คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : กษัตริย์อาเธอร์วีรกษัตริย์แห่งหมู่เกาะบริเทน และดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์
แม้ว่าชื่อเสียงของอาเธอร์จะโด่งดังจากเกาะอังกฤษก็ตาม แต่ถ้าดูจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างกลับแสดงว่าเขานั้นเป็นผู้นำของชาวเวลส์ และ ไอริช ที่เข้าต่อสู้กับชาวอังกฤษในบัจจุบัน และถ้าอ้างจากเรื่องเล่าโบราณของชาวเวลส์โบราณหลายๆชิ้น เขานั้นไม่เคยมียศเป็น กษัตริย์ แต่เขาจะถูกเรียกขายด้วยยศ dux bellorun (แปลได้ว่า จอมทัพ) หรือแม้แต่ในช่วงยุคกลางของเวลส์เองก็ยังเรียกขานเขาด้วยคำว่า ameraudur (มาจากคำว่า imperator ในภาษาละติน ซึ่งสามารถแปลได้ว่า จักรพรรดิ หรือ จอมทัพ)
ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นก็ไม่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นกษัตริย์หรือนักรบจากชนชาติใดกันแน่ บ้างก็เชื่อว่าเป็น ชาวโรมันที่ถูกส่งมาตีและป้องกันหมู่เกาะบริเทนในตอนนั้น บ้างก็ว่าเป็นชาวซาร์มาเที่ยน(Sarmatian) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในแถบยูเครนตอนใต้ บ้างก็ว่าเป็นชาวเวลส์แท้ๆ บางคนก็บอกว่ามันเป็นนิยายเพียวๆ บางที่บางแห่งก็บอกว่าแท้จริงเขาเป็นเทพเจ้า
ไม่ว่าตัวตนของเขาจริงๆนั้นจะเป็นอย่างไรแต่การที่กษัตริย์อาเธอร์มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ เราคงต้องมอบความดีความชอบนี้ให้กับเหล่ากวีหลายๆคนตั้งแต่ เจฟฟรี่ย์ แห่งมอนมัท (Geoffry of Monmouth) นักบวช ชาวเวลส์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงคริสตศรรตวรรษที่ 11 ได้ทำการเขียนหนังสือ Historia Regum Britanniae (History of the Kings of Britain หรือประวัติศาสตร์กษัตริย์แห่งบริเทน) ซึ่งเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรชิ้นแรก (ก่อนหน้านั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าสืบทอดกันมา) ที่มีการกล่าวถึงกษัตริย์อาเธอร์ , ชื่อ เครเตียง เดอ ทรัว (Chretien de Troyes) กวีชาวฝรั่งเศสที่มีชีวิตในช่วงคริสตศรรตวรรษที่ 11 เช่นกัน เขาได้เรียบเรียงเรื่อง คาเมลอต (Camelot) ซึ่งเป็นการรวบรวมมาจากเรื่องเล่าของเหล่าวณิพกมาเขียนโดยใช้ เซอร์ลานเซอล็อตเป็นตัวเอก และคนที่ทำให้เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์มากที่สุดก็คือเซอร์โธมัส มาโลรี่ (Sir Thomas Malory) ผู้แต่งหนังสือ Le Morte d'Arthur (ความตายของอาเธอร์)ที่ถูกวางขายในปี 1485 โดยหนังสือเล่มนี้นั้นเล่าเรื่องของกษัตริย์อาเธอร์ตั้งแต่ จุดกำเนิดและการเติบโตของอาเธอร์ , ศึกของกษัตริย์อาเธอร์กับทัพโรมัน , การตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ , ความสัมพันธ์ชู้สาวของเซอร์ลานเซอล็อตกับราชินีกวิเนเวียร์ และกลายเป็นเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันจนกระทั่งทุกวันนี้
และจากหนังสือเล่มที่ว่านี้เองที่ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่ากษัตริย์อาเธอร์ได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเซอร์มอร์เดรด (Mordred) ผู้เป็นหลานชายแท้ๆของตัวเองยกทัพมาทำลายกรุงคาเมล็อทได้สำเร็จ และทำให้กษัตริย์อาเธอร์บาดเจ็บปางตายและเชื่อกันว่าพระองค์ได้ไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ อวาลอน(Avalon) และเชื่อกันว่าพระองค์ยังไม่สิ้นพระชนม์และจะกลับมาปกป้องประชาราษฏรอีกครั้งเมื่อ และใช้ว่านี่จะเป็นแค่ความเชื่อที่งมงายเท่านั้นเพราะเมื่อศวรรตวรรษที่ 12 เมื่อชาวอังกฤษได้เข้าปราบปรามชาวเวลส์ได้แล้วแต่ยังคงต้องเจอกับทัพกบฏอยู่เรื่อยๆ ทางอังกฤษจึงพยายามที่จะค้นหาหลุมศพของกษัตริย์อาเธอร์เพื่อที่จะบั่นทอนกำลังใจของชาวเวลส์แต่แล้วชาวอังกฤษก็ต้องแปลกใจเมื่อพวกเขาไม่เคยหาหลุมฝังพระศพพบ หรือพระองค์จะยังคงไม่สิ้นพระชนม์จริง ?
อาวุธ : เอกซ์คาลิเบอร์ (Excalibur) ดาบในตำนานทีเชื่อกันว่าสามารถฟันผ่านเหล็กอื่นได้โดยง่ายและเป็นอาวุธคู่มือของกษัตริย์อาเธอร์ ทั้งยังเชื่อว่าตัวดาบนั้นมีพลังเวทย์มนต์แฝงอยู่ด้วย ตามตำนานที่ปราฏนั้นเชื่อว่ามันมีที่มาสองแบบคือ
1.) มาจากบทกลอนที่เป็นตำนานของเมอร์ลิน และปรากฏอีกครั้งในหนังสือ Le Morte d'Arthurโดยในเรื่องนี้เชื่อว่า เอกซ์คาลิเบอร์เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปักไว้อยู่ในหินโดยผู้ที่จะดึงมันออกมาได้นั้นเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง
2.) มาจากบทร้อยแก้วของฝรั่งเศสและปรากฏอีกครั้งในหนังสือ Le Morte d'Arthur เช่นกัน โดยตำนานนี้เชื่อว่ากษัตริย์อาเธอร์ทรงได้รับดาบนี้จาก เทพธิดาแห่งทะเลสาป หลังจากที่พระองค์ได้เสียดาบเล่มแรกไปในสนามรบ และก่อนที่กษัตริย์อาเธอร์จะสิ้นพระชนม์พระองค์ก็สั่งให้เซอร์เบอร์ดิเวียนำดาบนี้ไปคืนแก่เทพธิดาโดยการโยนดาบนี้ไปยังทะเลสาปแล้วก็มีมือข้างหนึ่งชูขึ้นมารับดาบนี้ก่อนที่ทั้งมือและดาบจะหายลงไปในทะเลสาปแห่งนั้น
ที่มา : http://www.cartoon.co.th/read_report.asp?id=100
ความคิดเห็น