ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : >>Postscript : The end of white snow, The start of black snow
บทส่งท้าย
ในสถานที่แห่งนั้นมีป้ายเหล็กบางผมพื้นมากมายเต็มไปหมด บางที่ก็มีช่อดอกไม้ บางที่ก็มีรูปหน้าของแต่ละคนประดับอยู่
ในที่แห่งหนึ่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมในชุดสีดำอันแสนน่าหดหู่ บางคนมองอย่างเศร้าสร้อย บางคนยืนร้องสะอื้นอย่างหยุดไม่ได้ ทุก ๆ คนได้แต่มองร่างที่ไร้วิญญาณของคน ๆ หนึ่ง
ร่างนั้นเป็นร่างผู้ชายผมสีชมพูซอยตั้งฟูในชุดสูทสีขาวและมีดอกลิลลี่ประดับรองรับอยู่ที่พื้นดูแล้วชั่งน่าหลงใหล แต่ไม่ใช่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ร่างผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทรสีดำเจ้าของผมสีน้ำตาลเหมือนสีดวงตากลมโตนั้นได้แต่มองร่างคนตรงหน้าอย่างเจ็บใจ... และทรมาน
มันเป็นความผิดของเขา เขาคิด
ถ้าเขาจัดการเสร็จเร็วกว่านี้... เขาคง...
เขาได้แต่คิดโทษตัวเองอย่างเจ็บใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาและแก้ไขไม่ได้แต่แล้วก็หยุดคิดลงเพราะเสียงสะอื้นของคนข้างเคียงทำให้เขาหันไปมองอย่างสงสัย
ร่างผู้ชายผมสีส้มมัดปกติในชุดสีดำเหมือนเขาแต่ใส่หมวกสีชมพูสลีบฟ้ากำลังยืนเอามือมาปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อนจนเขาสงสัย
“แมกส์... นาย... ร้องไห้!?”เขาถามเพื่อนรักของเขาอย่างสงสัยแกมประหลาดใจ
“ชิ!! ก็เพื่อนฉัน... ตายทั้งคนนะ!”เขาพูดอย่างโกรธเคืองเล็น้อยก่อนจะเริ่มปล่อยโฮหนักกว่าเก่าก่อนจะไปโผ่กอดเขาอย่างรวดเร็วจนเขาผงักไปชั่วขณะก่อนจะค่อย ๆ กอดกลับอย่างปลอบใจ... เขาค่อย ๆ นึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น...
...
..
.
ปัง!
จู่ ๆ ภายในอาคารตึกกระจกที่สภาพเยินเพราะทั้งแรงระเบิดและกระสุนที่ยิงกันถ้วนหน้าก็เกิดเสียงปืนขึ้นจนคนตรงหน้าอึ้งมองร่างที่ถูกปืนยิงค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นและของเหลวสีแดงไหลออกมา
“อาสึยะ!!!”เขาเรียกคนตรงหน้าอย่างตกใจก่อนจะรีบพยุงร่างคนตรงหน้าอย่างใจหาย
“อาสึยะ ! อาสึยะ อาสึยะ อาสึยะ!!!”เขาเรียกคนตรงหน้าพร้อมกับตบหน้าของคนตรงหน้าให้มีสติอยู่
“พะ...พะ...พี่...คะ...ครับ...”อาสึยะเรียกเขาอย่างยากลำบากและพยายามที่จะมองหาเขาและเอามือกวักไกวขว้านหาตัวเขาเขาจึงเอามือจับมือของอาสึยะไว้และมองอาสึยะผู้เป็นน้อิงอย่างเจ็บปวดพร้อมกับของเหลวใส ๆ ค่อย ๆ ไหลอาบแก้มของเขา
“หึๆๆๆ”เสียงของคนบางคนที่เขาฟังแล้วอยากจะฆ่าให้ได้ดังขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเขา
“แก...”เกรย์พูดอย่างโกรธแค้นและมองมาทางคนตรงหน้าด้วยจิตสังขารที่น่ากลัว
“หึๆๆๆ ถึงอาสึยะจะปราณีให้ฉันแต่ยังไงฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว”ฮิโรโตะพูดก่อนจะแสยะยิ้มอย่างได้ใจ
“หึๆๆๆๆๆ”เกรย์ค่อย ๆ หัวเราะอย่างประชดประชันจนฮิโรโตะหงุดหงิด
“ขำไรของแก!”
“แกคิดว่าฉันเป็นใครงั้นหรอ”พูดเสร็จเขาก็ค่อย ๆ วางตัวอาสึยะลงแล้วลุกขึ้นมองฮิโรโตะอย่างเลือดเย็น
พลั่ก!
“อรั่ก!!”จู่ ๆ เสียงเพื่อนของเขาทั้งสองก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างทั้งสองก็กระเด็นไปชนกับกำแพงจนสลบไปก่อนจะมีร่างผู้หญิงผมสีน้ำเงินยาวเดินมาทางเกรย์อย่างเลือดเย็นซึ่งในมือของเธอถือปืนอยู่ข้างหนึ่งด้วย
“หึ”เขาหัวเราะหึอย่างเฉื่อยชาแล้วมองมาทางผู้มาใหม่
“เอาหล่ะ... เรนะ... ฉันฝากด้วย”
ปัง!!!
จู่ ๆ เรนะก็เดินมาทางฮิโรโตะแล้วยิงใส่หัวของฮิโรโตะอย่างจังจนฮิโรโตะช็อคพูดอะไรไม่ออกก่อนจะค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นพร้อมกับของเหลวสีแดงไหลออกมาส่วนเกรย์ก็มองอย่างสงสัยอย่างประหลาดใจ
“เธอ...”
“ขอโทษด้วยที่เขาก่อเรื่องไว้มากมาย”สิ้นเสียงเธอเพื่อนทั้งสองคนของเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเกรย์
“เรนะ...”ฮันดะค่อย ๆ เรียกชื่อเธออย่างประหม่า
“ไม่เจ็บใช่มะ... ”เธอถามก่อนจะยิ้มให้
“อะ... อืม”
“ฉันชักงงแล้วนะ!!! อธิบายมาดิ = =;;”แมกส์โวยวายอย่างโกรธเคือง
“โอเค... ฉันจะเล่าให้ตั้งแต่วันนั้นแล้วกัน”ทุกคนเงียบและตั้งใจฟัง
“วันนั้นเป็นวันที่ทอรัส... เพื่อนของพวกนายจะมาเก็บคิยามะ ฮิโรโตะ คนที่พึ่งตายไปเมื่อกี้ ตามความจริงที่ว่ากันนั้นไม่ใช่ทอรัสทำพลาดหรอก... เป็นเพราะมันเป็นแผนของคิยามะ ฮิโรโตะต่างหาก”
“แผนหรอ”>>>ฮันดะ
“ใช่... ความจริงแล้วทอรัสฆ่าคนอื่นแทน... แล้วคนนั้นก็คือ คิระ ฮิโรโตะ... เขาเป็น... แฟนฉัน”
“อะไรนะ!?”>>>แมกส์
“คิระ ฮิโรโตะเป็นลูกชายของตระกูลคิระ แต่คิยามะ ฮิโรโตะ นั้นเป็นบุตรบุญธรรมที่คนในตระกูลคิระรับมาเลี้ยง... ฉันก็ด้วย มันเป็นความบังเอิญที่ทั้งคิระและคิยามะหน้าตาคล้ายกัน วันนั้นคิยามะรู้ว่าทอรัสจะมาฆ่าเขาเขาจึงไว้วานให้คิระมาทำงานบริษัทแทน เขาเลยต้อง...”พูดเสร็จเรนะก็ค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาก่อนจะระงับมันอย่างขมขื่น
“ฉัน... เสียใจด้วย”ฮันดะพูดอย่างปลอบใจ
“หลังจากนั้นฉันจึงทำตามสิ่งที่คิยามะสั่งในฐานะเพื่อนและพี่สะใภ้ ถึงแม้มันจะผิด... แต่ฉันก็พยายามที่จะหยุดให้เขาทำแต่ก็ไม่สำเร็จ... จึงคิดหาช่วงเวลาที่เหาะสมจัดการเขา... และก็สำเร็จ ที่ผ่านมาฉันขอโทษด้วยนะ”ทุกคนได้แต่เงียบ... ไม่พูดอะไรสักพัก
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”ฮันดะถาม
“คงต้อง... ไปหาคิระแล้ว...”เรนะพูดก่อนจะเอาปืนขึ้นมาแล้วจ่อหัวตัวเอง
“ทำงั้นไม่ได้นะ!!! มันบาปนะเรนะ”ฮันดะเตือนเธอ
“งั้น... พวกนายฆ่าฉันให้หน่อยสิ”คำพูดของเรนะทำเอาฮันดะและแมกส์พูดไม่ออก
“จะให้... ฆ่าเธอเนี่ยนะ!!? ฉัน”
ปัง!!
จู่ ๆ เกรย์ที่เงียบไปนานมากก็เอาปืนยิงใส่หน้าอกของเรนะจนเธออึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มให้แล้วหลับตาลงพร้อมกับทรุดลงกับพื้นจมกับของเหลวสีแดงของตัวเอง
“ทำอะไรของนายน่ะ เกรย์!!?”ฮันดะหันมาถามอย่างตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
“ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่เธอคนนั้นขอร้อง...”
“…”
“ถ้าฉันฆ่าเธอสักเอง... เธอก็ไม่มีบาป ฉันก็แค่รับบาปของเธอมาเอง... และชดใช้มันก็พอ”พูดเสร็จเกรย์ก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วตั้งท่าจะกระโดดลงไป
“ฟุบุคิ... นายคงไม่คิดจะ... โดดลงไปใช่ไหม”แมกส์ถามอย่างฝืนยิ้ม
“หึ... ไม่ต้องห่วง... สักวันเราต้อง...”ก่อนที่จะพูดจบเกรย์ก็ค่อย ๆ กระโดดลงไปแล้ว...
“J'ai rencontré à nouveau.(เจอกันอีกครั้งหนึ่งนะ)”พูดภาษาฝรั่งเศสออกมาก่อนที่ฮันดะและแมกส์วิ่งไปหาก็พบว่าเกรย์นั้นได้หายไปจาก...
ตรงนั้นแล้ว
.
..
...
“เดี๋ยวก่อนคะ!!”ตอนนั้นเองก็มีผู้หญิงผมสีเขียวมัดกล้าวเจ้าของดวงตาสีดำเรียวผิวสีแทนในชุดโลลิต้าสีดำวิ่งมาพร้อมกับช่อดอกไม้เยอบีร่าสีขาวมาอย่างร้อนรนจนคนอื่น ๆ หันมามองอย่างประหลาดใจ
“มิโดริคาว่าจัง?”ฮันดะถามอย่างสงสัยก่อนจะมองออกไปก็พบว่ามิโดริคาว่านั้นมากับผู้ชายผมสีดำยาวมัดกล้าวเจ้าของดวงตาสีแดงส้มในชุดสูทสีดำเหมือนกัน
“รุ่นพี่ซากิ...”ฮันดะเอ่ยเบา ๆ
“มาทันใช่ไหม?”เขาถาม
“ครับ”หลังจากนั้นก็มองมิโดริคาว่ากำลังเอาดอกเยอบีร่าออกจากช่อดอกหนึ่งแล้วเอามาวางไว้มันมือของอาสึยะเพื่อนของเขาก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ปิดฝาโรงแล้วฝั่งเขาทันที
“เอ่อ... น้ารันน่ะคะ?”มอโดริคาว่าถามอย่างสงสัย
“คุณป้าหรอ... เขาบอกว่าทำใจไม่ได้ขอกลับบ้านไปก่อนน่ะ”แมกส์อธิบายให้มิโดริคาว่าฟัง
ตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่ได้ฝั่งเรียบร้อยแล้ว มิโดริคาว่าจึงเอาช่อดอกเยอบีร่ามาวางบนหลุมศพอย่างอ่อนโยน
“ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนมาเยี่ยมอาสึยะตอนนั้นแล้วหล่ะนะ มิโดริคาว่าจัง... ทำไมให้ดอกเยอบีร่ากับอาสึยะหล่ะ?”ฮันดะหันมาถามเจ้าตัวอย่างสงสัย
“(หัวเราะ)ก็ดอกเยอบีร่า... มันมีความหมายเหมือนกับอาสึยะคุงเขาน่ะ”
“เหมือนหรอ?”
“ใช่... ดอกเยอบีร่าแปลว่าไร้เดียงสา... เขาน่ะ... ไร้เดียงสาเหมือนตัวฉันไง... มักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ... ฉันยังแอบคิดเหมือนกันนะ... คนดี ๆ แบบอาสึยะคุงทำไมฉันถึงไม่ชอบเขา”คำพูดของมิโดริคาว่าทำให้ฮันดะเงียบอย่างขมขื่นก่อนหันมามองหลุมศพอย่างเศร้าใจ
ตอนนั้นเองก็มีรกสปอร์ตสีเงินขับมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะจอดข้างทางแล้วคนก็ลงมาจากรถสองคน
คนแรกเป็นผู้ชายผมสีน้ำตาลยกศกมัดกล้าวในชุดลำลองสีดำและใส่แว่นตาประหลาดสีฟ้าในมือถือถุงสีดำ
ส่วนคนที่สองเป็นผู้ชายผมสีเงินยาวปรกบ่ามีที่คาดปิดตาแบบโจรสลัดมาปิดที่ตาข้างขวาในชุดลำลองสีดำเหมือนกันและในมือถือช่อดอกลิลลี่มา
ทั้งสองก็เดินมาทางพวกฮันดะ พาฮันดะเงยหน้าหันมามองก็ตะลึงเล็กน้อยกับคนที่ปรากฏตัวมา
“คุณทอรัส?”ฮันดะเอ่ยเบา ๆ ก่อนที่คนอื่น ๆจะหันมามองคนตรงหน้า
“หวัดดีฮันดะ นี่ซาคุมะ จิโร่... เพื่อนของฉันเป็นนักข่าว”เขาแนะนำเพื่อนของเขาก่อนที่ซาคุมะจะอึ้งเล็กน้อยแล้วโค้งตัวตามธรรมเนียม
“คุณเป็นใครคะ?”มิโดริคาว่าถามอย่างสงสัย
“ผมเป็นเพื่อนของพี่ชายของเขาครับ”ทอรัสบอกก่อนยิ้มเจือน ๆ ให้ก่อนจะเอาของในถุงออกมาเป็นผ้าพันคอสีขาวทำจากไหมพรมแล้วเดินมาวางบนหลุมศพของอาสึยะ... มันคือผ้าพันคอของเกรย์ที่สู้ที่รัสเซียนั่นเอง
ตามด้วยคนข้างๆ เดินมาวางช่อดอกลิลลี่ต่อจากเขาแล้วลุกขึ้นพร้อมกันแล้วหันมามองพวกเขา
“คุณเป็นเพื่อนของอาสึยะหรอ?”ทอรัสถาม
“ค่ะ... มิโดริคาว่า ริวจิค่ะ คุณทอรัส”พูดเสร็จเธอก็ยื่นมือมาให้ทอรัสจับมือเป็นการทักทาย
“ไม่ต้องเรียกผมว่าทอรัสหรอก”ทอรัสพูดก่อนจะยื่นมือมาใกล้ ๆ มือของมิโดริคาว่า
“คิโด ยูโตะ... นี่คือชื่อของผม”สิ้นประโยคเขามิโดริคาว่าก็แอบอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจับมือกับทอรัส
“ค่ะ... คิโดคุง”หลังจากนั้นทั้งสองก็ปล่อยมืออกจากกัน
“แล้วเกรย์หล่ะ”เขาหันไปถามฮันดะและแมกส์ซึ่งทั้งสองก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าหดหู่ลง
“เขากระโดดหายไปแล้ว”สิ้นเสียงแมกส์ทอรัสก็ค่อย ๆ หันหลังกลับตั้งท่าจะเดินออกไป
“เดี๋ยวครับคุณทอรัส!”สิ้นเสียงแมกส์เขาก็หยุดเดินแล้วรอฟังจากแมกส์
“พวกเราจะได้เจอเกรย์อีกไหมครับ”เขาถามพร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างช้า ๆ ส่วนฮันดะก็ได้แต่มองอย่างเศร้าสร้อย มิโดริคาว่ากับโอซามุที่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันก็พบเดาได้ว่ากำลังหมายถึงใคร
“Un jour nous nous rencontrerons. Une fois de plus.(สักวันเราจะได้เจอกันอีกครั้ง)”จู่ ๆ ทอรัสพูดออกเป็นภาษาฝรั่งเศส สร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่น ๆ
“ถ้าเกรย์พูดแบบนั้น สักวันก็ต้องเจอแน่ จะช้าหรือเร็วยังไงก็เจอ”
“เพราะเกรย์มันเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตัวเอง”สิ้นเสียงทอรัสก็เดินออกไปก่อนที่ซาคุมะจะมองอึ้ง ๆ แล้วเดินตามทอรัสไป
พวกฮันดะก็ได้แต่มองทอรัสที่กำลังจะเดินจากไปอย่างอึ้ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาแล้วมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีดำของเมฆ แต่สำหรับฮันดะแล้วเขาเหมือนเจอแสงอาทิตย์ส่องแสงความหวังมาให้เขา ใช่... อย่างที่ทอรัสบอก... สักวันต้องได้เจอกัน เพราะนั่นคือ
หลังจากนั้นทอรัสและซาคุมะก็เดินออกมาจากหลุมศพของอาสึยะแล้วตั้งท่าจะขึ้นรถสปอร์ตที่ตัวเองขับมา
“นี่ ทอรัส”ซาคุมะเอ่ยขึ้นทำให้ทอรัสหยุดเดิน
“นายดูไม่ค่อยเสียใจเท่าไรเลยนะ... น้องเพื่อนนายทั้งคนน่ะ”ซาคุมะถามอย่างสงสัยก่อนมองทอรัสอย่างจับผิด
“เสียใจหรอ?... ความรู้นั้น... มันตายจากฉันไปแล้วหล่ะ”ทอรัสพูดก่อนจะหัวเราะหึ ๆ แล้วเดินต่อปล่อยให้ซาคุมะยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ใช่เชื่อหรอก เขาคิด
เพราะเขารู้ดี... ว่าคนอย่างทอรัสน่ะ... มักไม่แสดงสีหน้าจากการทำสีหน้าแต่เป็นที่...
แววตาของเขาต่างหาก
ในบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งมีร่างผู้หญิงผมสีแดงซอนสั้นซึ่งมีผมขาวแซม ๆ ตามกาลเวลากำลังนั่งบนเก้าอี้กินข้าวกำลังร้องไห้อย่างเดศร้าโศกเสียใจและกำลังกอดรูปภาพเด็กผู้ชายผมสีชมพูไว้อย่างแน่น เหมือนกลัวภาพนี้จะหายไป น้ำตาค่อย ๆ ร่วงลงกับพื้นจนเริ่มเป็นแอ่งน้ำตาเล็ก ๆ ของเธอ
จู่ ๆ ก็ค่อย ๆ หัวเราะหึ ๆ ออกมาอย่างน่าประหลาดแล้วเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้น และ
เพล้ง!!!
เธอฟาดกรอบรูปนั้นกับพื้นจนเศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่วก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนเหมือนคนไร้สติ
“(หัวเราะ)เด็กคนนั้น...”เธอค้างไว้ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวโดยไม่สนใจว่ามีเศษแก้วจากกระจกได้บาดเท้าของเธอจนเลือดเริ่มไหลเป็นทาง แล้วหยิบส้อมและมีดทั้งหมดมาแล้วเอาถือปีดไว้ข้างหนึ่ง
“...เด็กคนนั้น... เป็นน้องชายของ Killer!!!”
ปึก!
สิ้นประโยคเธอเอามีดปักที่รูปเด็กผู้ชายผมสีชมพูอย่างไม่ยั้งมือก่อนจะหยิบเล่มต่อไปมาทันที
“หึๆๆๆ เด็กคนนั้นตายแล้ว...”
ปึก!
“ตายไปแล้ว”
ปึก!
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆ ดีแล้ว ดีแล้ว!! ฮะๆๆๆๆ”
ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก!
เธอเอามีดแทงทีละเล่ม ๆ ๆ ๆ ๆ จนบนภาพมีแต่มีดปักเต็มไปหมดก่อนจะหัวเราพย่างบ้าคลั่งแล้วฉีกหน้าตัวเองออกมา
ไม่สิ...
นั่นไม่ใช่หน้าของเธอตั้งแต่แรกแล้ว
พอเธอฉีกออกมาเผยให้เห็นเส้นผมสีดำยาวสลวยไร้ความแก่แบบหญิงสาวเมื่อกี้พร้อมกับค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับหยิบกระเป๋าเดินทางข้าง ๆ อย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูใส่รองเท้าให้เรียบร้อยแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยดวงตาสีฟ้ากลมโตสวยนั่น
“เอาหล่ะ... ต่อไปฉันจะแก้แค้นพวก Killerให้เจ็บแสบแบบที่...”
“พวกแกทำกับน้องชายสุดรักทั้งสองคนของฉัน!”
+ naru
จากผู้แต่ง :
สวัสดีค่ะ!!! ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วนะค่ะ อ๊ะๆๆๆๆ อย่าพึ่งถอดใจนะ เรายังมีตอนพิเศษมาเสริมอยู่ โดยคาดการณ์สัปดาห์หน้าได้เห็นแน่นอนค่ะ // สปอยสักนิดว่าตอนนี้จะโชว์ภาพวาดในเรื่องนี้ของผู้แต่งเอง คนที่เคยเห็นการวาดของผู้แต่งคงอยากดูและอยากอ่านเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนมาก ๆ ใช่ไหมค่ะ >< ก็อย่าลืมติดตามชมนะค่ะ เม้นเยอะ ๆ เชียร์เยอะ ๆ เพราะตอนนี้กำลังแต่งพล็อตเรื่องของคาเซะมารูได้หนึ่งตอนแล้ว และตอนนี้กำลังแต่งตอนที่สอง เอาใจช่วยเยอะ ๆ นะแฟน ๆ
P.s. ลืมบอกไป เรื่อง Innocent Killer จำนวนหน้าทั้งหมด 220 หน้าค่ะ
<<< กลับ Home page
ในดินแดนแห่งหนึ่ง... ที่ซึ่งมีท้องฟ้าสีดำครึ้มของหมุ่เมฆ ที่ซึ่งมีปุยสีขาวร่วงโรยลงมาอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ทับทมพื้นที่ซึ่งเคยเป็นสีดำกลายเป็นสีขาวของหิมะ
ในสถานที่แห่งนั้นมีป้ายเหล็กบางผมพื้นมากมายเต็มไปหมด บางที่ก็มีช่อดอกไม้ บางที่ก็มีรูปหน้าของแต่ละคนประดับอยู่
ในที่แห่งหนึ่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมในชุดสีดำอันแสนน่าหดหู่ บางคนมองอย่างเศร้าสร้อย บางคนยืนร้องสะอื้นอย่างหยุดไม่ได้ ทุก ๆ คนได้แต่มองร่างที่ไร้วิญญาณของคน ๆ หนึ่ง
ร่างนั้นเป็นร่างผู้ชายผมสีชมพูซอยตั้งฟูในชุดสูทสีขาวและมีดอกลิลลี่ประดับรองรับอยู่ที่พื้นดูแล้วชั่งน่าหลงใหล แต่ไม่ใช่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ร่างผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทรสีดำเจ้าของผมสีน้ำตาลเหมือนสีดวงตากลมโตนั้นได้แต่มองร่างคนตรงหน้าอย่างเจ็บใจ... และทรมาน
มันเป็นความผิดของเขา เขาคิด
ถ้าเขาจัดการเสร็จเร็วกว่านี้... เขาคง...
เขาได้แต่คิดโทษตัวเองอย่างเจ็บใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาและแก้ไขไม่ได้แต่แล้วก็หยุดคิดลงเพราะเสียงสะอื้นของคนข้างเคียงทำให้เขาหันไปมองอย่างสงสัย
ร่างผู้ชายผมสีส้มมัดปกติในชุดสีดำเหมือนเขาแต่ใส่หมวกสีชมพูสลีบฟ้ากำลังยืนเอามือมาปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อนจนเขาสงสัย
“แมกส์... นาย... ร้องไห้!?”เขาถามเพื่อนรักของเขาอย่างสงสัยแกมประหลาดใจ
“ชิ!! ก็เพื่อนฉัน... ตายทั้งคนนะ!”เขาพูดอย่างโกรธเคืองเล็น้อยก่อนจะเริ่มปล่อยโฮหนักกว่าเก่าก่อนจะไปโผ่กอดเขาอย่างรวดเร็วจนเขาผงักไปชั่วขณะก่อนจะค่อย ๆ กอดกลับอย่างปลอบใจ... เขาค่อย ๆ นึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น...
...
..
.
ปัง!
จู่ ๆ ภายในอาคารตึกกระจกที่สภาพเยินเพราะทั้งแรงระเบิดและกระสุนที่ยิงกันถ้วนหน้าก็เกิดเสียงปืนขึ้นจนคนตรงหน้าอึ้งมองร่างที่ถูกปืนยิงค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นและของเหลวสีแดงไหลออกมา
“อาสึยะ!!!”เขาเรียกคนตรงหน้าอย่างตกใจก่อนจะรีบพยุงร่างคนตรงหน้าอย่างใจหาย
“อาสึยะ ! อาสึยะ อาสึยะ อาสึยะ!!!”เขาเรียกคนตรงหน้าพร้อมกับตบหน้าของคนตรงหน้าให้มีสติอยู่
“พะ...พะ...พี่...คะ...ครับ...”อาสึยะเรียกเขาอย่างยากลำบากและพยายามที่จะมองหาเขาและเอามือกวักไกวขว้านหาตัวเขาเขาจึงเอามือจับมือของอาสึยะไว้และมองอาสึยะผู้เป็นน้อิงอย่างเจ็บปวดพร้อมกับของเหลวใส ๆ ค่อย ๆ ไหลอาบแก้มของเขา
“หึๆๆๆ”เสียงของคนบางคนที่เขาฟังแล้วอยากจะฆ่าให้ได้ดังขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเขา
นั่นเป็นร่างผู้ชายผมสีแดงซอยสั้นเจ้าของดวงตาสีเขียวจ้องมองมาทางเขาอย่างสะใจ
“แก...”เกรย์พูดอย่างโกรธแค้นและมองมาทางคนตรงหน้าด้วยจิตสังขารที่น่ากลัว
“หึๆๆๆ ถึงอาสึยะจะปราณีให้ฉันแต่ยังไงฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว”ฮิโรโตะพูดก่อนจะแสยะยิ้มอย่างได้ใจ
“หึๆๆๆๆๆ”เกรย์ค่อย ๆ หัวเราะอย่างประชดประชันจนฮิโรโตะหงุดหงิด
“ขำไรของแก!”
“แกคิดว่าฉันเป็นใครงั้นหรอ”พูดเสร็จเขาก็ค่อย ๆ วางตัวอาสึยะลงแล้วลุกขึ้นมองฮิโรโตะอย่างเลือดเย็น
พลั่ก!
“อรั่ก!!”จู่ ๆ เสียงเพื่อนของเขาทั้งสองก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างทั้งสองก็กระเด็นไปชนกับกำแพงจนสลบไปก่อนจะมีร่างผู้หญิงผมสีน้ำเงินยาวเดินมาทางเกรย์อย่างเลือดเย็นซึ่งในมือของเธอถือปืนอยู่ข้างหนึ่งด้วย
“หึ”เขาหัวเราะหึอย่างเฉื่อยชาแล้วมองมาทางผู้มาใหม่
“เอาหล่ะ... เรนะ... ฉันฝากด้วย”
ปัง!!!
จู่ ๆ เรนะก็เดินมาทางฮิโรโตะแล้วยิงใส่หัวของฮิโรโตะอย่างจังจนฮิโรโตะช็อคพูดอะไรไม่ออกก่อนจะค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นพร้อมกับของเหลวสีแดงไหลออกมาส่วนเกรย์ก็มองอย่างสงสัยอย่างประหลาดใจ
“เธอ...”
“ขอโทษด้วยที่เขาก่อเรื่องไว้มากมาย”สิ้นเสียงเธอเพื่อนทั้งสองคนของเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเกรย์
“เรนะ...”ฮันดะค่อย ๆ เรียกชื่อเธออย่างประหม่า
“ไม่เจ็บใช่มะ... ”เธอถามก่อนจะยิ้มให้
“อะ... อืม”
“ฉันชักงงแล้วนะ!!! อธิบายมาดิ = =;;”แมกส์โวยวายอย่างโกรธเคือง
“โอเค... ฉันจะเล่าให้ตั้งแต่วันนั้นแล้วกัน”ทุกคนเงียบและตั้งใจฟัง
“วันนั้นเป็นวันที่ทอรัส... เพื่อนของพวกนายจะมาเก็บคิยามะ ฮิโรโตะ คนที่พึ่งตายไปเมื่อกี้ ตามความจริงที่ว่ากันนั้นไม่ใช่ทอรัสทำพลาดหรอก... เป็นเพราะมันเป็นแผนของคิยามะ ฮิโรโตะต่างหาก”
“แผนหรอ”>>>ฮันดะ
“ใช่... ความจริงแล้วทอรัสฆ่าคนอื่นแทน... แล้วคนนั้นก็คือ คิระ ฮิโรโตะ... เขาเป็น... แฟนฉัน”
“อะไรนะ!?”>>>แมกส์
“คิระ ฮิโรโตะเป็นลูกชายของตระกูลคิระ แต่คิยามะ ฮิโรโตะ นั้นเป็นบุตรบุญธรรมที่คนในตระกูลคิระรับมาเลี้ยง... ฉันก็ด้วย มันเป็นความบังเอิญที่ทั้งคิระและคิยามะหน้าตาคล้ายกัน วันนั้นคิยามะรู้ว่าทอรัสจะมาฆ่าเขาเขาจึงไว้วานให้คิระมาทำงานบริษัทแทน เขาเลยต้อง...”พูดเสร็จเรนะก็ค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาก่อนจะระงับมันอย่างขมขื่น
“ฉัน... เสียใจด้วย”ฮันดะพูดอย่างปลอบใจ
“หลังจากนั้นฉันจึงทำตามสิ่งที่คิยามะสั่งในฐานะเพื่อนและพี่สะใภ้ ถึงแม้มันจะผิด... แต่ฉันก็พยายามที่จะหยุดให้เขาทำแต่ก็ไม่สำเร็จ... จึงคิดหาช่วงเวลาที่เหาะสมจัดการเขา... และก็สำเร็จ ที่ผ่านมาฉันขอโทษด้วยนะ”ทุกคนได้แต่เงียบ... ไม่พูดอะไรสักพัก
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”ฮันดะถาม
“คงต้อง... ไปหาคิระแล้ว...”เรนะพูดก่อนจะเอาปืนขึ้นมาแล้วจ่อหัวตัวเอง
“ทำงั้นไม่ได้นะ!!! มันบาปนะเรนะ”ฮันดะเตือนเธอ
“งั้น... พวกนายฆ่าฉันให้หน่อยสิ”คำพูดของเรนะทำเอาฮันดะและแมกส์พูดไม่ออก
“จะให้... ฆ่าเธอเนี่ยนะ!!? ฉัน”
ปัง!!
จู่ ๆ เกรย์ที่เงียบไปนานมากก็เอาปืนยิงใส่หน้าอกของเรนะจนเธออึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มให้แล้วหลับตาลงพร้อมกับทรุดลงกับพื้นจมกับของเหลวสีแดงของตัวเอง
“ทำอะไรของนายน่ะ เกรย์!!?”ฮันดะหันมาถามอย่างตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
“ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่เธอคนนั้นขอร้อง...”
“…”
“ถ้าฉันฆ่าเธอสักเอง... เธอก็ไม่มีบาป ฉันก็แค่รับบาปของเธอมาเอง... และชดใช้มันก็พอ”พูดเสร็จเกรย์ก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วตั้งท่าจะกระโดดลงไป
“ฟุบุคิ... นายคงไม่คิดจะ... โดดลงไปใช่ไหม”แมกส์ถามอย่างฝืนยิ้ม
“หึ... ไม่ต้องห่วง... สักวันเราต้อง...”ก่อนที่จะพูดจบเกรย์ก็ค่อย ๆ กระโดดลงไปแล้ว...
“J'ai rencontré à nouveau.(เจอกันอีกครั้งหนึ่งนะ)”พูดภาษาฝรั่งเศสออกมาก่อนที่ฮันดะและแมกส์วิ่งไปหาก็พบว่าเกรย์นั้นได้หายไปจาก...
ตรงนั้นแล้ว
.
..
...
ตอนนี้พิธีฝั่งศพเพื่อนของเขาก็จะเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่กำลังจะยกฝาโรงมาปิดและฝั่งลงไปในหลุมแต่ว่า...
“เดี๋ยวก่อนคะ!!”ตอนนั้นเองก็มีผู้หญิงผมสีเขียวมัดกล้าวเจ้าของดวงตาสีดำเรียวผิวสีแทนในชุดโลลิต้าสีดำวิ่งมาพร้อมกับช่อดอกไม้เยอบีร่าสีขาวมาอย่างร้อนรนจนคนอื่น ๆ หันมามองอย่างประหลาดใจ
“มิโดริคาว่าจัง?”ฮันดะถามอย่างสงสัยก่อนจะมองออกไปก็พบว่ามิโดริคาว่านั้นมากับผู้ชายผมสีดำยาวมัดกล้าวเจ้าของดวงตาสีแดงส้มในชุดสูทสีดำเหมือนกัน
“รุ่นพี่ซากิ...”ฮันดะเอ่ยเบา ๆ
“มาทันใช่ไหม?”เขาถาม
“ครับ”หลังจากนั้นก็มองมิโดริคาว่ากำลังเอาดอกเยอบีร่าออกจากช่อดอกหนึ่งแล้วเอามาวางไว้มันมือของอาสึยะเพื่อนของเขาก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ปิดฝาโรงแล้วฝั่งเขาทันที
“เอ่อ... น้ารันน่ะคะ?”มอโดริคาว่าถามอย่างสงสัย
“คุณป้าหรอ... เขาบอกว่าทำใจไม่ได้ขอกลับบ้านไปก่อนน่ะ”แมกส์อธิบายให้มิโดริคาว่าฟัง
ตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่ได้ฝั่งเรียบร้อยแล้ว มิโดริคาว่าจึงเอาช่อดอกเยอบีร่ามาวางบนหลุมศพอย่างอ่อนโยน
“ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนมาเยี่ยมอาสึยะตอนนั้นแล้วหล่ะนะ มิโดริคาว่าจัง... ทำไมให้ดอกเยอบีร่ากับอาสึยะหล่ะ?”ฮันดะหันมาถามเจ้าตัวอย่างสงสัย
“(หัวเราะ)ก็ดอกเยอบีร่า... มันมีความหมายเหมือนกับอาสึยะคุงเขาน่ะ”
“เหมือนหรอ?”
“ใช่... ดอกเยอบีร่าแปลว่าไร้เดียงสา... เขาน่ะ... ไร้เดียงสาเหมือนตัวฉันไง... มักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ... ฉันยังแอบคิดเหมือนกันนะ... คนดี ๆ แบบอาสึยะคุงทำไมฉันถึงไม่ชอบเขา”คำพูดของมิโดริคาว่าทำให้ฮันดะเงียบอย่างขมขื่นก่อนหันมามองหลุมศพอย่างเศร้าใจ
ตอนนั้นเองก็มีรกสปอร์ตสีเงินขับมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะจอดข้างทางแล้วคนก็ลงมาจากรถสองคน
คนแรกเป็นผู้ชายผมสีน้ำตาลยกศกมัดกล้าวในชุดลำลองสีดำและใส่แว่นตาประหลาดสีฟ้าในมือถือถุงสีดำ
ส่วนคนที่สองเป็นผู้ชายผมสีเงินยาวปรกบ่ามีที่คาดปิดตาแบบโจรสลัดมาปิดที่ตาข้างขวาในชุดลำลองสีดำเหมือนกันและในมือถือช่อดอกลิลลี่มา
ทั้งสองก็เดินมาทางพวกฮันดะ พาฮันดะเงยหน้าหันมามองก็ตะลึงเล็กน้อยกับคนที่ปรากฏตัวมา
“คุณทอรัส?”ฮันดะเอ่ยเบา ๆ ก่อนที่คนอื่น ๆจะหันมามองคนตรงหน้า
“หวัดดีฮันดะ นี่ซาคุมะ จิโร่... เพื่อนของฉันเป็นนักข่าว”เขาแนะนำเพื่อนของเขาก่อนที่ซาคุมะจะอึ้งเล็กน้อยแล้วโค้งตัวตามธรรมเนียม
“คุณเป็นใครคะ?”มิโดริคาว่าถามอย่างสงสัย
“ผมเป็นเพื่อนของพี่ชายของเขาครับ”ทอรัสบอกก่อนยิ้มเจือน ๆ ให้ก่อนจะเอาของในถุงออกมาเป็นผ้าพันคอสีขาวทำจากไหมพรมแล้วเดินมาวางบนหลุมศพของอาสึยะ... มันคือผ้าพันคอของเกรย์ที่สู้ที่รัสเซียนั่นเอง
ตามด้วยคนข้างๆ เดินมาวางช่อดอกลิลลี่ต่อจากเขาแล้วลุกขึ้นพร้อมกันแล้วหันมามองพวกเขา
“คุณเป็นเพื่อนของอาสึยะหรอ?”ทอรัสถาม
“ค่ะ... มิโดริคาว่า ริวจิค่ะ คุณทอรัส”พูดเสร็จเธอก็ยื่นมือมาให้ทอรัสจับมือเป็นการทักทาย
“ไม่ต้องเรียกผมว่าทอรัสหรอก”ทอรัสพูดก่อนจะยื่นมือมาใกล้ ๆ มือของมิโดริคาว่า
“คิโด ยูโตะ... นี่คือชื่อของผม”สิ้นประโยคเขามิโดริคาว่าก็แอบอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจับมือกับทอรัส
“ค่ะ... คิโดคุง”หลังจากนั้นทั้งสองก็ปล่อยมืออกจากกัน
“แล้วเกรย์หล่ะ”เขาหันไปถามฮันดะและแมกส์ซึ่งทั้งสองก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าหดหู่ลง
“เขากระโดดหายไปแล้ว”สิ้นเสียงแมกส์ทอรัสก็ค่อย ๆ หันหลังกลับตั้งท่าจะเดินออกไป
“เดี๋ยวครับคุณทอรัส!”สิ้นเสียงแมกส์เขาก็หยุดเดินแล้วรอฟังจากแมกส์
“พวกเราจะได้เจอเกรย์อีกไหมครับ”เขาถามพร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างช้า ๆ ส่วนฮันดะก็ได้แต่มองอย่างเศร้าสร้อย มิโดริคาว่ากับโอซามุที่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันก็พบเดาได้ว่ากำลังหมายถึงใคร
“Un jour nous nous rencontrerons. Une fois de plus.(สักวันเราจะได้เจอกันอีกครั้ง)”จู่ ๆ ทอรัสพูดออกเป็นภาษาฝรั่งเศส สร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่น ๆ
“ถ้าเกรย์พูดแบบนั้น สักวันก็ต้องเจอแน่ จะช้าหรือเร็วยังไงก็เจอ”
“เพราะเกรย์มันเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตัวเอง”สิ้นเสียงทอรัสก็เดินออกไปก่อนที่ซาคุมะจะมองอึ้ง ๆ แล้วเดินตามทอรัสไป
พวกฮันดะก็ได้แต่มองทอรัสที่กำลังจะเดินจากไปอย่างอึ้ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาแล้วมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีดำของเมฆ แต่สำหรับฮันดะแล้วเขาเหมือนเจอแสงอาทิตย์ส่องแสงความหวังมาให้เขา ใช่... อย่างที่ทอรัสบอก... สักวันต้องได้เจอกัน เพราะนั่นคือ
เกรย์ ไอรอล เพื่อนผู้ไร้เดียงสาของพวกเขา
หลังจากนั้นทอรัสและซาคุมะก็เดินออกมาจากหลุมศพของอาสึยะแล้วตั้งท่าจะขึ้นรถสปอร์ตที่ตัวเองขับมา
“นี่ ทอรัส”ซาคุมะเอ่ยขึ้นทำให้ทอรัสหยุดเดิน
“นายดูไม่ค่อยเสียใจเท่าไรเลยนะ... น้องเพื่อนนายทั้งคนน่ะ”ซาคุมะถามอย่างสงสัยก่อนมองทอรัสอย่างจับผิด
“เสียใจหรอ?... ความรู้นั้น... มันตายจากฉันไปแล้วหล่ะ”ทอรัสพูดก่อนจะหัวเราะหึ ๆ แล้วเดินต่อปล่อยให้ซาคุมะยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ใช่เชื่อหรอก เขาคิด
เพราะเขารู้ดี... ว่าคนอย่างทอรัสน่ะ... มักไม่แสดงสีหน้าจากการทำสีหน้าแต่เป็นที่...
แววตาของเขาต่างหาก
ในบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งมีร่างผู้หญิงผมสีแดงซอนสั้นซึ่งมีผมขาวแซม ๆ ตามกาลเวลากำลังนั่งบนเก้าอี้กินข้าวกำลังร้องไห้อย่างเดศร้าโศกเสียใจและกำลังกอดรูปภาพเด็กผู้ชายผมสีชมพูไว้อย่างแน่น เหมือนกลัวภาพนี้จะหายไป น้ำตาค่อย ๆ ร่วงลงกับพื้นจนเริ่มเป็นแอ่งน้ำตาเล็ก ๆ ของเธอ
จู่ ๆ ก็ค่อย ๆ หัวเราะหึ ๆ ออกมาอย่างน่าประหลาดแล้วเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้น และ
เพล้ง!!!
เธอฟาดกรอบรูปนั้นกับพื้นจนเศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่วก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนเหมือนคนไร้สติ
“(หัวเราะ)เด็กคนนั้น...”เธอค้างไว้ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวโดยไม่สนใจว่ามีเศษแก้วจากกระจกได้บาดเท้าของเธอจนเลือดเริ่มไหลเป็นทาง แล้วหยิบส้อมและมีดทั้งหมดมาแล้วเอาถือปีดไว้ข้างหนึ่ง
“...เด็กคนนั้น... เป็นน้องชายของ Killer!!!”
ปึก!
สิ้นประโยคเธอเอามีดปักที่รูปเด็กผู้ชายผมสีชมพูอย่างไม่ยั้งมือก่อนจะหยิบเล่มต่อไปมาทันที
“หึๆๆๆ เด็กคนนั้นตายแล้ว...”
ปึก!
“ตายไปแล้ว”
ปึก!
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆ ดีแล้ว ดีแล้ว!! ฮะๆๆๆๆ”
ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก!
เธอเอามีดแทงทีละเล่ม ๆ ๆ ๆ ๆ จนบนภาพมีแต่มีดปักเต็มไปหมดก่อนจะหัวเราพย่างบ้าคลั่งแล้วฉีกหน้าตัวเองออกมา
ไม่สิ...
นั่นไม่ใช่หน้าของเธอตั้งแต่แรกแล้ว
พอเธอฉีกออกมาเผยให้เห็นเส้นผมสีดำยาวสลวยไร้ความแก่แบบหญิงสาวเมื่อกี้พร้อมกับค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับหยิบกระเป๋าเดินทางข้าง ๆ อย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูใส่รองเท้าให้เรียบร้อยแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยดวงตาสีฟ้ากลมโตสวยนั่น
“เอาหล่ะ... ต่อไปฉันจะแก้แค้นพวก Killerให้เจ็บแสบแบบที่...”
“พวกแกทำกับน้องชายสุดรักทั้งสองคนของฉัน!”
+ naru
จากผู้แต่ง :
สวัสดีค่ะ!!! ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วนะค่ะ อ๊ะๆๆๆๆ อย่าพึ่งถอดใจนะ เรายังมีตอนพิเศษมาเสริมอยู่ โดยคาดการณ์สัปดาห์หน้าได้เห็นแน่นอนค่ะ // สปอยสักนิดว่าตอนนี้จะโชว์ภาพวาดในเรื่องนี้ของผู้แต่งเอง คนที่เคยเห็นการวาดของผู้แต่งคงอยากดูและอยากอ่านเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนมาก ๆ ใช่ไหมค่ะ >< ก็อย่าลืมติดตามชมนะค่ะ เม้นเยอะ ๆ เชียร์เยอะ ๆ เพราะตอนนี้กำลังแต่งพล็อตเรื่องของคาเซะมารูได้หนึ่งตอนแล้ว และตอนนี้กำลังแต่งตอนที่สอง เอาใจช่วยเยอะ ๆ นะแฟน ๆ
P.s. ลืมบอกไป เรื่อง Innocent Killer จำนวนหน้าทั้งหมด 220 หน้าค่ะ
<<< กลับ Home page
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น