ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach]หนุ่มเพลย์บอยสุดแสบกับซุปเปอร์สตาร์สาวสุดซ่า

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 12 : The bitterness.

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 54


     ผ่านมาเวลากลับบ้าน ขณะที่รันงิคุกำลังเดินไปข้างถนนอยู่งินที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ วิ่งเข้ามาเอามือปิดปากเธอและรวบแขนทั้งสองข้างไว้

    อย่าร้องนะ ชั้นเองงินพูดและรันงิคุก็หันไปด้านหลังอยู่โล่งใจเล็กน้อยส่วนงินก็ค่อยๆปล่อยมือเธออย่างช้าๆ

    มีไร?” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์อย่างมากและอยู่ๆงินก็ลากเธอเข้าไปในซอกตึกที่คิดว่าไม่มีคนเห็นแน่ๆ

    เมื่อเข้ามาในซอกตึกที่แคบแต่พอที่ยืนได้สองคน รันงิคุสะบัดมืองินออกในทันที

    อะไรของนายเนี่ยห๊ะ!” รันงิคุตะคอกขึ้นและงินก็ถอยแววออกและทำหน้าจริงจังในทันที

    เมื่อเช้าน่ะ...เจอลูซี่แล้วสินะงินพูดจบรันงิคุก็หลบสายตาของงินไปและพยักหน้ารับและอยู่ๆงินก็จับใบหน้าของรันงิคุให้หันไปอีกทางนึ่ง

    ยัยนั่นน่ะ มือหนักพอดูเลยนะงินพูดจบก็ปล่อยใบหน้าของเธอและรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก

    ทำไมนายต้องหนีด้วย...ถึงเป็นแค่ว่าที่คู่หมั้น...นายก็ควรจะรักเขา ไม่ใช่ว่ามาทำตัวเป็น เพลย์บอย แบบนี้รันงิคุตะคอกขึ้นและงินก็ทำหน้านิ่งๆก่อนที่จะพูดว่า

    ก็ชั้น...ไม่ได้รักเขา...แล้วก็ไม่ได้ชอบด้วย...งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและรันงิคุก็เบิงตากว้างเล็กน้อย

    นายรู้มั้ยงิน...เขารักนายขนาดนั้น...แล้วถ้าเขารู้ว่านายไม่ชอบเขา....เขาจะรู้สึกยังไง...จะเจ็บปวด...สักแค่ไหน...นายเคยคิดที่จะรับรู้บางมั้ยรันงิคุตะคอกขึ้และก้มหน้าลงและงินก็ขึ้นเสียงไปว่า

    ชั้นมีคนที่ชั้นรักอยู่แล้วไงงินตะคอกดังลั่นทำให้ผู้คนหยุดเดินและหันเข้ามามากมายแต่ดีที่ไม่มีใครเห็น

    ชั้นไม่ได้อยากรู้...ชั้นแค่อย่างให้นาย...เอาใจใส่เขา...คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะนายรันงิคุพูดจบก็ใส่แว่นกันแดก่อนที่จะเดินจากไป

    ผู้หญิงคนนี้...เป็นใครกัน...ไม่ใช่รันงิคุแล้ว...คนที่ทั้งสดใส...แถมขี้เล่นยิ้มเก่งแล้วยังขี้โวยวายหายไปไหนหมด...นี่มัน...เย็นชามากงินพูดบ่นเบาๆก่อนที่จะใส่แว่นและหมวกเดินออกไปจากซอกตึก

    ทำไมเราถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้...รู้สึกโมโหมากตอนที่เจ้านั่นบอกว่ามีคนที่รักอยู่แล้ว...คนที่รัก...มีคนรัก...อยู่แล้ว...หมอนั่นมันมีอยู่แล้วรันงิคุคิดในใจและตอนนี้น้ำตาก็ไหลรินลงมาอย่างไม่ขาดสายและอยู่มอร์เตอรไซค์คันที่คุ้นเคยก็เข้ามาจอดขวางหน้า

    ขึ้นมาสิ...คงไม่คิดจะเดินกลับหรอกนะงินพูดจบรันงิคุก็มองหน้าก่อนที่จะขึ้นมาซ้อนหลังและงินก็ค่อยๆออกรถอย่างช้าๆ

    หลังจากที่มาอยู่กลางทาง

    งิน...เมื่อกี๊นี้ขอโทษนะ ที่ชั้นพูดแรงไปรันงิคุพูดพลางเอามือจับเบาะไว้แน่นและงินก็พยักหน้ารับและรันงิคุก็เอนซีรษะลงมาพิงหลังงินและพูดว่า

    ชั้นอารมณ์ไม่ดีเองแท้ๆ แต่กลับไประบายใส่นายอีก...ขอโทษจริงๆนะรันงิคุพูดและน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง

    ไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ...แล้วก็อย่าร้องไหสิงินพูดพลางเหลียวหลังมามองเธอเล็กน้อย

    พูดตรงๆนะ ตอนแรกชั้นน่ะเกลียดนายเข้าไส้...แต่ตอนนี้น่ะชั้นน่ะ...ชอบนายมากๆเลย...ถึงจะแบบเพื่อนก็เถอะนะรันงิคุพูดพลางหัวเราะเบาๆและงินก้ยิ้มออกมาในทันที

    เมื่อขัมาสักพักเสียงโทรศัพท์ของงินก็ดังขึ้นทำให้งินต้องจอดและรับโทษ (งินไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก)

    คร้าบ~” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์

    (พี่! อย่าเพิ่งกลับมาที่สำนักงานนะ ยัยคู่หมั้นพี่น่ะ...ดักรออยู่ พี่ไปหาที่พักกับพี่รันงิคุก่อน แล้วอีก 2-3 วันค่อยกลับนะ ถ้าหาที่พักได้แล้วโทรบอกด้วยล่ะ) โทชีโร่พูดจบงินก็วางสายไปหันปุดกับรันงิคุว่า

    จับๆแน่นๆนะงินพูดจบก็บีดเฮดอย่างเต็มที่และเมื่อออกรถรันงิคุก็ถึงกับตกใจเพราะงินไม่เคยขับเร็วขนาดนี้

    อะไรของนายเนี่ยงิน..จะไปไหนสำนักต้องเลี้ยวขวาไม่ใช่ รึไง ไอบ้าถ้าอย่างงั้นก็จอดให้ชั้นลงก่อน นี่ได้ยินมั้ย!” รันงิคุพูดพร้อมกับทุบหลังงินเบาๆ

    เงียบๆน่า เธอคงไม่อยากโดน ลูซี่ ตบอีกใช่มั้ยงินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและรันงิคุก็เริ่มหยุดขัด

    เมื่อมาถึงที่เป็นเหมือนบ้านพักต่างอากาส และไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองมากนัก นี่คือข้อดี แต่ข้อเสียคือ...

    ถ้าอยู่ข้ามคืนล่ะก็ชั้นไม่เอาด้วยนะรันงิคุตะคอกขึ้นและงินก็เอามือปิดหูทันที

    ไม่หรอกน่า~อย่างน้อยก็ประมาท 3 ทุ่มแหละนะงินพุดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์และรันงิคุก็ทำท่าทางไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะพุดว่า

    แล้วที่นี่น่ะ...ที่ไหนรันงิคุพูดพลางมองไปที่บ้านหลังใหญ่ที่หรูหราอย่างมาก

    อ๋อ...บ้านพักต่างอากาสของบ้านชั้นเองน่ะ ตามสบายนะไม่มีใครอยู่หรอกงินพูดพลางจอดมอร์เตอร์ไซค์ไว้ที่ข้างๆบ้านและรันงิคุก็ทำท่าจะไม่เข้าไปและงินที่เห็นเป็นแบบนั้นจึงเดินเข้ามาใกล้ๆและรวบมือทั้งสองข้างของเธอไว้และยืนใบหน้าของมาใกล้ๆก่อนที่จะพูดว่า

    ถ้าไม่อยากโดนชั้นจูบอีก...ก็เข้าไปซะงินพุดจบรันงิคุก็หันหน้าหลบและทำท่าเหมือนจะไม่เข้าไปเช่นเดิมแต่อยู่ๆสายตาที่เจ้าเหล่ก็ต้องเปลี่ยนไปจากตาเปลือกที่ปิดอยู่ตลอดเวลาก็เปิดขึ้นมาทำให้เธอเห็นดวงตาสีเขียวมรกตสวยและตอนนี้ก็กำลังจับจ้องไปที่ด้านบนที่เหมือนกำลังจะมีคนเดินผ่าน

    ...งิน...รันงิคุเรียกเขาก่อนที่จะถูกรวบตัวเข้าไปไว้ในอ้อมแขนของเขาและตอนนี้งินก็พยายามใช้ตัวบังรันงิคุเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นหน้าเธอเข้า และรันงิคุก็ตกลงใจขึ้นมาในทันทีและรันงิคุก็พยายามที่ดันงินออกแต่ว่า

    เงียบๆนะ มีคนมา...อดทนหน่อยนะ แค่แปบเดียวงินพูดเบาๆและรันงิคุก็มองไปด้านหลังของงินก็เห็นคนเดินมาจริงๆรันงิคุจึงไม่ขัดขืนและอยู่ๆงินก็กอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รันงิคุสงสัยเล็กน้อย และเมื่อคนเดินผ่านไปงินก็ไม่ยอมที่ปล่อยเธอออก

    น่ะ นี่คนไปแล้วนะ ปล่อยไปแล้ว/รันงิคุงินพูดแทรกขึ้นและรันงิคุก็เบิ่งตากว้างในทันที และเมื่อสวรรค์ช่วยที่เสียงโทรศัพท์ของรันงิคุดังขึ้นงินจึงค่อยๆปล่อยเธอออกและหลบสายตาของเธอในทันที และรันงิคุก็ไม่สนใจและกลับกดวางสายไปและหันมามองหน้างิน

    นายเป็นอะไรรันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและงินก็ส่ายหัวก่อนที่จะเดินเข้าไป

    เดี๋ยว! ชั้นถามว่าเป็น...รันงิคุพลางกระชากเสื้องินกลับมาแต่เมื่อกระชากกลับมาได้ใบหน้าของงินก็เข้าใกล้ๆใบหน้าของเธอโดยไม่ได้ตั้งตัวและงินก็รีบถอยห่างออกไปในทันที

    งิน...นายไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะรันงิคุพูดขึ้นและงินก็ได้แต่หันหน้าหลบก่อนที่จะพูดว่า

    วันที่ 10 เดือน 9 ของเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นวันที่ชั้น...ช่างเถอะงินชะงักคำพูดเอาแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่รอให้รันงิคุเอ่ยปากอะไรทั้งสิ้นและเมื่อรันงิคุเดินเข้ามาก็เห็นงินนั่งเอามือเท้าคางและเปิดวิทยุฟังก่อนที่จะเอนลงมาที่โซฟาและเอาผ้าสีขาวมาปิดหน้าเอาไว้ รันงิคุมองเขาอยู่พักใหญ่และมองเท่าไหร่งินก็นั่งอยู่ท่าเดิมไม่ยอมขยับไปไหน แต่งินก้รู้ว่าเธอยืนมองอยู่จึงค่อยๆขยับมือขึ้นมาและเอาผ้าสีขาวออกมา

    ถ้าอยากรู้ล่ะก็...บอกไว้ก่อนนะ ว่าชั้นไม่บอกเธอหรอกงินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและรันงิคุก็เชิดหน้าใส่ก่อนที่จะเดินเข้ามาและทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆ

    ไม่ได้อยากรู้หรอกยะ ไม่บอกก็เรื่องของนายมันไม่เกี่ยวกับชั้นรันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและงินก็ทำเมินใส่อย่างกวนๆ

    อ๋อเหรอ~~” งินพูดลากเสียงอย่างกวนๆแต่อยู่ๆรันงิคุก็ทำหน้าเศร้าๆขึ้นมาซะเฉยๆ

    วันที่ 10 เดือน 9 ...นายคงสูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไปสินะรันงิคุพูดจบงินก็หันมามองหน้าเธอในทันที

    ช่างเถอะชั้นก็ไม่ได้ใส่ใจนักหรอกนะรันงิคุเปลี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์และกำลังจะเดินไปแต่ว่าถูกงินจับข้อมือไว้และเมื่อรันงิคุก็หันมาก็เห็นใบหน้าของงินที่ตอนนี้เศร้าๆหมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนรันงิคุไม่คิดว่าคนที่ทั้ง ทะเล้น ขี้เล่นแถมเจ้าเล่ห์ อย่างเขาจะเผยสีหน้าแบบนี้ออกมาและอยู่ๆงินก็จับมือเธออย่างรุนแรง ทำให้เธอล้มลงมาทับร่างของเขาในทันทีและงินก็เอาแขนโอบตัวเธอจากด้านหลัง

    อิบ้านี่! ทำอะไร.../ชั้นขอกอดเธอสักแปบนึ่งนะ แค่สัก 30 วิฯ ก็ยังดีงินพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆและกอดเธอแน่นขึ้นและรันงิคุก็ต้องนิ่งและเงียบไป

    ม่ะ หมอนี่เป็นอะไร...ด่ะ เดี๋ยวนะ...ท่ะ ทำไมรู้สึกว่าเจ้านี่กำลังร้องไห...อยู่เลย...แต่น้ำตาก็ไม่ไหลสักเท่าหน่อย...อั้นเอาไว้งั้นเหรอ...หรือว่าเจ้านี่......จะร้องไห...ในใจอยู่ตลอดเวลารันงิคุคิดในใจพลางเอาค่อยๆเอามือมาตบหลังงินเบาๆเหมือนปลอบใจ (เพื่อน) และตัวเธอในตอนนี้ก็คิดกับงินเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นแต่งินเนี่ยสิ จะคิดกับเธอแบบไหนกัน และจากที่งินพูดว่าขอกอดเพียงแค่แปบเดียวกลับกลายเป็นว่ากอดรันงิคุไว้นานพอสมควร

    ...งิน...รันงิคุเรียกเขาหลังจากที่งินปล่อยเธอให้เป็นอิสระ

    ความจริงแล้วชั้นน่ะ มีคนที่ชั้นรักอยู่...ชื่อ มิวฟางินพูดพลางเอามือปิดหน้าตัวเองและรันงิคุก็เอามือจับที่หน้าอกตัวเองและถามขึ้นว่า

    แล้วตอน...ยังไม่ทันได้ถามงินก็พดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆว่า ...ไม่อยู่แล้ว...มิวฟา...ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วงินพูดจบน้ำตาที่ไม่เคยไหลก็ไหลลงมาในทันที

    ถ่ะ ถ้าฝื้นก็ไม่ต้องเล่าแล้วแหละ ชั้นพอรู้แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไงรันงิคุพลางฝื้นยิ้มออกมาแต่งินกลับไม่สนใจและเล่าตอนไป

    ตัดไปเมื่อ 4 ปีก่อน (งินยังไม่เข้าวงการ)

    งิน...แม่เป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ยเสียงใสของเด็กสาวเรียกงินที่กำลังนั่งทำหน้าเศร้าๆอยู่บนเนินหญ้าและนั่งจ้องมาลำธารอย่างหนักใจ

    ทรุดลงน่ะงินพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆและอยู่ๆเด็กสาวก็นั่งลงและเอาหลังชนกับหลังของงินและพุดว่า

    อย่าเศร้าแบบนี้สิ...นายยังมีชั้นอยู่นะเด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสและงินก็ต้องยิ้มออกมาในทันที

    เธอนี่ก็แบบนี้ทุกทีเลยนะ....มิวฟางินพูดพลางพิงหลังมิวฟาตอบไปและเอาวางที่พื้นหญ้า

    ก็แหม~ พอนายทำหน้าแบบนี้...ชั้นก็ไม่ชอบนี่นามิวฟาจบก็หัวเราะออกมาอย่างสดใส

    มิวฟา...เพราะเธอเป็นซะแบบนี้...ชั้นถึงรักเธอ เข้าให้งินพูดคำสารภาพรักออกมาอย่างหน้าตาเฉยๆและมิวฟาก็หน้าแดงกล่ำขึ้นมาในทันที

    ระหว่างเดินกลับบ้าน ซึ่งตอนนี้งินกำลังเดินนำหน้ามิวฟาอย่างไม่สนใจแต่ก็อยู่ๆมิวฟาก็พุดขึ้นว่า

    งินมิวฟาเรียกด้วยน้ำเสียงที่สดใสพลางยิ้มออกมาและเมื่องินหันมาก็ยื่นมือไปด้านหน้า

    จูงมือหน่อยสิมิวฟาพูดและยิ้มให้งินและงินก็ถอนหายใจก่อนที่จะยื่นมือมาจับมือเธอและเดินไปด้วยกัน

    แต่หลังจากนั้น หนึ่งเดือน

    งินนี่เดี๋ยวชั้นจะลงไปข้างล่างนะ...ไป... มิวฟาถามขึ้นและเอามือเท้าที่เข่าตัวเองและมองงินที่กำลังกุมมือหญิงสาวที่นอนไร้สติอยู่บนเตียง

    ไม่เอาชั้นจะเฝ้าแม่งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางมองหน้าแม่ของตัวเองด้วยสายตาเศร้าๆและโทชีโร่ในตอนนี้ก็นอนหลับอยู่ที่โซฟา

    เชอะ! รู้งี้ไม่ชวนหรอกมิวฟาพูดจบก็เดินลงไปในทันที และงินก็มองหน้าแม่ตัวเองอย่างเศร้าๆก่อนที่จะเอามือลูบใบหน้าที่เนียนใสของหญิงสาวอย่างเบาๆและหลังจากนั้นงินก็ฟุบลงที่เตียงและกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ และโทชีโร่ก็ตื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้

    พี่ฮะโทชีโร่พูดพลางเอามือจับไหล่งินไว้

    .....โท.......ชีโร่.............งิน.............เสียงของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงโครงครางออกมาเรียกลูกของตัวเองเบาๆและทั้งสองคนก็หันมามองหน้ากันในทันทีและอยู่หญิงสาวก็เริ่มพยักมือที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาลูบศีรษะของงินเบาๆและเอามืออีกข้างนึ่งลูบใบหน้าของโทชีโร่เบาๆ

    ตายจริง...ไม่ไป...เรียนกันเหรอ..........หญิงสาวพุดเบาๆ

    วันเสาร์คับ แม่โทชีโ ร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงขึ้นมาในทันทีและหญิงสาวก็ยิ้มออกมาบางๆ

    และเมื่อตกดึก...งินก็นั่งมองออกนอกหน้าต่างเหมือนจะรอมิวฟาอยู่เพราะออกไปตั้งแต่หัวค่ำ

    ยัยนั่นไปไหนกันนะงินพุดก่อนที่จะลุกไปที่ระเบียงและหญิงสาวก็ยิ้มบางๆและงินกเอามือโทรออกไปที่เบอร์ของมิวฟาในทันที

    (อะไรยะ) เสียงของมิวฟาดังขึ้นในทันที

    ไปซื้อของถึงไหนเนี่ยห๊ะ? แม่ชั้นฝื้นแล้วนะงินพูดอย่างเป็นห่วงและมิวฟาก็หัวเราะออกมาในทันที

    (จริงเหรอ! ดีจังเลยนะ...แล้ว...โครม...ตื๊ดๆ) ทันทีที่เสียงเหมือนมีวัตถุกระแทกกันอย่างแรงดังขึ้นสายก็ตัดไปในทันที

    เฮ้ย! นี่มิวฟา ได้ยินมั้ย นี่มิวฟา!” งินพยายามเรียกและกดโทรออกไปหลายๆครั้งและก็โทรไม่ติดอีกเลย

    และภาพของมิวฟาในตอนนี้คือ เธอนอนจมกองเลือดอยู่ และมีโทรศัพท์มือถือก็แตกระเอียด และที่มือของเธอก็มีสร้อยคอรูปหัวใจเขียนว่า

    ‘Happy Birthday’ เขียนคำนี้ไว้ตัวเล็กๆเว้นบรรทัดลงมาเขียนไว้อีกว่า

    ‘My Love’ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอจะมอบให้ในวันเกิดของเขาแต่ก็ไม่มีโอกาสซะแล้ว

    ตัดกลับมาปัจจุบัน ในตอนนี้งินก็เอามือปิดตาและน้ำก็ไหลรินลงมาอย่างต่อเนื่องๆ และตอนนี้รันงิคุก็เข้ามานั่งใกล้ๆเขาและเอามือลูบหัวงินเบาๆ

    พอแล้ว...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...ชั้นไม่อยากรู้อะไรอีกแล้วรันงิคุด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆและงินก็เหล่มามองหน้าเธอเล็กน้อย

    ทำไมกัน...รู้สึกเจ็บที่หน้าอกรันงิคุคิดในใจและทำหน้าเศร้าๆ

    ตักมาที่สำนักงาน

    เมื่อไหร่ งินจัง จะมาสักทีเนี่ยห๊ะ จะให้ชั้นรอหืดขึ้นคอรึไงกันห๊ะ!” ลูซี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์อย่างมาก

    พี่เขาไม่อยาก.../โทชีโร่คุง!” โทชีโร่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากบอกอะไรก็เร็ตสึตะคอกใส่และทำให้โทชีโร่ถึงกับเงียบและโมโมะก็ถึงกับสะดุ้ง

    ช่วงนี้งินคุงเขาไม่ค่อยอยากจะกลับสำนักงานสักเท่าไหร่น่ะเร็ตสึพูดพลางยิ้มเจื่อนๆก่อนที่จะหันไปพูดกับจูชีโร่ว่า

    จูชีโร่ เดี๋ยวพาโทชีโร่คุงกับโมโมะจังไปที่สตูดิโอที่นะเร็ตสึพูดจูชีโร่ก็พยักหน้ารับและเขาก็รู้ว่าโทชีโร่ได้ยินที่พูดจึงแค่กวัดมือเรียกเฉยๆ

    ไม่ไป!” โทชีโร่กระแทกเสียงด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และหญิงสาวก็หันมามองในทันที

    ผมรู้นิสัยยัยนี่ดี...พอไปกันหมดมันก็จะไปลื้นห้องพี่ ผมจะเฝ้าอยู่นี่แหละโทชีโร่พูดพลางอ่านหนังสือการ์ตูนและเร็ตสึกับจูชีโร่ก็ถึงกับจนปัญญาส่วนลูซี่ก็โกรธขึ้นมาทันที

    อย่าคิดว่าเป็นน้องชายของงินจังแล้วจะมาพูดด่าชั้นได้ตามใจชอบนะลูซี่พูดพลางง้ามือขึ้นมาและโทชีโร่ก็ยังนั่งนิ่งเพราะรู้ว่าเธอไม่กล้าตบเขาหรอกแต่ว่า...

    ผัวะ! เสียงของฝ่ามือที่กระทบลงมาที่ใบหน้าของเขาทำให้เจ็บเข้าขั้นชา

    โทชีโร่คุง อย่าให้ชั้นต้องทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 ไปกับจูชีโร่ซะเร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและโทชีโร่ก็ถึงกับอึ้งเพราะคนที่ทั้ง ใจดีและอ่อนโยนอย่างเร็ตสึจะตบหน้าเขาจนหันขนาดนี้ และโทชีโร่ก็ต้องกัดฟันและเดินออกไปจากห้องในทันที

    แล้วก็ที่ชั้นช่วยครั้งนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าชั้นเข้าข้างเธอล่ะเร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องและโมโมะก็ยืนอึ้งอยู่

    ห่ะ โหดจังเลยโมโมะคิดในใจและจูชีโร่ก็เอามือจับที่ไหล่ก่อนที่จะพาเธอเดินออกไป *************************

    เมื่อถึงลานจอดรถ

    โทชีโร่คุง เจ็บมั้ยโมโมะพูดพลางเอามือจับที่แก้มโทชีโร่เบาๆ

    ชิ! มือหนักชำมัดเลยแฮะโทชีโร่พูดพลางเอามือลูบที่แก้มตัวเองเบาๆ

    ฮะๆ ก็แบบนี้แหละ...ชั้นล่ะโดนประจำจูชีโร่พูดพลางหัวเราะออกและเข้าไปในรถและโทชีโร่ก็เอาแว่นกันแดกับหมวกใส่แล้วขึ้นไปนั่งบนรถมอร์เตอร์ไซค์และเขาก็ออกรถไปโดยที่ไม่สนใจอะไร และโมโมะก็ขึ้นไปรถบนรถและถอนหายใจออกมาในทันที

    โทชีโร่คุงขับเร็วขนาดนั้น ถ้าชนคงเป็นข่าวใหญ่แหงโมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

    ฮ่ะๆ โทชีโร่คุงเขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรจูชีโร่พูดก๊อกรถไป

    เมื่อถึงสตูดิโอ ก็ได้ยินเสียงคนโต้เถียงกันในทันที

    เอาอีกแล้วแฮะ คู่นี้ ไม่กลัวเป็นข่าวเลยรึไงน้า~” จูชีโร่พูดก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป

    เก่งจริงพูดอีกทีสิ ไอตุ๊ด!” ภาพในตอนนี้คือเนมกำลังกระชากคอเสื้อของชูเฮย์อย่างแรงและชูเฮย์จับข้อมือเธอไว้และพยายามดึงออก

    ก็บอกว่า เธอมันบ้า ยังไงเล่า ยัยทอม/งั้นนายก็รีบๆตายไปเลยแล้วกันเนมพูดพลางง้าหมัดขึ้นมาแต่ดีที่ชุนซุยเดินเข้ามาจับข้อมือของเธอไว้ทัน

    ผู้จัดการ...เนมพูดพลางมองหน้าชุนซุย

    เอาน่า~ ใจเย็นสิ อ่ะนี่บทของเธอนะชุนซุยพูดจบก็ค่อยๆปล่อยมือเนมและเนมรับมาก่อนที่จะเอาหมัดชกเขาไปที่หน้าชูเฮย์ 1 ทีอย่างแรงก่อนที่จะลุกออกไป

    อย่าให้ชั้นได้เอาคืนนะชูเฮย์พูดก่อนที่จะลุกขึ้นมาและเอามือเช็คที่ปากตัวเองและโมโมะก็มองและยิ้มเจื่อนๆและจูชีโร่ก็เดินเข้าไปทักชุนซุยกับโยรุอิจิ

    ไง...เด็กทะเลอะกันแบบนี้...ลำบากแย่เลยนะจูชีโร่พูดพลางยิ้มให้และโยรุอิจิก็หัวเราะอกมาในทันที

    ฮ่ะๆๆ เจ้าชูเฮย์แค่นี้มันยังน้อยไป ฮ่ะๆโยรุอิจิพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างสบายอารมณ์และชูเฮย์ก้มองด้วยสายตาไม่สบอารมร์ในทันที

    แล้ว นานาโอะจัง กับอิซึรุคุง ไม่มาด้วยกันเหรอจูชีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ

    อิซึรุมีงานอัพเสียงจะตามมาทีหลัง ส่วนนานาโอะจังเห็นชุนซุยบอกว่า ไปโปรโมทผลงานน่ะแบบไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำโยรุอิจิพูดและชุนซุยก็ทำเอามือเกาศีรษะในทันที

    คงทำอะไรให้เขาโกรธอีกล่ะสิจูชีโร่พูดพลางยิ้มเจื่อนๆและชุนซุยก็บอกไปว่า

    แหะๆคือว่า...เมื่อวานนี้...********เล่าหมด********

    เมื่อวานนี้ สำนักเรียน Deer Light

    ผู้จัดการคะ!!!!!” เสียงตะหวาดของนานาโอะดังขึ้นทำให้ชุนซุยที่นอนอย่างสบายอารมณ์ลุกพรวดขึ้นมาในทันที

    อะไรเหรอ~นานาโอะจังชุนซุยถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและนานาโอะก็เอากระดาษสีเข้าที่เป็นชุกว่ายน้ำขึ้นและก็มีตัวหนังสือเขียนอยู่ด้วย

    ไปรับงานอะไรมามิทราบคะ!!!” นานาโอะพูดพลางยื่นใบกระดาษให้ชุนซุย

    ก่ะ ก็คือว่า...เงินดีนะงานนี้น่ะชุนซุยพุดจบนานาโอะก็เหลืออดจึงฉีกกระดาษจนไม่เหลือชิ้นดี

    พรุ่งกลับจากโรงเรียนชั้นจะไปโปรโมทผลงาน...แล้วก็ชั้นจะไปคนเดียว!!!” นานาโอะพูดจบก็เดินออกไปและปิดประตูดังลั่น

    ตัดกลับมาปัจจุบัน

    นายนี่น้า~ น่าจะถามเขาหน่อยนะโยรุอิจิพูดขึ้นและชูเอย์ที่นั่งอยู่ก็พูดแซกขึ้นในทันที

    เฮ้อ~ไม่ดูตัวเองเล้ย~” ชูเฮย์พุดจบก็โยรุอิจิก็ส่งสายตามาในทันทีแต่ดีที่ได้เดินเข้าไปทำอะไรและอยู่ๆเนมก็เป็นลมไปซะเฉยๆหลังจากที่อ่านบทการแสดงของตัวเองจบ และโมโมะก็ถึงกับใจเสียเลยทีเดียว

    พี่เนม! พี่เนมเป็นอะไรไปล่ะคะเนี่ย พี่เนม!” โมโมะพลางวิ่งเข้ามาเขย่าตัวเนมที่ล้มลงไปและชูเฮย์ก็ออกอาการเป็นห่วงเช่นกันแต่ก็กัดฟันพูดไปพลางเอากระดาษบทการแสดงของเธอขึ้นมาอ่าน

    ใจปลาซิวชำมัด อยากรู้นักว่าในนี้มัน....ชูเฮย์ชะงักคำพูดของตัวเองและหน้าแดงกล่ำเมื่อเห็นคำว่า.......

    ผู้จัดการ จูบนี่มันอะไรห๊ะ!” ชูเฮย์ตะโกนเสียงดังลั่นและโยรุอิจิก็ทำเป็นหูทวนลม

    เอ...อะไรน้า~ สงสัยจะหูฝาดไปล่ะมั้ง~” โยรุอิจิพูดลากเสียงและชูเฮย์เดินเข้ามาก่อนที่จะพูดว่า

    อ๋อ...ที่ไม่ให้ผมดูจนกว่าจะวันนี้ เพราะงี้ใช่มั้ยชูเฮย์โมโหอย่างมากและโมโมะก็พยายามเขย่าตัวเนมอย่างต่อเนื่อง

    ถ้าให้ดูก่อน นายก็ไม่รับงานนี้กันพอดีน่ะสิจ๊ะ....ชูเฮย์จาง~” โยรุอิจิพูดลากเสียงและเอามือวางที่หัวชูเฮย์เบาๆและชูเฮย์ก็ปัดออกในทันที

    พี่ชูเฮย์! พาพี่เนมไปห้องพยาบาลที่สิ!” โมโมะตะโกนขึ้นและชูเฮย์ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ

    รู้แล้วๆ แค่พาไปเท่านั้นนะ ที่เหลือเราก็ดูแลเองแล้วกันชูเฮย์พูดก่อนที่จะช้อนตัวเนมขึ้น

    ตัวหนักชำมัดยาดเลย หุ่นดีซะป่าวชูเฮย์พูดก่อนที่จะมองหน้าเธอที่ในพิงอยู่ที่อกของตัวเอง

    ชูเฮย์คุง~จะมองเขาถึงเมื่อไหร่ ห้องพยาบาลอยู่ทางนู้นน้า~” โยรุอิจิพูดแซวขึ้นและชูเฮย์ก็หันไปทำหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที

    รู้แล้วน่า! ไปต้องบอกหรอก แล้วผมก็ไม่ได้มองหน้ายัยทอมบ้านี่ด้วยชูเฮย์พูดจบก็เดินไปประตูก่อนที่จะหันมาบอกโมโมะว่า

    นี่ชื่อโมโมะสินะ...มาเปิดประตูทีชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโมโมก็วิ่งเข้ามาใช้มือดึงประตูในทันทีและชูเฮย์ก็เดินเข้าไปและโมโมะยังไม่ทันทีที่จะได้เดินเข้าไปโยรุอิจิก็เอามือมาดันประตูให้ปิดและโมโมะก็ตกใจเล็กน้อย

    ปล่อยให้เขาได้เคลีย์เรื่องเก่าๆกันนิดนะโยรุอิจิพูดจบโมโมะกพยักหน้ารับแต่ก็ยังทำหน้างงๆอยู่

    เฮ้ย! ผู้จัดการเปิดเดี๋ยวเลยนะ ผมไม่อยากอยู่ด้วยกันสิงกัน ยัยนี่ฆ่าผมแน่!” ชูเอย์พูดพลางดึงประตูออกมาแต่โยรุอิจิในตอนนี้ก็ล็อคประตูซะแล้ว

    บ๊ายบาย~” โยรุอิจิพูดลากเสียงก่อนที่จะปิดผ้าม่านจากด้านนอก

    เฮ้ย!” ชูเฮย์พลางทุบประตูอย่างสุดแรงก่อนที่จะหันมามองเนมที่นอนอยู่ และตอนนี้ก็ใส่กระโปรงสั้นเหนือขึ้นมาจนเห็นจาอ่อน และเสื้อยืดสีเนื้อทับด้วยเสียงคลุมสีขาว และตอนนี้เธอก็รวบผมเฉยๆ ชูเฮย์เดินเข้ามานั่งเก้าอี้วางอยู่ข้างๆเตียงก่อนที่จะพูดกับร่างที่หลับใหลของเธอว่า

    ยังไงชั้นก็ไม่มีวันสนใจเธอหรอกนะ!” ชูเฮย์คนเดียว (เหมือนคนบ้า) แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากเธอแต่อย่างใดและชูเฮย์เริ่มลดสายตาลงไปมองที่จาอ่อนที่ขาวเนียนของเธอและเริ่มที่จะมองอย่างเหม่อลอย แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ตัวเองและพูดขึ้นว่า

    กระโปรงก็ไม่รู้จักใส่ให้มันยาวเลยเข่าซะบ้าง.......ยัยบ้าชูเฮย์พูดก่อนที่จะยื่นมือมาจับกระโปรงเธอดึงลงให้มากที่สุดแต่ก็ลงมาได้แต่เพียงสองสามเซนเท่านั้น

    ชูเฮย์ก็หันไปมองหน้าเธอก่อนที่จะจับศีรษะของเธอยกขึ้นและเอาหมอนที่วางอยู่ข้างมาวางไว้ก่อนที่จะวางศีรษะเธอลงบนหมอนนุ่มๆ และชูเฮย์ก็หน้าแดงขึ้นมาก่อนที่จะลงนั่งลงที่เก้าอี้เช่นเดิม

    ท่ะ ท่ะ ทำไมต้องมาเจอยัยนี่ด้วย...ทั้งๆที่เลิกกันไป...ตั้งสองสามปีแล้ว.....แถมต้องมาเล่นหนังกับยัยนี่อีกชูเฮย์คิดในใจและหน้าแดงเล็กน้อยและอยู่ๆเนมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเอามือขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้

    ...ฝันเหรอเนี่ยเรา...เนมพูดเบาๆและเอามือขยี้ตาและชูเฮย์ก็แกล้งทักขึ้นว่า

    ฝันซะเมื่อไหร่เล่า ยัยบื้อชูเฮย์พูดพลางเอามือเท้าที่เตียงอย่างช้าๆ

    ไอสิงโตไร้น้ำยา ออกไปเลยนะโว้ย!” เนมพูดไล่ชูเฮย์เสียงดังลั่นและดีที่ตอนนี้พวกโยรุอิจิไปคุยกับพูดกำกับกันหมดแล้ว และในตอนนี้โยรุอิจิกตอนนี้โยรุอิจิก็

    เปิดห้องให้แล้วแต่ชูเฮย์ไม่รู้เท่านั้น

    ผู้จัดการชั้นล็อกห้องจากข้างนอก ออกไปได้ที่ไหนล่ะชูเฮย์พลางเอามือเท้าคางและเนมก็เริ่มที่จะสงบลงเพราะคิดถึงเรื่องบทของตัวเอง

    มีจริงๆงั้นเหรอ...ฉากจูบน่ะ...เนมพูดจบก็มีน้ำตาไหลลงมาและชูเฮย์ก็มองด้วยสายตานิ่งๆก่อนที่จะกิ่นที่จะพุดว่า

    จะร้องไหทำไมเห็นเล่นมากเป็นสิบเรื่องชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และเนมก็หลบสายตาของชูเฮย์ไป

    ก็ในบทเขาวงเล็บว่าให้จูบจริงนิ...ชั้นเคยเล่นจูบจริงแบบนี้ซะที่ไหนเนมพูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาอีกและชูเฮย์ก็มองลงไปที่พื้น

    อะไรกันนี่จูบแรกเหรอเนี่ย/ใช่น่ะสิ!” เนมตอบไปอย่างไม่ลังเลแต่ชูเฮย์ก็ยังทำหน้านิ่งๆและอยู่ดีๆชูเฮย์ก็ลุกขึ้นมาและเอาจับที่ใบหน้าเธอเบาๆ

    งั้นให้ชั้นจูบเธอก่อนเอามั้ยล่ะ ตอนเล่นจริงจะได้ไม่ตื่นเต้น~” ชูเฮย์พูดจบเนมก็ใช้มือผลักชูเฮย์ออกจากสุดแรงและชูเอย์นั่งลงไปกับเก้าอี้ในทันที

    ท่าเกิดว่าเล่นจริง...แล้วนายจูบชั้นจริงๆ ชั้นไม่เอานายไว้แน่น!” เนมพูดก่อนที่จะเดินไปที่ประตู

    ห้องล่ะ...ชูเฮย์ทำจะบอกว่า ห้องล็อก แต่เนมกลับเปิดออกมาอย่างง่ายดายและชูเฮย์ก็ถึงกับนิ่งเงียบก่อนที่จะหันมาพูดบ่นว่า

    ผู้จัดการนะผู้จัดการเปิดห้องก็ไม่ยอมบอกกันสักคำ ชูเฮย์บ่นขึ้นก่อนที่จะเดินตามออกไป

    เมื่อเดินมาถึงที่ห้องใหญ่ที่พวกชุนซุยกำลังนั่งคุยกันอยู่ เนมก็เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆชุนซุย

    หน้าซีดเลยนะเนี่ยชุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเอามือลูบที่ศีรษะเธอเบาๆและตอนนี้โมโมะก็หลับอยู่ที่โซฟาด้านหลังห้องและโทชีโร่ก็ยืนพิงประตูห้องแต่งตัวและกำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ และอยู่ๆเนมก็พูดขึ้น

    นี่ผู้จัดการ...เอาจริงเหรอ.....เรื่องฉากจูบน่ะเนมพูดจบและชุนซุยก็พยักหน้ารับและเนมก็ถอนหายใจออมาในทันทีและชูเฮย์ก็เดินเข้ามาและพิงที่โซฟาและส่งสายตามองโยรุอิจิอย่างไม่สบอารมณ์และเมื่อเนมหันไปเห็นชูเฮย์ทั้งสองคนก็เชิดหน้าใส่กันในทันที

    ชิ!/เหอะ!” ทั้งสองคนพูดพลงเชิดหน้าใส่และทั้งสามคนที่นั่งอยู่ก็ถึงกับเครียกเลยทีเดียว

    เนมจังวันนี้ เสร็จประมาท 4 ทุ่ม...ชุนซุยมีงานของนานาโอะอีกเพราะงั้น ให้ชูเฮย์ไปส่งนะโยรุอิจิพูดขึ้นและที่แน่ๆเรื่องโกหกทั้งนั้น และชูเฮย์ก็หันมองโยรุอิจิในทันที

    ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ทางต้องซ้อนท้ายเด็กแว๊นอย่างเจ้านี่!!!” เนมพูดกระแทกเสียงและเหล่ตามามองชูเฮย์ในทันที

    พูดงี้ก็สวยสิ ยัยทอม!” ชูเฮย์พูดพลางพับแขนเสื้อขึ้นและอยู่ๆก็

    ปัง! “ขอโทษค่ะ ที่มาสาย แฮ่กๆๆเสียงของเด็กสาวเรือนผมสีส้มเดินเข้ามาและตามด้วยชายหนุ่มเรือนผมสีดำท่าทางนิ่งๆเดินตามเข้ามา

    โอริฮิเมะจัง มาพอดีเลย/ชิ!” จูชิโร่พูดและโทชีโร่ที่ยืนพิงกำแพงอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ก็ทำหน้าไม่สบอารมณืขึ้นมาในทันที

    แหะๆ พอดีว่าชั้นเดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะโอริฮิเมะพูดพลางหอบไปด้วยและจุชีโร่ก็ตัวเบาๆ

    เบียคุยะ แล้วลูเคียจังล่ะ ไปไหนแล้วจูชีโร่พูดจบเบียคุยะก็หันหน้าไปอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

    ยัยนั่น ไปกับจิ้กจอกหัวส้มเบียคุยะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และชุนซุยก็หัวเราะออกมาในทันที

    ฮ่ะๆ แบบนี้ล่ะน้า~คนคบกัน ก็ต้องเดินควงแขนไปไหนมาไหนเป็นธรรมดาคำพูดของชุนซุยแทงใจดำชูเฮย์และเนมอย่างมากเพราะตอนที่ทั้งสองคนคบกัน แม้แต่จูงก็ไม่มี และมีครั้งเดียวที่เนมถูกกอดแต่มันเหมือนกับไปการกอดเพื่อนมากกว่า ส่วนชูเฮย์ไม่เคยคิดที่จะกอดหรือควงแขน...แม้จูงมือ...แม้จะหอมแก้มหรือกระทั่งจูบ ก็ไม่เคยคิดสักครั้งเดียว

    เนมจัง...แต่งตัวแต่งหน้าแล้วจ้าเสียงของหญิงสาวพูดขึ้นและเนมก็ถอนหายใจก่อนที่จะวางกระเป๋าสะพายและเดินเข้าไปในห้อง

    ระหว่างแต่งตัวเนมก็คิดถึงบทของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

    Story ที่เนมและชูเฮย์จะต้องเล่นด้วยกัน

    เป็นเรื่องของเด็กสาวที่มีคบกับเด็กหนุ่มคนนึ่งอยู่ แต่ว่าเด็กหนุ่มกับไม่เคยมีความรักให้เธอสักครั้งเดียวแม้ว่าจะคบกันอยู่ก็ตามที (โคตรตรงเลยค่ะ) และมันก้ทำให้เธอสงสัยว่า ทำไมเขาถึงไม่สนใจจึงพยายามสิบความจริงเรื่องของเขา และก็เจอกับเขาที่กำลังเดินควงกับผู้หญิงคนอื่นและเมื่อเรียกเขามาคุยกันก็เกิดเรื่องที่ไม่เข้าใจกันขึ้นมา ทำให้เธอต้องบอกเลิกกับเขา พอผ่านไปประมาท 2 ปีสองคนนี้ก็เริ่มกลับมาคุยกันอีกครั้ง แต่มันจะเป็นว่าเพื่อนคุยกันมากกว่า

    แต่วันนึ่งเด็กหนุ่มก็ได้ถูกรถชนทำให้ความรทงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับเธอหายไปจนหมด แต่ที่น่าตกใจนั่นคือเขาลืมเธอเพียงคนเดียว และมันไม่ใช่ว่าแกล้งเธอด้วย ส่วนเธอก็พยายามที่จะเตือนสติเขา ว่าเคยคบกันมาก่อน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงเพื่อนกันก็ตาม เรียกเขามาคุยกันที่สระน้ำของโรงเรียน เธอก็เอาสร้อยที่เด็กหนุ่มเคยให้ไว้กับเธอขึ้นมา ให้ดูก่อนที่จะเริ่มมีปากเสียงกันและเธอโยนสร้อยลงน้ำ และเด็กหนุ่มก็ทำท่าทางไม่สนใจ จนกระทั่งเธอบอกไปว่า

    ถ้า โซกิ คนเดิมนายคงรู้นะว่าชั้นทำแบบนี้แล้วนายควรทำยังไงต่อและทันทีที่พูดจบเธอเอนหลังทิ้งตัวลงน้ำไปทั้งๆที่รู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น และในขณะที่ร่างของเธอลงไปจนถึงก้นสระก็ให้แรงเฮือกสุดท้าย เก็บสร้อยขึ้นมาห้อยไว้กับข้อมือข้างซ้าย ส่วนเด็กหนุ่มก็ยืนมองอยุ่ครู่นึ่งก่อนที่จะเริ่มที่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาก่อนที่จะเรียกชื่อของเธอและกระโดดลงน้ำไป และดำน้ำลงไปประคองร่างของเธอก่อนที่จะประกบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากของเธอและปล่อยอากาสเข้าไป

    ************เล่าแค่นี้ก่อน*************

    เนมจัง หลับตาลงหน่อยนะ แหมอย่าทำหน้าเครียดแบบนี้สิ~ น่าจะดีใจนะ ที่ได้เล่นกับชูเฮย์คุง ทั้งเรียนเก่ง ทั้งหล่อทั้งเท่ห์แบบนั้นชายหนุ่มพูดและทำหน้าอ่อนเสียงหวานๆและเนมก็ถอนหายใจอย่างเครียดๆก่อนทีจะหลับตาลง

    ตัดมาที่ชูเฮย์ที่กำลังแต่งตัวและทำผมอยู่

    ชูเฮย์คุง เงยหน้าขึ้นนิดนึ่งหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางจับใบหน้าชูเฮย์ให้เงยขึ้นเล็กน้อย

    Shnuhei Talk :

    เรื่องนี้ยากพอดูเลย ทำอาหารเป็นดีนะที่เคยเรียนมาบ้าง และที่ยากกว่าก็คือฉากจูบนั่นแหละ อยากจะบอกว่าความจริง...ผมยังชอบเขาอยู่....แถมยังชอบมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย ส่วนยัยนั่นก็ น่ารักขึ้นทุกวันแถมยังดังขึ้นเรื่อยๆ เรตติ้งไม่มีตก แต่ช่วงนี้เจอกันบ่อยกว่าปกติก็ดีใจอยู่ลึกๆ อยากจะเข้าไปคุยแล้วพูดดีๆกับยัยนั่นสักครั้งนึ่ง อยากรู้ด้วยว่าทำไมยัยนั่นถึงบอกเลิกผม แต่ปากมันดันแข็ง แหวนนั่นยังอยู่รึป่าวไม่รู้หรอกนะ แต่สร้อยรูปกีต้าร์ที่ยัยนั่นให้น่ะ ยังพกติกตัวไว้ตลอดเวลา(เอามือจับที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้าย) ไม่เคยทิ้งไว้ที่สำนักงานด้วย

    หลังจากที่แต่งตัวเสร็จชูเฮย์เห็นเนมที่นั่งรออยู่ใส่กระโปรงสีฟ้าเสื้อสีชมพูทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวบางๆ และผมที่ในตอนนี้ถูกปล่อยให้สยายออกถักเปียช่วงผมด้านหน้าสองข้าง และตอนนี้ก็หนังอ่านสือและที่ข้อมือก็ใส่กำไลสองสามอันสีแดงและสีเหลือในข้อมือข้างซ้ายและข้อมือข้างขวาก็ใส่นาฬิกาสีชมพูอ่อน

    ...น่ารัก...ชูเฮย์พูดออกมาโดยไม่รู้ตัวและเมื่อพูดจบเนมก็เงยหน้าขึ้นมาและชูเฮย์ก็เอามือปิปากในทันที

    อะไรนะเนมถามขึ้นอย่างเขินๆนิดๆและชูเอย์ก็หน้าแดงกล่ำก่อนที่จะกัดฟันพูดไปว่า

    ก็...ก็.......กำไล! น่ารัก!” ชูเฮย์พูดพลางชี้มาที่ข้อมือเธอและเนมก็มองลงมาและทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อยและก็ต้องก้มลงมองหนังสือต่อในทันทีและชูเอย์ในตอนนี้ก็ใส่เสื้อดำ ที่ข้อมือก็ใส่นาฬิกา ผมก็เป็นเหมือนเดิม (บอกทำไม!) และเป็นเสื้อแขนสั้นที่ทำให้เห็นแผลเป็นที่หัวไหล่แต่ก็ไม่ได้เมื่อใหญ่เนมเห็นก็ตกใจเล็กน้อยและรู้ทันทีว่า เป็นแผลใหม่เพราะเมื่อก่อนชูเฮย์ไม่มีรอยแผล

    นี่...แขนน่ะโดนอะไรมา...ชกกับใครมาอีกล่ะเนมถามโดยที่ไม่มองหน้าชูเฮย์ส่วนชูเอย์ก็มองมาที่หัวไหล่ตัวเอง

    คอนเสริน ครั้งก่อนไม่เห็นรึไง ว่าชั้นก็แฟนคลับดึงตกเวที และแขนมันก็โดนหลอดไฟชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และเนมก็ทำเป็นหูทวนลมและพูดว่า

    จะไปรู้มั้ยล่ะ ชั้นก็ไม่ได้สนใจชีวิตนายขนาดนั้นเนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและชูเฮย์ก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆก่อนที่จะเดินไปล็อกประตูที่หน้าห้อง

    ทำอะไร?” เนมถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเหล่ตามามองชูเฮย์อย่างระแวงและชูเอย์เดินเข้ามาใกล้ๆอย่างรวดเร้วโดยที่เนมไม่รู้ตัวและเอามือจับหนังสือที่เธอก็ถืออยู่กระชากออกและปิดลงก่อนที่จะโยนลงที่โต๊ะ

    อะไรของนายฮ๊ะ!” เนมตะคอกขึ้นชูเอย์เอามือมาคว้าแขนทั้งสองข้างของเธอก่อนที่จะจับรวบไว้และชูเฮย์ก็พูดขึ้นว่า

    ฉากจูบน่ะ~จูบเธอจริงๆเลยดีมั้ยน้า~” ชูเฮย์พูดจบเนมก็ใช้เท้าถีบขาชูเฮย์และมันก็ทำให้ชูเฮย์เสียหลักและล้มที่โซฟาและเนมหลังของเนมก็กระทบกับโซฟาและชูเฮย์คร่อมเธออยู่ได้บนและตอนนี้ใบหน้าก็ใกล้กันซะจนตอนนี้จมูกชนกันและทั้งคู่ก็นิ่งเงียบกันไปทั้งคู่ และชูเฮย์ก็จ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่หลงใหลและเนมก็ยังคงตกใจอยู่และเธอก็เริ่มที่จะรู้สึกแปลกๆกับสายตาของชูเฮย์ในตอนนี้ และเธอก็ไม่รู้เลยว่าชูเฮย์กำลังหลงเธอซะจนสติลอยไปและชูเฮย์ก็ค่อยๆเอนศีรษะลงอย่างช้าๆ และเนมก็เริ่มที่เคลิ้มไปและเปลือกตาก็ค่อยๆปิดลงชูเฮย์เองก็เช่นกัน และริมฝีปากก็เข้าใกล้ๆและอีกเพียงนิดเดียว แต่ก็...

    พี่ชูเฮย์ พี่เนม ผู้กำกับเรียกแล้วค่า~ บอกว่าให้รีบด้วยจะพาไปที่ถ่ายทำน่ะค่ะเสียงของโมโมะดังขึ้นจากข้างนอกและทำให้ทั้งคู่ผงะออกจากกันลั้งคู่ก็เขินกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่นี้อย่างมาก

    ทำบ้าอะไรวะเนี้ย...เลิกกันไปตั้ง 2-3 ปี ไม่สิทธิอะไรกับยัยนั่นสักหน่อยชูเฮย์พูดจบก็ผลักประตูออกไปโดยที่ไม่หันมาพูดกับเนมแม้แต่เดียว

    เธอเองเหรอ...แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะเราเนี่ยชูเฮย์พูดพลางยิ้มให้เธอและฮินาโมริในตอนนี้ ที่รวบผมใส่เสื้อสีฟ้าอ่อนกระโปรงเป็นผ้ายีนรองเท้าส้นสูง ดวงตาที่เป็นสีช็อคโกแลค และร่างเล็กๆ ของเธอ

    ข่ะ ข่ะ ขอบคุณค่ะโมโมะพูดอย่างเขินๆและเนมก็ลุกขึ้นมาและเดินมาที่ประตูก่อนที่จะผลักชูเฮย์ให้หลับไปจนหลังชูเฮย์ชนกับขอบประตูและชูเฮย์ก้มองเธอด้วยสายตาที่สำนึกผิดอย่างมาก

    ท่ะ ทะเลอะกับพี่เนมอีกแล้วเหรอคะ โมโมะถามพลางยิ้มเจื่อนๆและชูเฮย์ก็ส่ายหัวก่อนที่จะเอามือลูบศีรษะโมโมะและเดินต่อไป

    เมื่อถึงสถานที่ถ่ายทำ นั้นคือบริเวณสนามของสตูดิโอนี้

    มากันแล้ว...เนมจัง ชูเฮย์คุง  เดี๋ยวจะไปโรงเรียน นาอิกิกันนะ ไปถึงก็ประสาทบ่ายสามทันเวลาพอดีหญิงสาวพูดจบเนมก็พยักหน้าและเดินไปที่รถตู้ชูเฮย์เองก็เนมตามไปแต่ชูเฮย์กลับเดินไปที่มอร์เตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่โดยที่ไม่พูดอะไรเช่นกัน และพวกโยรุอิจิที่ยืนอยู่ก็งงกันหมด

    เป็นอะไรไปเนี่ย ปกติจะจ้องหน้ากันเขม้งเลยนี่นาจูชีโร่พูดขึ้นและชูเฮย์ขึ้นไปนั่งบนรถและมองเข้าไปที่กระจกรถตู้ตงที่เนมนั่งอยู่อย่างรู้สึกผิดมากพอดูแต่เมื่อเนมที่อยู่ในรถหันมามองทั้งคู่ต้องก็หน้าแดงและหลบตากันในทันที เนมก็หันหน้ากลับเข้าส่วนชูเฮย์ก็ออกมาทางขวา

                    เมื่อออกรถไป ระหว่างทางขับรถอยู่ชูเฮย์ก้มองหน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอดทางเพราะรู้ว่าตัวของเธอนั่น เมารถตู้!!! และเมื่อเหล่มามองเนมที่อยู่ในรถเป็นพักๆก็สังเกตได้เลยว่า เธอทำหน้าเหมือนจะอ้วกออกมาให้ ชูเฮย์จึงถอนหายใจก่อนที่จะลดความเร็วลงแล้วจับเข้าไปฝั่งขวาของรถและเคาะกระจกรถเบาๆและเมื่อชายหนุ่มเปิดหน้าต่างออกมาชูเฮย์ก็พูดขึ้นว่า

    ให้เนมเขามาซ้อนท้ายผมดีกว่าคับ เขาเมารถตู้น่ะคับชูเฮย์ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่และชายหนุ่มก็จอดรกเข้าไปชิดขอบและเมื่อเนมได้โอกาสก็เลื่อนประตูออกมาและเนมก็เอามือยันต้นไม้และอาเจียนออกมาในทันที

    ตายแล้วเนมจัง เป็นอะไรไปเนี่ย!” ชายหนุ่มกรี๊ดกร๊าดขึ้นและเนมที่ในตอนนี้ใส่หมวกอยู่จึงทำให้ไม่คนเหนใบหน้าของเธอและชูเฮย์ก็เดินเข้ามาและลูบหลังเบาๆ แต่เนมกลับสะบัดออกอย่างไม่ใยดีและเธอแหวะออกมาอีกครั้ง

    นี่ผู้จัดการ ให้เขาซ้อนท้ายผมแล้วกันชูเฮย์พูดพลางหันไปพูดกับโยรุอิจิที่ขับรถตามมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ

    ก็แล้วแต่สิ!/ไม่เอา...สู้ให้ชั้นอ้วกออกมาจนตายดีกว่า ต้องซ้อนพวกเด็กแว๊นอย่างนายเนมพูดขึ้นทั้งๆที่ไม่มีแรงและเธอก็ไอออกมาเล็กน้อยและเอามือเช็คปากตัวเองและชูเฮย์พูดขึ้นว่า

    จะว่าไปแล้ว ถ่ายที่นาอิกิ สินะ ไปก่อนก็ได้เดี๋ยวผมตามไปชูเฮย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและผู้จัดการและโมโมะที่ยืนอยู่และพยักหน้ารับ ทำให้ทุกๆคนกลับเข้าไปในรถและทิ้งทั้ง 2 คนเอาไว้ และเนมเองก็อยากจะพยายามเถียงแต่ไม่มีแรงแม้แต่จะออกเสียง

    ขึ้นมาชูเฮย์พูดหลังจากที่ขับมอร์ไซค์เข้ามาใกล้ๆเธอและเนมก็เชิดใส่อย่างไม่สบอารมณ์

    ชั้นบอกให้ขึ้นมาไงชูเฮย์พูดก่อนที่จะคว้าคอมือข้างที่เธอใส่กำไลของมาใกล้ๆและกำไลที่ใส่อยู่ก็เข้ามากระทบกันมีเสียงดังแต่เนมก็ทำสายตาต่อต้านอย่างมาก

    ถ้าไม่ขึ้นชั้นจูบเธอเดี๋ยวนี้แหละ!!” ชูเฮย์พูดก่อนที่จะกระชากแขนเธอให้ลงมาอีกและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆและริมฝีปากก็เกือบจะสัมผัสกันแล้วและเนมก็ต้องขึ้นมาบนรถมอร์เตอร์ไซค์อย่างไม่เต็มใจและหงุดหงิดและเธอก็นั่งห้อยขาไปข้างที่ไม่มีท่อรถ (ใส่กระโปรงนี่นา) และชูเฮย์ก็ค่อยๆออกรถอย่างช้าๆ

                    เมื่อขับมาครึ่งทาง เมื่อรถติดไฟแดงชูเฮย์เพิ่งจะรู้สึกว่าเนมกำลังพิงหลังตัวเองอยู่จึงเหลียวหลังไปมองก็เห็นว่าเธอหลับไปซะแล้ว

    ยัยนี่ซ้อนรถชั้นทีไร ก็หลับทุกที........เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเลย..........ยังน่ารักไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ.................................เนม.............................




    เฮ้อ~~~~ ในที่สุดก็เต็มสักที ฝากเม้นด้วยน่อ~~~ ขอแหละค่ะ TT^TT
    THX :
    Duck-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×