ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยังเป็นเพียงตัวประกอบ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 ll บางอย่างที่ละเอียดอ่อน rewrite

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.8K
      736
      24 ก.ค. 62

                 
    เทรย์เวอร์ พาร์ค

    ในวันนั้นหลังจากที่ผมวิ่งหนีไปสักพักจนเกือบจนพ้นเขตป่าเข้าสู่ตัวหมู่บ้านก็มีอสูรตัวหนึ่งตามผมซึ่งตัวผมก็จัดการมันได้อย่างไม่ยากเย็นแต่หัวหัวใจของผมนั้นกลับเต้นระงมด้วยความหวาดกลัวเพราะตัวผมพวกมันยังตามทันดังนั้นไม่มีทางที่พวกมันจะตามท่านพี่ไม่ทัน

    ผมเข้าไปขอความช่วยเหลือจากทหารประจำหมู่บ้านแล้วใช้อุปกรณ์สื่อสารติดต้อไปที่ปราสาทเพื่อขอความช่วยเหลือแล้วออกตามหาท่านพี่และอับบาสกับทหารที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านใช้เวลาผ่านไปชั่วโมงหนึ่งผมก็พบอับบาสนอนหมดสติอยู่ริมต้นไม้ข้างๆซากของอสูรที่ถูกสังหารไปแล้ว ผมขอให้นายทหารคนหนึ่งพาอับบาสกับไปพักที่หมู่บ้านแล้วออกตามหาพี่หญิงต่อ

    ผมเลือกจะเดินไปทางทิศตะวันตกเพราะมันเป็นทิศทางที่พี่หญิงวิ่งแยกทางไปแต่ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วท่านพี่ไม่ได้วิ่งมาทางนี้เพราะหนึ่งทหารได้รับรายงานว่าเจอรอยเลือดอยู่ทางทิศตาย ซึ่งทันทีที่เขาได้รับข่าวผมก็มุ่งตรงไปจุดจุดนั้นทันที

    ยิ่งตามรอยเลือดไปผมก็อดที่จะรู้สึกไม่ดีไม่ได้เพราะนอกจากรอยเลือดแล้วนั้นยังมีรอยเท้าของอสูรที่สามารถมองออกได้ว่ามันไม่ใช่มีเพียงตัวเดียวเหมือนที่ผมกับอับบาสเจอยิ่งเดินลึกเข้าไปตามรอยเลือด ความจริงก็ชัดเจนขึ้นเพราะสุดทางนั้นเป็นหน้าผาและบริเวณริมหน้าผานั้นมีเลือดกองหนึ่งอยู่

    ตอนนั้นผมคิดในแง่ดีว่าน่าจะเป็นรอยเลือดของคนอื่นที่โชคร้ายมาเจอพวกมันในป่า แต่ความจริงมันโหดร้ายเสมอเพราะเมื่อกำลังจากราชวังมาถึงพวกเขาก็ทำการค้นหาจนแทบจะพลิกป่าแต่ก็ไม่พบพี่หญิงเลยแต่ร่างพวกเขาสันิฐานว่าพี่หญิงน่าจะถูกพวกมันกินไปแล้วและแน่นอนผมยังไม่ปักใจเชื่อเพราะบางทีพี่หญิงอาจจะตกลงไปในเหวแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ จึงขอร้องให้พวกเขาลงไปหา

    บริเวณก้นเหวนั้นเป็นจุดที่รถไฟวิ่งผ่านบนทางนั้นไม่มีคราบเลือดเลยแม้แต่น้อยแต่บริเวณนั้นกลับมีซากของสูรที่ถูกบิดเป็นเกรียวเรียงรายอยู่สามถึงสี่ร่างซึ่งมันทำให้ความหวังของผมหมดลงเพราะกับความเหนื่อยล้าที่เข้าครอบงำจนหมดสติไป

    พอตื่นขึ้นมาเขาก็เห็นมาเรียสาวใช้ประจำตัวท่านพี่ในแต่งกายด้วยชุดไว้ทุกร์พร้อมกับดวงตาที่แดงกำมันก็ทำให้ตระหนักถึงความจริงเข้าไปอีกว่าพี่หญิงนั้นจากไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมใช้เวลาทั้งวันในการคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมามันก็ทำให้เขาตระหนักถึงบางอย่างได้ว่าพี่หญิงนั้นจงใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อพวกมันให้ออกจากผมและอับบาสเพราะป่านั้นเป็นป่าสนไม่มีทางทำอะไรให้เกิดบาดแผลได้และหากที่โดนโจมตีก็ไม่น่าจะมีเลือดออกน้อยขนาดนั้นอีกทั้งท่านพี่คงไม่มีโอกาสได้หนีไปจากพวกมันอีกครั้ง ดังนั้นคงเหลือเพียงทางเดียวคือท่านพี่กรีดแขนตัวเองเพื่อให้กลิ่นเลือดล่อพวกมัน

    " มาเรีย " ผมกล่าวเรียกอีกฝ่ายหลังจากใช้เวลาขบคิดกับตัวเองอยู่นานนับสัปดาห์ ถึงจะรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ว่าตามจริงแล้วพวกอสูรนั้นไม่สามารถเข้ามาในอาณาจักรแต่ละอาณาจักรได้โดยเฉพาะพวกอสูรชั้นต่ำเพราะมันมีเขตแดนป้องกัน

    " ค่ะนายน้อย  " มาเรียกล่าวรับคำเรียกแล้วเดินมาด้านข้างเจ้านายคนใหม่ของเธอเพื่อรอรับคำสั่ง

    " ผมอยากรู้รายละเอียดในเรื่องที่พี่หญิงทำไปทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง " พอมาเรียขานรับผมก็บอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะรู้ในทันที หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมนั่งทวบทวนมาตลอดว่าเวลา 5 ปีนั้นผมได้ทำอะไรไปบ้างซึ่งมันก็ไม่มีอะไรนอกจากฝึกตามตารางที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว

    " ทราบแล้วค่ะ ขอเวลาดิฉันสักครู่ " มาเรียแล้วเดินออกจากห้องไปแล้วกลับมากับกับกองเอกสาวจำนวนหนึ่งซึ่งมันเป็นกองเอกสารเกี่ยวกับรายละเอียดการค้าและความสัมพันธ์ของขุนนาง พ่อค้า และอื่นๆอีกมากมาย

    ยิ่งผมดูข้อมูลมากเท่าไรน้ำตาของผมก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น มันทำผมรับรู้ความเหนื่อยของท่านพี่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาหลังจากที่ได้เข้ามาดูแลผม ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยอสูรเข้ามาในอาณาจักร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรมันจะต้องไม่ตายดี

    หนึ่งปีผ่านมาทุกอย่างผ่านไปรวดเร็วราวกับผมพึ่งเสียท่านพี่ไปเมื่อวานนี่เอง หนึ่งปีนี้ตัวผมนั้นได้พัฒนาไปมากกว่าเดิมมากไม่ว่าจะเรื่องของอะไร ผมก็สามารถทำมันได้ออกมาดีและทิ้งห่างคนในรุ่นเดียวกันไปก้าวหนึ่งเสมอ อีกทั้งยังทำให้กิจการที่ท่านพี่เหลือเอาไว้ให้เจริญเติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง ทุกคนกล่าวชมผมมากมายแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีใจเลยเพราะคนที่ผมอยากจะใช้ชมผมที่สุดนั้นไม่อยู่แล้ว

    อ่าา ผมสมควรพูดถึงตัวเพื่อนอีกสองคนของผมด้วยสินะ หลังจากที่กลับมาผมไม่แน่ใจว่าอับบาสมีสภาพเป็นยังไงบ้างรู้แต่ว่าเจ้าตัวนั้นกลับไปป่านั้นอีกครั้งแถมยังไม่ยอมไปไหนจนตัวเองล้มป่วยไปหนึ่งเดือนเต็มส่วนอมีตี้รายนี้มีอาการค่อนข้างแย่เพราะเธอเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะเธอรบเร้าให้ท่านพี่มางานวันเกิดเลยทำให้ท่านพี่ต้องตายซึ่งจริงๆแล้วถึงเธอไม่รบเร้าท่านพี่ก็เดินทางอยู่ดี

    ด้วยความรู้สึกผิดของอมีตี้หรือข้อตกลงอะไรบางอย่างของท่านพี่กับคอลแร็กทำให้เกิดพันธสัญญาที่ว่าอมีตี้จะไม่หมั้นกับใครจนกว่าฐานนะของเขาหมั้นคงเพราะตอนนี้ทางคอลแร็กนั้นก็เหมือนเนื้อรสเลิศที่แต่ละขั้วอำนาจต้องการดึงเข้าไปเป็นพวกผ่านการเชื่อมสัมพันธ์ที่เรียกว่าแต่งงาน บางทีการเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ก็มีเรื่องที่ยากลำบากไม่ต่างกับการเป็นเชื้อพระวงศ์เหมือนกัน

    ก่อนท่านพี่จากไปพวกเรานั้นพบกันบ่อยๆแต่หลังนั้นพวกเราจะพบกันทุกคืนเดือนเพ็ญ ณ หน้าผาที่พวกเราเดาว่ามันเป็นสถานที่ที่ท่านพี่ได้จากพวกเราไป ในวันนั้นผม อับบาส และ อมีตี้นั้นถอดยศของตัวเองเหลือเป็นเพียงน้องของท่านพี่เท่านั้น พวกเราพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่ามันจะดีจะแย่เหมือนกับวันเดิมๆที่ทำกันซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน

    " วันนี้พวกนายมาช้านะ " อมีตี้กล่าวแล้วฉีกยิ้มให้กับผมกับอับบาสที่กำลังมาเด็กสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีอ่อนผมยาวสีน้ำส้มอ่อนถูกมัดเอาไว้หลวมๆกำลังนั่งจิบชาด้านขามีสาวใช้ประจำตัวของยืนอยู่พร้อมกับคนของคอลแร็กที่คอยเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับคุณหนูของพวกเขา

    " พอดีมีเรื่ยงน่าสนใจนิดหน่อยเลยต้องแวะระหว่างทาง " อับบาสกล่าวชี้แจ้งแล้วเดินไปนั่งที่ที่นั่งประจำของเขาพร้อมยกชาขึ้นจิบตามด้วยขนมรสหวาน

    " หิมม เรื่องน่าสนใจอะไรขนาดทำให้เจ้าชายสุดเย็นชาของเรายอมหยุดนะ " เมื่อได้ยินสาเหตุของการมาสายของสองหนุ่มก็อดที่จะถามด้วยความสนใจไม่ได้

    " ก็ไม่มีอะไรน่าใจมากหรอก ว่าแต่เธอละได้ยินว่าไปแย่งผ้ามาจากคุณหนูเมอร์ลินด้าจนเรื่องราวใหญ่โตไม่ใช่หรอ " เทรย์เวอร์ตอบออกมาอย่างปัดๆและยิงคำถามใส่คนที่พึ่งจะมีข่าวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

    " เป็นผ้าที่เห็นละคิดถึงนะและส่วนตัวคิดว่าคุณหนูเมอร์ลินด้าคงไม่เหมาะกับมันเท่าไร " อมีตี้กล่าวกับกับหยิบผ้าสียิบซัมขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกล่าวต่อว่า " ก็แค่มันเหมาะกับท่านพี่มากเลนนิน่าา " พร้อมน้ำตาที่ไหลออกอาบแก้มนวล

    " เอาเถอะ ก็ไม่ได้มีเธอคนเดียวที่คิดแบบนั้น " เทรย์เวอร์กล่าวพร้อมกับหยิบกล่องที่บุด้วยผ้ากำมะยี่สีม่วงขึ้นมาเปิดเผยให้เห็นพู่กันที่ด้านนั้นเป็นหินสีดำลวดลายแปลกตาแต่สวยงามที่สลักตัวอักษรย่อว่า C.D. ที่เขานั้นสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษหลังจากไปเจอหินก้อนหนึ่งในตลาดแล้วกล่าวต่อว่า " ถ้าอยากรู้ว่าเกิดเรื่องน่าสนใจอะไรก็ถามเอาจากหมอนี่แล้วกันเจ้าตัวนั้นเป็นต้นเรื่อง "

    " พวกเราแค่เจอคนน่าสนใจนิดหน่อยเลยเก็บกลับมาด้วย สนใจไปดูไหมผมให้เขาพักอยู่ในรถม้า " อับบาสกล่าวแล้วเล่าเรื่องระหว่างทางที่เขากับเทรย์เวอร์ไปเจอมาให้อมีตี้ฟังซึ่งเป็นเรื่องราวของสามัญชนคนหนึ่งที่ชื่อเปาโล ดิเลมเบิร์กผู้มีชะตากรรมคล้ายกับพวกเขาไม่น้อยแต่สิ่งที่ทำให้สะดุดใจจนต้องเก็บมาด้วยนั้นคือแววตาที่เหมือนจะละทุกอย่างบนโลกเหมือนกับท่านพี่เท่านั้น

    เปาโล ดิเลมเบิร์ก เด็กชายผู้ถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่นั้นถูกช่วยไว้ด้วยหญิงสาวนามว่า วิด้า ดิเลมเบิร์กสาวใช้คนหนึ่งในร้านอาหารชื่อดังของเมืองเปาโลคิดว่าวิด้านั้นเหมือนกับแสงสว่างในชีวิตของเขาแต่อยู่มาวันหนึ่งแสงสว่าของเขานั้นก็ดับลงด้วยฝีมือของบารอนคนหนึ่ง เปาโล โกรธแค้นบารอนคนนั้นมากเลยทำการแฉพฤติกรรมแย่ของเขาในที่สาธารณะจนทำให้โดนตามล่าจนมาวิ่งรถม้าของพวกเขาและที่น่าสนใจคือว่าบารอนคนนั้นเป็นคนของคนที่พวกผมนั้นเกลียดที่สุดด้วย

    " พวกนายจะเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตจากไดร์เอลเทียนไหม " หลังจากผ่านการพูดคุยไปหลายต่อหลายเรื่องอมีตี้ก็คิดได้ว่าเธอมีเรื่องสำคัญจะถามสองหนุ่ม

    " ถึงไม่อยากไปแต่ก็จำเป็นต้องไป เธอก็เข้าร่วมงานหรอ " อับบาวกล่าวยิ้มแล้วแอบเล่ตามองคนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเมื่อพูดถึงงานเลี้ยงที่จะแขกคนสำคัญอย่างเจ้าหญิงและเจ้าชายแห่งไดร์เอลเนียมาด้วย คิดแล้วก็ปวดหัวเขาเหมือนข่าวมาว่าพี่น้อยคู่นี้นั้นร้ายไม่ใช่ย่อย

    " กำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าร่วมดีไหม ท่านพ่อให้ฉันตัดสินใจเอง ถ้าพวกนายไปฉันคงไปเพราะอย่างน้อยพวกแมลงคงไม่กล้าเข้าเข้าใกล้ฉันเท่าไร  " อมีตี้พร้อมกับยกยิ้มขึ้นมา หลังๆมานี่เธอชอบออกงานกับสองหนุ่มนี้มากเพราะว่าจะไม่ได้มีคุณชายที่ไหนมาทำความรู้จักด้วยอีกทั้งเธออึดอัดที่จะต้องอยู่กับคนพวกนั้น

    " ท่านดยุกนี่ใจดีจังเลยน่าา " เมื่อได้ฟังคำตอบของอมีตี้เขาก็อดที่จะคิดถึงพ่อของตัวเขาเองไม่ได้เพราะทั้งคู่นั้นแตกต่างกันอย่างถึงที่สุดคนหนึ่งใช้เวลาในการรักและดูแลครอบครัวส่วนอีกคนนั้นใช้เวลาทั้งหมดไปกับดูแลทุกอย่างที่ไม่ใช่ครอบครัวถึงมันจะเป็นเรื่องธรรมดาของกษัตริย์แต่ว่าเขาก็ยังเป็นพ่อ พ่อคนหนึ่งของลูกๆ

    จุดต่างนี้เองนั้นทำให้เขาไม่ได้อยากขึ้นเป็นกษัตริย์เท่าไรเขาอยากเป็นหัวหน้าที่ดีของครอบครัวเหมือนดยุกคอลแร็กมากกว่า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องแย่งตำแหน่งที่เหมือนจะไม่มีอะไรดีนอกจากอำนาจนี้ด้วย เขารู้ว่าเทรย์เวอร์เองนั้นก็ไม่ต้องการมันเช่นกันแต่สิ่งที่ทำไปทุกวันนั้นก็เพื่อแย่งของที่คนนั้นต้องการมาเป็นของตัวเองเพื่อตอบแทนที่มันพราดคสำคัญไปจากเจ้าตัวถึงสองคน

    พอตะวันเริ่มขึ้นจากขอบฟ้าอีกครั้งก็ถึงเวลาแยกย้ายเทรย์เวอร์กับอับบาสกลับปราสาทส่วนอมีตี้ก็กลับคฤหาสคอลแร็กด้วยความรู้สึกที่คิดถึงใครบางคนที่จากไปแล้วโดยไม่รู้เลยว่าคนคนนั้นกำลังขูดรีดคนอื่นอยู่

    " การท่องเที่ยวไปกับความกลัวของตัวเองเป็นไงบ้างค่ะ คุณบิเวียร์  " เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวจากก้นบึ้ง


    _____________________________________________________________________________
    จบไปอีกหนึ่งละงับไรท์จะรีบปั่นและรีให้จบภายในเดือนนี้แล้วผู้อ่านทุกท่านจะพบกับเนื้อหาใหม่กัน หวังว่าทุกคนจะชอบนะยังไงก็อย่าลืมเมนต์และให้กำลังใจไรท์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะงับบบ ขออนุญาติปิดท้ายด้วยรูปเทรย์เวอร์ อับบาส และ อมีตี้นะงับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×