ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เราจะรักกันตลอดไป
ตอนที่ 2  เราจะรักกันตลอดไป
    ในตอนนี้ทั้งตะวันและพิมพ์ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี หมอบอกว่าพวกเธอทั้งสองคนมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ประมาณ 3 สัปดาห์ แล้ว ส่วนเรื่องการเรียนถูกพักไปด้วยเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้ และด้วยที่เป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด พวกเธอจึงต้องเรียนซ้ำชั้นกันต่อไป แต่ด้วยความที่พ่อแม่ของทั้งคู่ต่างเป็นคนมีฐานะทั้งคู่ แถมยังมีเส้นสายอยู่มากมาย จึงสามารถทำให้ลูกทั้งสองคนไม่ต้องเรียนซ้ำชั้นได้ 
คุณหมอบอกว่า สัปดาห์หน้าพวกเธอก็กลับบ้านกันได้แล้ว พิศตะวันและพิมพ์ผกาดีใจมากในคำตอบ แต่ติดอยู่ที่ว่าเธอทั้งสองคนสลับร่างกัน เธอจึงขอให้พ่อกับแม่ช่วยแจ้งกับอาจารย์ว่า มีความจำในบางส่วนที่ขาดหายไป เรื่องความทรงจำในการเรียนไม่มีปัญหา มีปัญหาตรงที่ว่า เธอทั้งสองจำเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องราวสามปีที่เรียนมัธยมศึกษาตอนต้น เธอทั้งสองจำไม่ค่อยได้ แต่จำได้เพียงแค่ว่าใครเป็นเพื่อนสนิท อาจารย์ช่วยบอกเพื่อนๆในเรื่องพวกนี้แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องเพื่อนๆได้ผ่านไปอย่างสบาย
แต่สิ่งที่ทั้งพิมพ์ผกาและพิศตะวัน เป็นกังวลมากที่สุดนั่นคือเรื่องแฟนของแต่ละคนที่แตกต่างกันสุกขั้ว แฟนของพิศตะวันเป็นท็อม (ชายประเพศสอง) ถึงเขาจะมีหน้าตาที่เหมือนผู้ชายมากแค่ไหนก็ตาม พิมพ์ผการับไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเกลียดคนประเภทนี้อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้กลุ้มใจหนักเข้าไปใหญ่  ส่วนทางพิศตะวันเองก็หนักใจไม่น้อยหน้าพิมพ์ผกาเช่นกัน แฟนของพิมพ์ผกา เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กมากๆ สุภาพบุรุษ พูดจาดี ฐานะทางบ้านร่ำรวย หน้าตาดี เป็นนายแบบถ่ายนิตยาสาร อายุเท่ากันกับพวกเธอ ทุกอย่างดีหมด เหมือนคนในนิยายที่สาวทุกคนใฝ่ฝัน  เพียงแต่รสนิยมของพิศตะวัน ไม่ใช่ผู้ชาย แต่ต้องเป็นทอม 
“ยังไงก็ตามเธอจะต้องคบกันแฟนของฉันต่อไป”  พิศตะวันพูด  “เธออยู่ในร่างของฉันก็จริง แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งพวกเราเกิดสลับร่างกัน คงรู้นะเรื่องนี้นะ”
“รู้นะรู้”  พิมพ์ผกาตอบ ด้วยความหนักใจ  “แต่ฉันเกลียดทอม ฉันไม่ชอบคนพวกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนเด็กๆฉันเคยไปร่วมเดินรนณรงค์
ต่อต้านเกี่ยวกับการรักร่วมเพศที่ประเทศอเมริกามาด้วย  เธอก็คงรู้นะ ว่าการที่ฉันไปร่วมเดินรนณรงค์ ก็แปลว่าฉันเกลียดทอมจริงๆ เพราะ
ฉะนั้นการที่จะไปคบกับแฟนเธอ ตอนเย็นกลับบ้านด้วยกัน กลางวันนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน เวลาติวหนังสือก็ติวด้วยกัน เวลาว่างก็ไปออก
เดทด้วยกัน ปิดเทอมก็ไปเที่ยวที่ไกลๆที่ต้องค้างคืนด้วยกัน เหมือนอย่างที่เธอเคยทำมันคงเป็นไปได้ยาก”
“หรือว่าเธอจะปล่อยให้ฉันนั่งเสียใจเวลากลับร่างเดิม”  พิศตะวันพูด ทำให้พิมพ์ผกาใจอ่อน
“ก็ได้ แต่ไม่รับประกันนะ”  พิมพ์ผกาตอบอย่างไม่เต็มใจ  “ฉันจะพยามทำให้ดีที่สุด”
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ปรากฏให้เห็นร่างของคนคนหนึ่ง สูงประมาณ170 ท่าทางจะเล่นกล้ามซะด้วย  ไว้ผมซอยยาวเหมือนผมทรงผู้ชาย ใส่เสื้อ
เชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ใส่กางเกงยีนสีกรมท่า แต่งตัวดูดี รูปร่างเท่  แต่เสียดายที่ไม่ใช่ผู้ชาย คนที่พิมพ์ผกาเห็นนั่นคือ ฮาย เป็นทอม และเป็นสุดที่
รักของพิศตะวันด้วย
“เป็นไงบ้างตะวัน”  ฮายพูด และเดินเข้ามาข้างๆเตียง  “วันนี้ผมซื้อของมาฝากด้วยนะครับ มีแต่ของที่ตะวันชอบทั้งนั้นเลยนะ”
“ขอบใจนะ”  พิมพ์ผกาตอบ ส่วนพิศตะวันหันไปมองทางหน้าต่าง เธอคงรู้สึกปวดร้าวใจเหมือนกัน ทั้งๆที่
แฟนของเธอยืนอยู่ตรงนี้แล้ว แต่เธอไม่สามารถโผเข้ากอดแฟนได้ แต่กลับต้องทำตัวเหมือนไม่รู้จัก เพราะตอนนี้เธอก็เปรียบเสมือนคน
นอก 
    “คุณหมอบอกว่าตะวันจำอะไรไม่ค่อยได้”  ฮายถาม
    “ก็บางเรื่องค่ะ”  ถ้าฮายเป็นคนรักของพิมพ์ผกาจริงๆละก็ นี่คงเป็นคำพูดที่พยายามตัดขาดสัมพันธ์ เพียงแต่พิศตะวันตัวจริง เป็น
คนที่พูดแบบนี้แหล่ะ ค่อนข้างเอาแต่ใจจนบางครั้งฮายก็เอาใจไม่ถูก เพราะจุดนี้แหล่ะ ฮายถึงได้รัก
พิศตะวันแบบโงหัวไม่ขึ้น แต่ถ้าพิศตะวันลองไปพูดกับแฟนของพิมพ์ผกาซิ รับรองอีกฝ่ายคงนึกว่า เธอพยามตัดขาดความสัมพันธ์  “เรื่องของ
เรา ตะวันก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเรารักกันมาก ส่วนเรื่องอื่น ตะวันจำไม่ได้”
    “จำเรื่องตอนที่เราไปเที่ยวที่พัทธยาได้หรือเปล่า”  ฮาย พยายามถามเพื่อฟื้นความทรงจำ
    “จำไม่ได้หรอกค่ะ”  พิมพ์ผกาตอบ
    “จำไม่ได้เลยเหรอ”  ฮายถาม
    “จำได้แค่ว่า เราเคยไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งแค่กันสองคน แต่จำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน”
    เสียงเปิดประตูดังขึ้น ปรากฏให้เห็นร่างของชายคนหนึ่ง สูงประมาณ175 ซม.  ไว้ผมทรงเดียวกับฮาย แต่ทำ
ไฮไลให้เป็นสีน้ำตาลแดงอ่อนๆ เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีกรมท่า แต่งตัวคล้ายๆฮาย ชื่อว่า อมรินทร์ สุภาพภางค์กูลย์
ชื่อเล่น เอ็ม  เป็นว่าที่คู่หมั้นในอนาคตของพิมพ์ผกา อินทร์สังวร และป้าสิน  เอ็มรีบเดินเข้ามาหาพิมพ์ผกา และกอดเธอไว้แน่น เขานั่งข้างๆ
เตียงและกอดเธอ
    “ผมขอโทษที่ไม่ได้แวะมาเยี่ยมคุณตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้าโรงพยาบาล”  เอ็มพูด  และปล่อยเธอ  “นี่ของขวัญ เนื่องในโอกาสที่
คุณไม่เป็นอะไรนอกจากถลอกนิดๆหน่อยๆ แล้วก็แขนหัก ขอให้หายไวๆนะ”  จูบหน้าผากเธอ
    ท่าทางเขาจะเป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก แต่พิมพ์ไม่เคยเล่าเรื่องของคนๆนี้ให้เธอฟังเลย  ตะวันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เกี่ยว
ข้องอะไรกับครอบครัวของพิมพ์ ทำไมป้าสินถึงยอมให้คนคนนี้เข้ามากอดร่างของพิมพ์ เธอไม่รู้จะทำยังไงดี จึงได้แต่ทำท่าปวดหัว และกุมศรี
ษะไว้ พยายามขมวดคิ้วเข้าใว้  กัดปากเหมือนกำลังปวดหัวจะเป็นจะตาย
    “พิมพ์ เป็นอะไรครับ”  เอ็มถาม  “ป้าสินเรียกหมอด่วนเลย”
    “ไม่ต้องหรอกค่ะ หายแล้ว”  ตะวันตอบ และสะดุ้งโหย่ง เมื่อได้ยินว่าให้เรียกหมอ 
    “แล้วพิมพ์เป็นอะไร ผมตกใจมากรู้ไหม”  เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง
    “เอ่อ  คือว่า  คือ”  เธออึกอักที่จะพูด  แต่เธอก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ  “พิมพ์จำไม่ได้ค่ะ”  ทำท่าคุณหนู
    “จำอะไรไม่ได้เหรอครับ”  เขาเริ่มขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนถอยห่างจากเตียง ท่าทางเหมือนจะไม่อยากฟังคำตอบ
    “พิมพ์จำไม่ได้ว่าคุณเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของพิมพ์”  ตะวันตอบ ทำเอาชายหนุ่มที่แสนจะเปราะบางน้ำตาคลอเบ้า
แต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ชายจึงกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลไว้อยู่
    “เรื่องของเรา พิมพ์จำอะไรได้บ้าง”  เอ็มถาม และหันหน้าไปมองหน้าต่าง หันหลังให้กับ ฮาย พิมพ์ ตะวัน และ
ป้าสิน  “ผมอยากรู้ พิมพ์จำอะไรได้บ้าง”
    “บอกตามตรง จำได้บ้างนิดหน่อยเกี่ยวกับคุณ”  ตะวันตอบ
    “นิดหน่อย  นิดหน่อยแค่ไหน”  เขาถามอีกครั้ง
    “มีภาพของคุณเว็บเข้ามาในความทรงจำ เป็นบางส่วน แล้วก็”  ตะวันหันหน้าไปทางพิมพ์ ส่วนพิมพ์ ทำปากขมุบขมิบ เป็นคำว่า
เอ็ม เธอชี้ไปที่ตัวอักษรนิตยาสารเล่มหนึ่ง ซึ่งมีตัวอักษรนำหน้าเป็นตัวเอ็ม แล้วขมุบขมิบปากต่อ ส่วนป้าสินฉวยโอกาสตอนที่เอ็มไม่ได้มอง
หยิบหนังสือนิตยาสารที่เขาเคยถ่ายแบบไว้มาให้ดู มีประวัติเกี่ยวกับตัวเขา
“ถ้าจำไม่ผิด น่าจะชื่อเอ็ม เราเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แล้วก็สนิทกันมากด้วย”
    เอ็มหันมาทันที ส่วนป้าสินรีบซ่อนหนังสือนิตยาสารเล่มนั้นแทบไม่ทัน “จำได้แค่นี้ก็พอแล้ว”  เขาดีใจ และพูดต่อ  “เดี๋ยวเอ็มจะค่อยๆฟื้นความทรงจำให้พิมพ์เอง”  แผนการหลอกเอ็มเป็นที่สำเร็จ
    “ทำไมจะต้องเป็นคุณหนูของป้าด้วยนะ”  ป้าสินพูด  “คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ไปชน ทำไมต้องมาชนคุณหนูของป้าด้วย”
    พี่ปูนที่นอนหลับเหมือนตาย ตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้  “อ๋อ ก็คุณหนูของป้าเดินไม่ดีเอง คุณตะวันของฉันถึงได้ชันรถไป
ชนยังไงละ สะพานลอยมีให้ข้ามไม่ข้าม อยากกระแดะมาข้ามถนนเองทำไม”
    “อีนั่งนี่ ถ้าอีคุณตะวันของแกไม่ผ่าไฟแดงมาละก็ คุณหนูของฉันคงไม่ต้องมารับเคราะห์แบบนี้หรอก”
    “ถนนมีไว้ให้รถขับ ไม่ได้มีไว้ให้คนข้ามสักหน่อย ยัยแก่ รู้ไว้ซะ”  พี่ปูนเถียงป้าสิน
    “ไฟแดงมีไว้ให้รถหยุด ไม่ได้มีไว้ให้ฝ่ากฎโว้ย”  ป้าสินเถียงกลับ
    “หยุดเถอะพี่ปูน”  ฮายขอร้องพี่ปูน
    “มันด่าเรามาก่อนนะค่ะคุณฮาย”  พี่ปูนยังไม่ยอมหยุด  “แก่แล้วไม่อยู่ส่วนแก่  อีป้าหนังเหี่ยว”
    “อีเด็กลาว อีบ้านนอก อีไพร่ อีสถุล” ป้าสินตอกกลับ
    “ป้าสินหยุดเถอะครับ”  เอ็มขอร้องป้าสิน  “ทางนั้นก็หยุดได้แล้ว”  เอ็มตะคอกใส่ฮาย
    “อีนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม  อีดำ”  ป้าสินด่าไม่หยุด
“ทางนี้นะ หยุดแล้ว”  ฮายตะคอกใส่  “แต่ทางนั้นทำไมไม่ยอมหยุดสักทีละ”
“ป้าสินหยุดสักทีเถอะครับ”  เอ็มยกมือไหว้ป้า
“หยุดก็ได้  ถือว่าเห็นแก่คุณเอ็มนะ”  ป้าสินพูด
“นึกว่าฉันกลัวแกหรือไง อีป้าแก่ อีหนังเหี่ยว”  พี่ปูนจะเดินเข้ามาตบป้าสิน แต่โดนฮายดึงไว้
“นึกว่าฉันไม่กล้าหรือไง อีดำ”  ป้าสินทำท่าเดินเข้ามาตบพี่ปูน แต่โดนเอ็มดึงไว้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”  คุณหมอพูด และข้างๆคือนางพยาบาลสาวสวยสองคน  “คนไข้เพิ่งฟื้นได้ไม่กี่วัน พวกคุณมาเอะอะโวยวายเสียงดังแบบ
นี้ เดี๋ยวคนไข้เกิดอาการทรุดหนัก ที่ผมพยามรักษามาทั้งหมดก็ถือว่าสูญเปล่านะซิ”
“ขอโทษค่ะ”  ป้าสินและพี่ปูนกล่าวคำขอโทษ
“ช่างเถอะ พวกคุณทั้งสี่คนช่วยออกไปข้างนอกหน่อย ผมจะตรวจคนไข้”  คุณหมอพูด และทั้งสี่คนก็เดินออกไปนั่งรอหน้าห้องผู้ป่วย เอ็ม ฮา
ย พี่ปูน ป้าสิน รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ไปโวยวายในห้อง เพราะถ้าเกิดอาการทรุดหนัดอย่างที่คุณหมอบอกละก็ ที่รักษามาทั้งหมดก็ถือว่าสูญ
เปล่า ทั้งสี่คนถอนหายใจพร้อมๆกัน
   
    พิมพ์ผกาและพิศตะวันค่อนข้างหนักใจในเรื่องนี้พอสมควร ไหนจะคนรัก ไหนจะเพื่อน ไหนจะพ่อแม่และคนรอบข้าง ที่มารายล้อมพวกเธอไว้ในวันนั้น เพื่อนๆที่โรงเรียนก็มาเยี่ยมกันด้วย ตั๊ก เป็นเพื่อนของตะวันเป็นคนที่พิมพ์เกลียดที่สุดในห้อง  และโฟม เพื่อนของพิมพ์เป็นคนที่ตะวันเกลียดที่สุดในห้อง แต่ในตอนนี้ ในเวลาแบบนี้พวกเธอจำเป็นต้องเล่นละครให้สมบทสมบาท ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับคืนร่างกันตอนไหน ทั้งสองได้แต่หวังว่าอีกไม่นานคงจะได้กลับคืนร่าง แต่ท่าทางเรื่องจะไม่จบอยู่เพียงแค่นั้น
    ที่บ้านของพิศตะวัน กลิ่นสาระ เป็นบ้านไม้สองชั้น จัดแต่งออกแบบเหมือนรีสอร์ท ทางเชียงใหม่  บ้านกว้างขวางน่าอยู่ แถมรอบข้างยังเป็นป่าไม้เขียวขจี อากาศสดชื่น ท่าทางพ่อของตะวันจะรวยน่าดูทีเดียว เพราะมีปัญญาซื้อไร่เป็นร้อยๆไร่ ไหนจะปลูกบ้านหลังนี้อีก ท่าทางจะไม่ธรรมดาซะแล้วละ พิมพ์ที่อยู่ในร่างนี้จะต้องพบเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ เพราะในเมื่อตอนนี้ทั้งสองคนออกจากโรงพยาบาล และกลับมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย
    ที่บ้านของพิมพ์ผกา ตะวันได้นั่งรถหรู คันสีดำ เป็นรถที่ยาวมากเป็นพิเศษ คุณลองนึกถึงรถที่เอามาใช้รับส่งแขกในโรงแรมดังๆตามเมืองนอกดูซิ (เหมือนรถที่พระเอกนั่งในมิวสิคเพลง เลี้ยงส่ง so cool)  มีป้าสิน คุณพ่อคุณแม่ของพิมพ์นั่งมาด้วย ป้าสินนั่งข้างตะวัน คุณพ่อคุณแม่นั่งอีกฝั่ง ทั้งสองจ้องมองลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเอง ในระหว่างทางมานี้ ทั้งสองพยายามถามว่าจำอะไรได้บ้าง และแล้วก็มาคฤหาส สีขาว บ้านช่องใหญ่โตมาก เหมือนในหนังเปี๊ยบเลย เมื่อรถหยุด มีคนมาเปิดประตูรถให้ และมีคนใช้มาตั้งขบวนรอรับกลับบ้าน เหมือนในหนังไม่มีผิดเลย  ตะวันไม่ค่อยชอบบ้านแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนไม่ค่อยอบอุ่น บ้านของตะวันกับบ้านของพิมพ์ใหญ่โตพอๆกัน เผลอๆอาจจะรวยพอๆกันด้วย เมื่อตะวันเข้าไปในห้องนอนของ เธอปิดประตูไม่ให้ใครเข้า ล็อคประตูอย่างแน่นหนา คนใช้พยายามเคาะประตูขอเข้าไป แต่เธอปฏิเสธเอาดื้อๆ
    “ฉันขอเวลาอยู่คนเดียวสักแป็บหนึ่งนะ”  เธอตะโกนบอกสาวใช้ และไม่มีเสียงเคาะประตูอีกต่อไป ผ่านด่านแรกได้อย่างสบาย เธอจึงรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ที่โต๊ะนั่งเล่นมา กดหมายเลขและโทรไปที่ห้องของเธอ แต่สายไม่ว่าง
ตะวันจึงต้องโทรไปที่โทรศัพท์บ้าน
    “สวัสดีค่ะ บ้านกลิ่นสาระค่ะ”  เสียงคนใช้บ้านตะวันรับโทรศัพท์ 
    “คุณตะวันอยู่ที่ไหนค่ะ”  ตะวันถาม
    “อยู่ที่ห้องนอนของคุณตะวันค่ะ”  สาวใช้ตอบ
    “ช่วยต่อสายไปที่ห้องตะวันให้หน่อยได้ไหมค่ะ”  ตะวันขอร้อง
    “ดิฉันเกรงว่าคงไม่ได้ค่ะ เพราะคุณตะวันกำลังพักผ่อนอยู่นะค่ะ”  สาวใช้ตอบ
    “ได้โปรดเถอะค่ะ”
    “อย่าเพิ่งรบกวนคุณตะวันเลยนะคะ นี่เป็นคำสั่งของพ่อกำนันค่ะ”  สาวใช้พูดอย่างหนักแน่น ตะวันวางสายอย่างไม่พอใจ เธอไม่รู้
จะติดต่อยังไงดี เพราะโทรศัพท์มือถือของพิมพ์และของเธอต่างก็หายไปตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ข้าวของมีค่าทุกอย่างหายไปตอนที่เกิดอุบัติทั้งหมดเลย ตะวันเดาว่าคนที่บ้านคงจะชักปลั๊กโทรศัพท์ในห้องนอนของเธอออก เวลาโทรเข้าสายถึงไม่ว่าง และแล้วโทรศัพท์ในห้องของพิมพ์ผกาก็ดังขึ้น เธอดูที่หน้าจอโชว์หมายเลข เธอดีใจมากเพราะเบอร์ที่ปรากฏ เป็นเบอร์โทรศัพท์ในห้องนอนของเธอเอง
    “ทางนั้นเป็นไงบ้างพิมพ์”  ตะวันรับสายโดยไม่ฮัลโหล
    “ก็ดี”  นี่คือคำตอบของพิมพ์  “แล้งทางเธอละ ตะวัน”
    “มีอุปสรรค์มากพอดูเหมือนกัน แต่ก็ผ่านฉลุย”  ตะวันตอบ  “คุณพ่อคุณแม่ของเธอ ถามฉันตลอดทางที่กลับบ้านเลยรู้ไหม แล้ว
ฉันก็เกือบจะเข้าห้องนอนผิดด้วย แต่ไม่ต้องห่วงไม่มีใครสงสัยหรอก ฉันพูดและทำท่าทางตามที่เธอบอกทุกอย่างเลยนะพิมพ์”
    “พรุ่งนี้วันจันทร์ ต้องไปโรงเรียนจะทำยังไงดีละ”  พิมพ์ถามตะวัน  “ตอนนี้เรื่องที่ห่วงที่สุดก็คือเรื่องเพื่อนๆในห้องเรียนนี่แหล่ะ”
    “ไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วงนะ”  ตะวันตอบ  “เอางี้ละกัน เธอกับฉันก็คบกันไปก่อนสองคน กลับร่างได่ค่อยกลับไปคบกับกลุ่มเพื่อนๆของตัวเอง ดีไหมละ”
    “ไม่ดี”  พิมพ์ตอบ  “เดี๋ยวเพื่อนๆของฉันจะเข้าใจผิด”
    “แล้วจะทำยังไงละ”  ตะวันพูดกลับ  “เธอเข้ากับกลุ่มของฉันไม่ได้หรอก ส่วนฉันก็เข้ากับกลุ่มไฮโซของเธอไม่ได้เหมือนกัน ได้ข่าวว่าตอนเย็นเธอจะต้องไปช็อปปิ้ง ซื้อของแพงๆ ยี่ห้อดังๆกันเกือบทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ”
    “หรือเธอจะให้เปลี่ยนกลุ่มกันอยู่ละ เรื่องนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย เดี๋ยวเพื่อนๆในห้องจะมองแปลกๆ หลังประสบอุบัติเหตุจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ขนาดที่จะต้องเปลี่ยนกลุ่ม อีกอย่างนะ ถ้าเกิดกลับร่างได้ภายในปีนี้ เพื่อนในห้องก็ยิ่งงงกันไปใหญ่เลย เปลี่ยนกลุ่มไปเปลี่ยนกลุ่มมา”  ตะวันพูด
    “เอาตามที่เธอบอกก็ได้”  พิมพ์พูด  “เรื่องที่ห่วงรองลงมาเป็นอันดับสอง คือเรื่องของเอ็ม”
    “ห่วงอะไรอีกละ เดี๋ยวฉันจะเล่นละครจนมืออาชีพต้องยกนิ้วให้ดูเลย”  ตะวันพูดอย่างไม่แคร์
    “บอกก่อนเลยนะ ว่าฉันกับเอ็มไม่เคยมีอะไรกันและก็ห้ามมีเด็ดขาด และทุกๆสองอาทิตย์ เอ็มจะมารับประทานอาหารที่บ้านของฉันหนึ่งครั้ง  ทุกๆวันศุกร์ เขาจะมารับที่หน้าโรงเรียน เพื่อไปรับประทานอาหารนอกบ้าน  และทุกๆเดือน เธอจะต้องซื้อของฝากไปเยี่ยมคุณแม่ของเขาเดือนละครั้ง ส่วนพ่อของเอ็ม อยู่ที่เมืองนอก นานๆทีถึงจะกลับมาที่เมืองไทยสักครั้ง และช่วงปิดเทอม เอ็มจะพาฉันไปเยี่ยมคุณพ่อของเขาที่ประเทศอังกฤษ และเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอก พอใกล้จะเปิดเทอมถึงจะกลับมาเมืองไทย”
    “เราจะเป็นแบบนี้ตลอดไปงั้นเหรอ”  ตะวันห่อเหี่ยวใจ
    “ไม่รู้เหมือนกัน”  พิมพ์ตอบ  “แต่ยังไงก็ต้องเตรียมใจและเตรียมเล่นละครไว้บ้าง จากที่ฉันคาดการณ์ เราสองคนอาจจะไม่มีหวังคืนร่างกันเลยก็ได้ ฉันนะเตรียมใจไว้แล้ว  แล้วตะวันละ”
    “เผอิญฉันไม่ได้เตรียมใจไว้เลย”  เธอท้อเธอ  “ฉันเตรียมตัวสำหรับปีสองปีนี้  ไม่ใช่ตลอดชีวิต”
    “เอางี้ละกัน มาตกลงกันเลย”  พิมพ์พูด และนี่เป็นข้อสัญญาที่ผูกมัดทั้งสองคนจนสนิทกัน  “ทุกๆวันเสาร์อาทิตย์ที่ว่าง เราสองคนจะต้องเดินทางตระเวนไปตามที่ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้คืนร่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหมอผี คนทรง พระ หรืออะไรก็ตาม ที่มีโอกาสคืนร่างได้ เราจะต้องไปทุกเสาร์อาทิตย์ที่ว่าง ถ้าใครคนใดคนหนึ่งไม่ว่างก็ไม่ต้องไป เรื่องนี้
พวกเราจะต้องไปกันแค่สองคนเท่านั้น ตกลงไหม”
    “ตกลงอยู่แล้ว”  ตะวันพูด  “ระหว่างนี้พวกเราก็เล่นละครตบตาไปก่อนใช่มั้ย”
    “ใช่  และเรื่องนี้ห้ามรู้ถึงหูคนอื่นเด็ดขาด สัญญาไหม”  พิมพ์ถาม
    “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”  ตะวันตอบ  “แต่ถ้าสามปีแล้วยังไม่กลับร่างเดิม เราสองคนจะใช้ชีวิตแบบของใครของมัน
ถึงแม้ว่าฉันจะมีแฟนใหม่ เธอก็ห้ามยุ่งเด็ดขาดนะพิมพ์ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน OK”
    “อย่าลืมที่สัญญาละ”  นี่คือคำตอบ  “แค่นี้ก่อนนะตะวัน พี่ปูนมาเรียกหน้าห้องแล้ว”  พิมพ์วางสายโทรศัพท์ และเดินไปเปิดประตูห้อง “มีอะไรค่ะพี่”
    “พ่อเลี้ยงบอกให้คุณหนูตะวันพักผ่อน”  พี่ปูนพูด หน้าตาตลกดี
    “ทราบแล้วค่ะ”  พิมพ์ตอบ
    “แล้วก็ให้พี่มาดูแลคุณหนูตะวันด้วย”
    “ไม่ต้องก็ได้มั้งค่ะ”  พิมพ์ และเอาตัวมากั้นประตูไว้ไม่ให้พี่ปูนเข้าห้อง
    “ไม่ต้อง ไม่ได้ค่ะ” 
    “ก็ได้ก็ได้”  พิมพ์ตอบ และยอมให้พี่ปูนเข้ามาในห้อง
    พี่ปูนเข้ามาและคอยรับโทรศัพท์ตลอดเวลาที่โทรศัพท์ดัง แต่ไม่มีตะวันโทรมา ส่วนมากจะเป็นเพื่อนๆในกลุ่มของตะวัน คอยทำ
โน้นทำนี่ให้ พิมพ์เดาว่าป้าสินคงจะปฏิบัติแบบนี้กับตะวันที่อยู่ในร่างของเธอเหมือนกัน พี่ปูนนิสัยดีมากๆ เหมือนกับป้าสินของเธอไม่มีผิด ป้า
สินจะคอยห่มผ้าห่มให้ตลอดเวลา พี่ปูนก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ป้าสินจะไม่ให้ดูทีวีจนดึกเกินไป พี่ปูนก็เหมือนกัน เวลาอาบน้ำ ป้าสินบอกว่า
ห้ามแช่ตัวในอ่างนานเกินครึ่งชั่วโมง พี่ปูนก็เหมือนกัน เวลารับประทานอาหาร ห้ามทำกิจกรรมอย่างอื่น ถึงแม้จะรับประทานอยู่ในห้องนอนก็
ตาม พี่ปูนเหมือนกับป้าสินมากๆ พิมพ์ผกาจึงไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป เธอหวังว่าตะวันคงจะไม่ค่อยเหงาเหมือนกับเธอ
   
    ในตอนนี้ทั้งตะวันและพิมพ์ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี หมอบอกว่าพวกเธอทั้งสองคนมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ประมาณ 3 สัปดาห์ แล้ว ส่วนเรื่องการเรียนถูกพักไปด้วยเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้ และด้วยที่เป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด พวกเธอจึงต้องเรียนซ้ำชั้นกันต่อไป แต่ด้วยความที่พ่อแม่ของทั้งคู่ต่างเป็นคนมีฐานะทั้งคู่ แถมยังมีเส้นสายอยู่มากมาย จึงสามารถทำให้ลูกทั้งสองคนไม่ต้องเรียนซ้ำชั้นได้ 
คุณหมอบอกว่า สัปดาห์หน้าพวกเธอก็กลับบ้านกันได้แล้ว พิศตะวันและพิมพ์ผกาดีใจมากในคำตอบ แต่ติดอยู่ที่ว่าเธอทั้งสองคนสลับร่างกัน เธอจึงขอให้พ่อกับแม่ช่วยแจ้งกับอาจารย์ว่า มีความจำในบางส่วนที่ขาดหายไป เรื่องความทรงจำในการเรียนไม่มีปัญหา มีปัญหาตรงที่ว่า เธอทั้งสองจำเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องราวสามปีที่เรียนมัธยมศึกษาตอนต้น เธอทั้งสองจำไม่ค่อยได้ แต่จำได้เพียงแค่ว่าใครเป็นเพื่อนสนิท อาจารย์ช่วยบอกเพื่อนๆในเรื่องพวกนี้แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องเพื่อนๆได้ผ่านไปอย่างสบาย
แต่สิ่งที่ทั้งพิมพ์ผกาและพิศตะวัน เป็นกังวลมากที่สุดนั่นคือเรื่องแฟนของแต่ละคนที่แตกต่างกันสุกขั้ว แฟนของพิศตะวันเป็นท็อม (ชายประเพศสอง) ถึงเขาจะมีหน้าตาที่เหมือนผู้ชายมากแค่ไหนก็ตาม พิมพ์ผการับไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเกลียดคนประเภทนี้อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้กลุ้มใจหนักเข้าไปใหญ่  ส่วนทางพิศตะวันเองก็หนักใจไม่น้อยหน้าพิมพ์ผกาเช่นกัน แฟนของพิมพ์ผกา เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กมากๆ สุภาพบุรุษ พูดจาดี ฐานะทางบ้านร่ำรวย หน้าตาดี เป็นนายแบบถ่ายนิตยาสาร อายุเท่ากันกับพวกเธอ ทุกอย่างดีหมด เหมือนคนในนิยายที่สาวทุกคนใฝ่ฝัน  เพียงแต่รสนิยมของพิศตะวัน ไม่ใช่ผู้ชาย แต่ต้องเป็นทอม 
“ยังไงก็ตามเธอจะต้องคบกันแฟนของฉันต่อไป”  พิศตะวันพูด  “เธออยู่ในร่างของฉันก็จริง แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งพวกเราเกิดสลับร่างกัน คงรู้นะเรื่องนี้นะ”
“รู้นะรู้”  พิมพ์ผกาตอบ ด้วยความหนักใจ  “แต่ฉันเกลียดทอม ฉันไม่ชอบคนพวกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนเด็กๆฉันเคยไปร่วมเดินรนณรงค์
ต่อต้านเกี่ยวกับการรักร่วมเพศที่ประเทศอเมริกามาด้วย  เธอก็คงรู้นะ ว่าการที่ฉันไปร่วมเดินรนณรงค์ ก็แปลว่าฉันเกลียดทอมจริงๆ เพราะ
ฉะนั้นการที่จะไปคบกับแฟนเธอ ตอนเย็นกลับบ้านด้วยกัน กลางวันนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน เวลาติวหนังสือก็ติวด้วยกัน เวลาว่างก็ไปออก
เดทด้วยกัน ปิดเทอมก็ไปเที่ยวที่ไกลๆที่ต้องค้างคืนด้วยกัน เหมือนอย่างที่เธอเคยทำมันคงเป็นไปได้ยาก”
“หรือว่าเธอจะปล่อยให้ฉันนั่งเสียใจเวลากลับร่างเดิม”  พิศตะวันพูด ทำให้พิมพ์ผกาใจอ่อน
“ก็ได้ แต่ไม่รับประกันนะ”  พิมพ์ผกาตอบอย่างไม่เต็มใจ  “ฉันจะพยามทำให้ดีที่สุด”
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ปรากฏให้เห็นร่างของคนคนหนึ่ง สูงประมาณ170 ท่าทางจะเล่นกล้ามซะด้วย  ไว้ผมซอยยาวเหมือนผมทรงผู้ชาย ใส่เสื้อ
เชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ใส่กางเกงยีนสีกรมท่า แต่งตัวดูดี รูปร่างเท่  แต่เสียดายที่ไม่ใช่ผู้ชาย คนที่พิมพ์ผกาเห็นนั่นคือ ฮาย เป็นทอม และเป็นสุดที่
รักของพิศตะวันด้วย
“เป็นไงบ้างตะวัน”  ฮายพูด และเดินเข้ามาข้างๆเตียง  “วันนี้ผมซื้อของมาฝากด้วยนะครับ มีแต่ของที่ตะวันชอบทั้งนั้นเลยนะ”
“ขอบใจนะ”  พิมพ์ผกาตอบ ส่วนพิศตะวันหันไปมองทางหน้าต่าง เธอคงรู้สึกปวดร้าวใจเหมือนกัน ทั้งๆที่
แฟนของเธอยืนอยู่ตรงนี้แล้ว แต่เธอไม่สามารถโผเข้ากอดแฟนได้ แต่กลับต้องทำตัวเหมือนไม่รู้จัก เพราะตอนนี้เธอก็เปรียบเสมือนคน
นอก 
    “คุณหมอบอกว่าตะวันจำอะไรไม่ค่อยได้”  ฮายถาม
    “ก็บางเรื่องค่ะ”  ถ้าฮายเป็นคนรักของพิมพ์ผกาจริงๆละก็ นี่คงเป็นคำพูดที่พยายามตัดขาดสัมพันธ์ เพียงแต่พิศตะวันตัวจริง เป็น
คนที่พูดแบบนี้แหล่ะ ค่อนข้างเอาแต่ใจจนบางครั้งฮายก็เอาใจไม่ถูก เพราะจุดนี้แหล่ะ ฮายถึงได้รัก
พิศตะวันแบบโงหัวไม่ขึ้น แต่ถ้าพิศตะวันลองไปพูดกับแฟนของพิมพ์ผกาซิ รับรองอีกฝ่ายคงนึกว่า เธอพยามตัดขาดความสัมพันธ์  “เรื่องของ
เรา ตะวันก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเรารักกันมาก ส่วนเรื่องอื่น ตะวันจำไม่ได้”
    “จำเรื่องตอนที่เราไปเที่ยวที่พัทธยาได้หรือเปล่า”  ฮาย พยายามถามเพื่อฟื้นความทรงจำ
    “จำไม่ได้หรอกค่ะ”  พิมพ์ผกาตอบ
    “จำไม่ได้เลยเหรอ”  ฮายถาม
    “จำได้แค่ว่า เราเคยไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งแค่กันสองคน แต่จำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน”
    เสียงเปิดประตูดังขึ้น ปรากฏให้เห็นร่างของชายคนหนึ่ง สูงประมาณ175 ซม.  ไว้ผมทรงเดียวกับฮาย แต่ทำ
ไฮไลให้เป็นสีน้ำตาลแดงอ่อนๆ เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีกรมท่า แต่งตัวคล้ายๆฮาย ชื่อว่า อมรินทร์ สุภาพภางค์กูลย์
ชื่อเล่น เอ็ม  เป็นว่าที่คู่หมั้นในอนาคตของพิมพ์ผกา อินทร์สังวร และป้าสิน  เอ็มรีบเดินเข้ามาหาพิมพ์ผกา และกอดเธอไว้แน่น เขานั่งข้างๆ
เตียงและกอดเธอ
    “ผมขอโทษที่ไม่ได้แวะมาเยี่ยมคุณตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้าโรงพยาบาล”  เอ็มพูด  และปล่อยเธอ  “นี่ของขวัญ เนื่องในโอกาสที่
คุณไม่เป็นอะไรนอกจากถลอกนิดๆหน่อยๆ แล้วก็แขนหัก ขอให้หายไวๆนะ”  จูบหน้าผากเธอ
    ท่าทางเขาจะเป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก แต่พิมพ์ไม่เคยเล่าเรื่องของคนๆนี้ให้เธอฟังเลย  ตะวันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เกี่ยว
ข้องอะไรกับครอบครัวของพิมพ์ ทำไมป้าสินถึงยอมให้คนคนนี้เข้ามากอดร่างของพิมพ์ เธอไม่รู้จะทำยังไงดี จึงได้แต่ทำท่าปวดหัว และกุมศรี
ษะไว้ พยายามขมวดคิ้วเข้าใว้  กัดปากเหมือนกำลังปวดหัวจะเป็นจะตาย
    “พิมพ์ เป็นอะไรครับ”  เอ็มถาม  “ป้าสินเรียกหมอด่วนเลย”
    “ไม่ต้องหรอกค่ะ หายแล้ว”  ตะวันตอบ และสะดุ้งโหย่ง เมื่อได้ยินว่าให้เรียกหมอ 
    “แล้วพิมพ์เป็นอะไร ผมตกใจมากรู้ไหม”  เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง
    “เอ่อ  คือว่า  คือ”  เธออึกอักที่จะพูด  แต่เธอก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ  “พิมพ์จำไม่ได้ค่ะ”  ทำท่าคุณหนู
    “จำอะไรไม่ได้เหรอครับ”  เขาเริ่มขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนถอยห่างจากเตียง ท่าทางเหมือนจะไม่อยากฟังคำตอบ
    “พิมพ์จำไม่ได้ว่าคุณเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของพิมพ์”  ตะวันตอบ ทำเอาชายหนุ่มที่แสนจะเปราะบางน้ำตาคลอเบ้า
แต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ชายจึงกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลไว้อยู่
    “เรื่องของเรา พิมพ์จำอะไรได้บ้าง”  เอ็มถาม และหันหน้าไปมองหน้าต่าง หันหลังให้กับ ฮาย พิมพ์ ตะวัน และ
ป้าสิน  “ผมอยากรู้ พิมพ์จำอะไรได้บ้าง”
    “บอกตามตรง จำได้บ้างนิดหน่อยเกี่ยวกับคุณ”  ตะวันตอบ
    “นิดหน่อย  นิดหน่อยแค่ไหน”  เขาถามอีกครั้ง
    “มีภาพของคุณเว็บเข้ามาในความทรงจำ เป็นบางส่วน แล้วก็”  ตะวันหันหน้าไปทางพิมพ์ ส่วนพิมพ์ ทำปากขมุบขมิบ เป็นคำว่า
เอ็ม เธอชี้ไปที่ตัวอักษรนิตยาสารเล่มหนึ่ง ซึ่งมีตัวอักษรนำหน้าเป็นตัวเอ็ม แล้วขมุบขมิบปากต่อ ส่วนป้าสินฉวยโอกาสตอนที่เอ็มไม่ได้มอง
หยิบหนังสือนิตยาสารที่เขาเคยถ่ายแบบไว้มาให้ดู มีประวัติเกี่ยวกับตัวเขา
“ถ้าจำไม่ผิด น่าจะชื่อเอ็ม เราเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แล้วก็สนิทกันมากด้วย”
    เอ็มหันมาทันที ส่วนป้าสินรีบซ่อนหนังสือนิตยาสารเล่มนั้นแทบไม่ทัน “จำได้แค่นี้ก็พอแล้ว”  เขาดีใจ และพูดต่อ  “เดี๋ยวเอ็มจะค่อยๆฟื้นความทรงจำให้พิมพ์เอง”  แผนการหลอกเอ็มเป็นที่สำเร็จ
    “ทำไมจะต้องเป็นคุณหนูของป้าด้วยนะ”  ป้าสินพูด  “คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ไปชน ทำไมต้องมาชนคุณหนูของป้าด้วย”
    พี่ปูนที่นอนหลับเหมือนตาย ตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้  “อ๋อ ก็คุณหนูของป้าเดินไม่ดีเอง คุณตะวันของฉันถึงได้ชันรถไป
ชนยังไงละ สะพานลอยมีให้ข้ามไม่ข้าม อยากกระแดะมาข้ามถนนเองทำไม”
    “อีนั่งนี่ ถ้าอีคุณตะวันของแกไม่ผ่าไฟแดงมาละก็ คุณหนูของฉันคงไม่ต้องมารับเคราะห์แบบนี้หรอก”
    “ถนนมีไว้ให้รถขับ ไม่ได้มีไว้ให้คนข้ามสักหน่อย ยัยแก่ รู้ไว้ซะ”  พี่ปูนเถียงป้าสิน
    “ไฟแดงมีไว้ให้รถหยุด ไม่ได้มีไว้ให้ฝ่ากฎโว้ย”  ป้าสินเถียงกลับ
    “หยุดเถอะพี่ปูน”  ฮายขอร้องพี่ปูน
    “มันด่าเรามาก่อนนะค่ะคุณฮาย”  พี่ปูนยังไม่ยอมหยุด  “แก่แล้วไม่อยู่ส่วนแก่  อีป้าหนังเหี่ยว”
    “อีเด็กลาว อีบ้านนอก อีไพร่ อีสถุล” ป้าสินตอกกลับ
    “ป้าสินหยุดเถอะครับ”  เอ็มขอร้องป้าสิน  “ทางนั้นก็หยุดได้แล้ว”  เอ็มตะคอกใส่ฮาย
    “อีนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม  อีดำ”  ป้าสินด่าไม่หยุด
“ทางนี้นะ หยุดแล้ว”  ฮายตะคอกใส่  “แต่ทางนั้นทำไมไม่ยอมหยุดสักทีละ”
“ป้าสินหยุดสักทีเถอะครับ”  เอ็มยกมือไหว้ป้า
“หยุดก็ได้  ถือว่าเห็นแก่คุณเอ็มนะ”  ป้าสินพูด
“นึกว่าฉันกลัวแกหรือไง อีป้าแก่ อีหนังเหี่ยว”  พี่ปูนจะเดินเข้ามาตบป้าสิน แต่โดนฮายดึงไว้
“นึกว่าฉันไม่กล้าหรือไง อีดำ”  ป้าสินทำท่าเดินเข้ามาตบพี่ปูน แต่โดนเอ็มดึงไว้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”  คุณหมอพูด และข้างๆคือนางพยาบาลสาวสวยสองคน  “คนไข้เพิ่งฟื้นได้ไม่กี่วัน พวกคุณมาเอะอะโวยวายเสียงดังแบบ
นี้ เดี๋ยวคนไข้เกิดอาการทรุดหนัก ที่ผมพยามรักษามาทั้งหมดก็ถือว่าสูญเปล่านะซิ”
“ขอโทษค่ะ”  ป้าสินและพี่ปูนกล่าวคำขอโทษ
“ช่างเถอะ พวกคุณทั้งสี่คนช่วยออกไปข้างนอกหน่อย ผมจะตรวจคนไข้”  คุณหมอพูด และทั้งสี่คนก็เดินออกไปนั่งรอหน้าห้องผู้ป่วย เอ็ม ฮา
ย พี่ปูน ป้าสิน รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ไปโวยวายในห้อง เพราะถ้าเกิดอาการทรุดหนัดอย่างที่คุณหมอบอกละก็ ที่รักษามาทั้งหมดก็ถือว่าสูญ
เปล่า ทั้งสี่คนถอนหายใจพร้อมๆกัน
   
    พิมพ์ผกาและพิศตะวันค่อนข้างหนักใจในเรื่องนี้พอสมควร ไหนจะคนรัก ไหนจะเพื่อน ไหนจะพ่อแม่และคนรอบข้าง ที่มารายล้อมพวกเธอไว้ในวันนั้น เพื่อนๆที่โรงเรียนก็มาเยี่ยมกันด้วย ตั๊ก เป็นเพื่อนของตะวันเป็นคนที่พิมพ์เกลียดที่สุดในห้อง  และโฟม เพื่อนของพิมพ์เป็นคนที่ตะวันเกลียดที่สุดในห้อง แต่ในตอนนี้ ในเวลาแบบนี้พวกเธอจำเป็นต้องเล่นละครให้สมบทสมบาท ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับคืนร่างกันตอนไหน ทั้งสองได้แต่หวังว่าอีกไม่นานคงจะได้กลับคืนร่าง แต่ท่าทางเรื่องจะไม่จบอยู่เพียงแค่นั้น
    ที่บ้านของพิศตะวัน กลิ่นสาระ เป็นบ้านไม้สองชั้น จัดแต่งออกแบบเหมือนรีสอร์ท ทางเชียงใหม่  บ้านกว้างขวางน่าอยู่ แถมรอบข้างยังเป็นป่าไม้เขียวขจี อากาศสดชื่น ท่าทางพ่อของตะวันจะรวยน่าดูทีเดียว เพราะมีปัญญาซื้อไร่เป็นร้อยๆไร่ ไหนจะปลูกบ้านหลังนี้อีก ท่าทางจะไม่ธรรมดาซะแล้วละ พิมพ์ที่อยู่ในร่างนี้จะต้องพบเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ เพราะในเมื่อตอนนี้ทั้งสองคนออกจากโรงพยาบาล และกลับมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย
    ที่บ้านของพิมพ์ผกา ตะวันได้นั่งรถหรู คันสีดำ เป็นรถที่ยาวมากเป็นพิเศษ คุณลองนึกถึงรถที่เอามาใช้รับส่งแขกในโรงแรมดังๆตามเมืองนอกดูซิ (เหมือนรถที่พระเอกนั่งในมิวสิคเพลง เลี้ยงส่ง so cool)  มีป้าสิน คุณพ่อคุณแม่ของพิมพ์นั่งมาด้วย ป้าสินนั่งข้างตะวัน คุณพ่อคุณแม่นั่งอีกฝั่ง ทั้งสองจ้องมองลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเอง ในระหว่างทางมานี้ ทั้งสองพยายามถามว่าจำอะไรได้บ้าง และแล้วก็มาคฤหาส สีขาว บ้านช่องใหญ่โตมาก เหมือนในหนังเปี๊ยบเลย เมื่อรถหยุด มีคนมาเปิดประตูรถให้ และมีคนใช้มาตั้งขบวนรอรับกลับบ้าน เหมือนในหนังไม่มีผิดเลย  ตะวันไม่ค่อยชอบบ้านแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนไม่ค่อยอบอุ่น บ้านของตะวันกับบ้านของพิมพ์ใหญ่โตพอๆกัน เผลอๆอาจจะรวยพอๆกันด้วย เมื่อตะวันเข้าไปในห้องนอนของ เธอปิดประตูไม่ให้ใครเข้า ล็อคประตูอย่างแน่นหนา คนใช้พยายามเคาะประตูขอเข้าไป แต่เธอปฏิเสธเอาดื้อๆ
    “ฉันขอเวลาอยู่คนเดียวสักแป็บหนึ่งนะ”  เธอตะโกนบอกสาวใช้ และไม่มีเสียงเคาะประตูอีกต่อไป ผ่านด่านแรกได้อย่างสบาย เธอจึงรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ที่โต๊ะนั่งเล่นมา กดหมายเลขและโทรไปที่ห้องของเธอ แต่สายไม่ว่าง
ตะวันจึงต้องโทรไปที่โทรศัพท์บ้าน
    “สวัสดีค่ะ บ้านกลิ่นสาระค่ะ”  เสียงคนใช้บ้านตะวันรับโทรศัพท์ 
    “คุณตะวันอยู่ที่ไหนค่ะ”  ตะวันถาม
    “อยู่ที่ห้องนอนของคุณตะวันค่ะ”  สาวใช้ตอบ
    “ช่วยต่อสายไปที่ห้องตะวันให้หน่อยได้ไหมค่ะ”  ตะวันขอร้อง
    “ดิฉันเกรงว่าคงไม่ได้ค่ะ เพราะคุณตะวันกำลังพักผ่อนอยู่นะค่ะ”  สาวใช้ตอบ
    “ได้โปรดเถอะค่ะ”
    “อย่าเพิ่งรบกวนคุณตะวันเลยนะคะ นี่เป็นคำสั่งของพ่อกำนันค่ะ”  สาวใช้พูดอย่างหนักแน่น ตะวันวางสายอย่างไม่พอใจ เธอไม่รู้
จะติดต่อยังไงดี เพราะโทรศัพท์มือถือของพิมพ์และของเธอต่างก็หายไปตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ข้าวของมีค่าทุกอย่างหายไปตอนที่เกิดอุบัติทั้งหมดเลย ตะวันเดาว่าคนที่บ้านคงจะชักปลั๊กโทรศัพท์ในห้องนอนของเธอออก เวลาโทรเข้าสายถึงไม่ว่าง และแล้วโทรศัพท์ในห้องของพิมพ์ผกาก็ดังขึ้น เธอดูที่หน้าจอโชว์หมายเลข เธอดีใจมากเพราะเบอร์ที่ปรากฏ เป็นเบอร์โทรศัพท์ในห้องนอนของเธอเอง
    “ทางนั้นเป็นไงบ้างพิมพ์”  ตะวันรับสายโดยไม่ฮัลโหล
    “ก็ดี”  นี่คือคำตอบของพิมพ์  “แล้งทางเธอละ ตะวัน”
    “มีอุปสรรค์มากพอดูเหมือนกัน แต่ก็ผ่านฉลุย”  ตะวันตอบ  “คุณพ่อคุณแม่ของเธอ ถามฉันตลอดทางที่กลับบ้านเลยรู้ไหม แล้ว
ฉันก็เกือบจะเข้าห้องนอนผิดด้วย แต่ไม่ต้องห่วงไม่มีใครสงสัยหรอก ฉันพูดและทำท่าทางตามที่เธอบอกทุกอย่างเลยนะพิมพ์”
    “พรุ่งนี้วันจันทร์ ต้องไปโรงเรียนจะทำยังไงดีละ”  พิมพ์ถามตะวัน  “ตอนนี้เรื่องที่ห่วงที่สุดก็คือเรื่องเพื่อนๆในห้องเรียนนี่แหล่ะ”
    “ไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วงนะ”  ตะวันตอบ  “เอางี้ละกัน เธอกับฉันก็คบกันไปก่อนสองคน กลับร่างได่ค่อยกลับไปคบกับกลุ่มเพื่อนๆของตัวเอง ดีไหมละ”
    “ไม่ดี”  พิมพ์ตอบ  “เดี๋ยวเพื่อนๆของฉันจะเข้าใจผิด”
    “แล้วจะทำยังไงละ”  ตะวันพูดกลับ  “เธอเข้ากับกลุ่มของฉันไม่ได้หรอก ส่วนฉันก็เข้ากับกลุ่มไฮโซของเธอไม่ได้เหมือนกัน ได้ข่าวว่าตอนเย็นเธอจะต้องไปช็อปปิ้ง ซื้อของแพงๆ ยี่ห้อดังๆกันเกือบทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ”
    “หรือเธอจะให้เปลี่ยนกลุ่มกันอยู่ละ เรื่องนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย เดี๋ยวเพื่อนๆในห้องจะมองแปลกๆ หลังประสบอุบัติเหตุจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ขนาดที่จะต้องเปลี่ยนกลุ่ม อีกอย่างนะ ถ้าเกิดกลับร่างได้ภายในปีนี้ เพื่อนในห้องก็ยิ่งงงกันไปใหญ่เลย เปลี่ยนกลุ่มไปเปลี่ยนกลุ่มมา”  ตะวันพูด
    “เอาตามที่เธอบอกก็ได้”  พิมพ์พูด  “เรื่องที่ห่วงรองลงมาเป็นอันดับสอง คือเรื่องของเอ็ม”
    “ห่วงอะไรอีกละ เดี๋ยวฉันจะเล่นละครจนมืออาชีพต้องยกนิ้วให้ดูเลย”  ตะวันพูดอย่างไม่แคร์
    “บอกก่อนเลยนะ ว่าฉันกับเอ็มไม่เคยมีอะไรกันและก็ห้ามมีเด็ดขาด และทุกๆสองอาทิตย์ เอ็มจะมารับประทานอาหารที่บ้านของฉันหนึ่งครั้ง  ทุกๆวันศุกร์ เขาจะมารับที่หน้าโรงเรียน เพื่อไปรับประทานอาหารนอกบ้าน  และทุกๆเดือน เธอจะต้องซื้อของฝากไปเยี่ยมคุณแม่ของเขาเดือนละครั้ง ส่วนพ่อของเอ็ม อยู่ที่เมืองนอก นานๆทีถึงจะกลับมาที่เมืองไทยสักครั้ง และช่วงปิดเทอม เอ็มจะพาฉันไปเยี่ยมคุณพ่อของเขาที่ประเทศอังกฤษ และเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอก พอใกล้จะเปิดเทอมถึงจะกลับมาเมืองไทย”
    “เราจะเป็นแบบนี้ตลอดไปงั้นเหรอ”  ตะวันห่อเหี่ยวใจ
    “ไม่รู้เหมือนกัน”  พิมพ์ตอบ  “แต่ยังไงก็ต้องเตรียมใจและเตรียมเล่นละครไว้บ้าง จากที่ฉันคาดการณ์ เราสองคนอาจจะไม่มีหวังคืนร่างกันเลยก็ได้ ฉันนะเตรียมใจไว้แล้ว  แล้วตะวันละ”
    “เผอิญฉันไม่ได้เตรียมใจไว้เลย”  เธอท้อเธอ  “ฉันเตรียมตัวสำหรับปีสองปีนี้  ไม่ใช่ตลอดชีวิต”
    “เอางี้ละกัน มาตกลงกันเลย”  พิมพ์พูด และนี่เป็นข้อสัญญาที่ผูกมัดทั้งสองคนจนสนิทกัน  “ทุกๆวันเสาร์อาทิตย์ที่ว่าง เราสองคนจะต้องเดินทางตระเวนไปตามที่ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้คืนร่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหมอผี คนทรง พระ หรืออะไรก็ตาม ที่มีโอกาสคืนร่างได้ เราจะต้องไปทุกเสาร์อาทิตย์ที่ว่าง ถ้าใครคนใดคนหนึ่งไม่ว่างก็ไม่ต้องไป เรื่องนี้
พวกเราจะต้องไปกันแค่สองคนเท่านั้น ตกลงไหม”
    “ตกลงอยู่แล้ว”  ตะวันพูด  “ระหว่างนี้พวกเราก็เล่นละครตบตาไปก่อนใช่มั้ย”
    “ใช่  และเรื่องนี้ห้ามรู้ถึงหูคนอื่นเด็ดขาด สัญญาไหม”  พิมพ์ถาม
    “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”  ตะวันตอบ  “แต่ถ้าสามปีแล้วยังไม่กลับร่างเดิม เราสองคนจะใช้ชีวิตแบบของใครของมัน
ถึงแม้ว่าฉันจะมีแฟนใหม่ เธอก็ห้ามยุ่งเด็ดขาดนะพิมพ์ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน OK”
    “อย่าลืมที่สัญญาละ”  นี่คือคำตอบ  “แค่นี้ก่อนนะตะวัน พี่ปูนมาเรียกหน้าห้องแล้ว”  พิมพ์วางสายโทรศัพท์ และเดินไปเปิดประตูห้อง “มีอะไรค่ะพี่”
    “พ่อเลี้ยงบอกให้คุณหนูตะวันพักผ่อน”  พี่ปูนพูด หน้าตาตลกดี
    “ทราบแล้วค่ะ”  พิมพ์ตอบ
    “แล้วก็ให้พี่มาดูแลคุณหนูตะวันด้วย”
    “ไม่ต้องก็ได้มั้งค่ะ”  พิมพ์ และเอาตัวมากั้นประตูไว้ไม่ให้พี่ปูนเข้าห้อง
    “ไม่ต้อง ไม่ได้ค่ะ” 
    “ก็ได้ก็ได้”  พิมพ์ตอบ และยอมให้พี่ปูนเข้ามาในห้อง
    พี่ปูนเข้ามาและคอยรับโทรศัพท์ตลอดเวลาที่โทรศัพท์ดัง แต่ไม่มีตะวันโทรมา ส่วนมากจะเป็นเพื่อนๆในกลุ่มของตะวัน คอยทำ
โน้นทำนี่ให้ พิมพ์เดาว่าป้าสินคงจะปฏิบัติแบบนี้กับตะวันที่อยู่ในร่างของเธอเหมือนกัน พี่ปูนนิสัยดีมากๆ เหมือนกับป้าสินของเธอไม่มีผิด ป้า
สินจะคอยห่มผ้าห่มให้ตลอดเวลา พี่ปูนก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ป้าสินจะไม่ให้ดูทีวีจนดึกเกินไป พี่ปูนก็เหมือนกัน เวลาอาบน้ำ ป้าสินบอกว่า
ห้ามแช่ตัวในอ่างนานเกินครึ่งชั่วโมง พี่ปูนก็เหมือนกัน เวลารับประทานอาหาร ห้ามทำกิจกรรมอย่างอื่น ถึงแม้จะรับประทานอยู่ในห้องนอนก็
ตาม พี่ปูนเหมือนกับป้าสินมากๆ พิมพ์ผกาจึงไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป เธอหวังว่าตะวันคงจะไม่ค่อยเหงาเหมือนกับเธอ
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น