คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10 : Hate the lines with passion.
“ไม่ ไม่รังเกลียดเลยสักนิดเดียว แต่คิดว่า..........คงเจ็บมากเลยสินะ” รันงิคุพูดพลางเอามือกุมที่หน้าอกตัวเองแล้วก้มหน้าลงส่วนงินก็มองด้วยสายตาที่เศร้าๆ
“เธอเป็นอะไรของเธอ เมื่อกี๊ยังด่าผมอยู่ฉอดๆนะ” งินพูดแล้วพยายามทำหน้ากวนๆแต่ก็กวนไม่ออกจริงๆและรันงิคุก็เงียบ งินจึงเดินเข้ามาใกล้ๆเอามือวางบนศีรษะเธอแล้วกดลงเล็กน้อย
“เธอนี่มันเปลี่ยนอารมณ์ง่าย ชำมัด” งินพูดจบก็ขยี้ศีรษะเธอเบาๆแต่ก็ไม่ทำให้รันงิคุยิ้มได้เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งงินไม่รู้จะทำยังไงดีและอยู่ๆรันงิคุก็พูดว่า
“นายไปอาบน้ำไป ชั้นไม่กวนแล้ว” รันงิคุพูดจบก็ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมก่อนหน้านี้ส่วนงินก็เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยและมองเธออยู่ครู่นึ่งก็ที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำและรันงิคุก็นั่งนิ่งๆพลางเอามือกุมศีรษะตัวเอง
‘นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมถึงรู้สึกห่วง ไอหน้าจืด นั่น’ รันงิคุพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากเมื่อเดินออกมาก็เห็นเร็ตสึกำลังยืนอ่านรายงานอยู่
“คุณเร็ตสึ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ เร็ตสึก็เงยหน้าขึ้นทันที
“เอ้า! ตื่นเช้าจัง” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแต่รันงิคุก็ยังทำหน้าเศร้าๆอยู่
“วันนี้โมโมะจังมีหนึ่งงาน ของเธอมีก็เหมือนกัน โมโมะจังเมื่อคืนชั้นติดต่อทางค่ายหนัง Kuniora มาน่ะเขารับโมโมะจังอย่างไม่ลังเลเลยนะแล้วก็เป็นค่ายด้วยกับที่พวกฮิซึกายะคุงอยู่ด้วยนะ เพราะงั้นมีอะไร แล้วก็ส่วนเธอก็ไปอัดเสียงน่ะ เนื้อเพลงน่ะจำได้รึยัง?” เร็ตสึพดจบรันงิคุก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่า “เพลง” ซึ่งตัวเธอนั่นลืมไปจนหมดสิ้น
“เอ่อ...เอ่อ....ร่ะ เรื่องนั้น....คือว่า....แหะๆ” รันงิคุยิ้มเจื่อนพลางเอามือเกาศีรษะเบาๆส่วนเร็ตสึก็ทำหน้าเจื่อนๆ
“ย่ะ ยังจำได้อีกเหรอเนี่ย? ช่วยไม่ได้นะ ชั้นจะเลื่อนไปก่อนแล้วกันนะ” เร็ตสึพูดพลางยิ้มเจื่อนๆก่อนที่จะฉีกกระดาษทิ้งหนึ่งแผ่นส่วนรันงิคุก็หัวเราะ แหะๆ อยู่อย่างเขินๆแล้วอยู่โมโมะก็เปิดประตูออกมาจากห้อง
“อรุณสวัสดิ์ค่า~” โมโมะที่ในตอนนี้ใส่กางเกงขาสั้น (แต่ไม่สั้นเท่ารันงิคุ) เสื้อสีรูปน้องหมี
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ โมโมะจังมานี่เร็ว” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วโมโมะก็เดินเข้ามาใกล้ๆ
“อะไรเหรอคะ?” โมโมะถามอย่างงงๆส่วนเร็ตสึก็ยิ้มก่อนที่จะยื่นกระดาษให้พลางพูดว่า
“เธอน่ะ เหมาะกับการแสดงมากเลย เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากเลย รู้ตัวรึป่าว” เร็ตสึพูดจบโมโมะก็ทำท่าทางงงๆเล็กน้อย
“พรสวรรค์....เหรอ? เอ...พรสวรรค์...ๆ....คือไรน้า~ ” โมโมะพูดอย่างงงๆและทำให้เร็ตสึเหมือนถูกหินทับขึ้นมาในทันที
“ม่ะ ม่ะ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรจ๊ะ” เร็ตสึพูดพลางยิ้มเจื่อนๆแล้ววางกระดาษลงอย่างหนักใจเล็กน้อย ‘พี่น้องคู่นี้ท่าทางไม่มีเต็มบาทสักคน ชักหนักแล้วสิ’ เร็ตสึอย่างหน่ายๆก่อนที่จะหันไปพูดกับโมโมะต่อว่า
“เดี๋ยวเที่ยงวันนี้ โมโมะจัง ไปกับชั้นนะ ส่วนรันงิคุจังก็ไปพร้อม.....” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแต่ยังพูดไม่ทันจบ รันงิคุก็ทำหน้าหน่ายๆแล้วพูดตัดขึ้นทันที
“วันนี้น่ะไม่ต้องให้ ไอวิปริตนั่นตามชั้นแล้วนะ” รันงิคุพูดพลางทำหน้าหน่ายๆเร็ตสึก็ยิ้มเจื่อนๆและโทชีโร่ที่ลงไปล้างรถก็เพิ่งขึ้นมาจากด้านล่างและเปียกทั้งตัว
“โทชีโร่คุง ทำอะไรทำไมเปียกขนาดนั้นล่ะ” เร็ตสึถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ โทชีโร่ก็ไม่ตอบอะไรได้แต่เดินเข้าไปปิดประตูห้องดังปัง!
“เป็นอะไรของเขา” โมโมะพูดพลางทำหน้างงๆส่วนเร็ตสึก็ทำหน้าเจื่อนๆ และงินที่ก็เดินออกมาแล้วพูดขึ้นพลางเอามาเช็คศีรษะทันทีว่า
“คุณเร็ตสึ วันนี้งานผมแน่นรึป่าว” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเร็ตสึก็หันไปด้านหลังก่อนที่จะเอาแฟ้มสีขาวรูปมังกรขึ้นมา
“เอ่อ...วันนี้ว่างทั้งวันเลยจ๊ะ แต่พรุ่งนี้น่ะ....แน่นเอียดเลยนะ” เร็ตสึพูดจบก็ปิดแฟ้มแล้ววางไว้ที่เดิมงินก็พยักหน้ารับก็ที่เอาเดินมาใกล้ๆรันงิคุแล้วพูดว่า
“วันนี้ ชั้นตามเธอทั้งวันแน่~” งินพูดกระซิบข้างหูส่วนรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบาอารมณ์ทันที
“หุบปากไปเลย” รันงิคุพูดจบก็นั่งไปนั่งที่โซฟาทันทีแล้วและอยู่ๆเด็กสาวเรือนผมสีส้มและเด็กสาวเรือนผมสีดำยาวประบ่าก็เดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ/อรุณสวัสดิ์เจ้าค่า~” ทั้งสองคนทักทายขึ้นพร้อมกันและโมโมะก็อึ่งเล็กน้อยเมื่อมองทั้งสองคนสลับก็หน้าปกตินิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะ
“โอริฮิเมะจัง ลูเคียจัง มีอะไรจ๊ะ แต่เช้าเลย” เร็ตสึถามขึ้นและลูเคียวิ่งเข้ามาพลางพูดว่า
“ไปยินว่าพา เด็กเข้ามาอีกคนน่ะค่ะ” ลูเคียพูดพลางเอามือเกาศีรษะและโอริฮิเมะก็ยิ้มเจื่อนๆพลางพูดว่า
“ตอนแรกก็ว่าจะชวน คนอื่นมาด้วย แต่ว่างแน่นเอียดเลยน่ะ” โอริฮิเมะพูดพลางเอามือเกาศีรษะและเร็ตสึก็ยิ้มรับและลูเคียก็หันไปเห็นโมโมะจึงวิ่งเข้ากอดคอ
“หวัดดีจ้า~” ลูเคียทักลากเสียงและโมโมะก็หนาแดงกล่ำเลยทีเดียว
“ส่ะ สวัสดีค่ะ” โมโมะทักแล้วทำท่าทางเขินๆนิดๆและลูเคียก็ยิ้มบางๆก่อนที่จะถามว่า
“นี่เธอชื่ออะไร” ลูเคียถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและโมโมะยังไปทันทีที่จะได้ตอบอะไรโทชีโร่ก็เดินออกมาจากห้องและโอริฮิเมะก็แซวขึ้นทันที
“ไงจ๊ะ พ่อหนูอาบน้ำรึยังเอ่ย~~~” โอริฮิเมะทักลากเสียงและโทชีโร่กัดฟันพลางพูดว่า
“กลับไปเลยไป!!” โทชีโร่ตะโกนเสียงดังลั่นและลูเคียก็หัวเราะเบาๆพลางพูดว่า
“แหมๆ พ่อหนูน้อยไล่พี่สาวกันแบบนี้ไม่ดีน้า~” ลูเคียพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนโทชีโร่ก็กำลังจะปี๊บแตกแล้วในตอนนี้
“เชอะ! อย่าให้สูงบางแล้วกัน!” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเดินเข้ามาหยิบขนมกินสะบั้นอารมณ์
“ว่าไงจ๊ะ ชื่ออะไรล่ะเนี่ย” ลูเคียถามแล้วหันมายิ้มให้โมโมะที่ยืนอยู่
“ฮ่ะ ฮินาโมริ โมโมะ ค่ะ” โมโมะพูดอย่างเขินๆและลูเคียก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“แหม~อายุก็เท่ากันไม่เห็นต้องพูด ค่ะ เลย” ลูเคียพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและโมโมะก็พยักหน้ารับก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆ
‘รู้สึกเป็นกันเองดีจัง ทั้งๆที่เป็นถึงซุปเปอร์สตาร์แถวหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ถือตัวเลย นี่น่ะรอ ซุปเปอร์สตาร์’ โมโมะคิดในใจก่อนที่จะเร็ตสึจะพูดขึ้นว่า
“ลูเคียจังวันนี้ว่างใช่มั้ย” เร็ตสึพูดขึ้นและลูเคียก็หันมาพยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“วันนี้พี่ชายไม่อยู่น่ะค่ะ มีเรียนเสริมก็ยกเลิกงานในวันนี้หมดเลย แหะๆ” ลูเคียพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเร็ตสึพยักหน้ารับก่อนที่จะยื่นกระดาษให้
“งั้นช่วยทีนะ” เร็ตสึพูดจบลูเคียปล่อยโมโมะและหันมาเอากระดาษมาดู
“เห..หนังสั้น...เรื่อง...ให้เธอทั้งหัวใจเหรอ...นี่โอริฮิเมะเรื่องเดียวกับที่พี่รับมาเลย!!” ลูเคียพูดจบก็ยื่นกระดาษให้โอริฮิเมะ
“จริงด้วยสิ รับบทเป็น........ไอจัง เธอได้เล่นคู่กับ.....” โอริฮิเมะพูดไม่ทันจบเร็ตสึก็เดินเข้ามาเอามือปิดปากเธอไว้
“ให้เขาลุ้นเองจะดีกว่านะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและโอริฮิเมะก็ยิ้มและพยักหน้ารับส่วนโมโมะก็ทำหน้างงๆ
“โมโมะนี่ มาวันแรกก็ได้งานใหญ่เลยนะเนี่ย” ลูเคียพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนโอริฮิเมะก็พยักหน้ารับ
“จะว่าไปยังไม่เปิดกล้องเลยนะ แล้วจะให้โมโมะจังไปไหนล่ะคะเนี่ย” โอริฮิเมะถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเร็ตสึยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“งานแรกของพวกเธอก็คือถ่ายแบบใช่มั้ยล่ะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนลูเคียก็พยักหน้า
“อ๋ออย่างงี้นี่เอง” โอริฮิเมะพูดจก็ส่งกระดาษคืนให้และอยู่ๆก็..........
“ชั้นไม่เอานายไว้แน่ ไอวิตปริต!!!!!!!!!!!” เสียงรันงิคุตะโกนออกมาลั่นและทำให้ทุกคนหันไปในทันที
“ฮ่าๆๆ” งินก็หัวเราะออกมาจากอย่างสะใจและรันงิคุก็ทำท่าเหมือนกระทืบงินให้ได้
“หัวเราะอะไรของนายห๊ะ!” รันงิคุพูดด้วยความโมโหและของนี้ก็ยกแจกันขึ้นมา (ใบเล็กๆ)
“อันนั้นน่ะ มันแพงนะคับ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและแสยะยิ้มอย่างกวนๆ
“ไม่สนโว้ย” รันงิคุอยู่ขว้างแจกันใส่งินในทันทีและงินก็รับได้อย่างเฉียดฉิว
“เฮ้อ~~~เกือบไปๆ” งินพูดพลางวางแจกันลงอย่างเบามือและไม่ทันมองรันงิคุที่เดินเข้ามาและเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ปึก!
หลังจากนั้น
“โอ้ย! ช่วยเบาลงหน่อยสิ โอริฮิเมะจัง” งินพูดด้วยความเจ็บและโอริฮิเมะที่เอาน้ำแข็งประคบให้อยู่ก็ยิ้มเจื่อนๆ
“สมน้ำหน้า” รันงิคุพูดพลางเชิดหน้าใส่และอมลูกอมสีแดงอย่างไม่สบอารมณ์
“แหม แค่พูดเล่นๆเองนะ” งินพูดพลางเอามือเกาศีรษะอย่างพยายามถอยออกมาจากโอริฮิเมะ
“พูดอะไรเหรอคะ” โอริฮิเมะถามอย่างงงๆและรันงิคุกัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์ในทันที
“ก็บอกว่า...” งินพูดจบก็กระซิบข้างๆหูของโอริฮิเมะและเมื่อโอริฮิเมะได้ยินก็หน้าแดงกล่ำในทันที
“แบบนี้โกรธก็ไม่แปลกหรอกค่ะ รุ่นพี่” โอริฮิเมะพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและงินก็ยิ้มบางๆส่วนรันงิคุก็เดินเข้าไปในห้องและล็อคประตูในทันที
“ล็อคประตูแบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ” งินพูดพลางเอามือเกาศีรษะตัวเองอย่างสบายอารมณ์ส่วนรันงิคุที่เข้าไปก็นั่งบนเตียงในทันที
“เจ้าหอมนั่นพูดจริงเหรอ ที่ว่าตอนชั้นหลับแล้วมัน....แอบจูบ...เนี่ย” รันงิคุพูดจบก็นั่งนิ่งไม่ครู่นึ่งก่อนที่จะเอามือลูบที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ
‘เจ้าว่าไปเมื่อคืนนี้ที่ตื่นมาตอนแรก ก็รู้สึก....อุ่นๆชุ่มๆที่ปากอยู่เหมือนกัน...และตอนนั้นเราก็กึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนเห็นนายเจ้านั่นด้วยใกล้มากด้วยสิ’ รันงิคุคิดในใจและหน้าแดงกล่ำที่เดียวตอนนี้
‘แต่ความจริงใจมันก็...เต้น...แรง...อยู่เหมือนกัน’ รันงิคุพูดจก็เอามือมากุมที่หน้าอกและอยู่ๆประตูที่ล็อดอยู่ก็ถูกเปิดออกและเหมือนรันงิคุหันไปก็เห็นงินยืนสบายอารมณ์ก็ตกใจเล็กน้อยเพราะประตูล็อคอยู่
“แหม~มาล็อคประตูห้องผมแบบนี้ก็แย่สิคับเนี่ย” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆส่วนรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์และก็พอรู้ว่างินมีกุญแจห้องติดตัว
“ชิ!” รันงิคุเชิดหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ส่วนงินก็เอามือล็อคประตูอีกครั้งและเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะคว้าข้อมือเธอทั้งสองข้างรวบเอาไว้
“นายจะทำอะไรมิทราบ!” รันงิคุตะคอกขึ้นในทันทีและงินก็ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะพูดว่า
“เน่... โอริฮิเมะจังก็พาโมโมะจังไปแล้วด้วย ส่วนคุณเร็ตสึกับผู้จัดการก็เพิ่งจะออกไป ส่วนโทชีโร่ก็ล้างรถ ตอนนี้น่ะ อยู่ด้วยกันสองคนแล้วน้า~~” งินพูดลากเสียงอย่างเจ้าเล่ห์และรันงิคุทำสายตาต่อต้านและทำท่าทางรังเกลียดอย่างมากกับการกระทำของงินในตอนนี้
“แล้วยังไง นายก็อยู่ส่วนของนายชั้นก็อยู่ส่วนของชั้น” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่จะพยายามสะบัดมือของงินออกอย่างสุดแรง
“สะบัดยังไงก็ไม่หลุดหรอกคร้าบ~ ผู้หญิงน่ะสู้แรงผู้ชายไม่ได้หรอก” งินพูดและแสยะยิ้มอย่างกวนๆ “ปล่อยนะโว้ย ไอโรคจิต!” รันงิคุตะโกนขึ้นลั่นและแต่
งินก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอเลย และอยู่ก็จับให้นอนลงและยื่นใบหน้าเข้าใกล้ๆและพูดว่า
“จำไม่ได้จริงๆเหรอ เมื่อวานนี้น่ะ” งินพูดและในตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีทำให้รันงิคุสงสัยแต่พยายามต่อต้านงินอย่างเต็มที่
“จำอะไร!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนงินก็ถอนหายใจก่อนที่จะก้มลงอีกและริมฝีปากของทั้งคู่ใกล้ๆกันมาก
“เดี๋ยวชั้นจะฝื้นความทรงจำเธอให้” งินพูดจบไม่ปล่อยให้รันงิคุก็และโดยการเอาริมฝีปากของตัวเองปิดปากเธออย่างสนิทส่วนรันงิคุเบิงตากว้างตัวแข็งทื้อขยับไม่ได้และใจก็เต้นแรงมากๆและรันงิคุตั้งสติได้ก็พยายามผลักงินอย่างสุดแรงแต่งินก็ยังไม่ถอนห่างออก
‘จ่ะ ใจมันเต้นแรงมากๆเลย เพราะอะไรกัน แถมเจ้าหมอนี่....ดูน่ากลัวมากเลย’ รันงิคุคิดในใจส่วนงินค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ
“จำได้รึยัง” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเปิดตาขึ้นมาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่เป็นจริงเป็นจัง และรันงิคุก็นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนจนได้และรู้ถึงเรื่องทุกอย่างเลยทีเดียว และเธอถึงกับนิ่งเงียไปเลย
‘เมื่อคืนนี้ 2 ครั้ง เจ้าหมอนี่จูบเราสองครั้ง และครั้งนี้ก็เป็น...ครั้งที่สาม...’ รันงิคุคิดในใจก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาด้วยความโกรธว่า
“ไอ้หื่นโรคจิตวิปริต! ไอ้ประจวด! ไอ้ตี๋! ไอ้หน้าลิง! อิบ้า! ไอไม่หล่อ! ไอไม่เท่ห์! ไอนิสัยเสีย! ไอคนฉวยโอกาส! ไอเพลย์บอยหน้าม่อ! ไอเลว! ไอชั่ว!” และงินก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆส่วนรันงิคุถึงจะด่าไปขนาดและก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียว
“ฮะๆ อะไรกันแค่จูบเอง....ความจริงชั้นอยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆทันทีที่พูดจบฝ่ามือก็ของรันงิคุก็กระทบกับใบหน้าของงินจนหันไปอีกทางนึ่ง และรันงิคุก็ตบซ้ายตบขวาไม่มียั้ง และหลังจากที่ใบหน้าของงินแดงจนเป็นรอยมืออย่างเห็นได้ชัดและรันงิคุกระชากของเสื้องินขึ้นมา
“นายจำไว้ด้วยนะ! ชั้นเกลียดนาย! เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆ เกลียดที่สุดของที่สุดของที่สุดของที่สุด เลย!!!! นายกล้ามากเลยนะมาแอบจูบตอนชั้นหลับ แล้วนายก็จำไว้ด้วยว่าคนที่ชั้นชอบน่ะ เขาดีกว่านายเป็นร้อยเท่าพันเท่าหมื่นเท่าล้านเท่า เขาชื่อ มาโคกิ อากิระ จำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลย ” รันงิคุพูดตะคอกใส่งินดังลั่นและงินก็ยังแสยะยิ้มอย่างกวนๆอยู่
“แล้วมาบอกผมทำไมล่ะคร้าบ~~ในเมื่อตอนนี้จูบแรกของคุณกลายเป็นของเพลย์บอยอย่างผมไปแล้ว” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์
“นายไม่มีวัน...ได้จูบชั้นอีกเป็นครั้งที่สี่แน่” รันงิคุพูดจบทิ้งตัวงินลงที่พื้นอย่างไม่ใยดีและเดินออกไปจากห้องทันทีงินก็เอามือลูบที่แก้มตัวเองเบาๆ
“มือหนักกว่าแม่เราอีกแฮะ” งินพูดจบก็ค่อยๆลุกขึ้นและขึ้นไปนั่งบนเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงนอน
‘หึ! ผู้หญิงคนนี้ท่าทางจะเคี้ยวยากซะแล้วสิ’ งินพูดคิดในใจพลางแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่คน
รันงิคุที่เดินออกมาก็นั่งลงที่โซฟาและเอามือลูบที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆหลังจากที่หลับตาลง
‘เมื่อกี๊นี้เจ้าหมอนั่นน่ากลัวก็จริงอยู่...แต่กลับรู้สึกอุ่นยังไงก็ไม่รู้...ใจก็มาเต้นแรงอีก...ใจเต้น...แรง’รันงิคุคิดในใจและเอามือจับหน้าอกตัวเองเบาๆก่อนที่จะเผลอหลับไปบนโซฟานุ่มๆอย่างไม่รู้ตัว
งินที่อยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและเมื่อได้ยินงินก็ลุกขึ้นมาและเอาโทรศัพท์มากดรับก่อนที่จะเอามาแนบหูทันที
“คร้าบ~” งินทักด้วยน้ำเสียงที่สบายอารมณ์และเสียงเร็ตสึที่พูดสายอยู่ก็พูดขึ้นในทันทีว่า
“งินคุง วันนี้ชั้นฝากรันงิคุด้วยนะ ทำยังไงก็ได้ให้เขาจำเนื้อเพลงได้” เร็ตสึพูดจบก็ไม่รอให้งินพูดอะไร (วางสายไปอย่างไม่ฟังความเห็น)
“รับทราบคับผม~” งินพูดใส่โทรศัพท์อย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเอามือถือโยนไว้บนหัวเตียงเดินออกไปจากห้อง
“รันงิคุ...อยู่ไหน...อ๋อ...” งินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินมาที่โซฟาและเห็นรันงิคุที่ในตอนนี้ผมสีทองที่ถูกปล่อยให้สยายออกและพัดลมที่เปิดอยู่ก็พพัดทำให้ผมของเธอปิดหน้าจนไม่เห็นใบหน้าของ งินก็ถอนหายใจหลังจากที่เดินมานั่งยองๆลงที่หน้าโซฟาและค่อยๆเปิดเส้นผมที่ปิดใบหน้าอยู่อย่างช้าๆ...
ตัดไปที่อีกมุมนึ่ง ของคนที่ไม่ถูกกันเอามากๆ ถึงมากที่สุด
“เชอะ! ถ้าชั้นรู้ว่เรื่องนี้ต้องมาเล่นคู่กับเธอ ชั้นก็ไม่มีวันมาหรอก ต่อให้ผู้จัดการเอาช้างเป็นร้อยมาลากชั้นก็ไม่มีทางมา!!” เสียงของเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำอมม่วงมีรอยสักรูปสิงโตที่หลังมือพูดขึ้นพลางจ้องตาเขม้งกับเด็กสาวผมเปียสีดำ
“คิดว่าชั้นอย่างมาเจอสัตว์ป่า ที่มีเชื้อบ้าอย่างนายรึไง” เด็กสาวพูดกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและมองมือถือด้วยน่านิ่ง
“แล้วชั้นอย่างเจอเธอนักแหละ” เด็กหนุ่มตะคอกขึ้นและเด็กสาวก็ยังทำหน้านิ่งๆก่อนที่จะเหล่ตาข้นด้วยความโมโห
“นายไปไกลๆเลยไป อย่าให้ชั้นต้องฟิวค์ขาด” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางทำหน้าตาโหดๆ
“ไม่ไป...แล้วจะทำไม?” ชูเฮย์พูดพลางทำหน้ากวนๆและเนมในตอนนี้ก็ถอนหายใจก่อนที่จะวางมือถือลงที่โต๊ะอย่างรุนแรงโดยที่ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่ามันจะแตกหรือพังตรงไหน และเนมก็ค่อยๆลุกขึ้นและเดินมาใกล้ๆชูเฮย์ก็ที่กระชากปกติคอเสื้อให้ลงมาอย่างรุนแรง และตอนนี้พวกนานาโอะก็ตกใจกันไปถ้วนหน้า
“น่ะ เนม พอแล้วแหละนะ เดี๋ยวก็เป็นข่าวรอบที่ 8 หรอก” นานาโอะพยายามพูดห้ามแต่เนมก็ไม่ฟังแม้แต่น้อยได้แต่จ้องหน้าชูเฮย์ด้วยสายตาที่นิ่งๆและดุดัน
“ชั้นทนนายมานานแล้วนะ...ไอ้สิงโตไร้น้ำยา!” เนมเริ่มตะคอกขึ้นและตอนนี้ถ้าท่าของเนมที่ดูเรียบร้อยก็เปลี่ยนจนเป็นคนละคนและชูเฮย์ก็ยังทำหน้ากวนๆอยู่
“ไร้น้ำยาก็ยังดีกว่าพวกบ้าเงียบ” ชูเฮย์พูดพลางเชิดหน้าใส่เนมอย่างกวนๆและเนมตอนนี้ก็หงายหมัดขึ้นมาและโชคดีที่...
“เนมอันนี้บทของเธอนะ” เสียงของชุนซุยดังขึ้นจากที่ประตูและเนมก็หันไปมองออกที่จะปล่อยชูเฮย์ลงอย่างรุนแรงและทำท่าเช็คมือตัวเองก่อนที่จะหันไปพูดกับชุนซุยว่า
“งานนี้ยังไงชั้นก็ไม่เอาด้วย ต่อให้เป็นหนังสั้นแค่หนึ่งนาทีชั้นก็ไม่มีวันเล่นกับ ไอสิงโตบ้านี่” เนมพูดพลางชี้มาที่ชูเฮย์และชุนซุยก็ทำหน้าหน่ายๆและนานาโอะก็ทำหน้าเจื่อนๆ
“น่ะ นี่เนม จ่ะ ใจเย็นก่อนดีมั้ย” นานาโอพยายามห้ามแต่เนมก็พูดอย่างเดียวว่า
“ไม่ว่ายังไงชั้นก็ไม่มีวันรับงานนี้ค่ะ บอกให้เขาไปหาคนใหม่ดีกว่า” เนมพูดจบก็ชูเฮย์เชิดหน้าใส่และพูดขึ้นในทันที
“ชิ! ถ้าชั้นรู้ว่าต้องมาเล่นคู่กับเธอ ชั้นก็ไม่มีวันรับเหมือนกันนั่นแหละ!” ชูเฮย์พูดขึ้นส่วนเนมก็หันมาก่อนที่จะเตะก้นชูเฮย์อย่างไม่สนใจกระโปรงของตัวเองแม้แต่น้อยว่ามันเปิดจนเห็น กกน. และชูเฮย์หันไปมองเธอในทันทีเพราะว่า ที่เตะมาเหมือนครู่เล่นเอาเกือบทรุดเลยทีเดียว
“ยัยทอม!” ชูเฮย์พูดขึ้นและมองหน้าเธอด้วยสายตาที่ดุดันก่อนที่เนมก็หันมาสบตาด้วยสายตาที่เหมือนกันและชุนซุยที่มองอยู่รวมทั้ง นานาโอะ และอิซึรุ ต่างก็ต้องเริ่มรู้สึกตะหงิดๆขึ้นมาว่า มันต้องเป็นข่าวอีกแน่นอน
“เน่...อิซึรุ...ชั้นว่านายพา ชูเฮย์ ไปห่างๆจากเนมก่อนดีกว่า...เดี๋ยวเป็นข่าวอีก มันจะเสียหายกันทั้งคู่” นานาโอะพูดพลางสะกิดแขนของอิซึรุเบาๆ
“ผมว่าจะลองขอร้องผู้จัดการให้เลิกงานนี้ดูแล้วกัน” อิซึรุพูดจบนานาโอะก็คว้าแขนของอิซึรุแล้วลากไปที่มุมห้องในทันที
“เนมจัง ใจเย็นๆก่อนดีกว่าน้า~ งานนี้น่ะ...” ชุนซุยพูดไม่ทันจบเนมก็หันมาแล้วพูดตัดขึ้นว่า
“ต่อให้มันสำคัญกว่าชีวิต ชั้นก็ไม่มีวันรับ ชั้นน่ะไม่ชอบเจ้าหมอนี่ ไม่ชอบที่สุดเลย!” เนมพูดจบและตอนนี้จากเนมที่ทั้งเรียบร้อยและเงียบไม่เท่าตะหวาดใส่ใครก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนราวฟ้ากับเหว
“เธอไม่ชอบชั้นคนเดียวรึไง ยัยทอม!” ชูเฮย์ตะคอกขึ้นในทันที
ส่วนเนมกับอิซึรุที่อยู่นอกห้อง
“จะให้ใครสักคนเลิกไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ” นานาโอะพูดพลางจ้องหน้าอิซึรุอย่างจริงจังและอิซึรุก็ทำหน้างงๆ
“ก็สองคนนั้นก็ปฏิเสธหลังชนฝาขนาดนั้นนี่นา ผมว่าท่าสองคนนี้มาเล่นคู่กันแบบนี้ล่ะก็...นะ...หนังเรื่องนี้ล่มตั้งแต่ยังไม่ได้ถ่ายทำแหง” อิซึรุพูดพลางถอนหายใจอย่างหน่ายๆและนานาโอะก็เปิดผ้าม่านที่ปิดประตูห้องเล็กน้อยและภาพที่เห็นในตอนนี้คือทั้งชุนซุยและโยรุอิจิก็ต่างพยายามห้ามเด็กๆของตัวเองแต่ทั้งสองคนก็เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ห้ามบอกเนมว่าชั้นบอกนะ” นานาโอะพูดจบอิซึรุก็พยักหน้ารับและนานาโอะก็กระซิบข้างๆหูว่า
“จำแหวนวงที่ชูเฮย์ให้เนมที่ยังไม่เข้าวงการน่ะ....ม.4 ได้ละมั้ง จำได้สินะ” นานาโอะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและอิซึรุก็พยักหน้ารับ
“นั่นแหละ เนมน่ะยังเก็บติดตัวไว้ตลอดเลยนะ มีครั้งก่อนที่เนมก่อนไปข้างนอกแล้วทำหล่นหายน่ะ เนมน่ะแทบร้องไหเลยนะ” นานาโอะพูดจบอิซึรุก็ตกใจเล็กน้อยและทำท่าทางตกใจอย่างมาก
“รุ่นพี่เองก็ท่าทางจะชอบรุ่นพี่เนมอยู่นะคับ เห็นนั่งมองสร้อยอยู่น่ะ” อิซึรุพูดจบก็หันหน้าไปมองนานาโอะในทันที
“ย่ะ ยังไงก็ช่างเถอะนะ หนังเรื่องนี้น่ะผู้จัดการเป็นคนขอให้ คุณอายูโกะ เขียนบทขึ้นมายังไม่เห็นเลยเนี่ยสิ” นานาโอะพูดจบก็หันไปหน้าเข้าหาประตูและกำลังจะเปิดประตูและประตูก็ถูกผลักกลับมาแรงกระแทกของเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำอมม่วงที่ถูกเด็กสาวผลักขเมาใส่อย่างรุนแรงและเมื่อนานาโอะเห็นภาพนั้นก็...
“ถึงจะชอบกันอยู่ก็เถอะนะ เป็นแบบนี้คง...ไม่ลอดแน่เลย” นานาโอะบ่นขึ้น
ด้านในเนมที่กำลังหงายมือชกหน้าชูเฮย์ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวและชูเฮย์ที่ในตอนนี้มีรอยแดงอยู่ที่ใบหน้าเป็นรอยฝามือของเธอที่เห็นครบทั้งห้านิ้ว
“ช่ะ ชิโฮอิน ช่วยห้ามทีสิ แบบนี้มีห่วง ได้แก้ข่าวปากฉีกแน่” ชุนซุยพูดพลางหันมายิ้มให้โยรุอิจิอย่างเจื่อนๆและโยรุอิจิก็ทำหน้านิ่งๆ
“ช่างเถอะๆ ให้เจ้านี่โดนแบบนี้มั้งก็ดี จะได้เลิกกวนประสาทเนมจังสักที” โยรุอิจิพูดจบเสียงของฝามือกระทบลงที่ใบหน้าก็ดังลั่นห้องและนานาโอะกับอิซึรุที่ยืนด้านนอกก็ถอนหายใจกันในทันทีทันทีใด
หลังจากนั้น ประมาท ครึ่งชั่วโทง ทั้งสองคนที่ถูกจับแยกกันไปคนละห้องก็กำลังจะกับผู้จัดการของตัวเองอยู่
“ผู้จัดการคะ ยังไงชั้นก็ไม่มีวันเด็ดขาด ต่อให้มันสั้นแค่หนึ่งวินาทีชั้นก็ไม่มีวันรับ” เนมพูดพลางชี้ออกที่นอกห้อง
“ก็ตอนแรกเห็นเราบอกว่ายังไงก็ได้นี่นา” ชุนซุยพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและเนมก็กัดฟันเล็กน้อย
“ชั้นไม่รู้ว่าต้องเล่นกับเจ้านี่ ชั้นไม่มีวันตอบตกลงแน่นอน” เนมพูดด้วยความโมโหก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟาและนานาโอะกับชุนซุยก็หันมาไปมองหน้ากันเล็กน้อย
“ใจเย็นๆก่อนสิ อย่างน้อยเธอสองคนก็เคยคบกันนะ....” นานาโอะชะงักคำพูดเอาไว้ก่อนที่จะเนมก็ฟิวค์ขาดอีกครั้งนึ่ง
“หึ! ผู้ชายที่ไม่สนใจแม้แต่แฟนของตัวเอง ชั้นไม่อยากจำหรอก” เนมพูดจบนานาโอะก็ยิ้มเจื่อนๆส่วนเนมก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์แม้แต่น้อย (เนมจังคนเดิมหายไปไหนเนี่ย!!!) และชุนซุยก็ถอนหายใจออกมาในทันทีและนานาโอะก็พยายามเกลี้ยงกล่อมต่อไปว่า
“ย่ะ อย่างน้อยพวกเธอก็คบกันตั้งนานไม่ใช่เหรอ?” นานาโอะพยายามเกลี้ยงกล่อมแต่มันกลับทำให้เนมฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้งนึ่ง
“ยังไงก็ไม่มีทางเล่น!!” เนมพูดจบก็เดินออกไปจากห้องในทันทีแลลเมื่อเดินออกมาก็ดันเปิดมาเจอกับชูเฮย์ที่เปิดประตูออกมาพร้อมกันอีก
“เชอะ!/ชิ!” ทั้งสองคนเชิดหน้าใส่กันก่อนที่จะปิดประตูแล้วเดินไปที่ประตูทางออกทางเดียวกัน
“หลบไป!/ถอยไปเลย!” ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันและพยายามเบียดเพื่อให้ตัวเองออกจากห้องก่อนและอยู่ๆก็
“แหม~~เด็กๆนี่ดูสนิทกันจังเลยน้า~~” เสียงของชายหนุ่มที่ทำเสียงอ่อนเสียงหวานพูดขึ้นทำให้ทั้งชูเฮย์และเนมก็เปลี่ยนอารมณ์ของตัวเองในทันที
“ข่ะ ค่ะ/ข่ะ คับ” ทั้งสองคนพูดพลางหันมาชายหนุ่มและยิ้มเจื่อนๆ (แต่เนมทำหน้านิ่งๆ)
“ชูเฮย์คุงกับเนมจังเลยเนี่ย ดูเหมาะสมกันดีแบบนี้ค่อยสมบทบาทพระเอกกับนางเอกหน่อย~~” ชายหนุ่มลากและส่วนชูเฮย์ก็ยิ้มเจื่อนๆแต่ในใจก็ของทั้งสองคนก็คิดขึ้นมาเหมือนกันว่า
‘เหมาะสมกับยัยนี่งั้นเหรอ/เหมาะสมกับไอสิงโตไร้น้ำยาเนี่ยนะ’ ทั้งสองคน
“นี่เนมจัง ขอถ่ายรูปเราคู่กับชูเฮย์คุงสักรูปน้า~~” ชายหนุ่มพูดพลางหยิบกล้องขึ้นมาอย่างเตรียมพบโดยที่เนมและชูเฮย์ยังไม่ทันได้ตอบอะไรแต่ว่า...ปฏิเสธได้ที่ไหนกันล่ะ เนมก็เลยพูดว่า
“ร่ะ รูปเดียวนะคะ” เนมพูดจบชายหนุ่มก็พยักหน้ารับและเนมก็จ้องหน้าชูเฮย์ก่อนที่จะเอาข้อศอกไหล่ชูเฮย์และเอามือจิกผมชูเฮย์อย่างแรงแต่เมื่อมองมาตรงๆก็เหมือนกับเนมกำลังลูบศีรษะชูเฮย์ และชูเฮย์ก็ต้องเหล่มามองอย่างโมโหในทันที และเมื่อชายหนุ่มถ่ายได้รูปนึ่งชูเฮย์ก็พูดว่า
“เน่...เจ๊...ผมให้อีกรูปนึ่ง” ชูเฮย์พูดพลางมองเนมด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์และชายหนุ่มก็พยักหน้าอย่างดีใจก่อนที่จะเอากล้องขึ้นมาอีกครั้งและชูเฮย์เดินไปข้างหลังเนมก่อนที่จะเอามือวางไว้ที่ศีรษะเนมก่อนที่จะใช้มืออีกข้างนึ่งมาจับที่ช่วงเอวข้างขวาก่อนที่จะแกล้งใช้มือเปิดขึ้นมาจนเห็นช่วงเอวขาวและแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและเนมก็เอามือขึ้นมาจับแขนชูเฮย์ข้างที่จับเอวอยู่และใช้เล็บที่ยาวและคมของเธอจิกลงไปอย่างเต็มแรง และชูเฮย์กัดฟันเล็กน้อย และทั้งชูเฮย์และเนมก็ขอถ่ายแล้วถ่ายอีกเป็นสิบรูปและแต่ละรูปทั้งสองคนแกล้งกันไปสลับกันไปสลับกันมาและมีแต่เนมที่ทำให้ชูเฮย์เจ็บ และชูเฮย์ที่เป็นผู้ชายก็ได้แกล้งทำเหมือนจะลวนลามเธอเท่านั้น
“ขอบคุณจร้า~~โอ๊ย~ชื่นใจ” ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะเดินจากไปและชูเฮย์กอดเนมจากด้านหลังก็ยังยิ้มอยู่แต่ทันทีที่ชายหนุ่มเดินไปทั้งสองคนก็สะบัดตัวออกจากกันในทันที และเนมก็มองชูเฮย์ด้วยสายตาที่ดุดันอยากมาก
“ลามก เชอะ!/ป่าเถื่อน เชอะ!” ทั้งสองคนพูดพร้อมกันและเชิดหน้าใส่กันอย่างไม่สบอารมณ์และอย่ๆก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
“หวัดดีเจ้าค่า~~” เสียงของเด็กสาวเรือนผมสีดำยาวประบ่าที่จูงมือเด็กสาวเรือนผมสีดำมัดผมหางม้าเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง
“คุจิกิ/คุจิกิ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกับราวกับใจตรงกันยังไงอย่างงั้น
“ลูเคีย ไม่รอชั้นเลยนะ” เด็กสาวเรือนผมสีส้มทีวิ่งมาหยุดหอบอยู่ใกล้ๆลูเคียและโมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆ
“อ้าวนี่! เธอเด็กใหม่เหรอ” ชูเฮย์ทักขึ้นเมื่อเห็นโมโมะยืนอยู่และโมโมะก็หน้าแดงกล่ำเลยทีเดียวส่วนเนมก็พูดตัดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกหลังเขา!” เนมพูดลอยและชูเฮย์ก็หันไปมองเธอในทันทีและโมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนที่จะมีคนเดินออกมาจากห้องทางฝั่งซ้ายมือสองคนและเมื่อโมโมะหันไปเห็นเด็กหนุ่มเรือนผมสีทองและหญิงสาวเรือนผมสีม่วงที่อุ้มแมวดำก็ถึงกลับหน้าแดงขึ้นมาในทันที
‘ข่ะ คิระคุง...ตัวจริง...หล่อจังเลย...แล้วก็พี่ฮิซากิ...ก็เท่มากๆเลย’ โมโมะคิดในใจและเอามือปิดปากตัวเองและเมื่ออิซึรุเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนที่เหมือนภูเขาไฟระเบิดพร้อมใจเต้นแรงอย่างมาก และก็ต้องเต้นแรงเข้าไปอีกเมื่ออิซึรุทักขึ้น
“สวัสดีคับ เธอฮินาโมริจังสินะ พี่สาวกับคุณเร็ตสึไม่มาด้วยเหรอคับ” อิซึรุทักพลางยิ้มให้และโมโมะก็ยืนนิ่งและหน้าแดงกล่ำและอยู่ๆก็...ล้มลงไปกับพื้นซะเฉยๆ
“อ้าวเฮ้ย! โมโมะๆ เป็นไรไปเนี่ยตื่นเซ!!” ลูเคียพูดพลางเขย่าตัวเธอและใบหน้าของโมโมะในตอนนี้ก็หน้าแดงและมีรอยยิ้มอยู่ๆแม้กระทั่เป็นลมไปก็ตาม
“ใครมาเหรอ” นานาโอะที่เดินออกมาจากห้องทักขึ้นและเนมก็หันไปเรียกนานาโอะทัก
“นานาโอะ โมโมะจังเป็นลมน่ะ” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่จะนั่งลงและเอามือช้อนศีระโมโมะขึ้นมาเบาๆ
“เป็นอะไรไปซะเนี่ย” นานาโอะถามขึ้นพลางเดินมาใกล้ๆและอิซึรุก็เอามาเกาสีรษะเล็กน้อย
“ไม่รู้สิคับ พอผมทักเขาก็ล้มไปเลย” อิซึรุพูดพลางเอามือเกาศีรษะและยิ้มเจื่อนๆและโยรุอิจิก็ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างชอบใจและทักขึ้น
“ฮ่าๆๆ หลงนายเข้าให้แล้วสิ อิซึรุ ฮ่าๆๆ” โยรุอิจิหัวเราะออกมาอย่างชอบใจและอิซึรุก็ยิ้มเจื่อนๆ
ตัดไปที่รันงิคุ
“เงียบไปเลยไป!” รันงิคุพูดพลางชี้หน้างินที่กำลังยิ้มอย่างกวนๆ
“ขนาดเพลงตัวเองแต่งเองยังร้องผิดๆถูกๆ ถึงจะเสียงเพราะก็เถอะ” งินพูดพลางมองกระดาษที่อยู่ในมือและรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอามณ์อย่างมากและอยู่งินก็มองกระดาษนั้นลงและเดินเข้ามาใกล้ๆรันงิคุ
“อะไรของนาย” รันงิคุพูดจบงินก็คว้าข้อมือของรันงิคุทั้งสองข้างรวบขึ้นมายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆและรังิคุก็พยายามถอยห่างออกมา
“เอาอย่างงี้ดีกว่า ชั้นน่ะจำเนื้อเพลงเธอไปแล้วนะ ถ้าเธอร้องผิดหนึ่งคำ...ผมจูบหนึ่งที...ดีมั้ยน้า~” รันงิคุได้ยินก็รีบสะบัดมืองินออกในทันทีและงินก็ยอมปล่อยแต่โดยดี และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าไม่อยากก็รีบๆจำให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ผมจะได้งีบสักหน่อย” งินพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทันทีและโทชีโร่ที่เพิ่งจะล้างรถเสร็จก็เดินขึ้นมา
“พี่ฮะ อยู่ไหนเนี่ย มีคนส่งจดหมายมาน่ะ” โทชีโร่พูดพลาวเอาซองจจกหมายขึ้นและโทชีโร่ก็เห็นรันงิคุที่นั่งอยู่และกำลังหายใจอย่างรุนแรงเพราะความโมโหจึงไม่กล้าที่จะถามอะไรจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องงิน
“พี่จดหมายน่ะ” โทชีโร่พูดจบก็เดินออกไปและกลับเข้าห้องตัวเอไปในทันที และงินก็มองขึ้นไปก่อนที่จะเอาน้ำที่วางอยู่บนและจดหมายวางอยู่บนเตียงงินก็หยิบแก้วน้ำมาดื่มก่อนที่จะหยิบซองจดหมายขึ้นและงินก็ฉีกซอกออกมา และเปิดดู และเมื่ออ่านเนื้อหาก็ถึงกับสำลักน้ำทันที
“บ้าน่า...ล่ะ ลูซี่...จะกลับมาเหรอ...ว่ะ วันจันทร์นี้....” งินพูดจบก็ฉีกกระดาษทิ้งและโยนทิ้งขยะในทันทีและงินก็เดินออกไปนอกห้องในทันที
“โทชีโร่! พี่ไปข้างนอกก่อนนะ” งินพูดตะโกน เพื่อให้โทชีโร่ที่อยู่ในห้องได้ยินและรันงิคุก็งงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร งินก็วิ่งลงไปซะแล้ว
“เป็นอะไรของมันนะ แต่ช่างไปได้ก็ดี...” รันงิคุพูดจบก็ก้มลงมองที่กระดาษนั่นอีกครั้งและไม่นานเธอก็วางกระดาษลงและไปหยิบน้ำกิน
เร็ตสึในตอนนี้
“รบกวนด้วยนะคะ” เร็ตสึพูดพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย และชายชราที่นั่งอยู่โต๊ะก็พยักหน้ารับและเร็ตสึก็เดินออกไป
ด้านที่จูชีโร่ยืนรออยู่
“เป็นไง” จูชีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนเร็ตสึก็ตีหน้าเศร้าๆก่อนที่จะเผลอรอยยิ้มออกมา
“ผ่านฉลิ้วเลยจ๊ะ จากผลสอบของทั้งสองคนน่ะ เข้าโรงเรียนนี้ได้แบบไม่ต้องสอบเลย” เร็ตสึพูดจบจูชีโร่ก็ถอนหายใจก่อนที่เอาแว่นมาใส่เร็ตสึเองก็เช่นกัน
เมื่อเดินมาจนถึง ป้ายรถเมย์ (ไม่ได้เอารถออกมาเจ้าค่ะ)
“เดี๋ยวไปไหนอีกเนี่ย” จูชีโร่พูดอย่างหน่ายๆส่วนเร็ตสึก็มองไปที่กระดาษอย่างจริงจัง
“ชั้นเรื่อยวันอัดให้รันงิคุจังแล้ว โมโมะก็ฝากไว้กับพวกลูเคียจังก่อน คงๆม่เป็นไรหรอก รู้จักกันแล้วทั้งนั้น” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนจูชีโร่ก็หัวเราะเบาๆ
“ได้ยินว่าเรื่องนี้ ชูเฮย์คุงกับเนมจัง เล่นคู่กันเลยนิ ท่าทางจะเป็นไปได้ยากนะ” จูชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเร็ตสึก็หัวเราะออกมาทันที
“แน่นอนสิ ชุนซุยเป็นคนขอเองเลยนี่นา” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ
ตัดไปที่สตูดิโอ
“ไม่!” เสียงของชูเฮย์ดังลั่นและตอนนี้ก็กำลังจ้องตากับเนมอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ไม่มีทางหนังแบบนี้น่ะ!” เนมพูดขึ้นและโยนกระดาษลงที่โต๊ะในทันทีและชุนซุยก็ยิ้มเจื่อนๆส่วนโยรุอิจิก็หัวเราะเบาๆและโมดมะที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของทั้งสองคนที่ดังลั่นห้อง และโมโมะก็ลุกขึ้นมาและขยี้ตาเบาๆ
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ” ลูเคียพูดจบก็เดินเข้ามาใกล้ๆและเอามือแตะที่หน้าผากเบาๆและโมโมะก็หน้าแดงเล็กน้อยและอยู่เสียงโทรศัพท์ของลูเคียก็ดังขึ้นมาซะเฉยๆ
“โทษีทนะ” ลูเคียพูดจบก็เอาโทรศัพท์ขึ้นและเดิน ไปที่มุมห้อง และโอริฮิเมะก็เดินเข้ามาใกล้ๆและนั่งคุยกับโมโมะไป
“อิจิโกะเหรอ มีอะไร” ลูเคียพูดเบาๆและปิดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ใครได้ยินเสียงเธอ
(นี่เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเดินเล่นกันหน่อยมั้ย ชั้นว่าง) อิจิโกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนลูเคียก็ถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะยิ้มบางๆ
“เดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอก” ลูเคียพูดอย่างลังเลและอิจิโกะก็หัวเราะออกมาในทันที
“ก็ดีสิ จะได้ถือโอกาสบอก สื่อไปเลยว่าพวกเราคบกันอยู่น่ะ ฮ่าๆ” อิจิโกะพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและลูเคียก็หน้าแดงกล่ำ
“คนบ้า ชั้นไม่แน่ใจนะว่าไปได้รึป่าว” ลูเคียพูดจบก็วางสายไปในทันทีและลูเคียก็ถอนหายใจก่อนที่จะเดินกลับมาแต่ยังไม่ทันได้หันหลังกลับมา
ผัวะ!!!! เสียงฝ่ามือที่กระทบลงที่ใบหน้านั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เนมที่ใช้มือฝาดเข้าไปที่หน้าของชูเฮย์อย่างสุดแรง
“เฮ้ย! ครั้งที่สองแล้วนะเฟ้ย ยัยป่าเถื่อน!” ชูเฮย์ตะคอกขึ้นพลางเอามือลูบที่ใบหน้าเบาๆ
“เอาอีกมั้ยเล่า ไอสิงโตไร้น้ำยา” เนมพูดด้วยความโกรธและนานาโอะเข้ามาจับแขนไว้ก่อนที่เนมก็ตบหน้าชูเฮย์อีกเป็นครั้งที่สาม
“ฮ่าๆๆๆๆ สมน้ำหน้า” โยรุอิจิปล่อยหัวเราะออกมาในทันที
“ผู้จัดการ!” ชูเฮย์พูดขึ้นและโยรุอิจิก็เงียบไปก็ยังทำท่าทางกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต
“จำไว้เลยนะ ยัยป่าเถื่อนว่าชั้นจะไม่มีกลับไปเป็เหมือนเดิมกับเธออีก!” ชูเฮย์พุดด้วยน้ำเสียทงี่ดุดันและเนมก็สะบัดนานาโอะอย่างไม่สนใจและชี้หน้าชูเฮยก่อนที่จะพูดว่า
“แล้วคิดว่าชั้นอยากจะกลับป่ะ....” เนมพูดไม่ทันจบก็มีคนเปิดประตูเข้ามาและทำให้เนมและชูเฮย์ที่ทะเลอะกันอยู่ต้องเปลี่ยนคำพูดกันในทันที
“เอ๋อ ฉากนี้ได้แล้วนะ” นานาโอะพูดขึ้นเพื่อทำให้ทั้งสองคนพูดไปตามเธอ
“อ่ะ อืม/อ่า” ทั้งสองคนขานรับพร้อมกันและหญิงสาวที่เดินเข้ามาก็หัวเราะออกมาในทันที
“แหม~เก่งจังเลยนะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและเข้ามาหาโมโมะที่นั่งอยู่บนโซฟา
“เธอคือ ฮินาโมริ โมโมะ สินะ ชั้นได้ยินจากเร็ตสึแล้วแหละนะ อันนี้บทของเธอลองอ่านดูนะ” หญิงสาวพูดจบก็ยื่นกระดาษให้โมโมะและโมโมะก็รับมาอย่างงงๆก่อนที่จะเริ่มเปิดดูด้านใน ก็ถึงกับช็อคเมื่ออ่านเห็นตรงที่...
“ช่ะ ชั้นเล่นเป็น...อานากะ ยูกะ เหรอ ใครกันล่ะเนี่ย” โมโมะพูดอย่างงงๆ
“ก็นะ...เป็นน้องสาวของอิโนะอุเอะ ที่เป็นเพื่อนสนิทของเนมน่ะจ๊ะ”
“อ๋องั้นเหรอคะ”
“โมโมะนี้รับหน้าที่ไม่หนักเท่าไหร่น่ะ ยังไงก็เอาไปอ่านก่อนนะ” หญิงสาวพูดจบก็เดินออกไปในทันทีและทันทีที่เดินออกไปเนมกับชูเฮย์เชิดหน้าใส่กันในทันที
“เนมเขาเตรียมพร้อมกันขนาดนี้แล้วเธอจะทำให้พวกเขาเสียความตั้งใจเหรอ” นานาโอะพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและเนมก็ทำท่าททางลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับไปมองหน้าชูเฮย์
“เห...พี่เนมกับพี่ชูเฮย์เล่นด้วยกันเหรอ น่าสนุกดีจัง...ชั้นจะรอนะคะ ฮิฮิ” โมโมะละยิ้มอย่างสดใสและคิระที่ยืนก็ยิ้มบางๆเลยทีและทั้งสองคนก็มองไปที่โมโมะก่อนที่หันมามองหน้ากันอย่าไม่สบอารมณ์
“ก็ได้ค่ะ ชั้นรับงานนี้!/เอาเว้ย รับก็รับ!”
ถ้าคอมเม้นเยอะขึ้นไรเตอร์อาจจะมาอัพให้อีกจนจบนะคะ เพราะว่าไรเตอรหมดกำลังใจเต็มที คิดว่าถ้าคอมเม้นในตอนนี้หรือในตอนอื่นๆมันน้อย ไรเตอร์จะปิดบทความไปเลยนะคะ อาจจะไม่กลับมาแต่งอีก และไรเตอร์ก็คิดว่าจะเลิกเล่นเด็กดีไปเลย
Duck-
ความคิดเห็น