คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : โทรศัพท์ทางไกล...
กริ๊ง..... กริ๊ง.....
“สวัสดีค่ะ ที่นี่บ้านอิศรภัคร ไม่ทราบว่าจะเรียนสายกับใครค่ะ” สาวใช้ชาวอังกฤษเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
“ขอเรียนสายคุณสรวงสุดาหน่อยจ๊ะ” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอายุที่ค่อนข้างมากและใจดีของหญิงปลายสายตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดเจนด้วยสำเนียงแบบคนอังกฤษแท้ๆ
“สวัสดีค่ะ สรวงสุดาพูดค่ะ” น้ำเสียงที่อ่อนกว่าหญิงวัย 50 ด้วยกันเอ่ยทักทายคู่สนทนาอย่างเป็นทางการด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดถ้อยชัดคำ
“สวัสดีดา นี่ฉันกัลยาเองนะ” เธอกลับมาพูดภาษาไทยเมื่อคู่สนทนาที่เธอต้องการพูดด้วยมารับสาย
“ยาเองหรอ เป็นไงบ้างสบายดีมั้ย” คุณสรวงสุดาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนรักของเธอมากเพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งที่ความสนิทสนมกันมากแต่ต้องแยกจากกันเพราะคุณสรวงสุดาต้องย้ายตามสามีที่กลับมาทำงานที่บริษัทของพ่อแม่ที่อังกฤษ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงโทรหากันเป็นประจำ
“สบายดีจ๊ะ แล้วเธอล่ะไม่สบายหายหรือยัง”คุณกัลยาก็พูดด้วยน้ำสียงที่แสดงความเป็นห่วงเพื่อนรักไม่แพ้กัน
“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ ไม่เป็นอะไรมาก ว่าแต่ว่าที่เธอโทรมามีอะไรรึเปล่า”
“ เอ่อ.... คือว่า”คุณกัลยาไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องที่เธอจะพูดอย่างไรดี ทำให้คุสรวงสุดาพูดขัดเธอขึ้นมา “นี่ยา เราก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ เธอมีอะไรก็พูดมาเถอะ”หลังจากที่ได้ฟังคุณสรวงสุดาพูดอย่างนี้แล้ว คุณกลัยาเลยตัดสินใจพูดธุระที่เธอโทรมาหาคุณสรวงสุดาแต่เช้าแบบนี้ “ดา เห็นเธอบอกว่าลูกสาวเธอเรียนจบแล้ว ฉันเลยอยากจะดาวลูกสาวเธอมาช่วยเป็นเลขาให้กับตาภูมิลูกชายฉันหน่อยน่ะ” มีหรือที่คุณสรวงสุดาจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมคุณกัลยาถึงขอให้ลูกสาวเค้ากลับไปช่วยงานตาภูมิลูกชายสุดรักของเค้า ถ้าไม่ใช่ต้องการอยากได้ลูกสาวของเค้าเป็นลูกสะใภ้ เมื่อคิดได้ดังนี้คุณสรวงสุดาจึงตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ใจจริงก็อยากที่จะให้ดาวลูกสาวของตัวเองได้แต่งงานกับตาภูมิลูกชายคุณกัลยาเหมือนกันเพราะท่านรู้ว่าคงไม่มีใครที่จะรักลูกสาวของท่านเหมือนคุณกัลยาเพื่อนรักของท่านคนนี้แน่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะถ้าเกิดทั้งสองคนไม่ได้ชอบพอกันจริงๆ ท่านก็คงไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี ดังนั้นท่านจึงตอบคุณกัลยาไปว่า “ฉันจะลองไปบอกดาวดูแล้วกันนะว่าเธออยากให้เค้าไปช่วยงานเธอที่บริษัท แต่ฉันไม่รับรองนะเรื่องที่เธอต้องการจับคู่ให้กับเค้าทั้งสองคนหน่ะ”
“ฉันรู้นะดา ว่าเธอก็คิดเหมือนฉันที่อยากให้ทั้งสองคนได้แต่งงานกัน”คุณกัลยาก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความมั่นใจว่าเพื่อนรักของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน
“จ๊ะ เธอกับฉันก็เป็นเพื่อนกันมานานทำไมเราจะไม่รู้ว่าต่างฝ่ายจะคิดอะไรล่ะ”คุณสรวงสุดาก็พูดกลับด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยเสียงหัวเราะที่เพื่อนรักของเธอรู้ซะแล้วว่าเธอไม่ได้คิดจะขัดขวางความคิดของเธอแถมยังแอบสนับสนุนอยู่ซะด้วย “ตกลงถ้าดาวว่ายังไงแล้วฉันจะโทรไปบอกล่ะกันนะ” การสนทนาของเพื่อนรักทั้งสองจบลงเพียงแค่นี้
เมื่อรถเบนซ์สีดำแล่นเข้ามาจอดภายในคฤหาสน์ คนขับบรถก็รีบลงจาเปิดประตูให้กับหญิงสาวร่างบางที่ใครๆต่างก็รู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นลูกสาวที่คุณสรวงสุดาหวงนักหวงหนาจนเหมือนไข่ในหิน ก็จะไม่ให้คุณสรวงสุดาหวงลูกสาวคนนี้ได้อย่างไรกันในเมื่อลูกสาวของท่านคนนี้ออกจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูและชายหนุ่มที่หน้าตาคมเข้มอีกคนที่คนภายนอกมองว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหนุ่มนักบริหารไฟแรงที่มีบุคลิกเคร่งครึมให้ได้ลงจากรถ ก่อนจะออกรถเพื่อนำไปเก็บที่โรงรถด้านข้างของคฤหาสน์
“ดาว” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามา หญิงสาวร่างบางเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาที่รักของเธอกันที ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังโอบกอดกันอยู่นั้นก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งขัดขึ้น “อะไรกันครับแม่ กอดแต่ยัยดาวไม่เห็นกอดผมบ้างเลย” ชายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินมาเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความน้อยใจ ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ที่ภายนอกดูเป็นคนที่มีความเคร่งขรึมแต่แท้จริงแล้วกลับเป็นคนที่ติดน้องสาวและแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้มาก “พี่มาร์คก็คิดอะไรมาก ใครมาก่อนก็ได้กอดก่อนสิ”สาวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของมารดาพูดขึ้นก่อนจะออกจากอ้อมกอดของมารดา เมื่อเห็นท่าทางน้อยใจของพี่ชาย หลังจากลูกสาวตัวน้อยออกจาอ้อมกอด คุณสรวงสุดาจึงหันไปหาลูกชายที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางน้อยใจ “มาร์คมาให้แม่กอดหน่อยสิลูก”หลังจาที่คุณสรวงสุดาพูดจบชายหนุ่มก็รีบเข้าไปสวมกอดมารดาโดยมีน้องสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างมองอย่างอมยิ้มก่อนจะพูดด้วยเสียงใสๆว่า “ตัวโตจะตายอยู่แระยังกอดคุณแม่เป็นเด็กๆไปได้” เมื่อเห็นน้องสาวพูดล้อเลียนอย่างนั้นชายหนุ่มจึงออกจากอ้อมกอดของมารดาก่อนจะวิ่งไล่น้องน้อยเพื่อเอามาทำโทษแต่การวิ่งไล่นี้ก็จบลงเมื่อมารดาพูดขึ้น “ทั้งสองคนโตๆกันแล้วนะ ยังจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้ มาร์คก็อีกคนเป็นผู้บริหารคนอื่นแล้วนะยังมาทำตัวเหมือนเด็กๆอีก ถ้าใครมาเห็นเค้าจะคิดยังไงเนี่ยว่าผู้บริหารที่เคร่งขรึมของเขาเวลาอยู่บ้านกลับมาเล่นวิ่งไล่จับกับน้องอย่างนี้ แล้วยัยดาวก็อีกคนเรียนจบแล้วนะเราน่ะ ยังจะมาแกล้งพี่เค้าอยู่ได้” เมื่อสองพี่น้องได้ยินคุณแม่ดุก็เลิกเล่นเหมือนเด็กๆที่ว่านอนสอนง่าย เมื่อทั้งสองหยุดเล่นกันคุณสรวงสุดาจึงหันไปหาลูกสาวที่น่ารักของเธอ “ดาวแม่มีเรื่องจะพูดด้วย เราไปคุยกันที่ห้องรับแขกแล้วกันนะ”เมื่อพูดจบผู้เป็นแม่ก็เดินนำไปที่ห้องรับแขกทันที
ความคิดเห็น