ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอรัก...รอเธอ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 63


    บทที่ 4

    ตอนเช้า

    “ไปกันเถอะโยม”หลวงตาบอกกับวริศที่ยืนรออยู่ที่หน้ากุฏิ

    “อ้าว เราจะไปทางเรือกันหรือครับหลวงตานึกว่าไปทางถนนอย่างเมื่อวาน”วริศถามด้วยความแปลกใจแต่ก็เดินตามไป

    “ใช่ ไปกันเถอะ เดี๋ยวญาติโยมรอนาน”

    “ครับ”

    “นมัสการค่ะหลวงพ่อ”วริศทำหน้าที่เป็นเด็กวัดคอยพายเรือให้กับหลวงพ่อจนเสร็จเรียบร้อย คอยดูแลเรื่องการทานยาของลวงตาเสร็จเรียบร้อยก็ขอตัวไปจัดการธุระของตัวเองต่อ เพราะเดี๋ยวจะไปที่เรือนไทยสาย

    “ไปโรงเรียนแล้วหรือแดง”วริศถามแดงที่กำลังเดินมาที่ท่าน้ำด้วยรอยยิ้ม

    “ครับ เดี๋ยวพ่อจะไปส่ง”แดงยิ้มกว้าง

    “สวัสดีครับลุง”วริศยกมือไหว้สมที่เดินที่กระเป๋านักเรียนของแดงเข้ามา

    “สวัสดีครับคุณ ไม่ต้องไหว้หรอกครับผมเป็นแค่คนใช้เท่านั้นเอง มาเร็วจังเลยนะครับ หม่อมกับท่านชายยังทานอาหารเช้ากันอยู่เลย”สมรับไหว้ แล้วรีบบอกไม่ให้วริศไหว้เขาอีกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ผลเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกกับวริศ

    “คนใช้ก็คนครับ การที่คนมีอายุน้อยกว่าไหว้คนที่มีอายุมากกว่าเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว แล้วนี่ลุงจะไปส่งแดงที่โรงเรียนหรือครับ”

    “ครับคุณ ไปทางเรือมันเร็วกว่า จะให้แดงมันพายไปเองก็กลัวว่าถ้าต้องการที่จะใช่เรือเดี๋ยวไม่มีเรือใช้ผมเลยไปส่งดีกว่า คุณขึ้นไปรอด้านบนก่อนดีกว่าครับ แล้วทานข้าวเช้าหรือยังเดี๋ยวผมจะไปบอกให้นางแย้มเตรียมไว้ให้”

    “ผมเรียบร้อยมาแล้วครับไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ว่าผมขอไปส่งแดงเองได้มั้ยครับ ใช้เวลานานมั้ยครับการการไปส่งแดงไปโรงเรียนทุกวันแบบนี้”

    “ไม่นานหรอกครับ แต่จะดีหรือครับผมว่าผมไปส่งเองดีกว่า”

    “ดีสิครับ เดี๋ยวผมไปส่งเอง ผมมาอยู่ที่นี่ได้สองสามวันแล้วยังไม่รู้จักที่ไหนเลย และอีกอย่างหม่อมทั้งสองกับท่านชายยังทานอาหารเช้ากันอยู่ ผมกลับจากส่งแดงพวกท่านคงจะทานเสร็จพอดี”

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

    “ครับ ไปกันเถอะแดงเดี๋ยวพี่ไปส่ง”วริศหันไปเรียกแดงให้ลงเรือมา

    “ครับ ไปแล้วนะพ่อ”แดงร้องออกมาด้วยความดีใจ

    “อ้าวตาสม ไม่ไปส่งเจ้าแดงรึ”หม่อมรัตนาถามสมด้วยความแปลกใจปกติเวลานี้สมจะไปแดงไปโรงเรียนแล้ว แต่วันนี้กลับยังอยู่ที่เรือนถ้าไปช้ากว่านี้แดงเข้าเรียนสายแน่

    “คุณวริศขออาสาไปส่งแทนครับหม่อม”

    “อ้าววริศมาแล้วหรือ ทำไมไม่พาเขาขึ้นมาละ แล้วทานข้าวเช้าหรือยัง”หม่อมรัตนาด้วยความเป็นห่วง

    “ตอนนี้คุณวริศไปส่งเจ้าแดงที่โรงเรียนครับ พอดีว่าคุณเขาทราบว่าหม่อมทั้งสองและท่านชายกำลังทานอาหารเช้าอยู่ คุณวริศเลยขอไปส่งเจ้าแดงเป็นการรอหม่อมทั้งสองและท่านชายทานอาหารเช้าด้วย ส่วนเรื่องมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วครับ อีกสักครู่คงจะกลับมา”สมรายงาน

    “ลุงสม ถ้าวริศมาถึงก็ให้เขาขึ้นมาได้เลยนะ ไม่ต้องให้รออยู่ที่ท่าน้ำหรอก เขาก็เหมือนคนในครอบครัวเรา”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินบอกกับสม

    “เอ๊ะ”

    “มีอะไรหรือชาย”หม่อมรัตนาถามด้วยความแปลกใจ

    “ไม่รู้สิครับแม่ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ในความรู้สึกผมผมรู้สึกว่าวริศเหมือนคนในครอบครับเรา เหมือนลูกหลานไม่ใช่พี่น้อง”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป

    “ชายก็มีความรู้สึกแบบนี้หรือลูก แม่คิดว่าแม่เป็นคนเดียวซะอีก ตั้งแต่ได้เจอกับวริศแม่รู้สึกเอ็นดูเขามากเลยนะเหมือนเขาเป็นลูกเป็นหลานคนนึง ยิ่งพอได้รู้เรื่องครอบครัวของเขาแม่กลับรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าไปกับเขาด้วย”

    “งั้นเราก็ถือว่าเขาเป็นญาติกับเราก็ได้นี่คะ ในเมื่อเราทุกคนต่างพากันเอ็นดูเขาจะเป็นอะไรไปถ้าเราจะให้เขามาเป็นคนในครอบครัวของเรา”หม่อมศิริรัตน์พูดขึ้นมา

    “แม่ก็เห็นด้วยกับหนูศินะชาย”

    “ครับแม่”

    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปรอรับคุณวริศเขานะครับ”

    “ไปเถอะตาสม”

    “มีอะไรหรือเปล่าครับลุง หรือว่าหม่อมทั้งสองและท่านชายทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว”วริศถามด้วยความแปลกใจที่เห็นสมมายืนอยู่ที่ท่าน้ำ

    “ผมมารอรับคุณน่ะครับ ไปเถอะครับท่านชายรอยู่”

    “ครับลุง”

    “มาแล้วหรือวริศ นั่งสิ”หม่อมเจ้าพงศธารินทักด้วยรอยยิ้ม

    “สวัสดีครับหม่อม สวัสดีครับท่านชาย”วริศกมือไหว้เดินไปนั่งตามที่หม่อมเจ้าพงศ์ธารินบอก

    “ไหว้พระเถอะลูก เห็นตาสมบอกว่ามานานแล้วหรือ คราวหลังถ้ามาถึงก็ให้ขึ้นมาบนเรือนได้เลยนะ ส่วนเจ้าแดงนะก็ให้ตาสมไปส่งเถอะ เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”หม่อมรัตนาพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

    “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ การไปส่งแดงไม่ได้ทำให้เหนื่อยอะไรทำให้ผมได้รู้จักสถานที่อื่นๆไปด้วย”

    “เอาเถอะ พร้อมที่จะเริ่มงานหรือยัง”

    “พร้อมแล้วครับ”

    “งั้นเราก็เริ่มทำงานกันเลย มานี่สิ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินลุกขึ้นนำวริศไปอีกศาลาที่อยู่ใกล้ๆกันที่ตรงนั้นมีกองเอกสารมากมายที่วางอยู่

    “รายได้ดีมากเลยนะครับ”วริศพูดขึ้นมาหลังจากที่หม่อมเจ้าพงศ์ธารินได้อธิบายระบบการทำงานต่างๆ มันก็ไม่ต่างจากยุคปัจจุบันเท่าไหร่นักหรอกในความคิดของวริศ

    “ก็เพราะรายได้ดีมากนะสิ ถึงได้มีคนอยากจะได้มันมากขนาดนั้น”

    “ท่านชายเคยได้ยินมั้ยครับที่เขาว่ากันว่าอะไรที่เป็นของเรายังไงมันก็เป็นของเรา แม้คนอื่นจะแย่งชิงไป ถ้ามันเป็นของเรายังไงมันก็เป็นของเราอยู่วันยังค่ำ และผมเชื่อว่าถ้าสิ่งนั้นเป็นของเราจริงสักวันเราจะได้มันคืนมา”

    “ดูเหมือนว่าเธอจะถูกแย่งของสำคัญไปนะ”

    “ไม่หรอกครับ ไม่ใช่แค่ของสำคัญของผมแต่เป็นของครอบครัวผม”

    “งั้นฉันก็ขอให้เธอได้คืนในเร็ววัน”

    “ขอบคุณครับ”

    “เธอเก่งนะ ดูเหมือนว่านอกจากจะแปลภาษาได้แล้วยังรู้เรื่องธุรกิจด้วย”

    “พอทำได้ครับ ตอนที่อยู่บ้านผมเคยทำงานที่โรงแรมเลยพอจะรู้รายละเอียดอยู่บ้าง”

    “งั้นก็ดีเลยสิ ถ้าเธอมีความรู้ทางด้านพวกนี้เธอจะมาช่วยฉันดูแลโรงแรมดีมั้ย ฉันขาดคนที่มีความรู้เรื่องพวกนี้อยู่พอดี”

    “ผมยินดีที่จะช่วยครับ”

    “ขอบใจมาก”

    “เอ่อ ท่านชายครับ พรุ่งนี้ผมจะพาหลวงตาไปหาหมอถ้ายังไงขอลาสักครึ่งวันได้มั้ยครับ”

    “ไม่ต้องลาหรอก ไปเถอะฉันให้ไปเดี๋ยวให้ตาสมไปส่ง โรงพยาบาลกับที่นี่ไกลกันพอสมควรถ้าไปกันเองจะลำบาก”

    “ขอบคุณมากนะครับ”วริศไม่ปฏิเสธเขาไม่อยากให้หลวงตาต้องลำบาก

    “ไม่เป็นไร หมอนัดกี่โมงละ”

    “นัดเก้าโมงเช้าครับ”

    “อืม เดี๋ยวจะให้ตาสมไปแต่เช้าเลย”

    “มาทานข้าวเที่ยงกันได้แล้วลูก ใกล้จะเที่ยงแล้วอย่ามัวทำงานกันอยู่เลย”หม่อมรัตนาเรียกหม่อมเจ้าพงศ์ธารินและวริศให้ไปทานข้าว

    “จริงสิ ใกล้เที่ยงแล้ว ไม่รู้หลวงตาได้ฉันท์เพลหรือยัง ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”วริศรวบรวมเอกสารที่จะแปลมาถือไว้ในมือ

    “ทานข้าวก่อนมั้ยวริศ เดี๋ยวให้ตาสมไปดูหลวงพ่อให้”

    “นั่นสิจ๊ะ ทานข้าวก่อนสิ”หม่อมศิริรัตน์ช่วยพูดอีกคน

    “ต้องขอโทษด้วยครับที่ต้องปฏิเสธ แต่ผมเป็นห่วงหลวงตาจริงๆ”

    “ให้เขาไปเถอะครับ ส่วนเรื่องเอกสารเดี๋ยวให้ตาสมขนเอาไปให้ก็ได้ไม่ต้องถือไปเองหรอก”

    “ไม่เป็นไรครับท่านชาย ของไม่เยอะผมถือไปเองได้ ขอบคุณนะครับ”พูดจบวริศยกมือไหว้ลาก็รีบเดินลงไปทันทีเพราะกลัวว่าจะไม่ทันหลวงตาฉันท์เพล

    “ตาสม เอาอาหารที่แบ่งเอาไว้ไปถวายหลวงตาด้วยนะ ส่วนอีกชุดก็ฝากให้วริศ”หม่อมศิริรัตน์สั่ง

    “ครับหม่อม”สมรับคำสั่งแล้วรีบไปจัดการทันที

    “โอ๊ย”

    “ขอโทษครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่าผมขอโทษนะครับที่เดินไม่ระวัง”วริศเอ่ยขอโทษคนที่ตัวเองชนแล้วช่วยเก็บของที่หล่นอยู่ตามพื้นด้วยความรู้สึกผิดเพราะความไม่ระวังของตัวเอง

    “ไม่เป็นอะไรคะ”อีกฝ่ายตอบกลับมาเก็บของไปด้วย

    “นี่ครับของของคุณ”วริศอึ้งไปทันทีเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงตรงหน้า ทำไมหัวใจเขาเต้นแรงอย่างงี้วะ วริศยกมือขึ้นมาแตะที่หัวใจของตัวเองที่ดูเหมือนจะเต้นแรงเกินไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาเคยฝันถึง เธอมีตัวตนจริงๆอย่างนั้นน่ะหรือ

    “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าเจ็บตรงนั้น”หญิงสาวตรงหน้าถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นผู้ชายที่มาชนเธอยกมือขึ้นจับที่หน้าอกตัวเอง

    “อะเอ่อ ไม่เป็นอะไรครับ แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่าผมต้องขอโทษด้วยที่เดินไม่ระวังชนคุณเข้า”วริศตอบด้วยท่าทีอึกอัก แล้วถามกลับด้วยความเป็นห่วง

    “อ้าวคุณวริศ เกิดอะไรขึ้นครับทำไมเอกสารหล่นกระจายไปหมด มาครับผมช่วยเก็บ”สมวางปิ่นโตลงแล้วรีบไปช่วยวริศเก็บเอกสาร

    “สวัสดีค่ะลุงสม”

    “อ้าวคุณเขม สวัสดีครับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”สมรับไหว้แล้วอดแปลกใจไม่ได้

    “เพิ่งมาถึงค่ะ”

    “คุณวริศครับ นี่คุณเขมมิกาเป็นลูกของเพื่อนหม่อมครับ คุณเขมครับนี่คุณวริศครับมาช่วยท่านชายแปลภาษาครับ”สมแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน

    “สวัสดีค่ะคุณวริศ”

    “สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับลุงสม แต่ผมต้องรีบไปแล้ว และต้องขอโทษคุณเขมมิกาอีกครั้งที่ไม่ระวัง”วริศรับเอกสารมาจากสมแล้วรีบวิ่งไปที่ท่าน้ำทันที

    “ดูเขารีบร้อนจังนะคะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ

    “อ้อ ครับ คุณวริศคงจะรีบไปหาหลวงพ่อนะครับ”

    “หลวงพ่อ?”เขมมิกาถามด้วยความแปกลใจ

    “คุณวริศพักอยู่ที่วัดครับ คอยดูแลหลวงพ่อเติมอยู่”

    “แล้วเขาเป็นใครมาจากไหนหรือค่ะ เขมไม่เคยเห็นเขาที่วัดเลย”เขมมิกาถามด้วยความสงสัยเนื่องจากเธอมาที่นี่บ่อยและมักไปทำบุญที่วัดเสมอแต่ไม่เคยเจอวริศเลย

    “เห็นว่าเป็นญาติกับหลวงพ่อครับ เพิ่งมาอยู่ได้สองสามวันนี่เอง”

    “เขามาทำงานที่นี่ด้วยหรือคะ”

    “เปล่าหรอกครับคุณเขมคุณวริศแค่มารับงานจากท่านชายเท่านั้น คุณวริศจะนำกลับไปแปลที่วัดครับ ตายแล้วผมลืมไปเลยผมขอตัวก่อนนะครับคุณเขมผมต้องเอาปิ่นโตไปที่วัดเดี๋ยวจะเลยเวลาฉันท์เพลของหลวงพ่อ”สมพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นมาได้ว่าต้องเอาปิ่นโตไปวัด

    “สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะพี่ชาย สวัสดีค่ะพี่ศิ”เขมมิกาขึ้นไปบนเรือนก็เจอกับหม่อมทั้งสองคนและหม่อมเจ้าพงศ์ธารินกำลังจะรับประทานอาหารพอดี

    “สวัสดีลูก มามาทานข้าวด้วยกัน นางบัวไปเอาจานมาให้คุณเขมเขาหน่อยไป”หม่อมรัตนาตะโกนบอกบัวที่อยู่ไม่ไกลนัก

    “ค่ะหม่อม”

    “เสียดายหนูเขมมาช้า ป้ามีคนแนะนำจะให้รู้จัก”

    “จะเริ่มจับคู่อีกแล้วหรือครับแม่ ยัยเขมมีคู่หมั้นแล้วนะครับ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ เพราะรู้ว่าท่านแค่พูดเล่นเท่านั้น

    “แม่เปล่าสักหน่อย ชายอย่ามาใส่ร้ายแม่นะ”

    “ถ้าเป็นคุณวริศ เขมเจอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยรอยยิ้มขำๆ

    “อ้าว ไปเจอกันตอนไหนละลูก”

    “ไปเจอกันตอนที่คุณวริศเขาลงไปจากเรือนน่ะค่ะ ชนกันนิดหน่อยลุงสมไปเจอเข้าเลยแนะนำให้รู้จักกัน”

    “อ้อ แล้วเป็นไงหน้าตาหล่อมั้ยละ”

    “แม่ครับ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินเรียกหม่อมรัตนาด้วยน้ำเสียงปรามๆ เขมมิกามีคู่หมั้นอยู่แล้วถึงแม่เขาจะพูดเล่นแต่ถ้าคนอื่นมาได้ยินอาจจะเข้าใจผิดได้

    “อะไรละชาย ไม่ต้องมาเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงดุๆแบบนั้นเลยนะ แม่ก็พูดไปแบบนั้นเองและอีกอย่างแม่ก็รู้อยู่ว่ายัยเขมเขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว”

    “ศิว่าเรามาทานข้าวกันต่อดีกว่าคะ นี่ก็เที่ยงแล้วเจ้าหนูในท้องเริ่มประท้วงแล้วนะคะ”หม่อมศิริรัตน์เป็นคนห้ามทัพของสองแม่ลูก

    “ก็ได้ลูก แม่เห็นแค่หนูศิและหลานแม่หรอกนะ”หม่อมรัตนามองลูกชายด้วยท่าทางงอนๆ ท่านชายพงศ์ธารินมองอาการงอนของแม่ด้วยรอยยิ้ม

    “มีอะไรหรือโยม ทำไมวิ่งหน้าตื่นมาแบบนั้น”หลวงตาถามวริศด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ถ้าให้ท่านเดาคงจะไม่พ้นเรื่องทานยาแน่นอน

    “ผมกลัวไม่ทันมาดูแลหลวงตานะครับ หลวงตาฉันท์เพลหรือยังครับ ตอนนี้ยังมีเวลาถ้ายังเดี๋ยวผมจัดสำรับให้”วริศหันไปมองที่นาฬิกาเมื่อเห็นว่ายังมีเวลา

    “อาตมาฉันท์เรียบร้อยแล้วละ โยมละทานอะไรหรือยัง”

    “ยังครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาช้า พอดีคุยงานเพลินไปหน่อยทำให้ลืมเวลาไปเลย แล้วยาละครับหลวงตาทานหรือยัง”

    “เรียบร้อยแล้วละโยม โน่นไปดูสิโยมสมเขามาเรียกโยมอยู่หรือเปล่า”หลวงตาบอกเมื่อได้ยินเสียงของสมดังแว่วๆมาจากด้านล่างกุฏิ

    “ครับ เดี๋ยวผมขึ้นมาใหม่นะครับ”วริศเดินลงไปที่ด้านล่างกุฏิก็เจอกับสมที่ยืนรออยู่

    “คุณวริศครับนี่ครับอาหารเที่ยงหม่อมศิริรัตน์ท่านฝากมาให้ ส่วนนี่จะถวายเพลสักหน่อยแต่คงไม่ทันแล้ว ถ้าอย่างนั้นให้กับคุณวริศไปทั้งหมดเลยก็แล้วกันนะครับ”สมยยื่นปิ่นโตสองเถาให้กับวริศ

    “อ่าครับ ฝากขอบคุณหม่อมด้วยนะครับ อ้อแล้วข้าวเย็นไม่ต้องให้แดงเอามาให้แล้วนะครับเพราะมีไอ้นี่อยู่แล้ว”วริศชูปิ่นโตให้ดูเพราะปิ่นโตตั้งสองเถามื้อเดียวคงไม่หมด

    “ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะมารับตั้งแต่เช้านะครับ”

    “ครับ ขอบคุณด้วยนะครับ”

    “ครับ ถ้ายังไงผมกลับก่อน”

    “อะไรละโยม”หลวงตาถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นวริศถือปิ่นโตมา

    “ลุงสมเอากับข้าวมาให้ครับ แล้วจะเอามาถวายหลวงตาด้วยแต่ไม่ทันเลยให้ผมเก็บเอาไว้ พรุ่งนี้ลุงสมจะมารับเราไปโรงพยาบาลนะครับหลวงตา”วริศพูดไปเก็บของไป

    “ที่จริงไม่ต้องรบกวนทางนั้นก็ได้”

    “ผมบอกแล้วครับแต่ท่านชายท่านอยากช่วยผมเลยไม่อยากขัด วันนี้ผมเจอคนอีกคนที่มีชื่ออยู่ในบันทึกเล่มนั้นอีกแล้วนะครับ ทำไมเวลาเพียงไม่กี่วันคนที่มีชื่ออยู่ในบันทึกนั้นถึงได้ทยอยเข้ามาจนผมแทบตั้งตัวไม่ทัน”

    “วันเวลาไม่เคยอยู่กับที่หรอกโยม”

    “ผมกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ผมคิด”

    “ถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด โยมไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก เพราะการที่โยมมาที่นี่ไม่ใช่มาเพื่อการเปลี่ยนแปลงแต่มาเพื่อการพบเจอ”

    “การพบเจอที่ต้องจากใช่มั้ยครับ”ได้เจอแล้วยังไงสุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี

    “แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้เจอไม่ใช่หรือโยม”

    “ไม่รู้สิครับ การที่ต้องมาเจอแล้วต้องจากกันหรือว่าไม่เจอกันเลยอย่างไหนจะดีกว่ากัน”

    “เอาละ อาตมาว่าโยมไปทานข้าวเถอะ นี่ก็เที่ยงแล้วจะได้ทำงานต่อ”

    “ครับ”

    “ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดีนั้นแหละโยม”หลวงตาเติมพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

    “จะทำอะไรนะแดง”แดงที่แอบย่องมาด้านหลังวริศถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกวริศจับได้ ทั้งที่วริศนั่งหันหลังให้เขา วริศรู้ได้ยังไงว่าเขามา แดงคิดอย่างสงสัย

    “พี่วริศรู้ได้ไงว่าเป็นผม”แดงกอดอกหน้ามุ้ยมองวริศเขียนอะไรก็ไม่รู้ภาษาประหลาด เขาว่าเขาย่องาเบาสุดๆแล้วนะ

    “ไม่บอกหรอก ว่าแต่เลิกเรียนแล้วหรือ”

    “เลิกแล้วครับ แล้วก็นี่ ช่วยสอนการบ้านให้หน่อยสิครับพี่วริศ”แดงยื่นสมุดหนังสือให้วริศดู

    “หือ กี่วิชาละทำไมแบกทั้งกระเป๋ามาเลย”

    “สาม”แดงชูนิ้วขึ้นสามนิ้วให้วริศดู

    “งั้นก็เอาออกมาให้หมดแล้วแดงลองทำไปก่อน ถ้าทำไม่ได้ตรงไหนค่อยถามพี่ตกลงมั้ย”

    “ตกลงครับ”แดงรับคำหยิบการบ้านออกมาทำ

    “ดีมาก”วริศขยี้ผมแดงเบาๆด้วยความเอ็นดู

    “ต้องทำยังไงหรือครับ ช่วยหน่อยสิ”แดงพูดขึ้นมาหลังจากที่ทำไปแล้วแต่ข้อนี้ทำไม่ได้

    “ไหนดูสิ แดงต้องทำตรงนี้ก่อนแล้วค่อยมาทำตรงนี้”วริศอธิบายแดงไปเรื่อยๆจนแดงเข้าใจแล้ว แดงจึงทำการบ้านเอง เขาไม่ได้ให้คำตอบไปเลยแต่เขาเสนอวิธีคิดให้ เพราะการที่เราให้คำตอบไปเลยแต่เด็กวิธีคิดเขาว่าทำหรือไม่ทำค่ามันก็เท่ากัน

    “ไอ้แดง มาอยู่ที่นี่เองพ่อตามหาตั้งนาน มากวนอะไรคุณเขาอีก”เสียงสมที่ดังมาแต่ไกลทำให้แดงถึงกับสะดุ้งกับเสียงดุๆนั้น

    “แดง ไม่ได้บอกพ่อหรือว่ามาหาพี่”วริศถามแดงเสียงดุ

    “บอกอะไรละครับคุณ พอไปรับมันกลับมาจากโรงเรียนพอถึงเรือนปุ๊บมันก็หายตัวปั๊บ ตอนแรกนึกว่าไปเล่นกับเด็กแถวนั้นแต่ที่ไหนได้ ผมไปตามก็ไม่เจอ เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าไอ้แดงอาจจะมาหาคุณ แล้วก็มาจริงๆด้วย แดงคงไม่ได้มากวนคุณนะครับ”สมอธิบายเสียยืดยาว

    “ไม่หรอกครับ แดงมีการบ้าน เขาเลยเอามาให้ผมสอนนะครับ ลุงอย่าไปดุแดงเขาเลย ส่วนแดงคราวหลังเวลาจะไปไหนก็ให้บอกพ่อหรือคนที่บ้านไว้บ้างเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเข้าใจมั้ย”วริศถามแดงเสียงดุนิดๆ

    “เข้าใจครับ”แดงรับคำด้วยสีหน้าอ่อยๆ

    “แล้วทำการบ้านเสร็จหรือยัง”สมถามต่อ

    “ยังเลยพ่อ ยังเหลืออีกวิชานึง”

    “ลุงสมมีอะไรจะใช้แดงหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีให้แดงทำการบ้านให้เสร็จก่อนก็ได้เดี๋ยวผมจะไปส่งแดงที่บ้านเอง ลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย”

    “ไม่มีหรอกครับ กลัวก็แต่ว่าแดงมันจะมากวนคุณทำงานมากกว่า”

    “แดงไม่ได้กวนผมหรอกครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน ขอบคุณมากนะครับเอ็นดูแดงมันถึงขนาดนี้”

    “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมเห็นแดงเหมืนกับหลานคนหนึ่ง เขาอายุมากกว่าหลานผมที่บ้านไม่กี่ปีพอเห็นแล้วก็อดนึกที่จะเอ็นดูไม่ได้”

    “ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณครับคุณวริศมากที่เอ็นดูแดงมัน”

    “เสร็จแล้ว”แดงตะโกนออกมาเสียงดัง

    “เบาๆหน่อยแดง หลวงตาจำวัดอยู่”

    “ขอโทษครับ พี่วริศ พี่วริศมีหลานกี่คนหรือ”แดงถามขึ้นมา

    “ตอนนี้มีห้าคนครับ คนที่ห้ากำลังอยู่ในท้อง”

    “โห แล้วหล่อเหมือนพี่วริศเปล่า”

    “หล่อสิ หลานของพี่หล่ออยู่แล้ว”วริศพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ

    “อยากเจอจัง”

    “ถ้ามีโอกาส พี่จะพาพวกเขามาหาแดงเอง”

    “จริงนะ”

    “จริงครับ งั้นก็เก็บกระเป๋าได้แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน”

    “ครับ”

    “ไปกันเถอะ”แดงเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีโดยมีวริศเดินตามไป

    “พี่เขม”แดงตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่ท่าน้ำ

    “อ้าวแดง ไปไหนมาทำไมกลับเอาป่านนี้”เขมมิการ้องทักแดงด้วยรอยยิ้ม

    “ผมไปทำการบ้านมา แล้วพี่เขมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”แดงถามอย่างอารมณ์ดีเดินขึ้นไปบนท่าน้ำลืมวริศไปซะสนิท เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกลืมวริศก็ตัดสินใจพายเรือกลับไปด้วยรอยยิ้ม ถ้าเขาร้องเพลงออกมาตอนนี้จะมีคนหาว่าเขาบ้ามั้ยนะ วริศหลุดหัวเราะออกมากับความคิดของตัวเอง

    “อ้าวพี่วริศหาย”แดงร้องขึ้นมาอย่างนึกขึ้นมาได้เมื่อเขาลืมว่าวริศมาส่งมัวแต่คุยกับเขมมิกาจนลืม แหม ก็ไม่ได้เจอพี่เขมบ่อยนี่นาพอเจอแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ก็พี่เขมนะสวยมาก

    “มานึกเอาตอนนี้ไม่ทันแล้วละ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ

    “กะว่าจะแนะนำให้รู้จักกันเสียหน่อย”

    “พี่รู้จักแล้วจ้า เจอกันเมื่อตอนเที่ยง”

    “พี่วริศหล่อใช่ม้า”

    “แก่แดดนักนะเรา ไปกันเถอะ”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×