ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เปิดโลกวิทยศาสตร์

    ลำดับตอนที่ #1 : เฉลยเหตุ "ดาร์วิน" เสียเวลา 20 ปีกว่าจะพิมพ์ "ทฤษฎีวิวัฒนาการ"

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 50


    บีบีซีนิวส์ – ถกเถียงกันมานานว่าเหตุใด "ชารลส์ ดาร์วิน" ถึงกว่าจะเผยแพร่ "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" ออกสู่สาธารณะ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามได้โอกาสหาว่าเขากลัวถูกหัวเราะเยาะ เพราะเป็นแนวคิดที่ขัดกับหลักทางศาสนา จำต้องเก็บไว้ก่อน ล่าสุดนักประวัติศาสตร์ผู้ศึกษาผลงานของดาร์วินกันอย่างจริงจังออกมาเฉลยว่า "กำเนิดสิ่งมีชีวิต" เป็นเรื่องที่ยากและครอบคลุมบริเวณกว้างมาก ต้องใช้เวลานานในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทำให้ดาร์วินเสียเวลาไปถึง 20 ปี กว่าจะพิมพ์หนังสือออกมาเป็นรูปเล่มได้
           
           ความคิดที่ว่า ชารลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในระยะแรกเริ่มโดยพิมพ์เป็นหนังสือ “On the Origin of Species” หรือ “กำเนิดสิ่งมีชีวิต” ล่าช้าถึง 20 ปี เหตุเพราะกลัวถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นนิทานหลอกเด็กนั้น มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดกันอีกครั้ง ขณะที่นักประวัติศาสตร์ผู้ศึกษาผลงานของดาร์วินอ้างว่า ไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่านักธรรมชาติวิทยาต้องการปกปิดทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolution theory) ของเขาเอง
           
           ดร.จอห์น ฟาน วายห์ (Dr John van Wyhe) นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ผู้ซึ่งศึกษาเรื่องราวของดาร์วินอย่างละเอียดยิบ ให้เหตุผลว่า นักวิทยาศาสตร์ย่อมต้องมีภารกิจเกี่ยวกับการเขียนผลงานต่างๆ และมีปัญหาเรื่องสุขภาพเข้ามาเป็นอุปสรรคของการทำงานอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้เขาได้วิเคราะห์เหตุกรณีของดาร์วินเผยแพร่ลงในวารสารของราชบัณฑิตยสภาอังกฤษ (the Royal Society)
           
           “ถ้าคุณได้อ่านสิ่งที่เขาเขียนลงในหนังสือ ซึ่งผมเรียกมันว่า “แกพเยียร์” (Gap years) จะเห็นว่ามีเอกสารอ้างอิงมากมายที่ส่งถึงบรรดาเพื่อนและญาติๆของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขามุ่งมั่นตั้งใจทำเพื่อศึกษาทฤษฎีที่เขาคิดขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาเผยแพร่ผลงานชิ้นอื่นที่สำเร็จแล้ว ปัญหาก็คือว่า งานชิ้นอื่นๆทำให้เขาอยู่ห่างไกลกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้” ดร.จอห์น ฟาน วายห์ กล่าวกับบีบีซีนิวส์
           
           งานอื่นๆ ที่ว่านี้ รวมทั้งการเขียนอธิบายถึงรายละเอียดของสัตว์ต่างๆ พืช และก้อนหิน ที่เขาพบเห็นเมื่อครั้งเดินทางไปยังเกาะกาลาปากอส (Galapagos) ด้วยการโดยสารไปกับเรือบีเกิล (HMS Beagle) ดูเหมือนกับว่าเขาใช้เวลามากเกินจำเป็นกับการพรรณนาถึงพวกเพรียงที่เกาะอยู่ใต้ท้องเรือซะมากกว่า ซึ่งเป็นคำกล่าวจากผู้ที่ไม่ค่อยพอใจ
           
           ทั้งที่ก็ได้มีคำอธิบายต่างๆ จากดาร์วินมากมายตลอดเวลาถึง 22 ปี ระหว่างที่รอการตีพิมพ์หนังสือ แต่ก็ยังมีบางคนหาว่าเขากล่าวเท็จ เพราะกลัวถูกเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ด้วยกันดูถูก คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขายังถูกก่อกวนจากฝ่ายศาสนจักร บางครั้งความคิดของเขายังสร้างความรำคาญให้กับภรรยาของเขาเอง หรือสะท้อนให้เห็นความวุ่นวายสับสนที่เป็นส่วนลึกข้างในจิตใจ
           
           ดังนั้น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จึงได้ มอบหมายให้ ดร.ฟาน วายห์ พิสูจน์ถึงมูลเหตุจูงใจที่แท้จริงของดาร์วิน นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่สำหรับทำการศึกษาเกี่ยวกับนักธรรมชาติวิทยาและทำการรวบรวมข้อมูลจากจดหมายเหตุ บันทึก และเอกสารต่างๆให้ได้จำนวนมากเพื่อเก็บไว้เป็นห้องสมุดออนไลน์
           
           ดร.ฟาน วายห์ ยังได้กล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบเอกสารต่างๆเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เห็นได้ชัดว่า ดาร์วิน ตั้งใจที่จะพิมพ์ผลงานออกเผยแพร่อยู่ตลอดเวลาในขณะนั้น
           
           “ดาร์วินตระหนักดีว่าทฤษฎีของเขาจะต้องไม่เป็นที่ยอมรับและถูกดูแคลนอย่างแน่นนอน แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวที่จะพูดในสิ่งที่เขาเชื่อว่ามันน่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งโครงการของเขาเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงและมีขอบเขตที่กว้างมาก ซึ่งต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ แต่เขาก็ยังทำงานอื่นด้วย ทำให้การเริ่มต้นงานเกี่ยวกับทฤษฎีของสิ่งมีชีวิตต้องล่าช้าออกไป” เขากล่าวเพิ่มเติม
           
           สำหรับกรณีที่ ดร.ฟาน วายห์ กล่าวถึง “ทรรศนะที่เสียเวลา” (Delay view) เห็นชัดว่ามีการรวบรวมข้อมูลมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1940 น่าจะเป็นการรับช่วงต่อมาจากผู้เขียนหลายๆคนก่อนหน้านั้น ซึ่งไม่ได้มีการเข้าถึงผลงานทั้งหมดของดาร์วิน
           
           เขากล่าวว่า การใช้เวลานานเพื่อบ่มเพาะความคิดและสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ อาจเป็นแบบฉบับการทำงานของดาร์วิน อย่างไรก็ดี หนังสือธรรมชาติวิทยาของกล้วยไม้ถูกตีพิมพ์กระทั่งผ่านไป 30 ปี หลังจากการค้นคว้า ส่วนหนังสือเรื่องเกี่ยวกับไส้เดือนก็พิมพ์เผยแพร่หลังจากที่เริ่มความคิดที่จะศึกษาถึง 42 ปี
           
           และเมื่อ “ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชี่ส์” ดำเนินมาถึงโรงพิมพ์ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกคาดเดาว่าจะเป็นเหตุให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว เพราะเป็นแนวคิดใหม่ และยังขัดกับความเชื่อเดิมของชาวคริสต์ ซึ่งเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสิ่งมีชีวิต แต่ในหนังสือของดาร์วินกลับบอกว่า ธรรมชาติเป็นตัวกำหนดให้เกิดสิ่งมีชีวิต แม้ว่าบางประการยังเป็นข้อข้องใจให้มีการโต้แย้งจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ตาม เช่นเดียวกับประเด็นของเรื่องมิติเวลาที่มีการกล่าวเกินจริง
           
           ชารลส์ ดาร์วิน เมื่ออายุ 22 ปี ได้ออกเดินทางไปกับเรือสำรวจโลก ซึ่งเขาได้ใช้เวลาเดินทางไปรอบโลกกับเรือบีเกิลเป็นเวลากว่า 5 ปี ระหว่างนั้นเขาได้พบเห็นถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายมหาศาล จึงเกิดความสงสัยเกี่ยวกับบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย และได้บันทึกลักษณะต่างๆของสิ่งมีชีวิตที่ได้พบเห็นรวมทั้งแนวความคิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเอาไว้อย่างละเอียด
           
           เขาศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มว่าต้องผ่านการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural Selection) และพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1859 โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “On the Origin of Species by Means of Natural Selection” และได้เขียนไว้ในหนังสือด้วยว่า แนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่านี้เริ่มอุบัติขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1837
           
           การสังเกตของดาร์วินที่ว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่มีการดำรงชีวิตอยู่ของแต่ละรุ่น ผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติที่คัดสรรเอาแต่สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะการดำรงชีวิตเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากที่สุดให้มีชีวิตอยู่และดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ ซึ่งได้กลายมาเป็นแนวคิดหลักทางด้านชีววิทยาและเป็นเหตุจูงใจให้เกิดการพยายามทำความเข้าใจในวิทยาศาสตร์อีกหลายสาขาในเวลาต่อมา

    ชารลส์ ดาร์วิน เจ้าของทฤษฎีวิวัฒนาการ ซึ่งต่อมามีบทบาทในการศึกษาวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆ

    “On the Origin of Species” ฉบับพิมพ์ครั้งแรก (ค.ศ.1859) มีลายมือของดาร์วินเขียนไว้ด้านในปกด้วย (ภาพจาก www.rinr.fsu.edu)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×