ซุปตาร์ข้ามภพ - ภาค ทาสรักในเรือนเบี้ย (สนพ.บางรัก) - นิยาย ซุปตาร์ข้ามภพ - ภาค ทาสรักในเรือนเบี้ย (สนพ.บางรัก) : Dek-D.com - Writer
×

    ซุปตาร์ข้ามภพ - ภาค ทาสรักในเรือนเบี้ย (สนพ.บางรัก)

    เมื่อตัวแม่แห่งวงการบันเทิง ประกาศกร้าวว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมเล่นเป็นนางเอกบทโศก สวรรค์กลับกลั่นแกล้งโดยส่งเธอไปอยู่ในร่างของนางเอกชีวิตรันทดที่เกลียดนักเกลียดหนา คิดว่าเธอจะยอมลำบากตามบทหรอ ฝันไปเถอะ!!

    ผู้เข้าชมรวม

    615,430

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    615.42K

    ความคิดเห็น


    12.43K

    คนติดตาม


    11.58K
    จำนวนตอน :  16 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ย. 60 / 19:47 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เรื่องมีอยู่ว่า...

     

    แองจี้ สาวสวยหุ่นดีอกคัพซีดีกรีนางแบบ ตัวแม่แห่งวงการบันเทิงไทย

    ประกาศกร้าวว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมเล่นเป็นนางเอกบทโศกเด็ดขาด

    แต่ไม่รู้ว่าสวรรค์ นรก หรือ ไอ้บ้าตัวไหนมันกลั่นแกล้ง

    ถึงได้ส่งให้เธอไปสิงร่างนางเอกชีวิตรันทดที่เกลียดนักเกลียดหนา

    งานนี้ใครทำอะไรไว้ก็รับผิดชอบกันเอาเองแล้วกัน

    บอกให้รู้เอาไว้เลยว่า...

    ตัวละครในเวอร์ชั่นซุปตาร์คนนี้จะไม่ยอมถูกโขลกสับอยู่ฝ่ายเดียวแน่!!


     

     


    ซุปตาร์ข้ามภพ





     ขอแนะนำ


    แองจี้

    อัญจิรา หรือ ชื่อที่คนในวงการบันเทิงเรียกกันว่า 'แองจี้'

    นักแสดงสาวเจ้าบทบาท เป็นนางเอกก็ได้ เป็นนางร้ายก็เริ่ด

    แต่จะไม่ยอมรับบทคนอ่อนแอ ถูกแกล้ง โดนกดขี่ ไม่คิดจะช่วยเหลือเอาตัวรอด

    รอแต่พระเอก พระรอง หรือ เพื่อนตัวเอง มาช่วยเด็ดขาด!!

    เกลียดที่สุด พวกมือเท้าก็มี แต่ไม่ยอมสู้คนเนี่ย (โมโห)

    เอาเป็นว่า นางคือผู้หญิงสายสตรองยิ่งกว่าเมนเทอร์ ลูกเกด ก็แล้วกัน




    ชุ่ม / แม่พลอย

    นางเอกชีวิตรันทดจากบทละครทาสรักในเรือนเบี้

    หลังถูกวิญญาณซุปตาร์สาวจากยุค 2017 สิงร่าง

    เปลี่ยนชีวิตรันทดของชุ่มให้กลายเป็นเศรษฐีนีนามแม่พลอย



    พล

    บุรุษผู้ลึกลับ นายใหญ่เจ้าขององค์กรจันทราทมิฬ

    ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้ล้วนเป็นปริศนา



     

     

     


    นิยายเรื่องนี้เขียนจากจินตนาการของผู้เขียน

    เปลี่ยนบรรยากาศจากนิยายรักมาแนวแฟนตาซี

    เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเบื่อเท่านั้น (นี่เหตุผลเหรอ)

    เรียบเรียงทุกตัวอักษรด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    หากมีข้อผิดพลาด หรือ ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมประการใด ผู้เขียน ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    สุดท้าย ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนิยายเรื่องนี้

     กำลังใจจากผู้อ่านคือพลังงานของเรา 

    (ไหว้งามๆพร้อมถอนสายบัว)



      

    CREDIT

    ขอบคุณธีมนิยายสวยๆจาก S u g a r b u n n y :D

    PINKROSE  

    S Q W E E Z   T H E M E  @  D E K - D 


    ภาพประกอบจาก:

    huaban.com

    pinterest.com

    fineartamerica.com


    มีเพจแล้วจ้า เย้!!

     

          CR.SQW

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "อ่านเรื่องของแองจี้แล้วทำให้นึกถึงลูกเกด เมทินีเลยก็ว่าได้"

    (แจ้งลบ)

    นี่เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่เคยได้อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นนิยายที่น่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่ง แม้ว่ากมลรัศณ์/เหม่ยหงณ์ จะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ก็ตามที แต่เมื่อได้ลองอ่าน ได้ติดตามผลงานจากบทแรกจนถึงบทล่าสุด ก็ได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงในหลายๆอย่างที่กมลรัศณ์พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแก้คำผิด และการใช้สำนวนบรรยายฉากและเหตุการณ์ต่ ... อ่านเพิ่มเติม

    นี่เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่เคยได้อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นนิยายที่น่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่ง แม้ว่ากมลรัศณ์/เหม่ยหงณ์ จะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ก็ตามที แต่เมื่อได้ลองอ่าน ได้ติดตามผลงานจากบทแรกจนถึงบทล่าสุด ก็ได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงในหลายๆอย่างที่กมลรัศณ์พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแก้คำผิด และการใช้สำนวนบรรยายฉากและเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง นอกจากนั้นแล้ว ธีมในเรื่องนี้ก็ดูท้าทายไม่เบาเลยทีเดียว เพราะภาคแรกเป็นธีมไทยโบราณ ดังนั้นความรู้ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัชกาลที่ห้าก็ต้องได้ก็ต้องมี กมลรัศณ์ก็ทำออกมาได้ดี อ่านแล้วทำให้สามารถจินตนาการถึงบรรยากาศในสมัยก่อนและในสมัยปัจจุบันได้ว่ามันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีแต่ดราม่า น่าสงสารเหมือนละครทาสในเรือนเบี้ยจริงๆ แต่กมลรัศณ์นำตัวละครและโครงเรื่องของตัวเองมาประยุกต์และใส่เข้าไปในละครเรื่องนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทำให้เวลาอ่านแล้วมักจะนึกย้อนถึงละครเรื่องจริงๆไปด้วย กับวิธีที่แองจี้เปลี่ยนชีวิตอีชุ่มให้กลายเป็นชีวิตที่มีสีสัน สนุกสนาน รื่นเริงและไม่น่าเบื่อหรือน่าเศร้าอย่างที่ละครทำให้อีชุ่มเป็น (ซึ่งก็ดีแล้วค่ะ เปิดนิยายมาอ่านอะไรฮาๆ แหวกแนวก็ต้องดีกว่าการอ่านเรื่องดราม่ากับชีวิตลำเค็ญของคนๆหนึ่งแหละเนอะ ^^) นอกจากนั้นยังมีพลพรรคดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ นิด น้อยมาอยู่ด้วยกัน เลยยิ่งทำให้สัมผัสได้ถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีของตัวละครในเรื่องนี้ และตัวละครที่สำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ พี่พล! แน่นอนอยู่แล้วว่าความสำคัญของผู้ชายคนนี้นอกจากจะเป็นพระเอกแล้ว ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แองจี้สามารถกลับไปในโลกปัจจุบันได้อีกด้วย ตอนแรกคิดว่ากมลรัศณ์น่าจะแต่งแค่ธีมไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่กลับไม่ใช่เลย เมื่อกมลรัศณ์ตัดสินใจส่งแองจี้กลับมาอยู่ในยุคจีนโบราณ (แอบสงสารแองจี้เบาๆ 555) เมื่อยิ่งอ่านก็รู้สึกว่าเรื่องราวในยุคนี้ดูเข้มข้นขึ้น เนื้อหาดูมีอะไรมากขึ้นกว่าในภาคไทยโบราณ การดำเนินเรื่องและความยาวของเรื่องอาจมากกว่าในภาคไทยโบราณ แต่ก็ทำให้ได้เห็นพัฒนาการของตัวละคร ลักษณะนิสัย และความสัมพันธ์ที่เหล่าเดอะแก๊งสัตว์มีให้แองจี้ และในภาคนี้ยังทำให้ได้เห็นตัวตน รวมทั้งปมและชีวิตความเป็นมาของแองจี้มากขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแองจี้ถึงเป็นสาวสวยสายสตรองเหมือนลูกเกด เมทินีเลยก็ว่าได้ (ในความรู้สึกอ่านะ) นอกจากแองจี้แล้ว เฮียหง (หรือพี่เทียน) ก็มาแรงไม่แพงกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่พลในภาคไทยโบราณหรือเฮียหงในยุคจีนโบราณนี้ อย่างไรซะ ดูเหมือนจะเป็นตัวละครที่ขาดไปไม่ได้เลยจริง (แม้เฮียจะชอบเล่นตัว โผล่หัวออกมาช้าเพราะค่าตัวแพงก็ตาม ^^) ยอมรับนะคะว่าชอบเฮียหงในภาคนี้มากกว่าพี่พลในภาคไทยโบราณ อิอิ ถามว่าทำไมถึงชอบและติดตามนิยายเรื่องนี้ 1.เพราะแองจี้เป็นนางเอกสายสตรอง นางไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่นางเป็นผู้หญิงที่รู้จักจะต่อสู้และเอาชนะอุปสรรคมากกว่าจะนั่งรอสวยๆให้ใครมาช่วย อาจบอกได้ว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบผู้หญิงที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้ ดังนั้นพอได้มารู้จักนิยายเรื่องนี้ เลยยิ่งทำให้อยากติดตามนางมากขึ้น (ไม่ว่านางจะทะลุไปอีกกี่มิติก็ตาม 555) 2.เป็นนิยายสายฮาและสร้างสรรค์มาก ชอบที่กมลรัศณ์แต่งให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ ชอบที่มีลูกเล่นมากมายใส่เข้าไปในเรื่อง เช่น เอาอินสตราแกรมเจ๊คิมมี่มาให้ดูในตอนท้าย เอาเพลงเกาหลี เพลงล้อเลียนต่างๆที่พบเห็นในชีวิตทั่วไปมาใส่ในนิยายในฉากต่างๆ ซึ่งมันลงตัวและเข้ากันได้ดี ดังนั้น ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งๆก็อดขำไม่ได้ (เดาว่าหลายๆคนก็น่าจะชอบตรงนี้เหมือนกันนะคะ) 3.พล็อตเรื่องแหวกแนวและไม่ค่อยซ้ำใคร แม้จะมีธีมมาจากทาสในเรือนเบี้ยและนิยาย "บุปผาในกรงนก" แต่เนื้อเรื่องก็ฉีกกระชากไปเลย ทำให้เดาไม่ออกว่าต่อไปแองจี้จะมีลูกเล่นอะไร และจะรับมือกับตัวร้ายยังไง (คือพอเดาได้ค่ะว่านางคงไม่ยอมเหล่าตัวร้ายแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่านางจะพลิกเกมยังไงมากกว่า) เลยทำให้อยากติดตาม และกมลรัศณ์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยค่ะ เพราะได้เห็นทั้งชัยชนะใสๆและความฮาความเปิ่นของแองจี้และพลพรรคแก๊งเดอะสัตว์ด้วย 4.การออกตัวช้าของพี่พลและเฮียหง (อันนี้ควรนับไหมเนี่ย 555) คือไม่รู้ว่ากมลรัศณ์จงใจหรือเปล่านะคะ แต่ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระเอก (ใช่ไหม สองคนนี้เป็นพระเอกจริงๆใช่ไหม?) ออกตัวช้ามากกกกกก แบบว่าปาไปเกือบครึ่งเรื่องแล้วพึ่งออก เลยทำให้อยากลุ้นอยากรู้ว่าพระเอกจะเป็นคนยังไงและจะชอบแองจี้ได้ยังไง แต่พออ่านมาถึงตอนล่าสุดก็...ฟินค่ะ ไม่ผิดหวังที่ติดตามอ่านมาตลอด นี่เป็นการเขียนคำนิยมครั้งแรก (ที่ยาวววววววมากและชอบนิยายเรื่องนี้มากจริงๆ) ดังนั้น หากผิดพลาดประการใด ขอกมลรัศณ์ให้อภัยข้าพเจ้าด้วย ^^   อ่านน้อยลง

    Chinette | 25 ก.ย. 60

    • 8

    • 0

    คำนิยมล่าสุด

    "อ่านเรื่องของแองจี้แล้วทำให้นึกถึงลูกเกด เมทินีเลยก็ว่าได้"

    (แจ้งลบ)

    นี่เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่เคยได้อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นนิยายที่น่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่ง แม้ว่ากมลรัศณ์/เหม่ยหงณ์ จะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ก็ตามที แต่เมื่อได้ลองอ่าน ได้ติดตามผลงานจากบทแรกจนถึงบทล่าสุด ก็ได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงในหลายๆอย่างที่กมลรัศณ์พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแก้คำผิด และการใช้สำนวนบรรยายฉากและเหตุการณ์ต่ ... อ่านเพิ่มเติม

    นี่เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่เคยได้อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นนิยายที่น่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่ง แม้ว่ากมลรัศณ์/เหม่ยหงณ์ จะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ก็ตามที แต่เมื่อได้ลองอ่าน ได้ติดตามผลงานจากบทแรกจนถึงบทล่าสุด ก็ได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงในหลายๆอย่างที่กมลรัศณ์พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแก้คำผิด และการใช้สำนวนบรรยายฉากและเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง นอกจากนั้นแล้ว ธีมในเรื่องนี้ก็ดูท้าทายไม่เบาเลยทีเดียว เพราะภาคแรกเป็นธีมไทยโบราณ ดังนั้นความรู้ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัชกาลที่ห้าก็ต้องได้ก็ต้องมี กมลรัศณ์ก็ทำออกมาได้ดี อ่านแล้วทำให้สามารถจินตนาการถึงบรรยากาศในสมัยก่อนและในสมัยปัจจุบันได้ว่ามันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีแต่ดราม่า น่าสงสารเหมือนละครทาสในเรือนเบี้ยจริงๆ แต่กมลรัศณ์นำตัวละครและโครงเรื่องของตัวเองมาประยุกต์และใส่เข้าไปในละครเรื่องนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทำให้เวลาอ่านแล้วมักจะนึกย้อนถึงละครเรื่องจริงๆไปด้วย กับวิธีที่แองจี้เปลี่ยนชีวิตอีชุ่มให้กลายเป็นชีวิตที่มีสีสัน สนุกสนาน รื่นเริงและไม่น่าเบื่อหรือน่าเศร้าอย่างที่ละครทำให้อีชุ่มเป็น (ซึ่งก็ดีแล้วค่ะ เปิดนิยายมาอ่านอะไรฮาๆ แหวกแนวก็ต้องดีกว่าการอ่านเรื่องดราม่ากับชีวิตลำเค็ญของคนๆหนึ่งแหละเนอะ ^^) นอกจากนั้นยังมีพลพรรคดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ นิด น้อยมาอยู่ด้วยกัน เลยยิ่งทำให้สัมผัสได้ถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีของตัวละครในเรื่องนี้ และตัวละครที่สำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ พี่พล! แน่นอนอยู่แล้วว่าความสำคัญของผู้ชายคนนี้นอกจากจะเป็นพระเอกแล้ว ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แองจี้สามารถกลับไปในโลกปัจจุบันได้อีกด้วย ตอนแรกคิดว่ากมลรัศณ์น่าจะแต่งแค่ธีมไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่กลับไม่ใช่เลย เมื่อกมลรัศณ์ตัดสินใจส่งแองจี้กลับมาอยู่ในยุคจีนโบราณ (แอบสงสารแองจี้เบาๆ 555) เมื่อยิ่งอ่านก็รู้สึกว่าเรื่องราวในยุคนี้ดูเข้มข้นขึ้น เนื้อหาดูมีอะไรมากขึ้นกว่าในภาคไทยโบราณ การดำเนินเรื่องและความยาวของเรื่องอาจมากกว่าในภาคไทยโบราณ แต่ก็ทำให้ได้เห็นพัฒนาการของตัวละคร ลักษณะนิสัย และความสัมพันธ์ที่เหล่าเดอะแก๊งสัตว์มีให้แองจี้ และในภาคนี้ยังทำให้ได้เห็นตัวตน รวมทั้งปมและชีวิตความเป็นมาของแองจี้มากขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแองจี้ถึงเป็นสาวสวยสายสตรองเหมือนลูกเกด เมทินีเลยก็ว่าได้ (ในความรู้สึกอ่านะ) นอกจากแองจี้แล้ว เฮียหง (หรือพี่เทียน) ก็มาแรงไม่แพงกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่พลในภาคไทยโบราณหรือเฮียหงในยุคจีนโบราณนี้ อย่างไรซะ ดูเหมือนจะเป็นตัวละครที่ขาดไปไม่ได้เลยจริง (แม้เฮียจะชอบเล่นตัว โผล่หัวออกมาช้าเพราะค่าตัวแพงก็ตาม ^^) ยอมรับนะคะว่าชอบเฮียหงในภาคนี้มากกว่าพี่พลในภาคไทยโบราณ อิอิ ถามว่าทำไมถึงชอบและติดตามนิยายเรื่องนี้ 1.เพราะแองจี้เป็นนางเอกสายสตรอง นางไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่นางเป็นผู้หญิงที่รู้จักจะต่อสู้และเอาชนะอุปสรรคมากกว่าจะนั่งรอสวยๆให้ใครมาช่วย อาจบอกได้ว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบผู้หญิงที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้ ดังนั้นพอได้มารู้จักนิยายเรื่องนี้ เลยยิ่งทำให้อยากติดตามนางมากขึ้น (ไม่ว่านางจะทะลุไปอีกกี่มิติก็ตาม 555) 2.เป็นนิยายสายฮาและสร้างสรรค์มาก ชอบที่กมลรัศณ์แต่งให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ ชอบที่มีลูกเล่นมากมายใส่เข้าไปในเรื่อง เช่น เอาอินสตราแกรมเจ๊คิมมี่มาให้ดูในตอนท้าย เอาเพลงเกาหลี เพลงล้อเลียนต่างๆที่พบเห็นในชีวิตทั่วไปมาใส่ในนิยายในฉากต่างๆ ซึ่งมันลงตัวและเข้ากันได้ดี ดังนั้น ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งๆก็อดขำไม่ได้ (เดาว่าหลายๆคนก็น่าจะชอบตรงนี้เหมือนกันนะคะ) 3.พล็อตเรื่องแหวกแนวและไม่ค่อยซ้ำใคร แม้จะมีธีมมาจากทาสในเรือนเบี้ยและนิยาย "บุปผาในกรงนก" แต่เนื้อเรื่องก็ฉีกกระชากไปเลย ทำให้เดาไม่ออกว่าต่อไปแองจี้จะมีลูกเล่นอะไร และจะรับมือกับตัวร้ายยังไง (คือพอเดาได้ค่ะว่านางคงไม่ยอมเหล่าตัวร้ายแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่านางจะพลิกเกมยังไงมากกว่า) เลยทำให้อยากติดตาม และกมลรัศณ์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยค่ะ เพราะได้เห็นทั้งชัยชนะใสๆและความฮาความเปิ่นของแองจี้และพลพรรคแก๊งเดอะสัตว์ด้วย 4.การออกตัวช้าของพี่พลและเฮียหง (อันนี้ควรนับไหมเนี่ย 555) คือไม่รู้ว่ากมลรัศณ์จงใจหรือเปล่านะคะ แต่ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระเอก (ใช่ไหม สองคนนี้เป็นพระเอกจริงๆใช่ไหม?) ออกตัวช้ามากกกกกก แบบว่าปาไปเกือบครึ่งเรื่องแล้วพึ่งออก เลยทำให้อยากลุ้นอยากรู้ว่าพระเอกจะเป็นคนยังไงและจะชอบแองจี้ได้ยังไง แต่พออ่านมาถึงตอนล่าสุดก็...ฟินค่ะ ไม่ผิดหวังที่ติดตามอ่านมาตลอด นี่เป็นการเขียนคำนิยมครั้งแรก (ที่ยาวววววววมากและชอบนิยายเรื่องนี้มากจริงๆ) ดังนั้น หากผิดพลาดประการใด ขอกมลรัศณ์ให้อภัยข้าพเจ้าด้วย ^^   อ่านน้อยลง

    Chinette | 25 ก.ย. 60

    • 8

    • 0

    ความคิดเห็น