คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : DUDES, IT'S ห้องเย็นเสี่ยงทาย
01. ห้องเย็นเสี่ยงทาย
“หมาเลียตูดกันไม่ถึงมันทั้งคู่แล้ว
จะต่อยกันจนเบญเพสไปเลยเหรอ หา?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำคู่ควรกับคำว่าชายฉกรรจ์บนนวนิยายสั่นสวาทนั่นทำให้เขากลอกตาบน
ไม่เข้าใจความเมคเซนส์ของประโยคตั้งแต่ต้นยันจบ
ครูรู้ได้ไงวะว่าหมาเลียตูดเขาไม่ถึงจริงๆ พนันกับเขาไหม จองกุกสาบานว่ายอนทัน
ไอ้หมาที่ได้ชื่อโง่ๆ ที่แปลว่าถ่านจากคนโง่ๆ ที่บ้านเขาแม่งใช้ขาหน้ายันกับพื้นแล้วใช้ขาหลังดีดร่างขี้หมาฝอยของมันให้แปะเข้ากับสะโพกของเขาได้
เก่งจริงเรื่องไร้สาระ
ไม่ต่างจากเจ้าของเท่าไหร่
“’จารย์
แบบนี้มันไม่แฟร์นี่ ไอ้เจแม่งเริ่มก่อนนะ”
จองกุกรู้ว่าการรู้จักจัดระเบียบขั้นตอนนั้นเป็นเรื่องที่ดี
โดยเฉพาะการเรียนหนังสือ ม๊าบอกเสมอว่าให้เขาวางแผนให้เป็นระบบว่าเวลาไหนทำอะไร
ด้วยความเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่น่ารักน่าชังมากๆ
จองกุกทำตามที่ม๊าขอไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็นั่นแหละ
แผนอ่านหนังสือเวลาสามทุ่มของทุกวันถูกตารางการเล่นโอเวอร์วอชเบียดเข้ามาแทรกจนดีดเคมีอินทรีย์ออกไป
เพราะอย่างนั้น
เขาจึงค่อนข้างให้ค่ากับคนที่ทำตามขั้นตอนได้อย่างสม่ำเสมอนะ
แต่ไม่ใช่กับไอ้ห่านี่แล้วกัน
“อาจารย์ปล่อยเด็กคนนี้แบบนี้ไม่ได้นะคะ
มันต่อยจนตาของลูกฉันจะออกมาจากเบ้าอยู่แล้วเนี่ย โอ๋ จั๋นลูกหม่ามี๊
เจ็บมากมั้ยคะ”
ถ้านี่เป็นวิชาคณิตศาสตร์
โจทย์ข้อนี้คงเป็นเหมือนแบบฝึกหัดข้อแรกในหนังสือเรียนโง่ๆ เล่มนึงสำหรับเด็กอนุบาลสาม
จองกุกไม่ถูกกับไอ้แจ็คสัน
ไม่ถูกกับมันตั้งแต่เข้าชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มันหาว่าเขาใช้กระเป๋าเป้ลายเบ็นเท็นตามมันทั้งๆที่จองกุกแทบจะไม่อยากหิ้วไอ้กระเป๋าคาร์แรคเตอร์ผู้ชายหัวน้ำตาลกับเพลงประกอบประหลาดๆ นั่นด้วยซ้ำ
ไอ้แจ็คสันแม่งซื้อใจคนทั้งห้องด้วยการเปลี่ยนกระเป๋าลายเบ็นเท็นรายสัปดาห์เพื่อให้ทั้งห้องรู้ว่ามันเป็นแฟนพันธุ์แท้
แล้วกูก็กลายเป็นรองทั้งๆ ที่ไม่ได้อย่างเสนอตัวให้แม่งจัดอำดับกันด้วยซ้ำ
“มองหน้ากูทำเหี้ยไร
เดี๋ยวปั๊ด”
ไอ้แจ็คสันพูดขึ้นมาอีกครั้ง
กำหมัดขวาขึ้นเหมือนร่างกายเกิดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์
อาจจะเป็นเพราะรอยช้ำบนตาขวานั่นทำให้ร่างกายตอบสนองต่อภาวะการเสี่ยงตายมากขึ้นพอสมควร
โดยเฉพาะภาวะนั่นอาจเกิดจากตัวของเขาเองแล้วด้วย
“ระวังคำพูดด้วยครับ
ผมยังอยู่กับพวกคุณนะ”
“อาจารย์เข้าข้างเด็กนั่นหรอคะ
เห็นๆ อยู่ว่าแจ็คสันลูกชายฉันอาการปางตายยังไง เขาเป็นลูกรักอาจารย์ใช่มั้ยคะ”
“ไปกันใหญ่แล้วครับ
ไม่มีใครเป็นลูกรักผมทั้งนั้นแหละ”
“ดิฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ
ถ้าอย่างนั้นคุณต้องจัดการเด็กนั่นให้หนักที่สุด พ่อแม่สั่งสอนรึเป-”
“โทษทีครับ
ผมก็ชื่อจองกุก ไม่น่าใช่เด็กนั่น พอดีม๊าผมตั้งให้
ตอนนี้ผมยังไม่อยากได้ชื่อใหม่อ่ะครับ”
อายไลเนอร์ที่กรีดมาอย่างโฉบเฉี่ยวนั่นประจันกับสายตาอย่างจัง
จริงอยู่ที่จองกุกไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาก็ไม่ทำตัวเหี้ยใส่บุคคลเดินคนละโลกกับเขา
แต่ถ้าไม่ได้อยู่กันคนละโลก แล้วยังเสือกเป็นคนระยำ นั่นก็จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาในเวลานั้นๆ
"เด็กน- มิน มินจองกุกว่าร้ายดิฉันค่ะ
ให้ตาย หลักฐานชิ้นโตแบบนี้คงดิ้นไม่หลุดแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าหากคุณไม่ลงโทษเขา
ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแล้วนะ"
เจ้าหล่อนกระแทกเสียง
มือซ้ายที่ประคองกระเป๋าคลัชนั่นสั่นระริกเพราะความโกรธที่สุมอยู่ในอก ตลกดี
แค้นเด็กวัยสิบเจ็ดปีเศษเพราะเขาวานให้หล่อนเรียกชื่อจริงของเขานี่มันผิดนักหรือไง
ภูมิใจกับชื่อที่แม่ตั้งให้มันผิดหรอวะ
"มินจองกุก
ขอโทษเธอซะ"
อาจารย์หนุ่มพูดขึ้น
ใช้สายตากดดันให้เขาขอโทษหญิงสาวตรงหน้าที่ดูด้วยหางตาก็รู้ว่าเธอไม่อยากได้คำขอโทษขอโพยนี้หรอก
เธอต้องการกดเขาให้จมดิน เพียงแต่การที่เขายกมือไหว้ขอโทษเธอนั่นอาจจะทำให้เธอดูเหนือเขาขึ้นมาอีกนิดก็เท่านั้น
"ขอโทษครับ"
จองกุกบอกแล้ว
เขาไม่ได้อยากเอาตัวเองไปเทียบกับใคร ถึงจะเจ็บใจเล็กน้อยที่หญิงสาวตรงหน้าเหยียดยิ้มมุมปาก
อากัปกิริยาแสดงว่าสะใจที่ปิดไม่มิดนั่นทำให้จองกุกเผลอกำมือขวาแน่น
ก่อนจะคลายกล้ามเนื้อรอบๆ เพราะไม่อยากให้เป้าหมายที่แท้จริงของตอนนี้พัง
การประนีประนอม
คือสิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนจากคำขอโทษลมปากที่จองกุกไม่ได้รู้สึกผิดเลยซักแดงเดียว
"อืม ก็ดี
ก่อเรื่องเก่ง ก็ต้องขอโทษให้เป็นด้วย"
เจ้าหล่อนเผยยิ้มกว้าง
ไอ้แจ็คสันด้วย ไม่รู้แม่งมีความสุขอะไรนักหนาจากการเหยียบไอ้เด็กที่ยังท่องบทแผ่เมตตาไม่ได้
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ
เพียงแต่รอยช้ำที่กำลังจะกลายเป็นดวงสีเขียวรอบตาขวาของมันที่ดูรุนแรงกว่าเดิม
"เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วสินะครับ
งั้นเดี๋ยวผมจะเดินไปส่งคุณแม่ของแจ็คสันที่รถแล้วกัน"
"ยังค่ะ
ยังไม่จบ"
"ครับ?"
"ในเมื่ออาจารย์ไม่คิดจะทำอะไร
ดังนั้นดิฉันก็เลยจะทำเอง ดิฉันโทรไปร้องเรียนให้ฝ่ายปกครองเรียกผู้ปกครองของมินจองกุกให้มารับรู้พฤติกรรมของลูกชายตัวเองด้วยค่ะ"
หล่อนยิ้ม
ราวกับได้กลิ่นของชัยชนะที่กำลังลอยมาในอีกไม่ช้า
แต่นั่นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของจองกุกขาดสะบั้น
จองกุกลืมไปแล้วว่าคำว่าประนีประนอมเมื่อสิบวินาทีก่อนนั่นคืออะไร
เขาหันขวับไปมองเจ้าของอายไลเนอร์เฉี่ยวๆที่เกลียดนักหนา เกลียดมันจริงๆ
ไม่เข้าใจว่าโลกจะสรรค์สร้างเครื่องสำอางประเภทนี้ไว้ทำไม
"เฮ้ เดี๋ยวก่อน
แล้วนี่คุณมีสิทธิ์อะไรโทรไปหาผู้ปกครองผม"
ในเมื่อการประนีประนอมใช้ไม่ได้ผล
จองกุกเลยตัดสินใจเผชิญหน้ากับปัญหา เขาไม่อยากให้ใครก็ตามมารับรู้การทะเลาะเบาะแว้งของเด็กมอปลายปีสุดท้ายที่แย่งกบเหลาดินสอลายไดโนเสาร์สีแดงกันมาตั้งแต่อนุบาลสาม
"ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์
ก็นายทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผิดกฎของโรงเรียน"
"แล้วอะไรบนตัวลูกชายของคุณที่คุณคิดว่าเขาทำตัวเหมาะสมกันครับ
เคยรู้รึเปล่าว่ามันไถบุหรี่กับเด็กปีหนึ่งวันละมวนน่ะ"
"ไอ้เวรเจ
มึงใส่ร้ายกู!"
"กูจะใส่ร้ายทำเหี้ยอะไร
ในเมื่อวันนั้นมึงยัดใส่กระเป๋ากู แล้วกูก็มายืนให้อาจารย์ด่าเล่นๆ อยู่เหมือนวันนี้ไง"
"มึงมีหลักฐานหรอ
ฮะ"
"ให้กูบอกมั้ยล่ะ
อย่าลืมว่าแม่มึงก็ยืนอยู่ตรงนี้"
“…”
จองกุกเริ่มปวดหัว
เข้าใจคำว่าหัวร้อนได้ดีที่สุดก็ตอนนี้
เขายอมให้มันลากเขามาห้องปกครองกี่ครั้งก็ได้
ใบรับรองความประพฤติของเขาแม่งคงเละเป็นทิชชู่ผ่านการใช้แล้วไม่นับกว่าสิบแปดครั้งทั้งๆ ที่จองกุกไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ
เขาแค่ไม่อยากให้ม๊ามารับรู้เรื่องนี้
เรื่องเวรๆ ที่เขาอยากเหยียบไว้ให้จมดิน
“ผู้ปกครองของมินจองกุกมาถึงแล้วครับ”
แต่พระเจ้าแม่งก็ไม่ได้เห็นใจคำขอของทุกคนที่นับถือคริสต์หรอก
จองกุกถอนหายใจ พลางคิดข้อแก้ตัวสำหรับการทะเลาะเบาะแว้งครั้งนี้ เขาไม่มีวันกล่าวถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เด็กมอปลายปีสุดท้ายตีกันจนเลือดตกยางออกแบบนี้
“สวัสดีครับอาจารย์”
แต่ทว่าเสียงทุ้มนั่นทำให้เขาชะงัก
ตั้งแต่เกิดมาได้สิบเจ็ดปีเศษ ไม่มีวันไหนที่เขาจะจำเสียงของม๊าไม่ได้
มันต่างกับน้ำเสียงล่าสุดที่เขากำลังได้ยินอยู่อย่างสิ้นเชิง จองกุกหันขวับไปตามเสียง
และพบว่านรกขุมแรกกำลังจะเกิดขึ้น
“เฮ้ย! ไปเรียนกันสิ โดดมาห้องปกครองแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน! อยากโดนหักคะแนนความประพฤติใช่มั้ย!”
อาจารย์ตำแหน่งชายฉกรรจ์ประจำห้องปกครองตะโกนใส่นักเรียนหญิงนับสิบที่แทบจะพังประตูกระจกนี้ลงภายในสามนาที
และดูเหมือนผู้ฟังจะไม่ได้ให้ความสนใจ
เหล่าปลาสวายยังบันทึกภาพในโทรศัพท์อย่างหน้าตาเฉย
“ลำบากหน่อยนะครับคุณคิมแทฮยอง”
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ
ผมเกรงว่ามันจะลำบากอาจารย์มากกว่า”
ร่างสูงพูดติดตลก นั่นคิมแทฮยอง, มนุษย์โง่เง่าอำดับหนึ่งที่ตั้งชื่อไอ้หมาถ่านโง่ๆ นั่นเพราะกำลังอยากกินเครปชาโคลอยู่, ค่อยๆ หย่อนตัวเองลงกับเก้าอี้ตัวนุ่ม
มือทั้งสองถูกผสานไว้หลวมๆ ก่อนจะทิ้งมันไว้บริเวณสะบ้า
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ผู้ปกครองของเขากำลังทำท่าทางเหมือนกำลังเจรจาเรื่องประเทศขาดดุลทางการค้ามากเป็นประวัติการณ์โดยมีพื้นหลังเป็นหนังเรื่อง
Train to Busan ที่ไม่รู้ว่าประตูแม่งจะหลุดออกมาเมื่อไหร่
“เอ่อ.. คุณคิมแทฮยอง เป็นผู้ปกครองของมินจองกุกหรอกเหรอคะ?”
ถ้าจองกุกเป็นเด็กเวรอย่างที่หล่อนพยายามยัดเยียดจริงๆ
เขาคงจะหัวเราะในลำคอก่อนจะเผยประโยคเสียดแทงจิตใจคนทั้งชาติไปแล้ว แต่สุดท้าย
ไอ้เด็กที่ทำไม่ได้แม้แต่การสวดบทเมตตาอย่างเขาก็ทำได้แค่ทำสีหน้าเรียบนิ่ง
ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการกับคำถามโลกแตกที่ไม่มีทางหาคำตอบตายตัวเหมือนวิชาคณิตศาสตร์ได้
“ครับ
ผมเป็นผู้ปกครองของเขา”
“อ๋อ
เป็นพี่ชายห่างๆสินะคะ”
“…”
คิมแทฮยองไม่ได้ตอบอะไรนอกจากกระตุกยิ้มมุมปากให้หล่อน
และดูเหมือนว่าคุณแม่ของแจ็คสันจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ชายหนุ่มไม่ได้ให้คำตอบเธอเลยด้วยซ้ำ
ใบหน้าเธอแดงระเรื่อเหมือนทาบลัชออนไปทั่วหน้า จนแจ็คสันต้องกระทุ้งไหล่คนเป็นแม่
“ก็อย่างที่คุณเห็นนี่แหละครับ
จองกุกกับแจ็คสันทะเลาะกัน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของทั้งคู่ ผมประนีประนอมด้วยการให้พวกนี้เก็บใบไม้จนหมดโรงเรียนแล้วครับแต่ก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย”
คงจะช่วยได้อยู่หรอก
ตราบใดที่ไอ้แจ็คสันยังไล่ให้เด็กปีหนึ่งมาเก็บใบไม้แทนมันน่ะ
“จองกุกเริ่มต่อยลูกชายดิฉันก่อนด้วยค่ะ
คุณแทฮยองดูหน้าลูกชายดิฉันสิคะ”
สาบานกับพระเจ้า
จองกุกไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายหรอกนะแต่น้ำเสียงของเจ้าหล่อนที่เปล่งออกมานั่นช่างอ่อนหวานเกินกว่าประโยคที่ต้องการกล่าววว่าเขา
หญิงสาวประคองใบหน้าของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้
ก่อนจะสามารถอ่านปากของไอ้แจ็คสันได้ว่า ‘น้อยๆ หน่อยแม่’
“ผมขอโทษแทนคุณแม่ของแจ็คสันด้วยนะครับ
จองกุกค่อนข้างอารมณ์ร้ายนิดนึง ช่วงนี้แกเล่นวิดิโอเกมบ่อยน่ะครับ”
เขาหันชวับไปตามน้ำเสียงทุ้มที่บาดลึกจิตใจของหญิงสาวศตวรรษที่
20 ในเวลานี้
แต่เชื่อสิว่ากูไม่ใช่หนึ่งในนั้นไง
เหตุผลส้นตีนที่เขาคิดว่ามีแต่คนโหรงเหรงในชีวิตจะคิดได้ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนานั่นทำให้เขาจ้องคิมแทฮยองเขม็ง
ก่อนจะได้รับการเมินเฉยจากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองไปซะอย่างนั้น
ใครเชื่อแม่งก็บ้าแล้ว
เกรี้ยวกราดเพราะเล่นเกมบ่อยเนี่ยนะ มึงคิดว่าทุกคนบนโลกไอคิวสามสิบแปดหรอ
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
…..
เออ ขอโทษแล้วกัน
เขาลืมไปว่าไอ้ประโยคเวรๆนั่นออกมาจากปากคิมแทฮยอง
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ
จองกุกกำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังโตน่ะ เขาชอบทำอะไรบุ่มบ่าม
ไม่ทันคิดหรอกครับว่าอะไรควรไม่ควร” พูดพลางปรายตามองเขาที่กำลังยืนกุมเป้าเป็นรูปปั้นอยู่
ขอล่ะ อย่าเมนชั่นหากูที ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี
ตอนนี้เขากำลังใช้ความสามารถขั้นสุดท้ายในการฟังหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่
“ค่ะ ดิฉันเข้าใจ
แจ็คสันเองก็เป็นบ่อยๆ” หญิงสาวพูด พลางลูบหัวลูกชายสันดารหมา
นัยน์ตาประกายไปด้วยความรัก “แต่เขาน่ารักมากนะคะคุณแทฮยอง
ดิฉันเลี้ยงดูเขาอย่างดี”
“อ๋อ ครับ” คิมแทฮยองตอบกลับ จากการอยู่ร่วมกันมาตลอดเท่าที่จำความได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าเจ้าตัวเท่าไหร่นัก จองกุกก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ช้อยส์สองข้อที่มีอยู่ในใจคงไม่พ้น
หิวข้าวโว๊ย ปล่อยกูไปซักที ไม่ก็ บอกกูทำไมวะ
“คุณแทฮยองไม่อยากลองเป็นผู้ปกครองให้เขาอีกซักคนหรอคะ”
“เอ่อ..”
“โอ๊ย
ดิฉันก็หยอกเล่นไปน่ะค่ะ เครียดเชียว”
“คุณแม่แจ็คสันก็มีมุมขันนะครับเนี่ย
ฮะฮะ”
“ยังสาวยังสวยอยู่ก็อย่างนี้แหละค่ะ
คุณแทฮยองเองก็คุยเก่งนะคะเนี่ย สนใจแลกเบอร์โทรศัพท์กันไหมคะ”
หญิงสาวหัวเราะออกมา
มือขวายกขึ้นมาป้องริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงเบอร์อะไรซักอย่างที่จองกุกไม่รู้เรื่องกับเขาหรอก
แจ็คสันกระทุ้งไหล่คนเป็นแม่เล็กน้อยเป็นรอบที่สาม อาจจะเป็นพระเจ้าตัวยังไม่อยากได้พ่อใหม่เร็วๆ นี้
“ผมไม่มีเบอร์ส่วนตัวหรอกครับ
ปกติใช้ติดต่อเฉพาะงานน่ะ”
“อา น่าเสียดายจังค่ะ”
สิ่งที่คิมแทฮยอง
คนดังของโลกใบนี้ทำได้ก็มีแต่การเผยยิ้มแห้ง หันขวับไปหาอาจารย์ห้องปกครองที่กำลังทำหน้าเหวอกับการเกี้ยวพาราสีเมื่อซักครู่ด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ผมต้องเซนต์ใบรับรองพฤติกรรมอะไรทำนองนี้มั้ยครับอาจารย์” ถือว่าเป็นการเปลี่ยนประเด็นที่ฉลาดพอสมควร แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนลดละเลิกที่อยากจะพบผู้ปกครองของเขาเป็นรอบที่สองหรอก
“อ๋อ ครับ
เดี๋ยวรับรองพฤติกรรมตรงนี้แล้วคุณแทฮยองก็สามารถรับมินจองกุกกลับบ้านได้เลยนะครับ
เดี๋ยวผมเรียนคุณครูประจำชั้นของเขาให้”
“โอ้ งั้นรบกวนด้วยนะครับ”
ไซน์อย่างสายฟ้าแลบกว่าใครก็คิมแทฮยองในเวลานี้
ร่างสูตวัดปากการาคาถูกด้วยความรวดเร็วอย่างไม่นึกประนีประนอมหัวปากกาโง่ๆ
เลยด้วยซ้ำ
คิมแทฮยองยื่นใบรับรองพฤติกรรมให้อาจารย์ห้องปกครอง
ลุกขึ้นบอกลากับบุคคลรอบห้องโดยไม่ลืมที่จะโบกมือลาแฟนคลับรุ่นเล็กอย่างแบบจำลองซอมบี้ใน
Train to Busan ด้วยอารมณ์โซโล่ไอดอล
ตามด้วยเขาที่ทำหน้าเซ็งๆ อยู่ข้างหลัง
ไม่กี่นาทีถัดมา
เขาก็นั่งอยู่เบาะหลังรถของนายแบบหนุ่มในเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จัก
อันที่จริง เขาไม่ค่อยได้สัมผัสกับรถเบนซ์คันงามของอีกฝ่ายเท่าไหร่นักแม้ว่าม๊าจะไม่ยอมให้เขาขึ้นรถสาธารณะมาด้วยตัวเองก็ตามที
ซักพักอีกฝ่ายก็ออกตัว
เขาพอจะรู้ว่าคิมแทฮยองเป็นคนรักรถ
เพราะอย่างนั้นภายในของลูกรักอย่างเบนซ์ราคาหลายล้านวอนนั่นก็แสดงความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายได้ดี
ไม่มีซากปรักหักพังใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากตุ๊กตาคุมะมงที่วางเด่นบนที่นั่งทางขวา
และยังถูกคาดเข็มขัดไว้ราวกับรักตุ๊กตามาสคอตเมืองคุมาโมโตะแห่งประเทศญี่ปุ่นนักหนา
“เป็นยังไง”
“หมายถึงอะไร”
“ห้องปกครองครั้งที่สิบหกนี่
แสบใช่ได้”
จองกุกหัวเราะในลำคอ
ยังดีที่ไม่นับการโดนตักเตือนหน้าห้องปกครองรอบที่สามสิบปลายๆ นั่นด้วย
“ตกใจ?”
“อืม
อยู่บ้านก็เห็นนิ่งๆ ไม่เล่นเกมก็ขลุกตัวอยู่ในห้อง”
“อันที่จริง
ผมใช้เวลาอยู่กับม๊านานกว่าเล่นเกมซะอีก”
“เหอะ”
เสียงไม่สบอารมณ์ของคิมแทฮยองอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเป็นกังวล
แต่ไม่ใช่กับมินจองกุกที่ไม่ได้รู้สึกยี่หระอะไรกับความคุกกรุ่นนั่น
จองกุกรู้จักคำว่าครอบครัวอบอุ่น
แต่เขาไม่เข้าใจมันเท่าไหร่
แต่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เห็นได้จากการที่เขามีผู้ปกครองคนหนึ่งที่ใช้ยานพาหนะเป็นรถตระกูลเบนซ์ราคาหลายล้าน
ซึ่งถ้าถามว่าจองกุกยืนอยู่จุดไหนของโลกใบนี้ จองกุกก็ไม่สามารถตอบคำถามนั่นได้อย่างเด่นชัดอยู่ดี
ฐานะเหรอ? เขาว่ามันโอเค
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ของเขาก็ตามทีเถอะ แต่ทั้งคู่ก็เลี้ยงดูปูเสื่อเขาอย่างดี
เพราะอย่างนั้น ปัญหาข้อนี้ตัดทิ้งไปได้เลย ความบาดหมางของพ่อแม่เหรอ?
ให้ตาย จองกุกแช่งอยู่ทุกวันว่าให้พวกเขาทะเลาะกันแรงๆ ซักครั้ง
พูดอย่างเลวๆ เลยก็ได้ว่าม๊าควรจะเจอคนที่ดีกว่าหมอนี่โคตรๆ พ่อแม่ไม่เข้าใจเหรอ?
ก็ไม่ใช่อีก ม๊าแทบจะปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้
อีกฝ่ายพร้อมจะสนับสนุนเขาทุกทางที่ชอบ เว้นแต่เรื่องการไปไหนมาไหนคนเดียวนี่แหละที่ถูกห้าม
“แล้วคุณมาได้ยังไง”
เขาเป็นคนทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นหลังจากคำพูดแสดงความไม่สบอารมณ์เมื่อสามนาทีก่อน
สาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าจองกุกไม่ได้อยากชวนอีกฝ่ายคุยหรอก
มันเป็นเรื่องที่เขาโคตรจะสงสัย เพียงแต่เขาเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปถามอาจารย์ด้วยตัวเองว่าลากบุคคลของประเทศนี่มาได้ยังไงกัน
“อาจารย์เขาโทรมา
ก็เลยมา”
“ตลก
ทางโรงเรียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณกับผมเกี่ยวข้องกัน เขาจะเอาเบอร์คุณมาได้ยังไง”
คิมแทฮยองขมวดคิ้ว
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงไม่สบอารมณ์กับคำถามล่าสุดของเขาเท่าไหร่นัก ก่อนที่มือขวาเพียงข้างเดียวจะถูกหมุนไปเลี้ยวยูเทิร์น
ริมฝีปากหนานั่นก็เปล่งประโยคที่สามารถคลายความสงสัยเขาจนได้
“เขาโทรหายุนกิ”
“แล้วทำไมถึงเป็นคุณที่มา”
“ก็โทรศัพท์ยุนกิอยู่ที่ฉัน”
“อยู่ที่คุณ?”
“อืม
เราสลับมือถือกันใช้ซักพัก”
จองกุกถอนหายใจออกมา
ช่างเป็นข้อมูลที่น่าขัน ดูจากหน้าตาเคร่งเครียดกว่าปกติของคิมแทฮยอง
ให้เด็กอนุบาลเดาก็รู้ว่าสาเหตุที่ทั้งสองสลับเครื่องติดต่อสื่อสารกันนั่นเพราะอะไร
“คุณยังพอมีผู้จัดการคอยประสานงานให้
แล้วม๊าล่ะ คุณไม่คิดบ้างหรอว่าเขาจะลำบากน่ะ”
จองกุกคิดว่าตัวเองหัวร้อนได้ที่
ประโยคที่กล่าวออกไปนั้นไม่ได้เกินจริงเลยเมื่อโลกปี 2018 นี้แทบจะขึ้นอยู่กับเครื่องมือติดต่อสื่อสารอย่างไอ้โทรศัพท์เครื่องบางของมินยุนกิที่วางอยู่คอนโซลรถตอนนี้
“อย่าเวอร์น่าเจ ฉันเองก็บันทึกเบอร์ของโปรดิวเซอร์ทุกคนไว้เหมือนกันนั่นแหละ”
“…”
จองกุกถอนหายใจ มันคงเป็นการแก้ปัญหาของผู้ใหญ่ที่เขาคงเข้าไม่ถึง
“เดี๋ยวเจอหน้ากันอีกรอบก็จะแลกคืนแล้วล่ะ
ไม่มีอะไรแล้ว”
“ก็ดี”
คิมแทฮยองเมื่อเขาจำความได้เป็นอย่างไร
คิมแทฮยองในตอนนี้ก็นิสัยอย่างนั้นอยู่วันยังค่ำ เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี
พื้นฐานดี ฐานะทางบ้านดี ศิลปะการพูดโน้มน้าวเก่งเกินจะใช้เรือนร่างทาบแสงแฟลชไปวันๆ
แต่ข้อเสียหลายๆด้านที่ผู้คนเกินครึ่งประเทศยังไม่รับรู้คืออีกฝ่ายติดเกมและขี้หวงชิบหาย
อันที่จริง
เขากล่าวไม่ถูกหรอก ต้องถามว่ามีใครรู้บ้างรึยังว่าคิมแทฮยองเป็นพ่อคนตั้งแต่วัยยี่สิบสี่น่ะ
คิมแทฮยองเป็นคนของประชาชน
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนดีถึงกับยอมถวายร่างให้ชาวโลกขนาดนั้น
คิมแทฮยองไม่ได้ปกปิดว่าเขามีคนรักเป็นตัวเป็นตนแล้ว
เพียงแต่เจ้าตัวไม่ได้เปิดเผยเท่านั้นว่าผู้หญิงที่น่าอิจฉาจนเหล่าแฟนคลับต่างอยากลากนางมาแหกอกนั่นเป็นใคร
ร้อยคนบอกว่าหญิงสาวไม่กล้าเอ่ยปากบอก
พันคนบอกว่าคิมแทฮยองไม่อยากเปิดเผยกับประชาชนเพราะกลัวกระแสตก
หนึ่งหมื่นคนบอกว่าคิมแทฮยองไม่อยากป่าวประกาศเพราะกลัวคนรักตายคามือของผู้คนทั้งประเทศซะเอง
อันที่จริง ก็เคยมีข่าวหลุดออกมาบ้างว่าแฟนของคิมแทฮยอง หัวใจของคนทั้งประเทศคือ มยก. แต่เขาเหล่านั้นไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่า มยก. อักษรย่อสามตัวนั่นไม่ได้หมายถึง มุน ยุนกวา นักแสดงสาวอย่างที่ใครๆ เข้าใจกัน แต่มยก. นั่นคือ มินยุนกิ ชายหนุ่มตัวเล็กที่เขาสูงแซงอีกฝ่ายตั้งแต่วัยสิบสี่ปี ประกอบอาชีพโปรดิวเซอร์ให้กับค่ายเพลงชื่อดังที่คอยแต่จะกวาดรางวัลเพลงแห่งปีของทุกงานประกาศรางวัลประจำฤดูหนาวอย่างไม่ลดละ เคยยืนอยู่ท่ามกลางแสงแฟลชมากที่สุดก็ตอนที่ได้รับรางวัล Best Producer เมื่อสี่ปีก่อน
ชื่อของคิมแทฮยองที่ถูกติดท็อปเสิร์ชทุกวินาทีที่เขาอัพ
SNS กับตัวอักษรย่อสามตัวของมินยุนกิที่ถูกปล่อยมาตั้งแต่ห้าปีก่อนนั่นดูไม่ได้เข้ากันเลยแม้แต่น้อย
จองกุกคิดได้เมื่อเขาอายุสิบสองปี
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าทำไมมินยุนกิถึงมางานประชุมผู้ปกครองทุกครั้งแม้ว่าเจ้าตัวจะทำงานแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ทำไมคิมแทฮยองถึงต้องสวมแว่นตาสีดำกับแมสปิดปปากทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
หรือแม้แต่การคอยควบคุมเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของเขาจนน่าหงุดหงิดนั้นด้วย
“แล้วไปต่อยเขาให้เลือดตกยางออกทำไม
ไม่กลัวยุนกิผิดหวังรึยังไง”
ราวกับคิมแทฮยองรู้ว่าจุดอ่อนของทุกๆ ด้านของเขาคือมินยุนกิ
จองกุกแค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อย
ไม่คิดว่าอีกฝ่ายต้องใช้ชื่อของคนรักเพื่อบีบบังคับให้เขาตอบความจริงออกมา มันเกินความคาดหมายไปหน่อย
“นึกว่าจะด่าอย่างเดียว”
“น้อยๆ หน่อย
ฉันก็มีศักดิ์เป็นพ่อนายนะเจ”
จองกุกไม่แน่ใจนักหรอกว่าคิมแทฮยองคิดอย่างไรกับประโยคที่เขาเพิ่งกล่าวออกมา
แต่คาดว่าเจ้าตัวคงจะมั่นใจแล้วว่าไม่มีเครื่องดักฟังที่ไหนติดอยู่
เป็นเครื่องมือบ่งบอกความส่วนตัวชั้นดีเลยทีเดียว
“ก็ทะเลาะกันตามประสาวัยรุ่น”
“รู้
แล้วทะเลาะกันเพราะอะไร ท็อปปิคน่ะ”
“เกิดจากมันไม่ยอมหลีกทางให้ผม” จองกุกสูดอากาศเข้าปอด
เรื่องใหญ่แปดสิบเปอร์เซ็นต์มักจะเกิดจากเรื่องเล็กน้อยเท่าขี้มดกันทั้งนั้น “แต่ที่ผมต่อยตาขวามันอ่ะ เพราะมันด่าม๊า”
“แล้วเข้าโรงพยาบาลไหม”
“ใคร”
“แจ็คสันไง”
“เข้ามั้ง มันสำออย
ถ้าเข้าโรงพยาบาลก็ต้องมาลากับโรงเรียน ครูประจำชั้นจะได้โขกสับผมอีกที”
สเต็ปเดิมๆ
ที่ให้มนุษย์เลเวลหนึ่งมาดูออกก็รู้
แบบนี้ถึงจะครบขั้นตอนการทะเลาะเบาะแว้งกันที่ทำมาตั้งแต่มอต้น
แต่ที่คุ้มสำหรับเขาคือจองกุกได้ต่อยหน้าแม่งทุกครั้งให้หายหงุดหงิดใจ
เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าไม่น้อย
“แล้วพอจะรู้ไหมว่ารักษาตัวที่ไหน”
“ทำไม
จะส่งกระเช้าไปให้เขาหรือไง”
“เปล่า”
“…”
“จะกระทืบซ้ำ”
“…”
เพราะอย่างนั้น
เขาถึงยืนยันว่ามินยุนกิควรจบชีวีตกับผู้ชายที่ดีกว่านี้
talk
ช่วงนี้งานเยอะมาก ทั้งสอบ ทั้งโครงงาน มะรุมมะตุ้มไปหมด
ดังนั้น นี่คือฟิคระบายความเครียดค่ะ orz
ฝากเจ้าเจด้วยนะคะ เป็นฟิควีก้าเรื่องแรกของเราที่เดินเรื่องโดยจองกุก มนุดอ๊องๆ
555555555555555555555555555555555555555555
ไว้ใจนังได้ค่ะ เพราะคนแต่งขี้ชิปวีก้ามาก ยังไงก็ต้องมา!!!
ปล. เคลียร์ชีวิตได้เมื่อไหร่จะมาตามอัพเรื่องเก่าๆนะคะ ;; ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้ต่อฟิคมานานมาก
ปลล. ว่างๆก็โหวต #iHeartAwards กันด้วยนะคะ พาน้องๆไปเมกาอีกรอบกัน อ๋อ ไม่ใช่ ขายตรงตรงนี้ไม่ได้
ถ้าชอบก็ฝากเม้นด้วยนะคะ ยักได้ฟีดแบคมากมาย เหมือนไม่ได้อัพฟิคมานับสิบปี แง /-\
twt @sugayeaplease
hashtag #นี่เจไงพวก
ความคิดเห็น