KISSMARK รักนี้ฉันจอง - KISSMARK รักนี้ฉันจอง นิยาย KISSMARK รักนี้ฉันจอง : Dek-D.com - Writer

    KISSMARK รักนี้ฉันจอง

    เรื่องราวความรักง่ายๆตามประสาวัยรุ่น มาลุ้นไปกับพวกเขากันเถอะ >

    ผู้เข้าชมรวม

    107

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    107

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 เม.ย. 57 / 18:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่า~ ^ ^
    คือเราเองก็เพิ่งจะแต่งเรื่องสั้นเป็นครั้งแรก(เรื่องยาวก็ยังไม่เคยแต่งสำเร็จด้วย T^T)
    ก็อยากลองเขียนเรื่องสั้นแนวโรแมนติกนิดๆดู จริงๆก็ไม่ค่อยถนัดหรอกค่ะ ^ ^'' (ไม่ถนัดซักแนว Y_Y)
    แต่ด้วยความอยาก เราก็เขียนออกมาจนได้!!!!!!!!!!!!!!!!
    ใครได้อ่านก็ลองเม้นท์ดูนะคะ เราจะได้ลองไปปรับแก้ไขดู วิจารณ์ยังไงก็ได้ค่ะ เราเองก็อยากรู้ว่าฝีมือเราเนี่ยมันดีหรือแย่แค่ไหน (แต่คิดว่าน่าจะแย่อ่ะนะ - -")
    สุดท้าย คือเรื่องมันเกี่ยวกับวาเลนไทน์อ่ะค่ะ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองอารมณ์ไหน ถึงมาแต่งหลังวาเลนไทน์ตั้ง 2 เดือน!!!
    วาเลนไทน์เลยกลายเป็นสงกรานต์ไปแล้ว...
    ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูนะคะ เราจะพยายามให้มากขึ้น มากขึ้น จะได้แต่งเรื่องได้ไม่อายใคร หุหุ > <
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
        วันวาเลนไทน์...
        วันแห่งความรัก...
        คนหลายคนได้สุขสมหวัง...
        หลายคนต้องพบกับความเจ็บปวด...
        ฉันควรจะพูดไปหรือไม่...
        ถ้าฉันได้บอกเธอไป...
        เขาช่างโด่งดัง...
        
      เธอแสนจะลึกลับ...
      "รักจะชื่นมื่นหรือจะพังทลายไม่มีชิ้นดีกันนะ..."

       
      "คิส!"
        เสียงเรียกของเพื่อนรักอย่างแซนด์ทำเอาฉันสะดุ้ง
        "เหม่ออีกแล้ว" แซนด์ส่ายหน้าใส่ฉัน "วาเลนไทน์เชียวนะ! ไม่เอาน่า เธอเป็นแบบนี้ทุกปี นี่ก็อยู่ปีสามแล้วนะ"
        ฉันได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป โทษแซนด์ไม่ได้ ทุกวาเลนไทน์ฉันจะมีอาการเหม่อเสมอ
        สายตาฉันกลับไปจดจ้องที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาสูง หุ่งล่ำสัน ผมซอยระบ่าแบบนักร้องเกาหลี ใบหน้าขาวดูสดใส รอยยิ้มนั้นเจิดจ้า เขาหล่อเหลาคมคาย ในอ้อมแขนเต็มไปด้วยช่อกุหลาบกับกล่องช็อคโกแลต สาวๆมากหน้าหลายตารุมล้อมเขาเต็มไปหมด
        "พี่มาร์ก..." ชื่อของเขาถูกเปล่งออกมาแผ่วเบาจากริมฝีปากของฉัน มาร์ก หนุ่มปีสี่สุดหล่อ เดือนของมหา'ลัย นักกีฬาบาส,ฟุตบอลและเทนนิสขวัญใจสาวๆ หนุ่มที่ฉันหลงรักตั้งแต่ผันตัวเองมาเป็นนักศึกษามหา'ลัย แต่เขาช่างห่างไกล ไม่จำเป็นต้องเป็นวาเลนไทน์หรอก วันไหนๆก็มีเด็กสาวมาสารภาพรักเขาอยู่ไม่ได้ขาด แล้วอย่างฉัน...นักศึกษาเกรดเฉลี่ย 4.00 คนที่ทุกคนมองว่าเป็นเด็กเนิร์ดสุดเฉิ่ม...จะไปหวังอะไรได้
        ฉันจึงทำได้เพียงเฝ้ามอง ได้แอบรักก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
        "เธอควรจะสารภาพนะคิส" แซนด์แนะอย่างเคร่งขรึม "ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีวันรู้ อย่างฉันเอง ถ้าวิชไม่ได้มาสารภาพรัก ฉันก็คงไม่มีวันรู้ว่าใจเราตรงกัน"
        ฉันถอนใจ วิชเป็นแฟนของแซนด์ เป็นคู่ที่น่ารัก คู่รักคู่อร่อยต้องแซนด์-วิช เพื่อนมักจะล้อกัน "มันต่างกันนะ วิชไม่ได้เป็นเดือนอย่างมาร์ก และวิชก็อยู่ปีสามไม่ใช่ปีสี่"
        "ถึงยังไงเธอก็ควรจะบอก" แซนด์ยืนยัน "พนันได้เลยว่าเขาไม่มีทางรู้ถ้าเธอไม่พูด"


        แขนผมล้าเหมือนทุกครั้ง พลังความคลั่งไคล้ของเด็กสาววัยรุ่นช่างน่ากลัวจริงๆ
        "เยอะกว่าปีก่อนอีกมั้งเนี่ย" เนม เพื่อนของผมแซว
        "พูดตรงๆนะ ไม่เห็นอยากได้เลยสักนิด" ผมว่าพลางโยนกองภูเขาของดอกไม้และช็อคโกแลตลงบนโต๊ะ
        "เป็นเดือนของมหา'ลัยก็ต้องทำใจล่ะนะมาร์ก" เนมเอ่ยอย่างเห็นใจ
        ผมถอนใจ "อยากได้ของจากใครบางคนเหลือเกิน แต่ไม่เคยได้รับโอกาสนั้นสักครั้ง"
        ผมแอบเหล่โต๊ะของนักศึกษาหญิงปีสามและเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ผมหยิกยาวเป็นลอนน้อยๆสีดำขลับสยายทั่วแผ่นหลัง ใบหน้าไร้เดียงสาแทบไร้การแต่งแต้มใดๆนอกจากทาแป้งพองาม ดวงตาสีน้ำตาลสุกใส เธอนั่งอ่านหนังสือเหมือนเช่นเคย สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่เป็นเสมอเมื่อสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียน
        "เหล่รุ่นน้องอีกครั้ง" เนมค่อนขอด
        "หุบปากแล้วไปหานิกซะ" ผมว่า นิกเป็นแฟนเนม ชื่อคล้องกันดีจริงนะ นิก-เนม พอๆกับคู่รักหวานแหววปีสามแซนด์-วิชเลย
        "คิสก็น่ารักดีออก" เนมออกความเห็นถึงรุ่นน้องคนนั้น "เธอสวยกว่าดาวมหา'ลัยตั้งเยอะ"
        แน่นอนว่าผมเห็นด้วย จริงๆแล้วคิสเคยลงประกวดดาวด้วยซ้ำ แต่รอบสุดท้ายเธอกลับถอนตัวไปเสียเฉยๆ ไม่งั้นตำแหน่งนั้นก็เป็นของเธอไปแล้ว
        อีกอย่าง เธอเป็นเด็กตั้งใจเรียน เล่นกีฬาก็ดี ทั้งยังเรียบร้อยน่ารัก ไม่เหมือนพวกสาวๆที่ผมเจอ พวกนั้นเอาแต่วีดว้าย วันๆก็นั่งเม้าท์มอยแต่งหน้าทาปาก สู้คิสไม่ได้สักคน
        "เมื่อไหร่นายจะสารภาพรักกับเธอล่ะมาร์ก" เนมถาม "ก็หลายปีแล้วนะ"
        ผมส่ายหน้า "ฉันกลัวเธอจะปฏิเสธน่ะสิ เธอเป็นเด็กรักเรียนจะตาย ที่สำคัญ ฉันกลัวทำเธอเสียการเรียนด้วย"
        "ก็กังวลมากไปนะนั่น" เพื่อนผมหัวเราะ "เอาเหอะ แต่รีบหน่อยละกัน วาเลนไทน์ไม่ได้มีทุกวันนะเพื่อน"

       
      แซนด์ขอให้ฉันโดดเรียนเป็นเพื่อนเธอ ซึ่งฉันก็จำใจยอม หายไปหนเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง
        "เฮ้! แซนด์ คิส" เด็กหนุ่มหน้าเรียว ตาตี่เฉียงเล็กน้อย ผมสีดำรองทรงร้องทัก เขาคือวิช แฟนของแซนด์นั่นเอง
        "วิช!" แซนด์ร้อง ถลาเข้าไปหาแฟนหนุ่ม ผู้ซึ่งอ้าแขนรับเธอไว้พอดิบพอดี
        ฉันยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ใจประหวัดไปถึงใครอีกคนนึง... แต่ก็เป็นเพียงฝันโง่ๆ
        ฉันปล่อยให้ทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัวแล้วเสไปยังตู้ล็อกเกอร์ของตร ตั้งใจจะเอาสมุดเล็กเชอร์มาทบทวน ทันทีที่ประตูตุูเปิดออก กระดาษใบหนึ่งก็ปลิวออกมา ฉันจ้องด้วยความประหลาดใจ มันดูเหมือนโพสต์อิททั่วไป แต่มีข้อความเขียนถึงฉัน
        'ถึงคิส
        พบกันใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกแล็บ เวลา 5 โมงเย็น ฉันจะรอ...'

        ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกแล็ก... ฉันรู้จักที่นั่นดี สถานที่อันเลื่องชื่อที่นักศึกษานิยมสารภาพรักกัน
        ฉันชั่งใจ แถวนั้นไม่อันตราย นักศึกษาก็เยอะ แต่ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ฉันจะไปดีไหมนะ...
        ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก...
        ทุกนาทีมีค่าเสมอ...
        ฉันตัดสินใจแล้ว

        "ไหนๆวันนี้ก็ว่างทั้งวัน" เนมเริ่มเอ่ยปาก "ไปเล่นบาวกันเหอะ"

        "ฉันรู้ทันนายหรอกน่า" ผมพูดเบื่อๆ "นิกคงรออยู่แถวนั้นล่ะสิ จะไปก็ไปไป๊ รออะไรอยู่ล่ะ"
        "ยืมลูกบาสหน่อย ขี้เกียจไปขอลุงภารโรง"
        ผมยืนขึ้นบิดขี้เกียจ ถลึงตาใส่เจ้าเพื่อนตัวดี "ห้ามทำหายล่ะ เข้าใจ๋!!!"
        ผมเดินออกมา ตรงไปยังตู้ล็อกเกอร์ ข้าวของผมไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์กีฬา พอผมคว้าลูกบาสออกมาและเตรียมจะปิดตู้ถึงเพิ่งสังเกตเห็น ใครก็ไม่รู้เอาโพสต์อิทสีชมพูมาแปะไว้ในล็อกเกอร์ของผม
        'ถึงมาร์ก
        พบกันใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกแล็บ เวลา 5 โมงเย็น อย่าช้าล่ะ...'

        ผมจ้องมันเขม็ง ให้ตายเถอะ จดหมายสารภาพรักอีกแล้วเรอะ! ผมได้มาเยอะแล้วนะ แต่ถ้อยคำท้ายๆสะกิดใจผม
        อย่าช้าล่ะ... สาวๆไม่ใช้คำแบบนั้นกันนี่นา นี่มันชักจะยังไงๆแล้วสิ
        ผมคงต้องลองไปดู

       
      เวลาช่างทอดตัวเนิ่นนาน ฉันเฝ้ารออย่างกระสับกระส่าย
        ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก...
        อีก 5 นาทีจะ 5 โมงแล้ว ฉันคงต้องไปดูแล้วสินะ
        ฉันบอกแซนด์กับวิชว่าจะไปห้องสมุด สองนั้นแค่ส่ายหน้าและพึมพำอะไรประมาณว่า 'วาเลนไทน์แท้ๆ' แล้วปล่อยฉันมา
        ฉันเดิน เดินและเดิน ใครกันนะที่เฝ้ารออยู่ ณ สถานที่นัดพบ ฉันแค่อยากรู้ ไม่น่ามีคนมาสนใจเด็กเนิร์ดอย่างฉันนี่นา
        อีก 200 เมตร...100 เมตร...100 ก้าว...10 ก้าว
        ฉันหยุดกึก เป็นไปไม่ได้! ไม่น่าใช่เขา...
        "พี่มาร์ก"

       
      ผมจำวงหน้าใสนั้นได้ทันที ไม่มีใครอื่นแล้วที่สวยได้อย่างเธอ
        ดวงตาสุกใสของเธอเบิกกว้าง ชื่อของผมถูกเปล่งออกมาเบาๆลอดริมฝีปากได้รู้นั้น ท่าทางของเธอตื่นตกใจ ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
        "คิส!"

       
      คิสกับมาร์กยืนประจันหน้ากัน ต่างคนต่างเก้อกระดาก
        "จดหมายนั่น..." คิสอึกอัก "ของพี่เหรอคะ"
        "ไม่ใช่จากเธอเหรอ" มาร์กย้อนอย่างประหลาดใจ
        ทั้งสองจ้องหน้ากัน สงสัยแบบเดียวกัน ถ้างั้นจดหมายมาจากใคร
        แต่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ วันแห่งความรักกำลังจะหมดลง
        นี่เป็นโอกาส...
        อาจมีเพียงครั้งเดียว...
        เธออยู่ตรงหน้าแล้ว...
        เขาคงไม่ไปไหน...
        เวลากำลังจะหมด...
        ถ้าไม่บอกคงไม่ได้บอกอีกเลย...
        "ฉันชอบเธอ/ฉันชอบพี่ค่ะ"
        ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน
        คิสหูอื้อตาลาย ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะโชคดีชนาดนี้ แซนด์พูดถูก เธอน่าจะบอกเขามาตั้งนานแล้ว
        มาร์กหัวเราะร่า ตรงเข้าไปอุ้มร่างเด็กสาวหมุนไปมา คิสอุทานอย่างตกใจ แต่เขากอดเธอแนบแน่น ลมหายใจรดกระหม่อมเธอ
        "ฉันดีใจเหลือเกิน" เขากระซิบข้างหู
        "ไม่อยากเชื่อเลย นี่คือความจริงเหรอคะ" เธอกระซิบตอบพลางเอนตัวซบอกเขา
        "จริงสิ" มาร์กว่าพลางไล้ริมฝีปากข้างหูเธอ "คิสมาร์ก...ต่อจากนี้ไปเธอกับฉันจะเป็นของกันและกัน"
        "ตลอดไป" คิสว่า
        มาร์กประกบริมฝีปากจูบเธอ...

        "สมหวังซะทีนะคู่นี้" เสียงห้ายที่แอบดูอยู่พูดขึ้น
        "ใช่" คราวนี้เป็นเสียงผู้หญิง "โชคดีนะเนี่ยที่เราสองคนเป็นญาติกัน"

        เนมยิ้มยิงฟัน "แน่นอนน้องสาว เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว"
        "ไม่บอกก็รู้" แซนด์เชิดหน้าขำๆ ทั้งสองคนหัวเราะ
        "คิสมาร์ก" เนมว่า "พวกเธอเป็นรอยรักของกันและกัน"
        "รอยประทับนี้จะตราตรึง" แซนด์พยักหน้า "ไม่มีใครจะมาแยกพวกเขาได้ ตลอดไป"

      ..................จบ.....................
      ปล.ผู้อ่านอย่าเข้าใจผิดน้าว่าเค้าแต่งฟิคให้ mark got7 เค้าแค่คิดว่าคำว่า kissmark มันเพราะดีอ่ะ
      #แฟนคลับ mark อย่าตบเค้าเลยนะ T T

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×