ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : มิตรภาพในวันสิ้นอิสรภาพ
อาการกระสับกระส่าย ไขว่คว้าของเจ้าของร่างงามบนเตียงนอนไม้ลายฉลุงดงามหลังหใญ่นั้น ทไห้การเดินอย่างช้า ๆ เงียบกริบ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ที่หลับสนิท เปลี่ยนเป็นเดินเร็วขึ้น สองมือเอื้อมไปรวมมือเรียวยาวไว้ พลางพยายามฟังเสียงพึมพำจากร่างงาม ที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ
\"อย่าไป อนาคิน... อย่าทิ้งมินตาไป\" ดวงดางามสองข้าง ชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา สองมือสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม เพื่อไขว่คว้าหาสิ่งที่เธอต้องการ
\"องค์หญิงเพคะ... องค์หญิง\" เสียงเรียกของพระพี่เลี้ยงที่ดังอยู่ข้างพระกรรณนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้าหญิงรมินตารู้สึกพระองค์ ยังคมพึมพำต่อไป
\"ได้โปรดฟังมินตาก่อน มินตาขอโทษ มินตารักคุณ อย่าทิ้งมินตาไป\"
แรงสะอื้นที่มีมากขึ้น ทำให้ซาเดียร์ตัดสินใจเขย่าร่างงามนั้นโดยแรง พร้อมกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นกว่าเดิม
เจ้าหญิงรมินตาสะดุ้งสุดองค์ แรงสะอื้น และอาการกระสับกระส่ายไขว่คว้าหยุดลงโดยฉับพลัน หากแต่น้ำตายังไหลไม่หยุด ดวงตากลมโต จ้องมองพระพี่เลี้ยงอยู่เป็นครู่ แล้วจึงสะบัดพระพักตร์เบา ๆ เหมือนกับจะขับไล่ความงุนงง ก่อนที่พระองค์จะถาโถมเข้ากอด ซาเดียร์ไว้แน่น
\"พระองค์ทรงเป็นอะไรไปเพคะ\" ซาเดียร์ถามพร้อมกับกระชับกอดเจ้าหญิงที่เธอรักไว้
\"อนาคิน เขามาลาหญิง ซาเดียร์ เขาโกรธหญิง เขาไม่ฟังหญิงอธิบายเลย\" เป็นครู่กว่าที่เจ้าหญิงรมินตาจะเอ่ยกับพระพี่เลี้ยงได้
\"โธ่...องค์หญิงของซาเดียร์\" พระพี่เลี้ยงครางอย่างสงสารเจ้าหญิงรมินตาจับใจ
เห็นมาแต่อ้อนแต่ออก เลื้ยงมาเองกับมือตั้งแต่แบเบาะจนเติบใหญ่ เป็นเจ้าหญิงที่เพียบพร้อม งดงาม ทำให้เจ้าหญิงรมินตากับซาเดียร์ผูกพันอย่างแนบแน่น ออกจะมากกว่าการเป็นพระพี่เลี้ยงเสียด้วยซ้ำ ไม่มีเสียละที่ซาเดียร์จะไม่รู้ว่าองค์หญิงของเธอเจ็บซ้ำเพียงใด การที่ต้องพลัดพรากจากคนที่รักก็ออกจะทำใจลำบากอยู่แล้ว แต่การที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่า แม้ว่าคน ๆ นั้น จะเป็นถึง ชีคดารีฟ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นอัลนาลลา ก็ตาม
\"มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นเพคะ องค์หญิงอย่าคิดมากเลย\" พระพี่เลี้ยงปลอบ
\"หญิงจะทำอย่างไรดี ซาเดียร์ ความรู้สึกผิดในใจหญิงถึงจะหมดไป\" เจ้าหญิงรมินตาครวญ ยังจำแววตาเจ็บปวดของชายคนรักในความฝันได้เป็นอย่างดี
\"นึกถึงหน้าที่สิเพคะ หน้าที่ที่พระองค์ต้องทรงทำ หม่อมฉันเชื่อว่า ถ้าท่านอนาคินทราบ ท่านจะต้องภูมิใจ ที่คนรักของท่านยอมเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อแลกกับความสุขของปวงชนชาวซัลซาลา\" พระพี่เลี้ยงให้ความเชื่อมั่นกับดวงใจน้อย ๆ นั้น
\"ทำไมต้องเป็นหญิงด้วย\" น้ำเสียงกึ่งน้อยใจกึ่งตัดพ้อ
\"ก็เพราะพระองค์คือ เจ้าหญิงรมินตา แห่งแคว้นซัลซาลา ไงเพคะ\" ซาเดียร์กอดปลอบประโลมเจ้าหญิงผู้งดงามอยู่เป็นครู่ ก่อนจะบอกถึงสิ่งที่เธอตั้งใจเข้ามาปลุกบรรทม
\"ลงสรงเถิดเพคะ องค์หญิง เย็นมากแล้ว เตรียมตัวเข้าเฝ้าชีคดารีฟเถิเพคะ หม่อมฉันจะแต่งองค์ถวาย\"
พระทับเจ้าหญิงงามกระตุกวูบ ถึงเวลาแล้วหรือนี่ เวลาที่เราจะต้องถวายตัวกับชีคดารีฟ ทำไมถึงได้เร็วนัก
เจ้าหญิงรมินตาพร้อมคณะพระพี่เลี้ยงเดินทางจากแคว้นซัลซาลา มาถึงแคว้นอัลนาลลาเมื่อตอนสายของวันนี้ หลังจากที่ราชองครักษ์นำมาที่ตำหลักที่ประทับแห่งนี้ ซาเดียร์ก็วุ่นวายอยู่กับการจัดเก็บข้าวของ พระองค์ช่วยหยิบโน่น จับนี่อยู่พักใหญ่ ซาเดียร์จึงนำเสด็จมาพักผ่อน ด้วยความที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ทำให้พระองค์บรรทมหลับสนิทโดยไม่รู้ตัว ซาเดียร์เดินเข้ามาดูหลายรอบ แต่ไม่คิดจะปลุกบรรทม อยากให้พระองค์พักผ่อนให้มาก เพื่อที่จะได้สดชื่นสำหรับงานพิธีถวายองค์ในค่ำวันนี้
ซาเดียร์นำเจ้าหญิงรมินตาเข้ามายังส่วนที่เป็นห้องสรง อ่างอาบน้ำใบย่อม แต่งดงามหรูหราสมฐานะตั้งอยู่กลางห้อง ภายในอ่างบรรจุน้ำอยู่เต็มพร้อมกลีบกุหลาบหอม พระองค์หย่อนองค์ลง น้ำอุ่นทำให้พระองค์รู้สึกผ่อนคลาย พระเกศาเงางามยาวสยายเต็มแผ่นหลัง พระพี่เลี้ยงช่วยสระพระเกษา พร้อมกับใช้ผ้าขาวสะอาดช่วยขัดถูพระวรกายของเจ้าหญิงงามอย่างเบามือ เกร็ดสบู่หอมกำจายละลายลงในอ่างอาบน้ำทำให้ร่างนั้นหอมกรุ่นยิ่งขึ้น
เสร็จจากการสรง ซาเดียร์ใช้ผ้าขาวสะอาดผืนใหญ่ ซับน้ำออกจากร่างงาม ลงน้ำมันหอมให้ทั่วองค์ ก่อนจะเรียกให้สาวใช้ที่ติดตามมาจากแคว้นซัลซาลา นำฉลองพระองค์สีฟ้าน้ำทะเลเข้ามาให้องค์หญิงแต่งองค์ พระเกศายางถูกพระพี่เลี้ยงถักเป็นเปียสวยงามรอบพระเศียร พระพักตร์แต้มสีอ่อน ๆ ทำให้ใบหน้างามดูอ่อนโยน หวานซึ้ง
วรองค์ที่ฉายอยู่ในพระฉายกรอบฉลุลายกุหลาบบานใหญ่ ช่างงดงามยิ่งนักในสายตาของพระพี่เลี้ยงซาเดียร์
ทางเดินจากตำหนักเจ้าหญิงรมินตาสู่ห้องพิธีถวายตัวทอดยาว ขนาบข้างด้วยทหารราชองครักษ์เป็นระยะ พระองค์ดำเนินอย่างเชื่องช้า มั่นคง และสง่างาม หากแต่ก็ยังรู้สึกว่าเร็วเกินไป พระองค์อยากให้ทางเดินนี้ยาวไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เพราะพระองค์รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินเข้าสู่ห้องประหารชีวิต ห้องที่จะฆ่าพระองค์ให้ตายทั้งเป็น
ปลายทางเดินคือห้องพิธี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงสาวนางหนึ่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงเพลิง ดูร้อนแรง แต่งดงามสมกับร่างบางแต่สมส่วน ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง หลังของนางมีหญิงสาวอีกสองคนยืนสงบนิ่ง แต่เมื่อพระองค์ดำเนินเข้าไปใกล้หญิงสาวสองคนก็หันมาทำความเคารพพระองค์ พร้อมกับซาเดียร์ก็ทำความเคารพหญิงสาวนางนั้นเช่นกัน
"เจ้าหญิงโซเฟียน่า เจ้าหญิงรัชทายาท แห่งแคว้นอัซซินลา เพคะ" พระพี่เลี้ยงซาเดียร์กระซิบทูลเจ้าหญิงรมินตา
เจ้าหญิงรัชทายาท มิน่าละ ถึงได้ดูสง่างาม และทรงอำนาจยิ่งนัก พระองค์ทรงนึกชื่นชมอยู่ในพระทัย
"ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท หม่อมฉัน รมินตา แห่งแคว้นซัลซาลา เพคะ" พระองค์ทำความเคารพ
"หม่อมฉันโซเฟียน่า จากแคว้นอัซซินลา เพคะ" เจ้าหญิงโซเฟียน่าแนะนำองค์ ดวงเนตรคมดุของพระองค์ทอดพระเนตรเข้าหญิงแห่งแคว้นซัลซาลาเบื้องพระพักตร์
ดวงเนตรกลมโต หวานซึ้ง พระโอษฐ์รูปกระจับมีสีระเรื่อ วรกายแบบบางน่าทนุถนอม ฉลองพระองค์สีฟ้าเรียบหรูนั้น ส่งให้ดวงพักตร์ผุดผาด ผ่องใสขึ้น ช่างอ่อนหวาน งดงาม สมกับคำล่ำลื่อจริง ๆ
ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่เหมือนกับจะวัดใจซึ่งกันและกัน เจ้าหญิงสองแคว้นมองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เพียงแต่แววตาที่สบกันนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พระองค์หนึ่งแววตาดุ กร้าว ทรงอำนาจ ราวกับจะแผดเผาทุกคนให้เป็นจุลได้ หากพระองค์ต้องการ
พระองค์หนึ่งแววตาหวานระคนเศร้า แต่กลับส่องประกายความสดใสร่าเริง อย่างพร้อมที่จะให้ความสุขกับทุกคนที่ได้ใกล้ชิด
"หม่อมฉันได้ยินมาว่า เจ้าหญิงที่จะเข้าถวายตัวในวันนี้ มีเพียงหม่อมฉันกับพระองค์เท่านั้น ส่วนอีก 3 คน เป็นลูกสาวของข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ของที่นี่ พระองค์ทรงทราบหรือไม่เพคะ" เจ้าหญิงโซเฟียน่าตรัสถามทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้น
"ไม่ทราบเลยเพคะ หม่อมฉันนึกว่าจะมีเจ้าหญิงจากแคว้นอื่นอีก"
"เจ้าหญิงแคว้นอื่นมีคู่หมั้นคู่หมายกันหมดแล้ว คงเหลือแค่เราสองคนนี่ละเพคะ" เจ้าหญิงโซเฟียน่าลงเสียงหนักในคำว่า เราสองคน ราวกับจะบอกว่า ไม่เธอก็ฉันนี่แหละ ที่จะต้องเป็นราชินีแห่งแคว้นอัลนาลลา
"พระองค์ตรัสราวกับว่า พระองค์ไม่เต็มพระทัยที่จะมาที่นี่" เจ้าหญิงรมินตาตรัสถาม
"หรือว่าพระองค์ เต็มพระทัย" เจ้าหญิงโซเฟียน่าตรัสยอกย้อน ซึ่งก็ทำให้เจ้าหญิงรมินตาอึ้งไป ก่อนจะตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก
"จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ หม่อมฉันก็ยินดีที่จะทำเพื่อแคว้นซัลซาลา เพคะ"
เจ้าหญิงโซเฟียน่ากระตุกยิ้มที่มุมพระโอษฐ์ รู้สึกสมเพชทั้งพระองค์เอง และเจ้าหญิงแห่งซัลซาลายิ่งนัก แม้พระองค์จะเป็นถึงเจ้าหญิงรัชทายาท ซึ่งดูเหมือนมีอำนาจล้นมือ แต่ก็ยังต้องอยู่ใต้อำนาจของผู้ชายอยู่ดี
ยิ่งเป็นแคว้นที่มีพระสนมเอกเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่รู้กันเป็นการภายในว่า ผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงคือ เสนาบดีผู้กุมอำนาจทางทหารทั้งหมด และเป็นสามีแบบลับ ๆ ของพระนาง อย่างอัซซินลาด้วยแล้ว เจ้าหญิงรัชทายาทอย่างพระองค์ ยิ่งแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย
เจ้าหญิงรมินตาก็คงจะไม่ต่างกัน
ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระองค์เอง หรือจะเป็นเจ้าหญิงรมินตา ต่างก็ไม่อยากครอบครองตำแหน่งราชินีแห่งแคว้นอัลนาลลา เหมือน ๆ กัน
แต่สิ่งที่จะต้องมีเหมือน ๆ กัน ก็คือ การที่จะต้องมีพระสวามี คนเดียวกัน
ประตูบานใหญ่ที่กั้นระหว่างเจ้าหญิงสองแคว้น กับห้องพิธีถวายตัวเปิดออก คาวาร์ในชุดราชองครักษ์เต็มยศ เดินเข้ามาทำความเคารพเจ้าหญิงทั้งสอง
"พระราชพิธีด้านในพร้อมแล้ว เชิญเสด็จ พระเจ้าค่ะ"
ความหวั่นไหวฉายชัดในดวงเนตรเจ้าหญิงรมินตา จนเจ้าหญิงโซเฟียน่าอดที่จะสงสารไม่ได้ ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปกอบกุมพระหัตถ์น้อยไว้อย่างปลอบใจ
ปลอบใจเจ้าหญิงรมินตา และพระองค์เอง
"ได้เวลาที่เราต้องทำหน้าที่ของเราแล้ว เพคะ"
เจ้าหญิงรมินตาผินพระพักตร์ไปทางห้องพิธี ก่อนจะหันมาพยักพระพักตร์กับเจ้าหญิงโซเฟียน่า
"แล้วต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดด้วยเพคะ"
เจ้าหญิงสองแคว้นทรงแย้มพระสรวลปลอบพระทัยให้กันและกัน ความเป็นมิตรก่อตัวขึ้นทีละน้อย ๆ ก่อนที่จะดำเนินเข้าสู่ห้องพิธี
\"อย่าไป อนาคิน... อย่าทิ้งมินตาไป\" ดวงดางามสองข้าง ชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา สองมือสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม เพื่อไขว่คว้าหาสิ่งที่เธอต้องการ
\"องค์หญิงเพคะ... องค์หญิง\" เสียงเรียกของพระพี่เลี้ยงที่ดังอยู่ข้างพระกรรณนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้าหญิงรมินตารู้สึกพระองค์ ยังคมพึมพำต่อไป
\"ได้โปรดฟังมินตาก่อน มินตาขอโทษ มินตารักคุณ อย่าทิ้งมินตาไป\"
แรงสะอื้นที่มีมากขึ้น ทำให้ซาเดียร์ตัดสินใจเขย่าร่างงามนั้นโดยแรง พร้อมกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นกว่าเดิม
เจ้าหญิงรมินตาสะดุ้งสุดองค์ แรงสะอื้น และอาการกระสับกระส่ายไขว่คว้าหยุดลงโดยฉับพลัน หากแต่น้ำตายังไหลไม่หยุด ดวงตากลมโต จ้องมองพระพี่เลี้ยงอยู่เป็นครู่ แล้วจึงสะบัดพระพักตร์เบา ๆ เหมือนกับจะขับไล่ความงุนงง ก่อนที่พระองค์จะถาโถมเข้ากอด ซาเดียร์ไว้แน่น
\"พระองค์ทรงเป็นอะไรไปเพคะ\" ซาเดียร์ถามพร้อมกับกระชับกอดเจ้าหญิงที่เธอรักไว้
\"อนาคิน เขามาลาหญิง ซาเดียร์ เขาโกรธหญิง เขาไม่ฟังหญิงอธิบายเลย\" เป็นครู่กว่าที่เจ้าหญิงรมินตาจะเอ่ยกับพระพี่เลี้ยงได้
\"โธ่...องค์หญิงของซาเดียร์\" พระพี่เลี้ยงครางอย่างสงสารเจ้าหญิงรมินตาจับใจ
เห็นมาแต่อ้อนแต่ออก เลื้ยงมาเองกับมือตั้งแต่แบเบาะจนเติบใหญ่ เป็นเจ้าหญิงที่เพียบพร้อม งดงาม ทำให้เจ้าหญิงรมินตากับซาเดียร์ผูกพันอย่างแนบแน่น ออกจะมากกว่าการเป็นพระพี่เลี้ยงเสียด้วยซ้ำ ไม่มีเสียละที่ซาเดียร์จะไม่รู้ว่าองค์หญิงของเธอเจ็บซ้ำเพียงใด การที่ต้องพลัดพรากจากคนที่รักก็ออกจะทำใจลำบากอยู่แล้ว แต่การที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่า แม้ว่าคน ๆ นั้น จะเป็นถึง ชีคดารีฟ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นอัลนาลลา ก็ตาม
\"มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นเพคะ องค์หญิงอย่าคิดมากเลย\" พระพี่เลี้ยงปลอบ
\"หญิงจะทำอย่างไรดี ซาเดียร์ ความรู้สึกผิดในใจหญิงถึงจะหมดไป\" เจ้าหญิงรมินตาครวญ ยังจำแววตาเจ็บปวดของชายคนรักในความฝันได้เป็นอย่างดี
\"นึกถึงหน้าที่สิเพคะ หน้าที่ที่พระองค์ต้องทรงทำ หม่อมฉันเชื่อว่า ถ้าท่านอนาคินทราบ ท่านจะต้องภูมิใจ ที่คนรักของท่านยอมเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อแลกกับความสุขของปวงชนชาวซัลซาลา\" พระพี่เลี้ยงให้ความเชื่อมั่นกับดวงใจน้อย ๆ นั้น
\"ทำไมต้องเป็นหญิงด้วย\" น้ำเสียงกึ่งน้อยใจกึ่งตัดพ้อ
\"ก็เพราะพระองค์คือ เจ้าหญิงรมินตา แห่งแคว้นซัลซาลา ไงเพคะ\" ซาเดียร์กอดปลอบประโลมเจ้าหญิงผู้งดงามอยู่เป็นครู่ ก่อนจะบอกถึงสิ่งที่เธอตั้งใจเข้ามาปลุกบรรทม
\"ลงสรงเถิดเพคะ องค์หญิง เย็นมากแล้ว เตรียมตัวเข้าเฝ้าชีคดารีฟเถิเพคะ หม่อมฉันจะแต่งองค์ถวาย\"
พระทับเจ้าหญิงงามกระตุกวูบ ถึงเวลาแล้วหรือนี่ เวลาที่เราจะต้องถวายตัวกับชีคดารีฟ ทำไมถึงได้เร็วนัก
เจ้าหญิงรมินตาพร้อมคณะพระพี่เลี้ยงเดินทางจากแคว้นซัลซาลา มาถึงแคว้นอัลนาลลาเมื่อตอนสายของวันนี้ หลังจากที่ราชองครักษ์นำมาที่ตำหลักที่ประทับแห่งนี้ ซาเดียร์ก็วุ่นวายอยู่กับการจัดเก็บข้าวของ พระองค์ช่วยหยิบโน่น จับนี่อยู่พักใหญ่ ซาเดียร์จึงนำเสด็จมาพักผ่อน ด้วยความที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ทำให้พระองค์บรรทมหลับสนิทโดยไม่รู้ตัว ซาเดียร์เดินเข้ามาดูหลายรอบ แต่ไม่คิดจะปลุกบรรทม อยากให้พระองค์พักผ่อนให้มาก เพื่อที่จะได้สดชื่นสำหรับงานพิธีถวายองค์ในค่ำวันนี้
ซาเดียร์นำเจ้าหญิงรมินตาเข้ามายังส่วนที่เป็นห้องสรง อ่างอาบน้ำใบย่อม แต่งดงามหรูหราสมฐานะตั้งอยู่กลางห้อง ภายในอ่างบรรจุน้ำอยู่เต็มพร้อมกลีบกุหลาบหอม พระองค์หย่อนองค์ลง น้ำอุ่นทำให้พระองค์รู้สึกผ่อนคลาย พระเกศาเงางามยาวสยายเต็มแผ่นหลัง พระพี่เลี้ยงช่วยสระพระเกษา พร้อมกับใช้ผ้าขาวสะอาดช่วยขัดถูพระวรกายของเจ้าหญิงงามอย่างเบามือ เกร็ดสบู่หอมกำจายละลายลงในอ่างอาบน้ำทำให้ร่างนั้นหอมกรุ่นยิ่งขึ้น
เสร็จจากการสรง ซาเดียร์ใช้ผ้าขาวสะอาดผืนใหญ่ ซับน้ำออกจากร่างงาม ลงน้ำมันหอมให้ทั่วองค์ ก่อนจะเรียกให้สาวใช้ที่ติดตามมาจากแคว้นซัลซาลา นำฉลองพระองค์สีฟ้าน้ำทะเลเข้ามาให้องค์หญิงแต่งองค์ พระเกศายางถูกพระพี่เลี้ยงถักเป็นเปียสวยงามรอบพระเศียร พระพักตร์แต้มสีอ่อน ๆ ทำให้ใบหน้างามดูอ่อนโยน หวานซึ้ง
วรองค์ที่ฉายอยู่ในพระฉายกรอบฉลุลายกุหลาบบานใหญ่ ช่างงดงามยิ่งนักในสายตาของพระพี่เลี้ยงซาเดียร์
ทางเดินจากตำหนักเจ้าหญิงรมินตาสู่ห้องพิธีถวายตัวทอดยาว ขนาบข้างด้วยทหารราชองครักษ์เป็นระยะ พระองค์ดำเนินอย่างเชื่องช้า มั่นคง และสง่างาม หากแต่ก็ยังรู้สึกว่าเร็วเกินไป พระองค์อยากให้ทางเดินนี้ยาวไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เพราะพระองค์รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินเข้าสู่ห้องประหารชีวิต ห้องที่จะฆ่าพระองค์ให้ตายทั้งเป็น
ปลายทางเดินคือห้องพิธี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงสาวนางหนึ่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงเพลิง ดูร้อนแรง แต่งดงามสมกับร่างบางแต่สมส่วน ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง หลังของนางมีหญิงสาวอีกสองคนยืนสงบนิ่ง แต่เมื่อพระองค์ดำเนินเข้าไปใกล้หญิงสาวสองคนก็หันมาทำความเคารพพระองค์ พร้อมกับซาเดียร์ก็ทำความเคารพหญิงสาวนางนั้นเช่นกัน
"เจ้าหญิงโซเฟียน่า เจ้าหญิงรัชทายาท แห่งแคว้นอัซซินลา เพคะ" พระพี่เลี้ยงซาเดียร์กระซิบทูลเจ้าหญิงรมินตา
เจ้าหญิงรัชทายาท มิน่าละ ถึงได้ดูสง่างาม และทรงอำนาจยิ่งนัก พระองค์ทรงนึกชื่นชมอยู่ในพระทัย
"ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท หม่อมฉัน รมินตา แห่งแคว้นซัลซาลา เพคะ" พระองค์ทำความเคารพ
"หม่อมฉันโซเฟียน่า จากแคว้นอัซซินลา เพคะ" เจ้าหญิงโซเฟียน่าแนะนำองค์ ดวงเนตรคมดุของพระองค์ทอดพระเนตรเข้าหญิงแห่งแคว้นซัลซาลาเบื้องพระพักตร์
ดวงเนตรกลมโต หวานซึ้ง พระโอษฐ์รูปกระจับมีสีระเรื่อ วรกายแบบบางน่าทนุถนอม ฉลองพระองค์สีฟ้าเรียบหรูนั้น ส่งให้ดวงพักตร์ผุดผาด ผ่องใสขึ้น ช่างอ่อนหวาน งดงาม สมกับคำล่ำลื่อจริง ๆ
ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่เหมือนกับจะวัดใจซึ่งกันและกัน เจ้าหญิงสองแคว้นมองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เพียงแต่แววตาที่สบกันนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พระองค์หนึ่งแววตาดุ กร้าว ทรงอำนาจ ราวกับจะแผดเผาทุกคนให้เป็นจุลได้ หากพระองค์ต้องการ
พระองค์หนึ่งแววตาหวานระคนเศร้า แต่กลับส่องประกายความสดใสร่าเริง อย่างพร้อมที่จะให้ความสุขกับทุกคนที่ได้ใกล้ชิด
"หม่อมฉันได้ยินมาว่า เจ้าหญิงที่จะเข้าถวายตัวในวันนี้ มีเพียงหม่อมฉันกับพระองค์เท่านั้น ส่วนอีก 3 คน เป็นลูกสาวของข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ของที่นี่ พระองค์ทรงทราบหรือไม่เพคะ" เจ้าหญิงโซเฟียน่าตรัสถามทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้น
"ไม่ทราบเลยเพคะ หม่อมฉันนึกว่าจะมีเจ้าหญิงจากแคว้นอื่นอีก"
"เจ้าหญิงแคว้นอื่นมีคู่หมั้นคู่หมายกันหมดแล้ว คงเหลือแค่เราสองคนนี่ละเพคะ" เจ้าหญิงโซเฟียน่าลงเสียงหนักในคำว่า เราสองคน ราวกับจะบอกว่า ไม่เธอก็ฉันนี่แหละ ที่จะต้องเป็นราชินีแห่งแคว้นอัลนาลลา
"พระองค์ตรัสราวกับว่า พระองค์ไม่เต็มพระทัยที่จะมาที่นี่" เจ้าหญิงรมินตาตรัสถาม
"หรือว่าพระองค์ เต็มพระทัย" เจ้าหญิงโซเฟียน่าตรัสยอกย้อน ซึ่งก็ทำให้เจ้าหญิงรมินตาอึ้งไป ก่อนจะตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก
"จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ หม่อมฉันก็ยินดีที่จะทำเพื่อแคว้นซัลซาลา เพคะ"
เจ้าหญิงโซเฟียน่ากระตุกยิ้มที่มุมพระโอษฐ์ รู้สึกสมเพชทั้งพระองค์เอง และเจ้าหญิงแห่งซัลซาลายิ่งนัก แม้พระองค์จะเป็นถึงเจ้าหญิงรัชทายาท ซึ่งดูเหมือนมีอำนาจล้นมือ แต่ก็ยังต้องอยู่ใต้อำนาจของผู้ชายอยู่ดี
ยิ่งเป็นแคว้นที่มีพระสนมเอกเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่รู้กันเป็นการภายในว่า ผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงคือ เสนาบดีผู้กุมอำนาจทางทหารทั้งหมด และเป็นสามีแบบลับ ๆ ของพระนาง อย่างอัซซินลาด้วยแล้ว เจ้าหญิงรัชทายาทอย่างพระองค์ ยิ่งแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย
เจ้าหญิงรมินตาก็คงจะไม่ต่างกัน
ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระองค์เอง หรือจะเป็นเจ้าหญิงรมินตา ต่างก็ไม่อยากครอบครองตำแหน่งราชินีแห่งแคว้นอัลนาลลา เหมือน ๆ กัน
แต่สิ่งที่จะต้องมีเหมือน ๆ กัน ก็คือ การที่จะต้องมีพระสวามี คนเดียวกัน
ประตูบานใหญ่ที่กั้นระหว่างเจ้าหญิงสองแคว้น กับห้องพิธีถวายตัวเปิดออก คาวาร์ในชุดราชองครักษ์เต็มยศ เดินเข้ามาทำความเคารพเจ้าหญิงทั้งสอง
"พระราชพิธีด้านในพร้อมแล้ว เชิญเสด็จ พระเจ้าค่ะ"
ความหวั่นไหวฉายชัดในดวงเนตรเจ้าหญิงรมินตา จนเจ้าหญิงโซเฟียน่าอดที่จะสงสารไม่ได้ ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปกอบกุมพระหัตถ์น้อยไว้อย่างปลอบใจ
ปลอบใจเจ้าหญิงรมินตา และพระองค์เอง
"ได้เวลาที่เราต้องทำหน้าที่ของเราแล้ว เพคะ"
เจ้าหญิงรมินตาผินพระพักตร์ไปทางห้องพิธี ก่อนจะหันมาพยักพระพักตร์กับเจ้าหญิงโซเฟียน่า
"แล้วต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดด้วยเพคะ"
เจ้าหญิงสองแคว้นทรงแย้มพระสรวลปลอบพระทัยให้กันและกัน ความเป็นมิตรก่อตัวขึ้นทีละน้อย ๆ ก่อนที่จะดำเนินเข้าสู่ห้องพิธี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น