คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 9 : Secretly kiss!
Chapter 9 : Secretly kiss!
“ถ้า 2 คนนี้รู้ความจริงเรื่องนั้นจะ ทำใจกันได้รึป่าวนะ” เร็ตสึพูดจบก็ทำหน้าเศร้าๆก่อนที่จะขับรถต่อไปแล้วงินที่ขับมอร์เตอร์ไซค์ประกบข้างอยู่ก็เริ่มสงสัยเล็กน้อย และงินก็มองไปที่รันงิคุที่หลับอยู่ก็ต้องยิ้มออกมาทันที
ผ่านไปชั่วโมงครึ่ง
“รันงิคุจัง โมโมะจัง ตื่นได้แล้วจ๊ะถึงแล้วนะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆหลังจากที่สะกิดทั้ง 2 คนเบาและโมโมะก็เป็นคนที่ตื่นขึ้นมาก่อน
“ถึงแล้วเหรอคะ” โมโมะพูดอย่างงัวเงียและเอามือขยี้ตาของที่บีบขี้เกียจแล้วเขย่าตัวรันงิคุเบาๆ
“พี่คะ~” โมโมะพูดพลางหาวออกมาและรันงิคุก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“หลับกันสบายดีจังนะ” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้รันงิคุตาสว่างทันที
“นาย!” ปึ้ง! “อู๊ย~เจ็บ~” รันงิคุที่ลุกขึ้นมานั้นก็ร้องออกมาทันทีเมื่อศีรษะชนกับเพดานรถเข้าให้
“รีบลงมาเถอะจ๊ะ” เร็ตสึพูดจบก็เดินเข้าไปในร้านที่มีประตูลูกกรงเหล็กทันทีแล้วรันงิคุกโมโมะก็ค่อยๆลงมากันแล้วโมโมะก็มองไปรอบๆก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“นี่มันร้านอะไรคะเนี่ย ดูเก่าจัง” โมโมะถามพลางมองไปรอบๆส่วนงินยิ้มก่อนที่จะจับมือโมโมะขึ้นมาทำให้โมโมะหน้าแดงทันทีแล้วงินก็พูดว่า
“เข้าไปดูแล้วก็รู้เองแหละ” ทันทีที่งินก็ก็มีฝามือของใครบางคนฝาดเข้ามาที่กลางอย่างสุดแรง
“โอ๊ย~” งินพูดพลางเอามือลูบหลังเบาๆและที่พูดมามันก็เป็นน้ำเสียงที่กวนๆ
“น้องชั้น ชั้นดูแลเองได้ยะ” รันงิคุพูดจบก็ลากโมโมะเข้าไปในด้านประตูและกำลังจะยื่นมือไปเปิดประตู
“รันงิคุ....เปิดเข้าไปแล้วอย่ากรี๊ดล่ะ” งินพูดจบก็เอามือหุดหูทันทีและรันงิคุก็บ่นเบาๆว่า
“ใครจะกรี๊ดยะ” รันงิคุพูดจบก็เอามือเปิดประตูทันทีและทันทีที่เปิดประตูออกมารันงิคุก็...
“กรี๊ดดดดดดด” รันงิคุกรี๊ดออกมาดังลั่นเว้นแต่โมโมะที่ยืนนิ่งแล้วงินก็เอามือแคะหูก่อนที่จะเดินเข้ามาหลังจากที่เธอหยุดกรี๊ด
“ฮะๆๆ แค่นี้กลัวไปได้น้องสาวเธอยังใจแข็งกว่าเยอะเลยนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆก่อนที่จะหยิบหน้ากากผีที่มีกลไกลทำตกลงมา
“แค่หน้ากากเอง โมโมะจังยังไม่เห็นร้องสักแอะนึ่งเลยนะ” งินพูดพลางโยนหน้ากากผีให้รันงิคุส่วนรันงิคุก็รับไหวแล้วถอนหายใจเบาๆ
“อะไรกัน โมโมะน่ะขวัญอ่อนกว่าชั้นอีก” รันงิคุตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วโยนหน้ากากผีใส่งิน
“เชื่อก็บ้าแล้ว~เธอน่ะเล่นวิ่งคนแรกเลยนะเมื่อกี๊นี้น่ะ ดูสิน้องเธอยังนิ่งอยู่เลยๆ” งินพูดจบก็โยนหน้ากากผีขึ้นไปด้านบนแล้วหน้าผากผีก็ไม่ตกลงมาอีกแล้วรันงิคุทำท่าทางไม่สบอารมณ์แล้วก็ค่อยๆขยับเข้าไปทีละนิดและเมื่อเข้าใกล้ๆงินก็หันมาสะกิดโมโมะเบาๆ
“โมโมะไปเถอะ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆและทันทีที่ยื่นมือไปสะกิดโมโมะ ตัวโมโมะก็ล้มลงทันที
“โมโมะ!!/โมโมะจัง!” ทั้ง 2 เรียกชื่อของเด็กสาวพร้อมกันและงินก็เอามือแตะที่หน้าผากแล้วที่แก้มเบาๆ
“ชั้นเชื่อแล้วว่าโมโมะจัง ขวัญอ่อนกว่าเธอเยอะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ถอนหายใจก่อนที่จะค่อยๆแบกโมโมะขึ้นหลัง
“ไหวรึป่าว ให้ผมแบกก็ได้น้า~” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์และรันงิคุก็หันมาแล้วทำท่าทางหงุดหงิดอย่างมาก
“น้องชั้น นายไม่ต้องยุ่ง” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินก็หัวเราะเบาๆ
หลังจากที่เดินมาถึงห้องในสุดก็เห็นประตูเก่าอยู่ๆแล้วรันงิคุก็ถอยหลังมาแล้วพูดว่า
“นายเข้าไปก่อน” รันงิคุพูดพลางเดินถอยหลังไปเล็กน้อยงินก็หันมายิ้มเย้ยยั้นก่อนที่จะผลักประตูเก่าๆของไปและมันไม่มีอะไรตกลงมาและงินก็เดินเข้าแล้วรันงิคุก็วางใจและทันทีที่เก้าเข้าไปในเท้าของรันงิคุก็เหยียบผ้าปูพื้นเข้าแต่เมื่อรันงิคุมองลงมาก็
“กรี๊ดดดดด” รันงิคุกรี๊ดออกมาลั่นร้านทันทีส่วนงินก็เอามือแคะหูเลยทีเดียวเพราะว่าผ้าปูผ้าด้านเป็นรูปหน้ายักษ์กำลังอ้าปากกว้างและหน้าตาหน้ากลัวบวกที่นี่เป็นที่ที่ค่อยข้างมืดมากเลยทีเดียว
“นี่มันบ้านผีสิงหรืออะไรเนี่ย!!!” รันงิคุตะโกนออกมาอย่างเหลืออดแล้วงินก็เดินเข้าใกล้มองหน้าก่อนที่จะยิ้มแล้วจูงมือเธอพาเดินเข้าไปและด้านในห้องก็มีประตูอีก 1 บานและงินกเปิดประตูเข้ามือก็ยังจับมือรันงิคุอยู่แต่รันงิคุก็หน้าแดงกล่ำ
‘ม่ะ มือเจ้านี่...อุ่นจัง’ รันงิคุพูดในใจแล้วพยายามก้มหน้าลงดีที่งินไม่ได้หันมาเมื่อถึงด้านในสุดขอห้อง
“ถึงแล้ว คุณเร็ตสึอยู่โน่น ไปสิ” งินพูดจบก็ปล่อยมือของรันงิคุและรันงิคก็เชิดหน้าใส่เล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไป
“เอ้าๆ ตายจริง โมโมะจังเป็นลมเลยเหรอเนี่ย” เร็ตสึถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางหัวเราะเบาๆละรันงิคุก็ถอนหายใจก่อนที่จะวางโมโมะลงแล้วพูดว่า
“นี่คุณเร็ตสึ ที่มันบ้านคนหรือบ้านผีสิงกันแน่เนี่ย เข้ามาเจอแต่อะไรไม่รู้” รันงิคุพูดจบก็นั่งลงข้างๆโมโมะแล้วเร็ตสึก็ยิ้มก่อนที่จะมีหญิงสาวทางมนหมองเดินออกมาจากห้องเก็บฝั่งด้านขวา
“ไหนล่ะที่จะให้สัก” หญิงสาวถามขึ้นทันทีและรันงิคุก็เบิงตาเพราะความมึนงงเมื่อเร็ตสึชี้มาที่ตัวของรันงิคุ
“หนู...” รันงิคุพูดพลางชี้มาที่ตัวเองแล้วหันมามองเร็ตสึแล้วเร็ตสึก็พยักหน้าแล้วรันงิคุก็พูดขึ้นทันทีว่า
“ไม่เอา!!ๆๆๆๆ” รันงิคุพูดบก็กระโดดโหยงออกมาจากเกาอี้ทันทีและโมโมะที่นอนอยู่บนโซฟายาวก็ลุกพรวดขึ้นมา
“ผีหลอก!! ” โมโมะตะโกนลั่นบวกกับเสียงของรันงิคุที่พูดประโยคเดียวอย่างต่อเนื่องๆ
“เอ้า! ตื่นแล้วเหรอโมโมะจัง” เร็ตสึพูดขึ้นแล้วยิ้มให้โมโมะและโมโมะก็ทำหน้ามึนงงก่อนที่จะมองไปรอบๆตัว
“จะว่าไปแล้วพาพวกเรามานที่นี่ทำไมเหรอคะ” โมโมะแล้วเอามือขยี้ตาและเร็ตสึก็ชี้ไปที่หญิงสาวที่ทางมนหมองที่กำลังเอาผ้าสีขาวเช็คเข็มยาวและแหลมอยู่
“เหมือนจะสักเลยนะ แต่คงไม่ใช่ สินะ” โมโมะพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและตอนนี้มือก็สั่นขึ้นมาแล้ว
“ชั้นมาพวกเธอมาสักนั่นจ๊ะเข้าใจถูกแล้วแหละจ๊ะ โมโมะจัง” เร็ตสึพูดจบโมโมะก็กระโดดโหยงมาแล้วมาเกาะที่ขอบประตูในทันที
“ม่ะ ไม่มีทางหรอก เรื่องจะ...” รันงิคุพูดไม่ทันจบงินก็ที่ยืนอยู่ด้านหลังโมโมะก็พูดขึ้นว่า
“ปอดแหกอ่ะดิ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆพลางมองออกไปนอกหน้าต่างบานน้อยๆแล้วรันงิคุก็หันไปมองงินในทันที
“นายว่าใครมิทราบ ไอหน้าจืด” รันงิคุพูดแล้วในตอนนี้เธอก็โมโหอย่างมากและงินก็หันมามองก่อนที่จะพูดว่า
“ฮ่าๆ จริงด้วยสิ ลืมไปๆ ว่าเธอเจอแค่หน้ากากผีหน้าบ้านก็กรี๊ดซะแล้ว ฮะๆ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่แล้วรันงิคุก็กัดฟันด้วยความโมโหแล้วหันไปพูดกับเร็ตสึว่า
“สักรูปอะไรว่ามาเลย!!” รันงิคุพูดจบก็ลากแขนโมโมะกลับไปนั่งที่และโมโมะก็เกาะประตูแน่นเลยทีเดียว
“โมโมะ สั่นอะไรของเธอ มาเร็วสิ” รันงิคุพูดจบก็ออกแรงเล็กน้อยเพื่อดึงโมโมะให้หลุดจากขอบประตู
“พี่จ๋า~~” โมโมะเรียกรันงิคุแล้วหันมาน้ำตาไหลพรากเลยทีเดียว (แต่ว่าจะเป็นการบีบน้ำตามากกว่า) และเมื่เร็ตสึเห็นโมโมะที่บีบน้ำตาออกมาได้ตามสั่งจึงจึงเอามือเท้าคางและยิ้มบางๆทันทีแล้วรันงิคุก็กดโมโมะลงนั่งที่เก้าอี้แล้วงินที่ยืนพิงขอบประตูแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่ปิดเปลือกตาลงอีกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ และรันงิคุก็นั่งอย่างไม่สบอารมณ์แต่เธอก็สั่นอย่างหนักเลยทีเดียว
“รันงิคุจัง รูปนี้นะ” เร็ตสึพูดจบก็ยื่นรูปที่เป็นเสือยืนกระหงาดสองขาและหันหลังมาคำรามอย่างดุดัน และรอบตัวของเสือก็เปลวไฟล้อมรอบ
“ย่ะ ใหญ่เหมือนกันนะ รูปเนี้ยะ” รันงิคุพูดแล้วมือก็สั่นเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆวางรูปลงแล้วหญิงสาวที่ท่าทางมนหมองก็เอาแทงเหล็กแหลมขึ้นแล้วพูดว่า
“อยากเธอน่าจะสักที่ขาอ่อนนะ เพราะว่ามันเจ็บจะเป็นที่ที่เจ็บน้อยที่สุดน่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นก็ลงขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที
“ตามเข้าไปสิจ๊ะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนรันงิคุก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะงินจะพูดขึ้นว่า
“ปอดแหกจริงๆสินะ ฮ่าๆ” งินพูดพลางเอามือปิดปากตัวเองอย่างกวนๆและรันงิคุก็กำมือตัวเองและหันไปมองหน้าที่สุดแสนจะกวนประสาทของงินก่อนที่จะเดินเข้าไปแล้วปิดประตูดังลั่น ส่วนโมโมที่นั่งอยู่ก็สงเกตหน้าอกของเร็ตสึที่เปิดอยู่เล็กน้อยและสิ่งที่เธอเป็นคือเป็นรอบสีดำติดจึงถามขึ้นว่า
“เอ่อ ที่หน้าอกไปโดนอะไรมาเหรอคะ” โมโมะถามขึ้นแล้วส่วนเร็ตสึก็ทำหน้างงๆก่อนที่จะมองลงไปที่หน้าอก
“อ๋อ ก็ระหว่างที่พวกเธอกรี๊ดกันอยู่หน้าบ้าน ชั้นก็สักรูปเล็กๆเอาน่ะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่จะเปิดเสื้อออกเล็กน้อยก็เห็นรอยสักที่เป็นดังภาพที่วางอยู่บนโต๊ะที่ในตอนนี้เป็นรอยแดงจางๆ โมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วถามว่า
“เอ่อ เจ็บรึป่าวคะ” โมโมะถามพลางเอามือปิดปากตัวเองและเร็ตสึก็ค่อยๆใส่เสื้อกลับและพูดว่า
“ก็...” แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ไม่ยินเสียงร้องออกมาจากห้องที่ปิดประตูที่อยู่ด้านลั่นเลยทีเดียว
“กรี๊ดดดดดดดดด” เสียงของเด็กสาวที่อยู่ในห้องกรี๊ดออกมาดังลั่นและโมโมะก็ค่อยๆหันมาหาเร็ตสึ
“ม่ะ ไม่ต้องบอกแล้วแหละค่ะ” โมโมะพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและเร็ตสึก็ยิ้มบางๆและงินก็เดินเข้ามาใกล้ๆประตูแล้วเคาะประตูเบาๆก่อที่จะพูดว่า
“ยัยตัวแสบ....” งินยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรเพราะทันทีที่เดินเข้าไปเลือดกำเดาพุ้งแทบจะพุ้งเพราะตอนนี้หญิงสาวท่าทางมนหมองกำลังใช้มือเปิดประโปรงที่สั้นของรันงิคุขึ้นและตอนนี้ก็ถูกกเปิดขึ้นมาจนเห็นขาอ่อนและเกือบเห็นกางเกงในอยู่แล้ว!
“กรี๊ดด ออกไปเดี๋ยวเลยไอหน้าจืด!!” รันงิคุพูดจบก็คว้ากล่องกระดาษขวางใส่ศีรษะงินเข้าเต็มๆและงินก็รีบปิดประตูแล้วเดินเดินออกไปทันที
“ขาขาวดีแฮะ” งินบ่นเบาๆก่อที่จะกลับมานั่งที่โซฟาแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
หลังจากนั้นผ่านไปพักใหญ่ๆ รันงิคุที่ออกมาก็เห็นรอยแดงอ่อนๆจางๆอยู่ที่ขาอ่อนข้างขวาและเมื่อรันงิคุเห็นหน้างินก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
“แม่หนูคนต่อไป” หญิงสาวทางท่ามนหมองพูดและโมโมะก็มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะชี้มาที่ตัวและหญิงสาวก็พยักหน้าแล้วโมโมะก็สั่นเล็กน้อย
“เข้าไปเถอะโมโมะ” รันงิคุพูดจบก็เอากระดาษชินชู้มาแตะตรงที่มีเลือดออกเบาๆ
“โทชีโร่สักที่กลางอกยังไม่ร้องสักนิดเลยนะ” งินพูดพลางเอาหนังสือปิดปากและรันงิคุก็คว้าหนังสือแล้วจับขว้างใส่งินทันที
“หุบปากไปเลยไป ไอหน้าจืด” รันงิคตะคอกขึ้นส่วนงินก็เอาหัวเราะเบาๆและยังทำหน้ากวนๆอยู่แม้หนังสือที่ถูกคว้ามาเมื่อครู่นี้โดนหัวเข้าไปเต็มๆก็ตาม
“ใจเย็นๆก่อนสิ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่รันงิคุมามองแล้วถอนหายใจเบาแล้วรันงิคุก็ค่อยๆก้มลงแล้วหยิบนิตยสารเก่าๆขึ้นมา
แล้วเมื่อเห็นภาพในรูปก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่า เป็นภาพของหญิงสาวคนนึ่งเข้า (ไม่บรรยายนะเดี๋ยวหาว่าสปอย) ก็ตกใจอย่างมากจึงถามขึ้นว่า
“เน่...ผู้หญิงคนนี้ผมสีเดียวกับชั้นเลย” รันงิคุพูดจบเร็ตสึก็หันมามองเมื่อเห็นด้านหลังของปกนิตยสารที่เป็นรูปเดียวกันก็คว้าหนังสือไปทันที
“ดารารุ่นเก่าๆน่ะจ๊ะ อย่าสนใจเลย” เร็ตสึพูดจบก็โยนหนังสือลงถังขยะไปในทันทีและงินทั้งรันงิคุก็ต้องสงสัยขึ้นมาทันที
และอยู่ๆก็มีเสียงออกมาจากห้อง
“เจ็บ~~~~” เสียงของโมโมะตะโกนออกมาลั่นทำให้ทั้งสามคนหันไปกลับเข้าไปในห้องทันทีและรันงิคุก็กำลังจะเปิดประตูเข้าไป
“ไม่ต้องเข้าไปหรอกจ๊ะ มันเจ็บแค่ตอนแรกเท่านั้นแหละหลังไปมันก็ไม่เจ็บแล้วแหละ เมื่อกี๊เธอก็เพิ่งจะประสบมาไม่ใช่เหรอ” เร็ตสึพูดจบรันงิคุก็ถอนหายใจก่อนที่จะถอยหลังมาพิงเสาร์และยืนรอโมโมะด้วยความเป็นห่วง
หลังจากนั้นพักนึ่ง โมโมะที่เดินออกมาก็มีรอยแดงจางๆที่แขนมาพอดู (รันงิคุเลือดออกเยอะกว่า)
“พี่จ๋า~~ฮึกๆ” โมโมะพูดพลาทำน้ำตาเร็ดและเร็ตสึก็ยิ้มบางๆก่อนที่จะหันไปพูดกับหญิงสาวท่ามนหมองว่า
“วันนี้ขอบคุณมากนะคะ แล้วก็ฝากเรื่องนั้นด้วยนะคะ” เร็ตสึพูดจบก็ทั้งงินและรันงิคุรวมทั้งโมโมะก็ทำหน้างงๆเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า “เรื่องนั้น”
“ไปกันเถอะจ๊ะ” เร็ตสึพูดจบก็เดินนำหน้าออกไปจากบ้านและงินก็โค้งลงเล็กน้อยออกที่จะลากทั้งสองคนออกไปด้วยกัน
ด้านนอก
“จ๊ะๆ รู้แล้วน่าชั้นจะกลับแล้วน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” เร็ตสึพูดพลางเอาโทรศัพท์แนบหูและงินก็ยิ้มบางๆก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถมอร์เตอร์ไซค์อย่างสาบยอารมณ์
(อืมๆ ระวังตัวด้วยนะ) เสียงของชายหนุ่มพูดจบวางสายไปในทันทีและรันงิคุกับโมโมะก็ทำหน้างงๆอยู่
“รีบๆกลับกันเถอะจ๊ะ” เร็ตสึพูดจบก็ขึ้นไปนั่งบนรถอย่างสบายอารมณ์แล้วรันงิคุกับโมโมะก็ค่อยๆขึ้นตามไป
“แสบชำมัดยาดเลย” รันงิคุบ่นขึ้นพลางเอามือแตะที่ขาตัวเองเบาๆและเร็ตสึเริ่มออกรถไปด้านหน้าพลางพูดว่า
“แค่ช่วงแรกเท่านั้นแหละจ๊ะ” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงทีเรียบๆแล้วแขนของโมโมะที่มีเลือดออกอยู่ก็พยายามเอากระดาษชิชูซับเลือดเบาๆ
“งินคุงกับโทชีโร่คุงตอนที่มาครั้งแรกก็โวยวายเหมือนพวกเธอนั่นแหละ แต่พอเข้าไปสักจริงๆก็ไม่ร้องสักเอะเลย” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้ามุ้ยนิดๆก่อนที่จะมองมือของตัวเองที่ถูกงินจับเข้า
‘รู้สึกแปลกยังไงไม่รู้แฮะ’ รันงิคุคิดในใจก่อนที่จะเอนหลังลงที่เบาะแล้วหลับไปส่วนโมโมะที่เห็นว่ารันงิคุหลับไปแล้วก็นั่งเงียบๆไม่พูดอะไรจนกระทั่งเร็ตสึถาม
“โมโมะจังเธอชอบพี่สาวเธอมั้ยจ๊ะ” เร็ตสึถามด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆแล้วโมโมะก็หันไปมองรันงิคุก็ก่อนที่จะยิ้มพลางพูดว่า
“ค่ะ สมัยอนุบาลที่ชั้นเพิ่งเข้าเรียนใหม่ๆ ชั้นไม่มีเพื่อนเลยสักคนได้แต่นั่งร้องไหอยู่คนเดียว แต่ก็ได้พี่นี่แหละค่ะที่มานั่งเล่นกับชั้น” โมโมะพูดจบก็เอามือลูบศีรษะพี่สาวตัวเองเบาๆและเร็ตสึก็ทำหน้าเศร้าๆขึ้นมาทันทีและเป็นใบหน้าที่เศร้ามากๆเลยทีเดียว
เมื่อถึงสำนักงาน
“โมโมะจังเดี๋ยวเธอขึ้นไปก่อนนะ เดี๋ยวชั้นให้งินคุงพารันงิคุจังตามไปเอง” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและโมโมะก็พยักหน้ารับก่อนที่จะลงจากรถแล้วเดินขึ้นไปด้านบน ส่วนงินที่เพิ่งจอดรถมอร์เตอร์ไซค์เสร็จก็กำลังจะเดินขึ้นไปแต่ว่า
“งินคุง ช่วยทีนะ อย่าให้ตื่นล่ะ” เร็ตสึพูดจบก็เปิดประตูรถทิ้งไว้ก่อนที่จะเดินขึ้นไปด้านบนส่วนงินก็ถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะเดินเข้ามาแล้วยื่นใบหน้าขึ้นมาในรถ และเมื่องินเห็นใบหน้าของรันงิคุที่กำลังหลับตาพริ้มก็อดที่จะหลงไปได้ งินใช้มือลูบศีรษะเธอเบาๆก่อนที่จะค่อยๆใช้มืออุ้มเธอขึ้นแนบอกแล้วพาเธอออกมาจากรถเมื่อออกมาจากรถได้งินก็ใช้เท้าถีบประตูรถใช้ปิดเข้าไปและงินก็ค่อยๆเปลี่ยนมาให้เธอขี่หลังแทนแล้วงินก็ค่อยๆเดินขึ้นไปด้านบน
เมื่อขึ้นมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงโทชีโร่ตะคอกขึ้นทันที
“จะบ้าเหรอ เขาเป็นผู้หญิงนะ แล้วให้มานอนห้องผู้ชายแบบนี้น่ะ ไม่ผิดประเพณีไปหน่อยรึไง!!” โทชีโร่ตะคอกขึ้นเสียงดังลั่นและโมโมะที่อยู่ด้านในด้วยก็พูดเสริมขึ้นอีกคนว่า
“จริงด้วยค่ะ! อย่างที่โทชีโร่คุงพูดนั่นแหละค่ะ ผู้ชายกับผู้หญิงนอนห้องเดียวกัน มันไม่มีนะคะ” โมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนๆและในใจอยากจะตะหวาดเต็มที่เพียงแต่ไม่กล้าเท่านั้น
“แหม~ทีชั้นกับจูชีโร่ยังนอนด้วยกันได้เลยนี่นา~” เร็ตสึพูดพลางทำเสียงอ่อนเสียงหวานแล้วโทชีโร่ก็เถียงขึ้นทันทีว่า
“ก็นั่นน่ะ แต่งงานแล้วไม่ใช่รึไง?” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และงินก็เปิดประตูเข้ามาแต่ไม่ได้พูดอะไร
“พี่! ช่วยทีสิ” โทชีโร่เรียกงินส่วนงินก็หันไปทันที
“ช่วยอะไร” งินพูดพลาง (แกล้ง) ทำหน้างงๆแต่ในใจคิดเรื่องหื่นอยู่ๆเพียบ
“ห้ามคุณเร็ตสึทีสิ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์อย่างมากและงินก็หันไปมองเร็ตสึก่อนที่จะพูดว่า
“ทำตามที่เขาบอกเถอะน่า~ รึว่านายอย่าให้โมโมะจังไปนอนห้องมืดๆ อย่าชั้นสามเล่า” งินพูดด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆก่อนที่จะวางรันงิคุลงที่โซฟา
“แต่ว่าพี่” โทชีโร่เริ่มลดเสียงลงแต่เมื่องินยิ้มให้จึงกัดฟันพูดว่า
“ท่ะ ท่ะ เธอน่ะเข้าห้องสิ” (ทำอย่างกะจะมีอะไรกันอย่างงั้นแหละ ชีโร่จัง) โทชีโร่พูดพลางหันหน้าหนีและโมโมะก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเอากระเปาที่วางอยู่ตั้งเมื่อช่วงเที่ยง (มั้ง) เข้าไปในห้องของโทชีโร่
“จำไว้เลยนะพี่” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
“รีบอาบน้ำแล้วมานอนได้แล้ว พรุ่งนี้ท่าทางเธอมีงานแต่เช้าจนเย็นแน่” โทชีโร่พูดจบก็ขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วเปิดหนังสือการ์ตูนอ่านเพื่อสะบั้นอารมณ์
“จ่ะ จ๊ะ” โมโมะพูดจบก็เอาเสื้อผ้าจากกระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำทันที
ด้านนอก
“งินคุงฝากรันงิคุจังด้วยนะ รีบๆนอนล่ะ” เร็ตสึพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทันทีและงินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะหันไปมองหน้าเธอในตอนนี้ที่กำลังหลับอยู่งินก็
มองเธออยู่ครูนึ่งก่อนที่ค่อยๆช้อนตัวเธอขึ้นแล้วอ้มเข้าห้องไปในแล้วงินก็ต้องออกมาอีกรอบเพื่อเอากระเป๋าของเธอเข้าไปด้วยและก่อนที่จะเอากระเป๋าเข้ามางินก็วางเธอลงที่บนเตียงนุ่มๆสีขาวและเมื่อเอากระเป๋าขึ้นมาก็ขึ้นมานั่งบนเตียงสีขาวก่อนที่จะหันมามองหน้าเธออีกครั้ง ด้วยความเจ้าชู้ของงินจึงค่อยๆเอามือลูบที่ริมฝีปากเธอเบาๆก่อนที่จะค่อยๆก้มลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งริมฝีปากของตัวเองได้ประทับอยู่บนริมฝีปากของเธอและงินไม่คิดที่จะถอนริมฝีปากออกมาเลยและรันงิคุก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเช่นกัน (เรื่องนี้รันงิคุจังขี้เซาเจ้าค่ะ) และหลังจากนั้นนานพอสมควรงินก็ถอนริมฝีปากออกและงินก็เพิ่งจะตั้งสติได้
‘ท่ะ ทำอะไรลงไปฟร๊ะเนี่ย...แต่ก็ดีแล้วแหละ ที่จูบแรกของยัยนี่ไม่ได้เป็นของใคร...’ งินคิดในใจแล้วหันมามองหน้าเธออีกครั้งนึ่งและหลังจากนั้นก็เอาเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากที่เข้าไปสักพักนึ่งรันงิคุที่นอนอยู่บนเตียงก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที (รู้สึกตัวช้าไปแระเจ๊ - -*) รันงิคุที่ตื่นขึ้นมาก็มองว้าบมองขวาทันที
“ท่ะ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” รันงิคุบ่นเบาๆก่อนที่จะก้มลงไปมองกระดาษที่วางอยู่ที่พื้นและรันงิคุก็รีบลงจากเตียงแล้วนั่งลงที่พื้นในทันที
“ของเรานี่นา นี่สำนักงานเหรอ” รันงิคุบ่นพลางไปรอบๆแต่ก็ยังแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่าที่นี่เป็นห้องของใครรันงิคุจึงค่อยๆขึ้นยืนแล้วเริ่มเดินไปเปิดประตูหน้าห้อง
“สำนักงานจริงด้วยสิ” รันงิคุพูดพลางมองไปรอบที่มืดมากมีพลางห้องข้างๆสองห้องและห้องของตัวเองเท่านั้นที่เปิดไฟสว่างอยู่แต่รันงิคุก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วจึงกลับเข้ามาในห้องและทำท่าคลุ้นคิดเล็กน้อย
“จริงสิ โมโมะอยู่ไหนล่ะเนี่ย?” รันงิคุพูดพลางมองไปรอบๆและรันงิคุก็ไปสะดุดตากับตู้เสื้อผ้าที่คงมีเสื้อผ้าอยู่เต็มรันงิคุจึงเดินเข้าไปก่อนที่ค่อยๆใช้มือจับบานประตูก็มีคนเดินออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ฝั่งขวามือของตู้
“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของเด็กหนุ่มทำให้รันงิคุถึงสะดุ้งเฮือกและรีบกระโดดออกจากตู้ทันทีและเมื่อรันงิคุเห็นเด็กหนุมที่ถือสบู่อาบน้ำยี่ห้อดีขวดสีขาวร่างช่วงบนเปลือกแต่ด้านล่างมีผ้าปิด
“นาย!” รันงิคุพูดพลางชี้หน้างินอย่างตกและงินก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะพูดว่า
“คับผมเอง” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้ววางขันลงที่ชั้นวางของที่อยู่ฝั่งซ้ายของประตูแล้วรันงิคุก็ก้มลงมามองเสื้อผ้าของตังเอง ก็ต้องโล่งใจเมื่อเสื้อผ้าของเธอยังเป็นชุดเดิม
“ชั้นมานอนอยู่ห้องนายได้ไง?! ถ้าตอบกวนชั้นตบหันแน่!” รันงิคุพูพลางทำหน้าโหดๆและงินก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วดันตัวเธอให้ถอยจากต้เสื้อก่อนที่จะเปิดตู้เสื้อออกอย่างสบายอารมณ์ส่วนรันงิคุก็กัดฟันตัวเองอย่างโมโหและพูดว่า
“ตอบชั้นมาเดี๋ยวนี้เลย ไอ้หน้าจืด” รันงิคุพูดพลางกระทืบเท้าเบาๆและงินก็หันมาพูดอย่างกวนๆว่า
“แหม~ก็เล่นหลับซะตลอดทางเลยนี่นา แล้วห้องนอนมันก็มีแค่นี้ ผมก็เลยอาสาพาคุณมานอนห้องเดียวกับผมซะเลย” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและรันงิคุก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้างินทันที
“งั้นก็แสดงว่าโมโมะ....อยู่กับ....น้องนาย” รันงิคุพูดพลางทำท่าทางอ้าปากค้างและเมื่องินพบักหน้ารันงิคุก็เปิดประตูออกไปทันทีและรันงิคุก็พุ้งที่ห้องข้างๆที่มีตัวหนังสือเขียนว่า “ToShiRo” รันงิคุก็พุ้งเข้าไปในทันทีและเมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นโมโมะนั่งอ่านนิตยสารอยู่บนเตียงส่วนโทชีโร่หนังอ่านการ์ตูนอยู่ที่พื้น
“พี่ร่ะ....” โทชีโร่ยังไม่ทักได้ทักอะไรรันงิคุก็เดินเข้ามากระชากปกเสื้อโทชีโร่ขึ้นทันที
“ถ้านายแตะต้องน้องสาวชั้นแม้แต่ปลายเล็บละก็......ตาย!” รันงิคุพูดจบก็มองโทชีโร่ด้วยสายตาที่ดุดันขึ้นมาในทันที
“เอ่อ...เอ่อ...ข่ะ ข่ะ...คับ” โทชีโร่พูดเบาๆเพราะยังมีความงงอยู่ไม่ใช่น้อยและโมโมะที่นั่งอยู่เตียงก็ยิ้มเจื่อนๆ
“ดังๆ!” รันงิคุตะคอกขึ้นอีกครั้งและโทชีโร่ก็รีบเอามือมาชนที่หน้าผากเหมือนทหารแล้วรีบรับคำในทันที
“คับ!ๆๆ จะไม่แตะต้องแม้แต่ปลายก้อยเลยคับ” โทชีโร่พูดจบรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะโยนโทชีโร่ลงและก้นของโทชีโร่ก็กระทบกับพื้นอย่างแรง
“แค่กๆ” โทชีโร่ไอออกมาพร้อมกับเอามือจับที่คอเบาๆและคิดในใจว่า
‘ผ่ะ ผู้หญิงอะไรฟร๊ะเนี่ย โหดชิบเลย’ โทชีโร่คิดแล้วก็ไอและเหล่มองรันงิคุไปพลางและรันงิคุหันไปมองโมโมะแล้วพูดว่า
“เราก็ด้วย!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและโมโมะรับพยักหน้าทันทีและรันงิคุก็หันไปมองโทชีโร่อีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไปและโทชีโร่ก็ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ และทำหน้าเหมือนจะกลัวเล็กน้อย
“น่ะ น่ากลัวชำมัดเลย” โทชีโร่พลางเอามือลูบที่ก้นเบาๆและโมโมะก็หัวเราะเบาๆก่อนที่จะพูดว่า
“พี่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชั้นถึงได้รักพี่เขาไง” โมโมะพูดพลางมองลงที่หนังสืออย่างช้าๆและยิ้มออกมาอย่างสดใสและอยู่ๆโทชีโร่ก็ถามขึ้นว่า
“เธอน่ะ วันนี้ไม่เล่นคอมรึไง ปกติจะเล่นทุกวันไม่ใช่เหรอ” โทชีโร่ถามพลางหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาเปิดหน้าที่อ่านทิ้งไว้
“ไม่อ่ะจ๊ะ ว่าแต่รู้ได้ไงว่าชั้นเล่นทุกวัน” โมโมะถามอย่างงงๆและโทชีโร่ก็สะดุ้งเฮือกก่อนที่จะค่อยๆหันไปแล้วทำสายตาโหดก่อนที่จะพูดว่า
“ทำไมเล่า” โทชีโร่พูดจบโมโมะก็หัวเราะออกมาเบาๆและโทชีโร่ก็เขินไปเลยทีเดียวส่วนโมโมะก็คิดขึ้นในใจว่า
‘โทชีโร่คุงดูเย็นชาก็จริงหรอกนะ แต่พอได้มารู้จักกันแล้วโทชีโร่คุงดูเหมือนเด็กจริงๆนั้นแหละ’ โมโมะคิดในใจและหน้าแดงนิดๆอมยิ้มหน่อยๆ
“ชั้นนอนก่อนนะเธออ่านจบก็ปิดไฟกับแอร์ด้วยแล้วกัน” โทชีโร่พูดจบก็ล้มัวลงนอนบนผ้าที่ปูไว้ทันที
“โทชีโร่คุง.....ช่ะ ชั้นนอนข้างล่างก็ได้นะ” โมโมะพูดด้วยควาเกรงใจแต่โทชีโร่ก็หันมาทำหน้าไม่สบอารมณ์
“ชั้นไม่เหมือนพี่นะ” โทชีโร่พูดจบก็เอาผ้าห่มคลุมโปงทันทีและโมโมะก็ยิ้มบางๆและอ่านหนังสือต่อ
และงินกับรันงิคุในตอนนี้
“คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง ตาก็ตี่ หน้าก็จืด นิสัยก็เสีย กวนประสาทอีกตะหาก” รันงิคุและตอนนี้ก็หงุดหงิดอย่างมากและงินที่ท่อนบนเปลือกก็ยังเป็นเช่นเดิม
“ยังไงเธอก็ยืนอยู่ใกล้กับตะกร้าผ้า ฝากโยนลงกะตร้าทีสิ” งินพูดจบก็เอาผ้าสีขาวที่ปิดช่วงล่างอยู่ถอนออกแล้วโยนใส่รันงิคุทันทีและงินก็หันไปหยิบเสื้อผ้าและรันงิคุก็เบิงตากว้างเอาปิดปาก แล้วหันหลังไปทันที....
“กรี๊ดดดดดด” รันงิคุกรี๊ดออกมาทันทีส่วนงินที่เริ่มชินกับเสียงกรี๊ดของเธอก็ไม่ได้เอามือปิดหูแต่อย่างใดและทั้งเร็ตสึ จูชีโร่ โทชีโร่ที่กำลังจะหลับ โมโมะที่นั่งอ่านหนังสือก็พากันหมดไปฝั่งที่เป็นกำแพงกั้นกันหมดและเร็ตสึที่กำลังดูงานอยู่ก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า
“ชั้นหวังว่าสองคนนี้จะเข้ากันได้ดีสักวันนึ่งนะ” เร็ตสึพูดพลางยิ้มเจื่อนๆและจูชีโร่ก็หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่าๆ ท่าทางจะเกลียดงินคุงมากๆเลยนะ คงเหมือนตอนั้นแหละ เธอเองก็เกลียดชั้นเข้าไสเลยไม่ใช่เหรอ?” จูชีโร่พูดจบ
ก็ยิ้มให้เร็ตสึที่นั่งหันหลังอยู่ส่วนเร็ตสึก็หน้าแดงเล็กน้อย ตัดกลับไปที่รันงิคุ
“ไอบ้า ไอวิปริต ไอ...” รันงิคุยังไม่ทันได้พูดด่าต่อเสียงของทีวีก็ดังขึ้นราวกับตอบโต้รันงิคุว่า
(เธอนั่นแหละ วิปริต!!) เมื่อเสียงของชายหนุ่มในทีวีสิ้นสุดลงรันงิคุก็หันควับไปมองทีวีทันทีมองอยู่ครู่นึ่งและหันกลับมาพูดต่อว่า
“คิดว่าหล่อนักรึไง! หน้าก็จืด ตาก็ตี่ นิสัยก็เสีย....” รันงิคุที่กำลังอ้าปากพูดคำต่อไปก็ถูกเสียงของทีวีตัดขึ้นอีกครั้งว่า
(แล้วเธอล่ะ! ดีนักเหรอ สีผมก็แปลก ตาก็อย่างกะไข่ห่าน แล้วอีกอย่างนะ....ดำ!) รันงิคุต้องหันควับไปเพราะเสียงของทีวีอีกครั้งและรันงิคุก็เห็นภาพของชายหนุ่มที่ทำท่าทางกวนๆกำลังยืนเถียงกับเด็กสาวอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกันกับทั้งคู่ในตอนนี้ รันงิคุก็รอจนเสียงของทีวีเริ่มเข้าสู่ความเงียบจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“นายจำไว้เลยนะ ชั้นเกลียดนาย เกลียดๆๆๆๆ เกลียดที่สุดเลย!!” รันงิคุพูดจบเสียงของเด็กหนุ่มในทีวีก็ตะคอกขึ้นอีกครั้งว่า
(ชั้นก็เกลียดเธอเหมือนกันแหละหน้าตาแบบนี้มีแฟนต้องโดนทิ้ง ชัวร์!/นายเองก็เหมือนกันนั่นแหละ หน้าตาก็อย่างกับประจวดแล้ว...) เสียงของเด็กสาวยังไม่ทันสิ้นสุดลงรันงิคุก็เดินบนเตียงแล้วค้ารีโมทมาจากมือของงินแล้วกดปิดไปในทันทีและงินก็ยิ้มอย่างกวนๆก่อนที่จะพูดว่า
“เป็นชุดเล่นเอาซะผมไปไม่เป็นเลยนะเนี่ย” (หรา~) งินพูดพลางเอามือเกาศีรษะก่อนที่จะลุกขึ้นมาและรันงิคุก็ยืนนิ่งๆทำท่าทางไม่สบอารมร์ถึงขั้นโมโห
“ตอนที่หลับอยู่น่ะ รู้สึกอะไรที่ปากมั้งรึป่าว” งินเปลี่ยนเรื่องไปพลางเอามือแตะที่ริมฝีปากตัวเองและรันงิคุก็ทำท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
“อ่ะ อะไรของนาย” รันงิคุพูดพลางเอามือกอดอกแล้วงินก็ยิ้มบางๆก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งยองๆลงเปิดลิ้นชักที่มีซองใส่ยาอยู่มากมาย
“นาย...มีโรคประจำตัวเหรอ” อารมณ์ของรันงิคุเริ่มเย็นลงแล้วในตอนนี้ส่วนงินก็มองไปที่ยาก่อนที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ป่าวหรอก นี่มันเป็นยาลดไข้สำหรับเด็กหวานดีนะ ชั้นชอบน่ะก็เลยเอาเก็บไว้กินเล่นแล้วก็บำรุงสุขภาพด้วย” งินพูดจบก็เอาเล็บดันยาออกมาจากซองแล้วเอาใส่ปากไปเสร็จแล้วก็เอาใส่เข้าปากอย่างสบายอารมณ์และรันงิคุก็มองด้วยสายตาที่แปลกๆเล็กน้อย ในตอนนี้รันงิคุลืมเรื่องที่ตนเองโมโหไปจนหมดสิ้น
“ลองกินมั้ยล่ะ” งินพูดจบก็ยื่นแผงยาให้รันงิคุที่ยืนอยู่
“ไม่เอา...ชั้นกินยาแล้วหลับทุกที” รันงิคุพูดจบก็ดันมืองินกลับเบาๆและงินก็เอายาเก็บใส่ลิ้นชักไปและเริ่มใช้ฟันเคี้ยวเบาๆ
“อร่อยเหรอ?” รันงิคุถา มอย่างงงๆและงินก็พยักหน้าก่อนที่จะถามย้ำอีกครั้งว่า
“กินรึป่าวคับมีเยอะเลย” งินพูดจบรันงิคุก็ส่ายหัวทันทีและเธอก็ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ที่แล้วแกว่งเอนหลังลงไปเล็กน้อยและเอามือแตะที่ริมฝีปากเบาๆ
‘ก่อนหน้านี้รู้สึกอุ่นๆที่ปากยังไงไม่รู้สิ แต่ยังชุ่มชื่นอีกตะหาก และมันสะลืมสะลือก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร...’ รันนงิคุคิดในใจแล้วงินที่ลุกขึ้นมาก็มองเธออยู่พักนึ่ง และหันหน้าหนีเธอก่อนที่จะเอามือแตะที่ริมฝีปากเบาๆเช่นเดียวกับรันงิคุ
‘จูบมานับไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกแปลกๆแฮะ ทำไมมันรู้สึก.....อยากทำมากกว่าจูบกัน’ งินพูดจบก็เดินเข้าไปที่เตียงแล้วเอาผ้าห่มลงมาหนึ่งผืน
“นายจะนอนพื้นเหรอ” รันงิคุถามอย่างงงๆและงินก็พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“ผ้าห่มอีกผืนอยู่บนเตียงด้านบน ปีนไปหยิบเอาเองนะ” งินพูดจบก็ล้มตัวงลงนอนทันทีและรันงิคุก็เดินเข้ามาแล้วค่อยๆข้ามตัวงินไปแล้วค่อยๆยืนขึ้นบนเตียงแล้วเอาศีรษะออกมาโดยเอามือข้างนึ่งจับไว้แล้วคว้าผ้าห่มลงมาจากเตียงชั้นสองที่มีของวางอยู่เต็มไปหมด
“งิน...ชั้นไม่อยากเอาเปรียบนายนะ” รันงิคุพูดพลางนั่งลงที่บนเตียงและงินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ท่าอย่างงั้น...คืนนี้สนใจมาร่วมสนุกกับผมมั้ยล่ะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์และรันงิคุก็กัดฟันก่อนที่จะใช้เท้าเตะหลังงินเข้าไปเต็ม
“ชั้นอุส่าเป็นห่วงนายนะ ไอหน้าจืด” รันงิคุพูดจบก็ถอยหลังลงไปจนอยู่กลางและงินก็ยิ้มบางๆเมื่อเห็นใบหน้าของเธอที่ทำหน้ามุ้ยๆ และงินก็มองอยุ่ครู่นึ่งและก่อนที่จะลุกขึ้นมาแล้วข้อมือเธอทั้งสองข้างและออกแรงกดตัวเธอให้นอนลงตัวเองก็คร่อมอยู่ด้านบน
“นายจะทำอะไรห๊ะ?! ปไล่อยเดี๋ยวนะเลย” รันงิคุตะคอกขึ้นทันทีและงินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า
“ตอนนี้...ตีหนึ่งยี่สิบดึกแล้วด้วยสิ ทำอะไรดีน้า~~ ยิ่งอยู่ท่านี้ด้วย” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและรันงิคุพยายามดันข้อมือตัวเองออกมาแต่แรงของเธอก็ไม่สามารถสู้แรงของงินได้เลยแม้แต่น้อย เพราะว่างินใช้แรงกดอย่างเต็มที่
“ปล่อยชั้นนะ ไอวิปริต!” รันงิคุพูดจบงินก็เปลี่ยนมาทำหน้านิ่งๆและค่อยๆยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“ปากแบบนี้จูบซะดีมั้ยน้า~” งินพูดจบรันงิคุพยายามใช้เท้าถีบแต่ก็ยังไม่สามารถสู้แรงงินได้เช่นเดิมและงินเริ่มหายใจลดต้นคอเธอเบาๆ
‘อุ่น..จัง....ลมหายใจเจ้านี่...อุ่นจริงๆ แถมใจยัง...รู้สึกเขินๆด้วย...แต่ว่ายังไงก็....ไม่มีทางหรอก!!’ รันงิคุคิดหลางหันหน้าหลบทำเหมือนรังเกลียดก่อนที่จะพูดว่า
“ชั้นเกลียดนาย รู้ไว้ด้วย” รันงิคุพูดจบก็หันหน้าหลบงินอย่างรังเกลียดแต่งินก็ไม่ยอมลุกไป และงินก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาว่า
“เกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ?” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังก่อนที่เปิดดวงาสีมรกตขึ้นมาทำให้รันงิคุหน้าแดงเล็กน้อย
“ใช่!” รันงิคุกัดฟันพูดไปแม้ว่าในใจจะร้สึกแปลกๆก็ตามและงินก็ค่อยๆปล่อยเธออย่างช้าๆรันงิคุก็ลุกขึ้นมาผัลกงินออกอย่างสุดแรงจนงินก็ถอยหลังไป
“นายลงไปเลยไป” รันงิคุตะคอกขึ้นแล้วงินก็ลงไปนั่งที่เดิมโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่น้อยและรันงิคุก็นั่งกอดหมอนมองงินอย่างระแวงจนกระทั่งหลับไปและงินที่เห็นเธอหลับไปแล้วจึงค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วดึงหมอนออกจากมือของเธอแล้วค่อยๆจับให้ตัวของเธอนอนลงเบาๆเพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวและงินก็มองหน้าเธออยู่ครู่นึ่งก่อนที่จะ....แอบจูบที่ริมฝีปากอีกเป็นครั้งที่ 2!!! แต่งินก็ลุกออกไปแล้วนอนลงด้านล่าง
เช้าวันต่อมา รันงิคุตื่นขึ้นมาก่อนงินแต่เธอไม่คิดที่จะปลุกงินแม้แต่น้อยเพราะว่าวันนี้มันเป็นวันอาทิตย์ รันงิคุที่ตื่นมาก็อาบน้ำเป็นอย่างแรงและเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ไปนั่งบนโต๊ะหลังจากที่เอาสมุดเล่มเล็กๆออกมาจากกระเป๋า และรันงิคุก็หันเก้าปไมองหน้างินที่หลับอยู่ตอนนี้ ก็ตอนหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่างินเอาแขนข้นมาปิดศีรษะไว้ แล้วตาที่หลับพริ้มทำให้ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนตาตี่ ผ้าห่มที่คลุมอยู่ลดระดับลงมาจากหน้าอกเล็กน้อยและเมื่อรันงิคุเห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ๆก่อน
ที่จะจับผ้าสีขาวขึ้นมาคลุมช่วงหน้าอกแล้วมองหน้างินสักพักก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วคิดในใจว่า
‘เจ้าหมอนี่ ดูดีๆก็หล่อดีเหมือนกันนี่นา.................ข่ะ คิดอะไรเนี่ยเรา’ รันงิคุปฎิเสธควาคิดของตัวพลางเดินไปที่กระเป๋าแล้วเอาสมุดวาดรูปออกมานึ่งเล่มแล้วเมื่อเปิดมาที่ด้านในก็เห็นว่าเป็นรูปของลูสุนัขที่กำลังกินนมแม่และแม่สุนัขที่กำลังเลียขนให้ลูกอย่างอบอุ่นและเมื่อรันงิคุพลิกไปจนถึงหน้าว่างก็เอาดินสอขึ้นแล้วลากเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆงินก่อนที่จะเล่มขีดเส้นบางๆและรันงิคุก็มองหน้างินพลางเอามือวาดรูปลงสมุดอย่างคล้องและบางครั้งก็ต้องเอายางลบขึ้นมาบาง
“ย่ะ อย่าเพิ่งตื่นนะ” รันงิคุพูดพลางยิ้มบางๆก่อนที่จะค่อยๆลงมานั่งยองๆลงพื้นแล้วค่อยจับแขนของงินลงเอามาวางไว้บนกน้าอกของเขาอย่างช้าๆและรันงิคุก็ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ต่อและเริ่มวาดรูปต่อจนเสร็จซึ่ง รับประทานเวลาไป 2 ชั่วโมงเต็มๆ และตอนนี้เป็นเวลา 9 โมงครึ่งและทันทีที่วาดเสร็จรันงิคุก็แปลกใจกับตนเองทันทีและคิดในใจว่า ‘นี่เราจะวาดรูปเจ้านี่ลงไปทำไมเนี่ย...........เราเป็นอะไรไป....ทำไมรู้สึกเขินๆ ไอ่วิปริตนี่’ รันงิคุคิดในใจพลางลากเกาอี้ไปไว้ที่โต๊ะเช่นเดิมและรันงิคุก็คิดว่างินคงยังไม่ตื่นขึ้นมาจึงว่าสมุดทั้งสองเล่มทิ้งเอาไว้แล้วเดินออกไปนอกห้องเพื่อไปกินน้ำ แล้วเมื่อออกมาก็เห็นโทชีโร่กำลังยืนกินนมอยู่หน้าตู้เย็น
“อ้าว! อรุณสวัสดิ์จ๊ะ โทชีโร่” รันงิคุทักขึ้นโทชีโร่ส่วนโทชีโร่ก็ถึงกับสำลักเลยทีเดียว
“เอ่อ....อ่ะ อรุณสวัสดิ์คับ” โทชีโร่ทักพลางยิ้มเจื่อนๆและรันงิคุก็เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยื่นมือไปหยิบน้ำมาขวดนึ่ง
“พี่นายเนี่ยตื่นสายจังนะ นี่ก็เก้าโมงครึ่งแล้ว” รันงิคุก็พูดจบก็เอาหลอดดูดน้ำขึ้นมาส่วนโทชีโร่ก็เอามือเช็คปากแล้วเก็ยขวดน้ำเข้าไปในตู้เย็นแล้วพูดว่า
“พี่รันงิคุน่ะ ระวังถูกพี่เขาแอบจูบเข้าล่ะ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนรันงิคุก็หันมามองโทชีโร่ทันที
“อ่ะ แอบจูบเหรอ?” รันงิคุพูดจบก็ทำหน้างงๆและโทชีโร่ก็พยักหน้ารับพลางพูดต่อว่า
“อย่าลืมสิฮะ ว่าพี่เขาเป็นเพลย์บอยน่ะ” โทชีโร่พูดจบโมโมะก็เดินเข้ามาจากห้องพลางเขามือขยี้ตา
“อรุณสวัสดิ์ค่า~หาว~” โมโมะทักจบก็หาวออกมาทันทีและรันงิคุก็นิ่งเงียบไปก่อนที่จะเอามือแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ
“โทชีโร่คุง ตื่นเช้าจัง” โมโมะพูดขึ้นแล้วบีบขี้เกียจเบาๆและโทชีโร่ก็ทำท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ก็เธอนั่นแหละ นอนดิ้นตกเตียงมาทับชั้นตื่นเนี่ย” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์และโมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆและเอามือหัวเบาๆ
“แหม~ ก็ชั้นนอนดิ้นนี่นา แหะๆ โทษทีน้า~” โทชีโร่ก็ถึงกับหน้าแดงเมื่อเห็นใบหน้าของเธอที่ดู....ปัญญาอ่อนและน่ารัก ในคราวเดียวกัน
“เธอรีบๆไปอาบน้ำเถอะน่า ถ้าคุณเร็ตสึตื่นมารับรองว่างานท้วมแน่” โทชีโร่พูดจบก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อจะไม่เตรียมรถของตัวเอง (ซึ่งจะทำแบบนี้มาทุกๆวัน)
“พี่รัน ชั้นอาบน้ำก่อน้า~” โมโมะพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องและตอนนี้รันงิคุก็อยู่คนเดียวได้แต่ยืนนิ่งและเอามือแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างเดียว
‘จะว่าไปตอนที่ตื่นมาเมื่อคืนรู้สึกชุ่มๆที่ปากด้วย หรือว่าเจ้านั่นจะแอบจูบเราจริงๆ บ่ะ บ้าน่า ม่ะ ไม่หรอก.....มั้ง’ รันงิคุคิดในและหลังจากนั้นก็เปิดประตูเข้ามาในห้องและภาพที่เห็นในตอนนี้คือภาพที่น่าโมโหอย่างมากนั่นคือ งินกำลังเปิดสมุดวาดภาพของเธอดูแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และเมื่อรันงิคุเดินเข้ามาก็กระชากสมุดเล่มใหญ่คืนในทันที
“ใครให้นายเปิดดูมิทราบ ไอหน้าจืด!!” รันงิคุตะคอกดังลั่นส่วนงินก็หัวเราะเบาๆและยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์และไม่พูดอะไร
“อ่ะ อะไรของนาย?!” รันงิคุตะคอกถามอย่างใส่อารมณ์และส่วนงินก็เอามือเกาศีรษะก่อนที่จะพูดว่า
“ชอบผมล่ะสิ ถึงได้แอบวาดตอนผมหลับน่ะ~” งินพูดลากเสียงและรันงิคุก็หน้าแดงเล็กน้อยและเถียงกลับไปว่า
“ชั้นว่างๆเลยว่างเรื่อยเปื่อยมีอะไรมั้ย?!” รันงิคุตะคอดเช่นเดิมแต่ใบหน้เนี่ยสิ แดงจนเป็นลูกมะเขือแล้ว
“คับๆ......แล้วที่หน้าสุดท้ายน่ะที่เป็นรูปผู้หญิงที่วาดไม่เสร็จน่ะ วาดใครเหรอ?” งินถามขึ้นรันงิคุก็งงเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดดูสมุดของตัวเองในหน้าสุดท้าย
“....ชั้นนึกหน้าของแม่เท่าไหร่.....ก็นึกไม่ออกเลยน่ะ.....” รันงิคุพูดจบก็ปิดและทำหน้าเศร้าๆ และน้ำเสียงก็กลายเป็นน้ำเสียงที่เศร้าไปซะเฉยๆ
“ชั้นอาบนน้ำก่อนนะ” งินพูดจบก็กำลังจะเดินผ่านตัวรันงิคุไปและเธอก็สงสัยเห็นลอยแผลเป็นที่ใหญ่พอสมควรที่ตรงกลางหน้าอกซึ่งเมื่อวานนี้เธอไม่ทันได้สังเกตเห็น และอยู่ๆรันงิคุก็เดินเข้าไปแล้วมองแผลนั้นอย่างตกใจเล็กน้อยส่วนงินก็ทำหน้างงๆ
“โดนอะไรมา” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและงินก็มองลงมาที่หน้าอกตัวเองก่อนที่จะเอาเสื้อปิดไว้แล้วพูดว่า
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ไม่ต้องใส่ใจหรอก” งินพูดจบก็กำลังจะเดินต่อไปแต่ว่ารันงิคุกลับจับตัวของงินให้มาอยู่ตรงหน้าแล้วจับเสื้องินเปิดออกเล็กน้อยและเผยให้เห็นลอยแผลที่เป็นลอยนูนขึ้นมาและอยู่ๆรันงิคุยื่นมือไปลูบแผลนั่นเบาๆและงินก็สะดุ้งเล็กน้อย
“รอยแส้สินะ” รันงิคุก็จบงินรีบจับมือของเธอลงแล้วเอาเสื้อปิดรอยแผลไปพลางเหล่มองรันงิคุที่ทำสายาตเหมือนจะหวาดกลัวเล็กน้อยจึงถามขึ้นว่า
“รังเกลียดสินะคับ แผลนี้ไม่ว่าใครเห็นก็รังเกลียดกันทั้งนั้น จริงด้วยสินะเธอเกลียดชั้นซะขนาดนั้น ฮ่าๆ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางหัวเราะเบาๆ
“ไม่ ไม่รังเกลียดเลยสักนิดเดียว แต่คิดว่า..........คงเจ็บมากเลยสินะ”
อย่าลืมเม้นนะคะ เหนื่อยมากๆๆๆๆๆ ไรเตอร์เป็นหวัดอ่า~~อากาสเปลี่ยนแปลงบ่อย เหอๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตก เหอๆ
ใครที่คิดว่าในเรื่อง คุโรซึจิ เนม เป็นคนเงียบๆและเรียบร้อยคุณคิด...ผิดแล้วค่ะ
ถ้าอยากเห็น คุโรซึจิ เนม ตัวจริงเสียงจริงในเรื่อง ก็เพิ่มอีก 10 คอมเม้นน่อ~~~ฮ่ะๆๆ (อันนี้ล้อเล่นจ๊ะ)
ความคิดเห็น