ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS] I'M YOUR VILLAIN! - HOPEKOOK ft.MONGA

    ลำดับตอนที่ #3 : i'm your villain - 2

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 58


     
     





    -I’m your villain-

    2

     

     

     

    การพบกันเป็นความบังเอิญ

    การยิ้มให้กันเป็นความตั้งใจ.

     

     

     

     

     

     

     

    มาเจอกันหน่อยมั้ย?    ...เจโฮป

     

     

    เหมือนโลกหยุดหมุนไปหลายวินาที ข้อความล่าสุดที่เด้งขึ้นมานั้นทำให้จองกุกถึงกับหลุดเข้าไปในความคิดของตัวเอง  ตื่นเต้น ดีใจ ความรู้สึกมันตีรวนกันเสียจนยุ่งเหยิง แต่ถึงอย่างไรร่างบางก็หลุดยิ้มน่ารักออกมา  สองมือจับโทรศัพท์ขึ้นมาใกล้สายตาอีกครั้ง เพื่อทดสอบความแม่นยำของสายตาว่าไม่ได้ฝ้าฟางแต่อย่างใด   เสียงฝีเท้าที่หยุดชะงักลงชั่วคราวจนใครอีกคนที่เดินนำไปต้องหันกลับมาเรียก

     
     

     

     

    เฮ้จองกุก นายจะยืนบื้ออยู่ทำไมอีกอ่ะ? หิวข้าวแล้วนะโว้ย อะไรก็ไม่ได้สักอย่างเลยนะวันนี้แล้วยังจะทำตัวชักช้าอีก!

     

    ยุนกิที่เห็นฝีเท้าเงียบไปก็รีบหันไปด้วยความสงสัยแต่ก็ต้อง งงเข้าไปอีกเมื่อเพื่อนตัวดีแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงแถมยังสังเกตเห็นแก้มตุ่ยยกยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหูนั่น ลำบากต้องสาวเท้าฉับเดินกลับไปหาแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเพื่อคลายความสงสัย

     
     

    อย่าทำมาเป็นสะดิ้งไปหน่อยเลย จอนจองกุก! ยุนกิพูดจบพร้อมส่งโทรศัพท์คืนแถมยังทำสีหน้าล้อเลียนอีกคนไปด้วย

     
     

    โหยยุนกิแม่ ง แค่เขินหน่อยเดียวไม่ได้หรอวะ -_-  แล้วก็คือแบบ.. คือ ฉัน....ไปนะ ได้ใช่มั้ย?

     
     

    จะไปหรอ..  ไปหาผู้ชายหรอออออ? แล้วนัดของเราอ่ะ?

     
     

    วันหลังก็ได้ไง เดี๋ยวส่งนัมจุนไปเดทกับยุนกิแก้ขัดไปก่อน.. นะ น้า...



     

    ไอ้......

     

    ทันทีที่ได้ยินว่าเขากำลังจะโดนยกเลิกนัด ยกเลิกการกินที่สุดแสนจะสำคัญต่อร่างกายของมินยุนกิ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้วไหนจะมีชื่อบุคคลต้องห้ามนั่นเข้ามาอีกทำให้ยุนกิแทบจะกลายร่างเป็นฉนวนจุดระเบิดกลางสนามบินให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ชะงักเพราะใบหน้าเว้าวอนของเพื่อนรักที่ดูเหมือนตุ๊กตาจนหน้าหยิกปนน่าหมั่นไส้นั่นมาคลอเคลียอยู่ข้างๆอย่างออดอ้อนนี่มันอดที่จะสงสารไม่ได้จริงๆ

     
     

    จองกุกเห็นสีหน้าครุ่นคิดของอีกคนก็ยิ่งได้ใจ ออดอ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตากลมโตกระพริบถี่อย่างรู้ว่าอีกคนจะต้องแพ้ทางมัน และก็ได้ผล เมื่อคนโดนเล่นงานนั้นยอมพยักหน้าแต่โดยดี 

     

     “เอออ... ก็ได้วะฮึ่ยย

     

    ยุนกิคนดีจังเลยอ่ะ  ไว้รอบหน้าจะขุนข้าวไถ่โทษเนอะเพื่อนเลิ้บ จ้วบบบบบบบบไม่พูดเปล่าทำท่าทำทางปากห่ออย่างกับจะดูดหัวของยุนกิเข้าไปด้วยจนอีกคนถดตัวหนี  กับคนหล่อบ้านแกใช้คำว่าขุนหรอวะไอจอน เลี้ยงข้าวพอป่ะ อย่างหรูด้วย ไม่งั้นไม่ยอมแน่!!”

     
     

    ส่งเสียงฮึดฮัดไปอย่างนั้น ทั้งที่ในใจของยุนกิคิดเลือกเมนูอาหารไว้ให้อีกคนมารอง้อพร้อมแล้วต่างหาก   เขาแค่หลอกให้เจ้าตากลมนี่ตายใจ...     ยิ่งคำว่าหรูมากที่อีกคนตอบกลับมาก็ทำให้จองกุกถึงกับหน้าเจื่อนลงทันที เพราะขึ้นชื่อว่ามินยุนกิแล้วบทจะอยากได้อะไรก็ไม่มีทางยอมใครง่ายๆแน่  กับครั้งก่อนๆก็เช่นกันที่เขาต้องผิดนัดเพื่อนคนนี้ จองกุกถึงกับกินแกลบไปเป็นอาทิตย์เพราะต้องง้อมินยุนกิจนสิ้นเนื้อประดาตัวไปอย่างไม่มีทางเลือกนั่นเอง.....

     



     

    แต่เพื่อครั้งนี้ จองกุกยอมแลก!!

     

     





     

    เมื่อข้อตกลงเป็นไปได้ด้วยดี ปากบางระบายยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดยุกยิกส่งข้อความอย่างไม่รอให้เสียเวลา

     

     

     

      ผมอยู่สนามบิน ไว้เจอกันสักบ่ายสามได้มั้ยครับ?

     

    เจอกันร้านกาแฟxx ชั้น2 นะครับจองกุก  ผมก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน...

     

     

     

     

    หึ .

     

    ร่างสูงกดยิ้มทันทีที่ได้รับข้อความจากเจ้าของดวงตากลมโตหรือเจ้าของพาสปอร์ตที่ทำหล่นไว้    ในข้อความนั้นบ่งบอกว่าอีกคนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ที่เขาอยู่มากนักแต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะสิ่งที่เขาเจอมันก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว

     

    ถึงแม้ว่ามันจะบังเอิญมากไปหน่อยก็ตาม

     

     


     

    งั้นอีกสิบนาทีเจอกันครับ   จองกุก.

     

     

     

     

     

     

     

    ทุกอย่างมันเป็นใจ...  ยิ่งเห็นข้อความตอบกลับถูกส่งกลับมาภายในไม่กี่วินาที เจโฮปเองก็ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก แต่ถ้าถามหาสาเหตุที่ยิ้มนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่ายิ้มเพราะโล่งอกที่ได้คืนของหาย

     

    หรือยิ้มเพราะตั้งตารอจะได้เจอคนน่ารักคนนั้นอีกครั้งกันแน่..

     

     

     

     

    ติ้งง..

     

    เสียงข้อความใหม่ดังขึ้นมาอีกครั้ง แขนยาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นเจ้าของดวงตากลมโต หรือคนซุ่มซ่ามหน้าตาน่ารักคนนั้น  แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิดสักเท่าไหร่ เพราะชื่อผู้ส่งที่ปรากฏเด่นชัดอยู่บนหน้าจอนั้นเป็นคนที่เพิ่งจะเดินหันหลังบอกลากับเขาเมื่อครู่นั่นแทน  น่าแปลก..ที่แม้จะเห็นชื่อของคนที่เขาบอกรักจนวินาทีสุดท้ายส่งข้อความมาหา แต่ลึกๆแล้วเจโฮปกลับรู้สึกเสียดาย...บางอย่าง

     

     

     

     

     

    จินซอก :

     ผมไม่ไปแล้วได้มั้ย...   คิดถึงพี่เจโฮปแล้วอ่ะ T T  

     

     

     

    ตาคมกวาดสายตามองอ่านเพียงผ่านเท่านั้น  ข้อความที่ดูน่ารักที่สุดสำหรับเขาตอนนี้ ก็ดูจะไม่น่าสนใจซะแล้ว.. เมื่อมีเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักทายอยู่ไม่ไกลกัน สายตาของเจโฮปถูกสะกดให้หันไปรับฟังและสบใบหน้าของผู้มาใหม่  เมื่อได้สบตากันแล้วโทรศัพท์เครื่องน้อยก็ถูกลดความสำคัญลงด้วยการถูกเก็บลงใส่ในกระเป๋าเป้  โดยที่เจ้าของของมันได้ลืมข้อความก่อนหน้านั้นไปด้วย

     


     

    เอ่ออ สวัสดีครับ ผมจองกุกนะ เจโฮปใช่มั้ยครับ?



    ชายหนุ่มสวมชุดสีจืดชืดดูธรรมดาแต่น่าดึงดูดสายตาเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เส้นผมสีดำขลับถูกสวมทับด้วยหมวกบีนนี่สีขาวอย่างลงตัวบวกกับเส้นผมที่ถูกกดลงมาให้ปรกอยู่บริเวณหน้าผากสวยนั้นดูหวานขึ้นมาทันตา ดวงตากลมโตมีประกายน่าค้นหา ใบหน้าได้รูปแก้มขาวระเรื่อรับกับปากรูปหัวใจสีอมชมพูที่กำลังขยับเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มหูกำลังเอ่ยทักทายและยิ้มให้เขาอยู่

     

     

    น่ารัก...

     

     

    แถมรอยยิ้มที่ดูสดใสนั่นทำให้เขานั้นลืมธุระกับจองกุกไปหมดเลย

     

     

     

    ผมเองเจโฮป  ..เจอกันอีกแล้วนะ จองกุก

     

    คนนั่งอยู่ก่อนยิ้มตอบไปให้ ด้วยความเป็นผู้ชายมนุษย์สัมพันธ์ดีเลยไม่ปล่อยให้อีกคนได้ยืนตัวลีบด้วยความอึดอัด เอ่ยทักทายเป็นกันเองแต่ดูมีเสน่ห์ในแบบของเขา แขนกว้างกวาดผายให้อีกคนนั่งลงฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งจัดแจงสั่งเครื่องดื่มให้อย่างรู้งาน

     

    ด้านจองกุกที่กำลังประหม่าแต่ก็จัดการความกดดันนั้นได้อย่างดี มือขาวขยับหมวกไหมพรมใบเล็กให้เข้าที่เพื่อเรียกความมั่นใจก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อีกคน

     

    นั่นสินะครับ ”  ส่งยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร ถึงจะอึดอัดนิดหน่อยแต่ความประทับใจครั้งแรกมันสำคัญมากๆและเขาก็อยากจะให้มันออกมาน่าจดจำที่สุด ถึงนี่ไม่ใช่นัดเดทเป็นแค่การพบเจอกันของคนที่แอบปลื้ม แต่ก็อดจะจินตนาการถึงครั้งต่อๆไว้ล่วงหน้าไม่ได้เลย   

     

    บังเอิญจังเลยนะ ครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ยที่เราเจอกัน?

     

    คนถูกถามเกาท้ายเล็กน้อยด้วยความไม่แน่ใจในคำตอบ จองกุกส่งยิ้มเขินกลับไปพร้อมนึกถึงเหตุการณ์ตอนเจอกันแต่ละครั้งไปด้วย  ความเป็นจริงแล้วมันคือครั้งที่สามแต่อีกคนคงจะไม่ได้รับรู้ด้วยเลยรีบเปลี่ยนคำตอบในทันที

     
     

    เอ่ออ สามมั้ง หรือสองนะ? ฮ่าๆๆแปลกดีนะครับ.. ว่าแต่ ให้มาเจอกันแบบนี้  มีอะไรรึเปล่าครับ?

     

    ไม่ต้องสุภาพมากหรอกน่า  อ่ะ เดาว่านายคงกำลังหามันอยู่ใช่มั้ยล่ะ”  พูดจบพร้อมกับเลื่อนสมุดเล่มเล็กส่งให้อีกคน  จองกุกเห็นสิ่งที่ถูกส่งมาก็ยิ่งแปลกใจว่าของที่เขาทำหายมันไปอยู่ที่อีกคนได้ยังไง แต่สงสัยได้ไม่นานเมื่ออีกคนเอ่ยปากอธิบายให้เสร็จสรรพ  “นายทำตกน่ะ  ฉันเจอในห้องน้ำ

     
     

    ปมคิ้วคลายออกเมื่อเจโฮปเฉลย  ดวงตาหวานเป็นประกายน้อยเพราะความดีใจและโล่งอก  มือบางเปิดหนังสือเล่มเล็กเพื่อเช็คข้างในเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา แน่นอนว่ามันมีรูปของเขา ทั้งดีใจและหวั่นใจไปพร้อมกันเพราะถ้าอีกคนนำมาคืนเขาได้ถูกต้องแบบนี้แสดงว่าต้องเปิดดูรูปข้างในอย่างแน่นอน และรูปเขาก็ใช่ว่าจะดูดี  แต่อีกฟากของโต๊ะยังคงส่งยิ้มอบอุ่นกลับมาให้เขา อย่างน้อยผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้ มีท่าทีล้อเลียนเขา  ในใจแอบภูมิใจไปเองคนเดียวว่ากับคนนี้ เขาเลือกชอบคนไม่ผิดจริงๆ

     

    ถึงแม้จะรู้สึกเขินอายและไม่กล้าสบตามากนัก แต่จองกุกกลับเก็บรายละเอียดของอีกคนได้จนหมด ร่างโปร่งสูงสวมเสื้อเชิ้ตพับแขนสีดำสนิทผิวสะอาดตัดกับเนื้อผ้าแบรนด์ดีข้อมือสวมนาฬิการาคาแพง ยิ่งเวลาอีกคนเสยผมขึ้นไปอวดให้เห็นท่อนแขนแข็งแรงที่ดูแลมาเป็นอย่างดี จนรู้สึกอิจฉาในความเท่ของคู่สนทนา

     

     

    ไม่นานเครื่องดื่มที่สั่งไว้ถูกนำมาเสิร์ฟ  จองกุกที่ยังตื่นเต้นไม่หายรีบคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดจนแก้มขาวๆนั่นป่องขึ้น  ความสดชื่นทำให้จองกุกรู้สึกดี ความเขินอายก็หายไปบ้างจึงรีบต่อบทสนทนาแก้เงียบทันที ตากลมเริ่มสำรวจสัมภาระของเจโฮปแล้วเอ่ยถามขณะที่หลอดยังคาอยู่ในปากแบบนั้น 

     

    ไม่คิดเลยนะครับว่าเราจะมาเจอกันที่นี่อีก แล้วเจโฮป..เอ่อนายมาทำอะไรที่นี่งั้นหรอ  เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศหรอครับ? หรือว่ามาส่งใครใช่มั้ย?” 

     
     

    ประมาณนั้นแหละฮ่าๆ  คือผม มาส่ง...น้องน่ะ”  ร่างสูงหัวเราะอย่างคนขี้เล่นอารมณ์ดีแต่ภายในใจกำลังแอบกระตุกยิ้ม สรรพนามใหม่ถูกใช้แทนคนที่เพิ่งทิ้งเขาไปได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ  จากคนรัก กลายเป็นเพียงแค่น้องชาย..  

     

    คนไม่อยู่ยังไงก็ไม่มีทางรู้อยู่ดี...  

     

     

    อ่อ.. มีน้องชายด้วยหรอ ดีจังนะครับ”  จองกุกตาโตที่ได้ยินว่าอีกคนนั้นมีน้องชาย อดคิดไม่ได้ว่าบ้านนี้โชคดีขนาดไหนที่มีลูกชายหน้าตาดีถึงสองคน

     

    น้องที่รู้จักกันน่ะ ไม่ใช่น้องแท้ๆของผมหรอก ผมเป็นลูกคนเดียว ”  ไม่ใช่คนชอบโกหกอะไรนักเลยเลือกที่จะตอบความจริงออกไป อย่างน้อยให้คนน่ารักรู้เรื่องราวของเขาเอาไว้บ้างก็ดี   

     

    อ่าวงั้นหรอ... แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะ นายทำธุระเสร็จแล้วแท้ๆแต่ต้องมารอเจอผมอีก ^^ …เอ่อแปปนะครับ

     
     

    ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังเป็นไปได้สวย แต่แล้วอยู่ๆเสียงโทรศัพท์เครื่องบางของจองกุกดังขึ้นหยุดทุกอย่างไว้  เขาเพียงแค่หยิบขึ้นมาดูก่อนจะทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่มันเพียงแค่เสี้ยววิ เมื่อมันขึ้นชื่อของคนที่ไม่น่าจะมามีธุระกับเขาตอนนี้เลยจริงๆ  ‘ คิม นัมจุน ’  ดวงตาหวานก้มให้อีกคนเป็นเชิงขอโทษที่ทำเสียมารยาทก่อนจะกดรับและกรอกเสียงเบาที่สุดลงไป

     

     

    ว่าไง?

     

    พี่! คือผมโดนตำรวจจับน่ะ ผมรีบนิดหน่อยเลยขับเร็วเกินกำหนด.. ใบขับขี่ก็ไม่มี พี่จองกุกว่างมั้ยแฮะๆปลายสายเอ่ยปัญหาเสียงอ่อย แต่ไม่ได้ช่วยให้จองกุกหงุดหงิดน้อยลงเลย

     
     

    ไอ้.....   แล้วโทรบอกยุนกิรึยัง?”   คำหยาบคายคาอยู่ที่ลิ้นจนเกือบจะถูกพ่นออกมา แต่เมื่อนึกได้ว่าด้านหน้ามีใครนั่งอยู่ก็รีบปรับสีหน้าพร้อมเซ็นเซอร์คำพูดตัวเองทันที  ถึงแม้จองกุกจะเป็นคนน่ารักแต่เวลาหงุดหงิดความน่ารักก็ต้องลดลงและแทนที่ด้วยด้านมืดบ้างเป็นธรรมดา

     

    พี่เขาบอกว่าเพิ่งออกจากสนามบินกำลังนั่งแท็กซี่มา ผมไม่รู้ว่าเขาจะมาถึงตอนไหน ผมไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆอ่ะ ยังไงพี่ช่วยมาเป็นธุระให้หน่อยไม่ได้หรอครับ

     

    ทำไมนายถึงได้ยุ่งแบบนี้เนี่ยนัมจุน! ไหนเอาเบอร์ครูที่ปรึกษาของนายมาซิ” 

     

    ไม่มีทาง อันนั้นผมให้ไม่ได้หรอก ถ้าให้พี่ไปผมตายคาตีนแม่แน่ๆ ผมขอร้องล่ะ มาหาผมเถอะนะนะนะ

     

     

    ตลอดสายสนทนาทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนด้านตรงข้ามอยู่ตลอด ทั้งรอยยิ้มหยิ่งรั้น ดวงตากลมโตเป็นประกายดื้อดึงเอาแต่ใจด้วย  ปากหยักที่เม้มเป็นเส้นตรงเพราะความไม่สบอารมณ์ ดูขัดกับใบหน้าน่ารัก จนทำให้เจโฮปสงสัยว่าคนตัวเล็กนี้เป็นอะไร แต่ก็ทำได้แค่มองตามเก็บภาพคนน่ารักในหลายอารมณ์ไว้แทน

      

    วุ่นวายจริงๆนะนายน่ะ  อืมเดี๋ยวไป แค่นี้นะ!”


    จองกุกกดตัดสายก่อนอีกฝ่ายจะทันพูดอะไรต่อ ใบหน้าไร้รอยยิ้มจมูกสวยผ่อนลมหายใจฮึดฮัดเพราะดันมีธุระมาขัดจังหวะช่วงเวลาแสนหวานของเขาเสียได้  ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่ถ้าเขาไม่ไปก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ใจร้ายไปซะหน่อยเพราะอย่างน้อยๆเจ้าเด็กนั่นก็ถือเป็นลูกค้าของเขา 

     

    มีเรื่องอะไรรึเปล่าจองกุก?” 

     

    เปล่าหรอก แต่ผมต้องไปที่อื่นแล้วล่ะ เด็กที่เรียนกับผมเขามีเรื่องด่วนอยากให้ผมช่วย แฮะๆ  คนตัวเล็กปรับอารมณ์ร้อนให้เป็นปกติที่สุด แก้มกลมปั้นยิ้มแห้งส่งให้อีกคน ที่เอ่ยปากถาม

     

    ทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจ มีโอกาสอยู่กับคนที่แอบปลื้มแล้วแท้ๆแต่มีมารตัวดำๆวิ่งมาขัดจนเสียแผน   ยิ่งนึกยิ่งหงุดหงิดคนตัวเล็กรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่ต้องเสียมารยาทและขอกลับก่อน   ในใจนึกหาคำพูดเพื่อเชื่อมโอกาสไว้ขอบคุณเพื่อนัดเจอคราวหน้าแต่ก็นึกไม่ออกเพราะ ในหัวมีคำกร่นด่าตัวปัญหาเป็นร้อยๆคำที่พูดออกมาไม่ได้   แต่เหมือนอีกคนจะรู้ใจ..


     

    ถ้านายไม่ว่าอะไรให้ผมไปส่งให้มั้ย?”

      

    เป็นเหมือนเสียงสววรค์ กับคนที่เขาแอบปลื้ม ได้เชื้อเชิญให้ขึ้นรถและไปส่งแบบนี้  ยิ่งเป็นคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งอย่างนี้แทบจะไม่มีโอกาสแต่จองกุกก็ได้รับมัน  คนน่ารักแอบยิ้มอยู่ในใจ เพราะอย่างน้อยๆคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆตอนนี้ก็ไม่ได้รังเกียจเขา

     

    ถึงจะดีใจจนแทบกระโดดโห่ร้อง  แต่การได้อยู่ด้วยกันในที่แคบบวกกับเสียงเครื่องยนต์เงียบเชียบบรรยากาศเย็นช่ำก็เริ่มทำจองกุกกลับมารู้สึกอึดอัดอีกครั้ง  อยากจะพูดขอบคุณอยากจะชวนคุยไปเรื่อยๆติดก็ตรงที่ปากไม่ยอมอ้าเอ่ยอะไรออกไป ได้แต่นั่งใจเต้นเสมองรถข้างทางแทน

      

    ว่าแต่จองกุก นายเป็นครูหรอ?” เห็นอีกคนเอาแต่นิ่งไม่ไหวติงใดๆเจโฮปเลยเอ่ยถามทำลายบรรยากาศแปลกนี้ก่อน  ส่วนจองกุกพออยู่ๆคนข้างถามมาเขาก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้ถามเรื่องหวือหวาแต่อย่างน้อยก็ถามเรื่องส่วนตัว คนน่ารักยิ้มแห้งๆส่ายหัวน้อยๆเมื่ออีกคนกำลังเข้าใจผิด

     

    อ่อ ไม่เชิงหรอก ผมเป็นแค่ติวเตอร์น่ะ” 

     

    โหติวเตอร์น่ารักขนาดนี้เด็กไม่แย่งกันเรียนแย่หรอเนี่ยหื้ม?” 

     

    ยิ่งประโยคต่อมายิ่งทำให้ใบหน้าเริ่มร้อนเมื่อโดนคนอาสามาส่งชมทางอ้อมแบบนี้  จองกุกไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะกำลังเขิน  แต่สิ่งที่เจโฮปเอ่ยมามันก็เป็นความจริง  ตั้งแต่เขากับยุนกิเริ่มทำงานนี้ก็มีเด็กหนุ่มเด็กสาวโทรมาสอบถามเรื่องเรียนกับพวกเขาเกินที่หวังไว้ด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาเพิ่งจะเริ่มทำงานและไม่ได้มีชื่อเสียงด้านนี้สักเท่าไหร่  แต่บางคนยังโทรมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเซ้าซี้ขอเรียนให้ได้ถึงแม้จะบอกว่าตารางเขาเต็มเอียดไปหมด 

     

    ก็มีบ้างแต่ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า ฮ่าๆ   ว่าแต่นาย เอ่อ..เจโฮปมาส่งผมแถวนี้มันไกลนะ ไม่เป็นไรจริงๆหรอครับ?”

     

    บอกแล้วไงว่าไม่ต้องสุภาพน่ะ เอาแบบเพื่อนคุยกันสินายจะได้ไม่อึดอัด อ่อแล้วก็พอดีผมต้องมาทำงานที่กองถ่ายแถวนี้ด้วยน่ะ ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก

     

    กองถ่าย  นายเป็นช่างภาพหรอ?”

     

    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆหล่อๆอย่างผมเป็นได้แค่ช่างภาพเองหรอเนี่ย”  ดวงตาหวานโตขึ้นเมื่อได้ยินอีกคนบอกว่าทำงานในกองถ่าย สถานที่ที่จองกุกใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมในนั้นมากที่สุด  สีหน้าปลาบปลื้มแสดงชัดบนใบหน้าขาวแต่แค่ไม่กี่วิก็เปลี่ยนเป็นคิ้วชนคิ้วกลายร่างเป็นเจ้าเด็กขี้สงสัยไปแทน  ก็นายเอ่อ..ดูเหมือนอยู่นะ แฮะๆ”  ถ้าเป็นคนอื่นจองกุกอาจจะโดนปล่อยทิ้งไว้กลางทางอย่างแน่นอน  เพราะดันพูดจาไม่ทันระวังจนคล้ายจะดูถูกคนอื่นแบบนี้  แต่อีกคนกลับมีทั้งเสียงหัวเราะรอยยิ้มมาให้แทน  ส่วนคนน่ารักที่หน้าเจื่อนลงปล่อยมุกฟืดกลับไป พร้อมหัวเราะแก้เก้อ

     

     

    ผมน่ะ เป็นนายแบบเลยนะจะบอกให้  นี่นายนั่งรถนายแบบมาเลยนะ..จองกุก” 

     

    ว้าววว หล่อก็งี้อ่ะเนอะ งานมันสนุกดีมั้ย? ผมอยากจะลองทำมั่งจัง เบื่อเป็นไอติวเตอร์นี่จะแย่

     

    ไม่พูดเปล่าสารถีสุดหล่อรีบหันมาเก๊กขรึมใส่ โพสท่าตามต้นฉบับนายแบบดังให้อีกคนได้ยล  จนจองกุกอดไม่ได้ที่จะยิ้มขำออกมา คนตัวเล็กยิ้มตาหยีจนฟันซี่หน้าสุดเรียงตัวอวดสายตา แก้มกลมยกขึ้นจนดูน่าหยิก  หลากหลายคำถามเอ่ยออกไปด้วยความสนใจเหมือนเด็กน้อยทำให้คนด้านข้างรู้สึกเอ็นดูไปด้วย

     

    ไม่ยากหรอกมั้ง จองกุกสนใจหรอ? บริษัทผมยังไม่เปิดออดิชั่นเลยนี่สิช่วงนี้  ..สนใจเป็นแฟนนายแบบแทนไปพลางๆก่อนมั้ยล่ะ? ฮ่าๆๆ

     

    ฮ่ะๆเข้าใจพูดนะ  แต่นายแบบอย่างนายดูไม่น่าจะมีเหลือโสดหรอกมั้ง

     

    ก็จริงนะ แต่ถ้ามีคนสนใจล่ะก็พร้อม โสดเสมอแหละนะ   จองกุกสนใจบ้างมั้ยหื้ม?”

     

    หมายความว่าไงนะ?...   ...อ้ะถึงแล้ว จอดข้างหน้านี่แหละเดี๋ยวเดินผมเข้าไปเอง  ขอบคุณอีกรอบนะเจโฮป ไว้วันหลังผมจะเลี้ยงข้าวตอบแทนนายแล้วกัน  ไปแล้วนะ

     

    ทั้งรู้สึกดีและต้องขอบคุณช่วงเวลาอันมีค่าได้รับจากนัมจุนมาโดยบังเอิญ  เพราะรู้สึกตื่นเต้นไปกับประโยคทอดสะพานกลายๆของตัวเอง ร่างเล็กจึงรีบลงจากรถร่ำลาอีกคน ก่อนจะเดินหันหลังเดินเข้าไปในสถานีตำรวจแต่เพียงไม่กี่ก้าว  ก็ต้องวิ่งรอกกลับมาเพราะเขาเหมือนจะทำบางอย่างหายไป  มือขาวไล่สำรวจทั้งตัวและกระเป๋าแล้วไม่พบสิ่งที่เรียกว่ากระเป๋าเงินก็ยิ่งวุ่นวาย  คนน่ารักทำหน้าตาตื่นวิ่งกลับมาเคาะกระจกรถเรียกให้นายแบบหนุ่มลดกระจกลง 

     

    ขอหาของแป๊ปหนึ่งนะ

     

    ทันทีที่กระจกเปิดหัวทุยก็มุดแทรกเข้ามาทางหน้าต่างรถเพื่อขวานหาสิ่งของบนเบาะนิ่มที่เขาเคยนั่ง  แต่ก็พบว่ากระเป๋าเงินใบเล็กนั้นดันหล่นเข้าไปในร่องข้างเบาะเสียลึกจนไม่สามารถหยิบออกมาได้ง่ายๆ  จองกุกมุ่ยหน้าถอนหายใจเบาๆอย่างขัดใจ แขนเหยียดจนสุด ใช้ความพยายามที่จะหยิบแต่ไม่เป็นผลจนเจ้าของรถต้องอาสาช่วย

     

    มา..ผมช่วย

     

    คนในรถปลดเข็มขัดออกเพื่อความถนัด โน้มตัวเข้าไปช่วยหา ระยะห่างลดเรื่อยๆจนได้กลิ่นหอมของอีกฝ่าย นิ้วเล็กที่พยายามเกี่ยวเอากระเป๋าขึ้นมาด้วยความยากเย็น ฟันคมขบลงบนปากแดงอย่างลุ้นเกร็ง  เจโฮปเมื่อละออกมาสับเปลี่ยนให้คนตัวเล็กลองบ้าง  ก็มาสะดุดอยู่ที่กลีบปากสีอมชมพูตรงหน้า เขามองตามและยิ้มออกมาไม่มีเหตุผล  ใน ใจอยากจะแอบคิดร้ายให้กระเป๋านั้นหายเข้าไปลึกกว่านี้เพื่อจะได้แอบมองนานๆแต่ก็ทำไม่ได้ น่าเสียดายจริงๆ  จนสุดท้ายแล้วความพยายามก็เป็นผลเมื่อคนตัวเล็กหยิบมันจนสำเร็จ  จองกุกยิ้มดีใจยกใหญ่ให้กับฝีมือของตัวเอง 

     

    คนขี้ลืมถดตัวออกจากรถไปแล้วทิ้งไว้แค่กลิ่นน้ำหอมบางเบาและคำบอกลา ร่างเล็กโบกมือส่งมาอย่างสดใส รอยยิ้มที่มาจากใจส่งมาให้แทนคำขอบคุณและความรู้สึกอื่นของตัวเองด้วย  นายแบบยักคิ้วและยกยิ้มตอบอีกคนเช่นกัน ก่อนจะแล่นรถออกมาจากสถานีตำรวจแล้วฮัมเพลงมาตลอดทาง ร่างสูงเผลอสูดหายใจเข้าลึกๆนับสิบรอบได้  ในหัวนึกถึงภาพของจองกุกที่ยืนยิ้มให้เขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนยิ่งรู้สึกอารมณ์ดี  อดคิดย้อนไปไม่ได้ว่าเรื่องของพวกเขามันบังเอิญไปซะหมดในทุกครั้งที่ได้เจอกัน   ทั้งอุบัติเหตุ   ทั้งลืมของทิ้งของ แล้วนี้ยังจะทิ้งกลิ่นหอมๆฝากไว้บนรถเขาอีก

     

     

     

    แบบนี้มันต้องตามไปคืนรึเปล่านะ...

     

     

     



    50%

     

     



     

     
     

    เมื่อขายาวก้าวเหยียบประตูสถานีตำรวจ จองกุกที่คิดคำด่าไว้มากมายก่อนหน้าก็แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งรู้สึกขอบคุณลึกๆที่เด็กเรียนพิเศษจอมยุ่งพาเรื่องดีๆมาให้เขาเช่นกัน  เมื่อถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่จองกุกก็จัดการเคลียร์ทุกอย่างเท่าที่ความสามารถของตัวเองจะมี  ทั้งดราม่าและออดอ้อนใส่เจ้าหน้าที่แน่นอนว่า ความน่าสงสารที่เต็มไปด้วยความน่ารักก็ช่วยเขาไว้เสมอ  ร่างบางจ่ายเพียงค่าปรับและไม่ถูกลงบันทึกประจำวันใดๆ ทั้งสองร่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกันก่อนขอตัวลาและออกมาจากที่นั่น

     

     

     “คิมนัมจูนนนนน !! จองกูกกกกรอด้วย!!”  เสียงของติวเตอร์คู่หูดังมาจากที่ไหนสักทีพร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งตามเข้ามายืนหยุดตรงหน้า มินยุนกิยืดหอบแรงพิงเสาป้ายรถเมล์  เหงื่อพราวเต็มใบหน้าขาวชวนมองกับประโยคขัดกับภาพลักษณ์เอ่ยออกมา  เออแล้วทำไมจองกุกมาถึงก่อนได้วะเนี่ย?”

     

    เรียกได้น่าเกลียดชะมัด.....ยุนกินั่นแหละทำไมช้า

     

    ก็ปกตินี่ ฉันนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินเลยนะเว้ย นายนั่นแหละทำไมมาไวนักอ้ออ..หมอนั่นมาส่งล่ะสินะ..”

     

    ไอ้หมอไหนหรอครับพี่ยุนกิ ”  เสียงของนัมจุนเอ่ยขัดเมื่อได้ได้ยินเรื่องราวใหม่ที่เขาไม่เคยรู้  จริงๆนัมจุนรู้เรื่องของจองกุกแทบจะทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่อยากรู้แต่เป็นคำว่าต้องรู้เสียด้วยซ้ำ  เขาทำตัวเป็นสัมผัสที่เจ็ดของจองกุกมาตั้งแต่เริ่มเป็นนักเรียนติวพิเศษนี้ 

     

    ย้อนไปก็ตั้งแต่ต้นปี ที่รับเขาเข้าคอร์สเรียนมา  เอาตามจริงแล้วคิมนัมจุนเป็นเด็กดีหัวสมองและไอคิวสูงมากจนไม่ต้องมาติวด้วยซ้ำ แต่ทว่าเด็กนี่กลับมาสมัครเรียนโดยจ่ายเงินล่วงหน้ามาหนึ่งปียาวเพื่อซื้อเวลามาอยู่ใกล้พวกเขาสองคนโดยใช้เหตุผลว่า  ‘เก่งแล้วแต่ไม่ฝึกฝนก็ลืมหมดสิครับ’  แน่นอนว่าถ้าเป็นเรื่องเงินทองเป็นใครก็คงปฏิเสธกันยาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะคิดผิด.. เพราะไม่ว่าเวลาไหนก็ดูเหมือนจะมีนัมจุนเป็นตัววุ่นวายเสมอ และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การมีอยู่ของนัมจุนมันเป็นสิ่งที่รกหูกวนตาของมินยุนกิเสมอ

     

    ไม่ใช่เรื่องเด็กเสือกหรอกจริงๆแล้วอ่ะ  แต่ว่าไอคนนั้นน่ะชื่อเจโฮป เหยื่อรายใหม่ของไอ้จองกุกไง ^-^”  ปากไวเสมอเมื่อเจอนัมจุน  คนตัวขาวพ่นประโยคยาวติดคำหยาบออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มเย็นไปล้อเลียนจองกุกที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า

     

    เหยื่อไรวะยุนกิอย่าใส่ร้ายดิ” 

     

    ใบหน้าน่ารักเหวอขึ้นมาเมื่อถูกโยนข้อกล่าวหาใส่ จองกุกไม่ได้โวยวายแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว  มีเพียงมือไม้ยกขึ้นมาไขว้กันเป็นสื่อบอกกับเด็กนักเรียนจอมยุ่งว่าอย่าไปเชื่อเพื่อนของเขา ดีที่นัมจุนมีเรื่องให้คิดต่อ ไม่อย่างนั้นคงจะรัวคำถามใส่เขาไม่ยอมหยุดแน่

     

    เจโฮปหรอครับทำไมชื่อคุ้นจังแฮะ

     

    คุ้นไรนักหนาวะพ่อคนกว้างขวาง

     

    โห่พี่เป็นครูภาษาไรพูดจากับเด็กไม่เพราะเลย” 

     

    นัมจุนบ่นอุบอิบ เมื่อพี่ติวเตอร์ที่แสนน่ารักพูดจาไม่น่ารักเอาเสียเลยจนต้องดุคืนบ้าง  เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ยุนกิไม่พอใจอะไรในตัวเขานักหนาถึงชอบจิกกัดกันอยู่เรื่อย เขาเองก็เป็นเด็กชายม.ปลายธรรมดารูปร่างสูงยาวหน้าตาดีและมีหน้าที่ตื้อติวเตอร์ที่น่ารักทั้งสองก็แค่นั้น  ทุกครั้งที่มาเรียนก็เรียนด้วยกันเสมอแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่พี่ตัวขาวจะพูดดีกับเขาสักหน  นอกจากใบหน้าเอาแต่ใจกับคำพูดกวนโมโหก็ไม่เห็นจะมีคำดีๆหลุดมาแม้ครั้งเดียว

     

     

    แต่ผมว่าผมคุ้นชื่อนี้จริงๆนะ  แต่ช่างเหอะครับ ยังไงที่สำคัญที่สุดคือพี่สองคนโสดก็พอแล้วล่ะ

     

    หุบปากไปเหอะยุนกิรีบขู่ฟ่อใส่เจ้าเด็กดำที่กำลังพูดจาน่ารำคาญอยู่ข้างๆก่อนจะชูกำปั้นใส่อย่างเอาเรื่องเพราะเพิ่งโดนพาดพิง

     

     

     

     

     

    หลังจากออกมาจากสถานีตำรวจ ทั้งสามคนก็โบกแท็กซี่เพื่อจะไปยังร้านกาแฟร้านประจำเพื่อสอนพิเศษ  ภายในรถเด็กเกรียนนัมจุนยังคงพูดไม่หยุด ทั้งพูดก่อกวนและป่วนประสาทยุนกิอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าอีกคนจะบ่นอะไรก็จะมีเสียงแหบๆของนัมจุนเอ่ยขัดขึ้นมาเสมอ   หลายครั้งจองกุกต้องเอ่ยห้ามสงครามของคนทั้งคู่ที่ตีกันเหมือนเด็กอนุบาลเกทับกันเรื่องของเล่น  จนบางทีก็นึกสงสัยว่าเจ้าเด็กนี่สมัครเรียนมาเพื่อมาทะเลาะกับเพื่อนของเขาอย่างเดียวหรอ.. 

     

    หลังจากนัมจุนสงบปากสงบคำไปพักใหญ่ก็เริ่มกลับมาส่งเสียงสนทนาอีกรอบ คราวนี้เป็นเรื่องค่อนข้างจะมีสาระจนติวเตอร์ทั้งสองเริ่มให้ความสนใจ

     

    เอ้อพี่จองกุกครับ ผมได้ตั๋วเครื่องบินไป-กลับเจจูมาด้วยแหละ พี่ว่างไปกับผมมั้ย?”    ร่างสูงที่นั่งอยู่คอนโซลหน้าข้างคนขับแท็กซี่หันมาถามด้วยสีหน้าระรื่น จนจองกุกและยุนกิรู้สึกตื่นเต้นตามไม่น้อย แต่พออีกคนจบคำถามที่มีเพียงชื่อจองกุกคนเดียว  คนตัวขาวขี้โวยวายก็แผดขึ้นมาเสียงดังด้วยความหมั่นไส้

     

    เห้ยๆ ทำไมชวนแต่ไอจอนล่ะ ฉันล่ะนัมจุน ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ!”

     

    ก็กำลังจะชวนนี่ไงเล่า  ไปกันป่ะครับ ผมมีสามใบพอดีเลย ป๊าผมให้มาเพราะมันเหลือน่ะ

     

    คิมนัมจุนยิ้มขำให้กับพี่คนตัวขาวที่ทำสีหน้าบึงตึงพร้อมจะดึงตัวเขาไปกระทำการรุนแรงเพราะความใจร้อนและขี้โมโห  เด็กชายร่างสูงรีบอธิบายขยายความออกมาอีกชุดใหญ่จนยุนกิเริ่มรับฟังและลดท่าทีโมโหลงบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด

     

    นัมจุนเป็นเด็กฉลาดและบ้านมีฐานะดี จึงไม่แปลกที่จะมีอะไรดีๆมาแบ่งปันพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งตั๋วนี่ด้วย  เด็กตัวโย่งกำลังอยากอยากมีทริปสวีทหวานกับพี่ติวเตอร์บ้างสักครั้ง เรียนมาก็ครึ่งเทอมแล้วแต่ความรักของนัมจุนยังไม่คืบคลานเบ่งบานเลยสักนิด  บวกกับบังเอิญไปได้ยินป๊าคุยโทรศัพท์เรื่องเวิร์คช็อปของบริษัทเข้าพอดิบพอดี   เลยทดลองขอพ่อดูเล่นๆ จนบังเอิญฟลุ๊คได้มันมาแบบไม่ต้องเหนื่อย

     

     “งั้นมันกำหนดวันแล้วอ่ะดิ บินวันไหนล่ะ? ”  จองกุกที่ได้ยินอีกคนสาธยายถึงความฟรีและคุ้มมาพักนึงก็โอนเอียงไปมาก

     

    ศุกร์นี้อ่ะครับ

     

    ยุนกินั่งนิ่งฟังอยู่ไม่นานก็เริ่มออกปากบ้าง นัมจุนคิดจะหนีเรียนไปสร้างโรแมนติกทริปกับเพื่อนเขาสองต่อสองแน่ๆ และเขาไม่มีทางยอม! เขาไม่มีทางปล่อยให้เพื่อนรักไปเที่ยวกับไอหมอนี่สองต่อสองโดยไร้เงาเขาเด็ดขาด  

     

    ฉันมีสอนแก ไอ้นัมจุน เพราะงั้นแกห้ามไป!!!!!...” 

     

    โหยไรอ่ะ ไว้ไปเรียนที่นู่นก็ได้ไง ไปนะครับ นะครับพี่จองกุกพี่ยุนกิ ที่พักก็ฟรีเนี่ย

     

    เอาไงอ่ะยุนกิ ฉันตามใจนายนะ..”  คนน่ารักรู้ดีว่ายุนกิคงไม่ยอมง่ายๆเพราะนิสัยดื้อรั้น  แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่ยุนกิอยากได้เสมอนั้นคืออะไร  ตั้งแต่เริ่มเรียนจนทำงานมาด้วยกันบ่อยครั้งเพื่อนตัวขาวมักจะบอกกับเขาเสมอ ว่าอยากจะใช้เวลาไปเที่ยวในที่ดีๆด้วยกัน แต่พอจะมีโอกาสสักครั้งยุนกิกลับปฏิเสธมันเสมอ และถ้ารออยู่แบบนี้พวกเขาอาจได้ไปเที่ยวกันตอนแก่แน่ๆ

     

    จองกุกไม่ได้เอ่ยบังคับและปล่อยให้ยุนกิตัดสินใจ และแน่นอนว่าคำพูดทิ้งท้ายของจองกุกนั้น ทำเอายุนกินั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ร่วมนาที

     

    ไม่ต้องมาตามใจฉันเลยจองกุก  ลูกตานายนี่มีแต่รูปเครื่องบินรูปท้องฟ้าเต็มไปหมดเหอะ...แต่ไหนๆมันก็ฟรีแล้วไปก็ดีเหมือนกัน...เนอะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    -I’m your villain-

     

     

     

     

     

     

     

    เอียงหน้านิดนึงครับ

     

    ซ้ายอีกนิด

     

    แบบนั้นแหละ ดีมากครับวี

     

    ต่อเลย

     

    ครับ เยี่ยมมาก ดีมาก

     

    โอเค เซ็ตนี้พอแล้ว เยี่ยมมาก ไปพักได้

     

     

    เสียงชัตเตอร์กล้องและแสงแฟลชวาบวับถูกใช้งานอยู่เพียงเวลาไม่นาน นายแบบรูปหล่อก็เดินออกมาจากฉากที่เซ็ตไว้สำหรับถ่ายแบบ 

     

    หนุ่มน้อยรับน้ำดื่มจากทีมงานพลางถอดเสื้อสูทตัวหนาออกจากตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถึงแม้จะเหนื่อยและร้อนจนน่าหงุดหงิด แต่ด้วยความขี้เล่นที่มีจนท่วมท้น ทำให้ยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งแจกยิ้มหวานไปทั่วอย่างเป็นกันเองจนกลายเป็นที่รักของทุกๆคน

     

    อ่ะทิชชู่”   

     

    ด้วยใบหน้าที่ถูกบดบังไปด้วยความมันและเหงื่อเล็กน้อยเพราะแสงไฟร้อนระอุ เหล่านูนาทั้งหลายก็รีบมาช่วยให้วีได้กลับมาหล่อแบบเดิมได้อีกครั้ง   ใบหน้าคมหันไปรับทิชชู่แล้วค้อมหัวให้สต๊าฟทุกคนอย่างถ่อมตัว พร้อมกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาทแต่ก็ต้องลดท่าทีลงเมื่อรู้ว่าคนที่มาช่วยเขานั้นคือรุ่นพี่คนสนิทนั่นเอง

     

    ขอบคุณครับ อ้าวพี่จินเองหรอครับ?”

     

    เออพี่เอง ..หืม แต่งตัวแบบนี้ดูน่ารักนะเนี่ย

     

    ฮ่าๆๆๆๆ ก็ชมกันเกินไปครับ ว่าแต่พี่อ่ะ เจอกันกี่ทีก็หล่อขึ้นตลอดเลยนะครับเนี่ย

     

     

    ไม่ใช่เรื่องง่ายของการพบกันเพราะคนหนึ่งก็เป็นถึงผู้กำกับมากฝีมือและเขาเองก็เป็นนายแบบงานชุก แน่นอนว่าวีไม่ปล่อยให้โอกาสได้พบเจอกันของพวกเขาหลุดลอยออกไป  คนตัวเล็กกว่ารีบสอดส่ายสายตาหาเก้าอี้และพื้นที่ว่างเพื่อจับจอง

     

    กลายเป็นจุดสนใจไปถนัดตาเมื่อเสียงหัวเราะร่วนดังระงมไปทั่วจากหนุ่มหล่อทั้งสอง ช่วยให้ภายในบริเวณที่มีแต่เสียงการทำงานอันตึงเครียดได้ผ่อนคลายลงไปด้วย อีกทั้งใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของผู้ช่วยผู้กำกับคนเก่งของที่นี่เป็นน่าหลงใหลจากรอบข้างอยู่เสมอ  เลยเป็นเหตุให้วีได้แอบจับจ้องเจ้าของทิชชู่คนนี้อยู่บ่อยๆเหมือนกัน

     

    วีคร้าบบบบบ วีอยู่ไหนน”  เสียงผู้มาใหม่ดังโหวกเหวกอยู่ไม่ไกลนัก จนทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองแล้วทำมือให้ลดเสียงลงก่อนจะกวักมือไม้เป็นการเรียกให้มาอยู่ด้วยกัน

     

    อ้าววว อยู่กับแฟนก็ไม่บอก”  ทันทีที่ผู้มาใหม่เอ่ยทักก็ทำให้วีถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าจี้ใจดำหรือเพราะอีกคนลามปามกันแน่...

     

    แฟนบ้านแกดิวะ เกรงใจพี่เขาเป็นป่ะจีโฮ”  สายตาถมึงทึงส่งกลับไปกลายๆอยากให้อีกคนนั้นขอโทษ แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งทำให้จีโฮอยากแกล้งเข้าไปอีก

     

    พี่เขาก็ไม่ได้ว่านิ นายมันร้อนตัวเอง เห้ออ

     

    ไอ่บ้า!” 

     

    วีรีบโวยวายใส่เพื่อนทันทีที่ยังไม่เลิกพูดจากวนไม่เลิก คนร่างบางหันไปหาคนที่ถูกพาดพิงแต่อีกกลับไม่ได้เดือดร้อนอะไรนั่งส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เขา หัวเราะบ้างเมื่อวีเถียงเพื่อนไม่ชนะ

     

     

    ไม่รอให้อีกคนได้บ่นมากนักก็เริ่มแกล้งต่อทันที  จีโฮก็นั่งผลุบที่พักแขนเก้าอี้ของวีทั้งยังเอนร่างของตัวเองดันให้วีเอียงไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมทั้งหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานชอบอกชอบใจ ผิดกับอีกคนที่โดนแกล้ง ร้อยยิ้มที่เคยน่ารักตอนนี้กลายเป็นยิ้มคว่ำหน้างอบอกบุญไม่รับส่งให้ไปอย่างคาดโทษแทน 

     

    ไอ้จีโฮอย่ากวนตีน!! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยไป๊!”

     

    ฮ่าฮ่าฮ่ะฮ่าฮา

     

     “นายแบบพร้อมยังครับ??!”

     

    เสียงตะโกนดังมาจากตากล้องที่กำลังทำงานอยู่ด้านใน เรียกหานายแบบที่ถูกส่งมาพักและเปลี่ยนชุดใหม่  จากที่กำลังวิวาทกับจีโฮก็เปลี่ยนเป็นขานรับตอบกลับไปอย่างทันที   ไล่สายตาตรวจเช็คความเรียบร้อยของตัวเองครั้งสุดท้าย พยักหน้าเรียกความมั่นใจ โดยมีมือหนาของซอกจินแตะเข้าที่บ่าเล็กก่อนดันหลังให้วีเดินไปเข้าฉากเพื่อทำงานต่อทันที

     

    ส่วนจีโฮที่เพิ่งมาร่วมวงได้ไม่นานก็บ่นอุบเสียดายที่หมดเวลาเล่นสนุกเมื่อเพื่อนรักต้องทำงานต่อ รอยยิ้มอบอุ่นจากจีโฮถูกส่งไปให้ในตอนท้ายอย่างให้กำลังใจเพื่อน ก่อนที่ทั้งซอกจินและจีโฮจะเดินหลบออกมายืนที่หน้าจอแอลซีดีเครื่องใหญ่เพื่อดูการทำงานของวีแทน

     

    ใบหน้าเรียวเล็กแต่ดูหล่อคมคายจนไร้ที่ติ หุ่นสมส่วนเมื่อไม่ว่าสวมใส่ชุดอะไรแบบไหนก็ดูเข้าไปหมด ท่าทีโพสอันไหลลื่นแต่ดูเท่ห์แบบนั้น ยิ่งแสดงความเป็นมืออาชีพของวีจนสะกดสายตาคนมอง และกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเขาไปซะแล้ว

     

    วีนี่ดูดีจังเลยนะครับ พี่ว่ามั้ย

     

    แน่นอนสิ วีเป็นนายแบบแถวหน้านะเว่ย แล้วนี่อะไรอิจฉาเขาหรอไงเจ้าห้อย

     

    ผมก็ดูดีในแบบของผมหรอกน่า ใครจะไปอิจฉาเจ้านั่นกัน เหอะ”  เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขี้อิจฉา จีโฮก็รีบปฏิเสธผู้กำกับหนุ่มเสียจนเสียงแข็งยกใหญ่ ใครจะไปอิจฉาคนน่ารักที่ยืนอยู่ตรงนั้นลง ไม่มีแน่ๆ

     

    ถึงจะพูดคุยหยอกเล่นอยู่กับรุ่นพี่ แต่สายตากลับหยุดอยู่ที่จอกว้างที่มีภาพของวีเปลี่ยนไปเรื่อยโดยไม่สามารถละไปไหนได้  ยิ่งมองยิ่งชวนให้เขาเผลอยิ้มตามตลอด  มันไม่ได้เพียงแค่ดึงดูดสายตา  หัวใจของเขาก็ด้วยถูกคนตรงหน้าชักนำและดึงดูดให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตลอด แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้มากเพราะคำว่าเพื่อนมันคั่นเขาและวีไว้อยู่ ถึงเขาจะอยากแสดงความรู้สึกออกไปมากขนาดไหน แต่ก็ทำได้แค่เพียงมองข้ามหัวใจตัวเองไปเพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้

     

     

     

     

     

     

    เฮ้ โย่วว

     

    ว่าไงมึง กว่าจะเสด็จมา ไปส่งเมียที่ญี่ปุ่นหรอวะ นานฉิบหาย”   เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมกำลังเดินแบกเป้เข้ามาก็รีบเดินไปรับ ด้วยความที่เจโฮปมาสายจากที่นัดกันไว้อยู่พอสมควร แปลกที่เห็นอีกคนมีท่าทียิ้มแย้มกว่าปกติที่เคยเป็น เอ่ยแซวขำๆแต่ก็ได้คำตอบตรงประเด็นไม่อ้อมค้อมกลับมา

     

    เมียเมออะไรครับ ตอนนี้กูโสดแล้วครับน้องชาย

     

    ให้มันได้อย่างนี้ครับ  หล่อด้วยเลวด้วยเพื่อนกู  ไปมึงไปเปลี่ยนชุดเลยไอ้วีมันจะถ่ายเสร็จอยู่แล้วเนี้ย”  มือส่งไปลูบหัวเพื่อนรักด้วยความเอ็นดูและชื่นชม  เขารู้สึกภูมิใจในความสามารถด้านนิสัยเจ้าชู้ของเพื่อนคนนี้จริงๆ

     

    เออกูไปละ แล้วก็เย็นนี้พี่ดงฮยอกเรียกประชุมนะมึง บอกไอ้วีด้วยล่ะ”    

     

    เจโฮปโบกมือไหวๆให้เพื่อนรักก่อนจะหันหลังเดินเลี่ยงไปยังห้องแต่งตัว จีโฮยิ้มขันให้กับความต่างกันแต่ว่าลงตัวของพวกเขา เพื่อนคนหนึ่งก็เจ้าเล่ห์จนเบื่อจะห้าม ส่วนอีกคนก็บอกบางจนไม่อยากแตะต้อง นึกได้เพียงเท่านั้นก็ส่ายหัวแผ่วเบา ก่อนจะสาวเท้าลับไปยืนตำแหน่งเดิม และเริ่มเฝ้ามองคนที่เขาไม่กล้าแตะต้องอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    -I’m your villain-

     

     

     

     

    ผ่านมาสองวันหลังจากที่ทั้งคู่เจอกัน มันไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกแปลกหรือคิดถึงไปมากกว่ากัน  จองกุกใช้ชีวิตไปตามปกติเกือบไปทางวุ่นวาย  ในขณะที่เจโฮปก็ใช้ชีวิตทำงานเที่ยวเล่นอย่างไม่แคร์อะไรหรือสนใจใคร  จะมีก็แชทไลน์ที่คนทั้งคู่คุยกันค้างไว้ในช่วงเวลาของแต่ละวัน 

     

    เหลือวันนี้อีกแค่หนึ่งวันก็ถึงวันเดินทางของทริปพักผ่อนเจจูของพวกเขาแล้ว ทุกอย่างดูเร่งรีบและวุ่นวายไปหมด อาจเพราะความกระชั้นชิดที่คิดว่าไม่เป็นไร แต่ตอนนี้จองกุกกลับเสียงแหบแห้งเพราะต้องนัดติวล่วงหน้ากับเด็กนักเรียนเพื่อชดเชยรวมคนนี้ด้วยก็คนที่สี่แล้ว... แต่ในความวุ่นวายก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดีๆเกิดขึ้นเลย...

     

     

    ภายนอกร้านกาแฟที่มีทิวทัศน์เป็นถนนและต้นไม้ เพียงไม่นานก็ถูกบดบังแทนที่ด้วยรถสีดำคันนึง  จอดชะลออยู่อย่างนั้น  ไม่รู้ว่ามันจะบังเอิญมากไปไหม ที่ในวันนี้เจโฮปมีธุระกับเพื่อนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ ร่างโปร่งขับรถวนมาจวนจะถึงซอยและสังเกตเห็นร่างคุ้นตากำลังนั่งจิ้มสมุดและจดโน๊ตอะไรบางอย่างให้นักเรียนที่กำลังพยักหน้าหงึกหงักอย่างตั้งใจ  รอยยิ้มและแก้มอิ่มที่ขยับไปมาจะว่าไปมันก็น่ามอง  ไหนจะขาขาวๆที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้นนั่นอีก อดสงสัยไม่ได้เลยว่าเด็กที่นั่งตรงข้ามเขานั้นมีสมาธิมากพอตั้งใจฟังได้ยังไงกัน

     

    เจโฮปไม่รู้ว่าตัวเองหยุดรถตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขารู้แค่ว่า ร่างที่เขาเห็นในร้านนั้นเป็นคนที่เขาอยากเจอตลอดทั้งสองวันแน่นอน

     

     

    ติ้ง...

     

    เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือเครื่องบาง เรียกให้เจ้าของมันหันมาสนใจ  มือขาวหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างคว่ำหน้าอยู่ขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อนนัก  ปากยังคงเอื้อนเอื่อยสอนบทเรียนให้กับเด็กนักเรียนอยู่แม้ตาจะเริ่มหันมาสนใจสิ่งของในมือก่อนจะชะงักเสียงลงเพราะข้อความที่ปรากฏบนสกรีนตรงหน้าเป็นข้อความจากคนที่จองกุกอยากเจออยู่เหมือนกัน

     

     

    ตั้งใจสอนนะคุณครู~

     

     

    รอยยิ้มหวานคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก มือยกลูบท้ายทอยลดอาการขวยเขิน  ยิ่งเห็นรูปที่อีกคนส่งตามมาด้วยตายิ่งเบิกกว้างอย่างตกใจ สถานที่คุ้นตาบานกระจกใสที่มีเงาลางๆของคนใส่ชุดคล้ายตนเองอยู่  แน่นอนว่าคนที่ส่งข้อความมากำลังแอบมองเขาอยู่แต่กว่าจองกุกจะรู้ตัวว่าโดนแอบมองก็คลาดกับเจ้าของข้อความเคลื่อนรถออกไปเสียแล้ว

     

     

    คนน่ารักยิ้มให้โทรศัพท์สลับกับถนนข้างนอกที่มีรถคันคุ้นตาอยู่ไกลๆ  มือหยิบเอาแก้วน้ำที่เริ่มละลายจนจืดชืดไปมากมาดูดระคายความเขินร้อนของใบหน้า  ความหวานเจื่อนๆที่ปะทะเข้ากับลิ้นแต่ทว่ามันกลับช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

     

    อา..นี่หัวใจเขากำลังเต้นรัวเพราะฤทธิ์คาเฟอีนหรือเพราะข้อความนี้กันแน่เนี่ย~


     












    ______________________

    อีกห้าสิบเปอร์ที่เหลือมาต่อแล้วค่ะ ซึ่งช้ามาก ขออภัย TT_TT  
    ถ้ามันงงๆก็็ช่างมันเนาะ คนแต่งก็แต่งแบบงงๆเหมือนกัน  ภาษาก็แปลกๆไงไม่รู้ 5555
    ไม่ได้จัดหน้าเลยด้วยฮือ อ่านไม่สบายตาห้ามว่าเราทนเอาไปก่อนนะคะ ._.
     
    ตอนนี้ตัวละครมาเกือบครบแล้วอ่ะ แต่ในเนื้อหาไม่มีไรเล๊ย 555555 
    อย่าลืมติดตามตอนต่อๆไปด้วยเนอะ  รักทุกเม้น รักทุกวิวค่ะ จยู้บบ

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×