คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [sf] lovesick pt.2
Pairing - hopekook ft.namjun
____________________
วันที่สองของคนไข้จอนจองกุก จากเมื่อวานอาการป่วยของเขาดีขึ้นมาก ทั้งอาการคลื่นไส้และปวดท้องมีแค่วิ่งเข้าห้องน้ำไปเพียงสองรอบทำให้คนป่วยอย่างจองกุกมีความสุขมากที่รู้ตัวว่าไม่ต้องคลานเข้าห้องน้ำทั้งคืนอีกแล้ว ติดก็ตรงไข้หวัดที่ไม่ยอมหายไปง่ายๆสักที วันนี้เขาลุกตื่นมาแต่เช้าแถมรีบเข้าไปในครัวหาของกินต้องห้ามที่เขาไม่สามารถหยิบมากินได้ง่ายๆเนื่องจากอาการป่วย แอบไปเอามาก่อนที่พี่คนโตขี้บ่นของเขาจะออกมาเห็นและบ่นข้างหูจนขนมเสียรสชาติ ร่างบางหอบขนมสามสี่ถุงขึ้นไปบนห้อง ทิ้งตัวลงกับเตียงกว้างเปิดหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน ส่งชิ้นขนมเข้าปากอย่างเพลิดเพลิน
“ว่าไงเรา หายรึยัง?” ไม่ทันได้ตั้งตัว อยู่ๆนัมจุนก็ส่งเสียงอยู่ที่ด้านหลังคนป่วยซะแล้ว ร่างบางบนเตียงสะดุ้งโหยง มือรีบตะครุบถุงขนมมาอยู่ภายใต้หนังสือเล่มหนาเพื่อปิดบังความผิด แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน นัมจุนกระแอมเสียงเพียงสองครั้งนิ้วชี้นิ้วไปที่ถุงขนมเป็นเชิงดุน้องชาย จนอีกคนร้อนรนรีบแก้ตัวทันที
“ไม่อ่ะ ยะ..ยังมีไข้อยู่เลยพี่นัมจุน อะไรนี่ผมเอาขนมขึ้นมาเผื่อหมอไงงงงง” สายตาเจ้าเล่ห์ของจองกุกที่สามารถเอาตัวรอดได้ทำให้นัมจุนรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา จนอยากจะจับเจ้าน้องจอมดื้อนั่นมาตีตูดซะหลายๆที
“เหรอออออ... แล้วนี่หมอว่าไงบ้างอ่ะ นายป่วยเป็นอะไร? ร้ายแรงรึเปล่า?”
นอกจากเรื่องที่หมอจองหน้าตาดีกับนิสัยดีแล้ว จองกุกก็ดูจะลืมธุระจริงๆสำหรับเขากับหมอจองไปจนหมด ทั้งที่มีหมอมาดูแลเฝ้าไข้ถึงบ้านแต่เขากลับไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร.. ร่างบางกลอกตาใช้ความคิดนึกหาคำตอบแต่ก็ไม่พบ
“เอออออนั่นดิ... หมอเขาตรวจๆแล้วก็เอาแต่โม้อ่ะพี่นัมจุน แล้วผมก็เลยลืมถามไปเลย….แฮะๆ ”
มันไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย หมอจองนั่นแหละผิดเอาแต่ชวนคุยเรื่องของผม!!!
“หมอที่จ้างมาไม่ดีหรอ งั้นพี่ลางานมาอยู่กับนายแทนเอามั้ย?” ด้วยความเป็นห่วงของคนเป็นพี่ก็กลัวว่าหมอที่จ้างมาจะดูแลไม่ดี เลยอยากอาสาดูแลแทนเพราะมันไม่ได้ยากและถึงจะดูแลไม่ถูกต้องทั้งหมดแต่อย่างน้อยๆเขาก็รู้ว่าจองกุกชอบอะไรไม่ชอบอะไร และมันก็ไม่ได้ลำบากเลยเพราะจองกุกเป็นน้องของเขาทั้งคน
“หะเห้ยย ไม่ต้องหรอก ไหนๆก็จ้างไปแล้วป่ะ ผมเริ่มสนิทกับหมอแล้วด้วยหาใหม่มันยุ่งยากอีก...ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก...เนอะพี่นัมจุน”
ยิ่งเห็นนัมจุนทำหน้าเหมือนอยากอุ้มเขาเข้าไปอยู่ในอ้อมอก พร้อมพูดคำว่าจะดูแลเขาทั้งวันมันยิ่งทำให้จองกุกขนลุกไปทั่วร่าง คนตัวบางรีบไล่ตะเพิดให้พี่ชายไปทำงาน ทั้งออกตัวรับแทนหมอเรื่องเมื่อวานว่าไม่เป็นไรจนนัมจุนเชื่อใจและยอมให้หมอจองมาเฝ้าไข้เขาได้เหมือนเดิม
หลังจากพี่ชายออกไปได้ไม่นาน ปากสวยของจองกุกก็หาววอดไม่หยุดเนื่องจากการตื่นเช้าเกินไป เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งมือควานหาหมอนนิ่มเพื่อซุกใบหน้าลงไปและพักสายตา ได้เพียงครู่เดียวก็ถูกขัดจังหวะ เสียงเอ่ยทักทายดังพอทำให้ร่างที่นอนอยู่นั้นลืมตา เสียงบ่นงุ้งงิ้งพร้อมใบหน้าหงิกงอเนื่องจากโดนรบกวน
“หวัดดีจองกุก หมอมาแล้วนะ”
“เฮ้ออ..เป็นหมออย่ารบกวนผู้ป่วยดิครับ! ” ไม่พูดเปล่า เจ้าของดวงตาที่เคยกลมโตขยับหรี่มองคนฝั่งตรงข้ามเพียงครู่ก็เปลี่ยนท่านอนหันหน้าหนีหมอทันที ขายาวๆตวัดก่ายเข้ากับผ้านวมผืนหนาเพื่อควานหาไออุ่น ด้วยความไม่ทันได้ระวังตัวทำให้ชายเสื้อยืดไร้น้ำหนักเลิกขึ้นมาอวดให้เห็นหน้าท้องขาวเนียน จนหมอจองที่ยืนมองอยู่นานเริ่มทนดูไม่ได้ต้องเอ่ยปากบอกให้อีกคนระวังตัวกว่านี้
“ลุกได้แล้วน่า นอนจนพุงย้อยแล้วเรา”
“บ้าป่ะหมอ! พุงเพิงไร ผมฟิตขนาดนี้มีแต่ซิกแพคเหอะ!!”
ร่างบนเตียงรีบดีดเด้งตัวขึ้นมาแก้ตัวซะเสียงสูง ทั้งเน้นเสียงให้ดังฟังชัดเพื่อโอ้อวดของดีที่ตนเองมี ทั้งยังทำท่าจะเปิดเสื้อขึ้นอวดความภาคภูมิใจให้ดูเป็นบุญตาหมอแต่ต้องชะงักมือไปเพราะนึกได้ว่ามันไม่สมควร แตกต่างกับหมอจองที่พอเห็นมือบางเปลี่ยนย้ายมาวางที่ชายเสื้อเหมือนต้องการจะเปิดให้ได้ชมก็เบนสายตาไปมองด้วยความสนอกสนใจทันที เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าพร้อมมือที่ยกขึ้นมาถูกันแผ่วเบา ท่าทางที่ดูเหมือนตัวร้ายรูปหล่อกำลังจะทำร้ายตัวเอกเหมือนในละครหลังข่าวทำให้จองกุกที่เผลอไปสบตาเขาอยู่เหมือนกันนั้นอึกอักด้วยความเขินจนพูดไม่ออก
ทำไมผมถึงเขินผู้ชายเนี่ย พี่นัมจุนช่วยผมด้วย T T
ในวันนี้หมอจองดูแปลกตาไปมากสำหรับจองกุก เสื้อยืดเข้ารูปที่ถูกปิดทับด้วยแจ็คเก็ตหนังอย่างดี เส้นผมที่ยังไม่แห้งดีไร้การจัดแต่งอย่างที่ควรจะเป็นตามแบบฉบับหมอเจ้าสำอาง แต่นี่มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง ลุคใหม่ที่ได้เห็นดึงดูดสายตาของจองกุกซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะรื้อของหรือแม้แต่เดินไปมุมไหนของห้อง สายตาก็จะถูกดึงให้กลับมามองที่หมอจองเสมอ จนในบางครั้งมีอาการใจเต้นร่วมด้วยก็ตาม
หล่อกว่าเมื่อวานอีกไอหมอคนนี้นี่ ;-;
“ทำไมวันนี้แต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ?” ความสงสัยแบบเด็กน้อยทำให้จองกุกเอ่ยถามคำถามไร้สาระไปไม่รู้กี่ครั้งรวมถึงคำถามนี้ด้วยทั้งที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้ แต่จะห้ามปากเล็กๆนี้ของตัวเองก็ไม่ทันการณ์แล้ว
“อ๋อ เสื้อตัวอื่นยังไม่ได้รีดอ่ะ ทำไมล่ะมีปัญหาอะไรกับชุดหมอรึเปล่า?”
“เปล๊า นึกว่าแต่งตัวไปเดทหลังเลิกงานอะไรแบบนี้”
ปากบอกไปเรื่อยเปื่อยตรงข้ามกับความคิดที่กำลังนึกมโนเป็นเรื่องเป็นราว แม้ว่าการที่หมอจองจะไปทำอะไรต่อที่ไหนหลังเลิกงานมันเป็นเรื่องของหมอแต่จองกุกคนนี้ก็อยากรู้เผื่อไว้แค่นั้น.. หมอจองยิ้มมุมปากตอบรับคำตอบล่าสุดจากปากหยักบางนั่น เขารู้ดีหากมีใครสักคนมาตั้งคำถามแบบนี้แน่นอนว่าถ้าไม่เพราะสนใจก็ต้องสนใจมากอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน จึงเอ่ยเย้าแหย่คนตัวเล็กด้วยคำพูดปลายเปิดให้จองกุกสับสนเล่นเหมือนกับทุกครั้ง ใบหน้าหล่อคลี่ยิ้มเต็มแก้มที่แกล้งอีกคนให้ร้อนตัวสำเร็จ
“ถ้าหมอมีเดทจริงๆจะห้ามหมอป่ะ...”
“บะบ้า..มีก็มีไปดิครับ ทำไมผมต้องไปห้ามด้วย หมอนี่ไร้สาระอีกแล้วนะ! ไหนวันนี้เอาอะไรมาฝากผมบ้าง?!!!!”
“ ว้าาา ^^”
เมื่อรู้ตัวว่าโดนหมอจองแกล้งเข้าให้อีกแล้วจองกุกถกเถียงออกไปคำโต ดวงตาหวานจ้องมองหมอท่าทีหาเรื่อง รีบเปลี่ยนเรื่องหนีความจริงที่แสดงชัดอยู่บนแก้มร้อนๆของตัวเอง มือขาวถูกยกขึ้นมาทำหน้าที่แทนพัดเพื่อบรรเทาความร้อนข้างแก้มสีอมชมพู
หน้าผมต้องร้อนเพราะไข้ขึ้นแน่ๆ T^T
.
จากเมื่อวานที่คนไข้เอาแต่บ่นคำว่าเบื่อจนหมอจองรับปากว่าวันนี้จะหาอะไรสนุกมาให้คนป่วยทำแก้เบื่อ พอเจอถึงถุงกระดาษใบใหญ่บนโต๊ะร่างบางก็รีบรื้อค้นทันที มือหยิบจับของที่ถูกวางภายในนั้นออกมาทีละอย่าง ริมฝีปากคลี่ยิ้มสวยดวงตาวาวเมื่อเจอของที่ถูกใจในนั้น แต่ก็ต้องถูกขัดเมื่อหมอจองไม่ยอมให้เขาทำอะไรได้ตามใจชอบง่ายๆ โดยอ้างว่าเขาป่วยและหมอต้องดูแล จองกุกเลยจำเป็นต้องวางแผ่นหนังสามสี่แผ่นที่มีนักแสดงคนโปรดอยู่บนปกและแผ่นเพลงมากมายที่เขาเคยอยากได้มาเป็นเจ้าของ
ด้วยความโลภของจองกุกที่กำลังครอบงำทำให้วันนี้คนป่วยทำตัวดีเป็นพิเศษ คนตัวเล็กรีบรุดเดินออกไปหยิบเก้าอี้มาวางไว้ที่ข้างเตียงของเขา พร้อมทั้งทิ้งก้นน้อยๆลงบนเตียงนิ่ม นั่งนิ่งรอให้คุณหมอปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวก
อาการที่ดีขึ้นมากทำให้การตรวจไม่ยุ่งยากหรือน่าตกใจเหมือนเมื่อวานสักเท่าไหร่ แต่ก็ดูจะไม่ทั้งหมดซะทีเดียว เมื่อหมอจองสั่งให้จองกุกนอนลงให้ดีส่วนจองกุกก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือนิ่มของหมอสัมผัสที่หน้าท้องราบแผ่วเบาก่อนจะกดลงไปด้วยแรงพอสมควร เสียงอบอุ่นถามถึงอาการเจ็บต่างๆที่คิดว่าน่าจะมีเหลืออยู่บ้าง ใบหน้าหวานส่ายหน้าไปอยู่สามสี่ครั้งบอกอาการอย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องเสใบหน้าหนีเมื่อสีหน้าที่ดูเป็นห่วงของหมอจองที่มองมายังเขานั้นทำให้หัวใจหวั่นไหวแปลกๆ
“ถ้าไข้หายนายก็หายแล้วนะ ปวดท้องก็ไม่มีแล้ว หมอคงไม่ต้องมา..อีกแล้วล่ะ” พูดจบหมอก็เริ่มจัดเก็บอุปกรณ์ปากพร่ำคุยกับจองกุกไปด้วย จนเมื่ออีกคนเงียบไป
“.....”
“ต่อไปนี้ดูแลตัวเองดีๆนะเรา”
คำพูดที่อีกคนเอ่ยออกมาให้ดูแลตัวเองดีๆให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังถูกทิ้ง จองกุกรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ทั้งที่คิดว่าเราสนิทกันมากจนน่าจะเป็นเพื่อนกันได้แต่แล้วหมอกลับพูดเหมือนเขาไม่มีตัวตนซะอย่างนั้น แน่นอนว่าจองกุกไม่ยอม ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปล่อยให้มิตรภาพมันจบเพียงสั้นๆ เมื่อนึกบางอย่างออกนัยน์ตาหวานเชื่อมของคนป่วยตั้งใจสบตาหมอหนุ่ม
“นี่หมอ...”
“หืม?”
“ขอไอดีไลน์หน่อยจะแอดไปเป็นเพื่อนอ่ะ เผื่อวันหลังผมป่วยเพื่อนป่วยคนในบ้านป่วยได้ใช้บริการหมอบ่อยๆไง นะนะ” ประโยคยืดยาวกับใจความเพียงสั้นเพื่อร้องขอสานต่อสัมพันธ์ ทั้งเพื่อนทั้งคนในบ้านถูกนำมาใช้หาผลประโยชน์ซะอย่างนั้น ผลประโยชน์ที่มีแต่เขาคนเดียวที่ได้มัน..
ทุกคนครับ..ผมสัญญาว่าจะติดต่อหมอแค่เวลามีธุระจริงๆ ._.
“ถ้าวันนี้แอดหมอเป็นเฟรนด์ แล้วเมื่อไหร่จะแอดหมอไปเป็นแฟนอ่ะ..” ดวงตาหวานค้อนขวับเข้าให้ คำว่า ‘แฟน’ หลุดออกมาจากปากร่างสูงชัดเต็มสองหู เรียกให้มือขาวให้ยกขึ้นมาฟาดไหล่หมอจองเสียงดังเรียกเสียงหัวเราะกวนอารมณ์จากอีกคนได้ในทันที
“หมอจอง!!! เลิกแกล้งสักที! ผมจะไปดูหนังแล้ว!!!!!!!!”
หนังเรื่องโปรดหลายเรื่องที่หมอติดมาฝากต่างก็เป็นเรื่องโปรดของจองกุกเช่น ร่างของคนป่วยทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะหยิบเลือกแผ่นหนังที่ชอบที่สุดออกมาเปิดดู ทั้งหมอและจองกุกจับจองพื้นที่บนโซฟาด้วยความพร้อมเพียง ตั้งใจดูด้วยกันอย่างมีสมาธิ และบ่อยครั้งที่สมาธิของจองกุกไม่ค่อยมีเมื่อเผลอไปมองหมอจองที่กำลังหัวเราะร่าจนแอบยิ้มตามไปด้วย
ร่างกายเริ่มล้าเพราะใช้พลังงานไปในการดูหนังเรื่องที่สี่ของวัน สองร่างของหมอและจองกุกเลื้อยพาดอยู่บนโซฟาไม่ห่าง ข้างๆมีกองขนมและของกินมากมายทั้งแม่บ้านนำมาให้และจากร้านใกล้บ้านที่จองกุกใช้ความดื้อรั้นเพื่อให้ได้มันมา เกือบเย็นมากแล้วแต่ทั้งคู่ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกดูหรือแม้แต่ลุกห่างออกจากกันแม้แต่น้อย เป็นจองกุกเสียเองที่ออกปากสั่งกำชับหมอจองว่าห้ามลุกไปไหนจนกว่าเขาจะหายดี ในทุกครั้งที่หมอทำท่าจะลุกออกไปทำธุระมักจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยที่ใครดูก็รู้ว่าคนตัวเล็กจงใจทำมันขึ้นเอง แน่นอนว่าหมอจองไม่มีทางปฏิเสธคนไข้ของเขาลง กลับหลังหันมานั่งจุ้มปุ้กลงที่เดิมอย่างว่าง่าย
จองกุกสวมบทเป็นเด็กเลี้ยงแกะแกล้งหมออยู่หลายครั้งจนมันเกิดเป็นขึ้นมาจริงๆ คนตัวเล็กปวดท้องจนดิ้นตัวคดงอเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้าใส ปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกั้นอาการเจ็บปวด เสียงร้องเล็กทำให้หมอหนุ่มหันมา เห็นสีหน้าซีดเซียวของอีกคนก็รู้สึกตกใจ รีบช้อนตัวบางของจองกุกไว้รีบอุ้มขึ้นพาไปที่เตียงเพื่อรักษา ตรวจเช็คอาการอย่างละเอียดพร้อมทั้งฉีดยารอดูอาการ ผ้าผืนบางถูกซับลงแผ่วเบาบริเวณหน้าผาก ทั้งรู้สึกผิดและเป็นห่วงจองกุกมาก หมอหนุ่มนั่งเฝ้าจนอีกคนผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ยาก่อนจะต่อสายหานัมจุนทันที
คนป่วยที่น่ารักยังคงหลับพริ้มเพราะพิษไข้อยู่ หลังจากที่โทรไปอธิบายความผิดพลาดทั้งหมดแล้วหมอจองตัดสินใจอยู่เฝ้าไข้ในคืนนี้ด้วย เพื่อรับผิดชอบในความประมาทของตัวเอง หมอจองคอยเช็คอาการร่างที่หลับอยู่ไม่ห่าง คอยวัดไข้และเฝ้าอยู่ข้างเตียงหลายชั่วโมง ก่อนจะถูกรบกวนโดยแม่บ้านซึ่งบอกให้เขาไปพักผ่อนบ้าง เมื่อกลับมาก็พบร่างบางอยู่ในชุดลำลองสีฟ้าสดใสที่แม้คนใส่จะหลับก็ยังดูน่ารักน่าถนุถนอม หมอหนุ่มค่อยนั่งลงกับโซฟาตัวยาวเอนหลังผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเฝ้าไข้ หยิบหนังสือที่พกติดตัวมาอ่านสลับกับหันไปมองคนหลับไปพลาง
ครืด...
โทรศัพท์เครื่องบางสั่นหลังจากวางทิ้งไว้อยู่นานทั้งวัน หมอจองหยิบขึ้นมาดูก็ยิ้มกว้างรับก่อนจะลุกยืนเต็มความสูง สาวเท้าไปที่มุมห้องเพื่อหรี่ไฟให้ห้องมืดลง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนของจองกุก
เสียงประตูห้องน้ำบวกกับห้องอันเงียบเชียบทำให้จองกุกรู้สึกตัวตื่น เขาค่อยยันตัวลุกขึ้นนั่งสายตาสำรวจไปรอบๆพบแค่ความมืดกับแสงไฟจากห้องน้ำที่มั่นใจว่าไม่ได้เป็นคนเปิด คนตัวเล็กลุกออกจากเตียงอย่างระมัดระวังเรี่ยวแรงที่เริ่มกลับมาเพราะได้รับยาและพักผ่อน ร่างขาวซีดหยุดอยู่ที่ประตู เสียงพูดคุยที่เล็ดลอดออกมาไม่ชัดเจนนักจนจองกุกต้องเอียงหูฟัง
เมื่อเข้าใกล้จนได้ยินจองกุกก็ทำปากตามมุบมิบทันทีที่รู้ว่าบุคคลที่อยู่ในนั้นคือใคร โทนเสียงสูงๆและคำพูดติดเจ้าเล่ห์แบบนี้มีแค่หมอจองคนเดียวเท่านั้น ประโยคหวานเลี่ยนหลายประโยคที่ได้ยินทำเอาจองกุกทำท่าล้อเลียนตามด้วยความหมั่นไส้
“อยากไปดูหนังหรอครับ? ผมติดธุระอยู่อ่ะ เฝ้าไข้พิเศษ อื้ม..น้องคนเมื่อวานที่ผมเล่าให้ฟังไง ไว้กลับไปผมจะเล่าให้ฟังนะครับ”
ทำมาบอกว่าโสดเหมือนกัน... โสดของหมอนี่พาใครไปดูหนังก็ได้ใช่ป่ะวะ สาวที่ไหนโชคร้ายแบบนี้เนี่ยเหอะ! น่าหงุดหงิดชะมัด!
“ฝันดีนะครับ...แม่”
ห้ะ...แม่? หมอคุยกับคุณแม่?
คนป่วยที่แอบยืนฟังอยู่พร้อมอารมณ์ครุกรุ่นอยู่เมื่อครู่ กลับยืนอมยิ้มแก้มกลมแทนซะอย่างนั้นความหงุดหงิดถูกสลัดหายไปพริบตา ทั้งคำพูดคะขาที่ใช้กับคนเป็นแม่ทั้งอบอุ่นและน่ารัก บ่งบอกได้ว่าหมอถูกเลี้ยงมาแบบไหน ทำหัวใจดวงน้อยของจองกุกกำลังพองโตอย่างประหลาด หากนึกย้อนไปยังเสียงเมื่อครู่นั้นจะดีขนาดไหนถ้าเป็นคนได้ยินมันกับหูตัวเองแต่ไม่คิดไกลก็ถูกขัดจังหวะจากหมอที่เปิดประตูออกมาซะก่อน ด้วยความตกใจและคิดไม่ถึงว่าอีกคนจะออกมาไวขนาดนี้ ร่างบางตีสีหน้าเจ็บปวด มือลดลงไปกุมที่ท้องของตัวเอง แสร้งตัวทำเป็นรอเข้าห้องน้ำใช้จังหวะที่หมอจองกำลังยืนงงแทรกตัวหนีเข้าห้องน้ำไปทันที
“แอบฟังคนคุยโทรศัพท์ต้องโดนทำโทษนะจองกุก~”
เสียงปิดประตูดังปังเนื่องจากโดนจับได้ จองกุกรีบร้อนล็อคประตู ยืนพักหลังไว้ที่กำแพงใบหน้าหวานเห่อร้อนพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่รู้จักหยุด มือบางยกขึ้นมาถูแก้มกลมสามสี่รอบไล่ความร้อนและปรับอารมณ์ กดชักโครกเปิดน้ำเสียงดังทำเป็นไม่รู้เรื่องราวที่หมอพูด ฝึกตีสีหน้านิ่งอยู่กับกระจกสักพักก็ค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกมาเผชิญหน้ากับหมออย่างเนียนๆ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะคิดว่าหมอต้องยืนรอส่งยิ้มกวนที่หน้าประตูกลับนอนกอดอกนิ่งหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาใบหน้าเข้ารูปกำลังพักผ่อนจากความเมื่อยล้าทำให้จองกุกกล้าพอที่จะเข้าไปใกล้ๆหมอ ตากลมโตช่างสำรวจแอบลอบสักเกตุทุกอย่างที่ทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว
น่ารัก.. หมอจองมีมุมนี้เหมือนกันด้วยแฮะ~
เที่ยงคืนกว่าแล้ว จองกุกเอาแต่นอนพลิกตัวไปมาไม่สามารถปิดเปลือกตาลงได้ ปากบางทำท่าจะเอ่ยอะไรออกมาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่กล้า พอดีกับที่หมอจองลุกเดินตรงมาหาเขาที่เตียง
“จองกุกยังปวดท้องอยู่หรอ? ทำไมไม่นอน? ”
“เปล่า ผมแค่..ไม่ง่วงน่ะ หมอล่ะหลับไปแล้วไม่ใช่หรอครับ ลุกมาทำไม” ตกใจแต่ก็ดีใจอยู่ลึกๆที่อีกคนยังไม่หลับไปซะก่อน แถมยังเดินมาถามอาการทั้งที่เวลาผ่านไปค่อนคืนแล้ว จนอดชื่นชมหมอจองไม่ได้เลยจริงๆ
“แปลกที่น่ะ นอนไม่ค่อยหลับหรอก โซฟาห้องนายก็แข๊งแข็ง หมอปวดหลังเลยเนี่ย” คำถามหยั่งเชิงถูกนำมาใช้อีกรอบ หมอจองกำลังนอนไม่หลับอยู่ก็จริง แต่ที่ว่าโซฟาแข็งนั่นโกหกมาจากใจล้วนๆเลย ในการทำงานอย่างหนักมาตลอดย่อมต้องอยากได้การพักผ่อนที่ดีพอ แล้วตอนนี้หมอจองก็เจอที่ว่านั้นแล้ว
“อ่อ นอนเตียงผมมั้ยล่ะครับ จะได้สบายวันนี้หมอคงเหนื่อยน่าดู”
“ ^^ ”
“แต่ผมนอนดิ้นนะครับ” ไม่รู้ว่าจองกุกตั้งใจหรือเพราะความไร้เดียงสากันแน่ ถึงได้เอ่ยชวนเขานอนร่วมเตียงอย่างเป็นมิตรขนาดนี้ โอกาสดีๆทั้งทีหมอจองคนนี้คงไม่พลาด ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นที่ว่างข้างกัน ใบหน้าหล่อติดยิ้มพราว ทำท่าทางเอ่ยล้อจองกุก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวหมอนอนกอดจองกุกให้ดิ้นไปไหนไม่ได้เอง”
“เห้ยย บ้าน่ะ! หมออย่าแกล้งดิ!”
หลังจากสู้รบกันได้สักพัก อีกคนก็นอนนิ่งไป จองกุกค่อยๆขยับพลิกไปดูเห็นหมอจองหลับตานิ่ง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้เขากล้าหันหน้าเข้าหาหมอ สายตาไล่สำรวจคนร่วมเตียงตรงหน้า ทุกอย่างที่เป็นหมอมันช่างดูดีไปเสียหมด ไม่ใช่ที่น่าตาแต่เป็นหัวใจ... ไม่บ่อยนักที่จองจะรู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าแบบนี้ นอกจากพ่อแม่พี่ชายแล้ว เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย แต่กับหมอจอง... มันน่าแปลก... แค่มองเขาหลับ ก็ยิ้มตามออกมาได้อย่างง่ายดาย ตากลมโตค่อยปิดลงช้าๆในหัวนึกถึงเรื่องบางอย่างพร้อมกุมที่หน้าอกตัวเองไว้
ถ้าพรุ่งนี้ผมหายจากอาการท้องเสีย ผมว่าให้หมอช่วยรักษาอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะนี้ด้วยดีกว่า..
ท้องฟ้าค่อยๆสว่างไปอย่าช้าๆ ดูแล้วคล้ายจะเป็นใจให้คนคู่หนึ่งได้หลับฝันหวานให้นานมากที่สุด แสงแดดอ่อนเริ่มส่องลอดผ่านม่านเข้ามา เจ้าของดวงตากลมโตยังคงหลับสนิทร่างกายซุกเข้าหาความอบอุ่นจากผ้าห่มเหมือนเช่นทุกวันเปลี่ยนย้ายท่าเพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการนอนท่าเดิมมาทั้งคืน จองกุกขยับซุกตัวอยู่ที่แผงอกของหมอจองโดยไม่รู้ตัว ร่างบางค่อยแย้มเปลือกตามาเพียงนิดเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ผิดปกติและเสียงตึกตักดังก้องอยู่ในหู สติเริ่มครบถ้วนจองกุกผละออกมาจากสิ่งที่คิดว่าเป็นผ้าห่มผืนอุ่น ดวงตาหวานสบกับหมอที่กำลังนอนมองเขาอยู่ รอยยิ้มบางๆที่อีกคนส่งมาให้เรียกเลือดให้สูบฉีดไปทั่วร่าง แก้มขึ้นแดงปลั่งขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ยจองกุก ^^” หมอหนุ่มเอ่ยทักทายเสียงนุ่มเมื่อเห็นเขาตื่นนอน แก้มขาวเป็นรอยเพราะแรงกดทับจากเส้นผมและหมอนถูกแต่งแต้มด้วยสีอมชมพูยิ่งดูน่ารัก จองกุกหลุบตาต่ำซุกหน้าเข้ากับที่นอนอีกรอบ ไม่นานนักก็ค่อยผงกขึ้นมาถามเสียงใสใบหน้าเปื้อนไปด้วยสีแดงเหมือนเดิม
“เสียงหัวใจหมอ......ตื่นเต้นผมหรอครับ?”
ถูกย้อนด้วยคำพูดกวนของตัวเองกลับบ้าง ร่างสูงยิ้มขำที่โดนจองกุกเอาคืน มือลูบท้ายทอยแก้อาการเคอะเขิน หมอจองไม่ตอบแต่ลดตัวลงนอนอีกครั้ง รั้งจองกุกให้ลงมานอนพร้อมกันแขนยาวโอบเอวบางไว้หลวมๆ ตมคมจดจ้องอยู่ที่ปากแดง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ใบหน้าเคลื่อนเข้าไปใกล้จนปากอุ่นสัมผัสกันเพียงนิดไม่หวือหวาแต่อบอุ่นไปถึงหัวใจ
..ที่คนมักพูดกันว่า คนเราเมื่อป่วยภูมิคุ้มกันจะลดต่ำลง แน่นอนว่าสำหรับจองกุก มันคงเป็นภูมิคุ้มกันของหัวใจ ที่ตอนนี้ลดลงเรื่อยๆและกำลังติดเชื้อไวรัสที่ชื่อโฮซอกมากัดกินหัวใจเข้าซะแล้ว..
end.
_______________________________________________________
talk : พาร์ทจบมาแล้วฮับ♡ หลังจากดองไปนานฮิฮิ ตัดจบแบบงงมาก T_T
อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่แต่แต่งด้วยใจเนอะะะะ อย่าลืมติดตามเรื่องหน้ากันด้วยค้าบ♡
ความคิดเห็น