คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ชั่วโมงเรียนยามราตรี ตอนที่ 2 : ผีผ้าขาวเขย่าโคมไฟ
ชั่วโมงเรียนยามราตรี ตอนที่ 2 : ผีผ้าขาวเขย่าโคมไฟ
เรื่องเล่าจาก : ผู้เขียน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของตำนานความพิศวงในชีวิตของผู้เขียน เป็นเรื่องราวประสบการณ์จากชีวิตจริงผู้เขียนหน้าหนึ่ง ที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ ทั้งๆที่มันควรเป็นเรื่องที่ถูกลืมเลือน
ที่โรงเรียนของผู้เขียน มีเรื่องเล่าขานกันมานาน ถึงเรื่องราวของโคมไฟเพดานที่ไม่เคยมีแสงสว่างออกมาให้เห็นเลยซักครา มันอาจดูเป็นเรื่องธรรมดาๆสำหรับโรงเรียนหลายๆแห่งมักมีหลอดไฟเก่าที่ไม่สามารถเปิดติดได้ เพียงแต่ .. มันไม่ใช่สำหรับที่นี่ ที่โรงเรียนของผู้เขียน .ตอนเย็นของวันหนึ่งในช่วงที่ผู้เขียนเรียนอยู่ชั้น ม.5 ผู้เขียน และเพื่อนอีกคนนหนึ่งถูกไหว้วานขากอาจารย์ฝ่ายอุตสาหกรรมวิชาช่างพื้นฐาน ให้ไปเปลี่ยนหลอดไฟให้โคมไฟระย้าเพดานที่แขวนอยู่บนชั้นพักของชั้น 4 ในอาคารหนึ่ง (อาคารเดียวกับเรื่องเล่าที่หนึ่ง)
แน่นอน !! ผู้เขียนย่อมรับปากที่จะไปทำให้ เพราะตอนนั้นมันเป็นตอนเที่ยงที่ผู้เขียน และเพื่อนต่างก็ว่างกันอยู่แล้ว
แต่ การตัดสินใจนั้น ผู้เขียนกระทำไปก่อนที่จะล่วงรู้ไปถึงตำนานเกี่ยวกับหลอดไฟนั้น.!!
ผู้เขียน และเพื่อนนำบันไดช่าง (ที่ใช้สำหรับขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟบนที่สูง) และหลอดไฟแบบกลม 8 หลอด ไปเปลี่ยนโคมไฟดังกล่าวโดยใช้เวลาเพียงสิบกว่านาที เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วผู้เขียนก็กลับไปเรียนในภาคบ่ายโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก พอเลิกเรียนผู้เขียนก็ลงไปเตะบอลที่สนามจนมืด จนกระทั่งเกือบทุ่มหนึ่งผู้เขียนพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าได้ลืมไขควงที่ใช้ในการเปลี่ยนหลอดไฟไว้ที่ใต้โคมระย้านั้น ถ้าผู้เขียนไม่รีบเอากลับไปไว้ที่ห้องอุตสาหะกรรม ถ้าตอนเช้าอาจารย์ที่วานไปรู้เรื่องมีหวังผู้เขียนคงถูกดุแน่ๆ
ในที่สุด ผู้เขียนเลยตัดสินใจพาเพื่อนอีกคนไปเก็บไขควงที่ว่านั้นไปไว้ที่ห้องอุตสาหกรรม ก่อนที่เรื่องมันจะแตกไปถึงหูอาจารย์
ผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์มิใช่น้อยกับอาคารแห่งนี้มาก่อน ดังนั้นตอนที่เดินขึ้นไปบนอาคารใจมันก็เต้นตุ้มๆต่อมๆเสียยังกับปืนกล แต่ละก้าวที่ก้าวขึ้นบันไดที่มืดมิดด้วยราตรีที่กำลังคืบคลานเข้ามา สำหรับผู้เขียนมันช่างยากเย็นยิ่งกว่าการปีนขึ้นดอยอินทนนท์เสียอีก
ไม่นาน ผู้เขียนก็เดินขึ้นมาถึงชั้นพักบันไดของชั้น 4
แต่ สิ่งแรกที่ทำให้ผู้เขียนต้องเกิดความประหลาดใจ มากกว่าใจที่กำลังเต้นระทึกด้วยความกลัว มันกลับกลายเป็นเศษของหลอดไฟที่แตกกลาดเกลื่อนอยู่ตามพื้นซีเมนต์!!
ผู้เขียนหันขึ้นไปมองโคมระย้าทันทีตามสัญชาติญาน และสิ่งที่ยิ่งทำให้ผู้เขียนประหลาดใจหนักเข้าไปอีกคือ โคมไฟระย้าดังกล่าวตอนนี้ว่างเปล่าปราศจากหลอดไฟแม้แต่หลอดเดียว
เกิดอะไรขึ้น!?
คำถามมากมายผลุดแข่งกันขึ้นมาในใจของผู้เขียน ถึงกระนั้นผู้เขียนก็ยังไม่อยากสรุปอะไรเอาเองในใจ นอกจากรีบเก็บเครื่องมือที่ลืมไว้ แล้วรีบจากไปเสียที
แต่ ทันทีที่ผู้เขียนก้มลงเก็บไขควงบนพื้น เพื่อนของผู้เขียนก็สะกิดอย่างแรง แรงสะกิดนั้นมันส่งผ่านอาการสั่นเทาของผู้สะกิดมาด้วยอย่างชัดเจน
ผู้เขียนหันกลับไปด้วยความสงสัย และทันทีที่ผู้เขียนมองตามสายตาของเพื่อนที่เกือบจะยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้น ผู้เขียนก็ประจักษ์ในสายตากับสิ่งที่ทำให้เลือดทั้งกายเกือบเย็นเฉียบ .!!
ร่างของใครบางคนใต้ผ้าแพรสีขาวที่สะบัดไปมาพร้อมกับแรงลม กำลังนั่งยองๆอยู่บนโคมระย้า พร้อมกับก้มลงมามองที่ผู้เขียน กับเพื่อนด้วยสายตาเย็นชา .!! สายตานั้น มันเย็นชาจนทำให้พวกผู้เขียนต้องตัวแข็งทื่อ ราวกับกบที่กำลังต้องมนต์จากตาของพิษก็ไม่ปาน..!! ยังไม่ทันที่ผู้เขียนกับเพื่อนจะทันทำอะไร โคมไฟที่ร่างนั้นนั่งอยู่ก็ค่อยขยับไปมาอย่างช้าๆ และค่อยๆแรงขึ้นๆอย่างรวดเร็ว จนน่าสะพรึงกลัว..และนั้นมันราวกับเป็นสัญญานบอกให้ผู้เขียน กับเพื่อนต่างพากันออกวิ่ง โดยไม่หันหลังกลับไปมองอีกอย่างเด็ดขาด
หลังจากวันนั้น ผู้เขียนก็ไม่ยอมเดินขึ้นอาคารทางนั้นอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่เพียงเพราะผู้เขียนกลัวจะได้เผชิหน้ากับร่างนั้นอีกครั้ง หากแต่ผู้เขียนเกรงว่าหากเดินผ่านใต้โคมระย้านั้นแล้วผู้ที่สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเกิดจำผู้เขียนขึ้นมาได้ เรื่องราวมันอาจจะไม่จบเพียงการสบตาอย่างครั้งนั้น !!
*************************************************************************************************************************
ความคิดเห็น