ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดอกไม้ชื่อ `ความรัก’

    ลำดับตอนที่ #4 : 3 : ทีปกร

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 64


    3

    ทีปกร

     

                อืม...

                คนที่บอกว่าจะไปต่อน่ะ

                ไม่ใช่ไปต่อบนเตียง แต่หมายถึงไปทำงานต่อ

                “ขอโทษนะเทมส์ ซันปฏิเสธงานนี้ไม่ได้จริงๆ หัวหน้าโทรตามขนาดนี้ ซันเลี่ยงไม่ได้เลย”

                “แต่ซันพักร้อนอยู่นะ” และเพราะซันลาพักร้อน เขาถึงได้ทำเรื่องลาด้วยนี่ไงล่ะ “ซันพูดเองว่าจะหยุดวีคนึงเลย นี่เพิ่งผ่านไปสองวัน จะกลับไปทำงานแล้ว?”

                “ซันขอโทษ...”

                คำพูดที่ย้ำออกมาอีกครั้งทำให้เทมส์เงียบกริบ กำลังต่อสู้กับเทมส์ภาคมารในใจตัวเอง เขาไม่ได้อยากงี่เง่าเลย 

                แต่ทำไมวะ ก็ในเมื่อซันพูดเองว่าจะลาพักร้อน จะหยุดพูดเรื่องงาน ในสัปดาห์นี้เราจะอยู่ด้วยกัน จะตัวติดกันตลอดเลย 
    แต่ผ่านไปแค่สองวันอีกฝ่ายก็โดนหัวหน้าโทรตามไปทำภารกิจใหญ่ที่ภูเก็ตแล้วอะ

                แล้วมันแปลว่าอะไรรู้ไหม แปลว่าซันจะไม่อยู่บ้านอย่างน้อยก็สามวัน!

                เขาไม่ได้ลาพักร้อนมาเพื่ออยู่บ้านคนเดียวมั้ยวะ!

                “เทมส์...”

                เสียงเรียกชื่อนั้นดังขึ้นแผ่วเบา คนที่เปลี่ยนเป็นชุดทำงานเกือบจะพร้อมเดินทางขยับกายเข้าไปใกล้ โอบกอดจากด้านหลังและค้างอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดเทมส์ภาคมารก็หายไปเอง

                ไม่งี่เง่า...

                เทมส์บอกตัวเองแบบนั้นแล้วหันหน้ากลับมาหาซัน ขยับตัวออกจากอ้อมกอดแสนอ่อนโยนแล้วเลื่อนมือไปผูกเนกไทที่อีกฝ่ายคล้องคอไว้หลวมๆ สีหน้าเรียบเฉยของเทมส์ทำให้ซันโอบเอวเขาไว้อีกครั้ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร น้ำเสียงที่ตามมาจากการถอนหายใจก็เอ่ยถามขึ้นก่อน

                “กลับวันไหนนะ”

                “วันศุกร์”

                อืม... วันนี้เพิ่งวันอังคาร รอไปเถอะ สามวันอะ

                “เทมส์...”

                “รดน้ำต้นไม้ไม่เป็นนะ กลับมาช้า มันตายเทมส์ไม่รับผิดชอบด้วย”

                น้ำเสียงที่ฟังดูดีขึ้นกว่าทีแรกทำให้ซันหลุดยิ้มอย่างโล่งอก การผิดคำพูดที่บอกว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานเป็นสัปดาห์ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่ซันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะพยายามไม่รับสายหัวหน้า แต่อีกฝ่ายก็ทั้งส่งข้อความมาตาม ทั้งส่งอีเมลเรียกตัว สั่งให้เพื่อนที่ทำงานโทรมาบอกให้เขารับสายหัวหน้าอย่างเร่งด่วน สุดท้ายซันก็จำเป็นต้องไปทำงาน แม้จะทำเรื่องลาพักร้อนนานถึงเจ็ดวันก็ตาม

                ไม่ว่ายังไง ซันก็ยังเป็นซันที่จัดการเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้อยู่ดี

                มันไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายาม แต่ภาระหน้าที่และคนที่ทำงานก็เป็นส่วนหนึ่งของวังวนพวกนี้

                “ก็รดน้ำปกตินั่นแหละ เมื่อกี้เทมส์ยังทำได้เลย”

                “ไม่รู้แหละ ถ้าตายก็...”

                “ก็ปลูกใหม่”

                “พูดง่าย” เทมส์เงยหน้ามอง

                ส่วนคนถูกจ้องด้วยสีหน้าแค้นเคืองเบาๆ มีรอยยิ้มออกมาอีก

                “ไม่ได้พูดง่าย แต่ถ้ามันตายเราก็ปลูกใหม่ได้ไม่ใช่เหรอ แต่มันไม่ตายหรอก ยังไม่ทันจะงอกเลย พูดเรื่องตายซะแล้ว”

                “ใช่ ยังไม่ทันจะงอกเลย ก็ต้องไปซะแล้ว”

                “เทมส์” ซันหัวเราะตอนที่เรียกชื่อเขา สถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้นเยอะ เทมส์ดูจะไม่ได้โกรธอะไรมาก น่าจะเข้าใจดีว่าเขาต้องไปทำงานอย่างที่บอกไว้จริงๆ “ในคู่มือบอกว่าสามสี่วันก็งอกแล้ว พอดีแหละ ซันกลับมา ทานตะวันก็งอกพอดี”

                เทมส์ไม่ตอบ แต่แอบเบ้ปากหมั่นไส้ ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว พอดีกับรถแท็กซี่ที่หัวหน้าเป็นคนโทรเรียกให้เข้ามารับและพาไปส่งที่สนามบินมาถึงหน้าบ้าน

                ต้องไปแล้ว...

                ซันจึงดึงร่างบางตรงหน้ามากอดไว้ ลูบหัวเบาๆ เหมือนที่ชอบทำ เอ่ยคำขอโทษอีกครั้งเหมือนที่ชอบพูดบ่อยๆ เวลาผิดสัญญา รวมถึงโน้มใบหน้าลงไปมอบจุมพิตเล็กๆ ก่อนออกไปทำงานเหมือนทุกทีด้วย

                ซันก็ยังคงเป็นซัน...

                เป็นซันที่เทมส์แพ้ทางเขาทุกที

                “รีบกลับนะ”

                “อืม” ซันตอบตอนที่ฝ่ามือข้างหนึ่งวางอยู่เหนือศีรษะเขา “อยู่บ้านคนเดียวก็อย่าดื้อล่ะ”

                “ไม่ใช่เด็ก”

                “รู้ โตพอจะ on top แล้ว”

                “ซัน!”

                คนถูกดุหัวเราะนิดหน่อย ก่อนผละมือออก “ไปละๆ”

                พูดแค่นั้นแล้วก็เดินไปขึ้นรถ ปล่อยให้คนที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวมองตามด้วยสายตาละห้อย

                แค่คิดก็น่าเบื่อแล้ว ลาพักร้อนห้าวันเพื่ออยู่กับแฟน แต่โดนทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้งแต่สองวันแรกที่ลาหยุด เทมส์ไม่ได้คิดจะยกเลิกพักร้อนแล้วกลับไปทำงานต่อหรอก เอาเป็นว่าช่วงนี้ก็อยู่บ้านเล่นเกมเหงาๆ เหมือนทุกทีไปก่อนก็แล้วกัน

                สองขาก้าวเดินเข้าไปในบ้านอย่างเชื่องช้า ทุกสิ่งทุกอย่างน่าเบื่อไปหมด เหลือบไปเห็นเหล่ากระถางต้นไม้ที่เขากับซันเพิ่งเพาะปลูกเสร็จเมื่อครู่จึงแวะเดินมาหา นั่งยองลงแล้วก็จ้องมองด้วยแววตาแสนจะเบื่อหน่าย

                คนที่ชักชวนให้ปลูกดอกไม้ คนที่ช่วยกันปลูกพวกแกน่ะ ไปทำงานอีกแล้ว...

                อีกแล้ว...

                เทมส์ถอนหายใจขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกระถางต้นไม้ที่ยังไม่มีอะไรงอกออกมาสักนิด แล้วก็อัปลงอินสตาแกรมด้วยแคปชั่น ‘เดียวดาย’ 

                ครู่เดียวเลย ครู่เดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่มีผู้ติดตามอยู่ไม่กี่คนแต่คอมเมนต์ก็ปรากฏให้เห็นในทันที

     

                ‘หมาป่า’

     

                พ่อมึงอะแกรม

                

                ‘มึงว่างมากเหรอ’

              ‘ไม่ว่างเท่ามึงหรอกไอ้หมาป่าเดียวดาย วันนี้อัปสองรูปละ’

              ‘ไอจีกู’

              ‘ครับจ้า’

     

                คำตอบแสนกวนตีนจากเพื่อนสนิททำให้เทมส์คันมือยิกๆ กำลังจะพิมพ์ตอบไอ้ครับจ้านั่น ก็มีแจ้งเตือนกดไลก์รูปภาพจากคนที่ไม่รู้จัก เจ้าตัวชะงักไปครู่หนึ่ง เทมส์ไม่ได้ล็อกไอจีก็จริง แต่ปกติแล้วอินสตาแกรมของเขาไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก เพราะถ่ายรูปก็ไม่ได้สวย แคปชั่นก็ไม่ได้ปัง เทมส์เน้นอัปเดตชีวิต เก็บรูปไว้เป็นความทรงจำ ในนั้นมีเพื่อนแค่ไม่กี่คนด้วย เพราะเขาไม่ใช่คนที่เปิดรับความสัมพันธ์กับใครไปทั่ว นอกจากแกรมกับซันแล้ว เทมส์แทบไม่ได้คุยกับใครอีกเลย ที่ติดตามๆ กันอยู่นี่ก็อาจจะเพราะด้วยมารยาท ฟอลมาฟอลกลับ พวกเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนที่ทำงาน ที่เทมส์เองก็ไม่ได้สนิทสนมหรืออยากรู้จักสักเท่าไหร่

                แล้วนี่... ใคร??

                เทมส์กดเข้าไปดูรูปที่คนแปลกหน้ากดไลก์ มันเป็นรูปที่เขาถ่ายเซตเพาะปลูกเมื่อเช้านี้แล้วก็ติดซันในภาพนิดหน่อย จากนั้นก็กดเข้าไปดูคนแปลกหน้าแต่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเพราะเขาล็อกไอจี 

                กำลังแปลกใจเล็กๆ ก็มีแจ้งเตือนกดไลก์รูปเดิมจากคนที่ไม่รู้จักอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นอินสตาแกรมของร้านขายเซตเพาะปลูกที่ตามมากดไลก์เพราะเขาติดแฮชแท็กของทางร้านเอาไว้

                อ๋อ ถ้างั้นเมื่อกี้... ไอจีเจ้าของร้านเหรอ

                เทมส์กดเข้าไปดูไอจีเดิมอีกครั้ง แล้วก็พบว่าเขาฟอลไอจีร้านขายเซตเพาะปลูกเอาไว้ด้วย ถ้างั้นก็คงใช่ ลืมสลับแอคมั้ง คงมาไล่ดูรูปจากลูกค้าเฉยๆ นั่นแหละ แต่ช่างก่อน ตอนนี้เขาต้องไปตอบกลับไอ้ครับจ้านั่นให้ได้เลย

     

                ‘กูจะไปกินขนมที่ร้านมึงแล้วไม่จ่ายตัง!’

     

                สามวัน...

                เป็นสามวันที่แสนเดียวดายเหมือนในแคปชั่นที่เขียนเอาไว้ไม่มีผิด เทมส์หลบหนีโลกความจริงด้วยการเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย นอนดึก ตื่นบ่าย ใช้ชีวิตแสนน่าเบื่อเพราะเป็นวันหยุดลาพักร้อนที่ผิดคาดทั้งหมด

                พักร้อนที่คิดว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับซัน แต่สุดท้าย... แฟนเขาก็ต้องไปทำงานอยู่ดี

                เขาได้คุยกันบ้าง แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น ซันยุ่งกับการทำงานมาก มากขนาดที่ไม่สามารถรับสายเทมส์ได้เลย ไม่แม้แต่จะเปิดอ่านข้อความหรือตอบกลับใดๆ เฉพาะช่วงที่ซันว่างเท่านั้นถึงจะได้คุยกัน มันแค่สองสามนาทีหรือน้อยกว่านั้นต่อวัน

                แล้วมันก็เป็นสามวันที่อินสตาแกรมของเทมส์เต็มไปด้วยรูปกระถางต้นไม้ที่ยังไม่มีอะไรโผล่มาทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเพราะลืมรดน้ำบ่อยๆ หรือเปล่า ดอกไม้ของเขาถึงไร้ความเจริญเติบโตขนาดนี้

                อย่างตอนนี้บ่ายโมงครึ่ง เทมส์ที่เพิ่งจะนึกได้ว่าลืมรดน้ำต้นไม้ก็ออกมาหน้าบ้านเพื่อทำภารกิจ แต่ระหว่างที่กำลังหยิบฝักบัวเพื่อรดน้ำไปงั้นๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างงอกออกมาจากหน้าดิน

                “เฮ้ย!”

                เทมส์ตกใจจนเผลอร้องเสียงหลง เขานั่งลงใกล้ๆ เพ่งมองกระถางใยมะพร้าวเล็กๆ ที่เพาะปลูกดอกไม้เอาไว้ อย่างยิ่งเมื่อเห็นป้ายที่ปักข้างๆ ถูกเขียนว่า ‘ทานตะวัน’ คนที่เพิ่งจะออกมารดน้ำต้นไม้ตอนบ่ายโมงกว่าก็ตื่นเต้นจนรีบหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแล้วอัปอินสตาแกรม

                

                ‘ในที่สุดก็งอกแล้ว!’

     

                แคปชั่นง่ายๆ ตามสไตล์เทมส์ และไม่ลืมที่จะใส่แฮชแท็กของร้านเพื่อเป็นการรีวิวให้เขาไปในตัว รวมถึงแท็กคนที่ช่วยกันปลูกมันขึ้นมาอย่างซันด้วย

                แต่คนที่เข้ามากดไลก์เป็นคนแรกกลับผิดคาดไปทั้งหมด ไม่ใช่ซันที่เขาแท็ก ไม่ใช่แกรมที่ปกติมักจะโผล่มากวนตีน แต่เป็นเจ้าของร้านที่เข้ามาแสดงความยินดีก่อนใคร

     

                ‘ยินดีด้วยครับ’

     

                อ่า... ถึงกับต้องคอมเมนต์เลยเหรอ

                แล้วยังไงต่อ เทมส์ไม่ใช่คนชอบสานสัมพันธ์กับใครซะด้วย

                ขอไม่ตอบแล้วกัน

     

                พอตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ เทมส์ก็รีบโทรหาซันเพื่อเรียกมาดูรูปทานตะวันที่เขาถ่ายส่งไปให้รัวๆ แต่อีกฝ่ายไม่รับสายเลยจนท้อใจ นั่งห่อเหี่ยวอยู่พักใหญ่ ข้อความที่ตอบกลับมาจากคนที่รอคอยก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด

     

                ‘ซันต้องอยู่ต่ออีกสองวัน ขอโทษด้วยนะเทมส์ งานยังไม่เสร็จเลย’

     

                น่าเบื่อฉิบหาย...

                แต่เอาเถอะ ซันทำงาน

     

                สองวันผ่านไปซันก็กลับมาตามกำหนด เทมส์ที่นั่งเล่นเกมอยู่รีบผละออกจากหน้าคอม แล้วลากคนตัวสูงกว่ามาดูผลงานที่เขาทั้งคู่ลงมือปลูกกันไว้ ต้นทานตะวันแคระเริ่มงอกออกมาจนมีใบเลี้ยงให้เห็นแล้ว เดซี่ก็เริ่มงอกออกจากเมล็ดให้เห็นบ้าง ส่วนต้นอื่นๆ ก็ทยอยๆ กันผุดขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ขนาดไม่ค่อยได้รดน้ำต้นไม้นะ ยังแข็งแกร่งงอกออกมาได้ขนาดนี้

                แต่ปฏิกิริยาของคนที่เพิ่งกลับมาถึงไม่ได้ตื่นเต้นดีใจไปด้วย ซันแค่ยิ้มออกมา ลูบหัวเทมส์เบาๆ แล้วก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย

                “ซันง่วงจัง”

                “ดูต้นไม้ก่อนดิ มันงอกแล้วนะ”

                “อืม เห็นแล้ว”

                ซันตอบรับแค่นั้นแล้วก็เดินกลับเข้าไปด้านใน ท่าทีของเขาดูง่วงจริงๆ นั่นแหละ คงจะเหนื่อยมากเพราะซันมักจะเป็นแบบนั้นเสมอ เทมส์จึงไม่คิดจะรบกวนอะไรนอกจากปล่อยให้คนที่เพิ่งกลับมาและได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคเข้าไปนอนพักผ่อนในห้อง ส่วนตัวเองก็นั่งมองต้นอ่อนที่พากันงอกออกมาเพียงลำพัง

                ...ปลูกดอกไม้ไม่สนุกสักนิดเลย

     

                เช้าของอีกวันซันก็ตื่นขึ้นมาก่อน ถึงแม้จะนอนกอดกันทั้งคืน แต่เทมส์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซันลุกออกไปทำงานตั้งแต่ตอนไหน พักร้อนของพวกเขาจบสิ้นลงแล้ว วันนี้เทมส์ต้องไปทำงานเหมือนกัน และเพราะเป็นเช้าที่ค่อนข้างยุ่ง มันจึงเป็นอีกวันที่เทมส์ไม่ได้รดน้ำต้นไม้พวกนั้นอีกแล้ว

                กว่าจะกลับมาก็ค่ำ ซันยังไม่กลับและเขาก็ส่งข้อความมาบอกแล้วว่ากลับดึก ตอนที่เดินเข้าบ้านแล้วต้องผ่านกระถางต้นไม้พวกนั้น เทมส์ก็สังเกตเห็นว่าใบเลี้ยงของต้นทานตะวันกำลังเหี่ยวเฉา

                “อ้าวเวร เมื่อเช้าลืมรดน้ำต้นไม้”

                พูดคนเดียวแล้วรีบไปหยิบฝักบัวมารดน้ำ คิดเอาเองว่าขาดน้ำมาทั้งวันแล้ว ต้นอ่อนพวกนี้น่าจะหิวโหยก็เลยรดมากเป็นพิเศษ เทมส์ไม่เห็นหรอกว่าน้ำขังอยู่ในกระถางจนระบายออกไม่ทัน 

    เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมา คราวนี้เทมส์ไม่ลืมรดน้ำต้นไม้ก่อนไปทำงานด้วย หยิบฝักบัวมารดจนชุ่มแล้วก็ขับรถออกไปทำงาน โดยที่ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าซันออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

                ค่ำๆ เทมส์ก็กลับมาถึงบ้านก่อน ซันส่งข้อความมาบอกอีกแล้วว่ากลับดึกแต่ไม่ดึกเท่าเมื่อวาน เทมส์เดินหน้างอเข้าบ้าน 
    แต่ระหว่างทางเหลือบไปเห็นต้นอ่อนนอนหมดแรง ล้มลงไปนอนระนาบเดียวกับพื้นดิน ดูจบสิ้นแล้วชีวิตนี้

     

                ‘ตายหนึ่ง’

     

    เทมส์อัปรูปลงอินสตาแกรมอีกครั้ง แกรมเป็นคนแรกที่เข้ามาหัวเราะเยาะเพราะรู้แต่แรกว่ามันคงไม่รอด ยังไม่ทันตอบกลับอะไร เจ้าของร้านก็ดันมากดไลก์รูปต้นทานตะวันเหี่ยวเฉาทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ใส่แฮชแท็กร้านด้วยซ้ำ

                

    ‘ยังไม่ตายครับ แค่รดน้ำเยอะไปหน่อย’

     

    เอ่อ... แค่เห็นก็รู้เลยเหรอ

    เทมส์เอามือแตะหน้าดินก็เห็นว่ามันชุ่มจนแฉะไปจริงๆ นั่นแหละ แล้วยังไงต่อ มันตายจริงหรือไม่จริงเนี่ย

     

    ‘แล้วผมต้องทำยังไงอะครับ มันยังไม่ตายหรอกเหรอ’

     

    เทมส์พิมพ์ตอบกลับ ครู่เดียวเจ้าของร้านก็ตอบมาอีก

     

    ‘ยังครับ แต่รดน้ำน้อยๆ นะ ดินกับกระถางมันอุ้มน้ำได้ดีเป็นพิเศษอยู่แล้วครับ ไม่ต้องรดเยอะ’

    ‘แต่ตอนเช้าๆ ชอบลืมรดอะ ก็นึกว่าต้องชดเชย’

    ‘5555 ไม่ต้องหรอกครับ’

    ‘แล้วตอนนี้ต้องทำไงอะ’

    ‘ไม่ต้องทำยังไงครับ ไม่ต้องรดน้ำแล้วนะ’

    ‘เมื่อเช้าก็ไม่ได้รดน้ำนะ’

    'ครับ’

     

    ครับ? คือ?

     

    ‘คืนนี้ไม่ต้องรดแล้ว พรุ่งนี้เช้าน่าจะดีขึ้นครับ’

    ‘ถ้าตายล่ะ’

    'ไม่ตายครับ’

    'รับเคลมมั้ย’

                

    เงียบเลย...

    ก็เอ่อ... นะ... 

    เขาทำมันเหี่ยวเอง ตายเอง ยังจะมีหน้าไปขอเคลม

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ เช้ามาต้นอ่อนทานตะวันของเขาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ คราวนี้เทมส์จึงรีบถ่ายรูปและอัปลงอีกครั้ง อะ แท็กร้านไปเลยด้วย 

     

    ‘ฟื้นจริงอะไรจริง ขอบคุณครับ’

     

    เจ้าของร้านกดไลก์รวดเร็วฉับพลัน ตามด้วยคอมเมนต์ขำๆ ที่... เอ่อ...

     

    'นึกว่าต้องส่งไปให้ใหม่ซะแล้วนะครับเนี่ย’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×