ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    magic in love

    ลำดับตอนที่ #7 : เราจะรักกันตลอดไป (จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 48


    ตอนที่ 7   เราจะรักกันตลอดไป (จบ)

    พิมไปถอนหมั้นที่บ้านของเอ็ม ไปคุยกับแม่ของเอ็ม ส่วนพ่อของเอ็มอยู่เมืองนอกจึงไม่สามารถมาคุยได้ แม่ของเอ็มถึงกับช็อกเป็นลมหมดสติ เข้าโรงพยาบาลหลายวันกว่าจะฟื้น พอฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้เสียใจ แต่ก็ยอมปล่อยให้พิมเป็นอิสระ



    เรื่องที่พิมไปถอนหมั้นโดยไม่ขออณุญาติพ่อกับแม่ก่อน ไปกระเด็นเข้าหูของพ่อพิม พ่อของพิมถึงกับหัวใจวายเข้าโรงพยาบาล แต่โชคดีที่หมอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจทัน พอฟื้นขึ้นมาก็ไม่ยอมพูดกับพิม เอาแต่เมินหน้าหนี  จนผ่านไปสองเดือน พิมกับฮายาโตะจะแต่งงานกัน พิมกับฮายาโตะตัดสินใจมาบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่พิมรู้เรื่อง พ่อของพิมเอาแต่เงียบ



    จนกระทั่งงานแต่งถูกจัดขึ้น ด้วยสายใยของพ่อแม่ลูก ทั้งสองจึงยอมมาร่วมงานแต่งของลูกสาว วันเวลาผ่านไป พ่อแม่พิมเริ่มทำใจเรื่องนี้ได้ จึงยอมพูดจากับลูกสาวของตัวเอง และเริ่มที่จะยอมรับฮายาโตะให้เป็นลูกเขย

    หลังจากที่เคลียร์เรื่องพ่อแม่ได้แล้ว พิมกับฮายาโตะแต่งงานกันก็จริง แต่ว่าต้องแยกกันอยู่เพราะเรื่องงาน พิมตัดสินใจ เดินทางไปที่ญี่ปุ่นและทิ้งบริษัทให้บริหารกันเองโดยเอากำไรเพียง 2ใน5 เพราะเธอเป็นผู้ถือหุ้นเยอะที่สุด

        

    ทางด้านตะวันกับเอ็ม เอ็มถึงกับคลั่งเมื่อรู้ว่าพิมกับฮายาโตะจะแต่งงานกัน บริษัทของเขากำลังจะล้มละลายเพราะการเมินเฉยต่องาน เอาแต่ดื่มเหล้าเมาหนัก  สุดท้ายตะวันจึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะตำแหน่งของเธอคือ ตัวเชื่อมกลางระหว่างธุระกิจในเมืองไทยกับญี่ปุ่น โดยการขอความร่วมมือจากฮายาโตะดำเนินแผนงานเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัทของเอ็ม จนสามารถรอดวิกฤตล้มละลายมาได้

        

    เอ็มถูกพ่อแม่บังคับให้มาทำงาน ช่วงแรกก็ไม่ชอบ เพราะยังทำใจรับเรื่องต่างๆไม่ได้ แต่พอเข้ามาทำงาน ผู้ร่วมงานคนสำคัญคือตะวัน แทนที่เขาจะรู้สึกแย่ หรือไม่ก็ ท้อแท้ ไม่อยากร่วมงาน แต่กลับรู้สึกมีไฟในการทำงานมากขึ้น  เขากับตะวันร่วมงานกัน จากเพื่อนร่วมงานกลายเป็นเพื่อนสนิท จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรู้ใจ จากคนรู้ใจก่อเกิดเป็นความรัก ทำให้เขาตกหลุมรักตะวันอย่างจัง

        

    แน่นอนว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ตะวันช่วยงานที่บริษัทของเอ็มจนสามารถยืนได้ด้วยตัวเองเหมือนสมัยก่อนแล้ว ตอนนี้งานกำลังคล่องตัว ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ตะวันไม่อยากเจ็บอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะสิ่งที่เอ็มพูดกับเธอตอนรู้ความจริงยังคงฝังจิตฝังใจเธออยู่  เธอตัดสินใจเขียนรายงานเกี่ยวกับบริษัทของเอ็มให้หัวหน้าหน่วยงานเชื่อมกลางระหว่างธุระกิจในเมืองไทยกับญี่ปุ่นรู้ หลังจากที่ส่งรายงานได้สามวัน ตะวันได้ใบเรียกตัวให้ไปเชื่อมกลางระหว่างธุระกิจไทยญี่ปุ่นที่บริษัทอื่นทันที



                                                   ******เอาละนะ จะอธิบายถึงฉากคลายแม็กแล้วนะ *******

        

    ในห้องนอนของเธอที่บ้านไร่ ตะวันเก็บข้าวของของเธอเตรียมเดินทางไปญี่ปุ่น คราวนี้คงอีกนานกว่าจะกลับมาเมืองไทย อาจจะนานเป็นปี เธอไม่มั่นใจเรื่องนี้

        

    “คุณหนูจะไปจริงๆเหรอค่ะ”  พี่ปูนถาม ส่วนตะวันกำลังอ่านวีซ่าของเธอ



        “จริงจ๊ะพี่”  ตะวันตอบสั้นๆแล้วเก็บวีซ่าลงกระเป๋า



        “แล้วจะกลับเมื่อไหร่ละค่ะ”   พี่ปูนถาม



        “อาจจะอีกปี หรือไม่ก็สองปี”  เธอตอบหน้าตาเฉย  “ยังไงก็กลับมาแน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลา”  เธอมองกรอบรูปที่เธอกับพิมเคยถ่ายร่วมกันสมัยมัธยมต้น

        

    เธอจ้องมองมันอยู่นาน จนเผลอพูดออกมา  “อย่างน้อยเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน”  หมายความว่า ตะวันถูกเรียกตัวไปทำงานที่ญี่ปุ่นส่วนพิมแต่งงานกับฮายาโตะแล้วไปอยู่ญี่ปุ่น เพื่อนได้มาพบเพื่อนอีกครั้ง เป็นใครก็ต้องมีความสุข  ตะวันเก็บรูปนั้นลงกระเป๋า

        

    ปิดซิปกระเป๋า  และลากลงมาจากห้องลงมาชั้นล่าง กราบเท้าลาพ่อ และร่ำลาทุกคน เธอไม่อยากให้ใครมาส่งเธอที่สนามบินเธอจึงตัดสินใจลากันที่บ้าน พ่อของตะวันให้คนขับรถขับรถไปส่งลูกสาวของเขาที่สนามบินในกรุงเทพ

        

    ในใจลึกๆของเธอก็ไม่อยากจะเจอเอ็มสักเท่าไหร่ แต่ในใจลึกๆของเธอระหว่างรอเวลาให้เครื่องขึ้นมันก็รู้สึกเจ็บแปล็บๆ  ท่ามกลางคนมากมายที่เดินเข้าออก ปรากฏให้เห็นร่างของเอ็ม  เขารีบวิ่งมาหาเธอ

            

    “จะไปทำไมไม่บอกสักคำ”  เอ็มถาม



        “ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ”  ตะวันตอบ เธออมยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจลึกๆ ยังไงวันนี้ก็ต้องใจแข็งไว้ให้ได้จนกว่าจะถึงญี่ปุ่น ไม่ว่าจะยัง

    ไง ถ้าไม่ถึงญี่ปุ่น เธอจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด



        “บอกด้วยการเขียนลงในกระดาษแผ่นเดียว แล้วให้เลขาของผมยื่นให้ตอนที่เครื่องบินใกล้จะขึ้นแล้วเนี่ยนะ”  เขาเถียงเสียงดัง จนคนหันมามอง  



    อีก15นาที เครื่องจะขึ้น เธอได้ยินเสียงประกาศ



    “แล้วไงละ คุณอยากจะมาส่งฉันหรือยังไงละ”  ตะวันถามกลับแบบกวนๆ



    “ใช่”  เขาตะโกนใส่หน้าเธอ



    “แต่ฉันว่าฉันสั่งเลขาของคุณให้เอาจดหมายให้คุณตอนที่เครื่องขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ”  



    “เขาอยากให้ผมได้พูดกับคุณ ก่อนที่จะสายเกินไป”  เขาตอบ เขาพูดเรียบๆ ไม่ได้ตะโกนเหมือนเมื่อสักครู่



    มันเป็นประโยคที่สะดุดมากในใจของตะวัน  “คุณจะพูดอะไรกับฉัน”  เธอถามกลับอย่างสงสัย



    “ผมรักคุณ”  เขาพูดพร้อมกับคุกเข่าลง และหยิบกล่องเล็กๆ สีแดงๆ ในกระเป๋าเสื้อสูทของเขาออกมา และเปิดมันออกมา  “ได้โปรด  แต่งงาน

    กับผมเถอะนะ”



    ตะวันถึงกับยิ้มและร้องไห้ออกมา “คุณรู้ไหม  ตลอดเวลาสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา  ฉันอยากฟังคำๆนี้จากปากคุณ การที่ฉันเฝ้ารอให้คุณกลับมารักฉัน การที่เป็นฝ่ายรอมันเจ็บปวดมากแค่ไหน คุณเคยรู้บ้างไหม” เธอมืออ่อน ปล่อยกระเป๋าที่ลากมาลงกับพื้น เธอกัดฟันพร้อมกับปาดน้ำตา



    “ผมขอโทษ”  เอ็มพูด  ยังคงคุกเข่าอยู่  “ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันอาจจะจริง ที่ผมยังสับสน ยังไม่สามารถรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ผมขอโทษ แต่ตอนนี้ ผมรักคุณ ผมต้องการคุณ ไม่อยากให้คุณจากผมไปไหน”



    “แน่ใจนะ กับสิ่งที่พูดมา”  ตะวันถาม ส่วนเอ็มพยักหน้า  “แต่ฉันจะไม่ใจอ่อนกับคุณหรอก”



    เธอปาดน้ำตาจนแห้ง เธอถือกระเป๋าขึ้นพร้อมที่จะลากมันขึ้นเครื่อง แล้วเธอก็พูดทิ้งท้ายไว้  “คุณต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าคุณจริงใจกับฉัน คุณต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่  คุณต้องเริ่มเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน คุณต้องทำให้ฉันยอมรับคุณให้ได้”



    “ได้ ผมจะทำให้คุณยอมรับผมให้ได้”  เอ็มประกาศมั่น



    “คุณรู้ดีใช่มั้ย ว่าการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เป็นยังไง คุณรู้ใช่ไหม”  ตะวันพูดเอ็มพยักหน้าซ้ำสองครั้ง  



    “ผมรู้เรื่องนั้นดี ว่าผมต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ต้องทำยังไง”



    “ดี”  เธอพูดสั้นๆ  “แต่แย่หน่อยนะ  เพราะคุณต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ โดยที่ฉันจะไปญี่ปุ่น และอีกกี่ปีก็ไม่รู้กว่าจะได้กลับ คุณจะต้องเริ่มต้นจาก

    ตรงนี้ละ โอกาสสุดท้ายของคุณ อยู่ที่ว่าคุณจะทำได้หรือเปล่าเท่านั้น คุณต้องทำให้ฉันประทับใจ คุณต้องรู้รสชาติของการรอคอยบ้าง ว่ามัน

    เจ็บปวดแค่ไหน”



    “ผมจะเป็นอย่างที่คุณต้องการ”  เอ็มพูด  “ผมจะรอคอยคุณ ผมจะทำให้คุณประทับใจ ผมจะทำให้คุณรักผมวันไหนที่คุณกลับมาเมืองไทย คุณ

    จะต้องโทรบอกผมเป็นคนแรก ผู้ชายที่จะแต่งงานกับคุณได้ต้องเป็นผมเท่านั้น คุณคอยดูไปเรื่อยๆซิ ผมจะทำให้ได้อย่างที่พูด” เอ็มอมยิ้มเล็ก

    น้อยอย่างได้ชัย



    “คุณพูดเองนะ”  ตะวันพูด “งั้นก็เชิญทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน แต่ขอบอกไว้เลยนะว่าฉันตัวจริงนะจีบยาก แถมตัวจริงของฉันยังชอบพวกเพศเดียวกันอีกด้วย ถึงจะแปดปี แต่ฉันไม่เคยลืมนิสัยเดิมของฉัน งานนี้นะ ระดับMAXเลยนะ จะทำได้หรือเปล่า”  น้ำเสียงยอกย้อนถอนงอกเต็มที่ แววตาเป็นประกายเหมือนเด็กสาวที่ได้แกล้งคน

        

    “ขอเชิญท่านที่จะไปญี่ปุ่นขึ้นเครื่องด่วนค่ะ”  เสียงประกาศ ตะวันเดินไปขึ้นเครื่องอย่างไม่สนใจใยดีกับเขา เธอเดินมาจนถึงประตู    เสียงเอ็มตะโกนดังมาจากไหนไม่รู้



    “ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ ผมจะทำให้ได้”  ตะวันมองหาเจ้าของเสียง คนมากมายขนาดนี้จะเห็นได้ยังไงละ

    ทันใดนั้นมือสองข้างของเขาก็โผล่ขึ้นมาท่ามกลางชาวต่างชาติมากมายที่เดินเบียดเสียดกัน เขากระโดดขึ้นจนตะวันมองเห็น

        

    เธออมยิ้มเล็กน้อยอย่างเศร้าๆ แต่ปนไปด้วยความดีใจ “แล้วเจอกัน ตอนที่ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้งนะ”  เธอพูดเบาๆให้ตัวเองได้ยิน และเดินขึ้นเครื่องไป



    2 ปีผ่านไป ไวเหมือนดูหนัง2ชั่วโมง

        

    มีข้อความSMSส่งมาถึงเอ็ม ตอนนี้เขากำลังทำงาน ทันทีที่เขาเปิดขึ้นมาอ่าน เขารีบหยิบกุญแจรถและคว้ากล่องเล็กๆสีแดงๆ และออกไปโดยไม่พูดจากับเลขาหน้าห้อง ทำเอาพนักงานที่เขาวิ่งผ่านอึ้ง เพราะเอ็มไม่ใช่คนที่จะออกไปนอกบริษัทโดยไม่เขียนบัตรผ่านเหมือนพนักงานคนอื่น แต่วันนี้เขาผ่าเหล่าเหมือนคนตำแหน่งสูงๆคนอื่นๆ เขาไม่พูดจาอะไรสักคำ ทันทีที่อ่านจบเขาก็วิ่งไปขึ้นรถทันที



    ขับรถมาไกลพอสมควร มาจอดที่สนามบิน หญิงสาวคนหนึ่ง สูงสวย ใส่ชุดสูท  กระโปรง สั้นถึงหัวเข่า

    สีน้ำเงิน  หน้าหงิกงอกับการรอคอยทีน่าเบื่อหน่าย หน้าตาบูดบึ้งดูโทรมๆเพราะอดหลับอดนอน  ผิวซีดเนื่องจากไปอยู่ที่อากาศหนาวมานาน เธอผอมจนเห็นได้ชัด กระเป๋า2ใบถูกวางไว้กับพื้นอย่างไม่ใยดีเหมือนนิสัยที่ไม่ชอบใยดีใคร นั่งไขว่ห้าง กอดอกอย่างประชดประชัน ทันทีที่เอ็มเดินเข้ามาเห็นสภาพของสุดที่รัก เขาถึงกับอมยิ้ม

        

    ท่ามกลางคนที่เดินขวักไขว่ไปมา ตาสองตามาประสานกันอย่างโรแมนติก แต่ยังไม่ทันไรเจ้าหล่อนก็พูดเสียงดัง ทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปทีเดียวเชียวละ

        

    “มาช้าแล้วยังจะไม่รีบอีก”  เธอพูดพร้อมกับลากกระเป๋ามาทางเอ็มซึ่งห่างกันไม่ถึงห้าก้าวยาวๆ   “ยืนบื้ออะไรอีกละ มาช่วยฉันถือกระเป๋าซิ ที่นี่ร้อนจริงๆ มาเหนื่อยๆแทนที่จะรีบมารับ กลับมัวแต่ชักช้า ไหนบอกว่าจะมารับฉันไงละ ไม่เห็นทำตามที่พูดไว้เลย คงจะมีคนอื่นแล้วละซิ ช่วยไปส่งฉันที่บ้านไร่ทีนะ ฉันอยากจะพักผ่อน แล้วก็ก่อนไปแวะไปซื้อ”   เธอต้องชะงักคำพูดไว้ก่อนเมื่อหันมาเห็นหน้าเอ็ม

        

    เอ็มไม่ได้เดินเข้ามาเพื่อช่วยเธอถือกระเป๋า แต่เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วคุกเข่าลง พร้อมกับเปิดกล่องที่เคยเปิดเมื่อสองปีที่แล้ว แหวนเพชรวงงามวงหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าตะวัน เธอถึงต้องหยุดพูด แล้วหันมาถาม

        

    “ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่า คุณทำได้ตามที่ตกลงไว้หรือเปล่า”  ตะวันพูด ส่วนเอ็มยังคงคุกเข่าท่าเดิม และก้มหน้าลงมองที่พื้น เหมือนเจ้าหญิงกับคนสามัญธรรมดาอะไรประมาณนั้น มือสองมือช่วยกันประคองกล่องแดงและชูมันขึ้นเหนือหัวเพื่อให้ตะวันมองแหวนให้เต็มตา  “คุณลุกขึ้นเถอะค่ะ”

        ไม่มีการตอบรับใดๆ  เอ็มเงยหน้าขึ้นมา และพูด  “คำตอบละ”



        “ก็บอกไปแล้วไง  ฉันยังไม่ได้บอกคุณเลยว่าคุณทำได้ตามที่เราตกลงกันไว้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องแหวนกับงานแต่งเนี่ยเอาไว้วันหลังเลย”  ตะวันตอบอย่างเหนื่อยใจ



        เอ็มยังไม่ยอมลุก  “กรุณาแต่งงานกับผมเถอะนะครับ คุณพิศตะวัน”  เขายื่นคำขาด

        

    คนเริ่มหันมามองอย่างลุ้นจนเห็นได้ชัด  ทันใดนั้นคนเริ่มซุบซิบนินทากัน ก็แน่ละซิเรื่องที่เอ็มกับพิมพ์ถอนหมั้นเป็นข่าวครึกโครมจะตาย แถมตอนที่บริษัทของเอ็มกำลังจะล้มละลาย สื่อมวลชนยิ่งจับตาดูว่าใครจะขี่ม้าขาวมาช่วย และคนที่มาช่วยก็คือตะวัน ภาพข่าวของเธอที่เดินทางจากญี่ปุ่นมาช่วยบริษัทที่กำลังจะล้มละลายอย่างไม่น่าเชื่อก็เริ่มตีแพร่สู่สายตา ยิ่งต้องทำงานร่วมกัน คนที่สนใจเรื่องนี้ก็ยิ่งลุ้นกันตัวโก่ง  



    โดยเฉพาะตอนที่มีข่าวว่าเขาขอเธอแต่งงานที่สนามบินเมื่อสองปีก่อน แต่โดนปฏิเสธ ยิ่งเป็นข่าวดัง เอ็มเคยเป็นนายแบบแนวหน้า ยิ่งดังขึ้นเป็นเท่าตัว สื่อมวลชนเริ่มทยอยกันเข้ามา จนตรงที่เอ็มกับตะวันคนเริ่มถอยห่าง ก่อให้เกิดภาพที่เป็นจุดเด่น บริเวณค่อนข้างกว้าง มีเพียงเขาสองคน คนเริ่มมองมามากขึ้น นักข่าวเริ่มถือกล้องและเตรียมจดทุกคำพูดลงในคลิปกระดาษ ทุกคนเริ่มถอยห่างจากเอ็มกับตะวัน เหมือนในหนังเลยละ



    “OK  ฉันยอมรับคุณ”  เธอพูดอย่างเหนื่อยใจ  



    “แล้วเรื่องแต่งงานละ”  เอ็มถาม



    “ให้ถึงบ้านก่อน”  ตะวันตอบ



    “ไม่เอา เดี๋ยวกลับบ้านคุณก็เบี้ยวผมอีก ตรงนี้ละ ถ้าไม่รีบพูดคนจะยิ่งมองนะ”  เอ็มขู่



    “ก็ได้ ฉันยอมพูดแล้ว”



    เอ็มลุกขึ้นพร้อมกับดึงแหวนออกจากกล่อง  “แต่งงานกับผมนะ”  เตรียมพร้อมสวมแหวน



    “ค่ะ”  ทันทีที่ตอบเอ็มก็สวมแหวนให้เธอทันที



    คนตบมือรับขวัญพวกเขา ส่วนนักข่าวก็รุมกันถ่ายภาพและยิงคำถามกันยกใหญ่









                                           **************************The End****************************



        เอาละค่ะ เรื่องราวก็จบลงอย่างง่ายๆ สรุปก็คือ มีความสุข พิมพ์ท้องกับฮายาโตะ  ส่วนตะวันกับเอ็มก็แต่งงานกัน ความรักก็ลงตัวอย่างที่เห็น  

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×