คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3
บทที่
3
ตอนเย็น
“อ้าวแดง มาทำอะไรที่นี่อีก”วริศถามแดง
วันนี้เจอกันที่ท่าน้ำอีกแล้ว
“มาหาพี่วริศไงครับ
จะมาชวนไปเก็บผักบุ้งด้วยกัน”แดงยิ้มแป้นวันนี้พายเรือมาเขาไม่อยากโดนดุอีก
“หืม เมื่อวานก็เก็บไปแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้จะแกงอะไรอีกละ”
“เห็นยายแย้มบอกว่าจะแกงเทโพครับ พี่วริศชอบทานมั้ย”
“ก็ชอบนะ
แต่ไม่รู้ว่ายายแย้มจะทำอร่อยเท่าที่บ้านพี่ได้หรือเปล่านะสิ”วริศพูดด้วยรอยยิ้มถึงรสมือจะเหมือนกับสูตรของคุณปู่แต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนกันหมดทุกอย่าง
“แล้วเมื่อวานอร่อยสู้ได้หรือเปล่าละครับ”แดงถามอย่างอยากรู้ยังมีใครที่ทำอาหารได้อร่อยสู้หม่อมท่านได้อีกหรือ
“ก็พอได้อยู่”วริศพูดออกไปแบบนั้นแต่ที่จริงแล้ว
มันอร่อยมากแทบจะเรียกได้ว่ารสชาติเดียวกันเลยต่างหาก
“ก็พอได้ แสดงว่าอร่อยสู้ได้”แดงยิ้มกว้าง เดินนำวริศไปที่เรือ
“มันเหมือนกันตรงไหนวะ”วริศพูดออกมาเบาๆแล้วเดินตามแดงไปที่เรือ
“พี่วริศ พี่วริศมีคนรักหรือยัง”แดงถามขึ้นมา
“หา ว่าไงนะ”วริศเกือบทำพายหลุดมือกับคำถามแดง
“พี่วริศมีคนรักหรือยัง ฉันมีคนรักแล้วนะ
สวยด้วย”แดงพูดอย่างโอ่ๆกอดอกยักคิ้วให้กับวริศ
“แก่แดดนะเรานะ
ตัวแค่นี้มีคนรักเสียแล้ว”วริศยื่นมือไปขยี้ผมแดงด้วยความหมั่นไส้ ดูๆแล้วแก่แดดไม่แพ้หลานๆเขาเลย
“มีจริงๆนะ
แล้วพี่วริศมีคนรักหรือยังละฉันถามพี่ยังไม่ตอบเลย”แดงถามต่อ
“ยังไม่มีหรอก ยัยน้องยังไม่หามาให้”วริศตอบยิ้มๆ
“ใครหรือยัยน้อง
แล้วทำไมเขาต้องหาคนรักให้พี่วริศด้วยละหรือว่าเขาเป็นแม่สื่อ”แดงถามด้วยความสงสัย
ว่ายัยน้องที่วริศพูดถึงคือใคร
“ยัยน้องหรือ เขาเป็นน้องสาวสุดที่รักของพี่
เป็นน้องสาวคนสุดท้อง เป็นเหมือนนางฟ้าตัวเล็กๆที่สามารถเรียกรอยยิ้มของพี่ๆได้
เขาเป็นคนสำคัญของพี่”เมื่อพูดถึงเอลิกา รอยยิ้มที่ใบหน้าวริศก็ผุดออกมา
“แล้วพี่วริศมีพี่น้องกี่คนหรือจ๊ะ แล้วน้องสาวของพี่ชื่ออะไร
แล้วสวยสู้พี่เขมพี่ลินได้หรือเปล่า”แดงชักอยากรู้แล้วสิ
“พี่เขม พี่ลินหรือใครอีกละ
พี่มีพี่ชายที่พ่อแม่เดียวกันหนึ่งคนชื่อเอราวัณ มีลูกพี่ลูกน้องทั้งหมดสิบสี่คน
ภายในสิบสี่คนมีน้องสาวคนหนึ่งก็คือยัยน้อง ยัยน้องชื่อเอลิกา ชื่อเล่นว่าเอล
แต่คนที่ไม่สนิทจะเรียกว่าเอ อ้อ
แต่มีคนหนึ่งถึงจะสนิทก็เรียกยัยน้องว่าน้องเอตลอด”
“โห พี่น้องเยอะจังแบบนี้ไม่ทะเลาะกันแย่หรือ
ขนาดท่านชายกับน้องท่านชายยังทะเลาะกันบ่อยๆเลย”แดงพูดด้วยท่าทางไม่ชอบใจนัก
“ทำไมละ เป็นพี่น้องก็ต้องรักกันสิ”
“ก็น้องชายของท่านชายธารินนะสิ ท่านอยากได้สมบัติของท่านชายธาริน
คอยมาขู่ที่จะเอาสมบัติจากท่านชายธารินบ่อยๆ
ทั้งๆที่ท่านชายก็ให้ไปเกือบหมดแล้วยังจะมาเอาอีกนิสัยไม่ดี”แดงเบ้หน้าไม่ชอบใจเอาเสียเลยแต่ถึงจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“แดง อย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินอีก ถ้าหากคนอื่นได้ยินเข้าแล้วเอาไปฟ้องน้องของท่านชายธาริน
แดงจะโดนลงโทษอย่างหนักนะ”วริศดุแดงเสียงเข้ม
“ครับ
ขอโทษครับถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่พูดหรอกแต่เพราะเป็นพี่วริศฉันถึงพูด
ไม่รู้ทำไมถึงได้ไว้ใจพี่จัง”แดงยิ้มออกมาทั้งๆที่เมื่อกี้หน้าหงอยไปที่ถูกวริศดุ
“แล้วจะบอกพี่ได้หรือยังว่าพี่เขมกับพี่ลินคือใคร”
“พี่เขมกับพี่ลิน เป็นลูกของเพื่อนหม่อมรัตนาครับ
พี่เขมจะมาเยี่ยมหม่อมรัตนาบ่อยๆ
ส่วนพี่ลินปกติก็อยู่ที่นี่แต่ตอนนี้พี่ลินกลับไปเยี่ยมคุณพ่อที่บ้านตอนนี้เลยไม่อยู่ที่บ้านเรือนไทย
พี่เขมและพี่ลินสวยมากเลยนะครับ ใจดีมากด้วยทำอาหารก็อร่อย”เขมที่แดงพูดถึงคือเขมมิกาที่จะมาเยี่ยมหม่อมรัตนาบ่อยๆทุกอาทิตย์
ส่วนลินหรือนันท์นลินนั้นมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเรือนไทยแห่งนี้
“หรอ สวยยังไงก็สวยไม่สวยกว่าน้องสาวพี่หรอก”
“พี่วริศคอยดูก็แล้วกัน”
“พี่จะคอยดู”
“ขึ้นมาด้านบนก่อนสิวริศ เจ้าแดงไปกวนอีกแล้วละสิ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่อเห็นวริศช่วยแดงหอบผักบุ่งขึ้นจากบนเรือ
“ไม่ได้กวนอะไรหรอกครับ
ดีซะอีกผมจะได้มีเพื่อนคุย”วริศพูดด้วยท่าทีนอบน้อม
“ว่างหรือเปล่า
ถ้าว่างขึ้นมาก่อนสิ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินชวนวริศอีกครั้ง
“ว่างครับ”วริศตอบรับแล้วเดินตามหม่อมเจ้าพงศ์ธารินขึ้นเรือนไป
“อ้าว
ชายพาใครมาด้วยละลูก”หม่อมรัตนาถามขึ้นมาเมื่อเห็นวริศเดินตามหลังหม่อมเจ้าพงศ์ธารินมา
อาจเพราะว่าเสาบังอยู่เลยทำให้หม่อมรัตนามองไปชัด
“วริศไงครับแม่
พอดีวริศมาส่งเจ้าแดง ผมเลยชวนขึ้นมาบนเรือน”
“สวัสดีครับหม่อม”
“ไหว้พระเถอะลูก มานั่งใกล้ๆนี่สิไม่ต้องพิธีรีตองอะไรหรอก
เจ้าแดงคงไม่ไปกวนอะไรใช่มั้ย รายนั้นนะแก่แดดเกินเด็ก
แต่ก็ไม่ใช่เด็ดก้าวร้าวอะไรหรอกนะ”หม่อมรัตนาพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“ขอบคุณครับ แดงเป็นเด็กน่ารักครับคุยเก่งไม่ได้ไปกวนอะไร
อาจจะดูแก่แดดไปสักนิดอย่างที่หม่อมว่าแต่ก็ไม่ได้ดูไม่ดีอะไรหรอกครับ”
“หน้าฉันมีอะไรหรือ”หม่อมศิริรัตน์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นวริศจ้องมาที่เธออยู่หลายครั้ง
“เอ่อ ขออภัยครับหม่อม”วริศสะดุ้งเล็กน้อย รีบพูดขอโทษทันที
“ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า
หรือหน้าของฉันมีอะไรติดอยู่”หม่อมศิริรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คือ คือว่าหน้าของหม่อมคล้ายคลึงกับทวดของผมนะครับ
ผมเลยเสียมารยาทกับหม่อมขอโทษด้วยนะครับ”วริศ ก้มหัวลง
“ฉันดูแก่ขนาดนั้นเลย”หม่อมศิริรัตน์ถามด้วยน้ำสียงขำๆ
“เปล่าหรอกครับ เปล่า”วริศรีบยกมือปฏิเสธ
“งั้นแสดงว่าคุณทวดคงเธอคงจะสวยมากสินะวริศ
เพราะว่าภรรยาของฉันนะสวยที่สุดเลย เธอว่าจริงมั้ย”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพูดล้อ
“สำหรับผมคนที่สวยที่สุดก็คือน้องสาวผมครับ
ต้องขอโทษท่านชายด้วยที่พูดออกไปแบบนี้”วริศก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาหม่อมเจ้าพงศ์ธาริน
เพราะกลัวว่าท่านชายจะโกรธที่พูดไปแบบนั้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอก
เพราะแต่ละคนความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
แต่ที่น่าแปลกกว่าก็คือทำไมวริศถึงบอกว่าน้องสาวสวยที่สุดละ
ปกติถ้าไม่บอกว่าคนรักสวยที่สุดก็จะเป็นแม่หรือไม่ก็คนรักไม่ใช่หรือ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินถามด้วยความแปลกใจ
“ในชีวิตของผมคนที่สวยที่สุดก็คือน้องสาวของผมครับ
ถึงแม้จะมีคนรักหรือภรรยาคนที่สวยที่สุดก็คือน้องสาวผมครับ
อาจเพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโตผมกับพี่ๆและน้องๆเลี้ยงน้องสาวมากับมือ
ไม่ว่าน้องสาวผมจะทำอะไรก็ดูสวยงาม น่ารักน่าเอ็นดูไปซะหมด
อาจเป็นเพราะว่าที่บ้านมีแต่ผู้ชายด้วยมั้งครับ พอน้องสาวผมเกิดมาพวกผมก็เลยตกหลุมรักเด็กทารกตัวเล็กๆ
นัยต์ตาสีเทา น้องสาวผมเขาเป็นเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมน
เขาเป็นเหมือนหลักยึดของพวกผม
เพราะฉะนั้นนี่คือคำตอบว่าทำไมน้องสาวผมสวยที่สุด”วริศพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เขาคิดถึงเอลิกาและพี่น้องคนอื่นๆ ปกติถึงจะห่างกัน แต่ก็ไม่เคยห่างกันแบบนี้
“ขอโทษนะที่ต้องถามแบบนี้
ที่บอกว่าพี่ๆน้องๆช่วยกันเลี้ยงน้องสาว
พ่อแม่ไปไหนละหรือว่าพวกท่านต้องทำงานเลยไม่มีเวลาเลี้ยงลูก”หม่อมรัตนาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ถ้าพวกท่านต้องทำงานจนไม่มีเวลามาเลี้ยงพวกผมก็ดีสิครับ
พวกท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่พวกผมเด็กๆแล้วละครับ เสียไปแล้ว”วริศยิ้มเศร้าๆ
“ต้องขอโทษด้วยที่ถามออกไปแบบนั้น”หม่อมรัตนารีบพูดขอโทษ
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมทำใจได้แล้ว”
“งั้นแสดงว่าวริศกับน้องสาวไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกันหรือ
ครอบครัวมีกันกี่คนละ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินถามขึ้นมา
“ครับ คุณปู่ท่านมีลูกชายเจ็ดคน
ต่อมาก็มีพวกผมซึ่งเป็นรวมแล้วสิบห้าคน ในงานวันเกิดของท่านปีหนึ่ง ครอบ ครัวของเราไปฉลองวันเกิดกับท่าน
แต่เพราะว่างานมีปัญหาต้องทำให้พ่อแม่
คุณลุงและคุณอารวมทั้งภรรยาของท่านรีบกลับไปแก้ปัญหา
ยกเว้นคุณลุงที่เป็นลูกชายคนโตและภรรยาของท่านที่อยู่ดูแลคุณปูและดูและพวกผม
ที่ไม่ได้กลับไปด้วยกัน วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวของผมสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด
หลังจากเกิดการสูญเสียนั้นอีกหลายปีต่อมาคุณป้าก็ตั้งท้องทั้งๆที่ท่านก็อายุมากพอสมควรแล้ว
ท่านตั้งท้องน้องสาวผม และวันที่น้องสาวผมคลอดทุกคนมีความรู้สึกยินดี
มีความสุขมากหลังจากที่มีความทุกข์กันมานานแต่ก็ความสุขมันก็หายไปอีกครั้งเมื่อคุณป้าเสียชีวิตในวันนั้นด้วย
หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็ช่วยกันดูแลน้องสาว
จากที่เคยเอาแต่เล่นซนไปวันๆก็มาช่วยกันดูแลน้องสาวที่เปรียบเหมือนดวงใจของคนทั้งบ้าน
จากนั้นผ่านไปเจ็ดปี คุณลุงก็เสียชีวิตไปอีกคน
พวกผมเติบโตมากับคุณปู่และพี่ชายที่คอยเลี้ยงดูพวกผม
เพราะอย่างนั้นพวกผมเลยรักกันมาก
คอยช่วยเหลือกันมาตลอด”วริศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
หม่อมรัตนาและหม่อมศิริรัตน์น้ำตาคลอ ส่วนหม่อมเจ้าพงศ์ธารินก็พลอยเศร้าไปด้วย
“ต้องขอโทษด้วยที่ถามออกไปแบบนั้น”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพูดขอโทษ
ท่านรู้สึกผิดที่ถามออกไปแบบนั้นการที่ต้องสูญเสียคนที่เรารักไปมันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ
เพราะนอกจากเรื่องร้ายๆแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดีๆเลยอย่างน้อยผมก็มีน้องสาวที่น่ารัก”
“ฉันชักอยากเจอน้องสาวของวริศแล้วสิว่าจะสวยมากแค่ไหน
นัยต์สีเทานี่เป็นลูกครึ่งหรือ”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินถามด้วยความแปลกใจ
เพราะมีน้อยมากที่คนไทยจะมีภรรยาเป็นคนต่างชาติ
“ลูกเสี้ยวมากกว่าครับ คุณยายของน้องสาวผมท่านเป็นลูกครึ่ง”
“คงจะสวยน่าดู มีรูปมั้ยละ”
“เอ่อ ไม่มีครับแต่ผมสามารถวาดได้”
“ถ้าอย่างนั้นว่างๆวาดให้ดูหน่อยเถอะ
ฉันอยากจะรู้นักว่าน้องสาวของวริศจะสวยขนาดไหน”
“ครับ”
“เอาละ
หยุดพูดเรื่องเครียดกันดีกว่ามาทานของว่างกันดีกว่าแม่แย้มนำมาพอดี”
“ขอบคุณครับ”
“เสียงเอะอะอะไรกัน”หม่อมรัตนนาถามขึ้นมา
เพราะด้านล่างมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นไม่มาขาดสาย
“เดี๋ยวผมลงไปดูให้ครับ”วริศเสนอขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอกวริศ ตาสมขึ้นมาแล้ว”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินบอก
“ใครมันมาเอะอะโวยวายอยู่ด้านล่างหรือตาสม”หม่อมรัตนาถามสมทันทีเมื่อสมเดินมาถึงด้วยท่าทางร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“หม่อมเจ้าพงศ์ปณตมาครับหม่อม”สมตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ไปบอกเขาว่าที่นี่ไม่มีอะไรจะให้เขาอีกแล้ว
และให้กลับไปได้ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเขาอีก”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินบอกเสียงเรียบ
“ครับ”สมรับคำแล้วรีบเดินลงไป
“โอ๊ย”สมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกโยนลงกับพื้น
“มันจะเกินไปแล้วนะ ทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วยพงศ์ปณต”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินลุกขึ้นยืนขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างของสมถูกโยนมาด้วยฝีมือของลูกน้องหม่อมเจ้าพงศ์ปณต
“นี่มันยังน้อยไปที่ไอ้คนชั้นต่ำมันกล้ามาขวางฉัน”หม่อมเจ้าพงศ์ปณตมองไปที่สมด้วยสายตาดูถูก
“เป็นอะไรมากมั้ยครับ”วริศรีบพยุงสมให้ลุกขึ้น
“ไม่เป็นอะไรครับคุณ”สมบอก
แม้จะมีอาการจุกบ้างแต่ก็เลือกที่จะบอกว่าไม่เป็นอะไรเพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง
“กลับไปเถอะ
ที่นี่ไม่มีอะไรจะให้ท่านชายอีกแล้วที่ผ่านมายังไม่พออีกหรือถึงได้จะมาเอาอีก
อย่าโลภมากนักเลย”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพยายมข่มความโกรธเต็มที่ ที่ผ่านมาเขาถือว่าเขาทนมาพอแล้ว
“ไม่มีหรือ อย่ามาโกหกตอแหลเหมือนกับแม่แกนะไอ้ธาริน
แกหาว่าฉันโลภมากถ้าแม่แกไม่โลภมากอยากได้อยากมีจนไปยั่วยวนท่านพ่อ
แม่ฉันก็คงไม่ต้องตรอมใจตายอย่างนี้”หม่อมเจ้าพงศ์ปณตชี้หน้าหม่อมเจ้าพงศ์ธาริน
สายตามองไปที่หม่อนรัตนาด้วยสายตาดูถูก
ความโกรธและความแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือครับ”วริศพูดขึ้นคำพูดและการกระทำของหม่อมเจ้าพงศ์ปณตที่ที่พูดและแสดงออกมามันชั่งแตกต่างกับคำนำหน้าเหลือเกิน
“แล้วแกเป็นใคร
ถึงกล้าดีพูดกับฉันแบบนี้คงไม่พ้นขี้ข้าบ้านนี้สินะ เป็นถึงเจ้านายหัดสั่งสอนบ่าวไพร่มันบ้าง
อีกหน่อยคนอื่นเขาจะแยกไม่ออกว่าคนไหนนายคนไหนไพร่”
“พอสักทีเถอะครับ
แล้วก็กลับไปได้แล้วผมไม่มีอะไรท่านชายอีกเพราะที่ผ่านมาผมก็ให้ท่านชายไปหมดแล้ว
ผมว่าท่านชายควรจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกผมเสียที และอีกอย่างแม่ก็ไม่ได้ยั่วยวยท่านพ่อและหม่อมช้องนางก็ไม่ได้ตรอมใจตายแต่สาเหตุการตายท่านชายน่าจะทราบดีไม่ใช่หรือว่าเพราะอะไร”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพยายามอย่างมากที่ตะเก็บอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ปะทุออกมา
“นั้นมันเรื่องที่พวกแกแต่งมันขึ้นมา
และสมบัติพวกนั้นก็ยังไม่หมด ฉันต้องการโรงแรมของแกและกิจการเล็กๆที่แกมีอยู่
แกจะต้องให้ฉันทั้งหมด”หม่อมเจ้าพงศ์ปณตรู้อยู่แก่ใจว่าว่าอะไรเป็นอะไรแต่เลือกทีทตะไม่ยอมรับความจริง
“ไม่ครับ ที่ผ่านมาผมให้ไปเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน
ธุรกิจต่างๆแก้วแหวนเงินทองที่เสด็จพ่อมอบให้ ผมให้ท่านชายไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามาเรียกร้องอะไรอีกและก็ระวังคำพูดด้วย”
“แต่ฉันจะเอาอีก
ถ้าแกไม่ให้ดีๆก็เตรียมตัวให้ดีก็แล้วกันแกจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น”หม่อมเจ้าพงศ์ปณตมองทุกคนในบ้านด้วยสายตาเคียดแค้นแล้วเดินกลับไป
“ชายลูก”หม่อมรัตนาน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดแต่เหตการณ์คนั้งนี้มันรุนแรงขึ้นกว่าเดิมจนท่านนึกกลัว
“คุณแม่คะ
ไม่เป็นอะไรนะคะ”หม่อมศิริรัตน์รีบเข้าไปดูเมื่อเห็นหม่อมรัตนาทำท่าจะเป็นลม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ
ไม่เป็นอะไรแม่อย่าเครียดเลย”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินเข้าไปช่วยปลอบ
“ชายลูก เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไปเถอะ
แม่ไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีกแล้ว
ให้ๆไปเรื่องจะได้จบไปสักที”หม่อมรัตนามีสีหน้าซีดเซียว อาการไม่ค่อยดีนัก
“ไม่ครับแม่ ที่ผ่านมาผมให้ไปมากพอแล้ว
ที่เรามีอยู่ตอนนี้ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเราทั้งนั้น เรื่องอะไรจะให้พวกเขาไปอีก
โรงแรมพงศ์ธาราผมจะเก็บเอาไว้ลูกที่จะเกิดมา
ส่วนที่ดินที่เป็นตลาดหรือกิจการเล็กๆอื่นๆผมจะเก็บไว้ให้ลูกเหมือนกัน
ผมจะไม่ให้อะไรพวกเขาอีกเพราะถ้าผมให้ไปอีกลูกที่จะเกิดมาก็จะไม่เหลืออะไรที่เป็นทรัพย์สมบัติของเขาเลย
ผมทำแบบนั้นไม่ได้”หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เอาเถอะ
เอาไงก็เอากัน”หม่อมรัตนาพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่หม่อมเจ้าพงศ์ธารินพูด
เพราะถ้าให้พวกเขาไปหมดหลานที่จะเกิดมาก็แทบจะไม่มีอะไรเหลือเลย
แค่อีกไม่กี่เดือนหลานตัวน้อยๆก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว
“เป็นอะไรหรือโยม ทำไมมีสีหน้าแบบนั้นที่เรือนไทยหลังนั้นมีอะไรหรือเปล่า”หลวงตาเติมอดที่จะถามวริศไม่ได้
เพราะตั้งแต่กลับมาจากเรือนไทย วริศมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา
“ผมเจอเขาคนนั้นแล้วครับหลวงตา
คนที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทุกอย่าง คนที่มีรายชื่อในบันทึกของคุณทวดออกมาเกือบครบแล้วเวลาแห่งการสูญเสียมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมกลัว”วริศบอกเสียงเครียดการที่เขาไม่รู้อะไรมาก่อนมันคงจะดีกว่า
“โยม เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่ควรที่จะคิดมาก
เพราะเรื่องมันยังไม่เกิดเราจะกังวลมันไปทำไม
สู้เอาเวลานั้นมาทำอะไรที่เราสบายใจไม่ดีกว่าหรือ”
“แต่ผมก็อดที่จะกังวลไม่ได้อยู่ดี การที่เรารู้เรื่องอนาคตผมว่าไม่ใช่เรื่องดีเลย”
“มันมีทั้งดีและไม่ดีนั้นและโยมมันอยู่ว่าเราจะมองส่วนไหนมากกว่ากัน”
“หลวงตาครับ ยาที่มีอยู่จะหมดแล้วนะครับ
หลวงตาต้องไปหาหมอเมื่อไหร่ ผมจะพาไปเอง”วริศเปลี่ยนเรื่อง
เขาเห็นถุงยาของหลวงตาที่เหลือยาอยู่เพียงไม่กี่เม็ดแล้วอดกังวลไม่ได้เขาเป็นห่วงถ้าเกิดเขาไม่มาที่นี่ใครจะดูแลหลวงตา
“ใบนัดอยู่ในย่ามนั้นแหละ
โยมไปดูทีสิอาตมาจำไม่ได้แล้วว่าหมอนัดวันไหน”หลวงตาชี้ไปที่ย่ามที่วางอยู่ไม่ไกล
วริศเดินไปที่ยามหยิบใบนัดออกมาดูก็ขวมวดคิ้วสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง
“วันมะรืนนี่ครับ ถึงว่าทำไมยามันถึงใกล้จะหมด
หลวงตามีอาการเจ็บหน้าอกบ้างหรือไม่ครับ”วริศถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีหรอกโยม อย่าเป็นห่วงไปเลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนดีกว่าหลวงตาจะได้พักผ่อน”วริศค่อยๆคลานออกไปจากห้อง
เมื่อออกจากห้องของหลวงตา
แล้วก็เดินไปที่ตู้หนังสือที่เก็บหนังสือต่างๆนอกจากหนังสือธรรมมะที่มีอยู่เกือบครึ่งออกมาอ่าน
เพราะตอนนี้เขาว่างเกินแทบจะไม่มีอะไรทำเลย ปกติ
ถ้าอยู่บ้านเวลานี้ก็ต้องทำงานอยู่พอว่างแบบนี้อดที่จะเบื่อไม่ได้
ความคิดเห็น