คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : III - จุดเริ่มต้นของพี่ ของน้อง ของพวกเรา
::: จุดเริ่มต้นของพี่ ของน้อง ของพวกเรา :::
มาถึงตอนนี้ พี่จะสรุปเอาเอง(?)ของพี่เลยนะว่าน้องอยากไปแลกเปลี่ยน ฮ่าๆๆๆ คือ ไปเหอะน้อง เชื่อพี่!
แต่ไอการที่จะไปเรียน ไปใช้ชีวิต และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดนเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะพี่
อังกฤษหนูก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย คะแนนดี ท็อปห้อง เกรดมาเต็มก็..
ถ้ามันดีหนูคงมั่นใจในตัวเองมากพอแล้วก็ไปสอบ "ให้มันรู้แล้วรู้รอด" นานละ
ถ้าน้องกำลังบ่นพรึมพรำใส่จอตอนนี้ สคริปทำนองนี้อยู่ละก็ มาๆๆๆๆ
เดี๋ยวพี่พาไปทัวร์ชีวิตเด็ก ลป. ของพี่เลยดีกว่า เพราะพี่เชื่อว่า
การจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ มันต้องมีอะไรมาดล
น้องอย่าเพิ่งเงิบภาษาพี่นะ กร๊าสส คือ การตัดสินใจไปครั้งนี้ของพี่มันไม่ใช่ว่าเอออยากไปเฝย แล้วไป มันมาอย่างนี้ ย้อนไปเดือน พ.ค. ปี 2013 นู้นน ตอนนั้นพี่เอ๊าะมาก เพิ่งเปิดเทอม ม.6 เข้าสู่โหมดเตรียมเอน(ช้าไปนะบางที) “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ถูกป่ะ พี่จึงย้อนกลับมาดูตัวเองว่ามีจุดเด่น-ด้อยอะไรในตัว จะได้ฟิตไปรบถูก แต่พอประเมินตัวเองแล้ว พี่ไม่เด่นวิชาไหนเป็นพิเศษ มีแต่อังกฤษนี่แหละที่ชอบ แต่คะแนนก็ไม่ได้ดีมากอะไร
“ทำไงดี.. จะเอาไรไปสู้คนเป็นแสนให้ติดที่ที่อยากเข้าล่ะ”
คิดได้ พี่วิ่งโล่ไปหาครูภาษาอังกฤษเลยจ่า ยอมทุกอย่างแล้วจริง
“อยากเก่งอังกฤษต้องทำไงคะ”
หน้าครูตอนนั้นคืองงอ่ะ เป็นใครก็งง พี่ก็ยังงง แต่เออมันอยากรู้อ่ะ อยากเก่งนี่จริงจัง
“ทำไมถึงอยากเก่ง”
ไม่ด่ากลับมาคือบุญพี่แท้ๆ แน่ะ มีถามกลับ
“เพราะหนูคิดว่ามันเป็นวิชาที่สำคัญค่ะ ทั้งในการสอบเอนแล้วก็ในอนาคต ยิ่งมีอาเซียนยิ่งสำคัญเป็นลำดับต้นๆเลยค่ะ”
เนี่ยยย ตอบไปสวยๆ ถ้ามีน้ำส้มนางเอกคงซดไปละ
“ไหนลองพูดภาษาอังกฤษซิ คุยกับครูเป็นภาษาอังกฤษ”
ห่ะ
“เอ่อ.. ตะตอนนี้เลยหรอคะ”
“Yes.”
เอาจริงเฝย ซวยกรรมขำไม่ออก พี่ตั๊นไปแปดวิ ครูนี่สิบหกได้ ต่างคนต่างเงียบเชียบ พี่คิดอะไรไม่ออก
หัวใสไง ใสใสเลย กลวงๆ ว่างเปล่ามากกกกก
“ไปแลกเปลี่ยน”
เป็นครูท่านที่ทำลายความเงียบและแอร์ที่เย็นเชียบ เย็นเชียบเชียบเลยยย
“คะ?”
“อย่างนี้ต้องไปแลกเปลี่ยน กลับมาลูกจะไม่ติดแบบนี้อีก มันจะกลายเป็นแค่อดีต”
ไอย๊ะะ อดีตน่ารักขนาดนี้ อนาคตนี่เอาสายสะพายนางงามสวมล่วงหน้าเลยดีไหม เดี๋ยวๆๆๆ ไปกันใหญ่แล้ว
แลกเปลี่ยน? คือเคยได้ยินนะ แต่ไม่เคยคิดว่าเรามีโอกาสอ่ะ ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป มันต้องยากแน่ๆๆเลยยย
“อ่อ หนูไม่เก่งขนาดนั้นอ่ะคะ คงสอบไม่ได้”
ก็ตรงๆค่ะครู หนูโง่ไป..
“แล้วถ้าครูบอกว่ามันไม่ยากเกินความสามารถ ลูกได้ไปแน่นอน จะเชื่อครูไหม”
* * * * *
หลายวันต่อมา..
หลังจากวันแรกที่พี่คุยกับครูท่านนี้ พี่โล่ไปหาครูเกือบทุกวันหลังอาหารเลยจ่ะ (ครูหรือพาราเซตามอล) แต่ AFS ปิดรับสมัครไปก่อนเดือน พ.ค. แล้วพี่ก็อดไปสอบโดยปริยาย รอปีหน้าก็ไม่ทันแล้ว ปีนี้แหละ พี่ก็ลุยเลยจ้า สมัครสอบไป 5 ที่รัวๆๆๆๆๆ
ถามว่ารู้จักโครงการจากไหน ครูท่านนี้แนะนำ YES มาค่ะ พี่ก็สมัครผ่านทางท่านเลย สำหรับน้องๆ ก็ทำแบบพี่นี่แหละ ไปห้องพักครูอิ๊งเลย อย่าไปห้องวิทย์นะ เดี๋ยวเผลอสมัครสอบ สอวน. ติดแล้วอดไปแลกเปลี่ยน ฮ่าๆๆๆ เข้าหาครูที่เคยสอนเรา ครูท่านไหนก็ได้ค่ะ ขอสมัครโครงการแลกเปลี่ยน แต่ละช่วงเวลาที่เปิดรับสมัครจะต่างกันไปในแต่ละโครงการ กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย พวกหลักฐาน ใบปพ. transcript สำเนาบัตรนู้นนี่ และรูปถ่ายนักเรียนต้องเตรียมให้พร้อม พี่แนะนำว่าให้ถ่ายเอกสารไว้หลายๆชุดเลย ยังไงมันต้องใช้ตลอด ค่าสมัครจะครั้งละ 200-300 บาท น้องจะสมัครได้เรื่อยๆถ้าอายุยังได้อยู่ แต่ใครก็อยากสอบครั้งเดียวแล้วได้เลย จริงป่ะ
ที่แรกพี่ไปสอบของ YES ค่ะ มีทดสอบการฟังก่อน เขาเปิดเทปให้ฟัง ก็ฝนคำตอบไป แล้วก็การอ่านและแกรมม่า ปีพี่เป็นข้อสอบของ YES เองที่ใช้สอบ เป็นปรนัย (multiple choices) ทั้งหมด
ผลคือ พี่สอบติด..
ติดก็แปลกละจ้าาา พลาดที่แรกพี่ถึงกับเฟล แต่นิดเดียว พี่ไม่ยอมแพ้ ลุยต่อค่ะ ไปสอบ AYC รอบนั้นคนสอบเยอะอ่ะ หลายห้องไม่แพ้ YES เลย แถมเจอเด็ก ม.3 ให้พรึบ รู้สึกอายเด็กเบาๆ พาร์ทแรกทดสอบการฟัง เขาจัดฝรั่งมาอ่านให้ฟังเลยจ้าา ย้ำว่าฝรั่งนะคะ เลยฟังง่ายกว่าอินตะละเดี๋ย และปท.อื่นๆ ต่อมมาการอ่านและแกรมม่าค่ะ ซึ่งเป็นข้อสอบของทาง AYC เอง
ต่อมาพี่ไปสอบ ICE ค่ะ เริ่มจากพาร์ทฟังก่อน แล้วตามด้วยการอ่าน แกรมม่าตามลำดับ เป็นข้อสอบชื่อ SLEP TEST ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่นำมาใช้สอบค่ะ น้องๆก็จะไม่เจอแล้ว แต่ ICE มีส่วนสุดท้ายที่พิเศษคือ พาร์ทการเขียนค่ะ!!!
เขาจะให้กระดาษ A4 มาหนึ่งแผ่นเปล่าๆ แล้วน้องต้องเขียน essay ส่งนั่นเอง พี่ได้หัวข้อว่าทำไม ICE ต้องเลือกพี่ไปเป็นเด็ก ลป. ค่ะ เพื่อนข้างๆนี่ยิกเลย ส่วนพี่หรอ รอดูผลดีกว่า
ไม่กี่วันต่อมาพี่ไปสอบ OEG ต่อค่ะ (มันบ้าไปแล้ว) ข้อสอบเป็น SLEP TEST เหมือนกันค่ะ แต่คนละชุดและไม่มี essay ให้ปวดไต พี่ก็รู้สึกได้ว่าภาษาอังกฤษมันเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ถึงจะนิดนึงแต่ความมั่นใจคือมากกว่าครั้งแรกเยอะ OEG จะให้สอบข้อเขียนช่วงเช้า ถ้าผ่านก็ต้องสอบสัมภาษณ์ช่วงบ่ายต่อเลยค่ะ คือออกห้องสอบมาลุ้นมากกก ก็ติดค่ะ ห่ะ ติด ติดเฝยยยยยยยย
หน้าบานได้ซักพักก็สัมภาษณ์ค่ะ จะมีกรรมการสองท่านนั่งโต๊ะรอเรา คนไทยจะถามว่าทำไมถึงอยากไป ลป. อยากไปประเทศไหน ส่วนต่างชาติอีกคนจะถามความสนใจของเรา hobby ไม่ก็ profile ของเราค่ะ ไม่ได้กดดันหรือยากเกินไปอย่างที่คิด ที่กลัวไว้
นับมาก็ 4 ที่แล้วค่ะ พี่ก็เริ่มมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ตัดสินใจลุยที่สุดท้าย GIE ค่ะ (สุดท้ายแล้วตังค์หมดละจริง) เป็นข้อสอบ SLEP TEST หวานหมูที่พี่คิดไว้จริงๆ มันก็ flow แล้วค่ะ ไม่มี essay ด้วย พี่ก็เริ่มชิวว :P
หลังจากไปสอบมา 5 ที่เต็มๆๆ กรุณาอ่านอีกครั้ง 5 โครงการจ้าไฟมันลุกพี่เข้าใจตัวเองนะ คนมันอยากจะไปก็ต้องได้ไปไง
ผลจับพลัดจับผลู พี่สอบผ่าน AYC OEG GIE ค่ะ ไม่ผ่าน YES ICE ก็นะ ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสจริงๆ
ทั้งๆที่พี่เตรียมตัวหนัก ไม่ถึงครึ่ง กับการสอบที่ ร.ร. เลย
ถึงตรงนี้พี่ว่าพี่โชคดีที่มีครูท่านนี้เป็นส่วนสำคัญ เป็นแรงดลใจที่พี่มี
เป็นจิ๊กซอตัวสุดท้ายที่มาเติมเต็มความฝันลึกๆของพี่
คือการได้ไปใช้ชีวิต ออกไปเรียนรู้โลกกว้าง สัมผัสสิ่งต่างๆที่ไม่สามารถหาได้ในบ้านเกิดตัวเอง
เพราะทุกประเทศล้วนมีเสน่ห์ของมันค่ะ
แล้วน้องล่ะ มีแรงดลใจนี้แล้วหรือยัง
กล้าที่จะลอง พร้อมที่จะลุยกับการเริ่มต้นครั้งใหม่ไปกับพี่ไหม
จับมือพี่ไว้นะ แล้วเราจะทำความฝันของน้องให้เป็นจริงไปพร้อมๆกัน
ความคิดเห็น