ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมป่วนตัวดีกับหนุ่มหน้าตาดีตัวกวน

    ลำดับตอนที่ #6 : จอมป่วนตัวดีกับหนุ่มหน้าตาดีตัวกวน # 6

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 49


    # 6

                แอ๊ดดดด~

                .........?

                นนทกานต์และนิธิศหันไปมองหน้าผู้มาเยือนใหม่ทั้งสองคนต่างก็ทำหน้าตางุนงง ว่าหญิงสาวผู้นี่คือใครกัน

                เอ๊ะ! พวกคุณเป็นใครกันน่ะ รู้จักกับเพื่อนฉันหรอ? ดาราถามอย่างสงสัยเพราะปริตายังไม่เคยเล่าเรื่องที่นิธิศและนนทกานต์ให้หล่อนฟังเลย หล่อนจึงไม่รู้จักชายหนุ่มทั้งสองคนนี้

                ครับ พวกเราเป็นเพื่อนของฟินท์น่ะครับ นนทกานต์ตอบคำถามของหญิงสาวพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรไปให้

                อ๋อ ค่ะๆ แล้วยัยฟินท์เป็นยังไงบ้างคะ?

                คุณหมอบอกว่าพ้นขีดโคม่าแล้วครับ เหลือแค่รอให้ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น

                ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากของเยี่ยมไข้ให้ยัยฟินท์ด้วยแล้วกันนะคะ เพราะฉันรีบน่ะคะยังไงก็รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

                ครับไม่เป็นใครครับ คุณ...เอ่อ...

                ดาวค่ะ แล้วคุณละคะ

                ผม กานต์ ครับหวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ

                ค่ะ แล้วคุณอีกคนก็......           

                เรียกผมว่าธิศก็ได้ครับหันมาพูดกับดาราก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองปริตาต่อ

                ค่ะ ไปแล้วนะคะ

                ครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่ลิฟท์นะครับ นนทกานต์เดินไปเปิดประตูส่งดาราที่ลิฟท์

                นิธิศนั่งมองหน้าปริตาพลางกุมมือของหญิงสาวไปด้วย ในใจของเขาภาวนาขอให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมาเร็วๆ เพราะว่าเขามีเรื่องสำคัญมากๆ ที่อยากจะบอกกับเธอ แม้คำตอบที่จะได้นั้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้เขาก็ยินดีที่จะถอยออกมาแล้วจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธออีกหากเธอต้องการ

               

     

    5 วันต่อมา….

                หมอครับ เมื่อไหร่น้องสาวผมถึงจะฟื้นละครับ

                เรื่องนี้หมอก็ยังตอบไม่ได้นะครับว่าคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่ อาจจะเป็นไปได้ว่าคนไข้ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกก็ได้นะครับ แต่ในช่วงนี้ถ้าอยู่ในห้องพักคนไข้ก็ขอให้ระวังคำพูดกันบ้างนะครับถึงแม้ว่าคนไข้จะยังไม่ฟื้น แต่ก็อาจจะสามารถได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดกันได้นะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะครับ

                ครับ ขอบคุณครับคุณหมอปาณนพมีสีหน้าที่เป็นกังวลมาก เขากำลังกังวลว่าถ้าหากน้องสาวของเขาไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ล่ะ  แล้วป๊ากับม๊าที่อยู่อเมริกาจะว่ายังไง.....

               

     

                พี่เฟิร์สครับ หมอว่ายังไงบ้างครับชายหนุ่มถามออกมาอย่างมีความหวัง

                คุณหมอบอกว่ายังไม่รู้เหมือนเดิมเลยธิศ ทำได้ตอนนี้ก็คือ รอ กับ รอ น่ะ เอ่อ...นี่เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อข้าวนะจะกินอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาให้

                ไม่ครับ ขอบคุณ เมื่อได้ฟังดังนั้นสีหน้าที่มีความหวังนั้นก็พลันหดหู่ขึ้นมาอีกครัง

                นี่เราน่ะไม่ได้กินอะไรมาตั้ง 2 วันแล้วนะเดี๋ยวก็ป่วยไปอีกคนหรอก ยัยฟินท์น่ะอึดจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกยัยนั้นน่ะ ตอนนี้ห่วงตัวเองดีกว่านะ

                ครับ....

                งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อมาฝากแล้วกันนะ พี่ไปนะ

                ครับ คล้อยหลังปาณนพนิธิศก็หันมาเฝ้าปริตาต่อ

                ฟินท์......นิธิศเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะนำมือของหญิงมามาทาบไว้กับแก้มของเขา

                นี่เธออยากเป็นเจ้าหญิงนิทรามากรึไงกันห๊ะ!!....ถ้าเธออยากเป็นมากนักฉันก็อยากจะเป็นเจ้าชายของเธอเองนะ เธอไม่ต้องกลัวนะตราบใดที่ฉันยังอยู่ฉันสัญญาว่าจากนี้ต่อไปฉันจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องร้องไห้อีกแล้ว......ฉันรักเธอนะฟินท์ พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมา...

     

    คืนนั้น......

                นิธิศอดหลับอดนอนเฝ้าปริตาทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันมา 2 วันแล้ว เขาเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวข้างๆ เตียงที่หญิงสาวกำลังนอนอยู่ ทันใดนั้นเองเจ้าของนิ้วเรียวยาวที่นอนหลับไปเกือบ 1 อาทิตย์ก็ขยับเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยนั้นก็ทำท่าเหมือนจะลืมตาแต่การลืมตาครั้งนี้ของหล่อนช่างดูยากเย็นเสียจริงๆ อาจจะเป็นเพราะหล่อนนอนหลับไปนานมากก็ได้

                .......อ้าว นี่ใครมาหลับอยู่แถวนี่เนี่ยแล้วฉันอยู่ที่ไหนละเนี่ย นาย......นาย......นี่นายตื่นซิ ปริตาเขย่าตัวชายหนุ่มที่หลับอยู่ข้างายของหล่อน

                หืม...... นิธิศสลึมสลือตื่นขึ้นมา เพียงได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเขาก็หายง่วงขึ้นมาเป็นปลิดทิ้ง

                เฮ้ย! ฟินท์ เธอฟื้นแล้วเธอ ฟื้นแล้วจริงๆ ใช่มั้ย นิธิศดีใจมากจนแทบจะเข้าไปกอดหญิงสาวตรงหน้าให้สมกับความดีใจของเขาแต่เสียงเล็กๆ นั้นก็ดังแทรกเข้ามาซะก่อน

                อะไรของนายน่ะ ?....นี่ ฉันหิวน้ำจังของน้ำหน่อยซิ นิธิศเดินหายไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำเย็น 1 แล้วใหญ่ๆ ในมือ

                โห นี่นายฉันดื่มนะไม่ได้กรอก แก้วใหญ่โตอะไรมากมายเนี่ย ถึงจะบ่นอย่างนั้นปริตาก็หยิบน้ำแก้วนั้นมาดื่มด้วยความกระหาย......จนหมด ทำเอานิธิศนั่งยิ้มแป้นอย่างพอใจอยู่ข้างๆ เตียง

                นี่ขนาดบอกว่าไม่ได้กรอก ฉันว่าเธอสูบเอาแล้วละมั้ง คิกๆ

                อะไร ก็ฉันหิวนี่ ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ

                ครับผมๆ

                นี่นายฉันปวดหัวจังเลยอ่ะ ฉันเป็นอะไรไปหรอ

                เธอนอนหลับไปก่อนแล้วกันนะ ตื่นขึ้นมาแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง

                เอางั้นหรอ อื้มๆ ว่าแล้วปริตาก็เข้าสู่ห่วงนิทราไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย

     

     

                [ครับ ]

                พี่เฟิร์สครับ นี่ธิศนะครับ

                [อื้มมีอะไรรึเปล่า]

                ฟินท์ฟื้นแล้วครับ

                [หรอ O_O จริงดิ่]

                ครับ

                [ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ไปนะ ]

                หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ไป นิธิศก็กลับมานั่งเฝ้าปริตาต่อ ชายหนุ่มทำเหมือนยังกับว่าหญิงสาวเป็นรูปปั้นที่มองเท่าไหร่  มองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ......

               

     

                มาแล้วๆๆ ไหนๆ ฟินท์ฟื้นแล้วหรอ ปาณนพทำท่าดีใจราวกับถูดล็อตเตอรร์รี่รางวัลที่ 1  

                ชู่ว! เบาๆ ครับพี่เฟิร์ส ฟินท์กำลังหลับอยู่ครับ

                อ้าวหรอ  เหอะๆ โทษทีนะพี่ดีใจไปหน่อยอ่ะปาณนพยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ แก้เขิน

                ครับ ^ ^”

                แล้วฟินท์ฟื้นนานรึยังละ?

                ก็ซักพักอะครับ แต่ผมว่าคงไม่น่าเป็นอะไรแล้วนะครับ ฟื้นขึ้นมาก็เล่นจิกใช้ผมซะ  -  -” นิธิศว่าพลางทำหน้าตาเซ็งๆ หากแต่ในใจเของเขาก็ดีใจอย่างสุดๆ เช่นกันที่ผู้หญิงที่เขารักได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

                หรอ....ฮ่าๆๆ ยัยนี่มันอึดจริงๆเลย

                ....อะแฮ่มๆ หนุ่มๆ ทั้งหลายการนินทาอิสตรีเป็นสิ่งไม่ดีนะ

                เฮอะ! เธอเป็นสตรีกับคนอื่นเค้าด้วยหรอยัยทอมบอยนิธิศเอ่ยขึ้นมาอย่างล้อๆ

                เอ๊ะ! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันว่า ยัยทอมบอย ซักทีห๊ะ!!” ปริตาเถียงกลับคอเป็นเอ็นหลังจากที่ถูกเรียกว่า ยัยทอมบอย

                โห ลุกขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อย่างนี้กลับบ้านเลยไม่ดีกว่าหรอ หือว่าไง?ปาณนพต้องกลายมาเป็นผู้ยุติสงครามน้ำลายจำเป็นระหว่างนิธิศ กับ ปริตา

                ก็ดีนะพี่เฟิร์ส...ฟินท์อยากกลับวันนี้เลยอ่ะ คิดถึงบ้าน

                อื้ม เอาไว้เดี๋ยวพี่คุยกับคุณหมอให้นะ

                อื้มๆ แล้วนี่กระเช้าของใครอ่ะ ขนมเต็มเลย อิอิ ชอบ~”

                ของเพื่อนเธอที่ชื่อดาวอ่ะ เค้าเอามาเยี่ยมนิธิศตอบขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่โทรทัศน์

                อ๋อๆ อาซ้อนะเอง เดี๋ยวต้องโทรขอบพระคุณเจ๊เค้าซะหน่อยแล้วปริตายิ้มอย่างดีใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเธอยังมีน้ำใจแวะเอาของมาเยี่ยมเธอ เพราะเธอรู้ว่าปิดเทอมแทบทุกเทอมดาราจะต้องบินกลับไปช่วยงานคุณพ่อของเธอที่เกาหลีเป็นประจำ

                เอ่อนี่ธิศบอกคุณหมอรึยังอ่ะ

                เอ่อ...จริงด้วยผมลืมไปเลย เดี๋ยวผมไปบอกก่อนนะครับ

                ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปเอง

                ไม่เป็นไรครับ ผมไปน่ะดีแล้วพี่จะได้อยู่คุยกับฟินท์ตามประสาพี่น้องไงครับ

                เอางั้นหรอ งั้นฝากด้วยนะ

                ครับ

                เอ่อนี่นายๆๆๆ อย่าเพิ่งไปๆๆ

                หือ?? มีอะไรอ่ะ

                ซื้อเลย์มาให้ถุงหนึ่งดิ่ ซื้อมาฝากนะ ไม่ได้ฝากซื้อ ฮ่าๆๆๆ ขอบใจๆ

                เฮ้อ~ คร้าบๆ ถ้าไม่เห็นว่าป่วยละก็นะ  มินิมาร์ทไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เลยนะ ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี

                เมื่อนิธิศเดินออกจากห้องไปแล้วสองศรีพี่น้องจึงเริ่มสนทนากันอย่างออกรสโดยที่ฟินท์เป็นคนเริ่มก่อน

                นี่พี่เฟิร์ส พี่เฟิร์สลองเล่ามาให้ฟินท์ฟังหน่อยซิว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เพราะฟินท์จำได้แค่เห็นแสงแว็บๆ เสียงคนกรี๊ดแล้วฟินท์ก็ไม่รู้สึกตัวเลยอ่ะ นะๆๆ ลองเล่ามาหน่อยน้า~ เค้าอยากฟังอ่ะน้า~ นะๆๆๆ

                รู้แล้วๆ อ้อนจังเลยนะยัยตัวดี

                อิอิค้าบ เล่ามาซิ ปริตานั่งฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่บนเตียง สีหน้าจริงจังของปริตาทำเอาปาณนพอดหัวเราะไม่ได้

                - -^ หัวเราะอะไร หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ จะหยุดดีๆ หรือหยุดด้วยน้ำตาห๊ะ!!!”

                ครับๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เราน่ะโดนรถชนตอนที่จะวิ่งข้ามถนนมาหาตาธิศเค้า เราก็เลยโดนหามส่งโรงพยาบาลแล้วมาตื่นอยู่ในสภาพอย่างนี้ไง

                แล้ว.....ฟินท์หลับไปกี่วันอ่ะ

                5 วันละมั้ง เอ่อ...นี่ฟินท์ ธิศน่ะเค้ามานั่งเฝ้าเราทั้งวันทั้งคืนเลยรู้มั้ย? พี่แอบเห็นเค้านอนร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียงเราหลายครั้งเลยล่ะ

                ไม่จริงม้างงงง คนอย่านายนั้นน่ะนะร้องไห้ให้ฟินท์ เชอะ! ไม่มีทางหรอกอย่าหลอกกันเลยพี่เฟิร์ส ถึงฟินท์จะไม่ฉลาดมากแต่ก็ไม่ได้โง่นะคะ

                จริงๆ นะตอนที่เธอโดนรถชนอ่ะเลือดกองเต็มถนนเลย แล้วธิศก็เป็นคนแรกด้วยนะที่วิ่งเข้าไปหาเธออ่ะแล้วคนที่พาเธอมาโรงพยาบาล คอยเฝ้าพยาบาลเธอทั้งคืนน่ะก็ธิศทั้งนั้นแหละ เธอน่ะต้องขอบคุณเค้านะ

                .....O_O” ปริตาได้แต่นั่งอึ้งเถียงอะไรไม่ออกเพราะว่า ก่อนที่เธอจะหมดสติไปเธอก็ได้ยินเสียงของนิธิศเรียกชื่อเธอดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทเหมือนกัน

                แอ๊ดดดด~ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเมื่อซักครู่นี้.....

                มาแล้วครับ นี่เลย์ของเธอ อ่ะเอาไปเลย 2 ถุง

                อื้มๆ ขอบใจนะ

                อ้าว! ธิศแล้วหมอละ

                อ๋อ คุณหมออยู่ที่ห้องข้างๆ อ่ะครับอีกซักพักก็คงมาผมไปตามให้แล้วครับไม่ต้องห่วง

                อื้ม นี่เดี๋ยวถ้าฟินท์ออกจากโรงพยาบาลเราไปฉลองกันดีมั้ย ??

                โอเคเลย พี่เฟิร์สฟินท์อะไม่ได้เที่ยวมาตั้งนาน แล้วจะไปฉลองกันที่ไหนละ

                ทะเลไง โอเคมั้ย?

                ครับ / ค่ะ สองหนุ่มสาวหันมามองหน้ากันซักพักก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมา จนไม่ได้สังเกตุผู้มาเยือนใหม่เลยซัดนิดจน

                อะแฮ่มๆ ขอขัดจังหวะนิดหนึ่งนะครับ

                อ้าว! คุณหมอ เข้ามาเลยครับโทษทีครับคุยกันเพลินเลย คุณหมอครับแล้วน้องสาวผมจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนหรอครับ

                ก็คงอีกไม่นานหรอกครับ อาจจะประมาณ 2-3 วันนี้น่ะครับเพราะว่าผมคงจะต้องนำตัวคนไข้ไปตรวจอีกหลายอย่างให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรแทรกซ้อนแล้วถึงจะกลับบ้านได้น่ะครับ

                ครับ ยังไงก็ขอบคุณคุณหมอมากๆ เลยนะครับ

                ครับ ไม่เป็นไรครับ หลังจากที่คุณหมอเดินออกไปจากห้องแล้ว ดาราก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมกับทำหน้าตาตกใจซะเต็มที่

                ฟินท์!!! “ ดาราตะโกนแล้ววิ่งเข้ามากอดปริตาอย่างคิดถึง

                เฮ้ย! พอๆ ฉันหายใจไม่ออก แล้วแกมาได้ไงอ่ะ ไหนว่าอยู่เกาหลีไง

                ฉันก็บินกลับมาน่ะซิยะ พอพี่เฟิร์สโทรไปบอกว่าแกฟื้นแล้วนะ ฉันก็จองตั๋วเครื่องบิน บินกลับมาเมืองไทยเลยไง

                โห! ฉันรักแกหว่ะ

                เป็นไงมั้งวะ เจ็บมากป่ะ

                ไม่เจ็บแล้ว แกขนมที่แกให้มาอ่ะไปซื้อมาจากไหนอ่ะ ของชอบฉันทั้งนั้นเลยอ่ะ

                อ๊ะ อ๊ะ ความลับ จุ๊ย์ๆ

                โห งอนแล้ว

                ง้อๆ

                ก็ด๊ะ ดีกันนะ ฮ่าๆๆปริตายื่นนิ้วก้อยไปให้ดารา ดาราก็เกี่ยวก้อยกลับมาแล้วคนทั้งคู่ก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา

                ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ปาณนพแล้วนิธิศมองดาราและปริตาสลับกันไปมา แล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันให้กับการไม่รู้จักโตของหญิงสาวทั้งสองคน

                นี่ เดี๋ยวเราจะไปทะเลกันแกจะไปด้วยรึเปล่าละ ปริตาเปิดประเด็นพูด

                อื้ม ไปอยู่แล้วคราวนี้ฉันไม่เลี้ยงแล้วนะ

                ย่ะ รู้แล้วล่ะน่า

                รู้ไว้ก็ดี อิอิ

                เอาเป็นว่าแกไปนะ

                อยู่แล้ว คิกๆ สองสาวคุยกันไปหัวเราะกันไปจนประตูห้องเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

                อ้าว! กานต์ปริตาทักทายพลางส่งยิ้มหวานไปให้นนทกานต์ นิธิศเห็นดังนั้นก็ถึงกับหุบยิ้มทันทีความรู้สึกน้อยใจเล็กๆ ก็ได้บังเกิดขึ้นมาใครใจของชายหนุ่ม

                ฟื้นแล้วหรอครับฟินท์ ?

                อื้ม ถ้าฟินท์ยังไม่ฟื้นแล้วที่นั่งคุยกับกานต์อยู่ตอนนี้อ่ะผีรึไง อิอิ

                นั้นซินะครับ ผมนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ

                นี่กานต์รู้จักดาวรึยัง นี่ดาวนะเป็นเพื่อนสนิทของฟิ้นท์เอง อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล เคยอาบน้ำพร้อมกันด้วยเนาะ ปริตาพูดไปยิ้มไป จนดาราต้องหยิกที่แขนแรงๆ

                โอ๊ย!!! นี่ ฉันเป็นคนป่วยนะ มาหยิกอะไรกันเล่าโอ๊ย

                ก็แกน่ะเล่นพูดหน้าไม่อายอย่างนั้นทำไมละ

                โธ่แก คิดมากไปได้ อายทำไมก็ตอนเด็กๆ ใครเค้าจะไปถือละจริงมั้ยกานต์

                ครับ คิกๆๆ นนทกานต์รับคำ ชายหนุ่มพยายามเต็มที่แล้วที่จะไม่ให้เกิดเสียงหัวเราะดังออกมา

                นี่เห็นมั้ย คุณกานต์เค้าหัวเราะเลย

                แกจะไปสนทำไมละ รึว่า......แหนะๆๆ

                อะไร !!! -////- ดาราหน้าแดงแปร๊ดทันที

                ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ หน้าแดงทำไมละ ห๊ะ!!! ใช่แน่ๆ เลย

                อะไรของแก มีอะไรก็พูดมาเลยดิ่ พูดมาเลยโด่ๆ ดาราพูดท้าทายแต่ทว่าใบหน้าสวยได้รูปนั้นก็ยังคงแดงเหมือนเหมือนมะเขือเทศอยู่

                แกแน่ใจหรอ ?? ไม่เอาอ่ะหว่ะเดี๋ยวหน้าแกมันจะหลายเป็นซอสมะเขือเทศไปซะก่อน ไม่ดีๆ

                เชอะ!!

                บทสนทนาของสองเพื่อนซี้ก็ยังคงเรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องพักผู้ป่วยเล็กๆ นี้ได้ จนชายหนุ่มทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง

                ฉันไม่พูดกับแกแล้ว ยัยมะเขือเทศ นี่กานต์เดี๋ยวไปเที่ยวทะเลด้วยกันป่าว?? ถ้ากานต์ตอบตกลงไปนะฟินท์ว่าคนแถวนี้จะต้องดีใจจนขับรถตกคลองตายแน่นอนเลย โอ๊ย!!!! อะไรเล่า!!” ปริตาหันไปตวาดดาราอีกครั้ง แต่เมื่อหันไปเห็นหน้านางยักษ์ที่แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงก็ถึงกับต้องยอมสิโรราบให้

                อิอิ ขอโทษค้าบบบบอาซ้อ แล้วตกลงกานต์จะไปรึเปล่าละ

                โอกาศดีๆ อย่างนี้มีเหรอผมจะไม่ว่าง อิอิ

                เย้ๆ ทีนี้ก็ครบทีม

                การแสดงออกที่เกินหน้าเกินตาของปริตาก็ทำให้ห้องเล็กๆ นี้เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้งจนนางพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ต้องเข้ามาดุว่า อย่าส่งเสียงดัง เพราะนี้โรงพยาบาลไม่ใช่ตลาดสด ปาณนพเลยต้องรีบเข้าไปขอโทษแทบไม่ทัน

     

     

                เฮ้อ ในที่สุดก็ออกจากโรงพยาบาลได้ซักที ปริตาส่งเสียงร้องอย่างยินดีทันทีที่ก้าวออกมาพ้นเขตโรงพยาบาลแล้ว

                ต่อจากนี้ก็อย่าวิ่งเข้าไปให้รถมันชนอีกก็แล้วกันนะยัยตัวดี ถ้าหากเราไม่ฟื้นขึ้นมาพี่จะไปบอกป๊ากับม๊าเค้ายังไงละเนี่ย เฮ้อ~”

                แหม๊~ พี่เฟิร์สก็....ฟินท์น่ะอึดจะตายไป ยังไงๆ ก็ฟื้นอยู่แล้วแหละค่ะ

                ทำเป็นพูดดีไปเหอะ ยัยทอมบอย ถ้าวิ่งไปให้รถชนอีกฉันจะไม่มาดูดำดูดีเลย

                เชอะ! ใครสนละ ฉันไม่ได้ขอให้นายมาเฝ้าซักหน่อยนี่

                นี่เธอ !!!”

                เอาละๆ หยุดทะเลาะกันซักวันเถอะนะ แล้วเราจะไปเที่ยวกันที่ไหนดีละ

                ภูเก็ตเป็นไงครับ

                อื้ม เข้าท่าดีแหะ งั้นเอาเป็นว่าไปภูเก็ตกันนะ

                โอเคค่ะ อิอิ ภูเก็ตๆ

     

    วันเดินทาง....

                เตรียมของครบแล้วนะ ไม่ลืมอะไรแล้วนะ

                ครับผม ปริตารับคำพลางทำมือตะเบ๊ะ ล้อเลียนปาณนพ จนปาณนพอดไม่ได้ที่จะจับหัวปริตาโยกไปโยกมาเบาๆ เป็นอย่างเอ็นดู (รึเปล่า)

                จะไปกันเลยมั้ยครับ นนทกานต์ตะโกนถามปาณนพขณะที่กำลังจะเข้าไปประจำที่นั่งคนขับ

                รถยนต์ Honda CRV สีขาวคันงามราคาเหยียบ 3 สามล้านบาทได้เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้าบ้านปริตาตอนเวลาตี 5 กว่าๆ โดยนนทกานต์เป็นผู้อาสาจะเป็นคนเอารถไปและเป็นคนโชเฟอร์จำเป็นไปตลอดการเดินทางครั้งนี้ ตอนนี้ทุกคนประจำที่นั่งของตัวกันหมดแล้วโดย แถวหลังสุดมีนิธิศ ปริตา และดารานั่งเรียงกันมาตามลำดับ ส่วนปาณนพนั่งข้างคนขับเพราะต้องเป็นคนบอกทาง ส่วนด้านหลังเป็นพวกอุปกรณ์การทำอาหาร อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม กระเป๋าเสื้อผ้า ผ้าห่ม เสื่อ กระติกน้ำแข็ง ฯลฯ

                นี่แล้วเราจะถึงที่โน้นกี่โมงอ่ะ พี่เฟิร์ส ปริตาถามปาณนพขณะนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว

                ก็คงจะประมาณเที่ยง หรือไม่ก็บ่ายๆ อ่ะ

                โห ถ้ายังงั้นก็ต้องเอาครีมกันแดดไปด้วยอ่ะดิ่ ไม่งั้นดำตายเลย

                ฉันว่านะอยากเธออ่ะไม่ดำง่ายๆ หรอก ก็หนังหนาจะตายไปเป็นช้างไม่ใช่หรอจ๊ะ อิอิ

                นี่นาย ถ้าฉันเป็นช้างนายก็เป็นเปตรล่ะวะ อีกอย่างนะช้างที่ไหนจะมาสวยน่ารักอย่างนี้จิงมั้ยละ

                ถ้าช้างอย่างเธอน่ารัก ช้างทั่วๆ ไปเค้าก็สวยเลิศกันหมดแล้วแหละ

                นายน่าจะเก็บปากเอาไว้กินข้าวจะดีกว่านะ ถ้านายพูดอีกแม้แต่คำเดียวฉันนี่แหละจะเป็นคนปิดโอกาศไม่ให้นายพูดเอง

                กลัวจังเลยอ่ะ อิอิ หนุ่มสาวสองคนนั่งเถียงกันไปตลอดการเดินทางโดยที่ไม่มีใครยอมใคร เสมือนว่ารถคันนั้นมีเพียงแค่พวกเขา 2 คน….

     

     

                ถึงแล้วครับ หยุดเถียงกันซักครู่ได้มั้ยครับ มาช่วยกันยกของลงจากรถก่อนนะ

                ค้าบบบ / ค่าาา ~ “ และแล้วผู้ที่เป็นคนยุติสงครามน้ำลายครั้งนี้ก็คือ ปาณนพ เจ้าเดิมนี่เอง (ก็อาวุโสที่สุดนี่เนาะ)

                โอ้โห บังกะโลน่ารักจังเลย ดาราส่งเสียงใสเจื้อยแจ้วหลังจากได้เห็นสถานที่ที่จะต้องค้างแรมกันอย่างพอใจ

                นี่ดาว ทำยังกับไม่เคยมาทะเลอย่างนั้นแหละ มาช่วยกันขนของบ้างก็ได้นะ ปริตาส่งเสียงมาขัดจังหวะอย่างหมั่นไส้ ขณะที่กำลังขนสัมภาระลงมาจากหลังรถ

                ก็แหง๋ละซิ ฉันเลยมาเที่ยวทะเลก็จริง แต่ฉันไม่เคยมาค้างคืนนี้หว่า

                แล้วเกาหลีไม่มีทะเลรึไง

                มีย่ะ แต่ฉันงานยุ่งต่างหากละ กานต์~ มีอะไรให้ดาวช่วยยกรึเปล่าคะ

                แหม ทีอย่างนี้กานต์ๆๆๆ แหวะๆ ปริตาบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะยกของขึ้นไปไว้บนบ้านพัก

                อะไรนะ - -^ “ ดาราหันมาถามอย่างเอาเรื่อง

                พูดได้แค่ครั้งเดียวจ๊ะ เสียใจนะน้องหนู

                อยู่บนรถทะเลาะกับธิศพอลงจากรถก็มาทะเลาะกับดาวอีกนะ สงสัยจะชอบหาเรื่องละมั้งเราเนี่ย ปาณนพแขวะปริตาที่กำลังเถียงกับดาราอยู่ จนเป็นเหตุให้หญิงสาวหน้างอเป็นตะขออยู่นานเลยทีเดียว

     

     

               

                ทะเล ทะเล๊ ทะเล ปริตาส่งเสียงดังพลางวิ่งตรงไปยังชายหาดอย่างอารมณ์ดี

                โอ๊ย บ้านนอกจริงๆ เลยเพื่อนฉัน ไปด้วยคนดิ๊!!!!! “ดาราบ่นอยู่ได้ซักพัก ก่อนจะวิ่งตามปริตาไปด้วย ส่งผลให้สามหนุ่มที่ยืนอยู่ในตัวบ้านพักหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

                นี่ธิศกับกานต์ก็ลงไปเล่นน้ำทะเลกันบ้างก็ได้นะ

                แล้วพี่เฟิร์สละครับ ไม่ลงไปเล่นด้วยกันหรอ? นนทกานต์

                เดี๋ยวพี่ตามไปแล้วกันนะ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้น่ะ อีกซักพักเค้าคงจะมาแล้วล่ะ

                ครับ นนทกานต์รับคำก่อนที่จะเดินไปที่ชายหาดพร้อมกับนิธิศ (เอ่อ.....เป็นเพื่อนกันตอนไหนเนี่ย คนเขียนก็ไม่ทราบนะคะ ปลากระเบน)

               

                นี่นาย มาทางนี้เร็วๆๆๆ มาดูแมงกระพุนเร็ว!!!! “ ปริตาตะโกนมาจากทางชายหาด นิธิศเลยรีบเร่งฝีเท้าตรงไปทางที่ปริตาโบกมืออยู่ ส่วนนทกานต์ก็เดินตรงไปหาดาราที่กำลังก่อปราสาททรายอยู่อีกมุมหนึ่ง

               

                ไหนอ่ะ ? ไม่เห็นมีเลย ระหว่างที่นิธิศกำลังก้มมองหาแมงกระพรุนอยู่นั้น.....ปริตาซึ่งตอนนี้ยืนดูอยู่ด้านก็หลังก็ปฏิบัติแผนการชั่วร้าย ทันใดนั้นเอง !

                เฮ้ย! โครมนิธิศหน้าทิ้มลงไปในน้ำทะเล แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นโดยฝีมือของปริตา เอ๊ะ! ไม่ใช่ซิ ฝีเท้าต่างหาก

                ฮ่าๆๆๆ กร๊ากๆๆๆ โอ๊ย สะใจโว้ยยย เป็นไงค๊ะ น้ำทะเลอร่อยมั๊ย ฮ่าๆๆๆเมื่อนิธิศเงยหน้าขึ้นมาจากน้ำขึ้นมาก็เห็นปริตายืนหัวเราะท้องขัดท้องแข็งอยู่ตรงด้านหน้าของเขานั้นเอง ทันใดนั้น

                กรี๊ดดดดด!!!!~ ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ปริตาร้องดิ้นพราดๆ อยู่ในอ้อมอกของนิธิศเพราว่าตอนนี้เขากำลังอุ้มหล่อนเดินไปเรื่อยๆ

                ปล่อยก็ควายอ่ะดิ่ เมื่อกี้ทำฉันแสบมากเลยนะ

                อะไร แกล้งแค่นิดๆ หน่อยๆ เอง....นะๆ ปล่อยฉันลงเถอะนะ เฮ้ย! นิธิศเดินมาจนถึงปลายโขดหินแล้วปล่อยร่างของปริตาลงไปในน้ำทะเล

                ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ฉันว่ายน้ำไม่เป็น ช่วยด้วย! ปริตาตะเกียกตะกายอยู่ตรงผิวน้ำ ทำท่าเหมื่อนจะจมน้ำอยู่รอมร่อ

                เฮ้ย! ว่าแล้วนิธิศก็กระโดดลงน้ำตามปริตาไป เมื่อไปถึง......

                แบร่ๆๆ ฉันโกหกย่ะ น้ำสูงแค่อกเองใครจะบ้าจมน้ำตาย ปริตาแลบลิ้นใส่นิธิศ แต่คราวนี้ชายหนุ่มไม่เล่นด้วย

                เธอรู้มั้ย! ฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ เธอน่ะเคยรับรู้ถึงจิตใจของคนอื่นบ้างมั้ย ว่าเค้าเป็นห่วงเธอแค่ไหนน่ะ

                “O_O? นิธิศเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที ปล่อยให้ปริตายืนอยู่เพียงคนเดียว

     

    คืนนั้น.....

                ว๊าว!! นี่พี่เฟิร์สทำเองหรอเนี่ย? บาร์บีคิว 1 ถาดใหญ่ พร้อมเครื่องดื่มและอาหารอีกมากมายถูกนำมาวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา บริเวณโดยรอบมีโต๊ะปิกนิก 2 ตัวถูกนำมาจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเช่นกัน ปาร์ตี้น่ารักเล็กๆ ริมทะเลแห่งนี้จึงทำให้ปริตาร้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ด้วยความตื่นเต้น

                ป่าวหรอก พี่ไม่ได้ทำคนเดียวทั้งหมดหรอกนะนี้ต่างหากละผู้ช่วยพี่หญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อแขนกุดสีขาวกับกระโปรงผ้าฝ้ายก้าวออกมายืนคู่กับปาณนพ......

                พี่ลิป !!! ปริตาตะโกนเรียกชื่อลิปิการ์ออกมาด้วยความคิดถึง

                โอ๋ๆ คิดถึงจังเลยโตขึ้นตั้งเยอะแน่ะ

                พี่ลิปอ่ะหายไปอยู่สวิสฯ ตั้งนานไม่คิดถึงฟินท์เลยรึไง ปริตาว่าพลางทำน่างอนๆ ใส่ลิปิการ์

                โอ๋ มามะ มาคืนดีกันนะเด็กดีลิปิการ์ชูนิ้วก้อยขึ้นมาเป็นเชิงขอคืนดี

                อะไรกัน ฟินไม่ใช่เด็กแล้วนะ ว่าแต่....พี่ลิปมาเมืองไทยตั้งแต่ตอนไหนอ่ะ

                อ๋อ....พี่มาถึงภูเก็ตก็ตอนประมาณบ่าย 2 นิดๆ อะจ้ะ

                แหนะๆ กลับมาคราวนี้มีข่าวดีอะไรจะมาบอกรึเปล่าเนี่ย

                เอ๊ะ! ยังไม่รู้เหมือนกันอันนี้ต้องถามพี่ชายเราเองแล้วแหละ ใช่มั้ยคะเฟิร์ส ลิปิการ์ตอบพลางหันไปถามปาณนพ ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มที่กำลังจับมือหญิงสาวอยู่นั้นก็พลันหน้าแดงขึ้นมาทันที

                เมื่อปาร์ตี้เริ่มขึ้น ทุกคนต่างก็สนุกไปกับการกิน ร้องเพลงกันอย่างออกรสเลยทีเดียว

                นี่ๆ มานี่เลยฟินท์ ผู้หญิงสวยๆ คนนั้นน่ะใครห๊ะ!“ ดาราจูงมือเพื่อนสาวออกมาพลางพูดจาต่อว่าเป็นการใหญ่

                คนไหนละ? อ๋อ....พี่ลิปน่ะหรอ?

                นั้นแหละ ใคร?

                อิอิ คู่หมั้นพี่เฟิร์สเค้า เป็นไงสวยใช่มั้ยละ นี่ๆ แม่สื่ออยู่นี่จ้ะ ปริตาอวดพี่สะใภ้ของตนเองอย่างภาคภูมิใจ เพราะถ้าหากว่าไม่มีหล่อนปาณนพกับลิปิการ์จะมาเจอกันรึเปล่าก็ไม่รู้เลย..... (เอ่อ...เอาไว้เดี๋ยวจะมาแต่งเป็นตอนย่อยให้นะปลากระเบน)

                สวยน่ะสวยมากเลยแหละย่ะ แกทำงี้ได้ไง แล้วฉันละ T^T”

                ทำไมอ่ะ ?   อ๋อ....โทษทีเว้ย ฉันลืมไปว่าแกอ่ะชอบพี่เฟิร์สแต่แหม๊...แกก็มีกานต์อยู่ทั้งคนนี่นา จริงมั้ยจ๊ะน้องหนู อิอิ

                กานต์เค้าชอบฉันซะที่ไหนเล่า แกอย่ามามั่วดิ่

                เอาน่าความรักมันต้องใช้เวลา ใจเย็นๆ เอ่อ...ว่าแต่ธิศไปไหนของเค้านะ แกเห็นมั้งป่ะ

                อืม...น่าจะอยู่แถวๆ หาดทางนู้นละมั้ง ทำไมอ่ะ

                ป่าวๆ เดี๋ยวฉันไปหาอะไรกินก่อนนะ

                อื้มๆ ปริตาเดินแยกตัวออกไปเพื่อไปตักอาหารใส่จานแล้วเดินไปเรื่อยๆ ตามแนวชายหาด

                เฮ้อ ลมตอนกลางคืนทำไมมันเย็นจังเลยน้า ชักไม่อยากกลับบ้านแล้วซิปริตาถือจานใส่บาร์บีคิว 5 ไม้ใหญ่ๆ เดินไปหานิธิศซึ่งนั่งรับลมอยู่ไม่ไกลนัก

                จ๊ะเอ๋! มานั่งทำอะไรคนเดียวอะนาย ไม่ไปกินข้าวรึไง

                ........ นิธิสมองหน้าปริตาแล้วเมินหน้าหันกลับไปมองทะเลเหมือนเดิมพร้อมกับขยับตัวหนี

                นี่นายงอนอะไรอ่ะ เรื่องเมื่อตอนกลางวันรึไง...ฉันขอโทษนะ อย่าโกรธนะ น้า~ อย่าโกรธเลยนะ นะๆๆๆ ปริตาพยายามง้อนิธิศเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลหากแต่ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปอีกครั้ง หญิงสาวก็ไม่วายตามตื้อ ชายหนุ่มจึงเริ่มวิ่ง หญิงสาวก็วิ่งตามไปโดยไม่ลืมที่จะถือจานใส่บาร์บีคิววิ่งตามไปอีก - - หากคุณสังเกตดีๆ สีหน้าของนิธิศตอนนี้เริ่มมีรอยยิ้มเล็กๆ แต้มอยู่ตรงมุมปากแล้ว ชายหนุ่มพยายามต็มที่ที่จะกลั้นหัวเราะ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะลูกตื้อของปริตานั้นเหนียวแน่นยิ่งกว่ากาวตราช้างซะอีก

                อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ เธอเหมือนเด็กปัญญาอ่อนเลย วิ่งตามฉันอยู่นั้นแหละ

                นั้นไง! ~ นายหัวเราะแล้ว อิอิฉันชนะ ฮ่าๆๆๆ ปริตาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่เห็นนิธิศหัวเราะขึ้นมาก่อน

                เออๆ เธอชนะแล้ว แล้วนั้นเอาอะไรมาอ่ะ

                อ๊ะ! อ๋อ บาร์บีคิวไง ฉันกลัวนายจะหิวไงเห็นไม่ได้ไปกินข้าวกลางวันด้วยฉันเลยเอามาเผื่อ เอ๊ะ! ถ้านายไม่กินฉันกินเองก็ได้นะ ปริตาไม่พูดเปล่า พลางแกล้งหยิบบาร์บีคิวมากินอีก 1 ไม้แต่ก็โดนนิธิศแย่งเอาไปซะก่อน

                ไม่ได้นะ เธอเอามาให้ฉันแล้วฉันก็จะกินเอง ว่าแล้วนิธิศก็เอาบาร์บีคิวใส่ปากเข้าไป ปริตาเห็นอย่างนั้นก็หยิบบาร์บีคิวมากินบ้าง ทั้งสองคนนั่งกินบาร์บีคิวกันอย่างอร่อยจนสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

                นี่นาย จะเงียบทำไมอ่ะ

                อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้นะ นั่งอยู่อย่างนี้ไปก่อน.....ฉันขอจับมือเธอได้มั้ย? “นิธิศพูดพลางคว้ามือของหญิงสาวเข้ามากุมไว้แล้วนั่งมองทะเลต่อ

                นายเป็นอะไรรึเปล่าอ่ะ ไม่สบายรึไง

                ฉันบอกว่ายังไม่ให้พูดไง....3 นาที  ขออยู่อย่างนี้ไปอีก 3 นาทีนะ ถ้าเธอพูดขึ้นมาฉันอาจจะไม่กล้าบอกคำๆ นั้นกับเธอก็ได้นะ

                .......???...... ปริตายังคงงุนงงอยู่แต่ก็ยอมเงียบโดยดี

     

     

     

                .....ฟินท์

                อื้ม มีไรหรอ?

                ทะเลตอนกลางคืนสวยเนาะ

                อื้ม

                เธอฉันจะบอกความลับให้เธอฟังนะ

                อื้ม ว่ามาเลย ปริตาตั้งหน้าตั้งตาฟังสิ่งที่นิธิศเล่าอย่างใจจดใจจ่อ

                ฉันน่ะแอบชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เค้าหน้าตาไม่น่ารักหรอก นิสัยก็ไม่ดี เรียนก็โคตรห่วยเลย ทำกับข้าวก็ไม่ได้เรื่อง ที่สำคัญน่ะปากก็ไม่ดีอีกด้วยนะ แต่.....เมื่อฉันรู้จักกับเค้าไปนานๆ มันเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ชอบ ฉันรู้จักคำว่ารักขึ้นมาก็เพราะผู้หญิงคนนั้น ฉันเคยคิดนะว่าฉันน่ะยอมตายแทนเค้าได้เลย ฉันรู้จักจักคำว่ารักได้ก็เพราะเธอนะฟินท์.....ฉันรักเธอนะ

                ......!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×