คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คำสาปของซาตาน
คำสาปของซาตาน
เด็กชายคนหนึ่งลืมตาขึ้นมาบนโลกกลมๆใบนี้ได้เพียงชั่วพริบตาของชายชราที่กร้านโลกพร้อมๆกับชะตาชีวิตหนึ่งเส้นทางที่ถูกขีดฆ่าขึ้นมาด้วยเส้นขาวหนึ่งเส้น ที่ลากยาวเป็นเส้นทางชัดเจนบนถนนสายชีวิตสีดำที่ทอดยาวดำมืดสุดลูกหูลูกตา....
พระเจ้าได้ทรงสร้างเด็กชายคนหนึ่งขึ้นมาบนโลกนี้ ด้วยผลึกผลแห่งความรักของผู้ที่เป็นบิดามารดา และตอนนี้เป็นเวลาที่พระองค์ได้ทรงมอบชะตาชีวิตให้เด็กชายคนหนึ่งเลือกก้าวเดินไปบนเส้นทางสายชีวิตนี้แล้ว...
วันที่เด็กชายลืมตาขึ้นมองโลก บิดาของเขาได้ตั้งชื่อเรียกขานของเขาไว้ว่า “ไอซ์” ชื่อที่ทรงพลังและแผงความหมายที่เปรียบขอพรจากพระเจ้าให้เด็กชายคนนี้กลายเป็นคนที่มีจิตใจเยือกเย็นและเด็ดเดี่ยวเปรียบดังชื่อของเขา พ่อของเขาหวังที่จะให้ชื่อของเขานี้เป็นคีย์เวิร์ดกุมชะตากรรมของเขา เผื่อไว้อนาคตข้างหน้าแล้วเมื่อเขาประสบปัญหา เขาจะได้สามารถแก้ไขปัญหาแห่งชะตากรรมของเขาด้วยความเยือกเย็นและรอบคอบ และยังเป็นเวลาที่เด็กชายที่ไร้เดียงสาดังผ้าขาวนี้นั้นจะได้รับการปกป้องจากผู้ปกครองดูแล จนถึงแก่เวลาที่เขาจะสามารถตัดสินใจทำการใดๆด้วยตัวของตัวเองได้เอง...
เด็กชายตัวเล็กหลับตาพริ้มอยู่บนฟูกหนาในเตียงนอนเด็กอ่อน พระเจ้าทรงยืนทอดพระเนตรมองเด็กน้อยไร้เดียงสาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พระองค์จะทรงหันหลังสะบัดผ้าคลุมไหล่ที่ขาวสะอาดก้าวหายวับไปในราตรีอันน่าชัง....
พระเจ้าจากไปแล้ว!!! และตอนนี้มีสิ่งอื่นที่น่าชังกว่ากำลังจ้องมองเด็กน้อยอยู่ในเงามืด..
อดีตในวัยเด็กที่น่าจดจำของเด็กน้อยคงจะถูกรูดม่านปิดพักลงเพียงเท่านี้ เพราะเมฆดำกลุ่มหนึ่งได้เริ่มส่อเค้าจับกลุ่มดำทะมึนที่มุมหนึ่งของฟากฟ้า เมฆดำที่เต็มไปด้วยความโสมมอันชอบดำที่กำลังถูกแรงลมแห่งความปารถนาอันแรงกล้าสายหนึ่งพัดเคลื่อนเข้ามาบดบังท้องฟ้าที่แจ่มใสด้วยอดีตอันแสนหวานของเด็กชายจนสิ้นแล้ว
สายลมสายนั้น คือ บรรดาซาตานที่พากันแซ่ร้องถ่มน้ำลายเบือนหน้าให้กับพระเจ้านั้นเอง!!!
หลายปีทีเดียวที่เมฆดำได้ขับเคลื่อนเข้ามาจดจ่ออยู่ที่ริมฟากฟ้าทางด้านหนึ่ง มันต้องผเชิญกับกำแพงหนาสีขาวที่ยาวสุดลูกหูลูกตา และสูงเสียดฟ้าอันถูกเรียกว่าสายใยแห่งครอบครัวคอยขวางกั้นมันออกจากเด็กชายไกลหลายต่อหลายก้าวเสมอ
ทุกครั้งที่มันพยายามจะพัดผ่านข้ามกำแพง มันก็ต้องถอยกราวเพราะรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ที่มีต่อเด็กชาย ทุกครั้งที่มันพยายามจะเซาะร่องเจาะกำแพงหนา มันก็ต้องวิ่งหลีกลี้หนีทะยานจากความเข็มแข็งของผู้ที่เป็นพ่อ และหลายต่อหลายครั้งที่มันต้องเสียไพร่พลแห่งความชั่วดำของมันไปมากมายจากพันธมิตรของเด็กชายที่เรียกว่ามิตรภาพของเพื่อน ที่คอยดักจับแผดเผาพวกมันอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์....
แต่ พวกมันหาได้ยอมแพ้ไม่ มันยังคงเฝ้ารอโอกาสอย่างเงียบเชียบอยู่เบื้องหลังความมืดอย่างช้าๆ และไม่รีบร้อนรอเวลาที่เด็กชายจะก้าวออกมาจากหลังกำแพงหนานั้นด้วยตนเอง..
หลายปีผ่านไป จากเด็กชายก็ถึงเวลาที่จะกลายเป็นเด็กหนุ่ม ถึงเวลาแล้วที่เด็กหนุ่มจะต้องทิ้งกำแพงเหล็กกล้าและพันธมิตรรอบกาย เพื่อดันด้นเข้าไปหาวิชาความรู้อันจะเป็นรากฐานในการประกอบวิชาชีพในอนาคตจากสถานที่ๆห่างไกลจากกำแพงแห่งนี้....
ซาตานยิ้มกริ่มกับโอกาสที่พระเจ้าได้เมินหน้าหนีนี้!!!
เด็กหนุ่มใจเต้นระส่ำจากโลกภายนอกเบื้องหลังกำแพงเหล็กกล้าสีขาว สถานที่ใหม่ บุคคลรอบๆตัวที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคยที่กำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา แต่อีกใจหนึ่งเด็กหนุ่มก็รู้สึกเหงาที่จะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อนฝูง และสถานที่ๆคุ้นเคย..
แต่เพื่อชีวิตในวันข้างหน้าที่ดีกว่า และแรงกดดันจากการที่ต้องการให้ลูกของตนได้รับแต่สิ่งที่ดีๆในอนาคต จึงทำให้เด็กหนุ่มต้องจำใจฝืนทนเดินทางเข้ามาเรียนในเมืองหลวงอันห่างไกลจากคนที่รักยิ่งทั้งน้ำตา.....
ถึงน้ำตาที่หลั่งออกมานั้น มันจะทำให้บรรดามารร้ายฮากลิ้งก็ตาม!!!
วันแรกของการเข้ามาใช้ชีวิตของนักเรียนในเมือง... เด็กหนุ่มยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางฝูงคนแปลกหน้านับพันที่เดินผ่านเขาไปคนแล้วคนเล่าราวกับเขาเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไร้ตัวตน อากาศที่ร้อนอบอ้าว และฝูงชนที่แออัดจนชวนคลื่นเสี้ยนจนเด็กหนุ่มแทบจะเป็นลมล้มพับไปด้วยแรงกดดันเสียตรงนั้น
เด็กหนุ่มอดทนอยู่ตรงนั้นไม่ได้อีกแม้เพียงวินาทีเดียว เขาใช้มือทั้งสองข้างแหวกฝูงชนออกด้วยความทรมานราวกับปลาที่กำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดน้ำ และในตอนนั้นเองที่เขาแหวกออกไปชนเข้ากับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เชิงบันไดเข้าอย่างจัง.!!
เด็กหนุ่มกล่าวขอโทษอย่างเหนื่อยอ่อนเต็มที เด็กหนุ่มแปลกหน้ามิได้ว่าอะไรและหนำซ้ำเขายังช่วยพยุงปีกเด็กหนุ่มฝ่าฝูงชนออกมาด้านนอกด้วยไมตรี...
เด็กหนุ่มแปลกหน้าที่หลงเข้ามาในชีวิตของเด็กหนุ่มก็เปรียบสเมือนน้ำหยดเล็กๆหยดหนึ่ง ที่หยดลงมากระทบเด็กหนุ่มที่เหมือนก้อนหินเผาไฟ แม้ว่าน้ำหยดเล็กๆนั้นจะน้อยซักเพียงใด แต่สำหรับคนที่กำลังจะขาดใจตายเพราะความร้อนทรมานของอากาศแล้วนั้น มันก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเราจะคะนานับได้ในยามปรกติของโลกเสียแล้วกัน...
แต่..ใครบ้างล่ะจะรู้ว่า เด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนี้จะทำให้พายุเมฆดำที่ตั้งเค้ารอท่าอยู่ ถูกดูดเข้ามารวมกันได้ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมเสียมากมายหลายเท่า และที่สำคัญ พายุแห่งความชั่วที่เด็กหนุ่มยังมิเคยได้พานพบกำลังถูกเด็กหนุ่มแปลกหน้าดึงดูดมาอย่างรวดเร็ว แต่เงียบเชียบ...
ด้วยน้ำมือของซาตาน.....!!!
ชีวิตในชั้นเรียนมัธยมต้นของเด็กหนุ่มเริ่มเปรอะเปื้อนด้วยฝีมือของซาตานที่หยิบยื่นเข้ามาโดยไม่ทันรู้ตัว...
ซาตาน อาศัยจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังซึมเศร้า เหงา และสับสนจากการเดินทางที่ยาวไกล ระยะทางจากบ้านที่ไกลห่าง เขาก็เหมือนกับเรือที่กำลังล่องบนท้องทะเลที่มีพายุอันบ้าคลั่งไร้ซึ่งแสงดาวน้ำทางและกำลังหมดสิ้นแม้แต่กำลังใจ ถ้าในตอนนั้นมีแสงไฟลอดมาจากประภาคารที่ไหนซักแห่ง เขาก็คงไม่คิดที่จะรีรอที่จะเบนเรือมุ่งตรงไปทางนั้นทันที......แม้ประภาคารนั้นมันจะเป็นหอคอยของปีศาจก็ตาม!!!
เริ่มแรกซาตานก็ใช้วิธีหยอดคำหวานยั่วลมให้เด็กหนุ่มคล้อยตาม เริ่มตั้งแต่การแอบสูบบุหรี่ในเขตบริเวณโรงเรียนตามกลุ่มเด็กชายคนอื่นๆ แล้วค่อยๆใช้ความเคยชินพัฒนาสู่จุดเสื่อมถอยไปยังสารเสพติดบางประเภทที่เริ่มทำให้เส้นประสาทของเด็กหนุ่มด้านชา.....
สารเสพติดทำให้สภาพร่างกายของเด็กหนุ่มไม่สู้ดีนัก เขาผายผอม นัยน์ตาลึกกลวง หนักเข้าเขาก็เริ่มขาดเรียนติดต่อกันหลายๆวันโดยไม่ได้ขออนุญาตล่วงหน้า จนอาจารย์ผู้สอนเริ่มเอะใจในพฤติกรรมจนต้องขู่ว่าจะฟ้องผู้ปกครองเรื่องพฤติกรรมของเด็กหนุ่มจนเขาต้องยอมมาเรียน..
สายตาที่ลึกโหลที่กำลังจับจ้องแผ่นหลังของอาจารย์ผู้สอนอันกำลังหันหน้าเข้ากระดานดำนั้น ในดวงตาอันดำขลับนั้น มันคือสายตาแสดงความอาฆาตมุ่งร้ายที่แฝงความรู้สึกอันเกรี้ยวกราดไว้เกินกว่าที่จะพรรณนาไว้ได้ ณ ที่นี้
รอยยิ้มที่สดใส และเสียงหัวเราะที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มหายไปจนหมดสิ้นแล้ว มันปรากฏเพียงร้อยยิ้มเสยะแข็งกระด้างที่มุมปากอันน่าขยะแขยง ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาจนมาสามารถปกปิดไว้ได้ขึ้นมาแทน เด็กหนุ่มและเพื่อนฝูงพันธมิตรแห่งซาตานรอบตัวจำต้องสะกดกั้นสันดานที่พลุ่งพล่านไว้....อย่างอดทน วันแล้ววันเล่า จนประตูที่เปิดสู่ชั้นมัธยมปลายเปิดอ้าขึ้น!!
ตอนนี้พายุและมฆดำได้เข้ามาปกคลุมหัวใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่งจนมืดมิดเสียยิ่งกว่ารัตติกาลไปหมดสิ้นแล้ว ซาตานกำลังริ่งโลดดีใจกับสถานที่สิ่งสถิตแห่งใหม่ของหมู่ตน...
ซาตานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระโดดโลดเต้นไปมาท่ามกลางสายฝยสีดำในใจอันหม่นหมองของเด็กหนุ่ม....!!!
มัธยมปลาย คือ ชั้นเรียนสุดท้ายที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของใครต่อหลายคน บรรยากาศของนักเรียนมัธยมต้นของคนหลายๆคนเปลี่ยนไปจากเด็กกลายเป็นวัยรุ่นเต็มตัว ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสกับชีวิตใหม่ แต่มีคนหนึ่งที่บรรยากาศไม่เปลี่ยนไปแต่มันกลับยิ่งครุกรุ่นด้วยกลิ่นไออันน่าอึดอัดและดำมือเสียยิ่งกว่าเดิม...
เด็กหนุ่มใช้เวลาเพียงแค่ช่วงปฐมนิเทศในการประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของชัยชนะแห่งซาตาน เขาใช้เวลาไปกับการรุมกระทืบเด็กชายคนอื่นที่เขาไม่ชอบขี้หน้า ทำแม้กระทั่งรีดไถขู่กรรโชกเอาเงินจากเด็กนักเรียนในชั้นใหม่ของตน.... และใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันฝังเมล็ดพันธุ์ที่ชื่อว่าความหวาดกลัว และยึดอำนาจปกครองชั้นเรียนใหม่อย่างเบ็ดเสร็จโดยใช้เพียงความหวาดกลัวเป็นกฎเกณฑ์ในการปกครอง...
แต่ก็ใช่ว่าจะทุกคนที่ยอมทำตามเด็กหนุ่มโดยไม่อาจขัดขืนได้ ยังมีเด็กนักเรียนในห้องหลายคนที่ไม่ยอมสยบอยู่ใต้อำนาจและพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางในการหลุดพ้นจากการปกครองแบบผิดๆของเด็กหนุ่ม.... พวกเขาใช้กำลังเข้าต่อต้านกำลังของเด็กหนุ่มอย่างโจ่งแจ้ง แต่ด้วยขุมกำลังของซาตานที่ฝังเผ่าพันธุ์ลึกลงไปในพรรคพวกของเด็กหนุ่มแล้วนั้น เด็กหนุ่มก็สามารถใช้กำลังพลที่เหนือกว่า(มาก)เข้าจัดการไปได้แบบไม่ยุติธรรมอยู่เสมอ(หมาหมู่)...
เรื่องการต่อต้านและทะเลาะวิวาทมีกันไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งกลุ่มต่อต้านถึงกับต้องใช้ของมีคมช่วยหวังเข่นฆ่าเด็กหนุ่มให้สิ้น แต่ก็ยังเป็นโชคดีของเด็กหนุ่มที่เขารอดพ้นคมมีดเหล่านั้นมาได้หวุดหวิด ยิ่งนานวันความเครียดที่สะสมมาจากการมีตัวอันตรายแบบนี้อยู่ในห้องเรียนทำให้บรรยากาศไม่ชวนเอื้ออำนวยต่อการเรียน แล้วยิ่งการเรียนที่นับวันจะยิ่งยากขึ้นทุกวันก็ยิ่งกดดันทำให้นักเรียนหลายคนประสาทเสียไปตามๆกัน...
ยิ่งมีการต่อต้านเด็กหนุ่มน้อยลงเท่าไหร่ซาตานในหัวใจของเด็กหนุ่มมันก็ยิ่งยิ้มกริ่ม ยิ่งการทำลายมากขึ้นเพียงใดซาตานยิ่งโลดเต้น ยิ่งเด็กหนุ่มทำเลวมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น..!!!
และแล้วเด็กหนุ่มที่ได้ใจกับการต่อต้านจากคนในห้องที่ลดลงทุกวัน เขาก็เริ่มขมขู่รีดไถเงินจากเพื่อนในชั้นเรียนมากยิ่งขึ้น ถ้าคนไหนไม่ให้เขาก็จะค้นจนกว่าจะเจอ จนเขามีประโยคขมขู่ที่ติดปากเวลามีคนไม่ให้เงินเขาว่า “ถ้ากูค้นเจอ กูเอาหมด” ยิ่งนานเข้า เขาก็รีดไถได้แม้กระทั่งเด็กสาวในห้อง...
แล้วเรื่องที่เหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น!!..เด็กหนุ่มได้ไปหลงรักเด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่งในห้องเดียวกัน มิหนำซ้ำเรื่องที่มันมิน่าจะเกิดขึ้นได้อีกกลับปรากฏขึ้นอีกทำให้คนทั้งห้องตกตะลึงงงงันกันเป็นครั้งที่สองต่อกันเหมือนเรื่องประชด เด็กสาวคนนั้นยอมคบเป็นแฟนสาวของเด็กหนุ่ม!!
นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีแสงแดดสอดส่องลงมาในใจที่ดำมืดและด้านชาของเด็กหนุ่มอีกครั้ง ความสดใสและรอยยิ้มของเด็กสาวที่เหมือนกับฑูตสวรรค์ของพระเจ้านั้นทำให้เหล่าซาตานในจิตใจของเด็กหนุ่มหวาดกลัว พวกมันพยายามหลบลี้เข้าไปในซอกหลืบของจิตใจที่ลึกที่สุดของเด็กหนุ่มจากแสงสว่างที่สอดส่องลงมานั้น แล้วจ้องมองเด็กสาวด้วยความเคียดแค้นก่อนจะสถบด่าพระเจ้าด้วยความชิงชัง...
อะไรหลายอย่างในห้องเรียนดีขึ้น ห้องเรียนสดใสขึ้น อะไรหลายอย่างกระจ่างใสขึ้นยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนว่าโลกทั้งโลกของสองชายหนุ่มหญิงสาวมีเพียงกันและกันเท่านั้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความสุขเหล่านี้อันเหมือนจะราบรื่น กลับถูกทำลายลงโดย “ซาตาน”อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆตัวของเด็กหนุ่มนั้นเอง
ซาตานทั้งหลายที่ล้อมรอบอยู่รอบตัวเด็กหนุ่ม อันเป็นส่วนหนึ่งของการทำเลวระยำชั่วของเด็กหนุ่มนั้น พากันรวมตัวแซ่ซ้องด้วยความไม่พอใจที่เด็กหนุ่มทำตัวออกห่าง อันนำโดยเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ร่วมกระทำชั่วมากับเด็กหนุ่มมาโดยตลอด..
ความเหนื่อยยากของเหล่าซาตานที่ทำมากับเด็กหนุ่มกำลังจะเน่าสลาย ซาตานเบ้ปากกับอดีตที่พวกตนอุส่าทำมา พวกมันกำลังจะถูกขับไล่ออกจากจิตใจของเด็กหนุ่มซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และพวกมันไม่มีวันยอม.....
ซาตานครุ่นคิดที่จะต้องทำอะไรซักอย่างให้พวกตนคงอยู่ได้ และไม่มีทางที่พวกมันจะยอมให้เด็กหนุ่มหนีออกไปมีชีวิตที่มีความสุขเพียงผู้เดียว พวกมันครุ่นคิด คิด และก็คิดแผนการบางอย่างออกได้.....
ซาตานฉีกยิ้มกับแผนการอันชั่วช้าของตนเอง ก่อนที่จะแยกย้ายหลบลี้ซ่อนตัวในความมืดของจิตใจของเด็กหนุ่มเพื่อดำเนินแผนการบางอย่าง......ที่ชั่วช้าและเลวทราม
ซาตานเฝ้ากระซิบที่ข้างใบหูของเด็กหนุ่มทุกคืน กระซิบถึงความไม่น่าไว้วางใจของแฟนสาว กระซิบถึงจิตใจเหยียดหยามที่แฟนสาวมีต่อตัวเด็กหนุ่ม กระซิบต่อความหวาดกลัวที่แท้จริงเด็กสาวมีให้แก่เขา และกระซิบถึงความชิงชังของคนรอบข้างที่เห็นเด็กหนุ่มกำลังมีความสุข..... ค่อยๆลดความไว้เนื้อเชื่อใจที่เด็กหนุ่มมีต่อแฟนสาวทีละนิด ทีละนิด อย่างอดทน..
ไม่กี่วันต่อมาความก้าวร้าวอันเป็นสันดานดิบที่ซาตานมอบให้เด็กหนุ่มมันก็ระเบิดออกมา เขาลงมือกับเด็กสาวโดยไร้ความปราณี ทั้งตบ..ดึง..ทึ้ง ราวกับเด็กสาวเป็นสิ่งของ โดยมีเด็กหนุ่มอีกคนที่เด็กหนุ่มเรียกเขาว่า “เพื่อนแท้” พร้อมกับบริวารยืนดูด้วยรอยยิ้มที่มุมมืดของห้องเรียนด้วยความสะใจ...
เพียงคำพูดยุแหย่ของซาตานเพียงไม่กี่คำ ที่ปั้นลิ้นหลอกล่อมัวเมาว่าเด็กสาวนั้นไปมีคนใหม่พร้อมกับสร้างหลักฐานหลอกๆที่ถูกกุขึ้นมาอย่างลวกๆ เพื่อทำลายความไว้ใจของเด็กหนุ่มที่มีต่อเด็กสาวก็เป็นอันเพียงพอแล้วที่จะปลุกสันดานของซาตานในใจของเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นมาเริงระบำอีกครั้ง....
ตอนนี้ซาตานได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้ว.....!!!
ตอนนี้ความป่าเถื่อนและความรุนแรงของเด็กหนุ่มที่สุดจะทนนั้น ได้ไปจุดประกายไฟแห่งการต่อต้านของเด็กหนุ่มอีกกลุ่มหนึ่งที่เอือมระอากับพฤติกรรมของเด็กหนุ่มเต็มทนแล้ว พวกเขาคิดว่าถ้าความดีไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มได้ก็ถึงเวลาแล้วล่ะที่พวกเขาจะต้องจำเป็นที่จะต้องใช้พลังอย่างอื่นมาจัดการกับเด็กหนุ่มเสียที ต่อให้ต้องใช้พลังใหม่ที่จำเป็นต้องเลวกว่าเด็กหนุ่มพวกเขาก็จะทำ...
ยิ่งผิดหวังในรักมาก ก็ยิ่งแค้นมาก นี่เป็นสันดานของมนุษย์.... เด็กหนุ่มยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น เขาชกต่อยถี่ขึ้น มิหนำซ้ำยังทำตัวเป็นหัวโจกใหญ่ยกพวกข้ามไปต่อยตีกับบรรดาหัวโจกอื่นๆในโรงเรียนจนในที่สุดเขาก็สามารถยึดอำนาจด้านชั่วในโรงเรียนได้สำเร็จ ยิ่งความหวาดกลัวต่อตัวเด็กหนุ่มมีมากขึ้นเท่าใดเขาก็ยิ่งพอใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่เขาไม่มีทางรู้สึกตัวหรอกว่าความพึงพอใจเหล่านั้นแท้ที่จริงแล้ว มันคือความพอใจของเหล่าซาตานในใจของเขาต่างหาก....!!
เมื่อเขาครองโรงเรียนได้เขาก็เริ่มใช้ความกลัวเป็นเกณฑ์ในการขู่กรรโชกทรัพย์ เรียกเก็บค่าคุ้มครองจากคนในโรงเรียนที่อ่อนแอกว่าตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำเงินได้เด็กหนุ่มจะต้องเอามาให้ได้ไม่ว่าโดยทางใดก็ทางหนึ่ง...
เมื่อเงินดีจากธุรกิจมืดเล็กๆน้อยความโลภก็บังเกิดในสิ่งที่ให้ได้มากกว่า เงินดีกว่าและท้าทายกว่า อย่างการตั้งเก็งขโมยรถจักรยานยนตร์เป็นขบวนการ ขโมยทรัพย์สินของทางโรงเรียนจำพวกเครื่องอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน... เงินที่ได้มาจากธุรกิจมืดเหล่านี้หมดไปกับสิ่งฟุ่มเฟือย,เหล้า,ผู้หญิง แล้วท้ายที่สุดมันก็ไปลงที่ธุรกิจผงแห่งความตายอย่าง “ยาเสพติด”
เบื้องหลังกำแพงสีขาวที่กำลังผุกร่อนไม่แข็งแรงดังเดิมตามวันเวลา บิดาของเด็กหนุ่มต้องเคร่งเครียดอยู่กับพฤติกรรมที่เกินเยียวยาของเด็กหนุ่ม จนหลายครั้งที่บิดาของเด็กหนุ่มต้องกลุ้มใจจนต้องเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเสียบ่อยครั้ง แต่ยิ่งนานพฤติกรรมของเด็กหนุ่มก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกจนบิดามารดาของเขาแทบประสาทเสีย ส่วนมารดาของเขานั้นก็ได้แต่กลุ้มใจจนต้องก้มหน้าลงร้องไห้วันแล้วันเล่า......... อนิจจา..กำแพงเหล็กกล้าสีขาวที่ทอดยาวและสูงใหญ่ราวกับจะขวางกั้นได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งหัตน์ของพระเจ้า มาบัดนี้เหลือเพียงกำแพงที่ผุกร่อนอันถูกสาดฝนซัดชโลมอยู่อย่างเหน็บหนาวเพียงลำพังตามวันเวลา......
แล้ววันหนึ่ง..ในขณะที่เด็กหนุ่มได้ตั้งวงกินดื่มสุรากันอยู่หน้าสถานเริงรมย์นั้นเอง เด็กหนุ่มก็โดนชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดประกบที่ข้างๆ แล้วกระหน่ำยิงเข้าใส่กลุ่มของเด็กหนุ่มหลายนัดก่อนที่จะรีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีใช้ความมืดของราตรีกำบังไปอย่างรวดเร็ว....!!
ซาตานในร่างบริวารของเด็กหนุ่มสองสามคนนอนกลิ้งกระเสือกไปมาบนพื้นดินด้วยฤทธิแห่งมัจจุราชเหล็กกล้า กลิ่นคาวเลือดคลุ้งกระจายไปด้วยกลิ่นดินปืนที่ฉุนจนแสบจมูก....
เด็กหนุ่มยันกายขึ้นจากพื้นถนน มีเพียงเลือดจากบาดแผลกระสุนที่ถากต้นแขนเพียงเล็กน้อยที่ไหลซึมออกมาจากต้นแขนเท่านั้นเป็นหลักฐานของสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น.... ไม่น่าเชื่อที่มัจจุราชที่เพิ่งผ่านไปลงมือพลาด...... เด็กชายได้แผลเป็นมาประดับบารมีเพิ่ม และการถูกกระหน่ำยิงในระยะประชิดนี้เองจะเป็นตัวเสริมบารมีความชั่วช้าของเด็กหนุ่มได้อย่างดียิ่งในอนาคต
เป็นอีกครั้งที่ปีศาจยินดี ในความโชคดีของตนเอง...!!
ความมั่นใจในการถูกยิงในระยะประชิดแล้วไม่ตาย กลายเป็นความเชื่อมั่นในการทำความเลวของเด็กหนุ่มว่าจะไม่มีใครทำอะไรเขาได้ เด็กหนุ่มคุ้ยฟุ้งเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเรียนโดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนที่นั่งแอบชำเลืองมองกลุ่มของเขาจากมุมห้องแล้วพึมพำอย่างแผ่วเบาว่า
“คราวหน้าไม่ให้พลาดแน่!!!”
จากเพียงผู้เสพยาเสพติดเด็กหนุ่มก็ก้าวเข้ามาเป็นผู้จำหน่ายเสียเอง ณ ตอนนี้ เด็กหนุ่มสามารถขายทุกอย่างที่ทำเงินให้เขา และสนองตอบความพึงพอใจให้กับซาตานในใจของเขาได้ ตอนนี้ความเลวร้ายที่มนุษย์จักพึงกระทำเกือบทั้งมวลนั้น ได้ทุกประเคนและถ่ายทอดมาสู่เด็กหนุ่มจนเกือบหมดสิ้นแล้ว ปีศาจยิ้มย่องอย่างพอใจในความชั่วช้าที่เด็กหนุ่มนำมามอบให้จนเกือบหมดสิ้นแล้วเหลือเพียงก้าวสุดท้ายของเด็กหนุ่มที่กำลังย่างไปในเส้นทางแห่งความมืดอย่างช้าๆเท่านั้น ที่ซาตานกำลังเฝ้ารออย่างร่าเริง....
แต่แล้ว...เหตุการณ์ที่พลิกชีวิตก็ได้เกิดขึ้น เด็กหนุ่มถูกตำรวจจับกุมในข้อหาค้ายาเสพติด เงินจำนวนมากมายที่เด็กหนุ่มมีในครอบครองนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเงินที่ทางสายของตำรวจนำมาล่อซื้อยาเสพติดแทบทั้งสิ้น....
เด็กหนุ่มงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซาตานบริวารรอบตัวเด็กหนุ่มต่างแตกฮือหวังหลีกหนีซ่อนเร้นกลับเข้าไปในเงามือ แต่พวกมันก็ถูกมือที่ถูกเรียกวว่ากฎหมายฉุดกระชากสาวลากพวกมันออกมาจากเงามืดแล้วเหวี่ยงโยนมันออกไปยังสถานที่ๆเต็มไปด้วยแดดส่องเจิดจ้าสุดลูกหูลูกตา และพวกเด็กหนุ่มก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน ในขณะที่เด็กนักเรียนในห้องเรียนของเด็กหนุ่มพากันฉลองอย่างเงียบๆ...
ไม่นาน..เด็กหนุ่มก็ได้รับการปล่อยตัว เด็กหนุ่มแสยะยิ้มให้กับเหล่าบริวารที่ถูกโยนผิดบาปให้แล้วซักทอดให้การว่าเด็กหนุ่มอีกคนนหึ่งเป็นหัวโจกในการซื้อขายยาเสพติด แล้วบังคับขมขู่ตนเองให้ทำตามในการซื้อขายยาเสพติดตลอดมา
ด้วยลิ้นที่สอพลออันมาจากการเคี่ยวเข็ญอย่างยากลำบากขอซาตาน และน้ำตาที่บีบเค้นจากการเสแสร้งแบบสุดๆ ก็สามารถโน้มน้าวตำรวจให้เชื่อและปล่อยตัวเด็กหนุ่มออกมาอย่างไม่ยากเย็น..
ซาตานโห่ร้องยินดีกับอิสรภาพนอกกรงขัง แล้วยิ้มกริ่มอย่างพอใจให้กับความเลวริยำในการขายเพื่อนเอาตัวรอดของเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มเดินจากไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องอื้ออึงด้วยความโกรธแค้นของซาตานบริวารตนอื่นๆที่ยังถูกขังสิ้นอิสรภาพรอวันพิพากษาที่กำลังจะมาถึง....
ณ ตอนนี้เด็กหนุ่มได้ก้าวเข้ามาสู่ความมืดเต็มตัวแล้ว.....!!!
การหักหลังพวกเดียวกันทำให้เด็กหนุ่มบรรลุถึงจุดสูงสุดของเส้นทางแห่งความมืด แม้แต่ซาตานที่เลวร้ายที่สุดในหมู่มาร ก็ยังสามารถหักหลังกันเองได้นี่เป็นสัจธรรมของพวกมันเอง... เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ แล้วค่อยๆเดินเขย่งก้าวกระโดดอย่างอารมณ์ดีไปยังบันไดสู่ความมืดขั้นต่อไป สู่เส้นทางแห่งความเลวทรามเบื้องหน้าอย่างช้าๆ ทีละขั้นๆ.....
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากวันนั้นเด็กหนุ่มที่หัวใจเติมเต็มไปด้วยความมืด หรือ เด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยแสงสว่างคนนั้นจะก้าวเดินไปในเส้นทางแห่งความมืดต่อไปหรือไม่? เพราะหลังจากนั้นเขาก็ได้หายตัวไปจากที่บ้าน สาบสูญไปจากโรงเรียน สังคม และเพื่อนฝูง แล้วหายหน้าไม่ปรากฏว่าเด็กหนุ่มคนนั้นได้ไปปรากฏขึ้นที่ใด หรือมีใครได้รับข่าวคราวของเขาอีกเลย.......
เด็กหนุ่มผู้นั่งอยู่มุมห้องเรียนลุกขึ้นปิดสมุดบันทึก.....
เขาเดินลงจากห้องนอนแล้วก้าวขึ้นรถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะบิดคันเร่งให้รถทั้งคันพุ่งทะยานออกไปในราตรี.... จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ความทรงจำของเขาตราตรึงแน่นอยู่กับสถานที่แห่งนี้.
เด็กหนุ่มหลับตาลงลำลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ คราบเลือดจางๆที่จับกลุ่มอยู่บนพื้นถนนสะท้อนแสงไฟเป็นสีน้ำตาสะท้อนความรุนแรงของเหตุการณ์การยิงกราดเข้าใส่วงเหล้าของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ทางการยังไม่สามารถจับตัวได้..
ความรุนแรงของเหตุการณ์ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน มันเป็นความรู้สึกที่รุนแรง เคียดแค้น และหวาดกลัว ตีที่ที่สำคัญมันมีความรู้สึกที่ตื่นเต้นรุนแรงแฝงเข้ามาด้วย เด็กหนุ่มตัวสันเทาด้วยอารมณ์เขาอยากสัมผัสความรู้สึกเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง ถึงแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม....
เด็กหนุ่มซุกมือเข้าไปในเสื้อกันหนาว มือของเขาแตะเข้ากับท่อนเหล็กเย็นเฉียบ ท่อนเหล็กที่ทำหน้าที่เป็นมัจจุราชสีดำ ที่สามารถประหัตประหารผู้คนนับสิบได้ในเวลาไม่ถึงเพียงแค่เขากระพริบตา..... เด็กหนุ่มกระชับมันไว้ในมือแน่นด้วยใจที่กำลังเต้นแรงขึ้นอย่างทวีคูณ..
ในที่สุดเข้าก็ก้าวเท้าขึ้นสตราท์รถจักรยานยนตร์แล้วขี่ออกไปอย่างไร้จุดหมาย ณ นาทีนี้ เขากำลังมีความรู้สึกที่อยากจะสัมผัสความตื่นเต้นในคืนนั้นอย่างรุนแรง คืนที่เขาจอดรถประกบข้างวงเหล้าแล้วกราดยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นอย่างบ้าคลั่งโดยเขาอ้างมันว่าคุณธรรม....... ทุกนัดที่ผ่านลำกล้องออกไปมันเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และความเคียดแค้น แต่ตอนนี้เขาอยากจะปลดปล่อยความรู้สึกในตอนนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นเต้นผ่านลำกล้องปืนกระบอกนี้เสียจริงๆ......จะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีความแค้นกันมาก่อนก็ตามที... เขาต้องการจนแทบจะระงับไว้ไม่อยู่
เด็กหนุ่มขับรถจักรยานยนตร์ท่องตระเวนไปในราตรีอันดำสนิทพร้อมกับมัจจุราชสีดำในกระเป๋า เขาสอดส่องมองหาเหยื่อที่พอจะหาได้ในที่เปลี่ยวแล้วจอดรถเดินเข้าไปหาเหยื่อ แล้วกระชากมัจจุราชออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะจ่อเล็งไปทางเหยื่อเคราะห์ร้ายในทันที...!!
เมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วช้าจากเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไปสู่เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ความชั่วร้าย และความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นลูกโซ่ และแพร่ระบาดไปได้รุนแรงยิ่งกว่าโรคระบาดที่ร้ายแรงในยุคหน้า.....
“ปัง” เสียงมัจจุราชคำรามก้องตัดความเงียบงันของราตรี ร่างๆหนึ่งยืนหัวเราะด้วยความขบขัน และเริ่มเต้นระบำอย่างร่าเริงภายใต้แสงจันทร์ด้วยความสนุกสนาน ก่อนที่จะหายวับไปในรัตติกาล.....!!!
และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ซาตานกระทำการสำเร็จ มันฝากรอยเปื้อนที่เรียกว่า “ความชั่วช้า”ไว้บนโลกมนุษย์ได้สำเร็จอีกครั้ง แถมครั้งนี้มันยังเป็นรอยเปื้อนที่พระเจ้าไม่มีวันที่จะทรงซักมันออกไปได้จากโลกมนุษย์เสียอีกด้วย........ รอยเปื้อนเหล่านี้ก็ยังคงจะปรากฏขึ้นในโลกอีกนานเท่านานตลอดไปนอกเสียจากกว่า..
“มนุษย์ทั้งหลายนั้น จะรู้จักหลบหลีกรอยเปื้อนเหล่านั้นนั่นเอง.....!!”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ความคิดเห็น