ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะดุดรัก หอพักอลเวง - รัก...ติดดิน (Boy's love)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ลูกเจี๊ยบหลงทาง

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 56


    Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง

     

    ภาค 1 :  รัก...ติดดิน

     

    Warningนิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาชายรักชาย (Boy’s love) หากไม่ชอบ รับไม่ได้ กรุณาจากกันอย่างสงบค่ะ

     
     

    บทที่ 1 - ลูกเจี๊ยบหลงทาง

     

     

     

     

    “เทพเจ้าแห่งเงินตราและความร่ำรวย..วันนี้ก็ขอให้ผมประหยัดเงินได้เยอะ ๆ อีกเช่นเคยนะครับ”

     

     

     

     

     

    DORMITORY BOYS - สะดุดรัก หอพักอลเวง

     

     

     

     

    “รัก...ติดดิน”

     

     

     

     

     

     

    1 - ลูกเจี๊ยบหลงทาง

     

     

    มีคนเดินตามมา

     

    ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน ตั้งแต่ก้าวขาออกจากรั้วโรงเรียนแล้ว 

     

    ปิ่นหยกเหลือบมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง แสงแดดทอจาง ๆ หลังฝนตกช่วยให้บรรยากาศไม่น่ากลัวนัก แม้ต้องเดินเพียงลำพังผ่านบริเวณอาคารเก่าซอมซ่อร้างผู้คน ถึงจะเงียบอย่างไรแต่ตอนนี้ก็ยังกลางวันแสก ๆ  ไม่น่ามีโจรใจกล้าหน้าโง่ที่ไหนคิดวิ่งราวกระเป๋าที่มีเพียงหนังสือเรียนเก่ามือสองตกทอดมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา หรือกระเป๋าสตางค์ซึ่งมีเงินเหลืออยู่แค่สิบบาทของเขาหรอกใช่ไหม?

     

    เอาละ หากจะให้แนะนำตัวเอง เขาคงต้องพูดว่า 'กระผม..นายปิ่นหยก แววสินธุ์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ฐานะยากจน ค่อนไปทางจนมาก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกระยาจกซึ่งมีสมาชิกเพียงคนเดียวคือตัวผมเองหรืออะไรทำนองนั้น

     

    และให้ตายเถอะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกใครแอบตาม ไม่ว่าไอ้คนที่ย่องตามมานั้นจะหวังอะไรก็แล้วแต่ อาจยกเว้นตามทวงหนี้ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าไม่ได้ไปก่อหนี้เพิ่มไว้ที่ไหน

     

    เหลือตังค์แค่สิบบาทเอง” 

     

    เด็กหนุ่มแสร้งพึมพำออกมาดัง ๆ ท่ามกลางความเงียบ มือยกขึ้นปัดไรผมสีน้ำตาลเข้มชื้นเม็ดฝนให้พ้นตา ขณะลอบมองไปยังเงาตะคุ่มซึ่งทอดจากมุมตึกด้านหลัง นึกหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ ได้ยินไหมไอ้โจรงี่เง่า ไม่มีตังค์ให้วิ่งราวหรอกนะเว้ย ตามไปก็เสียเวลาเปล่าน่า อยากได้เงินไปตามอาเสี่ยตู้ทองเคลื่อนที่ในตลาดดูฉลาดกว่าเยอะ โน่น ๆ

     

    “...”

     

    เขาก้าวขาเงียบเชียบ ฟังเสียงหยดน้ำซึ่งค้างอยู่บนกองเหล็กเก่าหยดลงพื้นเปาะแปะ

     

    ....

     

    เงียบฉี่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีอาจไม่ใช่โจรก็ได้ 

     

    ปิ่นหยกถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจจ้ำพรวดพราดออกห่างจากบริเวณตึกร้าง เร่งฝีเท้าอีกนิดเดียวก็ถึงเขตตลาดแล้ว จะคนหรืออะไรที่ตามมาก็ช่างหัวเถอะ สายตามองเห็นร้านขายของรถเข็นอยู่ลิบ ๆ ข้างหน้า ไม่เกินอึดใจคงหลุดจากเส้นทางเปลี่ยวนี้ได้โดยสวัสดิภาพ ถ้าเพียงแต่...

     

    โครม!

     

    จะไม่มีเสียงมวลสารขนาดใหญ่บางอย่างทิ้งตัวลงปะทะพื้นอย่างนี้

     

    เคร้งง!  ตุ้บ!

     

    ตามด้วยเสียงโอดครวญของตัวต้นเหตุ ผู้นั่งจ๋องสิ้นท่าอยู่ท่ามกลางขยะเศษเหล็กหลังกำแพงผุพัง

     

    โอยย...

     

    ปิ่นหยกจ้องร่างสูงของใครบางคนซึ่งกำลังนั่งลูบแขนตัวเองป้อย ๆ อยู่บนพื้น ท่าทางจะสะดุดอะไรสักอย่างกลางกองขยะนั่น ฝุ่นสนิมร่วงกราวจากแผ่นสังกะสีที่วางพาดอยู่บนศีรษะ สภาพย่ำแย่เสียจนอยากมองข้ามตัวอักษรบนอกเชิ้ตขาวอันบ่งชี้ว่าคนตรงหน้าเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน

     

    และจะว่าไปแล้ว..

     

    เขาหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด แต่ยังรักษาระยะห่างประมาณสองเมตรไว้ เผื่ออีกฝ่ายจะเกิดบ้าวิ่งราวเงินสิบบาทของเขาไป

     

    แฮ่ม! ไม่ได้งกหรอกนะ แต่มันก็เงินไม่ใช่หรือ!?

     

    ปิ่นหยกขมวดคิ้ว ดูดี ๆ แล้วหมอนี่หน้าคุ้นมากทีเดียว

     

    ช่วยหน่อย มนุษย์เศษเหล็กบนพื้นเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งแรก ด้วยถ้อยคำที่พิจารณาจากน้ำเสียงเรียบเฉยแล้วน่าจะเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าขอความช่วยเหลือ ทำเอาคนฟังเริ่มปรี๊ดจนเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ ๆ 

     

    “เป็นอะไรลุกเองไม่ได้!?” 

     

    เด็กหนุ่มขยับเข้าใกล้ร่างนั้นอีกนิดโดยไม่รู้ตัวเพื่อไปหยุดยืนกอดอก มีดวงอาทิตย์หลังฝนตกเป็นฉากหลัง เงาดำทอดลงไปบนใบหน้าของอีกฝ่ายพอดิบพอดี คล้ายเป็นฉากหนึ่งในหนังวัยรุ่นก่อนคู่อริจะลงไม้ลงมือ

     

    อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับจ้องเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

     

    ฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมนี่?

     

    โดนจ้องมากเข้าก็เริ่มทำตัวไม่ถูก พยายามสู้กับแววตาเรียกร้องตรงหน้า พอดูใกล้ ๆ อีกทีแล้วหมอนี่ยิ่งคุ้นมาก...มากแบบมาก  ๆ

     

    เขาพยายามรีดเร้นความทรงจำซึ่งอาจมีเกี่ยวกับคนตรงหน้าเต็มที่ ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตัวสูง ผิวขาวจัด ผมดำขลับ คิ้วเข้ม ดวงตาติดจะโศกนิดหน่อยสีเดียวกับสีผม ใบหน้าโดยรวมแล้วจัดว่า...หล่อ...ทีเดียว ไม่สิ โคตรหล่อเลยต่างหาก น่าหมั่นไส้ฉิบหาย!  ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น ม.6 คล้าย ๆ ว่าจะเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันวันนี้ ดูเหมือน...

     

    นี่มันไอ้คนที่นั่งข้างหลังเขาวันนี้นี่หว่า!

     

    อาทิตย์!?" / “ปิ่นหยก 

     

    เป็นการประสานเสียงโดยมิได้นัดหมาย

     

    นิ่งกันไปราวสามวินาที หรือพูดให้ถูกคือเป็นเขาคนเดียวซึ่งออกอาการเหวอ ขณะที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าตกใจเท่าไรนัก แต่นั่นละ หมอนี่เป็นคนเดินเกาะติดมาเอง ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ากำลังตามใครอยู่ ทำตัวเป็นพวกโรคจิตไปได้

     

    เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก เผลอสบสายตากับคนตรงหน้าอีกครั้ง นึกสงสัยว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

     

    ไม่แปลกเลยที่เขาจะจำเพื่อนร่วมชั้นซึ่งกำลังนั่งแหมะหมดท่าไม่ได้ในแวบแรก ในเมื่อเพิ่งมีการเปลี่ยนย้ายห้องเรียนกันวันนี้เอง

     

    เป็นเรื่องปกติในโรงเรียนของพวกเขาซึ่งมีการเปลี่ยนห้องทุกครั้งที่มีการเลื่อนชั้น ทั้งนี้เพื่อคัดเด็กหัวกะทิเข้ามาเรียนรวมกันในห้องคิง และกระตุ้นให้นักเรียนขยันทำคะแนนในทุกปีการศึกษา การสอบคัดเลือกจะมีขึ้นตามหลังการสอบปลายภาคเรียนที่สอง และประกาศห้องเรียนในวันแรกของภาคเรียนถัดไป

     

    ด้วยเหตุนี้ นาย 'แสงอรุณ วิจิตรนิรันดร์'  หรือนายอาทิตย์ที่ว่า ก็เพิ่งได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาวันนี้เป็นวันแรกนั่นเอง

     

    จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?” เป็นปิ่นหยกที่สิ้นความอดทน ส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้นก่อน

     

    ใจร้าย” อีกฝ่ายตัดพ้อ มือใหญ่ยกขึ้นคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเขาเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้นทรงตัวบนขา หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วว่านั่งรออยู่เฉย ๆ คงไม่มีนางฟ้าที่ไหนใจดียื่นมามือช่วยพยุงเป็นแน่ มีตังค์แค่สิบบาทแถมยังแล้งน้ำใจอีก

     

    ราวกับเส้นเลือดที่ขมับปิ่นหยกจะเริ่มเต้นเป็นจังหวะร็อคหนักหน่วงกว่าเก่า คิ้วขมวดแทบผูกกันเป็นปม อ้อ ตกลงเมื่อกี้ได้ยินสินะ สิบบาทแล้วมันผิดหรือ!? น่าเตะปลายคางสักทีดีไหม มุมนี้กำลังเหมาะ

     

    ไม่เอาน่

     

    สติฝ่ายดียังรั้งตัวเองเอาไว้บ้าง เขาพ่นลมหายใจพรืดด้วยความหงุดหงิด สะบัดมือเบา ๆ พอให้อีกคนรู้ว่าลุกเสร็จก็ปล่อยได้แล้ว ส่ายหน้าไล่ความคิดอยากทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้นออกจากหัวด้วยกลัวไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหาย ก่อนจะยิงคำถามตรงประเด็น

     

    ตามมาทำไม?

     

    พ่อยอดชายนายอาทิตย์ไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามง่าย ๆ แถมนอกจากไม่ตอบแล้วยังหันไปเอามือปัดฝุ่นที่เลอะตามกางเกงและกระเป๋าเสื้อผ้า...อีก...?

     

    กระเป๋าเสื้อผ้า!?

     

    ปกติใครเขาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตอย่างนั้นมาเรียนกัน(วะ)!?

     

    แล้วนั่นอะไร?” ปิ่นหยกชี้ไปที่วัตถุต้องสงสัย ย้ายบ้านเรอะ!?”

     

    อือ

     

    คำตอบแรกที่ได้รับตั้งแต่ถามมาทำเอาเด็กหนุ่มงงไปพักใหญ่ ย้ายบ้าน? ควรต้องบอกไหมว่าเขาถามประชด แล้วช่างตอบมาได้ว่าว่าย้ายบ้านจริง ๆ

     

    ที่จริงโดนคุณพ่อไล่ออกมาน่ะอีกฝ่ายชี้แจงเพิ่มเติม

     

    อ้อ..เข้าใจละ” เขาทำหน้าเออออเข้าใจอยู่เพียงแวบเดียวจึงนึกขึ้นมาได้  ว่านั่นไม่ช่วยให้กระจ่างขึ้นสักนิด!  

     

    "เพ้อเจ้อว่ะ"

     

    ปิ่นหยกส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ ตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อทิ้งตัวปัญหาเอาไว้ที่เดิม ถึงเรื่องของเจ้านี่จะฟังดูประหลาด แต่ความจริงมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมตอนนี้ฟ้าเริ่มจะครึ้มอีกรอบ หากไม่รีบเห็นทีคงได้วิ่งลุยฝนเป็นแน่

     

    เขาแหงนมองฟ้าครึ้ม ขาพาตัวเองก้าวออกจากตรงนั้นโดยไม่คิดหันกลับไปมองอีก ปราศจากความเฉลียวใจสักนิดกับเรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิตในวันฝนตก และสิ่งที่คิดว่า ไม่เกี่ยวกับตัวเอง

     

    เพราะแน่นอนว่าปิ่นหยกคิดผิด มันเกี่ยวกับเขาแน่ ๆ 

     

    เกี่ยวอย่างมากเสียด้วย!


    กลับมาแล้วครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงอ่อนระโหยเมื่อก้าวขาเข้าธรณีประตูร้านเค้กที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก เป็นใครก็คงพาลหมดแรงเอาง่าย ๆ หากมีปลิงเผือกตัวใหญ่เกาะหลังมาด้วยตลอดทางเช่นนี้

     

    กลับมาแล้วหรือ” ถ้อยคำทักทายขึ้นจากหลังเคาน์เตอร์ เจ้าของเสียงกำลังก้ม ๆ เงย ๆ จัดเค้กชิ้นโตลงกล่องตามออเดอร์ลูกค้า เงยหน้าขึ้นมาอีกทีจึงได้เห็นเด็กหนุ่มที่เป็นทั้งลูกจ้างและเป็นเสมือนคนในครอบครัวกำลังยืนทำหน้าเซ็งโลกเหลือจะกล่าว 

     

    วันนี้ยุ่งไหมพี่เอม” ปิ่นหยกถามเสียงโมโนโทนแล้วหันไปตวาดคนข้างหลัง ปล่อยเว้ย!” 

     

    เดี๋ยวนายหนีอีก

     

    หนีป๊ะอะไร ถึงหอแล้วนี่ไง” 

     

    เพื่อนหรือ?” เอมจิตถามพร้อมส่งรอยยิ้มที่หากสาว ๆ เห็นคงละลายตายกลายเป็นช็อกโกแลตฟองดูอยู่ตรงหน้านั่นเอง ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีผู้เป็นเจ้าของหอพักพร้อมกับเปิดร้านเค้ก ณ ชั้นล่างสุดของหอไปด้วยคนนี้เรียกกลุ่มลูกค้าผู้หญิงได้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    เขาเกือบตอบไปแล้วว่าไอ้นี่ปลิงเผือกครับไม่ใช่เพื่อน แต่ก็ตัดสินใจพยักหน้าอย่างเสียมิได้พร้อมกับเอ่ยอ้อมแอ้ม “..อ่า..เรื่องมันยาวอะพี่เอม คือว่าเจ้านี่จะขอมาค้างด้วยซักคืนนึงเพราะว่า...จะทำรายงาน

     

    สวัสดีครับ ชื่ออาทิตย์ครับเด็กหนุ่มร่างสูงยกมือไหว้ท่าทางสุภาพเรียบร้อย และเป็นครั้งแรกที่ยอมปล่อยมือจากคอของคนข้าง ๆ หลังจากเกาะหนึบมาตลอดทาง ต้องขอรบกวนแล้วครับ

     

    ภาพที่เห็นจากหางตาทำปิ่นหยกต้องหันขวับไปจ้องเขม็งอย่างขัดอกขัดใจ เกิดจะนอบน้อมเป็นคนละคนขึ้นมาเชียวไอ้เบื๊อกนี่!

     

    เอมจิตเพียงแต่เลิกคิ้วแล้วจ้องคนทั้งสองราวกับจะส่องให้ทะลุปรุโปร่ง สุดท้ายก็พยักหน้ายิ้ม ๆ  ซึ่งทำให้ปิ่นหยกนึกหวั่นกับท่าทีนิ่งสนิทของนายจ้างอยู่นิดหน่อย เห็นแล้วพาลจะขนลุกอยู่เรื่อยเชียว

     

    เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ทำไมผู้ใหญ่คนนี้จะไม่รู้ว่าเขาโกหก เพียงแต่เอมจิตใจดีและสุขุมพอจะเลือกวิธีจัดการกับเด็กวัยรุ่นอย่างคนที่เคยผ่านโลกมามากกว่า ชายหนุ่มรู้ว่าที่ได้ฟังนั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด รู้ว่าอีกไม่นานปิ่นหยกคงเป็นคนเล่าให้ฟังเอง และรู้ว่าถึงปิ่นหยกไม่พูด เขาก็มีวิธีบังคับให้เจ้าตัวพูดออกมาได้ไม่ยากเย็นหากอยากรู้

     

     “ยินดีต้อนรับนะ หอพักตอนนี้ไม่มีห้องว่าง แต่คงนอนห้องปิ่นใช่ไหมคืนนี้เอมจิตก้มลงมองกระเป๋าเสื้อผ้าที่อาทิตย์หิ้วติดมือมาด้วยแล้วพยักพเยิดไปทางบันไดพร้อมกับคำอนุญาต เอาของขึ้นไปเก็บก่อนสิ

     

     

     

    .●♥-------------------------------------------♥●.

     

     

     

    ...เฮ่อออ

     

    สิ่งที่ปิ่นหยกบอกกับเอมจิตว่าเรื่องมันยาว แท้จริงแล้วสั้นนิดเดียว

     

    แค่หลังจากพบกันเมื่อเย็น เขาเดินหันหลังกลับ ตัดสินใจทิ้งสิ่งที่ดูท่าทางจะเป็นตัวปัญหา (ซึ่งอาทิตย์เถียงมาตลอดทางว่าไม่ใช่) ไว้กับกองขยะเศษเหล็ก แต่แน่นอน ถ้ายอมง่าย ๆ จะเรียกว่าตัวปัญหาได้อย่างไร?

     

    ผลลัพธ์จึงกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงอาศัยความได้เปรียบทางกายภาพ เกาะแขนตีซี้ขอมาค้างด้วย เพราะเพิ่งถูกพ่อไล่ออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ยังไม่เปิดเผย เนื่องจากเจ้าตัวบอกยังไม่มีอารมณ์จะเล่า ดูมัน...

     

    หลังจากแกล้งทำเป็นเดินหลงทางสองครั้ง สลัดออกสามครั้ง พยายามทำอะไรสักอย่างที่คล้ายจะเร่งฝีเท้าหนีแต่ไม่ทันสี่ครั้ง ปิ่นหยกจึงยอมรับความพ่ายแพ้ว่าที่เสียแรงทำไปนั้นช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะนอกจากหลุดออกมาไม่ได้ กลับกลายเป็นยิ่งโดนเกาะหนึบหนักข้อขึ้นเรื่อย จนสุดท้ายกว่าจะกลับถึงหอพักก็แทบจะกอดรัดกันเป็นโคอาล่าเกาะต้นไม้

     

    ไม่สิ เขางุ่นง่านนิดหน่อยเมื่อนึกถึงตรงนี้ เรียกปลิงเผือกเหมาะกว่า โคอาล่ามันน่ารักไป

     

    ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงได้แต่มานั่งทอดถอนใจกับตะกร้าผ้าเพิ่งซักเสร็จเตรียมเอาไปตาก ปล่อยให้รูมเมทเฉพาะกิจคนใหม่จัดการรื้อข้าวของตัวเองออกมาวางตรงที่ชอบ ๆ ในห้องเขา ปราศจากอาการรู้สึกรู้สาแม้สักนิดว่ากำลังทำตัวเป็นภาระชิ้นโต

     

    ทว่าราวกับจะรับรู้ได้ถึงสายตากดดันซึ่งถูกส่งมาทิ่มหลัง อาทิตย์ขยับตัวยุกยิก แต่ไม่ใช่เพื่อแสดงความลำบากใจแน่นอน ครู่หนึ่งจึงชิงพูดขึ้นมาก่อนท่ามกลางความเงียบ

     

    "พี่เอมเป็นพี่ชายนายหรือ?"

     

    "เปล่า ปิ่นหยกตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เป็นนายจ้าง" ว่าพลางเอาเท้าเขี่ย ๆ เสื้อผ้าอีกฝ่ายที่ขนมาวางบนเตียงเขาอย่างกับตั้งใจจะอยู่ห้องนี้สักชาติเศษ ทำมันหล่นลงพื้นไปบางส่วนด้วยความหมั่นไส้

     

    "อ้อ" อีกฝ่ายพยักหน้า เก็บเสื้อผ้าที่ร่วงไปขึ้นมาวางที่เดิมท่วงท่าเนิบนาบ

     

    ปิ่นหยกระรานด้วยการเขี่ยมันหล่นดูอีกครั้ง อาทิตย์เก็บขึ้นมาอีกรอบ เขาลองดูอีกหน อาทิตย์ก็เก็บเสื้อผ้าขึ้นมาวางอีกที ไม่มีวี่แววจะหงุดหงิดอะไรออกมาแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มถึงกับเผลอแสดงสีหน้าขยาดออกมาไม่รู้ตัว หมอนี่อาจเป็นคนบ้าจริง ๆ ก็ได้

     

    “ประสาท!”

     

    ปิ่นหยกเลิกสนใจ หันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ยังมีอะไรต้องจัดการอีกมากให้คุ้มกับที่ได้รับความเอ็นดูจากนายจ้าง

     

    ตัวเขาไม่ใช่น้องแท้ ๆ ของเอมจิต แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นแค่เด็กทำงานพิเศษ แต่เพราะอยู่มานานจนเป็นที่ไว้ใจ แถมยังเป็นเด็กดีช่วยงานทุกอย่างตั้งแต่ในร้านไปจนถึงงานบ้านทั้งหลายแหล่ สุดท้ายเลยกลายเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งซึ่งมีเอมจิตเป็นหัวหน้าครอบครัว มีน้องชายของเอมจิตอีกคนชื่ออุ่นใจ และตัวเขาเองที่แก่กว่าอุ่นใจสองปี โชคดีจริง ๆ  ตรงพี่น้องคู่นี้น่ารักทั้งสองคน นอกจากจะอยู่กันเป็นครอบครัวอย่างอบอุ่น ค่าเช่าห้องก็ไม่ต้องเสีย แลกกับการทำงานบ้านและช่วยงานที่ร้าน เป็นการดีกับสถานะทางการเงินของตัวเองไม่น้อยทีเดียว

     

    งกหรือ? ก็บอกว่าไม่ได้งกไง..แค่รู้จักใช้เงิน!

     

    ระหว่างทาง เด็กหนุ่มแวะหยิบพายไก่ที่ได้ฟรีจากลูกค้าประจำของเอมจิตมาคาบไว้ สองมือยกตะกร้าผ้าขึ้นข้างละใบค้ำไว้กับเอวเดินดุ่ม ๆ ไปยังลานซักล้างด้านหลังเตรียมจะตากผ้า  แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรก็ถูกร่างสูงของใครบางคนโผล่พรวดเข้ามายืนขวางทาง

     

    อีอะไอ!?” (มีอะไร!?) เขาถามเสียงอู้อี้ พายไก่ยังคาบอยู่เต็มปาก

     

    “นี่ปิ่นหยก มาคิดดูแล้ว”  อีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิดแล้วเอ่ยเสียงเรียบ ซึ่งก็ออกจะเรียบเกินไปจนไม่เข้ากับประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาหลังจากนั้นแม้แต่น้อย

     

    ฉันเสนอร่างกายให้นายเป็นไง?”  

     

    !?”

     

    ตะกร้าผ้าหล่นโครม เมื่ออยู่ ๆ มนุษย์หน้ามึนก็โพล่งขึ้นมาไม่มีปีมีขลุ่ย ปิ่นหยกทำท่าเหมือนอยากตะโกนให้ลั่นโลกว่ารู้ตัวไหมพูดอะไรออกมา ติดอยู่ตรงถ้าแหกปากไปตอนนี้พายไก่ที่คาบอยู่อาจจะหล่นลงพื้นเสียของได้

     

    จากนี้ก็ไม่รู้จะไปนอนไหนแล้ว ขอเอาร่างกายแลกกับที่พักและอาหารเถอะนะ” 

     

    อาทิตย์ไม่พูดเปล่า มือยังยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองอย่างใจเย็นกลางลานซักล้างชนิดไม่อายผีสางนางไม้ 

     

    เฮ่ย!” 

     

    พร้อมกับที่พายไก่แสนรักของเขาทิ้งตัวลงพื้นอย่างสวยงามด้วยลีลาราวนักกระโดดน้ำระดับชาติ

     

    จะบ้าเรอะ!?”  

     

    เสียพายอย่าเสียสติ ถึงจะอาลัยอาวรณ์ของกินขนาดไหน แต่เรื่องไอ้คนตรงหน้าซึ่งกำลังแกะกระดุมเสื้อโชว์แผงอกและกล้ามท้องจนถึงเม็ดสุดท้ายแล้วช่างบ้ายิ่งกว่าจนไม่มีเวลาไปสนใจ  หากไม่รีบห้ามไว้มันคงกะแก้ผ้าล่อนจ้อนแน่ ๆ  เขาตั้งสติได้ก็รีบตวาดต่อทันที

     

    ใครจะอยากได้ตัวผู้อย่างแกเป็นเมีย!?”

     

    อาทิตย์ช้อนสายตาใสแจ๋วขึ้นมอง แต่หลังจากประเมินแล้วว่าหุ่นใหญ่สูงชะลูดของตัวเองช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลยจึงเปลี่ยนเป็นโน้มตัวมาหาด้วยท่าทางราวกับเด็กอ่อนโลก ซึ่งแน่นอนว่าขัดกับประโยคที่เอ่ยออกมาแบบสุดติ่ง!

     

    ตกลงจะให้เป็นเมียเลยหรือ? ตอนแรกก็กะว่าจะแค่มอบร่างกายให้เฉย ๆ เสียอีก

     

    ถัดจากตะกร้าผ้า พายไก่ เด็กหนุ่มเจ้าของห้องก็ไม่เหลืออะไรให้ทำร่วงลงพื้นได้อีก แต่สีหน้าและปากที่อ้าค้างอยู่ตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า หากเขาทำขากรรไกรล่างร่วงตามลงไปได้คงทำแล้ว ไอ้หน้าหล่อพ่อทิ้งนี่มันบ้า! บ้ากู่ไม่กลับหมอไม่รับรักษา หน้าตามีชาติตระกูลแต่สติไม่เต็มเต็งช่างน่าสงสารสิ้นดี!

     

    “..ห..หยุดเลย!! ติดกระดุมนั่นด้วยแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องที่นายตามสตอล์กคนอื่นมาถึงบ้าน สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนด้วยคำพูดสองแง่สามง่ามและฆาตกรรมพายไก่ของฉันอย่างเลือดเย็นแบบนี้!ปิ่นหยกยัดข้อหาให้สามกระทงซ้อน ตามด้วยชี้ไปยังเสื้อผ้าซักแล้วที่บัดนี้เทกระจาดออกมากองอเนจอนาถอยู่บนพื้น ไหนจะผ้าพวกนี้อีก แล้วยังมีหน้ามาทำท่าจะเปิดโชว์ของลับกลางที่แจ้ง! เป็นพวกโรคจิตชอบอวดของเรอะ!?” 

     

    อาทิตย์ยืนทำหน้ามึน ขณะที่เด็กหนุ่มโวยวายฉอด ๆ  อยากแปลงร่างเป็นก็อดซิลล่าพ่นไฟทำลายเมืองขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น ได้ยินเสียงงึมงำเถียงกลับมาว่ายังไม่ทันได้โชว์อะไรเลยยิ่งพาลจะทำให้ปรอทแตก ที่สุดแล้วเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่มีทีท่าอยากติดกระดุมเสื้อกลับให้เรียบร้อยสักที จึงได้กระชากเสื้อเชิ้ตตรงหน้าเอามาติดให้เสียเอง ไม่ทันสังเกตเลยว่าระยะระหว่างปลายจมูกตอนนี้ช่างเป็นความใกล้อันน่าหวาดเสียว

     

    หน้าแดงด้วยแน่ะ

     

    ห๊ะ!?” 

     

    จังหวะเดียวกับที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดขึ้นมาจนชิดลำคอ ปิ่นหยกจึงได้เงยขึ้นมองตามเสียงทัก

     

    ฉิบหาย...ใกล้เกินไปแล้ว!

     

    ใกล้จนรู้สึกได้เลยว่าลมหายใจร้อนผ่าวของอีกฝ่ายกำลังพ่นปะทะหน้าใบหน้าเขา ขณะที่เจ้าตัวกำลัง...หัวเราะ

     

    ไอ้ตูดหมึก! กล้าหัวเราะเยาะเขาเรอะ!?

     

    ยิ่งแดงใหญ่เลย” อาทิตย์ยิ้มละมุนผิดสถานการณ์เป็นที่สุด “ตกลงว่ารับฉันเป็นภรรยาแล้วใช่ไหมที่รัก

     

    ว่าแล้วยังจัดการปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก ทั้งที่เขาเพิ่งติดให้เรียบร้อยไปเมื่อครู่แท้ ๆ  ปิ่นหยกรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนกะทันหัน ถูกโจมตีจากความขาวของแผงอกกว้างซึ่งพุ่งเข้ากระแทกตาด้วยพลังทำลายล้างสูง เมื่อรวมกับคำว่า 'ที่รัก' เสียงทุ้มต่ำห้อยอยู่ท้ายประโยคยิ่งฟังดูโรคจิตบัดซบ เพราะดันออกมาจากปากมนุษย์เพศเดียวกัน

     

    รู้ตัวอีกที หมัดลุ่น ๆ ของเด็กหนุ่มก็พุ่งตรงเข้าจมูกคนที่อุปโลกน์ตัวเองเป็นศรีภริยาอย่างงดงาม

     

     

     

     

     

    “...เจ็บ..” 

     

    อาทิตย์พึมพำเป็นรอบที่สาม แม้เลือดกำเดาจะหยุดไหลแล้วหลังจากโปะถุงน้ำแข็งไว้ที่จมูกมาได้ครู่ใหญ่ “ไม่อยากรับเป็นภรรยาก็บอกกันดี ๆ สิครับ สามีที่ดีเขาไม่ใช้กำลังหรอกรู้ไหม?

     

    อุ๊! แค็ก!”  

     

    ใจคอมันจะวางแผนฆาตกรรมโดยการทำตัวสะดิ้งให้เขาสำลักน้ำลายตายหรืออย่างไร!?

     

    เป็นพวกชอบซ้อมเมียหรือ?” เด็กหนุ่มร่างสูงเห็นอีกฝ่ายไม่เถียงอะไรก็ดูจะยิ่งได้ใจ พูดต่อเป็นฉาก ๆ ทั้งหน้าสีเมาชีวิตตบจูบ ๆ แบบในหนังอะไรงี้?”

     

    เย็นไว้ปิ่นหยก อย่าถือคนบ้า อย่าฆ่าคนมึน

     

    อืม...หรือว่า—“

     

    หยุดเลยไอ้!” 

     

    จนปัญญาจะหาคำเหมาะ ๆ มาด่า เขาพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างเหลืออด ถ้ายังพูดแมว ๆ อีกฉันจะส่งแกไปเป็นดาวลูกไก่ดวงที่แปด!

     

    หลังจากนั่งทำหน้ามึนกว่าปกตินิดหน่อยเพราะของเดิมก็ดูจะมึนอยู่แล้ว อาทิตย์จึงถามเสียงซื่อ ซึ่งคงฟังดูดีกว่านี้หากมันออกจากปากเด็กน้อยอายุห้าขวบ “อะไรคือดาวลูกไก่?” 

     

    ไม่รู้จักเรอะ!?” สามีจำเป็นหันไปทำหน้าไม่อยากเชื่อ กระจุกดาวที่มันมีอยู่เจ็ดดวงไง!

     

     “ไพลยาดีสน่ะหรือ?

     

    กระแดะชื่อฝรั่ง!ปิ่นหยกย่นจมูกพร้อมยันโครมไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นไส้ 

     

    ชอบซ้อมเมียจริง ๆ ด้วย” อีกฝ่ายบ่นทั้งที่ยังหน้านิ่ง ชัดเจนว่าตอนถูกยันไปเมื่อครู่ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แล้วยังน้ำเสียงราบเรียบขัดกับเนื้อหาในประโยคนั่นอีก เชื่อว่าต่อให้เด็กอนุบาลมาได้ยินก็คงรู้สึกว่าน่าโดดเตะก้านคอสิ้นดี ..ทำไมต้องลูกไก่?”

     

    ไม่เคยฟังนิทานหรือไง เด็กสมัยนี้นี่!”  ปิ่นหยกส่ายหน้าหน่าย ๆ คงลืมไปแล้วว่าเป็นรุ่นเดียวกัน

     

    ปิ่นหยกดูแก่ดีจัง ไม่เสียแรงมาขอพึ่งพาอาทิตย์พยักหน้าเออออกับตัวเองพลางนั่งแคะคราบเลือดกำเดาที่ติดอยู่เหนือริมฝีปากไม่แคร์สื่อ อีกมือก็หยิบน้ำแข็งในถุงซึ่งเพิ่งเอามาโปะจมูกออกมาเคี้ยวเล่น ขณะที่เจ้าของห้องรู้สึกเหมือนตัวเองจะกำลังแปลงร่างเป็นเดอะฮัลค์แล้วจับไอ้งี่เง่าตรงหน้านี่ฟาด ๆ ๆ ลงกับพื้นสักสองสามทีให้หายปากเสีย ทว่าเพื่อนร่วมห้องไม่ได้รับเชิญชิงพูดขัดจังหวะขึ้นก่อนปิ่นหยกจะได้มีโอกาสเอาแผนฆาตกรรมในหัวออกมาใช้จริง ๆ 

     

    เล่าให้ฟังหน่อย” 

     

    ห๊ะ!?”

     

    ลูกไก่ไงครับ งงอะไร สอบได้ท็อปไฟว์ของ ม.หก ไม่น่าหัวช้าเลย”  พูดเสร็จก็โยนก้อนน้ำแข็งขึ้นสูงเหนือศีรษะแล้วตั้งท่าจะอ้าปากรอรับ แต่เจ้าของห้องกลับยื่นมือไปคว้าก้อนน้ำแข็งไว้ได้กลางอากาศแล้วปาใส่หน้าผากไอ้ตัวปากเสียเสียงดัง ป้อก!’

     

    เสียงก้องดีจริง กะโหลกกลวงนะแก

     

    ถนอมเมียหน่อยสิครับ” อาทิตย์ส่งเสียงตัดพ้อแกมขู่แล้วยกมือไปลูบเศษน้ำแข็งที่ค้างอยู่ออกจากหน้าผากเดี๋ยวหมดอายุการใช้งานก่อนวัยอันควรนายแหละจะขาดทุน

     

    ปิ่นหยกถอนหายใจยาวเป็นครั้งที่เท่าไรก็เพลียจะนับ ถ้าลมหายใจเขาเป็นต้นไม้มันคงถูกถอนจนสูญพันธุ์ไปแล้ว จริง ๆ นะ ที่โรงเรียนควรมีการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตนักเรียนดูบ้างว่ามีใครบ้าอย่างหมอนี่อีกไหม จะได้รีบควบคุมไม่ให้เที่ยวออกมาเสนอตัวเป็นภรรยาคนอื่นอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่

     

    “เอางี้นะครับไอ้คุณอาทิตย์ ก่อนอื่นเราเลิกเล่นเป็นสามีภรรยาปัญญานิ่มอะไรนี่ก่อน แล้วจะได้คุยกันดี ๆ เสียที

     

    เจ้าของชื่อทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งแล้วยักไหล่ “เลิกก็ได้ ที่จริงก็ไม่ได้อยากเป็นเมียใครหรอก เสียเชิงชายหมด

     

    ปิ่นหยกอยากตะโกนว่ามันควรจะคิดได้ตั้งนานแล้วว้อย! แต่ที่สุดก็ตัดสินใจสงบปากสงบคำแล้วเตรียมล้มตัวลงนอน วันนี้ใช้พลังงานกับเรื่องบ้า ๆ มามากพอแล้ว ไหนจะต้องซักผ้าถึงสองรอบเพราะเหตุการณ์เมื่อเย็นอีก หากเขาโชคดีพอ พรุ่งนี้เช้าอาจตื่นมาแล้วพบว่าทั้งหมดนี่แค่ฝันไปก็ได้

     

    เดี๋ยวสิ จะทำอะไรน่ะ?” 

     

    กินข้าวมั้งเนี่ย! ปิ่นหยกโวยวายพร้อมกับคลานขึ้นเตียง จะนอนแล้ว!

     

    ยังนอนไม่ได้นะ!อีกฝ่ายส่งสายตาเว้าวอนชวนให้คนมองใจอ่อน แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนเที่ยงคืนกว่าที่พลังงานเขาแทบเกลี้ยงหลอดอย่างนี้

     

    อะไรอีกล่ะไอ้บ้านี่” 

     

    แล้วลูกไก่ล่ะ?”

     

    “ลูกไก่?” เขาเลิกคิ้ว ประมวลผลไม่ทันกับเรื่องที่อาทิตย์กำลังพูดถึง ลูกไก่อะไร

     

    นิทานดาวลูกไก่ เพิ่งแป๊บเดียวลืมที่สัญญาจะเล่าแล้วหรือ?

     

    เอ่อ...ขอโทษนะ...แต่ไปสัญญาไว้ตอนไหนวะครับ!? 

     

    ปิ่นหยกพลิกตัวนอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอน หลับหูหลับตาบอกปัด ๆ ไปก่อนเพื่อจบปัญหา ง่วงแล้ว พรุ่งนี้ละกัน

     

    คนไม่รักษาสัญญา อาทิตย์ส่งเสียงโอดครวญ เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าถ้าเลิกเล่นผัวเมียจะเล่าให้ฟัง”  

     

    ยังไม่ได้สัญญาเลยว้อยเขาร้องอู้อี้ตอบโต้จากจุดที่ฝังหน้าอยู่

     

    คนโกหก

     

    ปิ่นหยกร้องบอกกับตัวเองว่าช่างหัวมันเถอะ

     

    ใจจืดใจดำ

     

    บ่นได้บ่นไป

     

    ปิ่กหยกครับ

     

    ถ้าเขาแกล้งหลับมันจะเหนื่อยจนหยุดพล่ามไปเองไหม?

     

    จะฟ้องหย่า!”

     

    ถึงจุดนี้ปิ่นหยกไม่รู้แล้วว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ใครก็ได้ช่วยหิ้วหมอนี่ไปคืนพ่อมันหน่อยได้โปรด!

     

    หนวกหูจริงว้อย!” 

     

    สิ้นคำตวาด สรรพสำเนียงน่ารำคาญหูก็เงียบหายไป ชั่วขณะที่กำลังคิดขอบคุณสวรรค์อันดลจิตดลใจให้สิ่งมีชีวิตแปลกปลอมในห้องสงบปากสงบคำลงได้เสียที  ฟูกนอนกลับยวบลงตามน้ำหนักของอะไรบางอย่างที่ตัวใหญ่ สูง ผิวขาว คิ้วเข้ม หน้าหล่อ และสติไม่ดี

     

    ทำอะไรน่ะเฮ่ย!?” 

     

    ลูกไก่” คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนคร่อมเขาอยู่เอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาดำขลับจ้องลงมาเหมือนลูกหมาอ้อนเจ้าของ ติดที่ไอ้ลูกหมานี่ออกจะตัวใหญ่ไปสักหน่อย “เล่าให้ฟังที..นะ?”

     

    เวรเอ๊ย!

     

    ปิ่นหยกกลอกตาสีหน้าสุดจะทน  ไม่เล่าให้จบ ๆ ท่าทางคืนนี้คงไม่ได้หลับได้นอนกันแล้ว เด็กหนุ่มกลิ้งพลิ้ว ๆ มุดลอดใต้ช่วงแขนของตัวปัญหาหน้าเอ๋อ แล้วพลิกมานั่งกอดอกออกอาการเซ็งอยู่ตรงขอบเตียง บ่นหงุงหงิงไม่ได้ศัพท์เหมือนคนแก่ก่อนจะออกคำสั่ง

     

    โอเค รู้แล้ว! ฟังดี ๆ นะคุณเมียครับ!"   

     

    เขาถอนใจยาว เล่านิทานให้เด็กโข่งหน้ามึนฟังตอนเที่ยงคืนกว่ามันใช่เรื่องไหมนี่! ฝั่งตรงข้ามเป็นอาทิตย์นั่งทำตาใสแจ๋วอย่างน่าสอยร่วงเป็นที่สุดเมื่อเห็นว่าวิธีของตัวเองได้ผล

     

    "กาลครั้งหนึ่งนานพอสมควร มีตายายอาศัยอยู่ในกระท่อมชายป่า

     

    เด็กหนุ่มขยี้ตา เริ่มต้นเล่านิทานน้ำเสียงงัวเงียด้วยประโยคยอดฮิต แล้วเนื้อเรื่องเป็นไงต่อนะ...ประมาณว่า ...ทั้งคู่เลี้ยงแม่ไก่ที่มีลูกไก่อยู่เจ็ดตัว เขาพยักหน้ากับตัวเองหงึกหงัก ไม่ได้ฟังนานแล้วแต่น่าจะราว ๆ นี้  ทั้งสองคนดูแลแม่ไก่และลูกไก่เป็นอย่างดี แต่วันหนึ่งมีพระธุดงค์มาปักกลดอยู่ใกล้กระท่อม ตายายก็เลยตั้งใจจะทำอาหารไปถวาย” 

     

    ปิ่นหยกเว้นระยะให้ตัวเองได้หาวหวอดใหญ่ออกมาหนึ่งครั้ง พร้อมกับเหลือบมองไอ้เด็กอนุบาลในร่างมัธยมที่คว้าหมอนมากอดอยู่บนตักแล้วจ้องกลับมาตาเป็นประกาย เห็นแล้วก็อดไม่ได้จะคว้าหมอนอีกใบมาฟาดใส่ไปทีหนึ่งข้อหาหมั่นไส้

     

    ทีนี้บ้านจนไง...เสบียงที่กระท่อมก็มีแต่ผักหญ้า สุดท้ายเลยตั้งใจจะเอาแม่ไก่ไปทำเป็นอาหาร

     

    อืม..จุดนี้สะเทือนใจเหมือนกัน เขานั่งเหม่อนึกถึงสมัยเด็กเมื่อครั้งแม่เคยเล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังครั้งแรก แต่ดูเหมือนจะเหม่อนานไปหน่อย คราวนี้เลยตกเป็นฝ่ายถูกเอาหมอนฟาดเบา ๆ กระตุ้น

     

    เล่าต่อเร็ว

     

    ปิ่นหยกทำท่าฟึดฟัดเล็กน้อยพอเป็นพิธี ที่จริงมานั่งทวนนิทานตอนนี้ก็ไม่เลวนักหรอก ทำให้ได้ดึงความทรงจำดี ๆ สมัยยังเป็นเด็กออกมาโลดแล่นอีกครั้ง ติดแค่ครั้งนี้ออกจะแปลกสักหน่อยที่ต้องเป็นคนเล่าเอง

     

    “...แม่ไก่ก็เลยไปบอกลาลูก ๆเขาพึมพำ ตาลอยเล็กน้อยด้วยความง่วงงุน “พอเช้าวันรุ่งขึ้นตากับยายเตรียมก่อไฟทำอาหาร ทันใดนั้นลูกไก่เจ็ดตัวก็กระโจนเข้ากองไฟตายตามแม่ไก่ไป

     

    ไม่ร้อนหรือ?

     

    “ร้อนสิ”

     

    “ไก่ย่าง”

     

    อย่าขัดสิวะ!"

     

    อาทิตย์ยิ้มน้อย ๆ  ดุจริง

     

    เด็กหนุ่มค้อนขวับ หมั่นไส้จนเอาเท้ายันหน้าแข้งคนฟังไร้มารยาทเบา ๆ เป็นการตักเตือนก่อนจะทำหน้าที่ตัวเองต่อ (ว่าแต่นี่หน้าที่เขาจริงหรือ?)

     

    เทวดาเห็นในความกตัญญูก็เลยเสก บรู้ม!...ลูกไก่เจ็ดตัวไหลลงท่วมทุ่งข้าวสาลีแล้วกลายเป็นโกโก้ครั้นช์

     

    เหรอ!” อีกฝ่ายอุทานน้ำเสียงตื่นเต้น เขาเลยเอาหมอนฟาดเข้าไปเต็มรักอีกสักที หมอนี่มันโง่หรือบ้ากัน

     

    ก็กลายเป็นดาวลูกไก่บนฟ้าต่างหากเล่า! ทีอย่างงี้ทำเชื่อ” 

     

    ปิ่นหยกส่ายหน้าแล้วไถลตัวเองลงไปนอนแผ่บนเตียง เอาศอกดัน ๆ ให้เพื่อนร่างสูงที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมขยับไปนอนอีกฟูกของตัวเองซึ่งปูไว้บนพื้นเสียที

     

    ลูกไก่โง่นะอาทิตย์พึมพำ

     

    เขาเรียกกตัญญู

     

    เด็กหนุ่มผู้มาอาศัยห้องคนอื่นอยู่ ตอนนี้กำลังเหม่อมองไปยังกำแพงว่างเปล่าตรงหน้า ท่าทางยังคงมึน ๆ เหมือนเคย “ถ้ากตัญญูก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อคุณตากับคุณยายที่เลี้ยงมาสิ” 

     

    ก็มันรักแม่มัน

     

    ฉันก็รักคุณแม่ฉัน

     

    ปิ่นหยกทำหน้าเซ็ง แล้วแกเป็นลูกไก่เรอะ!?”

     

    มันไม่ต่างหรอก

     

    เขากลอกตาเหลืออดเหลือทน พอกันที หมดอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียง ไม่รีบนอนพรุ่งนี้คงแหกขี้ตาตื่นมาช่วยงานครัวเอมจิตตั้งแต่ตีสี่เหมือนทุกวันไม่ไหวแน่ ๆ 

     

    ตอนคุณแม่ตาย ฉันกับพี่ยังไม่ตายตามเลย...เราก็ยังอยู่ต่อเพื่อคุณพ่อ อาทิตย์พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็มุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มบนที่นอนของตัวเองอย่างสงบ นิ่งเงียบเกินไปจนอีกคนบนเตียงต้องชะเง้อลงมาดูพร้อมสีหน้าฉงน

     

    อาทิตย์?”

     

    “....”

     

    ไม่ตอบ เป็นไปได้ไง?

     

    อาทิตย์!?”

     

    มีเพียงความเงียบที่ได้รับกลับมา ปิ่นหยกเริ่มใจคอไม่ดี หรือเขาพูดกับอีกฝ่ายแรงเกินไป? ใครจะไปรู้ว่าแม่มันเสียแล้ว

     

    เฮ่ย..เป็นไรเปล่า?

     

    เด็กหนุ่มตัดใจต้านแรงดึงดูดจากความง่วงอันดึงรั้งให้หลังติดที่นอน ลุกจากเตียงแล้วลงมานั่งคุกเข่าข้างร่างสูงซึ่งนอนคลุมโปงอยู่บนฟูกตัวเอง

     

    นี่แอบร้องไห้อยู่หรือเปล่าวะเนี่ยไอ้คุณอาทิตย์

     

    “...อาทิตย์...ขอโทษ

     

    เขาบ่นในลำคออย่างไม่เต็มใจนัก เลิกผ้าห่มอีกฝ่ายขึ้นช้า ๆ เบามือ เพียงเพื่อจะพบว่า..

     

    มันหลับไปแล้ว!

     

    ...ไอ้ลูกเจี๊ยบ! ปิ่นหยกคำรามลอดไรฟัน “แกเอาคำขอโทษแบบโคตรจะมาดแมนแฮนซั่มของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะว้อยยย!

     

     

    เทพเจ้าแห่งเงินตราและความร่ำรวยส่งไอ้ลูกเจี๊ยบโข่งนี่มาให้ผมทำไมครับ?

     

     

     

     

    To be continued

     

     

     

    .●♥-------------------------------------------♥●.

     

     

     

    สวัสดีค่า ^o^

    (ตอนแรกอย่างยาว)

     

     

    เพิ่งเคยลงนิยายที่เว็บนี้เป็นครั้งแรกค่ะ

     

    “รัก...ติดดิน” เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวในซีรีส์ [Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง] ซึ่งตั้งใจว่าจะมี 3 ภาค (3 คู่) ซึ่งภาคนี้เป็นภาคที่แต่งจนจบแล้ว ลงที่บอร์ดแห่งหนึ่งไว้ แต่นึกครึ้มอกครึ้มใจลองเอามาลงในเด็กดีบ้าง ถ้าเผื่อมีคนอ่านก็จะได้ทยอยลงต่อเรื่อย ๆ จนจบค่ะ ไม่ดองเพราะเป็นเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว 555

     

    ฝากเนื้อฝากตัว ฝากนายอาทิตย์ปิ่นหยกไว้ด้วยนะคะ

     

     

     

    - RainyDay -

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×