีกระแสอะไรเลยล่ะ ถึงบอกว่าจะเป็นช่วงเตรียมตัวก็เถอะนะ” เสียงของเด็กสาวพูดขึ้นมาและตอนนี้ก็กำลังกอดคอ
อิซึรุอยู่และอิซึรุก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียว
“ตอนมีความรู้สึกว่าเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ก็เลยพัก ว่าแต่เงียบขนาดนั้นเชียวเหรอ?” งินพูดพลางเอามือเกาหัวและเด็กสาวก็พยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างงั้น ยูคิโกะจัง ช่วยไปที่ประชาสัมพันธ์ทีนะ บอกว่า ในอีก 3 ชั่วโมง มังกร สิงโต จิ้กจอก กระต่าย กวาง จะมี มินิคอนเสิตร์ให้” งินพูดจบยูคิโกะก็ทำท่าดีใจและกำลังจะวิ่งไป แต่ว่า
“เดี๋ยวก่อนลืมไปอย่างนึ่ง...รวมทั้ง...เสือด้วยนะ” งินพูดจบเด็กสาวก็พยักหน้ารับและวิ่งไปในทันทีและทั้งโมโมะและรันงิคุก็ยังไม่รู้สึกอะไรเพราะว่ารันงิคุ...นั่งกินเค้ก โมโมะ......นั่งกินคุกกี้ และนานาโอะก็ตะคอกขึ้นในทันทีว่า
“นี่! พวกนายอยากจัดก็จักสิ ทำไมต้องดึงพวกชั้นเข้าไปด้วย อีกอย่าง เนม เพิ่งจะชักมาเมื่อกี๊” นานาโอะตะคอกขึ้นและเนมก็พูดขึ้นทันที
“นานาโอะ” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเอามือกุมที่หน้าอกและนานาโอะก็หันมามอง
“ชั้นไหวน่า ไม่เป็นไรหรอก ชั้นเองก็ไม่ได้ร้องเพลงมาตั้งนานแล้ว อยากจะวอมเสียงเหมือนกัน” เนมพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้นานาโอะและนานาโอะก็พยักหน้ารับและชูเฮย์ก็มองด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“น่าสนุกดีนะ ที่ฉายา นางเอกสาวเสียงใส ของเธอจะกลับมาอีกครั้ง ฮ่ะๆ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์และเนมก็หันมามองอย่างไม่สบอารมร์ก่อนที่จะเดินเข้าไปและจิกหัวชูเฮย์และให้เงยหน้าขึ้นมา
“หึ! จะวัดกันสักตั้งมั้ยล่ะ” เนมพูดพลางมองหน้าชูเฮย์ด้วยสายตาที่ท้ายทายและชูเฮย์ปัดมือเธอออกก่อนที่จะลุกขึ้น
“เธอท้างั้นเหรอ?!” ชูเฮย์พูดขึ้นเนมก็ทำหน้าเมินใส่
“ได้! งั้นเดี่ยวเราได้เจอกันแน่” ชูเฮย์พูดจบเดินไปเพื่อจะไปช่วยพวกเพื่อนๆที่เตรียมเวทีกันอยู่
“พ พี่เนมน่ากลัวจัง” โมโมะคิดในใจก่อนที่จะเอาคุกกี้เข้าปากไปอีกและรันงิคุก็กินอย่างไม่มียั้งและไม่สนใจอะไรเลย
“พ่ะ พี่รันงิคุคะ น่ะ นี่หิวหรือว่าโมโหคะเนี่ย” ลูเคียพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและเร็นจิก็ขำเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“ฮ่ะๆ ถึงจะบอกว่าไม่อ้วนก็เถอะกินซะขนาดนี้ น้ำหนักมันก็ขึ้นได้นะคับ” เร็นจิพูดขึ้นและรันงิคุก็หันมายิ้มให้ก่อนที่จะพุดไปว่า
“เอาน่าๆ ไม่ต้องห่วงๆ มันขึ้นชั้นก็ลดเองแหละ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเร็นจิก็ยิ้มเจื่อนๆและโทชีโร่ก็พุดขึ้นว่า
“แล้วพวกพี่รันงิคุจะ ร้องเพลงอะไรกันล่ะ” โทชีโร่ถามขึ้นส่วนงินก็กลั้นหัวเราะขึ้นมาในทันทีและทั้งสองคนก็ทำหน้าตกใจขึ้นมาในทันที
“เอ้า! ก็ไหนรุ่นพี่งิน บอกว่า จะให้พี่ขึ้นด้วยนี่นา” อิจิโกะพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและรันงิคุที่กำลงจะเอาเค้กเข้ามาก็หยุดชะงัก
“ห๊ะ!” รันงิคุและตอนนี้ตกใจและค้างอยู่ท่าเดิมส่วนโมโมะก็กัดคุกกี้เข้าเสียงดัง ก๊อบ!
“จะถามอะไรล่ะคับ” อิซึรุพูดและทำหน้าหน่ายๆและรันงิคุก็ปล่อยช้อนลงจากมือก่อนที่จะลุกขึ้นและกระชากปกเสื้อของงินขึ้นมา
“นายแกล้งชั้นใช่มั้ยห๊ะ!” รันงิคุตะคอกถามเสียงดังลั่นส่วนงินก็หัวเราะเบาๆก่อนที่จะจับมือเธออย่างหื่นและกระซิบไปว่า
“มือนุ่มจัง” ทันทีทิ่งินพูดจบรันงิคุก็ทิ้งงินลงอย่างแรงและนานาโอะก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนที่จะเอามือมาลูบหลังเบาๆ
“จ่ะ ใจเย็นๆสิ ยังเดี๋ยวบอกประชาสัมพันใหม่ก็ด่ะ....” นานาโอะพูดไม่ทันจบก็มีเสียงประกาสดังลั่นโรงเรียนเลยทเดียว
“ขอแจ้งเพื่อนๆ ทุกๆคนให้ทราบนะคะ ในอีก 3 ชั่วโมงนี้ พี่งินบอกว่าจะจัดมินิคอนเสรินพิเศษ พี่เขาฝากมาบอกว่า รับประกันความมัน เพราะมีนักร้องนักแสดงหน้าใหม่อย่าง White Tiger มาขึ้นแสดงครั้งแรก อีก 3 ชั่วโมงค่ะอย่าลืมนะคะ จากดาวโรงเรียน อามาโนะ ยูคิโกะ ค่ะ!!” เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลงและอิซึรุก็ยิ้มเจื่อนๆในทันที ส่วนรันงิคุก็หันหลังและเดินไปหลังจากที่พูดว่า
“ฝันไปเถอะ ยังไงชั้นก็ไม่ขึ้น” รันงิคุพูดจบก็เอาเค้กชิ้นสุดท้ายใส่ปากก่อนที่จะเดินไปประมาท 3 ก้าวก็ต้องชะงักเมื่องินก็ตัดขึ้นมาว่า
“กลัวล่ะสิ” งินพูดและทำหน้าเหี้ยมๆและรันงิคุก็หันมาก่อนที่จะกลืนเค้กลงคอไป
“ว่าไงนะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและอิจิโกะก็เอามือปิดหน้าทันที
“ล่มแน่งานนี้” อิจิโกะพูดพลางเอามือปิดหน้าและในตอนนี้ทั้งงินและรันงิคุก็จ้องหน้ากันตาเขม้ง
“เฮ้อ~ไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไรคับ คนขึ้นคนอื่นเขาจะได้รู้กันหมดว่า White Tiger มัตสึโมโต้ รันงิคุ เขา.....ใจ.....ปลา....ซิว!” งินพูดและเน้นคำว่า ใจปลาซิว ส่วนรันงิคุก็เดินกลับมาก่อนที่จะกระชากคอเสื้อลงมา
“เดี๋ยวเราได้เห็นดีกันแน่!” รันงิคุพูดจบก็ปล่อยเสื้องินในทันทีและลูเคียก็พูดขึ้นมาว่า
“เฮ้อ~รุ่นพี่งินนี่เก่งจังเลยนะคะ เอาพี่รันงิคุได้อยู่หมัดเลย” ลูเคียพูดและทำหน้าเจื่อนๆส่วนอิจิโกะก็เอามือขยี้หัวก่อนที่จะพูดว่า
“เธอเองก็เตรียมตัวได้แล้วไป” อิจิโกะขยี้หัวก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับเร็นจิส่วนลูเคียก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อยก่อนที่จะเอามือลูบศีรษะตัวเองส่วนโอริฮิเมะก็ยิ้มเจื่อนๆ
จากนั้น
“เนม” เสียงของชูเฮย์เรียกเนมที่กำลังร้องเพลงเสียงเบาๆอย่างไม่สบอารมณ์และเนมก็หันมา
“เพิ่งแต่งเสร็จ” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางยื่นกระดาษให้เนมส่วนเนมก็รับมาและดูเนื้ออยู่ครู่นึ่ง
“ลายมือ เป็นลายแทงสมบัติเหมือนเดิมเลยนะ...อ่านไม่ออกเอาคืนไป” เนมพูดจบก็ยื่นกระดาษคืนให้ชูเฮย์และชูเฮย์ดันมือเธอกลับก่อนที่จะหน้าแดงและเชิดหน้าใส่เธอพร้อมกับพูดว่า
“ของเธอนั้นแหละ ชั้นแต่งให้เธอ” ชูเฮย์พูดจบก็เดินไปในทันทีและเนมก็พยายามแกะลายมือของชูเฮย์ก่อนที่จะลุกเดินไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่และด้านหน้าของเด็กหนุ่มก็มีกลองชุดวางอยู่
“นี่ เคียวคุง ช่วยทีนะ อย่างด่วนๆเลย” (คาซึยะ เคียว เป็นน้องรหัสของเนม และเป็นมือกลองของวงดนตรีโรงเรียน มีความสามารถทางด้านดนตรีเป็นเลิศ) เขารับกระดาษมาก่อนที่จะมองหน้าเนม
“ผมจะลองดูนะคับ รุ่นพี่ จริงสิ นี่รุ่นพี่ รูปวิวที่บอกให้ผมวาดน่ะ ผมยังไม่ทันได้เริ่มเลย ข่ะ คง...” เขาพูดไม่ทันเนมก็เอามือลูบศีรษะและพูดว่า
“เอาน่า ไปต้องรีบหรอกจ๊ะ ค่อยๆคิดค่อยๆทำ ศิลปะน่ะใจร้อนไม่ได้หรอกจ๊ะ” เนมพูดก่อนที่จะลากเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆและเริ่มที่จะช่วยกันคิดเรื่องดนตรีของเพลง (เห็นแบบนี้เนมก็เล่นกีต้าร์เป็นนะ) และตอนนี้ใบหน้าของเนมก็ยิ้มแย้มและใบหน้าก็ใกล้เด็กหนุ่มจนแก้มเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว และชูเฮย์ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาที่อยู่อีกมุมนึ่งก็จ้องตาเขม้งในทันทีและอิซึรุที่นั่งอยู่ข้างๆก็แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะแซวขึ้นว่า
“จ้องตาเขม้งเลยนะคร้าบ~ หึงพี่เนมล่ะสิ” อิซึรุพูดแซวขึ้นและชูเฮย์ก้สะดุ้งโหยงในทันที
“ห่ะ หึงอะไรกันเล่า ยัยนั่นจะคุยกับใครก็ช่างสิ ไม่เกี่ยวกับชั้นนิ” ชูเฮย์พูดพลางเอามือกอดอกและหันไปทางอื่นแต่เขาก็ละสายตาจากเนมไม่ได้อยู่ดี
“ยังชอบเขาอยู่ ก็บอกเขาไปสิคับ” อิซึรุพูดจบก็หยิบหนังสือนิตยสารขึ้นมาปิดหน้าและชูเฮย์ก็หันมาเขกศีรษะไปในทันที
“ทีได้ยังไม่กล้าบอกกับ แม่สาวดาวโรงเรียนเลยนิ” อิซึรุหน้าแดงและสะดุ้งโหยงในทันที
“ม่ะ มันไม่เกี่ยวกันนิ” อิซึรุพูดอย่างเขินๆและพูดถึงเธอไม่หันขาดคำเธอก็วิ่งเข้ามาใกล้ๆมานั่งใกล้ๆอิซึรุและพูดว่า
“อิซึรุคุง~~ ทำให้เต็มที่นะ” เธอพูดและยิ้มอย่างสดใสและอิซึรุก็หันมาให้ก่อนที่จะยิ้มแบบเจื่อนๆ และชูเฮย์ที่ยืนอยู่ก็ไม่ได้สนใจ 2 คนนี้แต่อย่างใดได้แต่มองเนมที่กำลังทำท่าทางสนิทสนมกับน้องรหัสอย่างไม่สบอารมร์และท่าทางของเขาก็หงุดหงิดอย่างมาก
“รุ่นพี่ ไมล์รุ่นพี่อยู่ไหน” อิจิโกะเดินเข้ามาพลางเอาไมล์ที่ขาวมาควงและชูเฮย์ก็หันมาก่อนที่จะชี้ไปที่โต๊ะวางของ
“อยู่แถวนั้นแหละ หาดูเอง” ชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียทงี่ไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะเอามือล้วงกระเป๋าและกัดฟันตัวเองก่อนที่จะเริ่มก้าวเท้าเดินเข้าไปและงินที่นั่งจิมกาแฟอยู่ก็ต้องหัวเราะเบาๆ ส่วนรันงิคุแน่นอน..........................หลับเงียบโมโมะก็เช่นกัน
“2 คนนี้สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆเลยนะ” ทันทีที่นานาโอะพูดจบงินก็วางแก้วน้ำลงและเอามือมาปิดที่ปากก่อนที่จะพูดว่า
“อาจจะไม่ใช่” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนนานาโอะก็ตกใจเล็กน้อย
“พ่ะ พูดอะไรของนายน่ะงิน สองคนนี้ก็เหมือนกันจะตายไป” นานาโอะพูดจบอยู่ๆงินก็มองหน้าทั้ง 2 สลับกันก่อนที่เปิดผมช่วงหูของรันงิคุและโมโมะขึ้นมาพร้อมกัน และนานาโอะก็เอามือปิดปากตัวเอง
“งินนายทำอะ.../นานาโอะ ดูนี่สิ หูนี่ไม่เหมือนกันสักนิด” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและนานาโอะพูดพยักหน้ารับและงินก็เอามือจับศีรษะของทั้ง 2 คนก่อนที่จะดึงผมออกไปคนละดึงเส้น
“นายคงไม่คิดว่าทั้ง 2 คนนี้ไม่ใช่พี่น้องกันหรอกนะ” นานาโอะพูดจบน้ำเสียงเศร้าๆก่อนที่จะเอาลูบศีรษะโมโมะเบาๆ
“ชั้นยืนยันไม่ได้ คุณเร็ตสึกับผู้จัดการก็ทำท่าเหมือนปิดบังอะไรอยู่ด้วย ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมพูด ก็เลยมาพิสูตรด้วยตัวเองนี่ไง” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางเอาเส้นผมทั้งสองเส้นใส่ผ้าเช็ดหน้าก่อนที่จะพับไว้และเก็บใส่กระเป๋า
“...งิน...” นานาโอะเรียกงินเบาๆทำหน้าเศร้าๆขึ้นมาในทันทีและงินก็หันมามอง
“ความจริว ผู้จัดการชั้นเองก็เหมือนกัน ปกติจะมาแอบหลับเวลาทำงานแท้ๆ แต่นี่กลับนั่งทำหน้าเครียดอย่างเดียว” นานาโอะพูดด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆและงินก็ทำท่าทางคุ้นคิดเล็กน้อย และอยู่ๆก็
“งิน...........จาง~~~~~” มีเสียงของเด็กสาวตะโกนขึ้นมาดังลั่นเลยเมื่องินหันไปเด็กสาวก็วิ่งเข้ามากอดคอแน่นเลยทีเดียว
“ล่ะ ลูซี่” งินพูดอย่างตกใจและเด็กสาวกอดงินก่อนที่จะส่งสายตามาที่นานาโอะและรันงิคุรวมทั้งโมโมะด้วย
“นี่ๆ คุยอะไรกันอยู่เหรอ? ไม่เห็นเรียกลูซี่เลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวนและ (แหล) มากๆ
“ก็มัน...ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะรู้นี่คับ” งินพูดก่อนที่จะปัดมือเธอออกและเดินเข้าไปสะกิดรันงิคุ
“นี่...ยัยัวแสบตื่นได้แล้ว” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและรันงิคุก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาและเอามือขยี้ตาส่วนลูซี่ก็มองด้วยสายตาที่ดุดันและนานาโอะก็ทำท่าทางสะใจเล็กน้อย เพราะงินทำท่าทางไม่สนใจเธอ
“อะไรเล่า” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและนานาโอะเขย่าตัวโมโมะเบาๆและโมโมะสะดุ้งขึ้นมาในทันที
“อ่ะ อะไรเหรอ” นานาโอะถามพลางยิ้มเจื่อนๆและโมโมะก็มองซ้ายมองขวาในทันทีก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“รัน! เนื้อเพลงเธอน่ะ จำได้รึยัง” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่จะดึงแขนเธอขึ้นมาและตอนนี้รันงิคุก็เอามือขยี้ตาอยู่
“จำได้แล้วแหละน่า~” รันงิคุพูดลากเสียงก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปอีกครั้งและงินก็แสยะยิ้มก่อนที่จะก้มลงไปเอามือทั้งสองข้างช้อนตัวเธอขึ้นมาแนบอกและเมื่อลูซี่เห็นภาพนั้นก็ถึงกลับนิ่งเลยทีเดียว
“ไอเพลย์บอยโรคจิต ทำอะไรวะห๊ะ!” รันงิคุพูดพลางทุบหน้าอกงินละงินกรีบพาเธอเดินออกจากที่ตรงนี้อย่างรวดเร็วส่วนนานาโอะก็ทำหน้าเหมือนจะหัวเราะเธอก็ที่พาโมโมะเดินตามไป
“อะไรของนายเนี่ย!” รันงิคุตะคอกใส่และงินก็ชี้ไปที่เก้าอี้โซฟาที่มีลูซี่นั่งอยู่ในทันที
“อ๋อๆ คุณคู่หมั้นของนายเองน่ะเหรอ?” รันงิคุพูดและทำเสียงประชดประชันส่วนงินก็แสยะยิ้มและอยู่ๆก็
“อะไรของนายห๊ะ ชูเฮย์! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” เสียงของเนมที่ตะโกนออกมาและพยายามสะบัดแขนชูเฮย์ออกอย่างสุดกำลังแต่ก็ถูกชูเฮย์ลากเข้าไปในห้องน้ำซะแล้ว
“อะไรกันเนี่ยคู่นี้” รันงิคุบ่นขึ้นส่วนงินก็มองหน้าเธออย่างไม่ละสายตา
“รัน...คือชั้นมีเรื่องจะบอก...” งินพูดยังไม่ทันได้พูดอะไรเด็กสาวเรือนผมสีดำก็ถอยหลังเข้ามาชนอย่างแรงจนงินต้องล้มลงไปคร่อมรันงิคุ
“ข่ะ ขอโทษค่ะ!” เสียงของลูเคียดังขึ้นและหันมาก็เห็นภาพนั้นเข้าจึงเงียบในทันที และ ลูซี่ก็นั่งกำสมุดนิตยสารแน่นและรันงิคุก็ตกใจขึ้นมาในทันทีและงินก็พยายามจะลุกออกไปแต่ว่าเหมือนกับถูกแววตาของเธอสะกดไว้
*********
ในที่สุดก็มีเวลาสักที เฮ้อ~~~~ -3- น้อยใจนิดนะเนี้ย คอมเม้นไม่ขึ้น 55+ไม่เป็นไรเดี่ยวมันก็คงจะเยอะขึ้นเอง!! อิอิ โปรดใจตัวเอง เหอๆๆ
THX : Duck-
ความคิดเห็น