คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Love Me friend(1)
ผมมองภาพท้องฟ้าสีฟ้าสวยของวันนี้ วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเหมือนภาพวาดสีน้ำ มันดูสวยไม่เหมือนที่ผมเคยเห็นตามปกติ ผมค่อยๆยื่นมือขึ้นเหมือนจะคว้าท้องฟ้านั้นเอาไว้...ถ้าไม่ติดว่าอยู่ๆก็ได้ยินเสียงทักล่ะก็นะ...
“ยืนทำพระเอกเอ็มวีอะไรครับ คุณโบ”เสียงยียวนของเพื่อนชายร่างสูงปรากฏขึ้น ผมมองหน้ามันแบบเคืองๆนิดๆ
“ยืนรอมึงไงครับ คุณโต๊ะ”ผมลากเสียง
“อุ้ย อุตส่ารอเค้าเหรอตะเองงง”ไอ้โต๊ะดัดเสียงให้เล็กลงจนพลางทำท่าสะดีดสะดิ้งจนชวนอ้วก ผมเลยเอามือทุบหัวมันไปทีหนึ่ง เราสองคนเดินไปจนถึงหน้าโรงเรียน ผมกับโต๊ะเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก โต๊ะเป็นผู้ชายที่ตัวสูงเกินมาตรฐาน(เพราะมันสูงกว่าผม...)มันย้อมผมสีแดงตั้งแต่อยู่มัธยมต้น หูข้างซ้ายเจาะเป็นรูสามรูเล็กๆที่มันไม่เจาะรูใหญ่เพราะผมขู่มันไว้ว่าถ้ามันเจาะรูใหญ่เกินนิ้วรูเข็มผมเลิกคบมันแน่...
โต๊ะเป็นนักเรียนที่โรงเรียนมัธยมที่เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ตอนอนุบาลหนึ่ง(โรงเรียนมีตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยม) มันบอกว่าที่ไม่ย้ายออกไปเรียนที่อื่นเพราะคนที่มันชอบยังเรียนอยู่ที่นี่ แต่ผมถามเท่าไรมันก็ไม่ยอมตอบ นานวันเข้าผมเลยเลิกเซ้าซี้มัน แต่อย่างไรก็ตามที่แน่ๆโต๊ะคือบุคคลที่ถูกจัดให้ว่าเป็นคนที่หล่อที่สุดในโรงเรียน(เห็นว่าประทานนักเรียนหญิงเขาอยากทำ...เลยจัดซะ)
ซึ่งการจัดอันดับจะมีทุกๆเดือน แต่อันดับหนึ่งก็ไม่เคยเปลี่ยน...แต่ที่จริงผมว่ามันก็ไม่ได้หล่ออะไรหรอกนะ แค่มีหน้าคมๆผิวสีน้ำผึ้งดูดี ไม่ดำไม่ขาว ตาคมๆสีน้ำตาล จมูกโด่งสันได้รูป...โอเคยอมรับ มันหล่อ...กว่าผม
“เฮ้ย ไอ้โบ เป็นไรเปล่า เห็นเหม่อซะนาน”มันพูดพลางจับหน้าผมไปใกล้ๆหน้ามัน ผมส่ายหน้า
“เปล่า ว่าแต่บอกแล้วไม่ใช่เหรอให้เรียกว่าบอมโบ”ผมพูดพลางพองแก้มนิดๆชื่อเต็มๆของผมคือบอมโบแต่ไอ้คุณเพื่อนตัวดีดันเรียกว่าโบ ซึ่งมันดูเหมือนผู้หญิงเสียจนผมไม่ชอบ
“เอาน่าๆ เรียกโบจนชินแล้ว”โต๊ะพูดก่อนจะเอามือของเขามาดึงแก้มผม “อย่างอนเป็นผู้หญิงดิ”มันพูดแล้วเบ้ปาก
“ไม่ได้งอน”
“งอนชัดๆ อย่ามาโกหก”
“ไม่ได้งอน!”
“งอน!!”
“ก็บอกว่าไม่ได้...”ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงอะไรต่อเสียง เสียงของอาจารย์สมศรีดังขึ้นผ่านเครื่องไมโครโฟนและดังไปทั่วโรงเรียน
“ขณะนี้เวลา7:59นาที”
“รีบไปเหอะ ‘จารย์สมศรีตามแล้วเห็นมั้ย”โต๊ะพูดพลางชี้ๆไปที่หน้าเสาธงซึ่งอยู่ไกลลิบ โรงเรียนของเราจะรวมตัวกันที่โดม ซึ่งโดมนั้นอยู่ห่างจากหน้าโรงเรียนประมาณตึกสามตึกเรียงกันได้...
“...เฮ้ย! เหลือเวลาอีก1นาทีนี่หว่า!!”ผมพูด อาจารย์นะอาจารย์มาประกาศเวลาตอนไหนไม่ประกาศ ดันมาบอกก่อนเคารพธงชาติ1นาทีนี่นะ!?
“เหวย...กูจะครบสามครั้งแล้วนี่หว่า...”โต๊ะพูด แม้โรงเรียนผมจะไม่ได้เป็นโรงเรียนดัง หรือโรงเรียนที่เคร่งกฎระเบียบและการศึกษา แต่ถ้ามาสายถูกจดชื่อเกินสามครั้งก็จะถูกทำโทษตามระเบียบ..
“มึงกับกูมาโรงเรียนพร้อมกัน...”ผมพูด หมายความว่า ถ้ามันสายเกินสามครั้งผมก็สายด้วย...ผมต้องโดนทำโทษด้วย ในสถานการณ์แบบนี้มีวิธีแก้ที่ง่ายแสนง่ายซึ่งแนะนำให้ทำในตอนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ขับขันจริงๆเท่านั้น...
วิ่งสิครับ!!
ผมรีบวิ่งไปที่โดมโดยที่มีโต๊ะวิ่งตามมาติดๆ อาจเป็นเพราะผมตัวผอมกว่าเลยวิ่งเร็วกว่ามัน ขายาวก็ใช่ว่าจะวิ่งเร็วกว่าคนที่สูงไม่เท่านะเออ...
“เหลือเวลาอีก10วินาที”อาจารย์สมศรีพูด โดยที่ประทานนักเรียนชายหญิงสองคนกำลังจะเอารั้วกั้นระหว่างทางเข้าโดม และแล้ววันนี้ผมก็ได้รู้ว่าอาจารย์สมศรีชอบนอนดึก...
เพราะดูรายการเชฟกระทะหลุดทุกวัน...
ผมวิ่งเข้ามาทันพอดีที่อาจารย์นับจนเหลือหนึ่งวิสุดท้ายผมก็ยืนเคารพธงชาติแถวๆนั้น จากนั้นผมเดินไปหาแถวของตัวเองโดยไม่สนใจไอ้โต๊ะด้วยซ้ำไป มันจะเข้าแถวทันหรือไม่ก็ช่างเถอะ เพราะครั้งนี้มันทำให้ผมเกือบสาย
ที่สำคัญผมเหนื่อยเพราะมันทำให้ผมวิ่ง!
“เฮ้ยยย โบรอด้วยยย”โต๊ะพูดเสียงยานคาน ผมรีบจ้ำเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้หนีจากมัน ทำเป็นไม่ได้ยินที่มันเรียก...มีใครที่ไหนอยากโดนเรียกชื่อตัวเองแบบผิดๆกันล่ะ...(แถมชื่อก็เหมือนผู้หญิงซะด้วย..)ระหว่างที่ผมกำลังจะหยุดแล้วต่อแถวของห้องผม เหมือนข้อเท้าผมพลิก...ผมทำท่าจะล้มไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วงของโลก พลางหลับตาปี๋ เตรียมรับแรงกระแทกของพื้นปูน
แต่เหมือนมีใครรับไว้ได้ อ้อมกอดแกร่งของชายร่างสูงที่สูงมากกว่าโต๊ะประมาณสองสามเซน เส้นผมสีดำสนิทกับดวงตาคมกริบที่มองมาทำเอาใจหล่นวูบ ผมผลักเขาออกอย่างตกใจพลันเท้าก็เสียหลักล้มไปข้างหลังอีกรอบ โดยที่ครั้งนี้มีโต๊ะมารับไว้ได้ทัน
“ซุ่มซ่ามเหมือนผู้หญิงเลยนะมึง”โต๊ะพูดเสียงเรียบ พลางทำหน้าแขวะผม ผมเลยผละออกจากมัน กำลังจะขอบคุณอยู่แล้วเชียว ดันมาพูดแบบนี้ ผมไม่ชอบหรอกนะ
“นาย..เป็นอะไรรึเปล่า?”เสียงทุ้มๆของคนแปลกหน้าที่ช่วยผมไว้ในตอนแรกดังขึ้น ผมหันไปมองหน้าเขาชัดๆ เขาเป็นคนที่ดูสุภาพมาก ไม่น่าจะมาอยู่โรงเรียนที่ไม่มีชื่อแบบนี้เลย...
“เปล่าๆ ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”ผมพูดให้เขาแล้วยิ้มๆ พลางจะเดินไปต่อแถวอีกแถวหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆแถวของห้องผม แต่ดูเหมือนจะมีอะไรผิดไป แถวของห้องผมไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี้ย?
“นายอยู่ห้อง4เหรอ?”โต๊ะถามคนแปลกหน้าที่ยืนต่อแถวอยู่ หมอนั้นพยักหน้า..แสดงว่าเด็กใหม่...แต่มาเป็นเด็กใหม่เอาตอนสัปดาห์ที่สองของการเปิดภาคเรียนนี่นะ? จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงดุๆของอาจารย์ดังขึ้น ผมเลยต้องไปต่อแถวต่อจากนักเรียนใหม่ ส่วนโต๊ะก็นั่งอยู่ข้างหลัง ผมสวดมนตร์และฟังที่อาจารย์พูดหน้าเสาธงจนจบ จึงได้ขึ้นห้องไป
อาจารย์สมศรี(อาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องของผม)เดินเข้ามา ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงแต่ไอ้โต๊ะที่นั่งหันหลังไปพูดกับไอ้โบทเลยโดนอาจารย์เขกหัวไปคนล่ะสองที อาจารย์สมศรีเดินไปหน้าชั้นเรียนแล้วพูดเรื่องกฏระเบียบ การแต่งกาย สีผมและทรงผมของนักเรียน ซึ่งสายตาของใครหลายๆคนก็จะมองไปที่โบทกับโต๊ะ โต๊ะมันย้อมผมสีแดงๆส่วนโบทมันย้อมผมสีน้ำเงินแซมเล็กๆ แต่นอกจากนั้นมันก็ไม่(ค่อย)ทำผิดระเบียบสักเท่าไร
“วันนี้มีนักเรียนมาใหม่ สุรเดช แนะนำตัวสิ”อาจารย์สมศรีพูด ทุกคนหันไปมองนักเรียนใหม่ที่มีผมสีดำ ซึ่งเขาเป็นคนเดียวกับที่ช่วยผมตอนที่กำลังล้มไว้นั้นแหละครับ
“ผมชื่อสุรเดช ชื่อเล่นชื่อเฟรม ฝากตัวด้วยนะครับ”เฟรมพูดพลางยิ้มๆให้กับคนทั้งห้อง จากนั้นเสียงกรี๊ดกราดของพวกผู้หญิงก็ดังขึ้นจนผมแสบแก้วหูจนอาจารย์สมศรีต้องเข้ามาห้ามปราม ผมมองเฟรมที่นั่งอยู่แถวที่ห้าโดยที่ผมนั่งอยู่แถวที่สามติดฝั่งหน้าต่าง แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า รู้สึกเหมือนเขายิ้มให้ผม
ตามที่ผมคิดไว้ ผมว่าเฟรมต้องเป็นพวกลูกคุณหนูแน่ๆ เพราะผมสีดำขลับของเขาเหมือนกับใช้แชมพูราคาแพง(ลื่นไหลยิ่งกว่านางแบบโฆษณา) ผิวของเขาดูขาวมากๆจนเหมือนคนป่วย แต่ร่างกายและส่วนสูงของเขามากกว่าผมเสียอีก จากนั้นผมก็เปรยสายตาไปมองไอ้โต๊ะที่นั่งอยู่แถวที่สี่ติดประตู ผมถึงได้รู้ว่ามันมองมาที่ผมอยู่เหมือนกัน
“เจอ...ห้อง...”โต๊ะกระซิบเบาๆซึ่งผมที่อยู่แถวสามคงจะไปตรัสรู้ได้นะครับว่ามันพูดอะไร ผมเลยหันกลับไปหน้ากระดานอีกรอบ ไว้ค่อยคุยกันอีกทีตอนพักก็ได้นี่...
“นายอภิชาต กับนายรนรงค์ มาที่ห้องปกครองด้วย”เสียงประกาศของอาจารย์ฝ่ายปกครองดังขึ้น ชื่ออภิชาตกับรนรงค์คือชื่อจริงของไอ้โต๊ะและโบท โต๊ะส่งเสียงจิจ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด มันเดินออกไปทางประตูพร้อมกับไอ้โบท ปกติมันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดระเบียบมากมายหรอกครับ บ่อยๆก็แค่แต่งตัวผิดระเบียบกับมีเรื่องชกต่อย แต่เพราะส่วนใหญ่ครูไม่เห็น..มันเลยรอด
หลังจากนั้นจนถึงพักเที่ยงผมก็ไม่เห็นสองคนนั้นจะเข้ามาในห้องซักที บางทีพวกนั้นคงจะโดดเรียนไปแถวๆห้องเก็บของที่ไม่ค่อยจะมีใครเหมือนเดิม ผมที่กำลังจะเก็บของใส่กระเป๋าอยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงเงาของใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะผม พอเงยหน้าขึ้นไปมองถึงได้รู้ว่าใคร
“เฟรม?”ผมเรียกชื่อเขาเบาๆ หมอนั้นยิ้มนิดๆก่อนจะถามกลับ
“นายชื่ออะไรเหรอ?”
“บอมโบ...แต่อย่าเรียกว่าโบเหมือนไอ้โต๊ะล่ะมันเหมือนผู้หญิง...”ผมพูดพลางกำชับว่าห้ามเรียกว่าโบ...เด็ดขาด
“งั้นเรียกบอมนะ สั้นดี”เฟรมพูดก่อนจะเสนอชื่อใหม่ให้ผม ทำไมถึงมีแต่คนชอบตั้งชื่อใหม่ให้ผมกันนะ? “เราเพิ่งมาโรงเรียนวันแรก พาเดินเที่ยวหน่อยได้มั้ย?”เฟรมพูด ที่จริงแล้วเขาน่าจะเคยมาช่วงวันหยุดไม่ก็วันที่มอบตัวนักเรียน แต่มันก็ไม่เสียหายอะไรถ้าจะพาเขาเดินรอบโรงเรียน
“ได้ดิ...แต่ไปโรงอาหารก่อนนะ”ผมพูด เฟรมพยักหน้าพลางยิ้มๆให้ผมอีกรอบ รอยยิ้มของเขาดูดีเสียจนผมมองเพลินเลยทีเดียว ผมพาเฟรมเดินไปรอบโรงเรียนแบบสบายๆ
“ตานายสวยดีนะ”เฟรมพูด ตาของผมมันเป็นสีฟ้าอาจจะดูเหมือนคนต่างชาติ แต่พ่อกับแม่ผมเป็นคนไทย เห็นแม่บอกว่าผมอาจจะได้มาจากคุณย่าหรือแถวๆต้นตะกูลเลยทีเดียว
“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันเป็นคนไทยแท้น่ะ”เราสองคนพูดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆระหว่างทาง จนกระทั่งหมดเวลาเราถึงขึ้นห้องไปพร้อมกัน
แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง
ตึง!!
เสียงตึงดังขึ้นเมื่อโต๊ะโพล่หน้ามาหลังจากหายไปรวมสี่ชั่วโมง ผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถึงกับตกใจเล็กๆ หลายๆคนหันมามองที่ผมกับไอ้โต๊ะ ก่อนที่โต๊ะจะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆว่า
“มึงไปไหนมา”
“พาเฟรมเดินรอบโรงเรียน”
“จะพามันเดินทำไม? ขามันด้วนรึไงเดินคนเดียวไม่ได้??”โต๊ะจงใจพูดเสียงดังให้คนได้ยินทั้งห้อง
“เฟรมเป็นเด็กใหม่ยังไม่รู้ทาง”
“เพราะงั้นมึงเลยทิ้งกูไปเดินกับมันเนี่ยนะ?!”
โต๊ะพูดเสียงดังในขณะที่ผมตอบกลับเขาแค่เบาๆเท่านั้น เสียงของโต๊ะดังไปทั้งห้องจนทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งอาจารย์ประจำวิชาเข้ามาสอนโต๊ะถึงเดินกลับไปนั่งที่ของมัน โต๊ะชี้นิ้วใส่หน้าผม
“วันนี้อย่าโดดเวรเชียวมึง...”มันพูดพลางทำตาเขียว
ปกติผมไม่เคยโดดเรียนและไม่เคยโดดเวรทำความสะอาดของห้องเลยสักครั้ง ทุกๆครั้งที่ผมหรือมันเป็นเวร เราสองคนจะผลัดกันรอจนกว่าอีกคนจะทำความสะอาดเสร็จแล้วเดินกลับด้วยกัน
แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยอยากทำเวรยังไงก็ไม่รู้...
จนกระทั่งถึงตอนเย็น เฟรมเดินมาหาผมที่นั่งอยู่อีกรอบ
“มีเฟสมั้ย?”เฟรมถามพลางยื่นสมุดเล่มเล็กๆพร้อมปากกาให้ เมื่อผมมองดูแล้วก็พบว่ามีแต่ชื่อเฟสของคนในห้องเรียนทั้งนั้นเลย นี่เขาตามล่าอะไรอยู่รึเปล่า...ผมไม่ได้ถามออกไป แต่ก็เขียนชื่อเฟสแล้วยื่นให้ เฟรมยิ้มๆแล้วขอบคุณ ไม่รู้ทำไมวันนี้คนถึงโดดเวรกันเยอะนักจนเหลือแค่ผม..กับโต๊ะคนเดียว
ผมเดินไปจับไม้กวาดมาแล้วกวาดพื้นห้องไปอย่างเงียบๆโต๊ะที่นั่งอยู่บนที่ของตัวเองไม่แม้แต่จะพูดอะไร ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกคนกำลังงอนผม ผมเดินกวาดไปรอบๆห้องแล้วจัดโต๊ะอีกนิดหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้พวกเวรตอนเช้าเอาขยะไปทิ้งล่ะกัน...ผมคิดแล้วก็ทำท่าจะเดินไปหยิบกระเป๋าปิดไฟปิดพัดลมแต่ก่อนจะเดินออกจากห้องก็โดนกระชากข้อมืออย่างแรงจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดซะงั้น...
“มีอะไร??”ผมถามโต๊ะที่จับข้อมือผมอย่างแรง โต๊ะมองหน้าผมอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจเสียงดังเฮือกพร้อมกับปล่อยข้อมือของผมแล้วเดินไปหยิบกระเป๋า
“ไป กลับกัน”โต๊ะพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ ผมก็พยักหน้ารับพวกเราเดินลงมาข้างล่าง ผมไม่รู้ว่ามันโกรธเรื่องอะไร ต่างฝ่ายต่างเงียบ ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันเลยเงียบๆไปซะเลยดีกว่า จนกระทั่งสายตาของผมเหลือบไปเห็นเฟรมที่ยืนรอใครอยู่หน้าโรงเรียน เฟรมยิ้มให้ผมเดินมายัดกระดาษใส่มือ
“นี่เฟสเรา อย่าลืมรับแอดล่ะ”เฟรมพูดก่อนจะเดินออกไป ที่จริงผมไม่ค่อยเล่นเฟสสักเท่าไร ใรแอดมาก็รับหมด โต๊ะส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอเสียงดัง ผมเลยเดินเข้าไปซื้อของในเซเว่นโดยที่มีไอ้โต๊ะตามมาด้วย พลางหยิบลูกอมไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์
“อ่ะ งอนเป็นเด็กๆไปได้”ผมพูดพลางยื่นลูกอมรูปหัวใจให้มัน ไอ้โต๊ะยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆแล้วเอาลูกอมรูปหัวใจยัดใส่ปากตัวเองพลางยัดห่อลูกอมใส่กระเป๋าไว้ ถังขยะก็มีแต่ดันทิ้งในกระเป๋าเสื้อตัวเองนี่นะ?
“วันนี้มึงไม่มาที่ห้องเก็บอุปกรณ์”โต๊ะพูด ผมถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าที่มันกระซิบตอนนั้นมันคงบอกให้ผมหาทางไปคุยกับมันที่ห้องเก็บอุปกรณ์แน่ๆ
“โทษที”ผมพูดสั้นๆ มันหันมามองผมแล้วยิ้มกว้างแบบสุดๆให้
“ไม่เป็นไร”มันพูดด้วยท่าทีสบายอารมณ์“เพราะวันนี้มึงง้อกูแล้ว”ว่าแล้วก็แลบลิ้นโชว์ลูกอมรูปหัวใจให้ดู ผมยิ้มตาม เราสองคนเดินกลับบ้านเหมือนปกติ แม้ผมจะสงสัยอยู่บ้างว่ามันโกรธที่ผมไม่ไปตามนัดแน่เหรอ เพราะปกติถึงผมจะไม่ได้ไปตามนัดมัน มันก็ไม่ได้โกรธถึงขั้นต้องตะคอกเสียงดังเลยสักครั้ง
ผมหวังว่าแม้จะเจอเรื่องอะไรเราสองคนจะยังเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ?
. . . .
จบไปกับตอนที่1ไปแบบมึนๆงงๆ(?)แล้วค่า >o</
ใครที่ผ่านมาอ่านก็คอมเม้นติชมให้บ้างก็ได้นะคะ (จะได้มีกำลังใจ... TwT)
1คอมเม้น = 1,000,000 กำลังใจ
(^ขอยืมคำพูดมาพูดบ้างนะคะ....)
ยังไงๆก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ >___</
ความคิดเห็น