คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ยัยเตี้ย
Nineteen
“นั่นแหละคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ ก่อนจะมาอยู่ที่โรงพยาบาล”
“โห้ ความทรงจำใหม่โคตรโลกสวยอ่ะ” นาอึนพูด
“ทุกคนออกไปคุยข้างนอกกันหน่อยซิ” อึนจีพูดบอกทุกคนก่อนที่ทุกคนจะพากันเดินออกไปข้างนอกห้อง
“ฉันว่าความทรงจำมันดูสั้นๆนะ แถมความทรงจำก็ดูผิดเพี้ยนไปหมดเลย” อึนจีเริ่มตั้งคำถามทันทีเมื่อทุกคนเดินออกมาอยู่นอกห้องหมดแล้ว
“นั้นซิแถมฉันก็ไม่ได้รู้จักกับโบมีออนนี่ที่โรงเรียนสักหน่อย” ฮายองพูดเสริม
“ถ้าเอาตั้งแต่แรกที่โบมีเล่าให้พวกเราฟังนะ มาดูกันว่ามีตรงไหนที่ดูผิดแปลกไปบ้าง” อึนจีพูดบอกทุกคน
“จริงๆวันแรกตอนเที่ยงฉันกับโบมเราเจอกันที่ใต้ต้นไม้ที่โบมไปนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว และตอนเลิกเรียนฉันก็เรียกโบมไปหาฉันพี่ห้องผอ.ด้วย แล้วหลังจากนั้นมันก็เกิดเรื่องขึ้นกับโบมแต่ฉันก็ไปช่วยไว้ได้ทันและพาโบมไปโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าความทรงจำในวันแรกของโบมีที่หายไปจะเป็นส่วนที่มีฉันอยู่นะ” โชรงอธิบาย
“อืมน่าจะเป็นแบบนั้นนะ เพราะตอนที่เราเจอกันที่ร้านทงคัตสึบ้านของโบมี โชรงเธอก็มาพร้อมกับโบมีใช่ไหมล่ะ” นาอึนพูดเสริม
“ใช่ หลังจากนั้นฉันก็พาโบมีไปบ้านฉันแล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าความทรงจำช่วงนี้จะถูกตัดหายไปหมดเลย”
“รวมถึงความทรงจำตอนที่เกิดเรื่องขึ้นที่บ้านของโชรงออนนี่ด้วย หลังจากที่ฉันกับนัมจูไปพักบ้านออนนี่มันก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะเลยใช่ไหมล่ะ แต่ทำไมโบมีออนนี่ถึงจำมันไม่ได้เลย” ฮายองพูดต่อจากโชรง
“ความทรงจำช่วงที่โบมีไปพักบ้านฉันก็หายไปด้วยนะ แปลกมากเลย” นัมจูพูดเสริมฮายอง
“ดูเหมือนว่าความทรงจำพวกนั้นจะถูกลบทิ้งไปหมดเลยแล้วก็ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ซินะ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่โชรงออนนี่แล้วหล่ะที่ถูกโบมีลืม แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นทุกความทรงจำร้ายๆที่โบมีเคยเจอเลยซะมากกว่าที่ถูกลบทิ้งไป” อึนจีอธิบายอีกครั้ง
“เราจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะเป็นทุกความทรงจำร้ายๆของโบมีที่จะถูกลบทิ้งไป” โชรงถามอึนจีอย่างไม่เข้าใจที่อึนจีพูดนัก เพราะจู่ๆอึนจีก็พูดถึงทุกๆความทรงจำร้ายๆของโบมีซะงั้น
“แน่ใจได้ซิค่ะออนนี่ เพราะที่โบมีเล่าจำได้ใช่ไหม โบมีบอกว่าที่ฉันดรอปเรียนก็เพราะว่าเข้าโรงพยาบาล ใช่ฉันเข้าโรงพยาบาลจริงๆแต่ที่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลมันเป็นเพราะโบมี ก็ตอนนั้นโบมีกับฉันเราไปเล่นน้ำกันและโบมีก็แกล้งฉันจนฉันเกิดจมน้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาลและดรอปเรียนไปหนึ่งปี แต่ดูความทรงจำที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ซิ แล้วก็เรื่องที่โบมีโดนใครไม่รู้ทำร้ายได้ใช่ไหมความทรงจำช่วงนั้นก็หายไปหมดแค่นี้ก็พอจะแน่ใจได้แล้วว่าโบมีต้องการจะลบทุกความทรงจำที่ร้ายๆออกไปให้หมด” อึนจีอธิบายยืดยาวให้ทุกคนฟัง
“ห๊ะ? ใครทำร้ายอะไรนะยังมีเรื่องอะไรอีกไหมเนี้ยที่ฉันยังไม่รู้” นัมจูถามอย่าง งงๆ ทำไมอีกล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นนักหนา แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ
“ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะน่า” ฮายองดุเข้าให้
“ออนนี่แต่ฉันว่าความทรงจำของโบมีน่าเชื่อกว่าของออนนี่นะค่ะ” นาอึนท้วงขึ้น
“ทำไม?”
“ก็ดูจากลักษณะแล้วออนนี่น่าจะหยุดโตตามที่โบมีบอกจริงๆแหละ ฮ่าๆ”
“ซน นาอึน!”
“ล้อนิดล้อหน่อยก็ไม่ได้ แล้วจะเอายังไงต่อ” นาอึนเลิกล้อเล่นและกลับเข้าสู่โหมดจริงจัง่นเดิม ซึ่งทุกคนก็ได้แค่ทำหน้าเครียดไปตามๆกัน
“เราคงต้องร่วมมือกันทำให้ความทรงจำของโบมีกลับมาก็เท่านั้นแหละ” อึนจีพยายามเสนอแนะ
“แล้วจะทำยังไงอ่ะออนนี่” ฮายองเป็นคนถามบ้าง
“เราก็ค่อยๆเล่าช่วงความทรงจำที่หายไปให้โบม พาไปที่ๆพอจะช่วยให้โบมนึกอะไรออกได้บ้างที่เหลือก็คงอยู่ที่เวลาและตัวโบมเอง”
“แล้วอีกอย่างนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้โบมีอยู่ในสายตาของพวกเราทุกคนเพราะตอนนี้ฉันยังตามตัวพวกที่ทำร้ายโบมีไม่ได้เลย ฉันกลัวว่าโบมีจะเป็นอันตรายไปอีก ความจำก็เสื่อมอยู่ด้วย” โชรงบอกคนอื่นๆด้วยสีหน้าที่ดูเครียดและจริงจัง ทุกคนก็ต่างพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“คือจะช่วยฉันได้มากถ้าใครสักคนเล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันรู้สึกว่าพลาดอะไรไปเยอะเลย” นัมจูพูด
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังเอง” อึนจีบอก
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ”
“หึ้ย! ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้นะน่าโมโหเป็นบ้า”
“ช่างเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่โชรงออนนี่ตามตัวพวกที่ทำร้ายโบมเถอะ”
“เห้อ~ โบมน่าสงสารเป็นบ้าเลย” นัมจูพูดพรางมองไปยังโบมีที่นอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสายตาเศร้าๆ
“นั้นซิ ถ้าฉันเป็นโชรงออนนี่คงเครียดจนเส้นเลือดแดงในสมองแตกไปนานละ” ฮายองกุมขมับแสดงท่าทางประกอบ
“เว่อร์ไปละฮายอง”
“ไม่สักหน่อยนัมจู เธอลองคิดดูนะถ้าโบมีออนนี่เป็นเธอแล้วฉันเป็นโชรงออนนี่ ฉันว่าฉันคงทนไม่ได้แน่ถ้าเธอไม่อยากแม้แต่จะจดจำฉัน” ฮายองพูดตามสิ่งที่คิดโดยไม่ต้องกลัวจะโดยโชรงฆ่าหั่นศพ(?) เพราะเจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่นี่
“ที่โชรงออนนี่เขายอมทนก็เพราะรักโบมีไม่ใช่ไง ส่วนเธอ…” นัมจูเหยียดสายตาไม่หาฮายองอย่างบรรยายความรู้สึกไม่ถูก (ถ้าจะมองฮายองขนาดนั้นด่ามันด้วยเถอะหนูนัม)
“พูดแบบนี้จะบอกว่าฉันไม่ได้รักเธอรึไง ถ้าเป็นฉันฉันก็ทนได้โถ่ววว~” ฮายองยืดอกทำโชว์พาว = =
“จ๊ะ…เชื่อ”
“พวกเธอสองคนนี่พูดเหมือนกับคนเป็นแฟนกันเลยนะ” นาอึนพูดขึ้นหลังจากฟังการสนทนาของทั้งสองมาได้สักพัก
“ก็เราสองคนเป็นแฟนกันนี่ค่ะออนนี่” ฮายองพูดไปก็บิดไปบิดมา (คนเขินมันต้องเป็นนัมจูไม่ใช่หรอฮายอง)
“อะไรใครเป็นแฟนใครหรอ?” โชรงถามหลังจากเข้ามาในห้องคนไข้เพราะเธอเพิ่งโดนอึนจีกับนาอึนไล่ให้กลับบ้านไปอาบน้ำหลังจากที่นั่งเน่านอนเน่ามาหลายวัน
“ก็ฮายองกับนัมจูไงออนนี่ เราเป็นแฟนกันแย้วน้าาา” ฮายองพูดด้วยสีหน้าดีใจซะเกินหน้าเกินตา ดูมีความสุขมากที่ได้อวดว่าตัวเองมีแฟน
“อ้อหรอ” พูดจบก็เดินไปนั่งประจำที่ของตัวเองก็คือข้างเตียงคนไข้นั่นเอง
“นี่ออนนี่ไม่ตกใจหน่อยหรอ” นัมจูถามอย่าง งงๆ ก็ใช่ทั้งๆที่โชรงควรจะตกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอและโบมีแกล้งเป็นแฟนกันอยู่นี่นา
“ทำไมฉันต้องตกใจด้วยล่ะ” โชรงตอบเสียงนิ่งตามปกติ(?)
“ก็ก่อนหน้านี้ที่ฉันกับโบมบอกกับออนนี่ว่าเราคบกันอยู่ไง”
“ก็ฉันไม่ได้เชื่อพวกเธอตั้งแต่แรกแล้วนิ่ ถึงตอนที่พวกเธอจูบกันฉันจะแอบเชื่อนิดๆก็เถอะ”
“จูบหรอ!” ฮายองแหกปากทันทีเมื่อได้ยินคำว่าจูบ
“เบาๆซิยัยน้องยักษ์ เดี๋ยวโบมฉันก็ตื่นกันพอดี” โชรงดุเข้าให้
“อุ๊ยๆ อะไรนะค่ะขุ่นพี่เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินโบมของฉันนะคะ” นาอึนเริ่มปฏิบัติการแซวโชรงทันที
“เงียบไปเลยซน นาอึน!”
“หว่ายคนแก่มีน้ำโหแล้ว แย่จัง”
“ย๊าๆ! นัมจูมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“โอ๊ยยย น่ารำคาญจริงเธอนี่”
“รอฉันด้วยนัมจู เราต้องคุยกันนะ!!”
“ทำไมคนพวกนี้ดูวุ่นวายจัง -__-” อึนจีที่นั่งอยู่ระหว่างกลางของสงครามน้ำลายได้แต่พูดออกมาลอยๆ (ไรท์เข้าใจนะอึนจีอ่า)
ด้านฮาจู
“ย๊า! คิม นัมจูรอฉันก่อน”
“ไม่ต้องตามมาเลยนะยัยยีราฟ”
“ย๊า!! ยัยเตี้ย ยัยแคระ ยัยฮ็อบบิด”
“เมื่อกี๊ว่ายังไงนะ…” เฮือก! ฮายองรับรู้ได้ถึงไอเย็นแปลกๆก่อนจะพบกับสายตาแช่เย็นของนัมจู ก่อนที่คนตัวเล็กจะกำคอเสื้อของอีกคนไว้ประหนึ่งนักเลงที่กำลังจะไถ่ตังรุ่นน้อง(ยักษ์)
“เอ่อ…เก๊าขอโตด T^T” ฮายองแทบจะยกมือไว้นัมจู ในเวลานี้เธอก็ไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตัวน้อยๆเลย
“อย่าเรียกฉันแบบนั้นอีกถ้าไม่อยากตาย” ฮายองกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดูท่านัมจูจะเอาจริงสุดๆครั้งนี้
“จะ..จะไม่อยากเรียกอีกแล้วจ้า ปล่อยเค้าเถอะนะ”
“อย่าให้ฉันได้ยินอีกนะเธอไม่ตายดีแน่โอ ฮาอง” ทำไมเมียโหดจังฮายอง
“ค้าบบบ เฮ้ย! เดี๋ยวอย่ามาทำดุเปลี่ยนเรื่องนะนัมจู ตอบฉันมาเลยเธอไปจูบกับโบมีออนนี่ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้ แล้วทำไมต้องไปจูบกันด้วย นี่เธอยังไม่ลืมโบมีออนนี่ใช่ไหมตอบฉันมานะ”
“อย่ามาหาเรื่องชวนตีได้ไหมโอ ฮายอง ถ้าเธอยังเอาแต่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้ฉันก็ไม่รู้จะบอกเธอไปทำไม”
“ฉันก็แค่ถามเองถ้ามันไม่มีอะไรจริงๆทำไมเธอไม่ยอมตอบฉันมาล่ะ หรือว่ามันมีอะไรจริงๆกันแน่”
“โอ ฮายองนี่เธอไม่เข้าใจที่ฉันบอกไปเลยรึไง เธอนี่มันโง่งี่เง่าโตแต่ตัวจริงๆเลยนะ” ไอ้ยีราฟเอ้ย! ก็บอกไปแล้วไงว่าหัวใจฉันมันอยู่ที่ใคร นัมจูได้แต่บ่นคนตัวสูงในใจ
“ก็ใช่ซิฉันมันโง่งี่เง่าไม่เหมือนโบมีออนนี่ของเธอใช่ไหมล่ะ!” ก็ไม่ได้อยากงี่งแต่คนมันหึง!! ทางนี้ก็ได้แต่เถียงกลับในใจ
“นี่ฮายองเธอจะไม่จบใช่ไหม อยากจะมีเรื่องให้ได้เลยรึไง” นัมจูกำมือแน่นพร้อมชกคนตัวสูงตรงหน้าสุดๆ ฮายองเห็นดังนั้นก็พอจะรู้ชะตากรรมของตนเองดีเลยได้แต่หลับหูหลับตาประชดคนตัวเล็กตรงหน้าต่อไป
“ใช่! ฉันอยากมีเรื่อง แล้วเธอจะทำไมยัยเตี้ย ยัยอุ้บ..” ประไรนั้น -..- สิ่งที่ฮายองได้สัมผัสกลับไม่ใช่สัมผัสเจ็บที่ตาหรือว่ามุมปาก แต่กลับเป็นสัมผัสอ่อนนุมละมุนละไมที่ริมฝีปากแทนซึ่งพอสมองของเธอเริ่มประมวลผลได้เธอก็เพิ่งจะรู้ตัวว่านัมจูกำลังจูบเธออยู่ (ถ้าจะรู้สึกตัวช้าขนาดนี้นะ)
“พอใจรึยังจบเรื่องแล้วใช่ไหม แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วนะว่าฉันเลือกใครจะต้องให้ฉันย้ำอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ อีกอย่างฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น” นัมจูผละริมฝีปากออกมาด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำอย่างไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ชัด
“ยัยเตี้ย >3<” ฮายองพูดก่อนจะหลับตายื่นปากไปหานัมจู
…ทำอะไรของมัน… (ไรท์ก็ไม่เข้าใจเช่นกันนัมจู)
“ทำอะไรของเธอ - -”
“อ่าวไม่จูบแล้วหรอ นึกว่าเรียกแบบนี้แล้วเธอจะจูบซะอีก” ตอบไปด้วยสายตาที่ซื่อเหมือนกับลูกหมาน้อย
“บ้า!” นัมจูจากที่หน้าแดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเข้าไปใหม่ ก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีคนตัวสูงมาอย่าเขินๆ
“อ่าวไปไหนรอฉันด้วยซิ ยัยเตี้ย” ฮายองรีบเดินตามนัมจูไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกับตอนแรกโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้เธอทั้งมีความสุขและฟินจนจะบินได้อยู่แล้ว (นี่แกแกล้งงี่เง่าให้เขาจูบรึป่าว แกวางแผนมาใช่ไหมฮายอง = =)
...............................
กลับมาคราวนี้อาจจะยังคงน่าเบื่อเช่นเดิม ตอนสั้นๆยาวๆไม่สมประกอบบ้าง -3- แต่ไรท์ก็กำลังพยายามพัฒนาอยู่น้าาา
ไรท์ขอโทษนะครัชที่หายไปซะนาน พอดีช่วงนี้ยุ่งๆทั้งเรียน เรียนพิเศษ ช่วยงานม๊ามี๊เลยไม่ค่อยมีเวลามาแต่งสักเท่าไหร่ T^T
ยังไงก็อย่าลืมเรื่องนี้ของไรท์น้า ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังใจกันเน้ออออ
ความคิดเห็น