คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ได้ดวงใจกลับคืน
เสียงพระกรรสะเบา ๆ ที่ดังลอดออกมาจากห้องทรงงาน ทำให้คิ้วดำหนาต้องขมวดมุ่น ยิ่งได้เห็นพระวรกายซูบ แม้จะไม่มาก แต่ผู้ที่เป็นราชองครักษ์คนสนิท พ่วงด้วยพระสหายคู่พระทัย มีหรือจะดูไม่ออก
ชีคดารีฟพยายามอ่านรายงานเบื้องพระพักตร์ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่จบสักที ตามันคอยจะพร่าเลือน จนต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายความอดทนก็หมดลง พระองค์ปิดสมุดรายงานที่ทางกระทรวงการคลังส่งมาให้วินิจฉัยรายรับ-รายจ่ายของเดือนนี้ พร้อมแผนการใช้จ่ายในเดือนถัดไปอย่างอ่อนแรง ทรงเอนกายแนบพนักเก้าอี้ ดวงเนตรปิดสนิท เสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ใกล้เข้ามา ไม่ได้ทำให้พระองค์ลืมพระเนตร แค่ทรงดำรัสเพียงแผ่วเบา
"เอาวางไว้บนโต๊ะนั้นแหละ จาลา เดี๋ยวเรากินเอง"
ในเวลาทรงงาน ถ้าไม่มีรับสั่งให้ใครเข้าเฝ้า จะไม่โปรดให้ใครเข้ามายุ่มย่าม นอกจากอนาคินกับคาร์วา ซึ่งเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์ และจาลา นางกำนัลส่วนพระองค์ เท่านั้น ที่จะเดินเข้าออกห้องทรงงานในเวลาที่ทรงประทับอยู่ได้
ในเมื่อตอนนี้อนาคินไม่อยู่ ส่วนคาร์วา พระองค์ก็ใช้ให้ไปตรวจการฝึกซ้อมของทหารแทนพระองค์ คงเหลือแต่จาลานั้นละ ที่จะเข้ามาได้
"ทรงประชวร เป็นอะไร" น้ำเสียงคุ้นเคยเจือความห่วงใย ทำให้ต้องเงยพระพักตร์มอง ก่อนจะหลับพระเนตรลงอีกครั้ง
"หายไปนานเลยนะ อนาคิน"
"แค่ 4 วัน ทรงประชวร เป็นอะไร" ถามซ้ำอย่างต้องการคำตอบ ก่อนจะวางแก้วใสใบเล็กบรรจุพระโอสถไว้บนโต๊ะทรงพระอักษร
"ไข้หวัด ที่หายไปได้อะไรมาบ้าง" ตอบอย่างไม่ใส่พระทัยเท่าใดนัก ต้องการให้พระสหายคลายกังวลมากกว่า
"เป็นไปตามที่คาดไว้ เจ้าหญิงโซเฟียน่าไม่น่าไว้ใจ เพราะยังไม่แน่ชัดว่า พระองค์ทรงร่วมมือกับไอ้เฒ่าวาฮิม หรือเปล่า"
ชีคดารีฟสบตากับอนาคินอย่างมีความหมาย ที่รู้กันเพียง 3 คน คือพระองค์ อนาคิน และคาร์วา เท่านั้น
พระพักตร์ซีดเซียวเครียดขึ้น ดวงเนตรวาวโรจน์ พระโอษฐ์แดงระเรื่อเพราะอาการประชวรเม้มสนิท ภาพเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งอ้ซซินลาในวันถวายตัว ฉายชัดอยู่ในความทรงจำ
พระสิริโฉมที่งดงาม ขัดกับดวงเนตรกร้าว ดุ ทรงอำนาจ จนมิมีผู้ใดกล้าสบสายพระเนตร แต่มันมิใช่กับชีคดารีฟ พระองค์มองตอบสายตากร้าวด้วยแววตาอ่อนโยน แต่มิใช่โอนอ่อน ถ้อยดำรัสที่รับสั่งอ่อนหวานอย่างพี่ชายน้องสาว มากกว่าจะเป็นหญิงสาวชายหนุ่ม ทำให้แววตาดุ อ่อนลง แต่ยังคงฉายแววไม่เป็นมิตร
ผิดกับดวงเนตรหวานซึ้ง อ่อนโยน ของเจ้าหญิงอีกพระองค์
"เราจะให้คาร์วา จับตาดูนางไว้"
"คงไม่ต้องถึงมือคาร์วา แค่เพียงพระองค์จะไม่ทรงละเลย ก็คงจะเพียงพอ" คำพูดเหมือนจับผิด ทำให้องค์ดารีฟมองอนาคินด้วยความไม่พอใจ
"เรารู้หน้าที่ของเราดี ไม่ต้องมาสอน"
"พระองค์ว่าทรงรู้หน้าที่ แต่นี่เลยวันถวายตัวจนจะเข้าวันที่ 5 อยู่แล้ว ยังไม่ทรงอยู่ประทับกับนางใด"
"ใครมันปากโป้ง ช่างสู่รู้นัก แล้วนี่จาลาหายไปไหน ทำไมจึงให้นายนำยามาให้เรา"
อนาคินไม่ตอบ แต่กลับส่งแก้วพระโอสถให้องค์ดารีฟ พระองค์รับมาเสวยรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ พลางเปิดสมุดรายงานอีกครั้ง
"เสวยยา แต่ไม่ทรงพักผ่อน แล้วจะหายประชวรได้อย่างไร"
"เราไม่ได้เป็นอะไรมาก อ่านรายงานฉบับนี้เสร็จแล้วจะกลับ นายไปพักผ่อนเถอะ เราอนุญาต อ้อ... เรียกจาลามาให้ด้วย เรามีงานจะให้นางทำ"
เปล่า! ไม่มีงานอะไรให้จาลาทำหรอก แต่อยากให้ออกไปให้พ้นหน้ามากกว่า ช่างขัดตาเสียจริง ๆ ไอ้แววตารู้ทันของนายเนี่ย รู้บ้างไหม อนาคิน
เมื่อองค์ดารีฟดำรัสอยู่แต่ในพระทัย พระสหายจึงไม่ได้ยิน เสียงอนาคินที่ตอบกลับมา จึงไม่เป็นที่พอพระทัย
"จาลา รอถวายงานอยู่ที่ตำหนักหลวงแล้ว"
"เรายังไม่กลับ อนาคิน อย่ามาบังคับเรา" สุรเสียงดังเกือบเป็นตวาด ทำให้เป็นที่ระคายเคืองพระศอ องค์ดารีฟทรงกรรสะแรง จนอนาคินต้องรีบส่งแก้วน้ำอุ่นให้เสวย
"หามิได้ กระหม่อมมิบังอาจบังคับพระองค์ หากแต่อยากให้พระองค์ทรงพักผ่อนพระวรกายให้มาก เพื่อที่จะได้หายประชวรโดยเร็ว อีกอย่าง..."
อนาคินหยุดพูด เมื่อองค์ดารีฟยื่นแก้วน้ำส่งคืนให้โดยไม่มองหน้า พลางโบกพระหัตถ์เป็นเชิงไล่ สหายหนุ่มถอนหายใจยาว โค้งคำนับถวายความเคารพ ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฎขึ้นบนใบหน้า ขณะทูลถามเจ้าชายหนุ่มเบา ๆ
"พระองค์ไม่อยากทอดพระเนตรของฝาก ที่แม่ฝากให้กระหม่อมนำมาถวายหรือ พระเจ้าค่ะ"
เงียบ! เหมือนไม่ใส่ใจ ไม่ได้ยิน
องค์ดารีฟนั่งมองตัวหนังสือนิ่งเหมือนจะจดจำให้ได้ทุกประโยค แต่ในพระทัยกระตุกวาบตั้งแต่สหายคู่พระทัยบอกว่า พระนางอริสราฝากของมา แต่จะแสดงให้อนาคินรู้ว่าดีใจก็ใช่ที่ เฉยเสียอย่างนี้แหละ ดีที่สุด
จากรอยยิ้ม เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ อนาคินค่อย ๆ ถอยหลังทีละก้าว ทีละก้าว จนถึงประตูห้อง
"กลับตำหนักหลวงเถอะ อย่าให้นางคอยนานเลย เดี๋ยวจะหนีไปอีก"
องค์ดารีฟเงยพักตร์ขึ้นทันควัน สบถออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะถลามาหาอนาคินที่ประตู
"สั่งขังลืมซะดีไหม อนาคิน" ตรัสคาดโทษ ขณะก้าวออกจากห้องทรงงาน ก่อนอนาคินเสียอีก เสียงสหายคู่พระทัยยังคงลอยตามมา
"ถ้าพระองค์ไม่โปรดของฝาก กระหม่อมยินดีรับโทษ พระเจ้าค่ะ"
ตำหนักหลวง ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตำหนักทรงงาน คั่นด้วยตำหนักทรงพระสำราญ (ตำหนักที่มีไว้ให้นางในทั้งหลายขององค์ดารีฟใช้ถวายงาน) แต่ละตำหนักจะมีทางเดินเชื่อมต่อกันเป็นแนวยาว ตรงกลางเป็นอุทยานหลวงที่ที่มีดอกไม้นานาชนิด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล น้ำพุขนาดกลางตรงกลางอุทยานหลวง ทำให้มวลหมู่ดอกไม้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ทรงดำเนินตัดอุทยานหลวง เพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็ว อาการดำเนินเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่งนั้น ทำให้ราชองครักษ์ที่ประจำอยู่แนวทางเดิน ทำความเคารพแทบไม่ทัน
จาลาเดินออกมาจากห้องที่พระองค์คุ้นเคย รอยแย้มสรวลปรากฎบนพระพักตร์ สาวพระบาทเร็วขึ้น ตรงไปยังนางกำนัลส่วนพระองค์
"ทำอะไรอยู่" ตรัสถามอย่างรู้กัน ว่าหมายถึงใคร
"อาบน้ำเพคะ หม่อมฉันกำลังจะไปเตรียมของว่าง พระองค์จะเสวยที่นี่หรือไม่เพคะ"
องค์ดารีฟพยักพระพักตร์ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง เข้าไปหาหญิงที่พระองค์คิดถึงที่สุดตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
พระองค์เดินผ่านห้องนั่งเล่น ที่มีโซฟาสี่ตัวเข้าชุดกันตั้งอยู่กลางห้อง หนังสือหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปรัชญา การทูต ดนตรี ฯลฯ มีแม้กระทั่งตำราอาหาร ทั้งไทย อิตาเลี่ยน ญี่ปุ่น จีน หรือจะเป็นของอัลนาลลาเองก็ยังมี ตั้งอยู่ที่ชั้นวางหนังสือใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ชิดริมกำแพง ทำให้รู้ได้ว่าเจ้าของห้องได้รับการศึกษามาอย่างดี และมีความใฝ่รู้ในเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ ทรงเปิดม่านสีน้ำเงินเข้มที่กั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอนไว้ ก้าวเข้าไปข้างใน แต่ก็ยังไม่เห็นร่างหญิงคนรักสักที
พลันสายพระเนตรของพระองค์ก็หันไปเห็นอะไรวูบไหวอยู่หลังฉากกั้นลายกนกแบบไทยบานใหญ่ แล้วรอยแย้มสรวลก็จุดที่มุมพระโอษฐ์ เพราะหลังฉากกั้นนั้น อารียาใช้เป็นที่แต่งตัว
องค์ดารีฟเดินไปที่ฉากกั้นนั้นอย่างเชื่องช้า พลางต่อว่าองค์เองในใจ
อย่าสั่นสิ ดารีฟ! อย่าสั่น เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งอัลนาลลา กะอีแค่เดินเข้าไปหานางในดวงใจ ทำไมต้องสั่งเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ กล้า ๆ หน่อย
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เดินเข้ามาใกล้ ทำให้ร่างงามที่กำลังแต่งตัวอยู่ส่งเสียงออกมา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผู้ที่เข้ามานั้นเป็นใคร
"ช่วยรูดซิปให้ รีย่า หน่อยสิ จาลา สงสัยรีย่าจะอ้วนขึ้น ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ขึ้นสักที รีย่ากลับไปอยู่กับป้าอรนะ โดนบังคับให้กินทั้งวันเลย กลัวอ้วนก็กลัวนะ แต่กลัวป้าอรเสียใจมากกว่า ดูสิ แล้วรีย่าก็อ้วนขึ้นจริง ๆ ถ้าเจ้านายของ จาลาเห็น จะหมดรักรีย่าไหมเนี่ย"
อารียาชวนคุย เพราะคิดว่าองค์ดารีฟเป็น จาลา นางกำนัลส่วนพระองค์ ที่ทรงโปรดให้มารับใช้นางอันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ และอารียาก็ช่างพูดช่างคุยอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ค่อยถือเนื้อถือตัว ทำให้สนิทสนมกับ จาลา เป็นอย่างดี
องค์ดารีฟยื่นพระหัตถ์ช่วยรูดซิปให้อารียาอย่างช้า ๆ เธอยังมีแก่ใจช่วยย่นชุดสวยตรงช่วงเอวด้านหลังให้เข้าหากัน เพื่อที่จะได้ช่วยรูดซิปขึ้นได้ง่าย ๆ
"ขอบใจจ๊ะ" เธอกล่าวขณะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับเจ้าของร่างที่ช่วยรูดซิปให้ ที่ยืนอยู่ด้านหลังผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้า ก่อนที่นางจะอึ้งไป เมื่อเห็นว่าผู้ที่ยืนอยู่เป็นใคร
สายตาที่สบประสานกัน บ่งบอกความในใจได้อย่างลึกซึ้งโดยไม่มีคำพูด แต่ถึงจะมี ต่างก็รู้ดีว่า ยังไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ เพราะความคิดถึงที่มีให้กันจนล้นหัวใจ ทำให้ทั้งชีคหนุ่ม และนางในดวงใจ ต่างต้องตกอยู่แต่ในภวังค์ของตนเอง
ความคิดเห็น