ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สัญญาใต้เงาจันทร์... หัวใจฉันมีเพียงเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : ชีคดารีฟ+อารียา

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 52


    ณ แคว้นอัลนาลลา

    ประตูบานใหญญที่ทั้งหนาแลหนัก แต่วิจิตรงดงามด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงสถานภาพของผู้เป็นเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีนั้น เปิดออกโดยที่อนาคินยังไม่ทันได้เคาะ ร่างที่เดินแกมวิ่งจนเกือบจะชนกับเขา หากชงักเท้าไว้ได้ทันนั้น บอกได้ว่าอกสั่นขวัญแขวนแค่ไหน เมื่อจาลาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ก็ถอนหายใจอย่างโล่งออก

     \"โอ๊ย...ท่านอนาคิน หายไปไหนมา\"
     
    เขาเกือบจะหัวเราะ เมื่อมืออวบหนาของจาลา นางต้นห้องขององค์ดารีฟ คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของเขา กึ่งลากกึ่งจูงให้เข้าไปด้านใน โดยไม่รอฟังคำตอบจากเขา แต่ก็ดี เพราะถ้านางรู้ว่าทำไมเขาถึงได้มาช้าละก็ เขาคงตายเพราะมือของนางมากกว่านายเหนือหัวที่อยู่ในห้องแน่ ๆ

    \"นี่ถ้ามาช้ากว่านี้อีกติดเดียว เราคงไม่ได้นอนกันทั้งคืนแน่ ๆ\" เราในที่นี้คงหมายถึงจาลา กับคาร์วา ราชองครักษ์ประจำพระองค์อีกคน

    ห้องกว้างมืดมิด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาทำให้ทั่วทั้งห้องดูเลือนราง คาร์วายืนอยู่ชิดกับโต๊ะตัวเล็ก มีเก้าอี้ 2 ตัวเข้าชุดกันตั้งอยู่เกือบจะชิดริมหน้าต่างบานใหญ่ มีอาหารตั้งอยู่เต็มพื้นที่ของโต๊ะ แต่มิได้พร่องลงแม้แต่น้อย แสดงว่าเจ้าของห้องไม่ได้แตะต้องอาหารที่วางไว้เลย
     
    อนาคินทำความเคารพองค์ดารีฟ สายตามองไปยังอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับมามองคาร์วาเป็นเชิงถาม

    \"ตั้งแต่นายออกไป ฝ่าบาทก็ไม่ทรงเสวยอะไรเลย\" คาร์วาตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน

    อนาคิน หันกลับไปมองร่างสูง สง่างาม รัศมีความมีอำนาจแผ่กระจายไปทั่ว ที่ยืนอยู่นิ่งอยู่ริมหน้าต่าง พระหัตถ์กำกระดาษแผ่นหนึ่งไว้แน่น

    \"แม่ฝากขนมมา เสวยสักนิดไหม จะให้จาลานำมาถวาย\" โดยไม่รอคำตอบ จาลาเดินกลับออกไปนอกห้อง สักครู่ก็กลับเข้ามาพร้อมถาดขนมในมือ

    เป็นที่รู้กันว่า อาหารและขนมของพระนางอริสรา พระนมของชีคดารีฟ และเป็นมารดาของอนาคินนั้น เป็นที่ถูกพระทัยของชีคดารีฟมากเพียงใด ด้วยพระนางเป็นคนไทย จึงมักทำอาหารและขนมแบไทย ส่งมาให้พระองค์ได้เสวยเสมอ

    \"ทำไม รีย่า ถึงไม่กลับมา\" ชีคดารีฟตั้งคำถาม โดยไม่สนใจขนมสีสันสวยงามที่จาลานำมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเลื่อนอาหารอย่างอื่นออกไป

    \"พ้นวันถวายตัว รีย่าจะกลับมาเอง\" ด้วยอยู่ในที่รโหฐาน ผู้ที่เป็นนายเหนือหัวและเป็นเพื่อรัก จึงไม่ต้องระวังคำพูด

    \"แต่เราอยากให้รีย่าอยุ่ด้วย ในวันนั้น\"

    \"เพื่ออะไร\" อนาคินถามอย่างไม่เข้าใจ

    \"เพื่อให้นางเห็นว่า เราเลือกเพราะเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำเพื่อแคว้นอัลนาลลา\" คำตอบที่หนักแน่นนั้น ทำให้อนาคินต้องถอนหายใจ

    \"รีย่ากำลังทำหน้าที่ของนางเช่นกัน ไม่อย่างนั้น นางจะไปหรือ\"

    องค์ดารีฟทอดพระเนตรออกไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า พระจันทร์สวยนักในคืนนี้ แต่มันคงจะสวยกว่านี้ ถ้ามีรีย่าอยู่ในอ้อมกอด และยืนชมจันทร์อยู่ด้วยกัน ดังเช่นทุกคืนที่ผ่านมา

    \"ออกไปให้หมด เราอยากอยู่คนเดียว\" น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็เฉียบขาดจนผู้ฟังไม่กล้าขัด ทั้งสามจึงทำความเคารพองค์ดารีฟ แล้วเดินออกไปเงียบ ๆ แต่องค์ดารีฟยังประทับอยู่ที่เดิม อยู่กับพระดำริของพระองค์เอง

    อารียา หรือ รีย่า ที่พระองค์เอ่ยถึง เป็นสาวไทยหน้าคม นัยน์ตาดุ แต่ก็อ่อนโยน อ่อนหวานจับจิตจับใจ นางเป็นหลานสาวของพระนาง อริสรา ตายที่ยังเป็นเด็ก ได้ตามพ่อแม่มาเยี่ยมพระนางบ่อย ๆ จนสนิทสนมเป็นเพื่อนเล่นกันมากับอนาคิน แต่ก็ห่าง ๆ กันไป เมื่อตอนที่อนาคินตามเสด็จองค์ดารีฟไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ ในฐานะราชองครักษ์ประจำพระองค์เสียหลายปี กลับมาพบกันอีกครั้ง นางก็โตเป็นสาว สวยบาดตาบาดใจ เป็นที่หลงใหลของผู้ชายหลายคน รวมทั้องค์ดารีฟ

    พระองค์ใช้เวลาไม่นาน ก็ได้หัวใจสาวน้อยอารียา ที่พระองค์เรียงติดพระโอษฐ์ว่า รีย่า มาครอบครอง ทุกวันทุกเวลาที่พระองค์อยู่กับนาง พระองค์รู้สึกถึงความรักที่อารียามีให้พระองค์ คอยเอาอกเอาใจ เป็นคู่คิดในยามที่พระองค์ต้องการคำปรึกษา เป็นคู่ใจในยามที่พระองค์อ่อนล้าทั้งกายใจ และเป็นอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่พระองค์อยากให้เป็น

    สุดท้าย อารียากลายเป็นหญิงที่ได้ครอบครองทั้งตัว และหัวใจของชีคดารีฟ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นอัลนาลลา

    ชีคดารีฟเดินทางไปถึงเมืองไทย เพียงเพื่อขออารียาจากบิดา มารดา ครั้งนั้น พระองค์สัญญาว่าจะดูแลรักษาดวงหทัยของพระองค์เป็นอย่างดี และจะรักนางเพียงคนเดียว รอเวลาที่พระองค์จะแต่งตั้งอารียาให้เป็นพระมเหสีอยู่เคียงข้างพระองค์ตลอดไป

    แล้วทำไมต้องมีกฎบ้า ๆ นั้นด้วย!

    กฎในการขึ้นครองบัลลังค์ กฎที่พระองค์ไม่เคยรู้ และไม่มีใครเคยบอก กฎที่ทำให้อารียาเลือกที่จะทิ้งพระองค์ไปในวันนี้

    กฎที่ว่ากษัตริย์ผู้ปกครองแคว้นอัลนาลลา จะต้องมีมเหสีที่เป็นเจ้าหญิงแห่งใดแห่งหนึ่ง ในแถบทะเลทรายนี้เท่านั้น

    หกเดือนนับจากพระองค์รับรู้ถึงกฎที่ต้องปฏิบัติ ทั้งพระองค์และอารียาต่างก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์ แม้ภายนอกพระองค์ยังคงเป็นนักปกครองผู้เข้มแข็ง ออกว่าราชการ และปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่มีที่ติ เป็นที่รักแก่ประชาชนของพระองค์ แต่ภายในพระทัย พระองค์ต้องร้อนลุ่มกับการต้องเป็นน้ำตาของอารียา หญิงผู้เป็นที่รักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้อารียาจะพยายามทำเป็นเข้มแข็ง และปรนนิบัติพระองค์อย่างเป็นปกติ แต่อารียาจะต้องเสียน้ำตาทุกครั้งในอ้อมกอดของพระองค์ ยามที่นางคิดว่าพระองค์หลับแล้ว

    ยิ่งใกล้วันถวายตัว อารียาก็ยิ่งเศร้าสร้อย เหม่อลอย

    แล้วในวันนี้ ตอนที่พระองค์กำลังเตรียมการจัดการต้อนรับเจ้าหญิงจากแคว้นต่าง ๆ ที่จะเข้ามาถวายตัวอยู่กับอนาคินนั้น จาลาก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง พระองค์อ่านตัวหนังสือสวยงามเป็นระเบียบและคุ้นสายพระเนตรอย่างรวดเร็ว ด้วยสีพระพักต์งุนงง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นซีดขาว แล้วค่อยส่งให้อนาคินอ่าน ทั้งสองสบตากัน และโดยไม่ต้องบอก อนาคินส่งคืนให้องค์ดารีฟและรีบหันหลังกลับออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

    \"ถ้ารีย่าไม่กลับมา เราจะไปตามนางด้วยตัวเอง\" เสียงที่ลอดไล่หลังมา อนาคินรู้ว่าไม่ใช่คำขู่ แต่พระองค์ทำจริง เพราะเคยเกิดเหตุอย่างนี้มาแล้วนั่นเอง

    อารียากลับมาที่บ้านของเขา และเหมือนนางจะรู้ว่าเขาจะต้องมาตาม เพราะเมื่อเขาโผล่หน้าเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ร่างเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องก็พูดขึ้นโดยไม่หันมามองว่าเป็นใคร

    \"ให้เลยวันถวายตัวก่อนได้ไหมพี่อาร์ม แล้วรีย่าจะกลับไป\"

    \"พระองค์จะได้มาตามด้วยองค์เอง\" พูดพร้อมกับนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้าม ทำให้เห็นใบหน้างามนั้นถนัดตา

    ไม่ได้พบกันเกือบเดือน เพราะเขาต้องเตรียมงามถวายตัวแทนองค์ดารีฟ ทำให้ไม่มีเวลา แต่ความห่วงใยไม่เคยจางไปจากใจเขา ข่าวคราวของอารียาผู้เป็นน้องสามเข้าหูเขาเป็นระยะ ๆ เริ่มจากเศร้าซึม ไม่สดใสร่าเริงอย่างที่เคยเป็น ไม่ค่อนกินข้าวปลาอาหาร แม้แต่อาหารที่แม่เขาส่งเข้าไปก็แทบจะไม่แตะต้อง จนทำให้ร่างกายซูบซีดลงไปเยอะ ใบหน้าที่เคยผ่องใสผุดผาด กลับหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด

    \"รีย่าไม่อยากทำให้พระองค์ต้องเป็นกังวล อีกแค่ 2 วันก็จะถึงวันถวายตัวแล้ว คงมีเจ้าหญิงมากมายมาให้พระองค์เลือก ถ้ารีย่าอยู่ จะทำให้พระองค์ลำบากใจ\"

    \"แต่ถ้ารีย่าไม่กลับไป คนที่ลำบากใจก็คือพี่\"

    \"บอกองค์ดารีฟเถอะคะพี่อาร์ม รีย่าไม่หนีไปไหนหรอก ขออยู่กับป้าอรสักพัก  สบายใจแล้วรีย่าจะกลับไปเอง\" อารียาสบตากับพี่ชายนิ่ง เอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น

    อนาคินขยับปากจะพูดต่อ แต่เสียงที่อยู่ทางด้านหลังทำให้ต้องเงียบ

    \"บอกองค์ดารีฟ พระองค์มีหน้าที่ที่จะต้องทำและควรจะต้องทำให้ดีที่สุด ขออย่าได้เป็นห่วงคนทางนี้ แม่จะดูแลให้เอง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยให้พระองค์มารับรีย่ากลับไป\"

    พระนางอริสรามายืนอยู่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ก็คงจะรับรู้เรื่องราวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไล่ให้อารียากลับวังเหมือนทุกครั้งที่นางหนีองค์ดารีฟมาที่นี่ เมื่อทั้งสองทะเลาะกัน และก่อนที่พระองค์จะออกมาตาม ด้วยคำพูดที่ติดปากว่า

    \"โตแล้ว อย่าทำเหมือนเด็กทะเลาะกัน\"

    แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ด้วยเป็นที่รู้กันว่า องค์ดารีฟและอารียานั้นรักกันมาเพียงใด

    อนาคินถอนหายใจเบา ๆ อย่างหนักใจ ก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืน เดินไปหอมแก้มผู้เป็นมารดา และกอดนางไว้

    \"ถ้าอย่างนั้น อาร์มกลับเลยนะครับแม่ จะได้ถึงวังก่อนค่ำ\" หากแต่เสียงกระซิบค่อย ๆ ที่ข้างหูพระนางอริสรานั้น ค่อนข้างไม่แน่ใจ

    \"อย่าให้รีย่าหนีกลับเมืองไทยนะแม่\" สองแม่ลูกสบตากัน ก่อนที่พระนางจะพนักหน้าเหมือนกับจะบอกว่า แม่จะไม่ปล่อยให้อารียาทำอย่างนั้น

    \"แม่ทำขนมไว้ เอาไปฝากฝ่าบาทด้วยนะ\"

    อนาคินขับรถกลับออกมาอย่างเหนื่อยใจ ตั้งใจจะกลับวัง แต่เมื่อรถจอดติดไปแดงอยู่เขาก็ก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ

    ยังพอมีเวลา เขาคิดในใจ เมื่อดวงไปเปลี่ยนเป็นสีเขียว แทนที่เขาจะขับตรงไปเพื่อกลับเข้าวัง เขากลับเลี้ยวรถไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×