คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : จอมป่วนตัวดีกับหนุ่มหน้าตาดีตัวกวน # 6
# 6
แอ๊ดดดด~
“.........?”
นนทกานต์และนิธิศหันไปมองหน้าผู้มาเยือนใหม่ทั้งสองคนต่างก็ทำหน้าตางุนงง ว่าหญิงสาวผู้นี่คือใครกัน
“เอ๊ะ! พวกคุณเป็นใครกันน่ะ รู้จักกับเพื่อนฉันหรอ?” ดาราถามอย่างสงสัยเพราะปริตายังไม่เคยเล่าเรื่องที่นิธิศและนนทกานต์ให้หล่อนฟังเลย หล่อนจึงไม่รู้จักชายหนุ่มทั้งสองคนนี้
“ครับ พวกเราเป็นเพื่อนของฟินท์น่ะครับ” นนทกานต์ตอบคำถามของหญิงสาวพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรไปให้
“อ๋อ ค่ะๆ แล้วยัยฟินท์เป็นยังไงบ้างคะ? “
“คุณหมอบอกว่าพ้นขีดโคม่าแล้วครับ เหลือแค่รอให้ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากของเยี่ยมไข้ให้ยัยฟินท์ด้วยแล้วกันนะคะ เพราะฉันรีบน่ะคะยังไงก็รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”
“ครับไม่เป็นใครครับ คุณ...เอ่อ...”
“ดาวค่ะ แล้วคุณละคะ”
“ผม กานต์ ครับหวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ”
“ค่ะ แล้วคุณอีกคนก็......”
“เรียกผมว่าธิศก็ได้ครับ” หันมาพูดกับดาราก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองปริตาต่อ
“ค่ะ ไปแล้วนะคะ”
“ครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่ลิฟท์นะครับ” นนทกานต์เดินไปเปิดประตูส่งดาราที่ลิฟท์
นิธิศนั่งมองหน้าปริตาพลางกุมมือของหญิงสาวไปด้วย ในใจของเขาภาวนาขอให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมาเร็วๆ เพราะว่าเขามีเรื่องสำคัญมากๆ ที่อยากจะบอกกับเธอ แม้คำตอบที่จะได้นั้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้เขาก็ยินดีที่จะถอยออกมาแล้วจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธออีกหากเธอต้องการ
5 วันต่อมา .
“หมอครับ เมื่อไหร่น้องสาวผมถึงจะฟื้นละครับ”
“เรื่องนี้หมอก็ยังตอบไม่ได้นะครับว่าคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่ อาจจะเป็นไปได้ว่าคนไข้ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกก็ได้นะครับ แต่ในช่วงนี้ถ้าอยู่ในห้องพักคนไข้ก็ขอให้ระวังคำพูดกันบ้างนะครับถึงแม้ว่าคนไข้จะยังไม่ฟื้น แต่ก็อาจจะสามารถได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดกันได้นะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณหมอ” ปาณนพมีสีหน้าที่เป็นกังวลมาก เขากำลังกังวลว่าถ้าหากน้องสาวของเขาไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ล่ะ แล้วป๊ากับม๊าที่อยู่อเมริกาจะว่ายังไง.....
“พี่เฟิร์สครับ หมอว่ายังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มถามออกมาอย่างมีความหวัง
“คุณหมอบอกว่ายังไม่รู้เหมือนเดิมเลยธิศ ทำได้ตอนนี้ก็คือ รอ กับ รอ น่ะ เอ่อ...นี่เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อข้าวนะจะกินอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาให้”
“ไม่ครับ ขอบคุณ“ เมื่อได้ฟังดังนั้นสีหน้าที่มีความหวังนั้นก็พลันหดหู่ขึ้นมาอีกครัง
“นี่เราน่ะไม่ได้กินอะไรมาตั้ง 2 วันแล้วนะเดี๋ยวก็ป่วยไปอีกคนหรอก ยัยฟินท์น่ะอึดจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกยัยนั้นน่ะ ตอนนี้ห่วงตัวเองดีกว่านะ”
“ครับ....”
“งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อมาฝากแล้วกันนะ พี่ไปนะ”
“ครับ” คล้อยหลังปาณนพนิธิศก็หันมาเฝ้าปริตาต่อ
“ฟินท์......”นิธิศเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะนำมือของหญิงมามาทาบไว้กับแก้มของเขา
“นี่เธออยากเป็นเจ้าหญิงนิทรามากรึไงกันห๊ะ!!....ถ้าเธออยากเป็นมากนักฉันก็อยากจะเป็นเจ้าชายของเธอเองนะ เธอไม่ต้องกลัวนะตราบใดที่ฉันยังอยู่ฉันสัญญาว่าจากนี้ต่อไปฉันจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องร้องไห้อีกแล้ว......ฉันรักเธอนะฟินท์“ พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมา...
คืนนั้น......
นิธิศอดหลับอดนอนเฝ้าปริตาทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันมา 2 วันแล้ว เขาเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวข้างๆ เตียงที่หญิงสาวกำลังนอนอยู่ ทันใดนั้นเองเจ้าของนิ้วเรียวยาวที่นอนหลับไปเกือบ 1 อาทิตย์ก็ขยับเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยนั้นก็ทำท่าเหมือนจะลืมตาแต่การลืมตาครั้งนี้ของหล่อนช่างดูยากเย็นเสียจริงๆ อาจจะเป็นเพราะหล่อนนอนหลับไปนานมากก็ได้
“.......อ้าว นี่ใครมาหลับอยู่แถวนี่เนี่ยแล้วฉันอยู่ที่ไหนละเนี่ย นาย......นาย......นี่นายตื่นซิ” ปริตาเขย่าตัวชายหนุ่มที่หลับอยู่ข้างายของหล่อน
“หืม......” นิธิศสลึมสลือตื่นขึ้นมา เพียงได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเขาก็หายง่วงขึ้นมาเป็นปลิดทิ้ง
“เฮ้ย! ฟินท์ เธอฟื้นแล้วเธอ ฟื้นแล้วจริงๆ ใช่มั้ย” นิธิศดีใจมากจนแทบจะเข้าไปกอดหญิงสาวตรงหน้าให้สมกับความดีใจของเขาแต่เสียงเล็กๆ นั้นก็ดังแทรกเข้ามาซะก่อน
“อะไรของนายน่ะ ?....นี่ ฉันหิวน้ำจังของน้ำหน่อยซิ” นิธิศเดินหายไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำเย็น 1 แล้วใหญ่ๆ ในมือ
“โห นี่นายฉันดื่มนะไม่ได้กรอก แก้วใหญ่โตอะไรมากมายเนี่ย” ถึงจะบ่นอย่างนั้นปริตาก็หยิบน้ำแก้วนั้นมาดื่มด้วยความกระหาย......จนหมด ทำเอานิธิศนั่งยิ้มแป้นอย่างพอใจอยู่ข้างๆ เตียง
“นี่ขนาดบอกว่าไม่ได้กรอก ฉันว่าเธอสูบเอาแล้วละมั้ง คิกๆ”
“อะไร ก็ฉันหิวนี่ ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ”
“ครับผมๆ”
“นี่นายฉันปวดหัวจังเลยอ่ะ ฉันเป็นอะไรไปหรอ”
“เธอนอนหลับไปก่อนแล้วกันนะ ตื่นขึ้นมาแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
“เอางั้นหรอ อื้มๆ “ ว่าแล้วปริตาก็เข้าสู่ห่วงนิทราไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย
[ครับ ]
“พี่เฟิร์สครับ นี่ธิศนะครับ”
[อื้มมีอะไรรึเปล่า]
“ฟินท์ฟื้นแล้วครับ “
[หรอ O_O จริงดิ่]
“ครับ “
[ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ไปนะ ]
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ไป นิธิศก็กลับมานั่งเฝ้าปริตาต่อ ชายหนุ่มทำเหมือนยังกับว่าหญิงสาวเป็นรูปปั้นที่มองเท่าไหร่ มองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ......
“มาแล้วๆๆ ไหนๆ ฟินท์ฟื้นแล้วหรอ” ปาณนพทำท่าดีใจราวกับถูดล็อตเตอรร์รี่รางวัลที่ 1
“ชู่ว! เบาๆ ครับพี่เฟิร์ส ฟินท์กำลังหลับอยู่ครับ”
“อ้าวหรอ เหอะๆ โทษทีนะพี่ดีใจไปหน่อยอ่ะ” ปาณนพยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ แก้เขิน
“ครับ ^ ^”
“แล้วฟินท์ฟื้นนานรึยังละ? “
“ก็ซักพักอะครับ แต่ผมว่าคงไม่น่าเป็นอะไรแล้วนะครับ ฟื้นขึ้นมาก็เล่นจิกใช้ผมซะ - -” นิธิศว่าพลางทำหน้าตาเซ็งๆ หากแต่ในใจเของเขาก็ดีใจอย่างสุดๆ เช่นกันที่ผู้หญิงที่เขารักได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“หรอ....ฮ่าๆๆ ยัยนี่มันอึดจริงๆเลย”
“....อะแฮ่มๆ หนุ่มๆ ทั้งหลายการนินทาอิสตรีเป็นสิ่งไม่ดีนะ”
“เฮอะ! เธอเป็นสตรีกับคนอื่นเค้าด้วยหรอยัยทอมบอย” นิธิศเอ่ยขึ้นมาอย่างล้อๆ
“เอ๊ะ! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันว่า ยัยทอมบอย ซักทีห๊ะ!!” ปริตาเถียงกลับคอเป็นเอ็นหลังจากที่ถูกเรียกว่า “ยัยทอมบอย”
“โห ลุกขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อย่างนี้กลับบ้านเลยไม่ดีกว่าหรอ หือว่าไง?” ปาณนพต้องกลายมาเป็นผู้ยุติสงครามน้ำลายจำเป็นระหว่างนิธิศ กับ ปริตา
“ก็ดีนะพี่เฟิร์ส...ฟินท์อยากกลับวันนี้เลยอ่ะ คิดถึงบ้าน”
“อื้ม เอาไว้เดี๋ยวพี่คุยกับคุณหมอให้นะ”
“อื้มๆ แล้วนี่กระเช้าของใครอ่ะ ขนมเต็มเลย อิอิ ชอบ~”
“ของเพื่อนเธอที่ชื่อดาวอ่ะ เค้าเอามาเยี่ยม” นิธิศตอบขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่โทรทัศน์
“อ๋อๆ อาซ้อนะเอง เดี๋ยวต้องโทรขอบพระคุณเจ๊เค้าซะหน่อยแล้ว” ปริตายิ้มอย่างดีใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเธอยังมีน้ำใจแวะเอาของมาเยี่ยมเธอ เพราะเธอรู้ว่าปิดเทอมแทบทุกเทอมดาราจะต้องบินกลับไปช่วยงานคุณพ่อของเธอที่เกาหลีเป็นประจำ
“เอ่อนี่ธิศบอกคุณหมอรึยังอ่ะ”
“เอ่อ...จริงด้วยผมลืมไปเลย เดี๋ยวผมไปบอกก่อนนะครับ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปน่ะดีแล้วพี่จะได้อยู่คุยกับฟินท์ตามประสาพี่น้องไงครับ”
“เอางั้นหรอ งั้นฝากด้วยนะ”
“ครับ”
“เอ่อนี่นายๆๆๆ อย่าเพิ่งไปๆๆ “
“หือ?? มีอะไรอ่ะ”
“ซื้อเลย์มาให้ถุงหนึ่งดิ่ ซื้อมาฝากนะ ไม่ได้ฝากซื้อ ฮ่าๆๆๆ ขอบใจๆ”
“เฮ้อ~ คร้าบๆ ถ้าไม่เห็นว่าป่วยละก็นะ มินิมาร์ทไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เลยนะ” ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี
เมื่อนิธิศเดินออกจากห้องไปแล้วสองศรีพี่น้องจึงเริ่มสนทนากันอย่างออกรสโดยที่ฟินท์เป็นคนเริ่มก่อน
“นี่พี่เฟิร์ส พี่เฟิร์สลองเล่ามาให้ฟินท์ฟังหน่อยซิว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เพราะฟินท์จำได้แค่เห็นแสงแว็บๆ เสียงคนกรี๊ดแล้วฟินท์ก็ไม่รู้สึกตัวเลยอ่ะ นะๆๆ ลองเล่ามาหน่อยน้า~ เค้าอยากฟังอ่ะน้า~ นะๆๆๆ “
“รู้แล้วๆ อ้อนจังเลยนะยัยตัวดี”
“อิอิค้าบ เล่ามาซิ” ปริตานั่งฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่บนเตียง สีหน้าจริงจังของปริตาทำเอาปาณนพอดหัวเราะไม่ได้
“- -^ หัวเราะอะไร หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ จะหยุดดีๆ หรือหยุดด้วยน้ำตาห๊ะ!!!”
“ครับๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เราน่ะโดนรถชนตอนที่จะวิ่งข้ามถนนมาหาตาธิศเค้า เราก็เลยโดนหามส่งโรงพยาบาลแล้วมาตื่นอยู่ในสภาพอย่างนี้ไง”
“แล้ว.....ฟินท์หลับไปกี่วันอ่ะ”
“5 วันละมั้ง เอ่อ...นี่ฟินท์ ธิศน่ะเค้ามานั่งเฝ้าเราทั้งวันทั้งคืนเลยรู้มั้ย? พี่แอบเห็นเค้านอนร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียงเราหลายครั้งเลยล่ะ”
“ไม่จริงม้างงงง คนอย่านายนั้นน่ะนะร้องไห้ให้ฟินท์ เชอะ! ไม่มีทางหรอกอย่าหลอกกันเลยพี่เฟิร์ส ถึงฟินท์จะไม่ฉลาดมากแต่ก็ไม่ได้โง่นะคะ”
“จริงๆ นะตอนที่เธอโดนรถชนอ่ะเลือดกองเต็มถนนเลย แล้วธิศก็เป็นคนแรกด้วยนะที่วิ่งเข้าไปหาเธออ่ะแล้วคนที่พาเธอมาโรงพยาบาล คอยเฝ้าพยาบาลเธอทั้งคืนน่ะก็ธิศทั้งนั้นแหละ เธอน่ะต้องขอบคุณเค้านะ”
“.....O_O” ปริตาได้แต่นั่งอึ้งเถียงอะไรไม่ออกเพราะว่า ก่อนที่เธอจะหมดสติไปเธอก็ได้ยินเสียงของนิธิศเรียกชื่อเธอดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทเหมือนกัน
แอ๊ดดดด~ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเมื่อซักครู่นี้.....
“มาแล้วครับ นี่เลย์ของเธอ อ่ะเอาไปเลย 2 ถุง”
“อื้มๆ ขอบใจนะ”
“อ้าว! ธิศแล้วหมอละ”
“อ๋อ คุณหมออยู่ที่ห้องข้างๆ อ่ะครับอีกซักพักก็คงมาผมไปตามให้แล้วครับไม่ต้องห่วง”
“อื้ม นี่เดี๋ยวถ้าฟินท์ออกจากโรงพยาบาลเราไปฉลองกันดีมั้ย ??”
“โอเคเลย พี่เฟิร์สฟินท์อะไม่ได้เที่ยวมาตั้งนาน แล้วจะไปฉลองกันที่ไหนละ”
“ทะเลไง โอเคมั้ย?”
“ครับ / ค่ะ” สองหนุ่มสาวหันมามองหน้ากันซักพักก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมา จนไม่ได้สังเกตุผู้มาเยือนใหม่เลยซัดนิดจน
“อะแฮ่มๆ ขอขัดจังหวะนิดหนึ่งนะครับ”
“อ้าว! คุณหมอ เข้ามาเลยครับโทษทีครับคุยกันเพลินเลย คุณหมอครับแล้วน้องสาวผมจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนหรอครับ”
“ก็คงอีกไม่นานหรอกครับ อาจจะประมาณ 2-3 วันนี้น่ะครับเพราะว่าผมคงจะต้องนำตัวคนไข้ไปตรวจอีกหลายอย่างให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรแทรกซ้อนแล้วถึงจะกลับบ้านได้น่ะครับ”
“ครับ ยังไงก็ขอบคุณคุณหมอมากๆ เลยนะครับ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” หลังจากที่คุณหมอเดินออกไปจากห้องแล้ว ดาราก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมกับทำหน้าตาตกใจซะเต็มที่
“ฟินท์!!! “ ดาราตะโกนแล้ววิ่งเข้ามากอดปริตาอย่างคิดถึง
“เฮ้ย! พอๆ ฉันหายใจไม่ออก แล้วแกมาได้ไงอ่ะ ไหนว่าอยู่เกาหลีไง”
“ฉันก็บินกลับมาน่ะซิยะ พอพี่เฟิร์สโทรไปบอกว่าแกฟื้นแล้วนะ ฉันก็จองตั๋วเครื่องบิน บินกลับมาเมืองไทยเลยไง “
“โห! ฉันรักแกหว่ะ”
“เป็นไงมั้งวะ เจ็บมากป่ะ “
“ไม่เจ็บแล้ว แกขนมที่แกให้มาอ่ะไปซื้อมาจากไหนอ่ะ ของชอบฉันทั้งนั้นเลยอ่ะ”
“อ๊ะ อ๊ะ ความลับ จุ๊ย์ๆ”
“โห งอนแล้ว”
“ง้อๆ “
“ก็ด๊ะ ดีกันนะ ฮ่าๆๆ” ปริตายื่นนิ้วก้อยไปให้ดารา ดาราก็เกี่ยวก้อยกลับมาแล้วคนทั้งคู่ก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ปาณนพแล้วนิธิศมองดาราและปริตาสลับกันไปมา แล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันให้กับการไม่รู้จักโตของหญิงสาวทั้งสองคน
“นี่ เดี๋ยวเราจะไปทะเลกันแกจะไปด้วยรึเปล่าละ” ปริตาเปิดประเด็นพูด
“อื้ม ไปอยู่แล้วคราวนี้ฉันไม่เลี้ยงแล้วนะ”
“ย่ะ รู้แล้วล่ะน่า”
“รู้ไว้ก็ดี อิอิ”
“เอาเป็นว่าแกไปนะ “
“อยู่แล้ว คิกๆ” สองสาวคุยกันไปหัวเราะกันไปจนประตูห้องเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“อ้าว! กานต์” ปริตาทักทายพลางส่งยิ้มหวานไปให้นนทกานต์ นิธิศเห็นดังนั้นก็ถึงกับหุบยิ้มทันทีความรู้สึกน้อยใจเล็กๆ ก็ได้บังเกิดขึ้นมาใครใจของชายหนุ่ม
“ฟื้นแล้วหรอครับฟินท์ ?”
“อื้ม ถ้าฟินท์ยังไม่ฟื้นแล้วที่นั่งคุยกับกานต์อยู่ตอนนี้อ่ะผีรึไง อิอิ”
“นั้นซินะครับ ผมนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ”
“นี่กานต์รู้จักดาวรึยัง นี่ดาวนะเป็นเพื่อนสนิทของฟิ้นท์เอง อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล เคยอาบน้ำพร้อมกันด้วยเนาะ “ปริตาพูดไปยิ้มไป จนดาราต้องหยิกที่แขนแรงๆ
“โอ๊ย!!! นี่ ฉันเป็นคนป่วยนะ มาหยิกอะไรกันเล่าโอ๊ย”
“ก็แกน่ะเล่นพูดหน้าไม่อายอย่างนั้นทำไมละ”
“โธ่แก คิดมากไปได้ อายทำไมก็ตอนเด็กๆ ใครเค้าจะไปถือละจริงมั้ยกานต์”
“ครับ คิกๆๆ” นนทกานต์รับคำ ชายหนุ่มพยายามเต็มที่แล้วที่จะไม่ให้เกิดเสียงหัวเราะดังออกมา
“นี่เห็นมั้ย คุณกานต์เค้าหัวเราะเลย”
“แกจะไปสนทำไมละ รึว่า......แหนะๆๆ “
“อะไร !!! -////- “ ดาราหน้าแดงแปร๊ดทันที
“ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ หน้าแดงทำไมละ ห๊ะ!!! ใช่แน่ๆ เลย”
“อะไรของแก มีอะไรก็พูดมาเลยดิ่ พูดมาเลยโด่ๆ” ดาราพูดท้าทายแต่ทว่าใบหน้าสวยได้รูปนั้นก็ยังคงแดงเหมือนเหมือนมะเขือเทศอยู่
“แกแน่ใจหรอ ?? ไม่เอาอ่ะหว่ะเดี๋ยวหน้าแกมันจะหลายเป็นซอสมะเขือเทศไปซะก่อน ไม่ดีๆ”
“เชอะ!! “
บทสนทนาของสองเพื่อนซี้ก็ยังคงเรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องพักผู้ป่วยเล็กๆ นี้ได้ จนชายหนุ่มทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ฉันไม่พูดกับแกแล้ว ยัยมะเขือเทศ นี่กานต์เดี๋ยวไปเที่ยวทะเลด้วยกันป่าว?? ถ้ากานต์ตอบตกลงไปนะฟินท์ว่าคนแถวนี้จะต้องดีใจจนขับรถตกคลองตายแน่นอนเลย โอ๊ย!!!! อะไรเล่า!!” ปริตาหันไปตวาดดาราอีกครั้ง แต่เมื่อหันไปเห็นหน้านางยักษ์ที่แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงก็ถึงกับต้องยอมสิโรราบให้
“อิอิ ขอโทษค้าบบบบอาซ้อ แล้วตกลงกานต์จะไปรึเปล่าละ”
“โอกาศดีๆ อย่างนี้มีเหรอผมจะไม่ว่าง อิอิ”
“เย้ๆ ทีนี้ก็ครบทีม”
การแสดงออกที่เกินหน้าเกินตาของปริตาก็ทำให้ห้องเล็กๆ นี้เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้งจนนางพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ต้องเข้ามาดุว่า อย่าส่งเสียงดัง เพราะนี้โรงพยาบาลไม่ใช่ตลาดสด ปาณนพเลยต้องรีบเข้าไปขอโทษแทบไม่ทัน
“เฮ้อ ในที่สุดก็ออกจากโรงพยาบาลได้ซักที” ปริตาส่งเสียงร้องอย่างยินดีทันทีที่ก้าวออกมาพ้นเขตโรงพยาบาลแล้ว
“ต่อจากนี้ก็อย่าวิ่งเข้าไปให้รถมันชนอีกก็แล้วกันนะยัยตัวดี ถ้าหากเราไม่ฟื้นขึ้นมาพี่จะไปบอกป๊ากับม๊าเค้ายังไงละเนี่ย เฮ้อ~”
“แหม๊~ พี่เฟิร์สก็....ฟินท์น่ะอึดจะตายไป ยังไงๆ ก็ฟื้นอยู่แล้วแหละค่ะ”
“ทำเป็นพูดดีไปเหอะ ยัยทอมบอย ถ้าวิ่งไปให้รถชนอีกฉันจะไม่มาดูดำดูดีเลย”
“เชอะ! ใครสนละ ฉันไม่ได้ขอให้นายมาเฝ้าซักหน่อยนี่”
“นี่เธอ !!!”
“เอาละๆ หยุดทะเลาะกันซักวันเถอะนะ แล้วเราจะไปเที่ยวกันที่ไหนดีละ”
“ภูเก็ตเป็นไงครับ “
“อื้ม เข้าท่าดีแหะ งั้นเอาเป็นว่าไปภูเก็ตกันนะ”
“โอเคค่ะ อิอิ ภูเก็ตๆ “
วันเดินทาง....
“เตรียมของครบแล้วนะ ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”
“ครับผม “ ปริตารับคำพลางทำมือตะเบ๊ะ ล้อเลียนปาณนพ จนปาณนพอดไม่ได้ที่จะจับหัวปริตาโยกไปโยกมาเบาๆ เป็นอย่างเอ็นดู (รึเปล่า)
“จะไปกันเลยมั้ยครับ” นนทกานต์ตะโกนถามปาณนพขณะที่กำลังจะเข้าไปประจำที่นั่งคนขับ
รถยนต์ Honda CRV สีขาวคันงามราคาเหยียบ 3 สามล้านบาทได้เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้าบ้านปริตาตอนเวลาตี 5 กว่าๆ โดยนนทกานต์เป็นผู้อาสาจะเป็นคนเอารถไปและเป็นคนโชเฟอร์จำเป็นไปตลอดการเดินทางครั้งนี้ ตอนนี้ทุกคนประจำที่นั่งของตัวกันหมดแล้วโดย แถวหลังสุดมีนิธิศ ปริตา และดารานั่งเรียงกันมาตามลำดับ ส่วนปาณนพนั่งข้างคนขับเพราะต้องเป็นคนบอกทาง ส่วนด้านหลังเป็นพวกอุปกรณ์การทำอาหาร อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม กระเป๋าเสื้อผ้า ผ้าห่ม เสื่อ กระติกน้ำแข็ง ฯลฯ
“นี่แล้วเราจะถึงที่โน้นกี่โมงอ่ะ พี่เฟิร์ส” ปริตาถามปาณนพขณะนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว
“ก็คงจะประมาณเที่ยง หรือไม่ก็บ่ายๆ อ่ะ”
“โห ถ้ายังงั้นก็ต้องเอาครีมกันแดดไปด้วยอ่ะดิ่ ไม่งั้นดำตายเลย”
“ฉันว่านะอยากเธออ่ะไม่ดำง่ายๆ หรอก ก็หนังหนาจะตายไปเป็นช้างไม่ใช่หรอจ๊ะ อิอิ”
“นี่นาย ถ้าฉันเป็นช้างนายก็เป็นเปตรล่ะวะ อีกอย่างนะช้างที่ไหนจะมาสวยน่ารักอย่างนี้จิงมั้ยละ”
“ถ้าช้างอย่างเธอน่ารัก ช้างทั่วๆ ไปเค้าก็สวยเลิศกันหมดแล้วแหละ”
“นายน่าจะเก็บปากเอาไว้กินข้าวจะดีกว่านะ ถ้านายพูดอีกแม้แต่คำเดียวฉันนี่แหละจะเป็นคนปิดโอกาศไม่ให้นายพูดเอง”
“กลัวจังเลยอ่ะ อิอิ” หนุ่มสาวสองคนนั่งเถียงกันไปตลอดการเดินทางโดยที่ไม่มีใครยอมใคร เสมือนว่ารถคันนั้นมีเพียงแค่พวกเขา 2 คน .
“ถึงแล้วครับ หยุดเถียงกันซักครู่ได้มั้ยครับ มาช่วยกันยกของลงจากรถก่อนนะ”
“ค้าบบบ / ค่าาา ~ “ และแล้วผู้ที่เป็นคนยุติสงครามน้ำลายครั้งนี้ก็คือ ปาณนพ เจ้าเดิมนี่เอง (ก็อาวุโสที่สุดนี่เนาะ)
“โอ้โห บังกะโลน่ารักจังเลย” ดาราส่งเสียงใสเจื้อยแจ้วหลังจากได้เห็นสถานที่ที่จะต้องค้างแรมกันอย่างพอใจ
“นี่ดาว ทำยังกับไม่เคยมาทะเลอย่างนั้นแหละ มาช่วยกันขนของบ้างก็ได้นะ” ปริตาส่งเสียงมาขัดจังหวะอย่างหมั่นไส้ ขณะที่กำลังขนสัมภาระลงมาจากหลังรถ
“ก็แหง๋ละซิ ฉันเลยมาเที่ยวทะเลก็จริง แต่ฉันไม่เคยมาค้างคืนนี้หว่า”
“แล้วเกาหลีไม่มีทะเลรึไง”
“มีย่ะ แต่ฉันงานยุ่งต่างหากละ กานต์~ มีอะไรให้ดาวช่วยยกรึเปล่าคะ”
“แหม ทีอย่างนี้กานต์ๆๆๆ แหวะๆ “ ปริตาบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะยกของขึ้นไปไว้บนบ้านพัก
“อะไรนะ - -^ “ ดาราหันมาถามอย่างเอาเรื่อง
“พูดได้แค่ครั้งเดียวจ๊ะ เสียใจนะน้องหนู”
“อยู่บนรถทะเลาะกับธิศพอลงจากรถก็มาทะเลาะกับดาวอีกนะ สงสัยจะชอบหาเรื่องละมั้งเราเนี่ย” ปาณนพแขวะปริตาที่กำลังเถียงกับดาราอยู่ จนเป็นเหตุให้หญิงสาวหน้างอเป็นตะขออยู่นานเลยทีเดียว
“ทะเล ทะเล๊ ทะเล” ปริตาส่งเสียงดังพลางวิ่งตรงไปยังชายหาดอย่างอารมณ์ดี
“โอ๊ย บ้านนอกจริงๆ เลยเพื่อนฉัน ไปด้วยคนดิ๊!!!!! “ดาราบ่นอยู่ได้ซักพัก ก่อนจะวิ่งตามปริตาไปด้วย ส่งผลให้สามหนุ่มที่ยืนอยู่ในตัวบ้านพักหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“นี่ธิศกับกานต์ก็ลงไปเล่นน้ำทะเลกันบ้างก็ได้นะ”
“แล้วพี่เฟิร์สละครับ ไม่ลงไปเล่นด้วยกันหรอ? “ นนทกานต์
“เดี๋ยวพี่ตามไปแล้วกันนะ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้น่ะ อีกซักพักเค้าคงจะมาแล้วล่ะ”
“ครับ “ นนทกานต์รับคำก่อนที่จะเดินไปที่ชายหาดพร้อมกับนิธิศ (เอ่อ.....เป็นเพื่อนกันตอนไหนเนี่ย คนเขียนก็ไม่ทราบนะคะ ปลากระเบน)
“นี่นาย มาทางนี้เร็วๆๆๆ มาดูแมงกระพุนเร็ว!!!! “ ปริตาตะโกนมาจากทางชายหาด นิธิศเลยรีบเร่งฝีเท้าตรงไปทางที่ปริตาโบกมืออยู่ ส่วนนทกานต์ก็เดินตรงไปหาดาราที่กำลังก่อปราสาททรายอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ไหนอ่ะ ? ไม่เห็นมีเลย” ระหว่างที่นิธิศกำลังก้มมองหาแมงกระพรุนอยู่นั้น.....ปริตาซึ่งตอนนี้ยืนดูอยู่ด้านก็หลังก็ปฏิบัติแผนการชั่วร้าย ทันใดนั้นเอง !
“เฮ้ย! โครม” นิธิศหน้าทิ้มลงไปในน้ำทะเล แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นโดยฝีมือของปริตา เอ๊ะ! ไม่ใช่ซิ ฝีเท้าต่างหาก
“ฮ่าๆๆๆ กร๊ากๆๆๆ โอ๊ย สะใจโว้ยยย เป็นไงค๊ะ น้ำทะเลอร่อยมั๊ย ฮ่าๆๆๆ” เมื่อนิธิศเงยหน้าขึ้นมาจากน้ำขึ้นมาก็เห็นปริตายืนหัวเราะท้องขัดท้องแข็งอยู่ตรงด้านหน้าของเขานั้นเอง ทันใดนั้น
“กรี๊ดดดดด!!!!~ ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า” ปริตาร้องดิ้นพราดๆ อยู่ในอ้อมอกของนิธิศเพราว่าตอนนี้เขากำลังอุ้มหล่อนเดินไปเรื่อยๆ
“ปล่อยก็ควายอ่ะดิ่ เมื่อกี้ทำฉันแสบมากเลยนะ”
“อะไร แกล้งแค่นิดๆ หน่อยๆ เอง....นะๆ ปล่อยฉันลงเถอะนะ เฮ้ย! “ นิธิศเดินมาจนถึงปลายโขดหินแล้วปล่อยร่างของปริตาลงไปในน้ำทะเล
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ฉันว่ายน้ำไม่เป็น ช่วยด้วย! “ ปริตาตะเกียกตะกายอยู่ตรงผิวน้ำ ทำท่าเหมื่อนจะจมน้ำอยู่รอมร่อ
“เฮ้ย! “ ว่าแล้วนิธิศก็กระโดดลงน้ำตามปริตาไป เมื่อไปถึง......
“แบร่ๆๆ ฉันโกหกย่ะ น้ำสูงแค่อกเองใครจะบ้าจมน้ำตาย” ปริตาแลบลิ้นใส่นิธิศ แต่คราวนี้ชายหนุ่มไม่เล่นด้วย
“เธอรู้มั้ย! ฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ เธอน่ะเคยรับรู้ถึงจิตใจของคนอื่นบ้างมั้ย ว่าเค้าเป็นห่วงเธอแค่ไหนน่ะ”
“O_O? “ นิธิศเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที ปล่อยให้ปริตายืนอยู่เพียงคนเดียว
คืนนั้น.....
“ว๊าว!! นี่พี่เฟิร์สทำเองหรอเนี่ย? “ บาร์บีคิว 1 ถาดใหญ่ พร้อมเครื่องดื่มและอาหารอีกมากมายถูกนำมาวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา บริเวณโดยรอบมีโต๊ะปิกนิก 2 ตัวถูกนำมาจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเช่นกัน ปาร์ตี้น่ารักเล็กๆ ริมทะเลแห่งนี้จึงทำให้ปริตาร้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ด้วยความตื่นเต้น
“ป่าวหรอก พี่ไม่ได้ทำคนเดียวทั้งหมดหรอกนะนี้ต่างหากละผู้ช่วยพี่” หญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อแขนกุดสีขาวกับกระโปรงผ้าฝ้ายก้าวออกมายืนคู่กับปาณนพ......
“พี่ลิป !!! “ ปริตาตะโกนเรียกชื่อลิปิการ์ออกมาด้วยความคิดถึง
“โอ๋ๆ คิดถึงจังเลยโตขึ้นตั้งเยอะแน่ะ”
“พี่ลิปอ่ะหายไปอยู่สวิสฯ ตั้งนานไม่คิดถึงฟินท์เลยรึไง” ปริตาว่าพลางทำน่างอนๆ ใส่ลิปิการ์
“โอ๋ มามะ มาคืนดีกันนะเด็กดี” ลิปิการ์ชูนิ้วก้อยขึ้นมาเป็นเชิงขอคืนดี
“อะไรกัน ฟินไม่ใช่เด็กแล้วนะ ว่าแต่....พี่ลิปมาเมืองไทยตั้งแต่ตอนไหนอ่ะ”
“อ๋อ....พี่มาถึงภูเก็ตก็ตอนประมาณบ่าย 2 นิดๆ อะจ้ะ”
“แหนะๆ กลับมาคราวนี้มีข่าวดีอะไรจะมาบอกรึเปล่าเนี่ย”
“เอ๊ะ! ยังไม่รู้เหมือนกันอันนี้ต้องถามพี่ชายเราเองแล้วแหละ ใช่มั้ยคะเฟิร์ส” ลิปิการ์ตอบพลางหันไปถามปาณนพ ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มที่กำลังจับมือหญิงสาวอยู่นั้นก็พลันหน้าแดงขึ้นมาทันที
เมื่อปาร์ตี้เริ่มขึ้น ทุกคนต่างก็สนุกไปกับการกิน ร้องเพลงกันอย่างออกรสเลยทีเดียว
“นี่ๆ มานี่เลยฟินท์ ผู้หญิงสวยๆ คนนั้นน่ะใครห๊ะ!“ ดาราจูงมือเพื่อนสาวออกมาพลางพูดจาต่อว่าเป็นการใหญ่
“คนไหนละ? อ๋อ....พี่ลิปน่ะหรอ?”
“นั้นแหละ ใคร?”
“อิอิ คู่หมั้นพี่เฟิร์สเค้า เป็นไงสวยใช่มั้ยละ นี่ๆ แม่สื่ออยู่นี่จ้ะ” ปริตาอวดพี่สะใภ้ของตนเองอย่างภาคภูมิใจ เพราะถ้าหากว่าไม่มีหล่อนปาณนพกับลิปิการ์จะมาเจอกันรึเปล่าก็ไม่รู้เลย..... (เอ่อ...เอาไว้เดี๋ยวจะมาแต่งเป็นตอนย่อยให้นะ ปลากระเบน)
“สวยน่ะสวยมากเลยแหละย่ะ แกทำงี้ได้ไง แล้วฉันละ T^T”
“ทำไมอ่ะ ? อ๋อ....โทษทีเว้ย ฉันลืมไปว่าแกอ่ะชอบพี่เฟิร์สแต่แหม๊...แกก็มีกานต์อยู่ทั้งคนนี่นา จริงมั้ยจ๊ะน้องหนู อิอิ”
“กานต์เค้าชอบฉันซะที่ไหนเล่า แกอย่ามามั่วดิ่”
“เอาน่าความรักมันต้องใช้เวลา ใจเย็นๆ เอ่อ...ว่าแต่ธิศไปไหนของเค้านะ แกเห็นมั้งป่ะ”
“อืม...น่าจะอยู่แถวๆ หาดทางนู้นละมั้ง ทำไมอ่ะ”
“ป่าวๆ เดี๋ยวฉันไปหาอะไรกินก่อนนะ”
“อื้มๆ “ ปริตาเดินแยกตัวออกไปเพื่อไปตักอาหารใส่จานแล้วเดินไปเรื่อยๆ ตามแนวชายหาด
“เฮ้อ ลมตอนกลางคืนทำไมมันเย็นจังเลยน้า ชักไม่อยากกลับบ้านแล้วซิ” ปริตาถือจานใส่บาร์บีคิว 5 ไม้ใหญ่ๆ เดินไปหานิธิศซึ่งนั่งรับลมอยู่ไม่ไกลนัก
“จ๊ะเอ๋! มานั่งทำอะไรคนเดียวอะนาย ไม่ไปกินข้าวรึไง”
“........” นิธิสมองหน้าปริตาแล้วเมินหน้าหันกลับไปมองทะเลเหมือนเดิมพร้อมกับขยับตัวหนี
“นี่นายงอนอะไรอ่ะ เรื่องเมื่อตอนกลางวันรึไง...ฉันขอโทษนะ อย่าโกรธนะ น้า~ อย่าโกรธเลยนะ นะๆๆๆ” ปริตาพยายามง้อนิธิศเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลหากแต่ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปอีกครั้ง หญิงสาวก็ไม่วายตามตื้อ ชายหนุ่มจึงเริ่มวิ่ง หญิงสาวก็วิ่งตามไปโดยไม่ลืมที่จะถือจานใส่บาร์บีคิววิ่งตามไปอีก - -“ หากคุณสังเกตดีๆ สีหน้าของนิธิศตอนนี้เริ่มมีรอยยิ้มเล็กๆ แต้มอยู่ตรงมุมปากแล้ว ชายหนุ่มพยายามต็มที่ที่จะกลั้นหัวเราะ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะลูกตื้อของปริตานั้นเหนียวแน่นยิ่งกว่ากาวตราช้างซะอีก
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ เธอเหมือนเด็กปัญญาอ่อนเลย วิ่งตามฉันอยู่นั้นแหละ”
“นั้นไง! ~ นายหัวเราะแล้ว อิอิฉันชนะ ฮ่าๆๆๆ “ ปริตาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่เห็นนิธิศหัวเราะขึ้นมาก่อน
“เออๆ เธอชนะแล้ว แล้วนั้นเอาอะไรมาอ่ะ”
“อ๊ะ! อ๋อ บาร์บีคิวไง ฉันกลัวนายจะหิวไงเห็นไม่ได้ไปกินข้าวกลางวันด้วยฉันเลยเอามาเผื่อ เอ๊ะ! ถ้านายไม่กินฉันกินเองก็ได้นะ” ปริตาไม่พูดเปล่า พลางแกล้งหยิบบาร์บีคิวมากินอีก 1 ไม้แต่ก็โดนนิธิศแย่งเอาไปซะก่อน
“ไม่ได้นะ เธอเอามาให้ฉันแล้วฉันก็จะกินเอง” ว่าแล้วนิธิศก็เอาบาร์บีคิวใส่ปากเข้าไป ปริตาเห็นอย่างนั้นก็หยิบบาร์บีคิวมากินบ้าง ทั้งสองคนนั่งกินบาร์บีคิวกันอย่างอร่อยจนสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
“นี่นาย จะเงียบทำไมอ่ะ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้นะ นั่งอยู่อย่างนี้ไปก่อน.....ฉันขอจับมือเธอได้มั้ย? “นิธิศพูดพลางคว้ามือของหญิงสาวเข้ามากุมไว้แล้วนั่งมองทะเลต่อ
“นายเป็นอะไรรึเปล่าอ่ะ ไม่สบายรึไง”
“ฉันบอกว่ายังไม่ให้พูดไง....3 นาที ขออยู่อย่างนี้ไปอีก 3 นาทีนะ ถ้าเธอพูดขึ้นมาฉันอาจจะไม่กล้าบอกคำๆ นั้นกับเธอก็ได้นะ”
“.......???......” ปริตายังคงงุนงงอยู่แต่ก็ยอมเงียบโดยดี
“.....ฟินท์”
“อื้ม มีไรหรอ?”
“ทะเลตอนกลางคืนสวยเนาะ”
“อื้ม “
“เธอฉันจะบอกความลับให้เธอฟังนะ”
“อื้ม ว่ามาเลย” ปริตาตั้งหน้าตั้งตาฟังสิ่งที่นิธิศเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
“ฉันน่ะแอบชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เค้าหน้าตาไม่น่ารักหรอก นิสัยก็ไม่ดี เรียนก็โคตรห่วยเลย ทำกับข้าวก็ไม่ได้เรื่อง ที่สำคัญน่ะปากก็ไม่ดีอีกด้วยนะ แต่.....เมื่อฉันรู้จักกับเค้าไปนานๆ มันเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ชอบ ฉันรู้จักคำว่ารักขึ้นมาก็เพราะผู้หญิงคนนั้น ฉันเคยคิดนะว่าฉันน่ะยอมตายแทนเค้าได้เลย ฉันรู้จักจักคำว่ารักได้ก็เพราะเธอนะฟินท์.....ฉันรักเธอนะ”
“......!!”
ความคิดเห็น