ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดอกไม้ชื่อ `ความรัก’

    ลำดับตอนที่ #2 : 1 : การันต์

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 64


    1

    การันต์

     

    เกือบตีหนึ่ง เสียงแจ้งเตือนจากข้อความในอินสตาแกรมของร้าน My love flower ก็ดังขึ้น เจ้าของ IG ที่เพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จรีบเดินออกมาทั้งที่ผมยังเปียกโชก เรือนกายเขาในตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง กับผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนที่วางแปะอยู่บนหัวแล้วใช้มันซับผมยาวประบ่าของตัวเองอย่างลวกๆ

    การันต์หยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความก่อนเป็นอันดับแรก คนที่สอบถามเข้ามาก็ใช้ข้อความเดิมๆ เหมือนที่เขาพบเจอเป็นประจำ

     

    ‘สนใจเซตเพาะปลูกครับ’

     

    ก็เขาเป็นพ่อค้าขายของออนไลน์นี่นะ

    การันต์ขายเซตเพาะปลูกดอกไม้สำหรับมือใหม่ในอินสตาแกรม เซตปลูกสำหรับมือใหม่ เน้นความสะดวกสบาย ซึ่งในแต่ละเซตมีของใช้ที่จำเป็นทุกอย่างครบหมดแล้ว ทั้งเมล็ดพันธุ์ที่นำเข้ามาเองจากต่างประเทศ และได้ทำทดลองปลูกจนมั่นใจแล้วว่างอกแน่นอน กระถางใยมะพร้าว ดินสำหรับเพาะเมล็ดโดยเฉพาะ พลั่วอันเล็กๆ หัวฝักบัวรดน้ำ ป้ายปักชื่อ ปุ๋ยที่จำเป็น แล้วก็ของตกแต่งนิดหน่อย เพิ่มกิมมิก (และราคา) ของสินค้าเข้าไปด้วย

     

    ‘เดซี่สีขาว เดซี่สีเหลือง ฟอร์เก็ตมีน็อตคละสี คาเลนดูล่า เกลลาเดีย ยิปโซฟิลลา’

     

    หลังจากส่งรูปที่แคปจากหน้าอินสตาแกรมของทางร้านส่งมาให้ ลูกค้าก็พิมพ์บอกเป็นตัวอักษรเพื่อเน้นย้ำอีกครั้ง การันต์กำลังจะตอบกลับ แต่ไม่ทันอีกฝ่ายที่พิมพ์บอกมาก่อน

     

    ‘อย่างละ 5 เซตครับ’

     

    อย่างละห้า...

    การันต์ทวนยอดสั่งซื้อของลูกค้าในใจ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนมากลูกค้าประจำของเขา ถ้าไม่ซื้อไปปลูกเองแค่ 2-3 เซต ก็มักจะซื้อไปแจกจ่ายเป็นของขวัญ การันต์ไม่รู้หรอกว่าลูกค้าคนนี้จะซื้อเยอะไปเพื่ออะไร แต่เอาเถอะ เขาได้ตังก็จบ

    พ่อค้าออนไลน์ที่ตอบข้อความลูกค้ายันตีหนึ่งยืนยันออเดอร์อีกครั้ง ไล่รายชื่อสินค้าที่อีกฝ่ายต้องการจนครบ แต่พอสรุปยอดที่ต้องชำระเงินแล้ว ปลายทางก็บอกเพิ่มมาอีก

     

    ‘ขอเพิ่มทานตะวันแคระด้วยครับ’

    ‘ได้ครับ’

    ‘อันนี้เอา 10 เลยครับ’

     

    สิบเลยทีเดียวนะ...

     

    ‘ครับ ผมเพิ่มออเดอร์แล้วจะสรุปยอดให้ใหม่ สักครู่นะครับ’

     

    การันต์หายไปครู่เดียว มั่นใจเลยว่าไม่เกินสองนาที แต่พอส่งยอดเงินและเลขบัญชีที่ลูกค้าต้องโอนเข้ามา อีกฝ่ายก็หายเงียบไปทั้งๆ ที่มันก็ขึ้นว่า ‘seen’

    คือ...?

    ตกลงเอาหรือไม่เอา

    ชายหนุ่มนั่งรออยู่พักใหญ่ เขาไม่ได้ทักข้อความซ้ำไปอีก คิดเอาเองว่าคนทางนั้นคงจะหลับไปแล้ว หรือไม่ก็เปลี่ยนใจกลางคันแบบที่เคยพบเจอบ่อยครั้งเช่นกัน

    ช่างเหอะ ตีหนึ่งกว่าแล้ว พ่อค้าออนไลน์ขายเซตเพาะปลูกดอกไม้อย่างเขา ก็ต้องรีบนอนและตื่นขึ้นมาเพื่อรดน้ำต้นไม้ดอกไม้ในตอนหกโมงเช้าเหมือนกัน

     

     

     

    การันต์ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกทุกวันจนไม่รู้ว่าจะต้องตั้งเวลาไปทำไม แต่เช้าวันนี้ที่ยังไม่ทันจะหกโมงตรง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาตื่นก่อนแล้ว กำลังจัดเตรียมข้าวของที่ต้องใช้สำหรับวันนี้ ครบกำหนดเจ็ดวันที่ต้องใส่ปุ๋ยสูตรเสมอให้ไม้ดอกจึงมีอะไรที่ต้องจัดการมากเป็นพิเศษ

    คนตัวสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวย้วยๆ เดินวกกลับมาหยิบมือถือที่ชาร์จแบตทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน คนที่โทรเข้ามาแต่เช้าตรู่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมายืดยาวตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย และทำงานที่เดียวกันจนถึงสี่ปีก่อนที่เขาเป็นฝ่ายลาออกมา

    “เกื้อ มึงตื่นแล้วใช่ปะ”

    พอกดรับสาย ‘จิรายุ’ หรือที่การันต์เมมชื่อในโทรศัพท์ไว้ว่า ‘ไอ้ไจ๋’ ก็เอ่ยถามขึ้นมา และยังไม่ทันได้เอ่ยตอบด้วยซ้ำ จิรายุก็เป็นฝ่ายพูดออกมาอีก

    “เออ มึงตื่นแล้วแหละ กูรู้ มึงตื่นเช้ามารดน้ำต้นไม้ทุกวัน”

    “เออ ตื่นแล้ว มึงมีไรเนี่ย”

    “ไม่มี”

    จิรายุตอบสั้นๆ แต่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดใหม่อีกครั้ง

    “แต่จริงๆ ก็มี...”

    น้ำเสียงที่ฟังดูผิดปกติไปจากทุกที ทำให้การันต์ที่กำลังจะเดินออกมาหน้าบ้านเพื่อคุยโทรศัพท์และรดน้ำต้นไม้ไปพร้อมๆ กัน ถึงกับพักความตั้งใจนั้นไว้ก่อนและทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด

    “เป็นอะไร น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดี”

    การันต์เอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาทำให้คนที่โทรเข้ามาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจริงๆ นั่นล่ะ

    “กูกวนมึงไหม มันเช้าไปมั้ยวะ”

    “ไม่กวน แล้วก็ไม่ได้เช้าเกินไป กูตื่นนานแล้ว ตกลงเป็นอะไร อยากเล่าให้ฟังไหม กูฟังได้นะ”

    “กู...” จิรายุอึกอัก ได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ อีกครั้ง ในขณะที่การันต์กำลังตั้งใจฟัง “น่านขอเลิกว่ะ”

    “หืม?”

    คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว ‘น่าน’ ที่เพื่อนของเขาพูดถึง คือแฟนที่จิรายุคบมาตั้งแต่สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ ถ้านับจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปีเข้าไปแล้ว

    “เขาบอกเหตุผลไหม”

    “บอก” จิรายุตอบกลับ ก่อนจะเงียบไปสักพัก...

    “...”

    “บอกว่ากูไม่มีเวลาให้ กูทำแต่งาน เจอกันน้อยลง เขาใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนคนโสดอยู่ดี...”

    “แต่มึงก็ทำงานหนักมาตั้งนานแล้ว ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก”

    “ใช่ไหมล่ะ แต่กูก็พยายามแล้วนะ แต่ก็อย่างที่มึงรู้ งานที่บริษัทเรามันเยอะจริงๆ นี่หว่า งานกูรัดตัวจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย”

    “ไม่ใช่บริษัทเรา กูลาออกมาตั้งนานแล้ว”

    “เออนั่นแหละ บริษัทกูคนเดียวก็ได้ ไอ้เวร เพราะมึงอะแหละ เพราะมึงออก! งานทุกอย่างเลยมาลงที่กูไง แล้วมึงรู้ไหม ทุกวันนี้พี่พงศ์ยังไม่รับคนเพิ่มเลย พอมีงาน Luxury เข้ามาก็โยนให้กู ทำอย่างกับกูถนัดนักอะ กูก็ถนัดแต่งานสเกลเล็กๆ มั้ย คอนโดฯ งี้ ไอ้เกื้อ มึงไม่คิดจะกลับมาทำงานต่อเหรอวะ พี่พงศ์เขาก็ยังรอมึงนะ เขาบอกให้กูมาชวนมึงกลับไปตลอดเลย มึงกลับมาดิ กูทำงานคนเดียวไม่ไหว”

    จิรายุบ่นยาวเหยียด ไม่รู้ว่าหัวข้อของบทสนทนาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มันวกกลับมาที่การบ่นเรื่องการันต์ลาออกจากงานมัณฑนากรเมื่อสี่ปีก่อนอีกแล้ว

    การันต์เคยทำงานตกแต่งภายใน มันเป็นอาชีพที่ตรงกับสายที่เขาเรียนมา ตัวเขาและจิรายุเริ่มทำงานที่บริษัทนั้นมาด้วยกัน มันเริ่มจากบริษัทเล็กๆ ที่ก่อตั้งโดยรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย จนวันหนึ่งบริษัทก็ใหญ่โตขึ้น ความคิดของเขาและผู้ก่อตั้งบริษัทเริ่มไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การรับงานแต่ละชิ้นเริ่มไม่คำนึงถึงความละเอียด แต่คำนึงถึงรายรับและลดทอนค่าใช้จ่ายโดยการเลือกใช้วัสดุที่ด้อยคุณภาพลง การันต์ไม่พอใจในส่วนนั้น เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน สุดท้ายก็จบที่การันต์ลาออกในตอนที่อายุครบสามสิบปีพอดี และเขาก็ผันตัวมาอยู่กับต้นไม้ดอกไม้ จนเปิดร้านขายเซตเพาะปลูกในอินสตาแกรมอยู่แบบทุกวันนี้

    “แล้วมึงว่าไง เรื่องน่าน”

    การันต์เปลี่ยนเรื่องในทันที คราวนี้จิรายุถอนหายใจออกมาอีก ไม่รู้ว่าเพราะถูกการันต์ดักคอเปลี่ยนบทสนทนาหรือหนักใจเรื่องแฟนบอกเลิกกันแน่

    “ก็ไม่ไง ทำอะไรไม่ได้มั้ง ไม่รู้ดิ เขาจะเลิกให้กูทำไง”

    “ถ้ายังพอคุยกันได้ ก็ไปง้อ”

    “ง้อยังไงได้วะ จะไปหายังไม่มีเวลาเลย”

    “ไม่มีเวลาไปหา ก็โทรไปก่อน อย่างน้อยตอนที่มึงโทรหากูก็มีเวลานี่ไง โทรหาน่านสิ หรือไม่ก็ส่งข้อความไป”

    “เกื้อ...”

    “อืม...”

    คนถูกเรียกขานรับ ตอนที่ได้ยินเพื่อนสนิทเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเหมือนกัน

    “แต่ถ้าเหตุผลมันคือเรื่องนั้นจริงๆ สุดท้ายกูก็ไม่มีเวลาให้เขาอยู่ดีมั้ยวะ กูก็ต้องทำงาน และอย่างที่มึงรู้ กูไม่เคยมีวันหยุด”

    การันต์เงียบและกำลังคิดตามไปด้วย สมัยที่เขาทำงาน การันต์ก็ไม่มีเวลาว่างเช่นกัน เขาเข้าใจความรู้สึกของจิรายุในตอนนี้ รวมถึงเข้าใจความรู้สึกของแฟนเพื่อนด้วย ถ้าเหตุผลมันเป็นอย่างที่น่านว่า สุดท้ายเรื่องระหว่างพวกเขาก็จะต้องกลับมาเป็นอย่างเดิมอยู่ดี

    “หรือกูลาออกมาขายต้นไม้แบบมึงดีวะ มึงรับคนงานเพิ่มมั้ย”

    “ไอ้ไจ๋” การันต์หัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางลาออก จิรายุรักงานที่ทำอยู่มากๆ และมันก็คงมากเกินไปจนทำให้กลายเป็นปัญหาในความสัมพันธ์

    “เฮ้อ... มันก็มีอยู่สองทางอะ มึงรู้ใช่ไหมไอ้เกื้อ”

    “กูไม่กลับไปทำงาน”

    “ไอ้ควาย!”

    จิรายุเสียงดังตอนที่การันต์ดักคอทันท่วงที คนถูกด่าหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยน้ำเสียงเร่งรีบในแบบที่เขาพอจะเดาออก

    “เฮ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะ สายแล้วไอ้เหี้ย ไว้เจอกันๆ”

    “อืม”

    การันต์พูดยังไม่ทันจบ จิรายุก็วางสายไปแล้ว คนถูกตัดสายทิ้งหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่ง ในขณะที่พนักงานออฟฟิศอย่างจิรายุกำลังเร่งรีบออกไปทำงาน ตัวเขาที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า ยังมีเวลามากพอที่จะจัดการอะไรหลายๆ อย่างโดยไม่ต้องแข่งขันกับเวลา

    การันต์ในช่วงอายุก่อนสามสิบปีเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ตื่นเช้า รีบขับรถออกไปทำงานเพื่อเลี่ยงรถติด ใช้เวลาอยู่ที่ออฟฟิศบ้าง หน้างานบ้าง บางวันยุ่งจนแทบไม่มีเวลากินข้าวกลางวันด้วยซ้ำ ในแต่ละวันกว่าจะกลับถึงบ้านก็สามสี่ทุ่ม มันเหนื่อยจนแทบไม่อยากทำอะไร กลับมาถึงบ้านก็นอน ตื่นเช้าไปทำงานต่อ ชีวิตในแต่ละวันของเขาเคยเป็นแบบนั้น

    แต่พอลาออกจากงาน ชีวิตของการันต์ก็เปลี่ยนไป เขามีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ถึงแม้จะชื่นชอบงานในตอนนั้นมากๆ แต่ทัศนคติที่น่าผิดหวังจากคนที่เคยนับถือก็ทำให้เขาหมดแพชชั่นในการทำงานต่อ

    ตอนที่ใช้ชีวิตว่างๆ ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาหันมาเล่นไม้ดอกไม้ประดับ พออยู่กับมันมากเข้าก็ผันตัวเข้าสู่วงการต้นไม้ดอกไม้ที่เข้าแล้วหาทางออกไม่ได้ การันต์ปลูกอะไรไปเรื่อยจนคิดว่ามันน่าสนุกดีถ้าเขาชักชวนหลายๆ คนให้ปลูกดอกไม้ได้บ้าง อย่างน้อยก็มีเวลาชื่นชมสิ่งที่ตัวเองสร้างมากับมือ การเพาะเมล็ดและเฝ้าดูมันทุกวัน ทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่ออย่างที่เคยเป็น

    จุดเริ่มต้นของการขายเซตเพาะปลูกมาจากตรงนั้น การันต์ไม่ได้หมายความว่าอาชีพของเขาจะดีเด่ไปกว่าพนักงานออฟฟิศที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ จิรายุที่ชอบบ่นว่าทำงานหนัก แสนเหนื่อย แต่เขาก็ยังคงรักงานนั้น ยังทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ การันต์เชื่อว่าเราทุกคนแตกต่างกันไป และเขาในตอนอายุสามสิบสี่ปีที่มีอาชีพขายเซตเพาะปลูกก็มีความสุขดี

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การรดน้ำต้นไม้ในตอนเช้าก็เป็นเรื่องที่ต้องแข่งกับเวลาเหมือนกัน

     

     

     

    ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกับกางเกงย้วยๆ ลุกขึ้นจากเตียง วางมือถือลงที่เดิม แต่ในตอนนั้นเองที่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง เหลือบมองไปก็เห็นยอดเงินเข้าในบัญชี มันเป็นยอดเดียวกับที่เขาแจ้งลูกค้าไปเมื่อคืนนี้ ลูกค้าที่สั่งเซตเพาะปลูกนับสิบเซตและเขานึกว่าเขาโดนเทไปแล้ว

    พักเดียวเสียงแจ้งเตือนจากข้อความในอินสตาแกรมของร้านก็ดังขึ้นอีก มันเป็นข้อความที่ระบุชื่อที่อยู่ผู้รับและหลักฐานการโอน ก่อนจะตามด้วยคำขอโทษที่คุณลูกค้าทิ้งเอาไว้

     

    ‘ขอโทษที่โอนช้านะครับ พอดีเมื่อคืนหลับ’

     

    การันต์หยุดคิดครู่หนึ่ง เขากำลังเช็กของในสต๊อกด้วยความทรงจำคร่าวๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปด้วยถ้อยคำแสนสุภาพในแบบที่เขาเป็น

     

    ‘ขอบคุณครับ ผมจะส่งของให้บ่ายนี้ ยังไงจะมาแจ้งเลขพัสดุอีกทีนะครับ’

     

     

     


    เป็นบทที่มีแต่พี่เกื้อ 55555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×