คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8 : Relocation.
Chapter 8 : Relocation.
“จริงด้วยสิ เธอคนนั้นไม่กลับมาอีกเลยนี่นา...............ค่ะตกลง...................นับตั้งแต่วันนี้ชั้นขอรับรันงิคุจังกับโมโมะจังไว้นะคะ” เร็ตสึพูดพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วชายหนุ่มพูดพยักหน้ารับแล้วพูดว่า
“ห้ามลืมข้อตกลงอย่างเด็ดขาดล่ะ เร็ตสึ จูชีโร่” ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มที่มุมปากบางๆแล้วเร็ตสึก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
“ขอบคุณมากๆค่ะ ที่เชื่อใจพวกเรา” เร็ตสึพูดจบก็เดินไปเปิดประตูแล้วจูชีโร่ก็เดินตามไปและชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างสบายใจ
‘สุดท้ายทั้ง 2 คนก็ต้องจากไปสักวันนึ่งสินะ’ ชายหนุ่มพูดจบก็พิงหมอนที่วางตั้งอยู่ด้านหลังอย่างโล่งอก
และด้านนอกในตอนนี้
“หึ! พ่อชั้นไม่มีทางให้ชั้นเข้าวงการแน่นอน เชื่อได้เลย” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วแสยะยิ้มใส่งินที่ยืนอย่างสบายอารมณ์
“ถึงพ่อเธอไม่ให้เข้าแต่เธอก็ไปถ่ายแบบมาแล้วนิ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆแล้วรันงิคุก็กัดฟันแล้วเร็ตสึกับจูชีโร่กเดินออกมาแล้วพูดว่า
“พ่อเธออนุญาตจ๊ะ รันงิคุจัง โมโมะจัง” ทันทีที่เร็ตสึพูดจบรันงิคุก็ถึงกับหน้าเสียแล้วโมโมะก็ทำหน้างงๆแล้วชี้มาที่ตัวเองพลางพูดว่า
“น่ะ น่ะ น่ะ หนู ด่ะ ด้วย ร่ะ เหรอ” โมโมะตะกุกตะกักเพราะความตกใจแล้วเร็ตสึพูดยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
“จ๊ะ ดูๆดีเธอก็น่ารัก แถมเป็นเด็กรู้งาน ชั้นก็เลยขอเธอมาจากพ่อด้วย” เร็ตสึพูดแล้วยิ้มให้โมโมะและโมโมะก็ถึงกับอึ้งแล้วโทชีโร่ก็อมยิ้มบางแต่งินก็ปล่อยหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆๆๆ ไหนว่าพ่อหวงนักหวงหนา ไหง๋เข้าไปไม่ถึงชั่วโมงแล้วอนุญาตง่ายๆแบบนี้เล่า ฮ่าๆๆ” งินพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างสะใจรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วเดินเข้าไปในห้องโดยที่ทิ้งโมโมะที่กำลังอึ้งจนพูดไม่ออกไว้หน้าห้อง
“ทำไมยอมเขาง่ายๆแบบนี้ล่ะ แถมต้องเจอไอหน้าประจวดนี่ทุกๆวัน หนูไม่เอาด้วยหรอก” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์อย่างมากแล้วพ่อของเธอก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ส่วนงินที่อยู่หน้าห้องก็ยังปล่อยหัวเราะไปด้วยความสะใจอยู่และเสียงก็ยังลั่นเช่นเดิม
“ก็แหม~ โอกาสดีๆแบบนี้มาทั้งที~ เรื่องอะไรพ่อจะปล่อยให้หลุดลอยไปเล่า~~” ชายหนุ่มพูดลากเสียงแล้วแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วรันงิคุก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมา
“แต่พ่อ!” รันงิคุเริ่มตะคอกแล้วเมื่อได้ยินเสียงงินที่หัวเราะอยู่หน้าห้องก็หันไปตะหวาดดังยิ่งกว่าเดิม
“เฮ้ย! เงียบไปยังห๊ะ?! ไอประจวด ถ้าไม่เงียบชั้นจะเดินตบปากแกเดี๋ยวนี่เลย!” รันงิคุตะคอกดังลั่นแล้วงินก็เอามือมาปิดปากแล้วยังทำเป็นอมยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่
“เอาน่ารันงิคุ ไปเถอะไม่ต้องห่วงพ่อหรอก ถือว่าทำเพื่อพ่อก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มพูดพลางลูบศีรษะรันงิคุเบาๆส่วนรันงิคุก็ยอมพยักหน้าและโมโมะที่นั่งอยู่ด้านนอกก็ยังนั่งอึ้งนิ่งอยู่เช่นเดิม จนโทชีโร่พูดขึ้นว่า
“นี่เธอ ไปหาพ่อสิ เดี่ยวเธอเก็บข้าวของแล้วไปที่สำนักงานเลย” โทชีโร่พูดจบก็ลกขึ้นยืนทันทีแล้วโมดมะก็หลุดออกจากห้วงความคิดทันที
“เก็บของ...หมายความว่าไง...” โมโมะถามอย่างงงๆแล้วโทชีโร่ก็ถอนหายใจแล้วจูชีโร่ก็พูดเสริมพลางเอามือจับไหล่โทชีโร่ว่า
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละนะ พวกเธอต้องย้ายมาอยู่กับพวกเราด้วย ถ้าไม่อยากงั้นมันจะไม่สะดวกต่อการทำงานนะ” จูชีโร่พูดพลางยิ้มให้โมโมะอย่างอ่อนโยนแล้วโมโมะก็ถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที และรันงิคุหงุดหงิดอย่างมากออกที่จะเดินออกมารันงิคุก็ผลักงินจนเซไปชนประตูแล้วเดินไปทันที
“ท่าทางจะโมโหหนักเลยนะคับเนี่ย” โทชีโร่พูดขึ้นแล้วงินแสยะยิ้มอย่างกวนๆแล้วมองตตามรันงิคุไปแล้วโมโมะก็วิ่งตามทันที
“พี่รัน!” โมโมะเรียกรันงิคุให้หยุดแต่รันงิคุก็เข้าไปในลิฟซะก่อน และโมโมะที่วิ่งตามไปไม่ทันก็ต้องมองซ้ายมองขวาแล้วลงบันไดไป
“พวกเราก็ได้กันเถอะจ๊ะ นี่งินคุง โทชีโร่คุง เดี๋ยวฝากไปส่งรันงิคุจังกับโมโมะจังที่สำนักงานด้วยนะจ๊ะ” เร็ตสึพูดพลางลูบศีรษะโทชีโร่เบาๆแต่โทชีโร่ก็ให้มือปัดออกทันที แล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“แล้วจะไปไหนกัน 2 คน ไปหาที่เงียบห่างตาพวกผม แล้วจะไปอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ก็พูดเถอะ” โทชีโร่พูดเอามือลองศีรษะด้านหลังแล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วทั้ง 2 คนก็หน้าแดงกันทั้งคู่
“ใช่ที่ไหนเล่า มีงานจริงๆ” จูชีโร่พูดพลางยิ้มเจื่อนๆแล้วโทชีโร่ก็เหล่สายตาเหมือนบอกว่าไม่เชื่อ
“เชื่อก็ได้คับ ผมไปล่ะ” โทชีโร่พูดจบก็เดินไปทันทีแล้วงินก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆ
“ไปเดทกันให้สนุกนะคับ” งินพูดจบก็เดินตามโทชีโร่ไปทันทีแล้วเร็ตสึก็บ่นเบาๆ
“2 พี่น้องนี่กวนประสาทไม่มีที่สิ้นสุดเลยแฮะ” เร็ตสึพูดจบก็หันกลับเข้ามาในห้องแล้วพูดไปว่า
“ไว้ว่างๆพวกชั้นจะมาเยี่ยมนะคะ” เร็ตสึพูดจบก็เดินไปทันทีแล้วชายหนุ่มก็อมยิ้มบางๆแล้วคิดขึ้นมาในใจ
‘แบบนี้สิ มันน่าสนุก’ ชายหนุ่มคิดในใจแล้วหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่าน
และพวกรันงิคุที่ลงมาด้านล่างก่อน
“พี่รัน รอด้วยสิ” โมโมะตะโกนขึ้นพลางเรียกรันงิคุที่เดินอยู่หน้าโรงพยาบาลและรันงิคุก็หยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงของน้องสาวตัวเอง
“นี่พี่เอาจริงเหรอ” โมโมะถามขึ้นพลางมองหน้ารันงิคุไปด้วยส่วนรันงิคุก็กัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“อืม” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์โมโมะก็ทำหน้าเจื่อนๆแล้วอยู่ๆเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนก็มาขวางหน้าพวกเธอไว้
“โมโมะจังเดี๋ยวไปส่งมั้ย” งินพูดด้วยน้ำเสียทงี่เรียบๆแล้วโมโมะยิ้มเจื่อนๆแต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร
“ไม่ต้อง! น้องชั้น ชั้นดูแลได้” รันงิคุพูดจบก็มายืนขวางหน้าโมโมะก่อนที่จะหันหลังเดินต่อไปส่วนเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็หันมามองหน้ากัน แล้วทั้งสองคนก็ขับรถตามเด็กสาวไปอย่างช้าๆ
“บ้านเธอมันไกลน้า~~” งินพูดลากเสียงอย่างกวนๆรันงิคุเองกยังจับมือโมโมะเดินอยู่
“เดินขาลากไม่รู้ด้วยนะคับ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแต่รันงิคุก็ยังไม่หยุดเดินจนกระทั่งงินงัดไม้เด็ดออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกโทชีโร่ รันงิคุคงกลัวจะตกรถน่ะ” งินพูดจบรันงิคุที่เดินๆอยู่ก็หันกลัยมาทันทีแล้วโมโมะก็ทำหน้างงๆรันงิคุก็พูดขึ้นทันทีว่า
“นายว่าใครกลัว?!” รันงิคุพูดแล้วงินส่ายศีรษะอย่างกวนๆแล้วรันงิคุก็กัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์โมโมะก็ยิ่งทำหน้างงเข้าไปอีก
“โมโมะขึ้นรถ!” รันงิคุพูดจบก็ปล่อยมือโมโมะแล้วกำลังจะเดินไปซ้อนหลังงิน
“อ้าว ไม่เดินเองแล้วเหรอ” โมโมะถามอย่างงงๆแล้วรันงิคุก็พลางขึ้นไปนั่งบนรถว่า
“บอกให้ขึ้นก็ขึ้นเถอะน่า” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆโมโมะก็หันไปมองโทชีโร่ที่จอดรถอยู่ข้างๆส่วนโทชีโร่ก็มองหน้าเธอก่อนที่จะก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“เชิญ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่หวานๆอ่อนๆเล็กน้อยทำให้โมโมะต้องหน้าแดงแล้วค่อยๆขึ้นไปซ้อนหลังอย่างช้าๆส่วนรันงิคุก็หันมามองโทชีโร่แล้วพูดว่า
“นี่นายน่ะ!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้นมาโทชีโร่เงยหน้าขึ้นทันที
“คับ” โทชีโร่ขานรับด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆรันงิคุก็ทำหน้าโหดๆก่อนที่จะพูดว่า
“ถ้านายจับเนื้อต้องตัวโมโมะแม้แต่นิดเดียว....ตาย!” รันงิคุพูดจบโทชีโร่ก็ยิ้มเจื่อนๆ
“ข่ะ คับ ผ่ะ ผมจะพยายามคับ” โทชีโร่พูดจบรันงิคุก็พยักหน้าแล้วหันไปมองโมโมะด้วยสายตาที่เป็นห่วงเล็กน้อยส่วนงินก็เริ่มบีดเฮนรันงิคุก็หันไปพูดกับโมโมะ
“โมโมะจับโทชีโร่ไว้แน่นๆด้วย” รันงิคุพูดจบก็หันกลับไปโทชีโร่ก็ทำหน้าหน่ายๆและคิดขึ้นในใจทันที
‘ไหนเมื่อกี๊พี่แกบอกว่า ห้ามแตะเนื้อต้องตัวไงฟร๊ะ แล้วนี่มาให้จับเราแน่นๆงงกับพี่เขาจริงๆ’ โทชีโร่คิดในใจและถอนหายใจอย่างหน่ายๆและโมโมะที่อยู่ด้านหลังก็อมยิ้มนิดๆ และเมื่องินออกรถไปโมโมะก็ถึงกับอึ้งเพราะว่ารถที่ออกไปเมื่อครู่นี้มันเร็วมากซะจนมองตามแทบไม่ทัน
“น่ะ นี่ เอ่อคือ...ขอช้าๆ...ได้มั้ยคะ” โมโมะพลางเกาะหลังโทชีโร่แน่นส่วนโทชีโร่ก็ต้องยิ้มบางๆพลางพูดว่า
“อืม ได้สิ” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนก่อนที่จะออกรถด้วยความเร็วปกติ
ระหว่างทาง
“พี่รัน จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย” โมโมะเบาๆด้วยความเป็นห่วงโทชีโร่ก็หันมาทันทีที่เธอพูดจบ
“ป่ะ ป่าวๆๆ ไม่มีอะไรค่ะ ชั้นพูดลอยๆน่ะ” โมโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบส่วนโทชีโร่ที่ใส่หมวกกันน็อกปิดหน้าก็หันกลับไปด้านหน้าพลางพูดว่า
“พี่เขาเชื่อใจได้นะ” โทชีโร่พูดจบโมโมะก็เบิงตากว้างขึ้นมาทันที
ผมว่าพี่เขาเชื่อใจได้นะ อยู่ประโยคนี้ก็ลอยเข้ามาในหัวเธอทำให้เธอต้องเงียบแล้วทำท่าทางคุ้นคิดทันที
ส่วนงินกับรันงิคุ
งินที่ขับรถอยู่ก็มองไปด้านแล้วบีดเฮดรถเข้าไปอีกและรันงิคุก็เริ่มที่จะชินกับความเร็วแบบนี้ซะแล้ว
“แปลกแฮะ วันนี้ไม่ร้องเหมือนวันก่อนๆเลยนะ” งินพูดพลางแสยะยิ้มอย่างกวนๆรันงิคุก็ทำหน้าไม่อารมณ์
“ชั้นนั่งรถนายครั้งแรกรึไง” รันงิคุพูดพลางเอามือเบาะไว้แต่ก็ไม่ได้จับแน่นอะไรมากมาย
“ว้า~แบบนี้ก็แกล้งไม่สนุกแล้วสิ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆรันงิคุก็เชิดหน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์
จนกระทั่งจนถึงบ้าน
“รีบเก็บของซะนะ รออยู่ตรงนี้แหละ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางเอาขาตั้งมอร์เตอร์ไซค์ลงแล้วนั่งลงที่เบาะที่เอียงเล็กน้อยอย่างสบายอารมณ์แล้วรันงิคุก็เดินเข้าไปในบ้านและเอากุญแจบ้านไขแม่กุญแจก่อนที่จะเดินเข้าไปแล้วปิดประตูใส่หน้างินดังลั่น แล้วงินก็เอามือเอามือเกาศีรษะพลางแสยะยิ้ม
แล้วผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีรันงิคุยังคงอยู่ด้านบนและโทชีโร่ก็เพิ่งมาถึง
“พี่รันล่ะคะ” โมโมะถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆพลางเดินเข้ามาหางินส่วนโทชีโร่ก็กำลังถอดหมวกกันน็อกอยู่
“ขึ้นไปแล้วแหละ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆโมโมะก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยก็ที่เปิดประตูและเดินเข้าไปในบ้านแล้วโทชีโร่พิงรถมอร์เตอร์ไซค์พลางถอนหายใจเบาๆ งินก็มองโทชีโร่ด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์จนโทชีโร่สงสัย
“มีอะไรติดหน้าผม รึไงฮะพี่” โทชีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อยแล้วงินก็แสยะยิ้ม
“รู้สึกว่าจะมองโมโมะจังแปลกๆนะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์โทชีโร่เชิดหน้าใส่และหน้าแดงขึ้นมาทันที
และรันงิคุกับโมโมะที่อยู่ด้านบน
“นี่พี่รัน ท่าพวกเราไปแล้วใครจะมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อล่ะ” โมโมะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆและมือก็ยังหยิบของสำคัญใส่กระเป๋าอยู่
“นั่นสิ...แต่ว่ามาหาบ่อยๆคงได้นะ” รันงิคุพูดพลางเอามือหยิบของแล้วยิ้มให้โมโมะและตอนนี้มือของโมโมะก็เริ่มหยุดเก็บของแต่กลับหันไปกระดาษที่แลบออกมาจากลิ้นชัก แล้วเมื่อดึงออกมาก็ต้องเจอกับข้อสอบ 0!!! คะแนน โมโมะจึงหันไปยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วถามด้วย
“พี่รัน เคยสอบได้ 0 คะแนนด้วยเหรอ” โมโมะถามจบรันงิคุกสะดุ้งเล็กน้อยแล้วเมื่อหันมาเห็นโมโมะถือกระดาษอยู่ก็คว้ามาทันที
“เรื่องนี้เป็นความลับ ถ้าบอกพ่อเธอ ตาย!” รันงิคุพูดจบก็ฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้งไปทันทีแล้วโมโมะก็หัวเราะเบาๆก่อนที่จะเก็บของต่อ
หลังจากที่เก็บของเสร็จ ทั้งๆรันงิคุและโมโมะก็ถือกระเป๋าใบที่ใบไม่ใหญ่มากนักลงมา
“เร็วจังแฮะ” งินพูดจบก็ลุกขึ้นมาแล้วสวมหมวกกันน็อกแล้วนั่งรออยู่บนรถมอร์เตอร์ไซค์ผิดกับโทชีโร่ในตอนนี้ที่กำลังเอากระเป๋าของโมโมะวางลงที่ด้านหน้า
ของเบาะนั่ง แล้วโมโมะก็ยิ้มให้โทชีโร่บางๆพลางพูดว่า
“ขอบคุณนะ” เสียงใสๆของเธอทำให้โทชีโร่ต้องเงียบแล้วหน้าแดงเล็กน้อยแล้วโมโมะก็ยังคงยิ้มให้โทชีโร่อยู่แล้วรันงิคุก็ที่หันมาเห็นก็
“อะแฮ่ม!” รันงิคุทำเสียงราวกับไม่สบอารมณ์แล้วโทชีโร่ก็รีบลุกขึ้นมาแล้วเอาหมวกสวมที่ศีรษะทันทีแล้วรันงิคุก็หันมามองหน้าแล้วเดินไปโยนกระเป๋าใส่งิน
อย่างไม่สบอารมณ์มากถึงมากที่สุดแล้วงินก็แสยะยิ้มก่อนที่จะเอากระเป๋าวางลงที่หน้าด้านของเบาะนั่งพลางมองรันงิคุที่ในตอนนี้นั่งห้อยแขนไปฝั่งขวาของรถ
“พี่เสร็จรึยัง” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆหลังจากที่ถอยรถมาหน้าบ้านแล้วงินก็หันไปพยักหน้ารับแล้วขึ้นมานั่งคร่อมมอร์เตอร์ไซค์แล้วรันงิคุที่นั่งห้อยขาอยู่ก็ขยับขึ้นมานั่งเต็มก้นแล้วงินก็ค่อยๆถอยรถออกจากบ้านและรันงิคุเอามือจับประตูบ้านในระหว่างที่งินกำลังถอยรถและเมื่อประตูปิดลงรันงิคุก็เอามือกดแม่กุญแจให้ล็อคและทำทุกอย่างเรียบร้อยงินก็บีดรถแล้วออกรถไปด้วยความรวดเร็วแล้วโทชีโรที่หันมามองโมโมะก่อนที่จะออกรถอย่างช้าๆแล้วขับตามไป
ระหว่างทาง
“งินไอรายการ FAQ casual น่ะที่นายพูดว่ามีคู่หมั้นแล้วน่ะจริงเหรอ” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วงินเหลียวหลังมามองเธอเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“อืมใช่” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆส่วนรันงิคุก็ทำหน้าเศร้าๆนิดๆก่อนที่จะพูดว่า
“แล้วทำไมนายยังทำนิสัยเพลย์บอยอยู่อีก ถ้าเขารู้คงเสียใจมากเลยนะ ว่านายหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่นน่ะ” รันงิคุก็พูดจบก็หันไปด้านหลังแล้วงินก็เหลียวหลังมามองอีกครั้ง แล้งก็ต้องถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดว่า
“ผมไม่เคยมีอะไรกับใครเลยนะ” งินพูดพลางถอนหายใจเบาๆแล้วรันงิคุก็เงยหน้าขึ้นแล้วทำหน้าตกใจเล็กน้อย
“แล้วส่วนเรื่องที่ผมเป็นเพลย์บอยเขาก็รู้อยู่แล้ว” รันงิคุก็กัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อยก่อนและเธอไม่ได้พูดอะไร
โทชีโร่ที่ในตอนนี้มีโมโมะซ้อนหลังอยู่ ก็เร่งความเร็วขึ้นเพื่อจะตามพี่ชายให้ทันและก่อนที่จะเร่งเครื่องโทชีโร่ก็หันไปพูดกับโมโมะก่อนว่า
“จับแน่นๆนะ” โมโมะพยักหน้ารับแล้วขับเอวโทชีโร่แน่นขึ้นเรื่อยๆและอยู่โมโมะก็ถามขึ้นด้วย
“นี่ฮิซึกายะคุง ชอบพี่ชายมั้ย” ทันทีที่โมดมะพูดจบโทชีโร่ก็ยิ้มบางๆถึงมาทันที
“ก็เฉยๆ ถ้าให้พูดตรงๆชั้นชอบพี่สาวเธอมากว่าอีก” โทชีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ โมโมะก็ทำหน้าเจื่อนๆขึ้นมาทันทีและโทชีโร่ก็ถามกลับไปว่า
“แล้วเธอล่ะ ชอบพี่สาว มั้ย” เมื่อได้ยินคำถามนั้นโมโมะก็ยิ้มอย่างแจ่มใสขึ้นมาทันที
“ชอบที่สุดเลย พี่น่ะเวลาชั้นไม่สบายก็จะนั่งเฝ้าชั้นทั้งคืนจนตัวเองไม่ได้นอนทุกทีเลย” โทชีโร่เหลียวหลังไปมองใบหน้าของเธอเล็กน้อยแต่ก็ต้องหันกลับมา
“ผิดกับพี่ชายเราลิบลับเลยแฮะ” โทชีโร่พูดอย่างหน่ายๆแล้วโมโมะก็หัวเราะเบาๆแล้วเมื่อโมโมะเกิดสะดุดใจกับ ข้อมือที่มีแผลเป็นยาวเหมือนถูกเอาอะไรบางอย่างที่อแข็งๆฟาดเข้ามาจึงถามขึ้นว่า
“นี่ที่ข้อมือโดนอะไรมาเหรอ” โทชีโร่ก็ก้มลงไปมองที่ข้อมือตัวทันทีเมื่อโมโมะพูดจบ
“ถูกคนบ้ามันใช้แส้ฟาดน่ะ ไม่ต้องสนใจหรอก” โมโมะก็ทำหน้าเศร้าๆนิดและหลังจากนั้นก็ไม่นานมากนักโมโมะก็เงียบไม่ได้
“ถ้าให้พูดตรงๆนะ ชั้นน่ะอยากเจอฮิซึกายะคุงมากๆเลย ตอนแรกก็คิดว่าแค่ฝันลมๆแล้งๆ ก็ด้แต่นั่งดูอยู่หน้าจอทีวีน่ะ พอได้เจอโทชีโร่คุงตัวจริงแล้วก็ ดีใจมากๆเลย ชั้นน่ะชอบฮิซึกายะมากๆเลยนะ ภาพยนตร์เรื่อง รักนี้มีให้เธอ ชั้นก็อยากดูนะ” ทันทีที่เสียงของโมโมะสิ้นสุดลงโทชีโร่ก็หน้าแดงกล่ำแต่ดีที่ใส่หมวกกันน็อกอยู่จึงทำให้โมโมะไม่เห็นใบหน้าของโทชีโร่ และโมโมะหัวเราะเบาๆและหลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อถึงสำนักงาน งินกับรันงิคุที่มาถึงก่อน
“นี่” รันงิคุพดขึ้นอย่างไมสบอารมณ์แล้วงินก็หันมาตอบรับแล้วรันงิคุก็พูดต่อว่า
“แล้วพอชั้นมาอยู่ที่นี่จะให้ชั้นนอนที่ไหน เห็นที่สำนักงานนายก็มีอยู่สามห้อง ที่หรือมันเป็นห้องทำงนไม่ใช่เหรอ” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วงินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถมอร์เตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
“ไม่รู้สิ เดี่ยวพอคุณเร็ตสึมาก็รู้” งินพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเดินเข้าไปด้านในโดยทิ้งกระเป๋ารันงิคุไปบนมอร์เตอร์ไซค์ส่วนรันงิคุก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะเดินไปหยิบสะพานหลังขึ้นมา
‘ผิดกับน้องชายลิบลับเลยแฮะเจ้าหมอนี่ น่ะ น่าหมั่นไส ชำมัด’ รันงิคุคิดในใจพลางกัดฟันตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินตามงินขึ้นไป
แล้วหลังจากนั้นประมาท 5 นาที
“โห...ตึกใหญ่จังเลย” โมโมะพูดพลางมองขึ้นไปด้านบนส่วนโทชีโร่ก็ยิ้มก่อนที่จะเอากระเป๋าเอากระเป๋าของโมโมะมาสะพานไว้ด้านขวาแล้วค่อยๆใช้แรงเข็นรถมอร์เตอร์ไซค์เข้าไปแล้วโมโมะก็ละสายจากตึกแล้ววิ่งตามโทชีโร่เข้าไป
“ฮิซึ...” โมโมะยังไม่ทันได้พูดอะไรโทชีโร่ก็พูดตัดขึ้นซะก่อนว่า
“เรียก โทชีโร่ ก็ได้อายุก็เท่าๆกัน แล้วกระเป๋าเนี่ยมันหนัก เธอถือเดี่ยวเสียบุคลิคหมด” โมโมะก็เงียบไปทันทีและหน้าก็แดงกล่ำ
เมื่อขึ้นมาอยู่หน้าห้อง โทชีโร่ก็กำลังจะเอื้อมมมือเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงโวยวายออกมาจากในห้องดังลั่น
“ไม่เอาหรอก!! เอาออกไปเลยไป อย่าเอาเข้ามาใกล้ชั้น!!” เสียงของรันงิคุตะโกนออกมาลั่นทำให้โมโมะกับโทชีโร่ที่อยู่หน้าห้องต้องหันมามองหน้ากัน
“แหม~เสียงดังไปได้ มันก็ตัวมันเล็กแค่นี้เอง” เสียงดังขึ้นมาแล้วโทชีโร่กับโมโมะยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
“บอกว่าอย่าเอาเข้ามาใกล้ ไง!!” รันงิคุตะคอกขึ้นอีกและเด็กสาวกับเด็กหนุ่มอยู่หน้าห้องก็ต้องผลักประตูเข้ามา
“พี่ทำอะไรกันน่ะ!” โทชีโร่ผลักประตูเข้ามาตะโกนอย่างเหลืออนแต่เมื่อเห็นภาพในตอนนี้งินที่กำลังนิ้วชี้และนิ้วโป้งจับอะไรบางแล้วรันงิคุก็ทำท่าทางรังเกลียด
แบบถึงที่สุดและเมื่องินหันก็ยิ้มให้โทชีโร่ก็ก่อนที่แบมืออกมา
“แมงมุมน่ะ เอามาแกล้งรันงิคุเล่น คิดไปไหนเหรอ โทชีโร่” งินพูดพลางเอาหัวเราะเบาๆและโทชีโร่ก็ต้องหน้าแดงไปตามกันหรืออีกความหมายคือหน้าแตก
“มันไม่กัดหรอกน่า ลองจับดูสิ” งินพูดจบก็หันมาแล้วยื่นแมงมุมเล็กน้อยเข้าไปใกล้ๆแล้วรันงิคุก็ถึงกับตะโกนออกมา
“เอามันออกไกลๆเลย กรี๊ด!!!!!!” เสียงของรันงิคุทำให้งินต้องปล่อยแมงมุมที่อยู่บนฝามือไปแล้วเอานิ้วอุดหูทันทีโทชีโร่ก็เช่นกันยกเว้นโมโมะที่ชินกับเสียงนี้จึงไม่เอามือปิดหู
“ย่ะ หยุดกรี๊ดได้แล้ว ไม่แกล้งแล้ว!” งินตะโกนแข่งกับเสียงรันงิคุทำให้รันงิคุต้องเงียบทันทีแล้วงินก็ค่อยๆเอามือแคะหูเบาๆ
“นี่เธอไม่แสบแก้วหูรึไง” โทชีโร่พูดพลางหันมามองโมโมะที่ยืนอยู่ข้างๆแต่โมโมะก็ไม่ได้ตอบอะไรยังยืนยิ้มนิ่งอยู่
“นี่เธอ” โทชีโร่เรียกเธออีกครั้งแต่โมโมะก็ยังไม่ตอบกลับหลังจากนั้นโทชีโร่กับงินก็หันมามองหน้ากันแล้วงินก็ก็เริ่มเรียกโมโมะ
“โมโมะจัง” โมโมะก็ยังไม่ตอบกลับแล้วรันงิคุก็ยังนิ่งและยืนนิ่งอยู่ (เจ๊ยังกลัวฝังอยู่ค่ะ)
“หูอื้อแล้วล่ะ ชั้นว่า” งินพูดพลางเอามามองหน้าโทชีโร่แต่โมโมะก็ยังยืนนิ่งอยู่
“นี่ยัยตัวแสบ กรี๊ดซะน้องสาวเธอหูอื้อแล้วนะ” งินพูดพลางชี้มาที่โมโมะแต่รันงิคุก็ยังนิ่งเหมือนโมโมะและงินก็ถอนหายใจก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆและก่อนคอเธอและกระซิบข้างๆหูว่า
“ต้นคอยังหอมขนาดนี้ ชักอยากรู้แล้วสิว่าที่แก้มมันจะหอมขนาดไหน” งินพูดกระซิบข้างๆแล้วกอดคอเธอแน่ขึ้นเล็กน้อยแล้วทันทีที่งินพูดจบรันงิคุก็ใช้แรงสะบัดงินจนล้มไปทันที
“ชั้นไมมีทางให้นายหอมแก้มง่ายๆหรอกจำไว้ด้วย ไอหน้าจืด!!” รันงิคุตะโกนขึ้นแล้วงินก็ยิ้มแห้งๆก่อนที่จะลุกขึ้นมา
“น้องสาวเธอน่ะ หูอื้อแล้วนะ เธอกรี๊ดเมื่อกี๊นี้น่ะ” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ยังทำหน้านิ่งๆ
“เรื่องปกติของพวกชั้น” รันงิคุพูดจบก็เดินเข้ามาแล้วเขย่าตัวโมโมะเบาๆแล้วโมโมะหันไปมองหน้ารันงิคุทันที
“คะ พี่” โมโมะขานรับทันทีและโทชีโร่ทียืนอยู่ข้างๆก็คิดขึ้นในใจทันที
‘ทำไมมันง่ายฟร๊ะ’ โทชีโร่คิดในใจพลางหันหน้าแล้วทำหน้าเจื่อนๆแล้วอยู่ๆเด็กสาวผมเปียเรือนผมสีดำใส่เสื้อฟีอ่อนกระโปรงสั้นสีขาวก็เดินเข้ามากับเด็กสาวเรือนผมสีดำใส่แว่นตามัดผม ใส่เสื้อแขนข้อกลมสีครีมกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนก็เดินเข้ามาพลางพูดว่า
“นี่รันงิคุ...เธอจะย้ายโรงเรียนมาอยู่โรงเรียน โคโตมุกิ จริงเหรอ?!” นานาโอะถาด้วยน้ำเสียงที่ดีใจอย่างมากแล้วก็ต้องดีใจขึ้นไปอีกเมื่อรันงิคุก็พยักหน้าและโมโมะที่ยืนอยู่ด้านโซฟาก็มองงอย่างอึ้งก่อนที่เนมจะหันมายิ้มบางๆพลางพูดว่า
“สวัสดีจ๊ะ” เนมพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานๆเล็กน้อยทำเอาโมโมะทำตัวไม่ถูกแล้วงินที่ยืนอยู่ด้านหลังรันงิคุก็ถามขึ้นว่า
“อะไรกันพวกเธอมาด้วยเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ” เมื่อนานาโอะไปด้ยินแบบนั้นจึงหันไปมองงินแล้วพูดว่า
“นี่คุณจูชีโร่กับคุณเร็ตสึอยู่มั้ย” นานาโอะพูดพลางเอาซองจดหมายขึ้นมา
“ตอนนี้ไม่อยู่ทั้งคู่ทั้งนั้นแหละ ฝากไว้ที่ชั้นก็ได้นะ” งินพูดพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วนานาโอะก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ไม่มีทาง นายก็เปิดดูกันพอดีน่ะสิ” นานาโอะแล้วเก็บซองจดหมายลงไปและโมโมะที่กำลังยืนนิ่งๆแล้วมองไปรอบที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศอยู่ด้วยกันถึง สี่ คนก็ถึงกับอึ้ง จนกระทั่งรันงิคุหันมาเห็นน้องสาวตัวเองเข้า
“โมโมะเป็นอะไร” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆก่อนที่โทชีโร่จะหันมามองเธอ
“อ๊ะ! ป่าวค่ะ” โมโมะพูดอย่างเร่งรีบแล้วเมื่อนานาโอะหันมาเห็นโมโมะเข้ายิ้มบางๆแล้วพูดว่า
“เอ้า! โทษทีนะไม่ทันได้มอง อิเสะ นานาโอะ จ๊ะ” นานาโอะพูดจบโมโมะก็หน้าแดงกล่ำและถึงกับพดอะไรไม่ออกและรันงิคุก็รู้แล้วว่าเธอเป็นอะไรจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วหันไปมองเนมที่ทำหน้านิ่งเฉยอยู่จึงนึกเรื่องก่อนหน้านี้ออก
“จริงสิ เนมจัง มานี่สิ มีของจะให้” รันงิคุพูดจบก็เดินไปจับมือเนมแล้วลากไปที่มุมห้องหลังจากที่ล้วงอะไรบ้างอย่างออกมาจากกระเป๋าเล็กของกระเป๋าเสื้อผ้า
“มีอะไรเหรอคะ” เนมถามอย่างงงๆแล้วรันงิคุก็ยิ้มให้ก่อนที่จะเอาของบางอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากระโปรง
“ที่ก่อนหน้านี้ เธอทำตกไว้น่ะ” รันงิคุพูดพลางยื่นแหวนสีเงินที่สลักว่า “Shnuhei Love Nema” ให้แล้วเนมก็ทำหน้าตกใจอย่างมาก
“เอ่อ...เอามาจากไหน” เนมถามอย่างตกใจแล้วรันงิคุก็แล้ววางแหวนไว้บนมือของเนม
“ตอนนั้นช่วงที่เธอลุกไปคุยโทรศัพท์น่ะ มันหล่นลงมา” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเนมก็ทำท่าแบบจะตกใจก็ใช่ดีใจก็ไม่เชิง
“นี่เนม เธอยังชอบชูเฮย์ อยู่ใช่มั้ยถึงพกติดตัวเอาไว้” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเนมก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี
“ข่ะ ค่ะ ทั้งๆที่เป็นชั้นที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเองแท้ๆ” เนมพูดแล้วทำหน้าเศร้าๆนิดๆแล้วรันงิคก็ตบบ่าปลอบใจ
และนานาโอะที่ยืนคุยกับโมโมะอยู่ในตอนนี้ก็
“หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเลยนะ” นานาโอะพูดแซวขึ้นแล้วโมโมะก็ยิ้มเจื่อนๆ
“ก็มีคนทักอยู่หลายคนเหมือนกัน่ะค่ะ ว่าหน้าตาไม่เหมือนกัน” โมโมะพูดพลางยิ้มเจื่อนๆแล้วอยู่หญิงสาวเรือนผมสีดำยาวและชายหนุ่มเผมยาวสีขาวก็ได้เข้ามาพร้อมกับถือกระดาษประมาท 5-6 แผ่น
“คุณเร็ตสึ คุณจูชีโร่ มาสักทีนะคะ” นานาโอะพูดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันทีแล้วเร็ตสึกับจูชีโร่ก็ทำหน้าประหลาดเล็กน้อย
“เอ้า! นานาโอะจัง เนมจัง มีอะไรเหรอ” จูชีโรถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วนานาโอะก็ยื่นซองจดหมายให้
“เห็นผู้จัดการบอกว่าชั้นเอามาให้น่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขียนอะไรไว้ แต่เห็นบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญมากด้วย” จูชีโร่ก็รับซองจดหมายมาอย่างงงๆ
“ขอบใจนะ นานาโอะจัง” เมื่อเสียงของจูชีโร่สิ้นสุดลงนานาโอะก็ยิ้มแล้วพยักหน้าแล้วหันไปเรียกเนมที่ยืนอยู่
“เนมไปเถอะ หมดธุระแล้ว” เมื่อพูดจบนานาโอะก็เดินลงไปทันที
“ขอบคุณมากนะคะ คุณรันงิคุ” เนมพูดจบก็เดินออกมากด้านหลังโซฟาแล้วเมื่อเดินผ่านโซฟาที่โมโมะนั่งอยู่ก็เอามือลูบศีรษะโมโมะเบาๆและทำให้โมโมะหน้าแดงขึ้นมาทันที และเนมก็โค้งให้จูชีโร่กับเร็ตสึเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป
“รันงิคุจัง พวกเธอก็คือสีขาวนะ” รันงิคุทำหน้างงๆทันทีเมื่อเร็ตสึพูดจบ
“สีขาว อะไร” รันงิคุถามอย่างงงๆแล้วเร็ตสึก็ยิ้มยื่นกระดาษให้พลางพูดว่า
“สังเกตรึป่าวล่ะ ว่าพวกที่มารวมตัวกันก่อนหน้านี้มีสิ่งที่ตัดกันอย่าง Deer Light กับ Dark Lion ไงล่ะ ความมืดกับแสงสว่าง” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็ทำหน้างงๆหลังจากที่เอากระดาษที่เขียนชื่อสัตว์ไว้มากมาย
“รันงิคุจังกับโมโมะจัง ชอบอะไรมากกว่ากัน ระหว่าง ม้ากับเสือ น่ะชั้นยังเลือกไม่ได้เลย” เร็ตสึพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วรันงิคุก็เดินมานั่งใกล้ๆโมโมะแล้วเอากระดาษให้โมโมะดูแล้วหลังจากที่มองกันอยู่พักสักก็หันไปยื่นกระดาษคืนให้เร็ตสึพลางพูดว่า
“พูดตรงๆ พวกชั้นชอบ ม้า มากกว่า” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆแล้วเร็ตสึก็รับก่อนที่จะพูดว่า
“เหรอ แต่ชั้นชอบเสือมากกว่านะ เอาเสือดีกว่าจ๊ะ” และทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็เหงื่อแตกแล้วยิ้มเจื่อนๆและทุกๆคนก็คิดแบบเดียวกันว่า
‘แล้วจะมาถามทำไมฟร๊ะ’ ทุกคนคิดเป็นแบบเดียวแล้วเร็ตสึก็พูดต่อว่า
“งั้น รันงิคุจัง โมโมะจัง รีบตามชั้นมา เดี่ยวจะพาไปที่ดีๆ” เร็ตสึพูดจบก็เดินลงไปพลางหยิบแว่นกันแดมาแล้วรันงิคุกับโมโมะก็หันมามองจูชีโร่ที่ยืน
“เร็ตสึ ก็แบบนี้แหละ รีบตามไปเถอะ ก่อนที่ผู้จัดการของพวกเธอ จะโมโหเอา” เด็กสาวทั้ง 2 คนก่อนที่จะหันมามองหน้ากันแล้วลุกเดินออกไปแล้วเด็กหนุ่มตาตี่เรือนผมสีขาวเดินตามออกไป แล้วโทชีโร่ก็บ่นขึ้นทันที
“ไม่เข้าเล้ย~ว่าทำไมพี่ต้องตามพี่รันงิคุขนาดนั้นด้วย เห็นแล้วหงุดหงิดชำมัด” จูชีโร่ก็ยิ้มขึ้นมาทันทีแล้วพูดแซวขึ้นว่า
“แหม~ทำเป็นหงุดหงิด...เราเองก็อยากจะตามโมโมะจังไม่ใช่เหรอ?~ สองคนนั้นน่ะ น่ารัก ทั้งพี่ทั้งน้อง เลยนะ” จีโร่พูดจบก็เอามือขยี้ศีรษะโทชีโร่เบาๆส่วนโทชีโร่ก็หน้าแดงแล้วปัดมือของจูชีโร่ออกทันทีและหลังงจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดัง ปัง!
ด้านล่าง
“นายจะตามมาทำไมเนี่ย?!” รันงิคุตะโกนขึ้นทันทีแล้วงินก็แสยะยิ้มอย่างกวนๆและงินก็ทำเมินใส่
“แหม~งินคุง รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้จะประกบติดรันงิคุเขา จังเลยน้า~” เร็ตสึพูดแซวขึ้นและงินก็หน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“หึ! เป็นองค์หญิงก็ต้องมีองครักษ์สิคร้าบ~” งินพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนๆและรันงิคุก็กัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าหญิงบ้าอะไรห๊ะ?!” รันงิคุพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วงินก็ทำหน้ากวนๆก่อนที่เร็ตสึจะพูดขึ้นว่า
“รันงิคุจัง ขึ้นรถได้แล้วจ๊ะเดี๋ยวโดนรัดคิวเอา” เร็ตสึพูดจบรันงิคุก็ขึ้นไปนั่งบนรถอย่างไม่สบอารมณ์มากๆและรันงิคุก็ปิดประตูรถด้วยแรงปกติ (เจ๊เขากลัวประตูรถหลุดน่ะค่ะ ฮ่าๆ) แล้วงินก็ขึ้นไปนั่งรถมอเตอร์ไซค์แล้วรันงิคุที่นั่งอยู่บนรถก็ถามขึ้นว่า
“นี่ จะพาไปไหนคะเนี่ย” รันงิคุถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์แล้วเร็ตสึก็ยิ้มก่อนที่จะออกรถแล้วหลังจากนั้นก็พูดว่า
“เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละจ๊ะ” เร็ตสึพูดจบก็ออกรถไปในทันทีและงินก็ออกรถตามไป
หลังจากนั้นประสาท 5 นาที ทั้งรันงิคุและโมโมะก็หลับไปเพราะแอร์รถที่เย็นช่ำอย่างสบาย และเมื่อรถติดไฟแดงเร็ตสึก็หันมองโมโมะกับรันงิคุก่อนที่จะพูดว่า
“ถ้า 2 คนนี้รู้ความจริงเรื่องนั้นจะ ทำใจกันได้รึป่าวนะ”
ช่วงนี้เขาเริ่มสงสัยเรื่องรันงิคุกับโมโมะแล้วค่ะ แต่จะสงสัยเรื่องอะไรโปรดติดตามน้า~~~~~
อย่าลืมเม้นนะคะ เพราะว่าช่วงนี้คอมเม้นตกมากๆๆๆเลยอ่า~~~~แงง~~~น้อยใจๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!
ขอบคุณธีม :
MA Y
ความคิดเห็น