ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอรัก...รอเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 63


    บทนำ

                “เมื่อไหร่จะมีคนรักกับเขาบ้างว่ะ อยู่คนเดียวก็เหงาเป็นเหมือนกันนะเว้ย”วริศแบะปากด้วยความไม่พอใจนิดๆมองไปทางไหนก็เจอแต่คนมีคู่ เมื่อก่อนมันก็สนุกดีอยู่หรอกความโสดที่ว่าเนี่ย แต่ตอนนี้เขาชักจะไม่สนุกแล้วสิกับความโสด แต่ทำไมนะทุกครั้งที่เขาตัดสินใจที่จะจริงจังกับใครสักคนความรู้สึกภายในมันค้านขึ้นมาทุกที เหมือนกับว่าเขากำลังรอใครบางคนอยู่ในใจแต่มันติดอยู่ที่ว่าเขาคนนั้นเป็นใครทำไมเขาจำไม่ได้ว่าต้องรอใคร ถึงแม้ว่าเวลาที่เขาคิดจะจริงจังกับใครจะต้องฝันถึงผู้หญิงในความฝันคนนั้นตลอด

                “ที่คุณชายควงอยู่ก็เลือกเอาสักคนสิครับ”สิงห์คนสนิทของวริศพูดขึ้นมาเมื่อได้ยินวริศเปรยอยู่บ่อยๆเรื่องความโสดหรือว่าจะรอผู้หญิงในฝันกัน

    “ผู้หญิงที่ผมควงอยู่ตอนนี้ไม่มีใครเข้าตาพอที่จะมาเป็นแม่ของลูกผมได้เลยสักคน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะดีแค่ไหนก็ตามเหมือนกับว่าผมกำลังรอใครบางคนอยู่แต่ผมจำไม่ได้ว่าต้องรอใคร หรือจะเป็นผู้หญิงในฝันคนนั้น”วริศส่ายหน้าทันทีเมื่อได้ยินขอเสนอของสิงห์ที่ให้เลือกผู้หญิงที่เขาควงอยู่ ที่จริงแล้วเขาก็อยากจะมีใครสักคนที่จะคอยอยู่ข้างๆกันคอยให้กำลังใจกันเหมือนกับที่พี่ชายและน้องชายของเขาได้เจอ

    “ถ้าคุณชายจะรอผู้หญิงคนนั้นคุณชายจะรอไปถึงเมื่อไหร่ละครับ ก็ในเมื่อตอนนี้คุณชายยังหาผู้หญิงคนนั้นยังไม่เจอเลยและเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่และใช่ว่าคุณชายเจอเธอแล้วก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าเธอจะเป็นคนที่คุณชายตามหา”

    “นั่นสินะ ผมจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่หละ ผมถึงจะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้น”วริศหันไปถามสิงห์ด้วยความอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้เจอซะที แต่ถึงเจอแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นคนคนนั้น

    “ผมไม่สามารถบอกคุณชายได้ว่าเมื่อไหร่ คุณชายลองไปหาหมอดูทำนายดูมั้ยครับเผื่อจะรู้อะไรขึ้นมาบ้างจะได้ไม่ต้องรออยู่แบบไม่รู้อะไรเลยอยู่แบบนี้”สิงห์ออกมาความคิดเห็น

    “ไปหาหมอดูนี่นะ  ผมไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องหมดดูหมอเดาซะด้วย ไม่มีทาง”วริศปฏิเสธทันที

    “ถ้าอย่างนั้นคุณชายคงต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เนื้อคู่ของคุณชายมาปรากฏตัวละครับ”สิงห์พูดออกมาอย่างอ่อนใจ

    “เหอะ รอก็รอสิ”พูดจบวริศก็ก้มลงอ่านเอกสารต่อ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งไม่มีสมาธิ วริศจึงตัดสินใจปิดแฟ้มเอกสารแล้วหยิบสูทขึ้นมาสวมเพื่อที่จะออกไปข้างนอก

    “คุณชายจะไปไหนครับ”สิงห์ที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของตัวเองถามขึ้นมา

    “ผมไม่มีสมาธิทำงานเลย ออกไปข้างนอกกันดีกว่า”พูดจบวริศก็เดินนำออกไปทันที

    “คุณชายจะไปที่ไหนละครับ เดี๋ยวผมขับรถให้”สิงห์วิ่งมาดักหน้าวริศแล้วถามขึ้นมา

    “ไปหาเตอร์ที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน”วริศบอกแล้วเดินนำออกไป สิงห์จึงเดินตามออกไปโดยไม่มีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วย  วริศพอมาถึงโรงพยาบาลได้พูดคุยกับอภิวุฒิได้ไม่นานก็ต้องขอตัวกลับเพราะว่าอภิวุฒิมีผ่าตัดด่วน แต่ก่อนที่จะเดินไปที่ลานจอดรถก็มีผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งๆเรียกวริศเอาไว้

    “มีอะไรหรือครับคุณยาย”วริศถามด้วยความแปลกใจที่อยู่คุณยายแก่ๆคนหนึ่งก็เดินมาขวางทางเขาเอาไว้

                “พ่อหนุ่มไม่ใช่คนธรรมดา รวมทั้งพี่ๆน้องๆของพ่อหนุ่มด้วย”อยู่ๆยายคนนั้นก็พูดขึ้นมา

    “พวกผมเป็นแค่คนธรรมดาครับคุณยาย”วริศตอบกลับไป ถึงจะงงๆกับเหตุการณ์ตรงหน้าก็เถอะ

    “ไม่ พ่อหนุ่มและพี่ๆน้องๆของพ่อหนุ่มเป็นคนไม่ธรรมดา ยายอยากจะเตือนพ่อหนุ่มว่า อย่าขับรถเอเด็ดขาดไม่งั้นพ่อหนุ่มอาจจะถึงฆาตได้”

    “คุณยายไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้ขับรถเองอยู่แล้ว ถ้ายังไงผมขอตัวก่อน”วริศพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไรมากที่อยู่ๆก็พูดว่าเขาอาจจะถึงฆาตได้

    “อีกไม่นานพ่อหนุ่มจะได้เจอกับเนื้อคู่ของพ่อหนุ่ม และจะได้รู้ในสิ่งที่พ่อหนุ่มและพี่ๆสงสัยมานาน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นเรื่องที่หน้าเศร้าจะต้องเกิดขึ้น ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย ยายขอเตือนอีกครั้งอย่าขับรถด้วยตัวเอง”ยายแก่ๆคนนั้นพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้วริศยืนขมวดคิ้วอย่างงงๆอยู่คนเดียว

    “ห้ามขับรถเองหรอ ถ้าขับรถเองจะตาย แล้วเนื้อคู่อะไรนั่นอีก แล้วไหนจะเรื่องที่เราสงสัยอีก เป็นไปไม่ได้หรอกสงสัยยายแกคงสติไม่ดีมั้ง”วริศบ่นออกมาเบาๆแล้วเดินไปที่ลานจอดรถที่สิงห์รออยู่

    “ไปกันเถอะครับคุณชาย”สิงห์เอ่ยชวนวริศที่ยืนพึมพำอะไรบางอย่างอยู่

    “ไปสิครับ อ๊ะ นั้นมัน”วริศยกมือขึ้นมาแตะที่อกด้านซ้ายตำแหน่งหัวใจของตนเองที่ตอนนี้มันกำลังเต้นแรงจนเขากลัวว่าหัวใจที่อยู่ด้านในจะหลุดออกมาข้างนอก

    “มีอะไรหรือครับคุณชาย”สิงห์ถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นวริศจับหน้าอกตัวเองหน้าใบหน้าซีดเซียว

    “ผู้หญิงคนนั้น”

    “คนไหนครับคุณชาย”สิงห์มองไปรอบๆลานจอดรถเพื่อมองหาผู้หญิคนที่ว่า

    “เธอหายไปแล้ว บ้าจริงหายไปไหนนะ”วริศบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด

    “คุณชายครับ เราไปกันเถอะครับถ้าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่คุณชายกำลังตามหาอยู่สักวันคุณชายก็จะได้เจอเธออีกแน่นอนครับ”สิงห์ขับรถอย่างระมัดระวังเพราะตอนนี้จราจรติดขัดมาก หลังจากที่พวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลก็เกือบชั่วโมงเข้าไปแล้ว ที่ยังไปไม่ถึงไหนสาเหตุก็เพราะมีอุบัติเหตุข้างหน้าเลยทำให้รถติด

    “รถติดนี่มันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพไปแล้วนะเนี่ย”วริศที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังพูดขึ้นมา

    “ครับคุณชาย  ถ้ากรุงเทพรถไม่ติดนี่สิเรื่องแปลก”สิงห์พูดออกมาอย่างขำๆ

    “นั่นสินะ”วริศพยักหน้าเห็นด้วย

     “คุณชายครับผมว่ารถด้านหน้ามันแปลกๆนะครับ”สิงห์พูดขึ้นมาเมื่อสังเกตุเห็นว่ารถบรรทุกด้านหน้ามีท่าทางแปลกๆ

    “นั่นสิ ทำไมบีบแตรลั่นขนาดนั้นทั้งๆที่รถของตัวเองก็อยู่หน้าสุดแล้ว”วริศพูดออกมาอย่างเห็นด้วย

    “ผมว่า เอ้ย”สิงห์พูดขึ้นมาไม่ทันจบก็ร้องเอ้ยออกมาด้วยความตกใจเพราะรถบรรทุกด้านที่อยู่ตรงข้ามขับออกมาแล้วทิศทางที่รถบรรทุกคันนั้นก็ตรงมาทิศทางที่รถของพวกเขาจอดอยู่ วริศนึกถึงคำพูดของยายแก่ๆที่โรงพยาบาลว่าถ้าเขาขับรถแล้วดวงจะถึงฆาตแล้วนี่อะไรเขาไม่ได้ขับรถเองซักหน่อยและเพียงเสี้ยววินาทีเสียงดังโครมก็ดังขึ้นมาและนั้นก็ทำให้สติของสิงห์ละวริศก็หายวูบไปทันที และเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่วริศเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งแล้วก็หมดสติไป

                “เฟิลถูกรถชน”เอลิกาที่ได้รับรายงานจากคนสนิทพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

    “ครับคุณหนู ตอนนี้คุณชายกับคุณสิงห์ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว คุณชายเล็กดูอาการอยู่ครับ”บอดี้การ์ดที่เข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงตื่นๆ

    “ทำไมอยู่ๆเฟิลถึงถูกรถชนได้ มันเกิดอะไรขึ้น”เอลิกาถามกลับเสียงเครียด

    “คนที่อยู่แถวนั้นพูดกันว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุมีรถบรรทุกคันนึงอยู่ๆก็ขับตรงมาที่รถของคุณชาย คนแถวนั้นก็พากันแตกตื่นกันไปหมดเพราะไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้คนขับรถบรรทุกคันนั้นขับออกมาทั้งๆที่ไฟทางด้านนั้นกำลังแดงและรถอีกฝั่งไฟเขียว เหตุการณ์ตอนนั้นชุลมุนมากไม่มีใครได้ทันตั้งตัวครับ พอทุกคนตั้งตัวได้ก็เห็นรถของคุณชายพลิกคว่ำอยู่แล้วครับ ซึ่งคาดว่าน่าจะเพราะแรงชนทำให้รถคว่ำและดีที่ว่ารถที่คุณชายนำไปวันนั้นเป็นรถของเราเองเรื่องความปลอดภัยจึงมีมากพอจนทำให้คุณชายและคุณสิงห์ไม่ได้รับบาดเจ็บมากครับ”

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ให้คนไปสืบว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วไปบอกให้พี่เคียวเตรียมรถด้วย เอลจะไปโรงพยาบาล”เอลิกาสั่งเสียงเข้มแล้วรีบเดินออกไป

    ที่โรงพยาบาล

    “ว่าไงได้เรื่องมั้ยคะ”เอลิกาถามคนสนิทที่เพิ่งเดินเข้ามา

    “ได้เรื่องแล้วครับ คนขับรถบรรทุกคันนั้นเมายาบ้า เห็นว่าก่อนที่เขาจะขับรถออกมาจากอู่ เพื่อนที่ทำงานที่เดียวกับเขาบอกว่า เขาได้เสพยาก่อนที่จะขับรถออกมาได้ไม่นาน ตอนที่เกิดอุบัติเหตุเขาคงจะเห็นภาพหลอนเลยขับรถออกไปโดยนึกว่าไฟเขียวแล้ว ก่อนที่ชายคนนั้นจะขับรถชนรถที่คุณชายนั่งคนขับรถคันนั้นได้ชนรถมอเตอร์ไซต์มาก่อนที่จะชนคุณชายแต่มันดูผิดปกติบางอย่างตอนนี้คนของเรากำลังไปสืบอยู่ครับ”ซาคุยะพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนักเพราะยิ่งพูดบรรดาคุณชายและคุณหนูของศิริรัตนาเริ่มมีสีหน้าที่เรียบขึ้นไม่แสดงอารมณ์ออกมา นั้นคือสิ่งที่หน้ากลัวที่สุด

    “ไปเอาตัวไอ้หมอนั้นมา ก่อนที่ตำรวจจะเอาตัวไป”รัตนกรสั่งเสียงเข้ม

    “ไปสืบดูว่าไอ้หมอนั้นมันซื้อยามาจากใคร แล้วให้คนไปจัดการซะส่วนเรื่องนั้นเอลขอแบบละเอียดนะคะ”เอลิกาพูดขึ้นมาบ้าง

    “จะทำยังไงกับผู้ชายคนนั้นหรือค่ะ”ไอหมอกถามขึ้นมา

    “ให้มันได้รับทรมานให้ถึงที่สุดแล้วค่อยส่งให้ตำรวจ”รัตนกรบอกเสียงเย็น

    “หวังว่าเฟิลจะไม่เป็นอะไรนะ”ธัญพลพูดด้วยความกังวลไม่รู้ว่าตอนนี้อาการของวริศจะเป็นยังไงบ้าง

    “ในที่สุด พ่อหนุ่มคนนั้นก็หนีไม่พ้น”เสียงยายแก่ๆที่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเอลิกา

    “เมื่อกี้คุณยายพูดว่าอะไรนะคะ”เอลิกาถามอย่างสงสัย

    “ก็พี่ชายของแม่หนูนะยายเตือนไปแล้วว่าอย่าขับรถเองไม่งั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต”

    “แต่เฟิลไม่ได้ขับรถเองนี่คะ”เอลิกาเถียงขึ้นมา

    “ก็เพราะพี่ชายแม่หนูไม่ได้ขับรถเองไงถึงไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะถ้าพี่ชายของแม่หนูขับรถเองเขาคงไม่มีลมหายใจอย่างตอนนี้”

    “คุณยายจะพูดอะไรกันแน่ และอีกอย่างเราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอยู่ๆคุณยายจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

    “อีกไม่นานพี่ชายของแม่หนูจะกลับมา ไม่นานหรอก”พูดจบยายคนนั้นก็เดินจากไป

    “ยัยน้อง”รัตนกรเรียกเอลิกาด้วยน้ำเสียงตื่นๆ

    “ไม่ใช่หรอกไคท์”เอราวัณพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

    “แต่มันเกิดขึ้นแล้วนะริค”เอลิกาเถียงขึ้นมา

    “เรื่องราวในบันทึกนั่นเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ”เอราวัณพูดเสียงเครียด

    “นี่มันเรื่องอะไรครับ”ภาติยะถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

    “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพัต ตอนนี้รอให้เตอร์ออกมาก่อน เรื่องนี้ค่อยคุยทีหลัง”

    เมื่อได้ยินดังนั้นภาติยะและคนอื่นๆต่างพากันเงียบไม่พูดอะไรอีกได้แต่รอให้อภิวุฒิออกมาจากห้องฉุกเฉินก่อน เพราะตอนนี้พวกเขาเป็นห่วงอาการของวริศมากกว่า

    สองชั่วโมงต่อมาอภิวุฒิออกมาจากห้องฉุกเฉินและนั้นทำให้พี่น้องศิริรัตนาถลาไปหาอภิวุฒิทันทีด้วยความอยากรู้ว่าอาการของวริศและสิงห์เป็นยังไงบ้าง

    “อาการของเฟิลกับสิงห์ไม่เป็นอะไรมากแค่บาดเจ็บและช้ำในเล็กน้อยแต่”

    “แต่อะไรเตอร์”ธัญพลถามออกมาอย่างกังวล

    “แต่ตั้งสองคนยังไม่ได้สติ”

    “อีกสองสามวันคงจะฟื้นไม่แน่ว่าคืนนี้เฟิลและสิงห์อาจจะฟื้นก็ได้ก็ในเมื่อเตอร์บอกเองนี่ว่าทั้งสองคนไม่มีปัญหาอะไรมีบาดแผนแค่ภายนอกเท่านั้น”ภาติยะพยายามพูดในทางที่แง่ดี

    “ถ้าเป็นอย่างที่พัตว่าก็คงจะดีสิครับ แต่ผมกลัวว่าถ้าอีกสองสามวันเฟิลยังไม่ฟื้นก็ต้องคอยดูอาการกันอีกที”อภิวุฒิพูดเสียงเครียด

    “คงไม่หนักถึงกับเป็นเจ้าชายนิทราหรอกนะ”รัตนกร เอราวัณและเอลิกาพูดขึ้นมาพร้อมๆกันด้วยความตกใจกับความคิดของตัวเอง ทั้งสามหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

    “ก็อาจจะเป็นไปได้ครับถ้าภายในสามวันแล้วเฟิลกับสิงห์ยังไม่ฟื้นเพราะอย่างที่ผมบอกทั้งสองคนแค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น”

    “เราต้องหาทางแก้นะไคท์ เราจะปล่อยให้เฟิลเป็นเจ้าชายนิทราไม่ได้ผมไม่ยอมเสียน้องไปง่ายๆแบบนี้หรอกนะ ผมไม่ยอม”เอราวัณพูดด้วยความเครียดภาพในความทรงจำย้อนเข้ามาอย่างกับฉายวีดีโอ และนั้นยิ่งทำให้เอราวัณยิ่งเครียดหนักขึ้นกว่าเดิม

    “ไปหาหลวงตาเพิ่ม หลวงตาจะให้คำตอบกับเราได้”เอลิกาพูดขึ้นมาในเมื่อหลวงตาเคยพูดเอาไว้และเรื่องที่หลวงตาพูดมันดันตรงกับสมุดบันทึกเล่มนั้น ไม่แน่ว่าหลวงตาเพิ่มจะรู้วิธีแก้ก็ได้

    “นั้นสิครับยัยน้องเราไปหาหลวงตากันเถอะ”เอราวัณพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

    “เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนที่จะไปหาหลวงตากรุณาเล่าความเป็นมาให้พวกผมฟังด้วย”ภาติยะขวางเอาไว้เป็นห่วงก็เป็นห่วงแล้วไหนจะเรื่องสมุดบันทึกอะไรนั้นอีกตกลงเรื่องมันยังไงกันแน่

    “เอางี้เอลอยู่เล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกพี่ๆเขาฟังเองส่วนไคท์กับริคไปหาหลวงตา ตกลงมั้ย”เอลิกาพูดขึ้นมาเพื่อยุติความวุ่นวาย

    “งั้นตกลงตามนี้นะครับ ไปเถอะริค”เมื่อเห็นว่าความวุ่นวายสงบลงแล้วรัตนกรและเอราวัณก็พากันออกไปอย่างรีบเร่ง เมื่อรัตนกรและเอราวัณจากไปแล้วเอลิกาก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เธอรู้มาจากรัตนกรให้พี่ๆฟังอย่างละเอียด เมื่อได้ฟังแล้วแต่ละคนก็พากันเคร่งเครียดกันมากกว่าเดิม

    เอลิกาที่กลับมาที่บ้านอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะตั้งแต่รัตนกรและเอราวัณกลับมาจากหลวงตาเพิ่ม สิ่งที่หลวงตาเพิ่มบอกไม่รู้ว่าเธอและพี่ๆน้องๆคนอื่นๆควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ พวกเธอจะรอจนถึงเมื่อไหร่กว่าวริศจะฟื้น ยิ่งคิดเอลิกาก็ยิ่งเครียดเพราะถ้าเป็นเรื่องอื่นเธอไม่ท้อไม่ว่าเรื่องนั้นจะใหญ่แค่ไหนแต่เรื่องนี้เธอกำหนดอะไรไม่ได้เลย แล้วเธอจะหาวิธีแก้ยังไง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×