ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (bts) DUDES, IT'S JAY | jungkook ft. vga/taegi

    ลำดับตอนที่ #1 : DUDES, IT'S ห้องเย็นเสี่ยงทาย

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 62


    T
    B


    01. ห้องเย็นเสี่ยงทาย




     

                หมาเลียตูดกันไม่ถึงมันทั้งคู่แล้ว จะต่อยกันจนเบญเพสไปเลยเหรอ หา?”

     

                    น้ำเสียงทุ้มต่ำคู่ควรกับคำว่าชายฉกรรจ์บนนวนิยายสั่นสวาทนั่นทำให้เขากลอกตาบน ไม่เข้าใจความเมคเซนส์ของประโยคตั้งแต่ต้นยันจบ ครูรู้ได้ไงวะว่าหมาเลียตูดเขาไม่ถึงจริงๆ พนันกับเขาไหม จองกุกสาบานว่ายอนทัน ไอ้หมาที่ได้ชื่อโง่ๆ ที่แปลว่าถ่านจากคนโง่ๆ ที่บ้านเขาแม่งใช้ขาหน้ายันกับพื้นแล้วใช้ขาหลังดีดร่างขี้หมาฝอยของมันให้แปะเข้ากับสะโพกของเขาได้

                    เก่งจริงเรื่องไร้สาระ ไม่ต่างจากเจ้าของเท่าไหร่

                   

                    “’จารย์ แบบนี้มันไม่แฟร์นี่ ไอ้เจแม่งเริ่มก่อนนะ

                   

                    จองกุกรู้ว่าการรู้จักจัดระเบียบขั้นตอนนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการเรียนหนังสือ ม๊าบอกเสมอว่าให้เขาวางแผนให้เป็นระบบว่าเวลาไหนทำอะไร ด้วยความเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่น่ารักน่าชังมากๆ จองกุกทำตามที่ม๊าขอไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็นั่นแหละ แผนอ่านหนังสือเวลาสามทุ่มของทุกวันถูกตารางการเล่นโอเวอร์วอชเบียดเข้ามาแทรกจนดีดเคมีอินทรีย์ออกไป

                    เพราะอย่างนั้น เขาจึงค่อนข้างให้ค่ากับคนที่ทำตามขั้นตอนได้อย่างสม่ำเสมอนะ

                    แต่ไม่ใช่กับไอ้ห่านี่แล้วกัน

     

                    อาจารย์ปล่อยเด็กคนนี้แบบนี้ไม่ได้นะคะ มันต่อยจนตาของลูกฉันจะออกมาจากเบ้าอยู่แล้วเนี่ย โอ๋ จั๋นลูกหม่ามี๊ เจ็บมากมั้ยคะ

     

                   

                    ถ้านี่เป็นวิชาคณิตศาสตร์ โจทย์ข้อนี้คงเป็นเหมือนแบบฝึกหัดข้อแรกในหนังสือเรียนโง่ๆ เล่มนึงสำหรับเด็กอนุบาลสาม

                    จองกุกไม่ถูกกับไอ้แจ็คสัน ไม่ถูกกับมันตั้งแต่เข้าชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มันหาว่าเขาใช้กระเป๋าเป้ลายเบ็นเท็นตามมันทั้งๆที่จองกุกแทบจะไม่อยากหิ้วไอ้กระเป๋าคาร์แรคเตอร์ผู้ชายหัวน้ำตาลกับเพลงประกอบประหลาดๆ นั่นด้วยซ้ำ ไอ้แจ็คสันแม่งซื้อใจคนทั้งห้องด้วยการเปลี่ยนกระเป๋าลายเบ็นเท็นรายสัปดาห์เพื่อให้ทั้งห้องรู้ว่ามันเป็นแฟนพันธุ์แท้ แล้วกูก็กลายเป็นรองทั้งๆ ที่ไม่ได้อย่างเสนอตัวให้แม่งจัดอำดับกันด้วยซ้ำ

     

                    มองหน้ากูทำเหี้ยไร เดี๋ยวปั๊ด

     

                    ไอ้แจ็คสันพูดขึ้นมาอีกครั้ง กำหมัดขวาขึ้นเหมือนร่างกายเกิดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ อาจจะเป็นเพราะรอยช้ำบนตาขวานั่นทำให้ร่างกายตอบสนองต่อภาวะการเสี่ยงตายมากขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะภาวะนั่นอาจเกิดจากตัวของเขาเองแล้วด้วย

     

                    ระวังคำพูดด้วยครับ ผมยังอยู่กับพวกคุณนะ

                    อาจารย์เข้าข้างเด็กนั่นหรอคะ เห็นๆ อยู่ว่าแจ็คสันลูกชายฉันอาการปางตายยังไง เขาเป็นลูกรักอาจารย์ใช่มั้ยคะ

                    “ไปกันใหญ่แล้วครับ ไม่มีใครเป็นลูกรักผมทั้งนั้นแหละ

                    ดิฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณต้องจัดการเด็กนั่นให้หนักที่สุด พ่อแม่สั่งสอนรึเป-”

                   

                    โทษทีครับ ผมก็ชื่อจองกุก ไม่น่าใช่เด็กนั่น พอดีม๊าผมตั้งให้ ตอนนี้ผมยังไม่อยากได้ชื่อใหม่อ่ะครับ

     

                    อายไลเนอร์ที่กรีดมาอย่างโฉบเฉี่ยวนั่นประจันกับสายตาอย่างจัง จริงอยู่ที่จองกุกไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาก็ไม่ทำตัวเหี้ยใส่บุคคลเดินคนละโลกกับเขา แต่ถ้าไม่ได้อยู่กันคนละโลก แล้วยังเสือกเป็นคนระยำ นั่นก็จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาในเวลานั้นๆ

     

                    "เด็กน- มิน มินจองกุกว่าร้ายดิฉันค่ะ ให้ตาย หลักฐานชิ้นโตแบบนี้คงดิ้นไม่หลุดแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าหากคุณไม่ลงโทษเขา ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแล้วนะ"

     

                    เจ้าหล่อนกระแทกเสียง มือซ้ายที่ประคองกระเป๋าคลัชนั่นสั่นระริกเพราะความโกรธที่สุมอยู่ในอก ตลกดี แค้นเด็กวัยสิบเจ็ดปีเศษเพราะเขาวานให้หล่อนเรียกชื่อจริงของเขานี่มันผิดนักหรือไง ภูมิใจกับชื่อที่แม่ตั้งให้มันผิดหรอวะ

     

                    "มินจองกุก ขอโทษเธอซะ"

     

                    อาจารย์หนุ่มพูดขึ้น ใช้สายตากดดันให้เขาขอโทษหญิงสาวตรงหน้าที่ดูด้วยหางตาก็รู้ว่าเธอไม่อยากได้คำขอโทษขอโพยนี้หรอก เธอต้องการกดเขาให้จมดิน เพียงแต่การที่เขายกมือไหว้ขอโทษเธอนั่นอาจจะทำให้เธอดูเหนือเขาขึ้นมาอีกนิดก็เท่านั้น

     

                    "ขอโทษครับ"

     

                    จองกุกบอกแล้ว เขาไม่ได้อยากเอาตัวเองไปเทียบกับใคร ถึงจะเจ็บใจเล็กน้อยที่หญิงสาวตรงหน้าเหยียดยิ้มมุมปาก อากัปกิริยาแสดงว่าสะใจที่ปิดไม่มิดนั่นทำให้จองกุกเผลอกำมือขวาแน่น ก่อนจะคลายกล้ามเนื้อรอบๆ เพราะไม่อยากให้เป้าหมายที่แท้จริงของตอนนี้พัง

     

                    การประนีประนอม คือสิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนจากคำขอโทษลมปากที่จองกุกไม่ได้รู้สึกผิดเลยซักแดงเดียว

     

                    "อืม ก็ดี ก่อเรื่องเก่ง ก็ต้องขอโทษให้เป็นด้วย"

     

                    เจ้าหล่อนเผยยิ้มกว้าง ไอ้แจ็คสันด้วย ไม่รู้แม่งมีความสุขอะไรนักหนาจากการเหยียบไอ้เด็กที่ยังท่องบทแผ่เมตตาไม่ได้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ เพียงแต่รอยช้ำที่กำลังจะกลายเป็นดวงสีเขียวรอบตาขวาของมันที่ดูรุนแรงกว่าเดิม

     

                    "เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วสินะครับ งั้นเดี๋ยวผมจะเดินไปส่งคุณแม่ของแจ็คสันที่รถแล้วกัน"

                    "ยังค่ะ ยังไม่จบ"

                    "ครับ?"

                    "ในเมื่ออาจารย์ไม่คิดจะทำอะไร ดังนั้นดิฉันก็เลยจะทำเอง ดิฉันโทรไปร้องเรียนให้ฝ่ายปกครองเรียกผู้ปกครองของมินจองกุกให้มารับรู้พฤติกรรมของลูกชายตัวเองด้วยค่ะ"

     

                    หล่อนยิ้ม ราวกับได้กลิ่นของชัยชนะที่กำลังลอยมาในอีกไม่ช้า แต่นั่นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของจองกุกขาดสะบั้น จองกุกลืมไปแล้วว่าคำว่าประนีประนอมเมื่อสิบวินาทีก่อนนั่นคืออะไร เขาหันขวับไปมองเจ้าของอายไลเนอร์เฉี่ยวๆที่เกลียดนักหนา เกลียดมันจริงๆ ไม่เข้าใจว่าโลกจะสรรค์สร้างเครื่องสำอางประเภทนี้ไว้ทำไม

     

                    "เฮ้ เดี๋ยวก่อน แล้วนี่คุณมีสิทธิ์อะไรโทรไปหาผู้ปกครองผม"

     

                    ในเมื่อการประนีประนอมใช้ไม่ได้ผล จองกุกเลยตัดสินใจเผชิญหน้ากับปัญหา เขาไม่อยากให้ใครก็ตามมารับรู้การทะเลาะเบาะแว้งของเด็กมอปลายปีสุดท้ายที่แย่งกบเหลาดินสอลายไดโนเสาร์สีแดงกันมาตั้งแต่อนุบาลสาม

     

                    "ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ก็นายทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผิดกฎของโรงเรียน"

                    "แล้วอะไรบนตัวลูกชายของคุณที่คุณคิดว่าเขาทำตัวเหมาะสมกันครับ เคยรู้รึเปล่าว่ามันไถบุหรี่กับเด็กปีหนึ่งวันละมวนน่ะ"

                    "ไอ้เวรเจ มึงใส่ร้ายกู!"

                    "กูจะใส่ร้ายทำเหี้ยอะไร ในเมื่อวันนั้นมึงยัดใส่กระเป๋ากู แล้วกูก็มายืนให้อาจารย์ด่าเล่นๆ อยู่เหมือนวันนี้ไง"

                    "มึงมีหลักฐานหรอ ฮะ"

                    "ให้กูบอกมั้ยล่ะ อย่าลืมว่าแม่มึงก็ยืนอยู่ตรงนี้"

                    “…”

     

                    จองกุกเริ่มปวดหัว เข้าใจคำว่าหัวร้อนได้ดีที่สุดก็ตอนนี้ เขายอมให้มันลากเขามาห้องปกครองกี่ครั้งก็ได้ ใบรับรองความประพฤติของเขาแม่งคงเละเป็นทิชชู่ผ่านการใช้แล้วไม่นับกว่าสิบแปดครั้งทั้งๆ ที่จองกุกไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ

                    เขาแค่ไม่อยากให้ม๊ามารับรู้เรื่องนี้ เรื่องเวรๆ ที่เขาอยากเหยียบไว้ให้จมดิน

     

                    ผู้ปกครองของมินจองกุกมาถึงแล้วครับ

     

                    แต่พระเจ้าแม่งก็ไม่ได้เห็นใจคำขอของทุกคนที่นับถือคริสต์หรอก

                    จองกุกถอนหายใจ พลางคิดข้อแก้ตัวสำหรับการทะเลาะเบาะแว้งครั้งนี้ เขาไม่มีวันกล่าวถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เด็กมอปลายปีสุดท้ายตีกันจนเลือดตกยางออกแบบนี้

                   

                    สวัสดีครับอาจารย์

     

                    แต่ทว่าเสียงทุ้มนั่นทำให้เขาชะงัก ตั้งแต่เกิดมาได้สิบเจ็ดปีเศษ ไม่มีวันไหนที่เขาจะจำเสียงของม๊าไม่ได้ มันต่างกับน้ำเสียงล่าสุดที่เขากำลังได้ยินอยู่อย่างสิ้นเชิง จองกุกหันขวับไปตามเสียง และพบว่านรกขุมแรกกำลังจะเกิดขึ้น

     

                    เฮ้ย! ไปเรียนกันสิ โดดมาห้องปกครองแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน! อยากโดนหักคะแนนความประพฤติใช่มั้ย!”

     

                    อาจารย์ตำแหน่งชายฉกรรจ์ประจำห้องปกครองตะโกนใส่นักเรียนหญิงนับสิบที่แทบจะพังประตูกระจกนี้ลงภายในสามนาที และดูเหมือนผู้ฟังจะไม่ได้ให้ความสนใจ เหล่าปลาสวายยังบันทึกภาพในโทรศัพท์อย่างหน้าตาเฉย

     

                    ลำบากหน่อยนะครับคุณคิมแทฮยอง

                    ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมเกรงว่ามันจะลำบากอาจารย์มากกว่า

     

                    ร่างสูงพูดติดตลก นั่นคิมแทฮยอง, มนุษย์โง่เง่าอำดับหนึ่งที่ตั้งชื่อไอ้หมาถ่านโง่ๆ นั่นเพราะกำลังอยากกินเครปชาโคลอยู่, ค่อยๆ หย่อนตัวเองลงกับเก้าอี้ตัวนุ่ม มือทั้งสองถูกผสานไว้หลวมๆ ก่อนจะทิ้งมันไว้บริเวณสะบ้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ผู้ปกครองของเขากำลังทำท่าทางเหมือนกำลังเจรจาเรื่องประเทศขาดดุลทางการค้ามากเป็นประวัติการณ์โดยมีพื้นหลังเป็นหนังเรื่อง Train to Busan ที่ไม่รู้ว่าประตูแม่งจะหลุดออกมาเมื่อไหร่

     

                    เอ่อ.. คุณคิมแทฮยอง เป็นผู้ปกครองของมินจองกุกหรอกเหรอคะ?”

     

                    ถ้าจองกุกเป็นเด็กเวรอย่างที่หล่อนพยายามยัดเยียดจริงๆ เขาคงจะหัวเราะในลำคอก่อนจะเผยประโยคเสียดแทงจิตใจคนทั้งชาติไปแล้ว แต่สุดท้าย ไอ้เด็กที่ทำไม่ได้แม้แต่การสวดบทเมตตาอย่างเขาก็ทำได้แค่ทำสีหน้าเรียบนิ่ง ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการกับคำถามโลกแตกที่ไม่มีทางหาคำตอบตายตัวเหมือนวิชาคณิตศาสตร์ได้

     

                    “ครับ ผมเป็นผู้ปกครองของเขา

                    อ๋อ เป็นพี่ชายห่างๆสินะคะ

                    “…”

     

                    คิมแทฮยองไม่ได้ตอบอะไรนอกจากกระตุกยิ้มมุมปากให้หล่อน และดูเหมือนว่าคุณแม่ของแจ็คสันจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ชายหนุ่มไม่ได้ให้คำตอบเธอเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าเธอแดงระเรื่อเหมือนทาบลัชออนไปทั่วหน้า จนแจ็คสันต้องกระทุ้งไหล่คนเป็นแม่

     

                    ก็อย่างที่คุณเห็นนี่แหละครับ จองกุกกับแจ็คสันทะเลาะกัน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของทั้งคู่ ผมประนีประนอมด้วยการให้พวกนี้เก็บใบไม้จนหมดโรงเรียนแล้วครับแต่ก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย

     

                    คงจะช่วยได้อยู่หรอก ตราบใดที่ไอ้แจ็คสันยังไล่ให้เด็กปีหนึ่งมาเก็บใบไม้แทนมันน่ะ

                   

                    จองกุกเริ่มต่อยลูกชายดิฉันก่อนด้วยค่ะ คุณแทฮยองดูหน้าลูกชายดิฉันสิคะ

     

                    สาบานกับพระเจ้า จองกุกไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายหรอกนะแต่น้ำเสียงของเจ้าหล่อนที่เปล่งออกมานั่นช่างอ่อนหวานเกินกว่าประโยคที่ต้องการกล่าววว่าเขา หญิงสาวประคองใบหน้าของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้ ก่อนจะสามารถอ่านปากของไอ้แจ็คสันได้ว่า น้อยๆ หน่อยแม่

     

                    ผมขอโทษแทนคุณแม่ของแจ็คสันด้วยนะครับ จองกุกค่อนข้างอารมณ์ร้ายนิดนึง ช่วงนี้แกเล่นวิดิโอเกมบ่อยน่ะครับ

     

                    เขาหันชวับไปตามน้ำเสียงทุ้มที่บาดลึกจิตใจของหญิงสาวศตวรรษที่ 20 ในเวลานี้ แต่เชื่อสิว่ากูไม่ใช่หนึ่งในนั้นไง เหตุผลส้นตีนที่เขาคิดว่ามีแต่คนโหรงเหรงในชีวิตจะคิดได้ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนานั่นทำให้เขาจ้องคิมแทฮยองเขม็ง ก่อนจะได้รับการเมินเฉยจากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองไปซะอย่างนั้น

                    ใครเชื่อแม่งก็บ้าแล้ว เกรี้ยวกราดเพราะเล่นเกมบ่อยเนี่ยนะ มึงคิดว่าทุกคนบนโลกไอคิวสามสิบแปดหรอ

     

                    อ๋อ อย่างนี้นี่เอง

     

                    …..

                    เออ ขอโทษแล้วกัน เขาลืมไปว่าไอ้ประโยคเวรๆนั่นออกมาจากปากคิมแทฮยอง

     

                    ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ จองกุกกำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังโตน่ะ เขาชอบทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่ทันคิดหรอกครับว่าอะไรควรไม่ควรพูดพลางปรายตามองเขาที่กำลังยืนกุมเป้าเป็นรูปปั้นอยู่ ขอล่ะ อย่าเมนชั่นหากูที ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี ตอนนี้เขากำลังใช้ความสามารถขั้นสุดท้ายในการฟังหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่

     

                    ค่ะ ดิฉันเข้าใจ แจ็คสันเองก็เป็นบ่อยๆ หญิงสาวพูด พลางลูบหัวลูกชายสันดารหมา นัยน์ตาประกายไปด้วยความรัก แต่เขาน่ารักมากนะคะคุณแทฮยอง ดิฉันเลี้ยงดูเขาอย่างดี

     

                    อ๋อ ครับ คิมแทฮยองตอบกลับ จากการอยู่ร่วมกันมาตลอดเท่าที่จำความได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าเจ้าตัวเท่าไหร่นัก จองกุกก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ช้อยส์สองข้อที่มีอยู่ในใจคงไม่พ้น หิวข้าวโว๊ย ปล่อยกูไปซักที ไม่ก็ บอกกูทำไมวะ

     

                    คุณแทฮยองไม่อยากลองเป็นผู้ปกครองให้เขาอีกซักคนหรอคะ

                    “เอ่อ..”

                    “โอ๊ย ดิฉันก็หยอกเล่นไปน่ะค่ะ เครียดเชียว

                    คุณแม่แจ็คสันก็มีมุมขันนะครับเนี่ย ฮะฮะ

                    ยังสาวยังสวยอยู่ก็อย่างนี้แหละค่ะ คุณแทฮยองเองก็คุยเก่งนะคะเนี่ย สนใจแลกเบอร์โทรศัพท์กันไหมคะ

     

                    หญิงสาวหัวเราะออกมา มือขวายกขึ้นมาป้องริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงเบอร์อะไรซักอย่างที่จองกุกไม่รู้เรื่องกับเขาหรอก แจ็คสันกระทุ้งไหล่คนเป็นแม่เล็กน้อยเป็นรอบที่สาม อาจจะเป็นพระเจ้าตัวยังไม่อยากได้พ่อใหม่เร็วๆ นี้

                   

                    ผมไม่มีเบอร์ส่วนตัวหรอกครับ ปกติใช้ติดต่อเฉพาะงานน่ะ

                    อา น่าเสียดายจังค่ะ

     

                    สิ่งที่คิมแทฮยอง คนดังของโลกใบนี้ทำได้ก็มีแต่การเผยยิ้มแห้ง หันขวับไปหาอาจารย์ห้องปกครองที่กำลังทำหน้าเหวอกับการเกี้ยวพาราสีเมื่อซักครู่ด้วยสีหน้าซีดเซียว

     

                    ผมต้องเซนต์ใบรับรองพฤติกรรมอะไรทำนองนี้มั้ยครับอาจารย์ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนประเด็นที่ฉลาดพอสมควร แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนลดละเลิกที่อยากจะพบผู้ปกครองของเขาเป็นรอบที่สองหรอก

     

                    อ๋อ ครับ เดี๋ยวรับรองพฤติกรรมตรงนี้แล้วคุณแทฮยองก็สามารถรับมินจองกุกกลับบ้านได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมเรียนคุณครูประจำชั้นของเขาให้

                    โอ้ งั้นรบกวนด้วยนะครับ

     

                    ไซน์อย่างสายฟ้าแลบกว่าใครก็คิมแทฮยองในเวลานี้ ร่างสูตวัดปากการาคาถูกด้วยความรวดเร็วอย่างไม่นึกประนีประนอมหัวปากกาโง่ๆ เลยด้วยซ้ำ

                    คิมแทฮยองยื่นใบรับรองพฤติกรรมให้อาจารย์ห้องปกครอง ลุกขึ้นบอกลากับบุคคลรอบห้องโดยไม่ลืมที่จะโบกมือลาแฟนคลับรุ่นเล็กอย่างแบบจำลองซอมบี้ใน Train to Busan ด้วยอารมณ์โซโล่ไอดอล ตามด้วยเขาที่ทำหน้าเซ็งๆ อยู่ข้างหลัง

     

                    ไม่กี่นาทีถัดมา เขาก็นั่งอยู่เบาะหลังรถของนายแบบหนุ่มในเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จัก อันที่จริง เขาไม่ค่อยได้สัมผัสกับรถเบนซ์คันงามของอีกฝ่ายเท่าไหร่นักแม้ว่าม๊าจะไม่ยอมให้เขาขึ้นรถสาธารณะมาด้วยตัวเองก็ตามที

                    ซักพักอีกฝ่ายก็ออกตัว เขาพอจะรู้ว่าคิมแทฮยองเป็นคนรักรถ เพราะอย่างนั้นภายในของลูกรักอย่างเบนซ์ราคาหลายล้านวอนนั่นก็แสดงความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายได้ดี ไม่มีซากปรักหักพังใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากตุ๊กตาคุมะมงที่วางเด่นบนที่นั่งทางขวา และยังถูกคาดเข็มขัดไว้ราวกับรักตุ๊กตามาสคอตเมืองคุมาโมโตะแห่งประเทศญี่ปุ่นนักหนา

     

                    เป็นยังไง

                    หมายถึงอะไร

                    ห้องปกครองครั้งที่สิบหกนี่ แสบใช่ได้

     

                    จองกุกหัวเราะในลำคอ ยังดีที่ไม่นับการโดนตักเตือนหน้าห้องปกครองรอบที่สามสิบปลายๆ นั่นด้วย

     

                    ตกใจ?

                    อืม อยู่บ้านก็เห็นนิ่งๆ ไม่เล่นเกมก็ขลุกตัวอยู่ในห้อง

                    อันที่จริง ผมใช้เวลาอยู่กับม๊านานกว่าเล่นเกมซะอีก

                    เหอะ

     

                    เสียงไม่สบอารมณ์ของคิมแทฮยองอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเป็นกังวล แต่ไม่ใช่กับมินจองกุกที่ไม่ได้รู้สึกยี่หระอะไรกับความคุกกรุ่นนั่น

     

                    จองกุกรู้จักคำว่าครอบครัวอบอุ่น แต่เขาไม่เข้าใจมันเท่าไหร่

                    แต่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น เห็นได้จากการที่เขามีผู้ปกครองคนหนึ่งที่ใช้ยานพาหนะเป็นรถตระกูลเบนซ์ราคาหลายล้าน ซึ่งถ้าถามว่าจองกุกยืนอยู่จุดไหนของโลกใบนี้ จองกุกก็ไม่สามารถตอบคำถามนั่นได้อย่างเด่นชัดอยู่ดี

                    ฐานะเหรอ? เขาว่ามันโอเค ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ของเขาก็ตามทีเถอะ แต่ทั้งคู่ก็เลี้ยงดูปูเสื่อเขาอย่างดี เพราะอย่างนั้น ปัญหาข้อนี้ตัดทิ้งไปได้เลย ความบาดหมางของพ่อแม่เหรอ? ให้ตาย จองกุกแช่งอยู่ทุกวันว่าให้พวกเขาทะเลาะกันแรงๆ ซักครั้ง พูดอย่างเลวๆ เลยก็ได้ว่าม๊าควรจะเจอคนที่ดีกว่าหมอนี่โคตรๆ พ่อแม่ไม่เข้าใจเหรอ? ก็ไม่ใช่อีก ม๊าแทบจะปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ อีกฝ่ายพร้อมจะสนับสนุนเขาทุกทางที่ชอบ เว้นแต่เรื่องการไปไหนมาไหนคนเดียวนี่แหละที่ถูกห้าม

     

                    แล้วคุณมาได้ยังไง

     

                    เขาเป็นคนทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นหลังจากคำพูดแสดงความไม่สบอารมณ์เมื่อสามนาทีก่อน สาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าจองกุกไม่ได้อยากชวนอีกฝ่ายคุยหรอก มันเป็นเรื่องที่เขาโคตรจะสงสัย เพียงแต่เขาเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปถามอาจารย์ด้วยตัวเองว่าลากบุคคลของประเทศนี่มาได้ยังไงกัน

     

                    อาจารย์เขาโทรมา ก็เลยมา

                    ตลก ทางโรงเรียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณกับผมเกี่ยวข้องกัน เขาจะเอาเบอร์คุณมาได้ยังไง

     

                    คิมแทฮยองขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงไม่สบอารมณ์กับคำถามล่าสุดของเขาเท่าไหร่นัก ก่อนที่มือขวาเพียงข้างเดียวจะถูกหมุนไปเลี้ยวยูเทิร์น ริมฝีปากหนานั่นก็เปล่งประโยคที่สามารถคลายความสงสัยเขาจนได้

     

                    “เขาโทรหายุนกิ

                    แล้วทำไมถึงเป็นคุณที่มา

                    ก็โทรศัพท์ยุนกิอยู่ที่ฉัน

                    อยู่ที่คุณ?”

                    “อืม เราสลับมือถือกันใช้ซักพัก

     

                    จองกุกถอนหายใจออกมา ช่างเป็นข้อมูลที่น่าขัน ดูจากหน้าตาเคร่งเครียดกว่าปกติของคิมแทฮยอง ให้เด็กอนุบาลเดาก็รู้ว่าสาเหตุที่ทั้งสองสลับเครื่องติดต่อสื่อสารกันนั่นเพราะอะไร

     

                    คุณยังพอมีผู้จัดการคอยประสานงานให้ แล้วม๊าล่ะ คุณไม่คิดบ้างหรอว่าเขาจะลำบากน่ะ

     

                    จองกุกคิดว่าตัวเองหัวร้อนได้ที่ ประโยคที่กล่าวออกไปนั้นไม่ได้เกินจริงเลยเมื่อโลกปี 2018 นี้แทบจะขึ้นอยู่กับเครื่องมือติดต่อสื่อสารอย่างไอ้โทรศัพท์เครื่องบางของมินยุนกิที่วางอยู่คอนโซลรถตอนนี้

     

                    อย่าเวอร์น่าเจ ฉันเองก็บันทึกเบอร์ของโปรดิวเซอร์ทุกคนไว้เหมือนกันนั่นแหละ

                    “…”

     

                    จองกุกถอนหายใจ มันคงเป็นการแก้ปัญหาของผู้ใหญ่ที่เขาคงเข้าไม่ถึง

     

                    เดี๋ยวเจอหน้ากันอีกรอบก็จะแลกคืนแล้วล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว

                    ก็ดี

     

                    คิมแทฮยองเมื่อเขาจำความได้เป็นอย่างไร คิมแทฮยองในตอนนี้ก็นิสัยอย่างนั้นอยู่วันยังค่ำ เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี พื้นฐานดี ฐานะทางบ้านดี ศิลปะการพูดโน้มน้าวเก่งเกินจะใช้เรือนร่างทาบแสงแฟลชไปวันๆ แต่ข้อเสียหลายๆด้านที่ผู้คนเกินครึ่งประเทศยังไม่รับรู้คืออีกฝ่ายติดเกมและขี้หวงชิบหาย

                    อันที่จริง เขากล่าวไม่ถูกหรอก ต้องถามว่ามีใครรู้บ้างรึยังว่าคิมแทฮยองเป็นพ่อคนตั้งแต่วัยยี่สิบสี่น่ะ

                    คิมแทฮยองเป็นคนของประชาชน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนดีถึงกับยอมถวายร่างให้ชาวโลกขนาดนั้น คิมแทฮยองไม่ได้ปกปิดว่าเขามีคนรักเป็นตัวเป็นตนแล้ว เพียงแต่เจ้าตัวไม่ได้เปิดเผยเท่านั้นว่าผู้หญิงที่น่าอิจฉาจนเหล่าแฟนคลับต่างอยากลากนางมาแหกอกนั่นเป็นใคร

                    ร้อยคนบอกว่าหญิงสาวไม่กล้าเอ่ยปากบอก พันคนบอกว่าคิมแทฮยองไม่อยากเปิดเผยกับประชาชนเพราะกลัวกระแสตก หนึ่งหมื่นคนบอกว่าคิมแทฮยองไม่อยากป่าวประกาศเพราะกลัวคนรักตายคามือของผู้คนทั้งประเทศซะเอง


                    อันที่จริง ก็เคยมีข่าวหลุดออกมาบ้างว่าแฟนของคิมแทฮยอง หัวใจของคนทั้งประเทศคือ มยก. แต่เขาเหล่านั้นไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่า มยก. อักษรย่อสามตัวนั่นไม่ได้หมายถึง มุน ยุนกวา นักแสดงสาวอย่างที่ใครๆ เข้าใจกัน แต่มยก. นั่นคือ มินยุนกิ ชายหนุ่มตัวเล็กที่เขาสูงแซงอีกฝ่ายตั้งแต่วัยสิบสี่ปี ประกอบอาชีพโปรดิวเซอร์ให้กับค่ายเพลงชื่อดังที่คอยแต่จะกวาดรางวัลเพลงแห่งปีของทุกงานประกาศรางวัลประจำฤดูหนาวอย่างไม่ลดละ เคยยืนอยู่ท่ามกลางแสงแฟลชมากที่สุดก็ตอนที่ได้รับรางวัล Best Producer เมื่อสี่ปีก่อน

                    ชื่อของคิมแทฮยองที่ถูกติดท็อปเสิร์ชทุกวินาทีที่เขาอัพ SNS กับตัวอักษรย่อสามตัวของมินยุนกิที่ถูกปล่อยมาตั้งแต่ห้าปีก่อนนั่นดูไม่ได้เข้ากันเลยแม้แต่น้อย จองกุกคิดได้เมื่อเขาอายุสิบสองปี เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าทำไมมินยุนกิถึงมางานประชุมผู้ปกครองทุกครั้งแม้ว่าเจ้าตัวจะทำงานแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทำไมคิมแทฮยองถึงต้องสวมแว่นตาสีดำกับแมสปิดปปากทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก หรือแม้แต่การคอยควบคุมเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของเขาจนน่าหงุดหงิดนั้นด้วย

     

                    แล้วไปต่อยเขาให้เลือดตกยางออกทำไม ไม่กลัวยุนกิผิดหวังรึยังไง

                   

                    ราวกับคิมแทฮยองรู้ว่าจุดอ่อนของทุกๆ ด้านของเขาคือมินยุนกิ จองกุกแค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายต้องใช้ชื่อของคนรักเพื่อบีบบังคับให้เขาตอบความจริงออกมา มันเกินความคาดหมายไปหน่อย

     

                    “นึกว่าจะด่าอย่างเดียว

                    น้อยๆ หน่อย ฉันก็มีศักดิ์เป็นพ่อนายนะเจ

     

                    จองกุกไม่แน่ใจนักหรอกว่าคิมแทฮยองคิดอย่างไรกับประโยคที่เขาเพิ่งกล่าวออกมา แต่คาดว่าเจ้าตัวคงจะมั่นใจแล้วว่าไม่มีเครื่องดักฟังที่ไหนติดอยู่ เป็นเครื่องมือบ่งบอกความส่วนตัวชั้นดีเลยทีเดียว

     

                    ก็ทะเลาะกันตามประสาวัยรุ่น

                    รู้ แล้วทะเลาะกันเพราะอะไร ท็อปปิคน่ะ

                    เกิดจากมันไม่ยอมหลีกทางให้ผม จองกุกสูดอากาศเข้าปอด เรื่องใหญ่แปดสิบเปอร์เซ็นต์มักจะเกิดจากเรื่องเล็กน้อยเท่าขี้มดกันทั้งนั้น แต่ที่ผมต่อยตาขวามันอ่ะ เพราะมันด่าม๊า

     

                    แล้วเข้าโรงพยาบาลไหม

                    ใคร

                    แจ็คสันไง

                    เข้ามั้ง มันสำออย ถ้าเข้าโรงพยาบาลก็ต้องมาลากับโรงเรียน ครูประจำชั้นจะได้โขกสับผมอีกที

     

                    สเต็ปเดิมๆ ที่ให้มนุษย์เลเวลหนึ่งมาดูออกก็รู้ แบบนี้ถึงจะครบขั้นตอนการทะเลาะเบาะแว้งกันที่ทำมาตั้งแต่มอต้น แต่ที่คุ้มสำหรับเขาคือจองกุกได้ต่อยหน้าแม่งทุกครั้งให้หายหงุดหงิดใจ เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าไม่น้อย

     

                    แล้วพอจะรู้ไหมว่ารักษาตัวที่ไหน

                    ทำไม จะส่งกระเช้าไปให้เขาหรือไง

     

                    เปล่า

                    “…”

                    “จะกระทืบซ้ำ

                    “…”

     

                    เพราะอย่างนั้น เขาถึงยืนยันว่ามินยุนกิควรจบชีวีตกับผู้ชายที่ดีกว่านี้




    talk

    ช่วงนี้งานเยอะมาก ทั้งสอบ ทั้งโครงงาน มะรุมมะตุ้มไปหมด
    ดังนั้น นี่คือฟิคระบายความเครียดค่ะ orz
    ฝากเจ้าเจด้วยนะคะ เป็นฟิควีก้าเรื่องแรกของเราที่เดินเรื่องโดยจองกุก มนุดอ๊องๆ
    555555555555555555555555555555555555555555
    ไว้ใจนังได้ค่ะ เพราะคนแต่งขี้ชิปวีก้ามาก ยังไงก็ต้องมา!!!

    ปล. เคลียร์ชีวิตได้เมื่อไหร่จะมาตามอัพเรื่องเก่าๆนะคะ ;; ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้ต่อฟิคมานานมาก
    ปลล. ว่างๆก็โหวต #iHeartAwards กันด้วยนะคะ พาน้องๆไปเมกาอีกรอบกัน อ๋อ ไม่ใช่ ขายตรงตรงนี้ไม่ได้

    ถ้าชอบก็ฝากเม้นด้วยนะคะ ยักได้ฟีดแบคมากมาย เหมือนไม่ได้อัพฟิคมานับสิบปี แง /-\

    twt @sugayeaplease
    hashtag #นี่เจไงพวก 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×