คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : series/ it isn't in my blood (harry potter!au) [1]
title: series – it isn’t in my blood (harry
potter!au) [1]
paring: kim haon/lee byungjae
bgm: shawn mendes – in my blood
trying to find a way to chill, can’t
breathe
is there somebody who could...
พยายามจะผ่อนคลายแล้วนะ แต่ก็ยังหายใจไม่ออกอยู่ดี
จะมีไหมนะ ซักคนที่จะ..
รอยต่อแห่งการเติบโต
เป็นช่วงที่เขาเบื่อหน่ายที่สุดในโลก
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเลิกตื่นเต้นกับมันไปแล้วตั้งแต่เขาเหาะกลางอากาศด้วยไม้กวาดประจำตระกูลตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ
เสกกระต่ายขาวที่พัดหลงมาที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์เป็นรองเท้าแตะได้ตอนอายุสิบขวบ
ในเวลาถัดมา เขาสามารถปรุงน้ำยาสรรพรสได้โดยไม่ต้องมองตำราในครั้งที่สอง
ถ้าหากมองในมุมมองปกติ
‘อี บยองแจ’ คงกลายเป็นอัจฉริยะไปโดนปริยาย คงจะใช่ล่ะนะ
คุณปาร์ค ผู้ช่วยของพ่อซึ่งทำงานอยู่ในกระทรวงเวทย์มนตร์ด้วยกันมักชมเชยเขาด้วยคำพูดเทือกนี้บ่อยๆ
วินาทีแรกที่เขาประมวลผลคำชมเชยนั่นสำเร็จ
– ถ้าจำไม่ผิด
มันเป็นวันเกิดวัยแปดขวบของเขาพอดี เขายิ้มแก้มปริ เปรมปรีย์กับคำกล่าวชม ใช่
– มันเป็นคำชมแรกที่เขาได้รับตั้งแต่เกิดมาได้แปดปีภายใต้นามสกุลอี
กับการถูกเลี้ยงดูมาอย่างเคร่งครัดภายในคฤหาสน์หลังใหญ่
ในวินาทีนั้น
อีบยองแจวัยแปดขวบไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อของเขาถึงดูไม่พอใจกับคำกล่าวชมของผู้ช่วยของเขา
บรรยากาศในห้องโถงอึดอัดขึ้นมาทันตาเห็น
สิ่งที่เขาทำได้จึงเป็นการเก็บความสงสัยในวัยเด็กไว้
ก่อนที่ความสงสัยนั้นจะถูกไขความข้องใจเมื่อเขาอายุสิบขวบ
จริงอยู่
เขาสามารถเสกกระต่ายขาวโง่ๆ ที่หลงมานอนกลางวันบนสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์เป็นรองเท้าแตะขนนุ่มได้
แต่พี่สาวของเขา อีฮยอนจิน ในวัยสิบสามขวบ ผู้ที่เข้าศึกษาในโรงเรียนเดิร์มสแตรงก์ในปีที่หนึ่ง
ที่ผ่านการทดสอบว่ามีศักยภาพพอที่จะศึกษาต่อในระดับชั้นปีที่ห้าโดยไม่ต้องศึกษาในชั้นปีที่ 2-4 เลยด้วยซ้ำ
คืนนั้น จดหมายจากเดิร์มสแตรงก์ถูกส่งมาให้ครอบครัวของเขาในขณะที่พวกเขากำลังรับประธานอาหารเย็น
ความเงียบเชียบที่เป็นเรื่องปกติของครอบครัวอีถูกแทนที่ด้วยการอ่านสารจากผู้ส่งข่าวของโรงเรียน
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรอยยิ้มปรากฏบนลงใบหน้าของผู้เป็นพ่อ
เดิร์มสแตรงก์
เป็นโรงเรียนที่ตระกูลของเขาเข้ารับการศึกษาเป็นรุ่นต่อรุ่น
ไม่มีใครที่ไม่ได้ศึกษาที่เดิร์มสแตรงก์
โรงเรียนเวทย์มนตร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสอนศาสตร์มืดที่มี เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์
หรือพ่อมดที่อันตรายที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบศึกษาอยู่
และนั่นก็ดูเข้ากับชื่อเสียงของตระกูลอีที่มีชื่อเสียงในด้านศาสตร์มืดอย่างไม่อิดออด
เขาเริ่มเข้าใจเรื่องพวกนี้ในวัยสิบขวบ
เริ่มให้ความหมายกับห้องลับต่างๆ ที่อยู่หลังตู้หนังสือหลังใหญ่ในห้องโถง
รูปภาพของผู้ก่อตั้งตระกูลอีที่แขวนอยู่บนผนังสีเลือด
และชั้นใต้ดินหลังคฤหาสน์ที่ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าไป
พ่อของเขาต้องการผู้ที่จะมาสืบทอดธุรกิจของตระกูลอี ซึ่งไม่พ้นกับการยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์มืด และพี่สาวของเขาทำมันได้ดีเลยทีเดียว
และเมื่อได้รับรู้ความจริงในข้อนี้
นั่นกลับทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้เวทย์มนตร์ซะดื้อๆ
เขายอมรับ
เขาเริ่มต่อต้านครอบครัวด้วยการกระทำเล็กๆ น้อยๆ
เช่นการไม่ลงไปรับประธานอาหารเย็นบนห้องโถงอันแสนเงียบเชียบนั้น ไปจนถึงการปฏิเสธที่จะเข้าศึกษาต่อในเดิร์มสแตรงก์ในวัยสิบสามขวบ
ใช่ – วันหนึ่งในเดือนเมษายนบนห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลอี
เขาเผาจดหมายเข้ารับการเรียนต่อจากเดิร์มสแตรงก์ต่อหน้าผู้เป็นพ่อ
พ่อของเขามองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
จากความนิ่งเฉยเป็นความรู้สึกโกรธเคืองมากกว่าจะรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขา
และเชื่อสิ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองทำถูกต้องมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
การต่อต้านขั้นสูงสุดเท่าที่เด็กโง่ๆ
วัยสิบสองขวบจะทำได้ นั่นให้เขากลายเป็นเหมือนแกะดำของตระกูล ไม่มีจดหมายฉบับใหม่จากเดิร์มสแตรงก์ส่งมาให้เหมือนแฮร์รี่พอตเตอร์
หนังสือนิยายเพ้อพกนั่นหรอก
เดิร์มสแตรงก์ไม่มอบโอกาสครั้งที่สองให้คนโง่ที่ปล่อยมันหลุดมือไป
เช่นเดียวกับพ่อ
ที่คาดหวังในตัวของฮยอนจินแทนที่จะเป็นเขาไว้ตั้งแต่แรก
และขณะเดียวกัน
ในวันที่ยี่สิบ เดือนเมษายน อีบยองแจได้รับจดหมายจากโรงเรียนเวทย์มนตร์แห่งหนึ่ง
มันเป็นจดหมายเข้าศึกษาต่อของโรงเรียนฮอกวอร์ต
หรือโรงเรียนเวทย์มนตร์ที่ตระกูลของเขาสะอิดสะเอียดทุกครั้งที่ได้เห็นเหล่าพ่อมด-แม่มดที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนี้บนเดลี่
โพรเพ็ต
ถึงเขาจะกล่าวหาว่าแฮร์รี่พอตเตอร์เป็นนิยายเพ้อพก
–
แต่เชื่อเถอะว่าเขาอ่านมันจบทุกภาคตั้งแต่เก้าขวบ เขาเพียงแต่ต้องการต่อต้านสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเขาก็เท่านั้น
เขาคิดว่าการต่อต้านขั้นสูงสุดเท่าที่เด็กโง่ๆ
วัยสิบสองขวบจะทำได้นั่นคือการเผาจดหมายเข้าศึกษาต่อจากเดริมสแตรงก์ต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อซะอีก
จนวันรุ่งขึ้น เขาสามารถทำลายกำแพง ‘การต่อต้านขั้นสูงสุด’ นั่นได้จนหมดสิ้น
ใช่ – เขาเข้ารับการศึกษาต่อที่โรงเรียนฮอกวอร์ต
ด้วยเหตุผลโง่ๆ นั่น
-in my blood
การเป็นมักเกิ้ลนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเสมอ
จะบอกว่าเขาเหยียดมั้ย
– นั่นก็คงจะใช่ การเป็นผู้วิเศษนั่นมักจะมาคู่กับการรังเกียจสิ่งต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับมักเกิ้ลอยู่แล้ว เขาเบื่อหน่ายกับการที่เขาจำเป็นต้องนั่งสิ่งประดิษฐ์ที่เรียว่ารถบัสสีแดง
(ที่แตกต่างกับรสบัสยามราตรีอย่างสิ้นเชิง) ในลอนดอน ที่นับว่าช้าราวกับเต่า ทั้งๆ
ที่เขาสามารถไปโพล่ในสถานีคิงส์ครอสได้ในเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ
เขาก้าวเท้าเข้าไปในชานชลาเศษสามส่วนสี่ตามเวลาที่ระบุไว้
กระเป๋าเดินทางไม่กี่ใบนั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกลำบากอะไรเท่าไหร่นัก เขาหยุดฝีเท้าไว้หลังเส้นกั้น
มองตรงไปข้างหน้า ราวกับว่านั่นจะทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในตัวเขา – ลูกชายตระกูลอีที่เลื่องลือในด้านศาสตร์มืด หายไปจากโสตประสาท
“นั่น อีบยองแจ
ลูกชายอีซังฮยอน”
“ครอบครัวเขาหวังจะเป็นจ้าวโลกไม่ใช่หรือไง
มาทำอะไรที่นี่ ฮอกวอร์ตไม่ต้องการคนแบบเขา”
“ให้ตายสิ
ผมต้องอยู่ในโรงเรียนที่เสี่ยงจะเกิดสงครามผู้วิเศษหรือไงกัน”
“ฟังนะ ถ้าหากบังเอิญได้อยู่บ้านเดียวกันกับบยองแจ ให้อยู่ห่างจากเขาไว้ซะ เข้าใจไหม”
“ถ้าหากวันไหนเจอผู้คุมวิญญาณป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงเรียน
อีบยองแจนั่นแหละสาเหตุ”
แต่แล้วเสียงของเครื่องยนต์หัวจักรไอน้ำที่แท้จริงแล้วถูกขับเคลื่อนได้โดยเวทย์มนตร์นั่นกลับเด่นชัดมากกว่าประโยคด่าทอเหล่านั้น
เขาสาวฝีเท้าตรงไปหาเครื่องยนต์ที่สามารถพบเจอได้ในโลกมักเกิ้ล
ท่ามกลางเหล่าผู้คนที่พร้อมจะแหวกทางให้เขาราวกับตัวของอีบยองแจมีรังสีสีดำแผ่ซ่านออกมาจนพวกเขาเหล่านั้นไม่อยากเสี่ยงที่จะอยู่ใกล้
อีบยองแจแสยะยิ้ม
เขาเดาไม่ผิดเลย
ใครๆ ก็เก่งแต่ปากกันทั้งนั้น
บางที
การเป็นตัวอันตรายในสายตาคนอื่นมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เขา อีบยองแจ
นักเรียนปีหนึ่งที่กำลังอยู่ในท็อปปิคใหญ่ของฮอกวอร์ตกำลังครองห้องผู้โดยสารภายในรถไฟหัวจักรไอน้ำนี่เป็นผู้เดียว
แน่นอนว่าเขาชอบมัน และดูเหมือนนักเรียนคนอื่นๆ เองก็สนับสนุนความคิดของเขาซะดิบดีด้วยการบอกต่อกันไปว่า
‘ตระกูลอีอยู่ห้องนี้’
ถึงแม้ว่าจำนวนที่นั่งจะมีพอดีกับจำนวนนักเรียนก็ตามที
เชื่อเถอะว่าใครหลายๆ
คน
เลือกที่จะนั่งเบียดกันในห้องโดยสารมากกว่าการเสี่ยงชีวิตอยู่กับตัวอันตรายแบบเขา
ซึ่ง – คิดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอก บยองแจดูอยากอยู่ร่วมกับพวกเขาเหล่านั้นซักทีไหน
เขาพิงหลังไปบนเบาะนุ่มอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
ถึงแม้ว่ายานพาหนะที่กำลังแบกรับชีวิตของเด็กปีหนึ่งหลายชีวิตนั่นจะถูกดีไซน์ให้มีลักษณะคล้ายกับสิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลก็ตามที
แต่มันก็ดูแปลกตาไปจากเพดานห้องนอนของเขาล่ะนะ
อีบยองแจเลื่อนสายตาไปมองวิวทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างใบใหญ่
ภาพของเมืองลอนดอนถูกแทนที่ด้วยหุบเขาหลายลูก
ก่อนที่ความเป็นธรรมชาติเหล่านั้นจะถูกเลื่อนไปอย่างรวดเร็ว แสดงถึงความเร็วของยานพาหนะที่เกินกำลังของรถไฟหัวจักรไอน้ำธรรมดาๆ
จะทำได้
โชคดีเสียจริงที่เขาเกิดมาเป็นผู้วิเศษ
“รถไฟเนี่ย
เร็วไปก็ไม่ดีนะ ว่าไหม?”
เจ้าของประโยคพูดขึ้น
และแน่นอนว่ามันไม่ได้ออกมาจากปากของเขา
ที่กำลังพยายามจ้องมองหุบเขาสูงใหญ่แห่งหนึ่งอยู่
อีบยองแจไม่ได้หันกลับไปมองผู้มาใหม่
เพียงแต่เขาคาดเดาได้จากภาษาอังกฤษแปร่งๆ นั่น ว่าเจ้าของประโยคต้องเป็นเด็กเอเชียจากที่ไหนซักที่
ซึ่ง – เขาไม่สนใจหรอก
“เราชอบนั่งรถไฟ
เคยตีตั๋วไปกลับเล่นๆ เพราะอยากชมบรรยากาศ”
“…”
“เป็นการกระทำที่ดูโง่ทีเดียวล่ะ เสียเวลาไปทั้งวัน ทั้งๆ ที่สามารถไปไหนมาไหนได้ในหน่วยวินาทีโดยผงฟลูแท้ๆ”
“…”
“แต่แหงล่ะ
ผงฟลูมันทำให้เราได้บรรยากาศซะที่ไหน”
โอเค จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้
เขาเพียงแต่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยว่าทำไมเจ้าตัวถึงกล้าเข้ามาในห้องโดยสารนี้
ที่เขากำลังใช้อยู่ บยองแจค่อนข้างมั่นใจว่ามีนักเรียนฮอกวอร์ตคนอื่นๆ
คอยกั้นไม่ให้ใครก็ตามพัดหลงเข้ามาอยู่ร่วมกับเขามือเป็นระวิง
หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อเรื่องราวของเขากันนะ
“บางที
มักเกิ้ลก็น่าอิจฉาไม่น้อยเนอะ”
ด้วยความเร็วของรถไฟ
เขาไม่สามารถจดจำภาพของธรรมชาติไม่กี่เสี้ยววินาทีที่ผ่านมาได้เลย มันหายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง
อีบยองแจถอนหายใจ
เขาละความสนใจจากภาพหุบเขาสูงใหญ่ที่ไม่สามารถจดจำมันได้ด้วยตาเปล่านั่น
จ้องเขม็งไปที่บุคคลมาใหม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
อีกคนเป็นเด็กเอเชียอย่างที่เขาคาดเดาไว้ ร่างกายผอมกะหร่อง แต่กลับแสดงออกถึงรัศมีสีขาวที่พวยพุ่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้มตาปิดที่เขาไม่เข้าใจมันซักนิด
“เราคิมฮาอน ยินดีที่ได้รู้จัก”
อีบยองแจได้รู้ชื่อของผู้อื่นในชั้นเรียนเดียวกัน
เป็นครั้งแรกในห้องโดยสารที่ 4 บนรถไฟเครื่องจักรไอน้ำ
และอีกอย่างที่เขาแน่ใจ คือ
เขาควรจะออกห่างจากเจ้าตัวให้ไกลที่สุด เท่าที่จะทำได้.
(END ep. 1)
talk
จริงๆ ก็ไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้มานานเหมือนกัน ภาษาอาจจะแปร่งๆ ไปบ้าง (ไม่บ้าง น่าจะเยอะมาก..)
ยังไงก็ขอฝากเรื่องสั้นใดๆ นี้ไว้ด้วยนะคะ โมเมนท์มี ฟิคก็ต้องมี ชั่ยมั่ยชั่ย!!!
(เขียนเองเพราะอยากอ่านเอง คตินี้ใช้ได้เสมอค่ะ...)
*ยังไม่แก้คำผิดค่ะ
- เดิร์มสแตรงก์ คือโรงเรียนสอนเวทย์มนตร์ ที่โด่งดังในด้านศาสตร์มืด
- ผงฟลู สามารถใช้วาร์ปจากที่หนึ่ง ไปที่หนึ่ง โดยการใช้เตาผิงคู่ไปด้วย นิยมใช้กันเนื่องจากไม่ละเมิดบทบัญญัติการปกปิดความลับพ่อมดแม่มดเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยไม้กวาดค่ะ
เดี๋ยวมีอะไรมาเพิ่ม เราจะมาแก้ไขอีกทีเน้อ
thanks!
twt @sugayeaplease
hashtag #perfect2บอ
ความคิดเห็น