ฮ่องเต้ องค์แรกของจีน - ฮ่องเต้ องค์แรกของจีน นิยาย ฮ่องเต้ องค์แรกของจีน : Dek-D.com - Writer

    ฮ่องเต้ องค์แรกของจีน

    โดย RamayBandit

    เรื่องของฮ่องเต้ พระองค์แรกแห่งปฐพีมังกร พระนามของพระองค์เป็น ที่รู้จักกันสะท้านโลก ว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ ซิ วั่ง ตี่ (Shih Huang Ti)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,174

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    2.17K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 มี.ค. 50 / 15:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ฮ่องเต้พระองค์แรกแห่งปฐพีมังกร





      เรื่องของฮ่องเต้ พระองค์แรกแห่งปฐพีมังกร พระนามของพระองค์เป็น ที่รู้จักกันสะท้านโลก ว่า "จิ๋นซีฮ่องเต้" หรือ "ซิ วั่ง ตี่" (Shih Huang Ti) ทรงเป็นผู้สถาปนาราชวงศ์จิ๋น ขึ้นปกครองปฐพีจีนในฐานะที่เป็นอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว มิได้แบ่งแยกอย่างแต่ก่อน...

      พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินในขณะมีพระชนม์ น้อยนิดเพียง 13 ชันษาในปี 221 ก่อน ค.ศ. จึงจำเป็นต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ต่อมาผู้สำเร็จฯเล่นคิดไม่ซื่อครับ จะฮุบบัลลังก์เอาเป็นของตนเอง หน้าตาเฉยยังงั้นแหละ ทว่า บุญญาธิการของจิ๋นซีนั้นมีมากมาย และเสนาบดีที่จงรักเล่าก็มีท่วมท้น อาศัยขุนนางผู้ภักดีเหล่านี้แหละครับ ปราบปรามฝ่ายกบฏ ที่นำโดยผู้สำเร็จราชการคนนั้นคือ หลู ปู่ ไว จนราบคาบ จิ๋นซีจึงได้เป็นกษัตริย์ปกครองปฐพีด้วยพระองค์เองสืบแต่นั้นมา

      จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นเจ้ายุทธจักรในยุคสมัยของพระองค์จริงๆ ทรงขยายอาณาเขตแว่นแคว้นออกไปกว้างไกลกว่าเดิมหลายเท่า โดยขยายลงไปทางใต้ ตีได้ดินแดนต่างๆรวมทั้งญวน และตังเกี๋ย อาณาจักรของพระองค์จึงนับว่ากว้างขวางยิ่ง ทรงย้ายนครหลวง จากเมืองลกเอี๋ยงไปยังนครเสียนหยัง (Xianyang) และทรงปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็งอยู่เสมอ ทรงรักทหารจนเลื่องลือเลยทีเดียวครับ

      แม้ว่านักประวัติศาสตร์จีนจะบันทึกไว้บ่อยๆว่าทรงโหดร้ายทารุณเหลือกำลังก็ตามที แต่ถ้าพินิจดูแล้วก็เห็นว่า ในสถานการณ์อย่างที่ทรงเผชิญอยู่นั้น จำเป็นต้องใช้ความเข้มแข็ง เด็ดขาด ระคนด้วยความโหดอำมหิตบ้างละครับ จึงจะรวมประเทศ ได้เป็นปึกแผ่นยังงั้น ทรงใช้เวลานานถึง 20 ปีทีเดียวในการ ทำสงครามรบรับขับเคี่ยวกับอ๋องแห่ง แคว้นต่างๆจนศิโรราบ...จะเห็นว่า กว่าจะได้พระนาม "ฮ่องเต้" มานั้น ทรงเหนื่อยยาก สาหัสเชียวละครับ

      เหตุการณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งอื้อฉาวอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์จีนก็คือ เรื่องการเผาตำรับตำราโบราณ โดยเฉพาะตำราของขงจื๊อโดนเผาเรียบเลยครับ ใครบังอาจขัดขืนไม่ยอมเผาตำราของขงจื๊อก็จะถูกเผาแทนตำราเสียเลย หรือบางทีก็สังหารเสียอย่างน่าสยดสยองนับร้อยๆคน






      เรื่องนี้ มองผาดๆเหมือนกับว่าจิ๋นซีทรงมีพระทัยคับแคบ และรังเกียจลัทธิศาสนาที่ชาวจีนเคารพเลื่อมใส ดูเป็นการหักหาญน้ำใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอยู่ไม่น้อย แต่ผมว่าทรงมีเหตุผลที่จำเป็นเลยทีเดียวในการกระทำเช่นนั้น...

      ท่านผู้อ่านคงไม่ลืมว่า ขงจื๊อนั้นเกิดในยุคที่จีนปกครองแบบศักดินา บ้านเมืองแบ่งแยกเป็นแว่นแคว้นน้อยใหญ่มากมาย ลัทธิของขงจื๊อจึงสนับสนุนสิทธิและอำนาจของท่านอ๋องผู้เป็นเจ้าครองแคว้นอย่างยิ่งยวด ดังนั้น เมื่อจิ๋นซีทรงมีนโยบายรวบรวมจีนเป็นปึกแผ่น ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเลย เพราะอ๋องต่างๆล้วนอ้างลัทธิคำสอนของ ขงจื๊อในเรื่องสิทธิและอำนาจของเจ้าผู้ครองแคว้นมาเป็นเกราะกำบังตัวครับ

      ในเมื่อตำราของขงจื๊อขัดขวางการรวมราชอาณาจักรดีนัก ก็เผาให้ราบเสียเลย มิให้แค้นคอกา...ทรงดำริยังงี้ละครับ จึงมีพระราชโองการในปี 213 ก่อน ค.ศ. (หรือ พ.ศ. 330) ว่า "หนังสือทุกเล่มทุกเรื่อง เว้นเสียแต่ตำรับยารักษาโรค ตำรากสิกรรมและตำราโหราศาสตร์ จงเผาเสียให้หมดสิ้น"

      มีนักประวัติศาสตร์บางคนวิจารณ์ว่า การเผา ตำราครั้งนี้มีความสำคัญต่อราชวงศ์จิ๋นอย่างเจ็บปวด เพราะว่านำมาซึ่งกาลอวสานของราชวงศ์นี้หลังจากตั้งมาได้เพียง 53 ปีเท่านั้น ด้วยว่าอาณาประชาราษฎร์ ไม่พอใจอย่างหนักน่ะครับ พอสิ้นรัชสมัยของจิ๋นซี ฮ่องเต้ บ้านเมืองก็เกิดระส่ำระสาย เกิดกบฏขึ้นจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ แบ่งแยกเป็นสองฝักสองฝ่าย และหลายแว่นแคว้นอีกครั้ง จนกระทั่งถึงอวสานลงอย่างสิ้นเชิงในปี 206 ก่อน ค.ศ.นั่นเองครับ

      เรื่องราวของจักรพรรดิพระองค์แรกของจีนนี้ มีมากมายเสียจริงๆ และเป็นเรื่องใหญ่ๆทั้งนั้นด้วย ซีครับ อย่างเช่น เรื่องการขุดพบสุสานหรือฮวงซุ้ยของพระองค์ที่เมืองซีอานในปี ค.ศ. 1974 นับเป็นข่าวเกรียวกราวกันมาก เพราะว่าเขาขุดพบกองทัพทั้งกองทัพอยู่ในนั้นเลยครับผม!

      จากการสำรวจพบว่านักรบที่ค้นพบนั้นเป็นทหารในชุดออกศึก ม้าและรถศึกโบราณทำด้วย ดินเหนียวผสมทรายปั้นแล้วเผาไฟ ที่เรียกกันในหมู่นักประติมากรรมว่า เทอรา คอทต้า (Terra Cotta) และรูปปั้นเหล่านี้ไม่ได้มีตัวสองตัวนะครับ เป็นทหารดินเผาเท่าคนจริงจำนวนถึงหกพันคน ม้าและรถศึกดินเผาเท่าของจริงอีกมากมาย การฝังเรียงรายเป็นระเบียบนั้นเล่าประดุจกองทัพทัพหนึ่งทีเดียว ผลสุดท้ายเลยลองขุดเป็นหน้า กระดานดู ก็พบกองทหารใต้ดินเข้าทั้งกองทัพละครับ ขุนพลของพระจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ทั้งนั้น

      ลักษณะทัพที่ฝังอยู่นั้นเป็นลักษณะการจัดทัพแบบจีนโบราณ คือจัดแถวเป็นแพยาวยืด สลับกันเป็นช่องๆ โดยมีแถวทหารดินเผาสูง 6 ฟุต ยืนเป็นแถวยาวห้ากอง ในระหว่างช่องของทหารเดินเท้าก็คือ กองทหารม้าและรถศึกสลับกับทหารเดินเท้า ทำการบรรจุไว้ในช่องดินยาวๆขนาดใหญ่ๆ ถึง 11 ช่อง วางทหารและม้าศึกรถศึกลงไป ช่องที่ห่างก็ใช้ไม้ค้ำยันทำคร่าวปูกระดาน ทับด้วยเสื่อแล้วก็ใช้ดินกลบ เมื่อกาลเวลาผ่านไปนานๆเข้า ก็เป็นไม้นี่ครับก็ย่อมผุพังเป็นธรรมดา ไหนจะสายฝนพัดเอาดินไหลลงตาม ช่องไม้ผุมากลบ ไหนจะดินชั้นบนถล่มลง ครั้นเวลาผ่านมานานถึง 2,200 ปี ก็เลยไม่มีใครรู้ว่ามีกองทหารดินเผาจำนวนมากมายมหาศาลมาตั้งกองทัพใต้ดินอยู่ ณ บริเวณนี้ ตราบจนมีการค้นพบเข้าโดยบังเอิญจากข้อมูลดังกล่าว






      เมื่อพูดถึงฮวงซุ้ยกองทัพขุนศึกสมัยสองพันกว่าปีแล้ว ก็ขอพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างที่พระองค์ ทรงสร้างไว้ด้วยนะครับ...ท่านผู้อ่านคงร้องอ๋ออออ เดาถูกกันทุกคนละซีท่าว่าผมหมายถึงอะไร?

      ครับ...ก็กำแพงเมืองจีนอันยิ่งใหญ่ยรรยงน่านแหละ

      ว่ากันว่า กำแพงเมืองจีนเป็นวัตถุใหญ่ที่สุดในโลก แม้จะขึ้นไปบนดวงจันทร์ก็ยังมองลงมาเห็นได้เลยละครับ ขนาดความยาวของกำแพงนั่นน่ะหรือ? ไม่ต้องบอกละครับว่ายาวกี่พันลี้ เอาแค่ว่ามีความยาวถึงสองเท่าของไทย-แลนด์เราทั้งประเทศเลยก็แล้วกันเอ้า

      ที่จริง เรื่องกำแพงเมืองจีนนี่ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่แยะครับ คือคิดว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงริเริ่มสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ ความจริงแล้วไม่ใช่ยังงั้นครับ กำแพงเป็นของที่มีมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวและสมัยแบ่งแยกอาณาจักร กล่าวคือ แต่ละแคว้นต่างก็สร้างกำแพงเพื่อป้องกันดินแดนของตนจากผู้รุกรานชาวป่าเถื่อนและ จากอ๋องแห่งแคว้นอื่นที่เป็นชาวจีนด้วยกัน กำแพงเหล่านี้แหละครับที่จิ๋นซีทรงพิเคราะห์ดูว่าสมควรจะ สร้างเสริมเพิ่มเติมให้ยาวติดต่อกันเป็นแนวเดียว และสร้างบางส่วนเป็นกำแพงหิน กับทั้งแก้ไขอุปสรรคเดิม ที่ไม่สามารถที่จะเอาม้ามาวิ่งบนกำแพงได้สะดวก ขยายประตูหอรบ และทำขึ้นใหม่ให้ม้าวิ่งไปได้ 8 ตัวโดยง่าย






      จิ๋นซีทรงมีความทะเยอทะยานและใฝ่ฝันแรงกล้า ที่จะให้ราชวงศ์จิ๋นของพระองค์ยืนยงอยู่ชั่วกัลปาวสาน และพระองค์เองก็ประสงค์จะมีพระชนม์ชีพยาวนานที่สุด จนถึงกับเสาะหายาอายุวัฒนะและไสยเวทวิทยาคมต่างๆเข้าช่วย

      ทว่า ความใฝ่ฝันของพระองค์ดูไปเหมือนล้มเหลว เพราะราชวงศ์จิ๋นยั่งยืนได้เพียง 53 ปีเท่านั้นเอง แต่กำแพงเมืองจีนที่ทรงสร้าง ต่อเติมด้วยราชทรัพย์และแรงไพร่พลมากมายนั่นแหละ คือราชานุสรณ์ที่ยั่งยืนท้าทายกาลเวลา และประกาศนามราชวงศ์ของพระองค์ ให้อยู่คู่ฟ้าดินตราบใดที่กำแพงนี้ยังไม่ล่มสลาย

      อีกอย่างหนึ่งที่จิ๋นซีทรงเพาะไว้ในใจประชาชนชาวจีนจนงอกงามก็คือ ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชาตินั่นแหละครับ ซึ่งผมคิดว่ามีความสำคัญมาก เพราะนับตั้งแต่สิ้นรัชสมัยไป แม้บ้านเมืองจะแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าอีก แต่ประชาชนทุกแคว้นก็นึกเสมอว่าตนเป็นจีนชาติเดียวกัน มิได้แตกแยกอย่างสมัยก่อน...ซึ่งนับว่าเป็นมรดกล้ำค่าที่จิ๋นซีมอบไว้ให้แก่ประชากรของพระองค์


      ทีมงาน ต่วยตูน

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×