คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ชั่วโมงเรียนยามราตรี ตอนที่ 1 : เสียงเท้าก้องยามใกล้ค่ำ
ชั่วโมงเรียนยามราตรี ตอนที่ 1
: เสียงเท้าก้องยามใกล้ค่ำเรื่องเล่าจาก : ผู้เขียน
เรื่องราวเรื่อ'แรกที่ผู้เขียนจะนำมาเล่าสู่กันฟัง หากมิใช่เรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบมาเองกับตนเอง ผู้เขียนเองคงคิดว่ามันออกจะเป็นการเสียมารยาท เพราะเช่นนั้น เรื่องแรกที่ผู้เขียนจะเล่า ผู้เขียนจะกล่าวถึงเรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบมาเสียก็แล้วกัน
ผู้เขียน......... เป็นคนหนึ่งที่ได้พบเจอกับสิ่งพวกนี้มานานตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายที่ได้พบผู้เขียนอายุก็ล่วงเลยเข้าไปกว่า 20 กว่าๆ ผถึงกระนั้นก็ยังคงได้พบสิ่งลี้ลับพวกนี้อยู่เช่นเดิม
เรื่องที่ผู้เขียนกำลังจะเล่าต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ตรงจากเสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวในประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้พบพานเท่านั้น..
โรงเรียนของผู้เขียนตอน ม.ต้นนั้น เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน แน่นอนว่า..คำว่า "โรงเรียนประจำงหวัด" ย่อมต้องกลายเป็นจุดดึงดูดให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มองอนาคตไกลพากันเฮส่งลูกหลานตบเท้าเข้าเรียนมากันเป็นแถว พวกผู้ใหญ่คงคิดว่าการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในที่ดีๆคงจะทำให้เด็กเป็นคนดีเรียนเก่งไปด้วยกระมัง..
!?ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในเด็กนักเรียนเหล่านั้นเช่นกัน....
!!สำหรับผู้เขียนแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากโรงเรียนอื่นๆเลยซักนิด นักเรียนก็มีหลายระดับเหมือนกับโรงเรียนอื่นๆ และอาจารย์ก็ยังคงไร้เหตุผลเหมือนโรงเรียนอื่นๆเหมือนกัน
แต่..... โรงเรียนที่น่าเบื่อแห่งนี้กลับทำให้ผู้เขียนได้สัมผัสเรื่องขนหัวลุกเสียหลายต่อหลายครั้ง
โรงเรียนของผู้เขียนมีประวัติการเรียนการสอนกว่า 100 ปี และแน่นอนว่าอะไรๆที่มันอยู่คู่กับโรงเรียนมาเป็นเวลากว่า 100 ปี มันต้องเก่าพอๆกับสภาพของโรงเรียน..... (ขออภัยที่ต้องเกริ่นเรื่องโรงเรียนของผู้เขียนเสียืดยาว เหตุเพราะในเรื่องต่อๆไปมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้ ผู้เขียนจึงขอแจงรายละเอียดของโรงเรียนเสียครั้งเดียว)
และ ของเก่าที่เกี่ยวพันโดยตรงกับสิ่งที่ผู้เขียนกำลังจะเล่า คือ อาคาร 1 หลังเก่าที่ทนแดดทนฝนคู่โรงเรียนมาอย่างเนิ่นนาน...
วันก่อนงานกีฬาสี ตอนผู้เขียนเรียนอยู่ชั้น ม.2 .....
เวลาประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม.... นักเรียนในโรงเรียนของผู้เขียนทุกคนต่างออกจากโรงเรียนไปเตรียมกิจกรรมกีฬาสีข้างนอกกันจนหมด ณ เวลานั้น ในโรงเรียนคงเหลือเพียงผู้เขียน และเพื่อนๆอีก 3 คนเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่หน้าอาคาร 1 หลังดังกล่าว ใช่ว่า.... พวกผู้เขียนบังเอิญอยู่แถวนั้น หากแต่พวกผู้เขียนในเวลานั้นจงใจ และนัดหมายรวมกลุ่มกันด้ยจุดประสงค์บางอย่าง
และ จุดประสงค์ที่พวกผู้เขียนมุ่งหมายนั้น คือ "การลองของ....
!!"เพื่อนๆในห้องของผู้เขียนทราบกันดีจากคำบอกเล่าของผู้เขียนว่า ผู้เขียนนั้น เคยพบเจอกับสิ่งแปลกๆมาตั้งแต่ยังเด็ก และในวันนั้นก็นับเป็นโอกาสดีที่จะได้ทดสอบการมองเห็นสิ่งเหล่านั้นของผู้เขียน
ถึงผู้เขียจะไม่ใครอยากทำสิ่งที่เรียกว่า "การลบหลู่" แบบนี้นัก แต่ก็ไม่อาจปฎิเสธเพื่อนๆได้ ดังนั้น... การลองของๆพวกผู้เขียนจึงเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงอย่างนั้นพวกเพื่อนๆของผู้เขียน กับมีทีท่าตื่นเต้นดี๊ด๊าไม่ยินดียินร้ายกับการกระทำที่ไม่สมควรให้อภัยเช่นนี้ เลยซักนิด
หลายท่านที่เคยได้สัมผัสกับอาคารเรียนไม้หลังเก่าๆ คงจะนึกภาพออกว่า สภาพของมันนั้นน่ากลัวเพียงใด
!? จังหวะเสียงของไม้ที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดยามที่เท้ากระทบกับแผ่นไม้เก่าๆนั้น มันดังน่ากลัวซักแค่ไหน!?อีกทั้งสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนหวาดๆกับมันมากที่สุด เห็นจะเป็นตำนานเกี่ยวกับอาคารแห่งนี้.....
!! (ตำนานของอาคารแห่งนี้จักขอยกยอดไปกล่าวในตอนถัดๆไป)อาคารที่พวกผู้เขียนขึ้นไปนั้น มี 4 ชั้น พวกเพื่อนๆให้ผู้เขียนเดินนำหน้าขึ้นไปก่อน ส่วนที่เหลือจะเว้นระยะห่างสองเมตรค่อยๆเดินตามผู้เขียนขึ้นไปเป็นกลุ่ม แค่ตามปกติบรรยากาศของอาคารเรียนไม้เก่าๆก็ชวนขนลุกอยูแล้ว นี่ยิ่งช่วงที่พวกผุ้เขียนมาเยืร เวลามันยิ่งโพลเพล้ใกล้ค่ำเต็มทนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ยิ่งน่าสะพรึงเข้าไปอีก
ราวกับว่า เหมือนเงามืดทุกเงาในห้องเรียนต่างมีชืวิต และจ้องมองพวกผู้เขียนอยู่.......
ผู้เขียนเดินขึ้นไปจนถึงชั้น 4 โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้เขียนใจชื่นขึ้นไปได้เยอะ ถึงผู้เขียนจะได้พบเรื่องเหนือธรรมชาติบ่อยๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพลอยชอบการเผชิญหน้าไปด้วยเสียหน่อย ผู้เขียนเดินรอบชั้น 4 หนึ่งรอบ และเปิดประตูห้องเรียนทุกบานให้เพื่อนๆดูทีละห้อง
ทุกห้องว่างเปล่า เก้าอี้ทุกตัวถูกยกขึ้นวางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อยดั่งที่ควรจะเป็น....
ผู้เขียนลอบถอนหายใจอีกครั้ง สถานการณ์แบบนี้สำหรับผู้เขียน มันคงเป็นการดีกว่าได้พบกับอะไรพวกนั้นเยอะ กลับกลันกับพวกเพื่อนๆของผู้เขียนที่มีทีท่าไม่ค่อยพอใจ เพราะไม่ได้พบอะไรดั่งที่พวกเขาคาด
ในขณะที่ผู้เขียนกำลังจะเอ่ยปากชวนเพื่อนทุกคนกลับลงไปข้างล่างนั่นเอง อยู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น....
!!การกระทำนั้นของเพื่อน มันทำให้พวกผู้เขียนที่ยังยืนอยู่ ถึงกับตกตะลึงไปด้วย แต่.... เรื่องมันยิ่งน่าฉงนเข้าไปใหญ่ เมื่อพวกผู้เขียนพบว่าเพื่อนคนนั้นกำลังหน้าซีด ปากสั่น พร้อมกับกอดไหล่ทั้งสองข้างของตัวเองอย่างคนที่หวาดกลัวอะไรซักอย่าง
มันกลัวอะไรซักอย่าง เพียงแต่ว่าพวกผู้เขียนไม่เห็นในสิ่งที่เขาสัมผัสได้เท่านั้น....
!!"เฮ้ย...
!! กูกลัว พากูลงไปเถอะ"ปากของเพื่อนผู้เขียนกล่าวเช่นนี้ด้วยเสียงสั่นระริกซ้ำไป ซ้ำมา ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ... พวกผู้เขียนมองหน้ากันไปมาเป็นเชิงขอความเห็น ก่อนจะตัดสินใจว่าเรื่องมันชักไม่เข้าท่าแล้ว ควรถึงเวลาที่พวกผู้เขียนควรกลับได้แล้ว
ผู้เขียนให้เพื่อนอีกสองคนที่เหลือช่วยหิ้วปีกเพื่อนคนที่ตัวสั่นกลัวคนละข้าง โดยมีผู้เขียนเดินปิดท้ายลงจากอาคาร เรื่องราวทุกอย่างมันสมควรจะจบเพียงเท่านั้น หากเพียงหูของผู้เขียนไม่ได้ยินถึงอะไรบางอย่างที่ผิดแผกออกไป
ตึก
! ตึก! ตึก!มีเสียงฝีเท้าอะไรบางอย่างเดินตามพวกผู้เขียนมาจากข้างหลัง เสียงฝีเท้านั้นดังสวนจังหวะกับเสียงฝีเท้าของเพื่อนๆของผู้เขียนทางเบื้องหน้า ทีแรกผู้เขียนก็นึกว่าหูฝาดไป แต่เพื่อความแน่ใจ ผู้เขียนจึงลองหันกลับไปมองทางด้านหลัง
และสิ่งที่เห็น มันก็ทำให้ผู้เขียนถึงกับต้องยืนตัวแข็งทื่อไปนานหลายวินาที...
!!เท้าของใครบางคนกำลังก้าวตามหลังของผู้เขียนมาติดๆ หากภาพที่เห็นเป็นเพียงเท่านั้น ผู้เขียนคงจะไม่รู้สึกอะไร แต่... เจ้าข้อเท้าเจ้ากรรมที่ว่า มันดันไม่มีร่างกายของคนที่เป็นเจ้าของอยู่เบื้องบน
!!ข้อเท้าที่ยาวไปจนถึงเกือบถึงหน้าแข้งคู่หนึ่ง กำลังก้าวลงมาจากบันไดตามหลังผู้เขีนมาติดๆ และพอเห็นผู้เขียนยหยุดยืนนิ่ง เจ้าข้อเท้าบ้านั่นมันก็พลอยหยุดกึก
! ไปด้วยผู้เขียน ณ วินาทีนั้น ใจเต้นแรงเร็ว.... เพราะภาพที่ผู้เขียนกำลังเห็นอยู่จะๆนี้ มันเป็นภาพที่ไม่สมควรจะมีอยู่ในโลกนี้
!?ทีแรก ผูเขียนหันหลังกลับไปเพื่อนๆที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับหลับตาลงสูดลมหายใจเข้า และพร่ำบอกกับตัวเองว่า "สิ่งที่ผู้เขียนกำลังจะเห็นนั้น เป้นเพียงภาพลวงตาที่ผู้เขียนสร้างมันขึ้นมาจากคามหวาดกลัวเท่านั้น"
แต่... พอผู้เขียน หันกลับไปมองอีกครั้ง คราวนี่กฃ้กลับปรากฏว่าภาพของเจ้าข้อเท้าคู่นั้น กลับปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนหนักเข้าไปอีก มิหน้ำซ้ำ มันกำลังก้าวลงมาหาผู้เขียนอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้น...
!! ผู้เขียนเองยังเผลอร้องตะโกน ออกไปด้วยความหวาดกลัว!!"วิ่งงงงงงงงงงง...................................................................
!!!!"สิ้นคำ เพื่อนของนายแกะที่อยู่เบื้องหน้าก็รับคำสั่งอย่างรวดเร็วโดยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไร ทุกคนวิ่งเต็มเหยีดไม่เว้นแม้แต่ เพื่อนคนที่กำลังจะเป็นลม
มิหนำซ้ำ...
!! เจ้าคนที่เป็นลมนั้น กลับวิ่งเร็วเสียยิ่งกว่าคนอื่นๆเสียอีกและนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผู้เขียนได้ประสบเรื่องราวเหล่านี้อย่างถนัดตา และชัดเจน โดยสามารรถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า สิ่งที่เขียนเห็นนั้น มันไม่ใช่ภาพลวงตาจากการลวงหลอกตัวเองเป็นแน่แท้
**********************************************************************************************************************************************
ความคิดเห็น