คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ทำไมต้องเป็นฉันคนเดียว
Twelve
ภายในห้องพักเดี่ยวของโบมีที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ โดยมีอึนจีและนาอึนค่อยเฝ้าอยู่ตลอดเวลาทั้งสองยังไม่แม้แต่จะได้กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลยแม้แต่นิด นั้นเพราะอึนจีบอกไม่อยากจะละสายตาไปจากโบมีเพราะเป็นห่วง ส่วนนาอึนก็ไม่อยากจะขัดใจอึนจีมากนักเพราะเธอรู้ว่าในเวลานี้จิตใจของอึนจีมันย้ำแย่อยู่พอควร ปัง!!
“โบมๆ ๆ!!” นัมจูที่พุ่งเข้ามาในห้องพักของโบมีพร้อมๆกับฮายองทั้งสองเข้ามาก็ทำเสียงดังกันทันทีเพราะนัมจูก็เอาแต่ตะโกนเรียกหาโบมีอย่างเดียวส่วนฮายองก็จะโกนเรียกแต่นัมจู(แกจะเรียกนัมจูเพื่อ?) จนอึนจีและนาอึนต้องทำท่าบอกให้นัมจูและฮายองนั้นลดระดับเสียงของตนเองลงเพราะเดี๋ยวมันจะรบกวนการนอนพักของโบมีเอาให้
“เอ่อ ขอโทษคะที่เสียงดังว่าแต่โบมเป็นยังไงบ้างค่ะ แล้วหมอบอกว่าเป็นอะไรมากไหม” นัมจูหลังจากลดระดับเสียงลงแล้วก็หันไปถามอึนจีแทนโดยมีฮายองยืนรอคำตอบอยู่ข้างๆ
“หมอบอกว่าตอนนี้โบมีปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องรอผลเอ็กซเรย์สมองก่อนหน่ะ” เป็นนาอึนที่ตอบแทนอึนจีที่เอาแต่ก้มหน้าพรางมองไปยังโบมี
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นค่ะทำไมโบมีเขาถึงได้เป็นแบบนี้ละค่ะ” คำถามของฮายองทำเอาอึนจีสะดุ้ง เธอยังคงรู้สึกผิดต่อโบมีอยู่ดีถึงแม้พวกคุณหมอและนาอึนจะคอยบอกเธออยู่ตลอดเวลาว่าโบมีปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วก็ตาม
“เอ่อ…คือ” นาอึนที่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีเพราะเธอกลัวว่าถ้าพูดออกไปมันจะยิ่งทำให้จิตใจอึนจีแย่ลง เธอเลยได้แต่มองอึนจีก่อนจะหันไปมองฮายองสลับกับนัมจูพร้อมกับฝืนยิ้มจืดๆไปให้เพื่อสื่อให้รู้ว่าเธอก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
“ฉันผิดเองแหละ ฉันเป็นคนขับรถชนโบมเอง ฉันเป็นคนผิด” จู่ๆอึนจีก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยตัวเองแต่ในดวงตานั้นกับสั่นระริก
“ออนนี่มันเป็นแค่อุบัติเหตุนะค่ะอย่าโทษตัวเองเลย ยังไงในตอนนี้โบมีก็ปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรอค่ะ แค่นี้ก็ดีแล้วละค่ะ” ฮายองที่เหมือนจะเข้าใจแล้วก็พูดปลอบอึนจีที่กลับไปนั่งก้มหน้าอีกครั้ง ส่วนนัมจูก็เหมือนจะโกรธอึนจีอยู่ไม่น้อยที่เขาเป็นคนทำให้โบมีต้องเข้าโรงพยาบาลแต่ถึงกระนั้นเธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่ามันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเลยไม่อยากจะใส่ใจกับมันมาก
ทั้งสี่นั่งคุยกันไปสักพักใหญ่ๆ จนโบมีเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วอึนจีจึงรีบเรียกคุณหมอมาตรวจโบมีทันที พอคุณหมอเข้ามาก็ตรวจเช็คอาการของโบมีและทุกอย่างก็ดูปกติดี
“ทุกอย่างปกติดีแล้วครับส่วนผลการแสกนสมองของคุณโบมีก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ ส่วนสาเหตุที่คุณโบมีเป็นลมนั้นคงจะเกิดจากความหิวครับเลขทำให้โรคกระเพาะของเธอกำเริบจนหมดสติไป” คุณหมออธิบายจากรายงานผลการตรวจให้ทั้งสี่คนฟังอย่างละเอียด ก่อนจะขอตัวออกไป
“โบมเป็นยังไงบ้าง” อึนจีรีบเดินไปถามโบมีทันที่คุณหมออกไปจากห้อง
“อื้มก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อึนจีก็ทำหน้าซะเว่อร์” โบมีแขวะอึนจีที่เอาแต่ทำหน้าเหมือนกับจะมีใครตายอย่างนั้นแหละ
“ว่าแต่โบมจำได้ไหมว่าทำไมถึงไปเป็นลมอยู่แถวนั้นได้ล่ะ”
“ฉันจำได้ว่าฉันเดินๆอยู่นะ แล้วก็สงสัยจะเป็นลมไปเลยอ่ะ” โบมีพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ว่าแต่โบมเธอเป็นโรคกระเพาะด้วยหรอ ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะแล้วเป็นมานานหรือยัง” คราวนี้นัมจูเป็นคนถาม
“อื้อ ก็มันไม่จำเป็นต้องบอกนิ่ก็เลยไม่ได้บอกใครเลย เพิ่งเป็นเมื่อไม่นานมานี้แหละขอโตดน้าที่ไม่ได้บอกง่ะ -3-” โบมีทำหน้าอ้อนๆอย่างจะให้ทุกคนยกโทษให้ที่เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้
“ช่างเถอะยัยบ๊องเอ้ย คราวหน้าก็หัดบอกกันบ้างนะ” นัมจูเขกหัวโบมีไปทีนึงถือเป็นการลงโทษที่ไม่ยอมบอกเธอ ซึ่งการกระทำทั้งหมดของนัมจูนั้นก็อยู่ในสายตาของฮายองอยู่ตลอดเวลา ฮายองคงได้แต่ยืนมองการเล่นหยอกล้อกันของนัมจูและโบมี ส่วนอึนจีก็โล่งใจขึ้นมากแล้วที่โบมีไม่ได้เป็นอะไรจึงไปนั่งอยู่ที่โซฟากับนาอึนเพราะไม่อยากจะรบกวนการสนทนาอันสนุกสนานของพวกทั้งสามคน (ต้องเรียกว่าสองคนซะมากกว่า) ปึงง งง !!
“โบมี!!” โชรงที่พุ่งพรวดเข้ามาในห้องเสียงดังทำให้ทุกคนต่างมองไปยังคนที่มาใหม่ทันที
“เธอเป็นยังไงบ้าง? เป็นอะไรมากไหม? แล้วเจ็บตรงไหนไหม?” โชรงตรงไปยังเตียงที่โบมีนอนอยู่ก่อนจะรัวคำถามชุดใหญ่
“เอ่อ…คือ…เรารูจักกันด้วยหรอค่ะ?” เงิบ…คำตอบของโบมีทำเอาทุกคนในห้องแทบจะร้องเป็นเสียงเดี๋ยวกันอย่างตกใจกับสิ่งที่โบมีพูดออกมา
“ย๊า! ฉันไม่ตลกกับเธอนะยุน โบมี” โชรงหัวเราะฝืดๆให้กับโบมี แต่ดูท่าโบมีจะไม่ได้เล่นตลกกับโชรงซะแล้วซิ
“ขอโทษจริงๆนะค่ะฉันจำได้ว่าไม่รู้จักคุณนะค่ะ นัมจูคุณคนนี้คือใครหรอ?” โบมีตอบโชรงกลับไปก่อนจะหันไปถามนัมจูที่ยืนอยู่ข้างๆกับโชรง
“นี้โบมไม่รู้จักโชรงออนนี่ไม่ได้หรอ” นัมจูไม่ได้ตอบคำถามของโบมีแต่เธอถามโบมีกลับอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“อื้ม ฉันไม่รู้จักเขา ทำไมหรอหรือว่าฉันรู้จักเขา” คำพูดของโบมีทำเอาโชรงแทบจะยืนไม่อยู่ เป็นใครมันก็ต้องมีช็อกกันบ้างแหละที่โดนลืมอยู่แค่คนเดียวในขณะที่เขากลับจำทุกคนได้หมดยกเว้นเธอ
“อึนจีฉันว่าเราเรียกคุณหมอเถอะ” นาอึนกระซิบบอกอึนจีซึ่งอึนจีก็รีบกดออดเรียกคุณหมอมาตรวจโบมีอีกครั้งทันที ซึ่งไม่กี่นาทีต่อมาคุณหมอก็รีบวิ่งเข้ามาตรวจอาการของโบมีอีกครั้งทันทีก่อนจะขอให้โบมีไปทำการแสกนสมองอีกครั้ง
“หมอค่ะผลเป็นยังไงบ้างค่ะ” โชรงที่วิ่งเข้าไปถามคุณหมอเป็นคนแรกก่อนที่คนอื่นๆจะเดินตามกันมา
“ผลตรวจก็เหมือนกับครั้งแรกนะครับไม่มีอะไรผิดปกติ แต่อาจจะเพราะตอนเธอเป็นลมศรีษะของเธอคงไปกระแทกพื้นเข้าเลยเป็นไปได้ที่คนไข้อาจจะความจำเสื่อมครับ”
“ความจำเสื่อม!” ทั้งหมดพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันก่อนที่คุณหมอจะอธิบายต่อ
“ครับ แต่มันก็อาจจะแค่ชั่วคราวเท่านั้นนะครับแต่เคสของคุณโบมีนั้นต่างออกไปอยู่นิดหน่อยนะครับ” คุณหมอพูดก่อนจะทำหน้าหนักใจและมองไปยังโชรง
“ต่างยังไงหรอค่ะคุณหมอ” อึนจีเป็นคนถามและคุณหมอก็อธิบายต่อทันที
“เคสของคุณโบมีคือคนไข้เขาจะจำทุกอย่างได้หมดเลยครับเธอก็จะเหมือนปกติทุกอย่าง แต่มันจะมีแค่บ้างส่วนเท่านั้นครับที่เธอจะจำไม่ได้ซึ่งปัญหามันก็เกิดจากจิตใต้สำนึกของคนไข้นั้นต้องการที่จะไม่จำสิ่งนั้น หรือเรียกง่ายๆว่าเธอเพียงแค่ต้องการจะลืมความทรงจำบางอย่างเลยทำให้จิตใต้สำนึกของเธอปิดกั้นตัวเองจากความทรงจำเหล่านั้นครับ” คุณหมออธิบายอย่างละเอียดให้ทุกคนฟัง ทุกคนพยักหน้าเข้าใจแต่จะมีก็แค่โชรงที่แทบจะยืนไม่อยู่อีกครั้ง นี่มันอะไรกัน!!
คำสุดท้ายที่เธอพูดกับฉันคือเธอเกลียดฉัน แล้วนี้มันอะไรอีกโบมี ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ? ทำไมต้องเป็นฉันคนเดียวด้วยที่ถูกเธอลืมกัน เธอคงจะเกลียดฉันมากซินะ เธอคงอยากจะลืมๆฉันไปซะ คงอยากจะลบฉันอยากไปจากความทรงจำแย่ๆของเธอมากใช่ไหม
ใช่ซิ! ฉันมันสมควรโดนแบบนี่แล้ว เพราะฉันเองที่ทำร้ายเธอ หึหึ โชรงแกมันสมควรแล้วล่ะที่เขาจะลืมแก สมควรแล้วแหละที่เขาไม่อยากจะจำอะไรเกี่ยวกับแก สมควรแล้วที่เขาจะลบแกออกไปจากความทรงจำ
โชรงได้แต่พูดด่าตัวเองในใจเหมือนคนบ้า ความรู้สึกน้อยใจที่มีมากมายในใจแต่มันสมควรแล้วหรอที่คนอย่างเธอจะมาน้อยใจ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอยากจะตายๆไปให้มันรู้แล้วรู้รอด ถ้าตอนนั้นเธอเดินลงจากรถไปตามโบมี ถ้าเธอยื้อหรือรั้งโบมีไว้สักนิดเรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น มันคงจะเป็นความผิดของเธอเองที่ไม่ยอมรั้งโบมีไว้ เธอผิดเองที่เคยทำร้ายทั้งจิตใจและร่างการอันบอบบางของโบมี ยิ่งคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้มันก็เหมือนกับการเอามีดมาแทงตัวเองซ้ำๆ ย้ำให้เธอรู้สึกผิดมากเข้าไปใหญ่
“ออนนี่ไม่เป็นอะไรนะค่ะ” ฮายองพูดถามโชรงไปถึงเธอจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าโชรงนั้นรู้สึกยังไม่
“พี่ขอตัวไปคุยกับคุณหมอก่อนนะ” โชรงพูดก่อนจะลุกเดินเข้าไปหาคุณหมอ ส่วนคนอื่นๆก็พากันกลับไปเฝ้าโบมีที่ห้องอย่างรู้สึกหดหู่และเห็นใจโชรง
ในห้องคุณหมอ
“คุณหมอค่ะไม่ทราบว่ามันพอจะมีทางรักษาบ้างไหมค่ะ” โชรงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณหมอพูดถาม
“ทางรักษามันก็มีอยู่นะครับ แต่เวลามันก็ขึ้นอยู่กับคนไข้ด้วยว่าคนไข้นั้นพร้อมที่จะรับการักษาเมื่อไหร่ ซึ่งการรักษามันก็ไม่ยากไม่ง่ายนะครับ เพราะคุณจะต้องทำให้เธอเปิดใจรับคุณให้ได้และเมื่อเธอเปิดใจรับคุณไว้แล้วทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นนะครับ เรื่องแบบนี้หมอคงช่วยอะไรไม่ได้นะครับเพราะมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองและก็คนไข้”
“แล้วถ้าโบมีเปิดใจให้กันฉันแล้วล่ะค่ะ มันจะเป็นยังไงต่อ แล้วมันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนค่ะถึงโบมีจะยอมเปิดใจให้กับฉันค่ะ”
“ถ้าคนไข้ยอมเปิดใจแล้วความทรงจำก็จะค่อยๆกลับมาทีละนิดครับมันจะดีมากถ้าคุณพาเธอไปยังสถานที่ๆอยู่ในความทรงจำของคนไข้หรือไม่ก็สิ่งของอะไรก็ได้ครับที่จะทำให้เธอพอจะจำอะไรได้บ้าง ส่วนเรื่องเวลานั้นหมอไม่สามารถบอกคุณได้นะครับเพราะหลายๆเคสที่หมอเจอมาอย่างต่ำก็แค่เดือนถึงสองเดือน ถ้าหนักๆหน่อยก็อาจจะเป็นปี แต่ถ้ามันแย่มากจนไม่สามารถเยียวยาได้จริงๆมันก็…คงจะตลอดชีวิตครับ”
ตลอดชีวิต!? ตลกเถอะนี้เธอจะไม่มีวันจำฉันได้จริงๆหรอโบมี ไม่จริงฉันไม่เอาด้วยหรอก ขอร้องล่ะอย่างน้อยถ้าเธอกลับมาจำฉันได้อีกครั้งฉันจะทำดีกับเธอให้มากกว่านี้ ฉันจะไม่ไร้เหตุผล ฉันจะคอยปกป้องเธอเองนะ ขอร้องช่วยกลับมาจำฉันได้อีกครั้งจะได้ไหมโบมี ฉันจะไม่ขออะไรอีกเลยเพียงแค่เธอจำฉันได้ก็พอแล้ว ถ้าเธอจำฉันได้แล้วเธออยากจะตบ อยากจะด่า อยากจะไล่ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะยอมเธอทุกอย่างเลย ถ้าเธอไล่ให้ฉันไปไกลๆฉันก็จะไป ขอแค่เธอจำฉันได้ก็พอนะโบมี แค่กลับมา…
‘จำฉันได้อีกครั้งก็พอแล้ว’
...............................................................
กลับมาอีกครั้งโบมก็ความจำเสื่อมซะงั้น แล้วอีกอย่างก็
ขอโทษน้าที่ไรท์หายไปนาน ไรท์ไปเฝ้าแด๊ดดี้ที่โรงพยาบาลมันไม่มีเน็ตง่ะ T^T
แต่ไรท์จะพยายามมาลงตอนต่อไปเรื่อยๆน้า ยังไงก็คอมเม้นเป็นกำลังให้ไรท์ด้วยล่ะ ไม่คอมเม้น
ไรท์งอนไม่ลงตอนต่อแล๊ว - .- (อย่าสนใจไรท์55555555)
ความคิดเห็น