ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BBC]นายน้อยที่ไม่ใช่นายน้อย

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 0 : That butler, Impression (part 1)

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 58


    ตอนที่ 1 สายสัมพันธ์ของอาหารคาวหวาน


    กุ๊กกู...กุ๊กกู...


         เสียงนาฬิกาไม้เรือนขนาดกลางที่ถูกแกะสลักลวดลายด้วยช่างฝีมือดีแห่งสวิทเซอแลนด์ปลุกร่างเด็กหนุ่มชาวฮังการีให้ตื่นจากฝันหวานของนิทราที่มีอาจเป็นจริงได้
     
    เจ้าตัวเหยียดกายเบาๆเพื่อสลัดความง่วงของตนเอง ลุกจากเตียงนอนขนาดกลางพอดีตัวเดินตรงไปที่ห้องน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเผยร่างเด็กชายเมื่อครู่ในชุดเครื่องแบบพ่อครัวสีขาวสะอาดสะอ้านผิดกับผิวกายสีเข้มของตนเอง รอยยิ้มประจักษ์บนใบหน้าอย่างพอใจก่อนจะรีบย่างก้าวเดินออกจากห้องไปยังห้องครัวสุดหรูในคฤหาสน์หลังใหญ่ประจำตระกูล'บลูแพตเชียร์'ขุนนางเอกแห่งสหราชอาณาจักรยุควิกตรอเรีย



       'อูตอลเซ่ มาริน เดกูลาชซ่า' เริ่มนำเนื้อแกะที่หั่นได้รูปหมักในซอสสูตรเฉพาะแบบฮังการีก่อนหันมาจัดเตรียมกระทะและเครื่องปรุงเพิ่มเติมตามด้วยสลัดและเครื่องเคียงต่างๆ แม้ปรกติอาหารเช้าจำเป็นต้องเป็นอาหารที่ย่อยง่ายเหมาะกับกระเพาะในยามเช้า แต่สำหรับขุนนาง'เอ็ดเวิร์ท'อาหารเช้าของเขาต้องจัดหนักๆ มารินเริ่มล้างผัดสลัดด้วยน้ำในกะละมังที่มีรสชาติแห่งความเป็นฮังการีเล็กน้อยก่อนจะจัดผักสลัดใส่จานสีขาวสะอาดอย่างละเมียดละไม เขาผละออกเล็กน้อยมาสนใจเนื้อแกะที่เขาหมักไว้ต่อ


       มารินยื่นหน้าดมกลิ่นเล็กน้อยก่อนจะหยิบมาใส่กระทะร้อนๆที่ทาน้ำมันมะกอกไว้ให้เดือดแล้ว เสียงซู่ซ่าของเนื้อดิบดังไปไกลถึงหูของบรีดาสาวใช้ในคฤหาสน์ที่กำลังทพความสะอาดพื้นอยู่

    "เธอๆ คุณอูตอลเซ่เริ่มทำครัวแล้ว!"หนึ่งในบรรดาสาวใช้กระซิบกันอย่างตื่นเต้นพร้อมรีบเดินไปยังห้องครัวแอบมองพ่อครัวชาวฮังการีที่กำลังทำอาหารมื้อเช้าอยู่ทันที

    "โอ๊ย... ผู้ชายอะไรกัน ทำอาหารแล้วหล๊อหล่อ!"สาวคนหนึ่งเอ่ยเข้าขั้นถึงจะกรี๊ดลั่นออกมาเสียงเบาๆ

    "นี่ 15 จริงๆหรอเนี่ยเธอ"เสียงสาวอีกคนถามอย่างทนไม่ได้


    "ถึงเป็นคนผิวสีแต่รูปร่างหน้าตานี่เอาในดิฉันไปเลยเถอะ!"


       แม้เพียงเสียงกระซิบมารินก็จับใจความของบทสนทนาได้เป็นอย่างดี   ผู้หญิงนี่แอบน่ากลัวไม่มช่เล่นเลยแหะ... เขาคิดในใจ

    "อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน"เขาเอ่ยทักทายอย่างสุภาพขณะที่ตนกำลังอบมันฝรั่งในเตากับขนมปังพลางพลิกเนื้อแกะบนกระทะกลับอีกด้านเผยให้เห็นเนื้อสุกสีน้ำตาลอ่อนๆเกือบเข้ม ยิ่งได้กลิ่นไม่ต้องพูดถึงรสชาติเลยว่าจะอร่อยขนาดไหน
     


    "ว้าย!?! สะ...สวัสดีคะคุณอู...ตอลเซ่"เหล่าสาวๆต่างพากันสะดุ้งกับการทักทายของพ่อครัวผิวสีก่อนค่อยๆเอ่ยกลับอย่างเขินอาย

    "รบกวนจัดโต๊ะอาหารให้ท่านเอ็ดเวิร์ทหน่อยนะครับ อาหารเช้าใกล้เสร็จแล้ว"มารินเอ่ยกับบรรดาสาวใช้อีกครั้งห่อนจะหยิบถาดที่อบขนมปังและมันฝรั่งออกมา เลือกหยิบขนมปังแล้วอบมันฝรั่งต่ออย่างรวดเร็ว เขาวางลงเขียงยาว เริ่มบรรจงหั่นขนมปังออกเผยเนื้อขนมปังขาวนุ่มชวนลิ้มลอง,ที่ทาเนยที่อยู่ข้างมือถูกหยิบมาปาดเนย Fresh Cheese (เนยจำพวก.Feta, Cream cheese เป็นต้น)เบาบางก่อนโรยด้วยต้นหอมจัดวางลงจานขนาดเล็กก่อนส่งให้สาวใช้ผมทองไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารพร้อมชุดไวน์ขาว





    "ส่งชุดแรกให้ท่านทานก่อนนะ"หนุ่มน้อยขยิบตาให้คนตรงหน้า.เอี้ยวตัวมาสนใจเนื้อแกะต่อ ถ้าไม่นับว่ามีของบนมือ สาวน้อยคนนี้คงได้หงายล้มลงไปเพราะความหล่อของเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นแน่ เมื่อส่งชุดแรกให้ มารินก็มาจัดการมะเขือเทศที่แช่ในกะละมังสเตเลท ล้างให้เรียบร้อยก่อนจะนำมาหั่นให้ได้รูปสวย ตามด้วยจัดวางลงบนผักสลัดอย่างประณีต โรยด้วยเบคอนกรอบแผ่นเล็กและราดน้ำสลัดแบบเปรี้ยวตบท้าย


    "อันนี้ชุดสองครับคุณมิเอร่า"เขาส่งเซทสองให้สาวใช้อีกคนอย่างรวดเร็วเพื่อมาจัดการมันฝรั่งอบใส่เครื่องปรุงและวางลงจานหลักตามด้วยนำเนื้อแกะร้อนๆมาจัดลงจานก่อนจะเสร็จด้วยการราดน้ำซอสของสเต็กแกะ โรยพริกไทยเล็กน้อยเป็นอันจบเมนูสำหรับมื้อเช้า


    "เรียบร้อยครับ ฝากต่อที่เหลือนะครับคุณโอพีเรีย ผมจะกลับมาอีกตอนบ่ายสามครึ่งครับ"เขาเอ่ยสุภาพก่อนถอดหมวกชุดพ่อครัวกับผ้ากันเปื้อนเผยชุดอันแสนธรรมดาดั่งคนสามัญชนทั่วไปเตรียมออกไปข้างนอกทันที 



    ที่เขาไม่ทำขนมหวานเพราะทำไม่เป็นนอกจากเยลลี่รสผลไม้






    "ไง.ลูซิเฟอร์"มารินเดินออกมายังโรงเก็บม้าเรียกหาคู่หูคู่ใจ ม้าพันธุ์สีน้ำตาลตัวใหญ่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เขา 10 ปีได้
    เด็กชายลูบหัวมันอย่างเบามือก่อนจะขึ้นไปขี่ควบมันเข้าสู่ตัวเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร สถานทีาที่เขาเดินทางมาอาศัยอยู่เพื่อทำภารกิจที่พ่อของเขาได้ฝากฝังไว้




       "อ้าว~พ่อครัวของเรามาแล้วโว้ย~"เสียงทุ้มเอ่ยทันทีที่ร่างของมารินปรากฏตัวใรร้านคาตาเฟ่ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ๆกลจากคฤหาสน์บลูแพตเชียร์มากนัก แม้จะได้เป็นพ่อครัวประจำตระกูลขุนนางใหญ่โต แต่สำหรับมารินงานแค่นี้ไม่ทำให้เพียงพอกับประสบการณ์การดำรงชีวิต การออกมารีบจ็อบเป็นผู้ช่วยพ่อครัวเพิ่มเติม เงินน้อยแต่มากด้วยประสบการณ์

    "สวัสดีครับ คุณอีวาน"เขาเอ่ยทักทาย 'อีวาน เจมส์'เจ้าของร้านอาหารคาตาเฟ่อย่างสุภาพและนอบน้อม

    "มาเลยๆ พ่อครัวแบซัสคิดถึงผู้ช่วยผมสลวยของนายน่ะ"
     
    "หุบปากไปเลย!!! ไอ้ปากหมาอีวาน!!"เสียงแหบว้ากดังมาจากห้องครัวอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับตะหลิวพุ่งใส่หัวอีวานอย่างจังจนเขาเซล้มลงกับพื้นดังโครม มารินจึงรีบไปช่วยพยุงชายวัยสามสิบต้นๆผมสีบลอนซอยสั้นขึ้รมาให้เบามือที่สุก"ไม่เป็นไรนะครับคุณอีวาน?"

    "อูย... ได้ตะหลิวเป็นคำตอบเรียกแทนนี่ ถือว่าเบาะๆแล้ว อูตอลเซ่"อีวานเอ่ยอย่างขบขัน

    "มีอารมณ์มาขันอีกนะ ไปดูแลลูกค้าตัวเองสิ ไอ้คุณเจ้าของร้าน!!"เสียงแหบดังอีกครั้งก่อนจะเรียกตัวเขาเข้สห้องครัวของร้าน

    "อูตอลเซ่!ช่วยเข้ามาทีสิ!! คนสั่งเมนูแซนวิทไส้แฮมฮังการีของนายเยอะมาก! ฉันทำไม่ทันโว้ย!!"

    "ครับๆคุณแบซัส"




       ร้านคาตาเฟ่ไม่ใช่ร้านใหญ่โตอะไรมาก ทำจากอิฐโทนน้ำตาลแดง ต้นไม้ประดับพุ่มเหลี่ยมสีดาร์กกรีน หลังคากระเบื้องสวยเรียบง่ายสีขาวอ่อนออกแทนครีม ยิ่งมีหน้าต่างขนาดกลางโปร่งใสให้เห็นภายในร้านที่จัดที่นั่งราวๆแปดชุดกับภายนอกอีกสี่ชุด โดยมีร่มสีครีมออกชมพูช่วยกันสภาพภูมิอากาศแปรปวนในประเทศนี้ได้พอควร ชุดที่นั่งมีโต๊ะไม้ที่ลายไม่ได้ชัดนักแต่ก็สงยด้วยสีเนื้อไม้ธรรมชาติกับเก้าอี้เข้าชุด 2 ตัวประดับด้วยดอกฟอน์เก็ทมีนอทใส่กระถางสีขาวเป็นอย่างสุดท้าย
    ทุกที่เต็มไปด้วยผู้คนไม่ว่าผู้ใหญ่ เด็ก วัยรุ่น ชาย หญิง นั่งด้วยท่าทีสุขสันต์อารมณ์ดี บางโต๊ะมีชุดอาหาร บางโต๊ะมีเพียงชุดน้ำชาเล็กๆเป็นออเดิร์บ กลิ่นอาหาร กลิ่นชา และกลิ่นดอกไม้ฟุ้งไปทั่วร้านชวนให้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศในร้าน


    "แซนวิทแฮมฮังการีมาแล้วค่า~"

    "ขอบใจมากโอโรลาย"ลูกค้าเอ่ยกับบริกรสาวผมแดงสดสวยภายใต้ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปวาดศิลปินลีโอดาร์โด ดาวินชี่ ไม่ว่าผิวสีแทนกำลังดี ดวงตาสีฟ้าเทางดงามเหมือนกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย"ลูกค้าโต๊ะ 13 รับไรดีคะ?"

    "แซนวิทแฮมฮังการี 2 ชุดครับ

    "คะ 2 ชุดนะคะ"

    "เอ่อ..รบกวนถามอะไรนิดหนึ่งนะครับ"โอโรลายเลิกตามองอย่างสงสัย"คะ? คุณลูกค้า"

    "ใครเป็นคนทำเมนูนี้ครับ? มันอร่อยมากๆเลย เคยลองทำที่บ้านก็ไม่อร่อยขนาดนี้"


    "อ๋อ... คนทำคือผู้ช่วยพ่อครัวของทางร้านนะคะ




    คุณอูตอลเซ่นะคะ"





    "โอย....เหนื่อยค่า เหรื่อยค่า!!"เสียงมาดเท่ห์จากสาวบริกรผมสีดำซอยสั้นบ่นพลางเดินมานั่งพิงโต๊ะอย่างเหนื่อยล้า

    "ไม่เอาน่า เซร่า ทนๆหน่อย นี่ก็ปิดร้านแล้วสบายใจได้เลยนะคะ"โอโรลายเอ่ยปรามอย่สงนุ่มนิ่มก่อนจะเดินมาควงแขนมารินที่กำลังเช็คเงินที่ตัวเองได้รับอย่างแนบเนียน"วันนี้นายโดนพูดถึงตั้ง 10 ครั้งแน่ะ คิกๆ"

    "โอย... หมอนี่มันมือจวักตัวพ่อนะเซร่า ไม่ถามหาได้ไง"

    "ไงสาวๆ ซุบซิบอะไรน้า~"คราวนี้เสียงทุ้มของอีวานดังขึ้นแทรกบทสนทนาของสองสาวหนึ่งหนุ่มอย่างรวดเร็วก่อนที่ตัวเขาจะแจกสโคนให้คนละอันตามปกติที่ทำ

    "แค่แซวความเนื้อหอมของมืออูตอลเซ่เองค่าเจ้านาย"เซร่าเ่ยเหน็บผู้เป็นนายอย่างไม่แยแส

    "แล้วคุณแบซัสน่ะคะ ? คุณอีวาน"

    "บ่นอะไรถึงฉัน?"ไม่ทันขาดคำร่างชายฉกรรจ์วัยเกือบสี่สิบรูปร่างดูดีแม้หน้าตาออกแนวคนโฉดไว้เคราเล็กน้อยกับผมยุ่งๆสีเปลือกไม้ แต่ภาพรวมของคนตรงหน้าถือว่าใช้ได้ระดับหนึ่งสำหรับคนย่างวัยสี่สิบอย่างเขา

    "แค่ถามหาพ่อครัวสุดเถื่อนประจำร้านนิดหน่อย"เซร่าตอบกลับหยอกล้อกับคนที่อายุต่างกันถึง20ปีได้หน้าตาเฉย

    "หัดสำรวมบ้าง เซร่า"เขาเตือนอย่างหงุดหงิดก่อนกระดกแอลกอฮอล์ไปแก้วเล็กๆ

    "นายก็เลิกกินสักที มันไม่ดีต่อสุขภาพนายก็รู้"อีวานเตือน

    "เอ่อๆ!"แน่นอนพ่อครัวขี้หงุดหงิดตะหวาดใส่ทันที

    "อูตอลเซ่เสร็จงานนี้จะกลับคฤหาสน์ของท่านขุนนางเลยหรอ?"โอโรลายถามมารินหลังจากเห็นเจ้าตัวเก็บข้าวของเตรียมออกไปเรียกให้คนอื่นๆหันมาสนใจหนุ่มผิวสีทันที"ครับ ว่าจะกลับไผเตรียมอาหารเย็นรับช่วงต่อจากคุณโอพีเรียน่ะครับ"


    "นายนี่คิดดีแล่วหรอ ทำงานให้เจ้าขุยนางนั่นน่ะ?"เป็นครั้งแรกที่อีวานพูดเรืาองนี่ตั้งแต่มารินเข้ามาทำงานได้เดือนหนึ่งแน่นอน เขาอดสนใจสิ่งที่อีวานทักไม่ได้"ท่านเอ็ดเวิร์ททำไมหรอครับ?"

    "ไร้สาระจริงๆ มันก็แค่ข่าวลือบ้าบอ กลับบ้านไปดูแลเมียไป!"ยังไม่ทันที่อีวานจะตอบ แบซัสก็ขัดขึ้นมาพร้อมเดินตบกะบาลเพื่อนซี้แล้วออกจากร้านทันทีๆม่รอให้คำด่าไล่หลังเขา"ไอ้...."
     
    "โธ่!รอหน่อยไม่ได้หรือไง ป๋านี่!"เซร่าบ่นมองพ่อครัวเถื่อนที่เป็นพ่อตนเอง รีบย่างก้าวตามไปติดๆโดยไม่ลืมโบกลาให้บุคคลที่เหลือในร้านยามบ่ายสาม ณ ตอนนี้


    แบซัสกับเซร่าเป็นพ่อลูกในสายเลือดแต่ก็ทำตัวเหมือนกับจะสนิทเกินไปหน่อยในสายตาของเด็กชายที่อายุน้อยสุดในร้านอย่างมาริน

    "พ่อลูกเหมือนกันเด๊ะ"อีวานแซวอย่างอดไม่ได้

    "ว่าแต่ข่าวลือนั่น... คืออะไรครับ?"เขาไม่รีรอถามทันทีเพราะเกรงว่าจะไปสาย แล้วรบกวนคุณโอพีเดียเสียเปล่าๆ"อ๋อ ก็นะ"
     
    อีวานเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมเริ่มกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพีงแค่สามคน


    "เอ็ดเวิร์ท บลูแพตเชียร์ ว่ากันว่าเป็นคนสนับสนุนพวกอนุธิปไตยน่ะ ทำให้พวกคนในหมู่บ้านไม่ค่อยพอใจโดยเฉพาะกับพันตรี เรดชาร์แห่งกองปราบปรามเพราะพวกนั้นได้ก่อจลาจลขึ้นจนเสียลูกสาวไป"
     
    ดวงตาสีแซฟไฟท์บลูเริ่มสั่นคลอนเมื่อพูดถึงอนุธิปไตย ภาพเปลวเพลิงที่กระหน่ำปราสาทหลังหนึ่งเขายังจำได้ไม่มีวันลืม มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของเขาสลายทุกครั้งที่นึกถึง แต่ก็ร้องไห้เสียใจออกมาไม่ได้เพราะเขสไม่มีน้ำตาให้หลั่งอีกแล้ว แต่เพราะเป็นแค่ข่างลือมารินจึงไม่ค่อยเชื่อเสียเท่าไร คนอย่างเอ็ดเวิร์ทไม่มีทางเป็นคนแบบนั้นแน่นอน

    "เอาเถอะ ว่าแล้วขอกลับก่อนหล่ะ เด็กน้อยฮังการี"เมื่อเล่านินทาคนเหนือหัวเสร็จ อีวานเดินออกจาดร้านจนเหลือแค่หนุ่มผิวสีกับสาวผมแดงเท่านั้น


    "อา... งั้นผมเองก็ขอ..."

    "เดี๋ยวคะ คุณอูตอลเซ่"จู่ๆโอโรลายก็รั้งเขาไว้จนตัวมารินเริ่มสงสัยอีกครั้ง




    "ระวังตัวนะคะ"

    "ระวังตัว?"มารินถึงกับเลิกคิ้วทันทีที่ได้ยิน

    "คือ...สามสี่วันมานี้ ฉันเห็นมีคนแอบมองอูตอลเซ่ตลอดเลย"แอบมอง? มารินถึงกับเสียวสันหลังขึ้นมา

    "คือ..ฉันคิดว่าไม่ได้ตาฝาดคะ สังเกตมาจนแน่ใจแล้วเลยมาบอกน่ะค่ะ"ยิ่งโอโรลายพูดขนาดนี้ เขาแน่ใจแน่นอนว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ ไม่ใช่เขาไม่สังเกต เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่าเหมือนมีคนแแบตามมาได้เกือลสัปดาห์แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรจนได้ฟังเรื่องข่าวลือของอีวานเมื่อครู่"คุณอูตอลเซ่ระวังตัวด้วยนะคะ"


    "ครับ"เขาพยักหน้ารับทราบก่อนจะลาสาวผมแดงไปหลังร้านหาคู่หูแล้วควบกลับปราวาททันที





    เขารู้สึกหวั่นในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย


    **ว่างๆจะเอาภาพประกอบนะครับบบฟฟฟฟ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×