คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : สัญญาณอันตราย
สัญญาณอันตราย
ดึกดื่นค่อนคืนที่คนส่วนใหญ่ในสังคมล้วนหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนารอคอยเวลาให้ดวงตะวันมาเยือนในย่ำรุ่ง แต่ก็ยังมีรถแท็กซี่สีเหลืองคาดด้วยลายขวางสีเขียวคันเก่าๆคนหนึ่ง ที่พาสภาพภายนอกที่ทรุดโทรมด้วยกรวดหินและน้ำฝนวิ่งวนไปมาทะลุตามตรอกซอกซอยที่มืดมิดอย่างเงียบเชียบอยู่เพียงลำพัง... ป้ายสี่เหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือที่ติดตั้งไว้ข้างหลังกระจกหันลมหน้ารถนั้นฉายแสงสีแดงตัดกับความมืดเป็นสัญญาณให้ผู้คนที่รอคอยรถแท็กซี่ในยามดึกรู้กันว่ารถคันนี้ ยังไม่มีผู้โดยสารที่กำลังใช้บริการอยู่....
“นคร” เกาะกุมพวงมาลัยรถที่เคลื่อนไปมาเล็กน้อยยามเมื่อถึงทางโค้ง สายตาของเขาไม่ได้สนใจที่พวงมาลัย หากแต่กำลังสอดส่องสายตามองหาผู้โดยสารที่อาจจะโผล่มาได้ทุกเมื่อจากเงามืดที่ห่างไกลจากไปถนน เขาจะต้องตื่นตัวแม้ว่าดึกดื่นซักเพียงใดมิฉะนั้นเขาจะยิ่งอดได้ค่าโดยสารที่ยิ่งหาได้อย่างยากยิ่งในตอนกลางคืน... เขาหวังที่จะเห็นผู้โดยสารยืนกวักมือเรียกใช้บริการของเขาจากย่านที่อยู่อาศัยแห่งนี้ แต่แล้วก็ต้องทำใจเพราะท่าทางคนแถวนี้จะหลับนอนกันไปหมดแล้ว เขาผ่อนเครื่องยนต์ลงและเตรียมหักพวงมาลัยเตรียมเลี้ยวรถกลับไปหาผู้โดยสารในเส้นทางอื่น แต่แล้วเขาก็เหมือนเห็นเงาคนอยู่ลิบๆสั่นไหวเหมือนกำลังกวักมือเรียก
ไฟหน้ารถแท็กซี่ถูกเปลี่ยนจากไฟต่ำเป็นไฟสูงสาดแสงขึ้นไปกระทบร่างๆนั้นเพื่อความแน่ใจของเขา และเขาก็คิดถูกเบื้องหน้าห่างไปไม่ถึง 400 เมตร มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังพยายามโบกมือให้เขาเห็นได้ชัดที่สุด!
“ได้ผู้โดยสารรายสุดท้ายของวันนี้แล้วเรา!!” เขาพึมพำ และค่อยเหยียบเบรกชะลอรถลงไปจอดเทียบกับทางเท้าอย่างสุภาพ โดยจงใจให้ข้างด้านหลังอยู่เทียบกับชายหนุ่มพอดี..เหมือนกับการเชื้อเชิญ
“ไปไหนครับ?” เขาถามอย่างสุภาพตามมารยาททันทีเมื่อชายหนุ่มขึ้นมานั่งอยู่บนเบาะหลัง
“ปึ้ง!!” ชายหนุ่มกระชากประตูรถปิดเต็มแรงด้วยอารมณ์ นครสะดุ้งแล้วมองไปที่เบาะหลัง เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ท่าทางเหนื่อยอ่อนแต่ยังดูกระวนกระวายยังไงชอบกล...
“ไปสุทธิสาร ซอย38” ชายหนุ่มตอบห้วนๆ แต่ตายังคงมองลอกแลกไปมายังวิวรอบๆตัว
“ครับ... สุทธิสาร ซอย 38 นะครับ” สิ้นคำตอบรับนครก็กดมิเตอร์คิดค่าบริการ ก่อนที่จะพารถแท็กซี่คู่ชีพบึ่งออกยังถนนใหญ่แล่นสู่เส้นทางที่เขาเคยชิน...
แสงไฟจากเสาไฟถนนยามค่ำคืนถูกความเร็วของรถแท็กซี่กระชากผ่านจนกลายเป็นแสงวูบวาบ นครยังคงขับรถไปตามหน้าที่และพยายามที่จะชวนชายหนุ่มที่นั่งเงียบคุยหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะปริปากเลยซักคำจนเขาต้องยอมถอดใจ อย่างไรก็ดีตาของเขาก็ยังไม่วายคอยชำเลืองมองดูภาพของชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลังอยู่บ่อยๆ... ที่น่าแปลกใจนั้นไม่ใช่ท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของชายหนุ่มเท่านั้น ที่น่าสงสัยที่สุดเห็นจะเป็นทุกครั้งที่เขาพารถวิ่งเข้าไป ณ จุดที่ห่างไกลจากผู้คนและมืดมิดเปล่าเปลี่ยว ชายหนุ่มมักจะทำท่าทางแปลกๆทุกครั้ง..!!
ตอนนี้ก็เหมือนกัน!.. รถวิ่งตัดผ่านทางลัดที่เต็มไปด้วยกองขยะที่มืดทึบ และเต็มไปด้วยพงหญ้าที่หนาทึบเทียมศีรษะ ชายหนุ่มก็มีท่าทางเลิกลักขึ้นมาทันที... เหงื่อของเขาไหลชุ่มโชกใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด..!!
มันเหมือนกับอาการของคนที่กำลังตื่นเต้นกับการตัดสินใจอะไรซักอย่างหนึ่ง..!!
นครกลืนน้ำลายคำโตลงลำคออย่างลำบากยากเย็น ผีห่าซาตานตัวไหนกันที่มันดลใจให้เขาคิดไปได้ไกลถึงขนาดนั้นกัน...
“ไอ้พวกนี้น่ะ..เวลามันขึ้นรถมามันมักจะกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดตลอดเวลา ไม่พูดไม่จาแม้ว่าเราจะชวนคุย” เขานึกถึงคำพูดของเพื่อนที่ขับแท็กซี่ในคิวรถเดียวกันที่เคยถูกปล้นมาก่อนแล้วมาเล่าให้เขาฟัง.... ยิ่งนึกก็ยิ่งใจเสีย เพราะที่เพื่อนเขาเล่ามามันเริ่มจะใกล้เคียงชายหนุ่มที่เบาะหลังเขา ณ ตอนนี้เข้าไปทุกขณะแล้ว!!
“เหงื่อมันจะออกเยอะผิดปกติ ทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศรถเรานะก็เย็นฉ่ำ” ยิ่งเขาคิดตามเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเริ่มซ้อนทับกับภาพของชายหนุ่มที่กำลังหายใจหอบแรงในกระจกหลังที่เขามองอยู่
“แล้วพอถึงที่เปลี่ยวๆ มันก็จะเริ่มทำท่าทางแปลกๆ” นครชำเลืองไปที่เบาะหลัง และยิ่งเห็นชายหนุ่มที่กำลังนั่งบิดไปมาอย่างถนัดตา...!! เขายิ่งใจไม่ดีเข้าไปใหญ่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่! ที่สำคัญเขาไม่เคยถูกปล้นมาก่อนเลยยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าต้องวางตัวในสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร!!..
“สุดท้ายพอมันเจอที่เหมาะๆ มันก็จะเอนมาที่ข้างๆที่นั่งคนขับแล้วบอกว่า....!” เขาเริ่มอยากภาวนาวิงวอนกับพระเจ้าให้เขาคิดผิดเอง อย่างน้อยก็ขอให้ชายหนุ่มไม่ใช่คนอย่างที่เขาคิด
“พี่จอดก่อน!!” จะไม่ให้นครสะดุ้งได้อย่างไร ก็อยู่ๆคนที่อยู่ด้านหลังก็มาบอกให้จอดชนิดริมฝีปากแทบติดใบหูอย่างนี้..... แถมตรงนี้มันยังเปลี่ยวสุดๆ!!
“เอี๊ยดดดดดด.....!!” เท้าของนครเหยียบเบรกเองตามสันชาติญาณด้วยความตกใจ รถทั้งคันถูกแรงเสียดสีของผ้าเบรกดึงให้หยุดชะงักจนล้อหลังแทบลอย ยังดีที่เข็มขัดนิรภัยทำงานของมันได้ดีเกินร้อยที่ยึดร่างของเขาไม่ให้พุ่งไปข้างหน้าที่มีกระจกกันลมรออยู่ แต่ชายหนุ่มเบื้องหลังไม่เหมือนกัน เขาถูกแรงกระชากนั้นทำให้เสียการทรงตัวถอยหลังซวนเซจนแทบจะหาที่ยึดกายไว้ให้มั่นแทบไม่ทัน!!
สติของนครแทบจะหลุดกระเจิง... แต่ประสาทสัมผัสในการต่อสู้ของเขากลับตื่นตัวพร้อมที่จะต่อสู้ป้องกันตนเองเต็มที่!!
“แล้วมันก็จะบอกว่า.... ส่งเงินมา!!” คำพูดของเพื่อนร่วมคิวยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันกำลังจะเข้าสู่ช่วงคับขันเต็มที่แล้ว...
“เอาวะเป็นไงเป็นกัน!!” นครคิดในใจพร้อมกับกำหมัดแน่นซ่อนไว้ข้างลำตัว
ชายหนุ่มโคลงหัวด้วยความมึนงงจากแรงกระแทก เมื่อเขาทรงกายได้แล้วก็หันมาจ้องมองที่นครขเม็งด้วยแววตาที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อ......! นครแทบวิ่งหนีด้วยแววตานั้น
“ขับรถภาษาห่าอะไรนี่?” ชายหนุ่มกระแทกเสียงอย่างอารมณ์เสีย... แต่นครไม่พยายามที่จะสบตากับเขา
“ช่างเถอะ... รีบๆทำธุระของผมให้เสร็จๆไปดีกว่า” ชายหนุ่มกล่าวอบ่างเรียบๆ แต่สำหรับนครแล้วตอนนี้คำพูดของชายหนุ่มมันเปรียบเหมือนกับคำสั่งประหารชีวิตของศาลสูงสุด ที่ไร้ซึ่งการอุธรณ์ก็ไม่ปาน....
“เอาแล้วไง!” นครคิดในใจ ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มชี้ชัดแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้มากกว่าการกวาดสายตาหาความช่วยเหลือออกไปยังเบื้องนอกที่พอจะอำนวยการเอาชีวิตรอดของเขาได้บ้าง แต่เขาก็ต้องหมดหวัง เพราะแถวนี้มันไม่มีอะไรนอกจากกองขยะขนาดใหญ่ที่มืดทึบเหมือนภูเขาสูงทมึน กับทุ่งกอหญ้าสูงท่วมหัวที่ไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วยิ่งเส้นทางอย่างนี้น่ะมันหมดหวังที่จะมีคนสัญจรผ่านไปมา..... เพราะแม้แต่เงาของหมาเขาก็ยังมองไม่เห็นแม้แต่ตัวเดียว!!
ฉับพลันสิ่งที่เขากลัวก็กำลังจะเกิด!! ชายหนุ่มล้วงมือกลับเข้าไปยังด้านหลังของกางเกงตัวเองอย่างช้าๆและท่าทางทรงอำนาจ ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ยิ่งเต็มไปด้วยเหงื่อไคลที่แข่งกันผลุดออกมาพร้อมกับลมหายใจที่ถี่รัว พร้อมกับส่งสายตาเหมือนกับสัตว์ที่มีความทุกข์อย่างเหลือประมาณได้มายังเขา... ไม่ต้องให้นครหรือเด็กสี่ขวบที่ไหนเดาก็พอสิ่งที่ชายหนุ่มเหน็บไว้ที่หลังกางเกงและกำลังจะล้วงมันออกมาใช้นี้มันจะเป็นอะไร? นอกเสียจากเจ้ามัจจุราชที่สามารถพ่นลูกตะกั่วคร่าชีวิตคนได้อันมีสีดำทมิฬเหมือนรัตติกาล!!
นครใจเสีย...!! กำปั้นกับปืนจะไปสามารถวัดอะไรกันได้ แล้วยิ่งที่แคบๆอย่างในรถยังงี้ถ้าเขาแสดงท่าทางขัดขืนมีหวังโดนยิงไส้แตกตาย แล้วเอาศพหมกซ่อนไว้ในก่อหญ้าสูงรอบๆนี่ ดีไม่ดีจะโดนเอาขยะฝังศพไว้ให้ตายอย่างหมาอยู่แถวๆนี้แน่ๆ...????
สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้เพียงอย่างเดียวก็คือ พยายามปกป้องชีวิตตนเองให้ได้ก่อน เรื่องเงินที่หามาได้เอาไว้ที่หลัง..!!
ในรถเงียบจนนครได้ยินเสียงหัวใจตนเองที่เต้นรัวเร็วยังกับกลอง เหงื่อหลายเม็ดไหลลงเป็นทางยาวข้างหน้าผาก ในขณะที่ชายหนุ่มวางมือลงบนบ่าของเขาอย่างรุนแรงด้วยอารมณ์ นครปิดตาหนีจากโลกแห่งความเป็นจริง.... เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มสามารถล้วงเอาของที่จำเป็นต้องใช้ออกมาจากข้างหลังได้เป็นผลสำเร็จ
“แค่แปบเดียว” ชายหนุ่มบรรจงกระซิบบอก นครกลั้นใจเตรียมรับกับสถานการณ์ พร้อมกับคิดถึงพ่อแก้วแม่แก้วไปด้วย เขาเตรียมใจรอฟังเสียงลั่นไกของปืนแต่โดยดี เพระต่อให้เขาวิ่งหนีออกไปข้างนอกแล้วใช้ความมืดเป็นเกราะกำบังแล้วรอดไปได้ หากแต่รถถูกชิงไปได้เขาก็เปรียบเหมือนตายทั้งเป็นอยู่ดี......... แต่ผ่านไปหลายวินาทีเสียงปืนก็ยังไม่ดังขึ้น ไม่มีแม้แต่เสียงขู่กรรโชกทรัพย์จากชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหลัง!!
เกิดอะไรขึ้น.... หรือว่าชายหนุ่มเปลี่ยนใจไม่ฆ่าเขาแล้ว? นครคิดในใจ
เขาปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอีกหลายวินาทีเพื่อความแน่ใจแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปอีกนาทีกว่าๆมันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี..... จนในที่สุดนครก็ตัดสินใจลืมตาขึ้น แล้งค่อยๆหันหน้าไปมองที่เบาะหลังด้วยใจระทึก!
เบาะหลังตอนนี้กลับว่างเปล่า...!! มีเพียงประตูรถที่ถูกเปิดทิ้งไว้ นครงงกับสิ่งที่เห็น มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงไม่ถึงสองนาทีที่เขาปิดตาลงและกลั้นลมหายใจ?
“หรือตอนนี้เราโดนยิงตายไปเรียบร้อยแล้ว?” เขาพูดกับตัวเองแล้วลองหยิกตัวเองดู
“อูยซ์!!” เขาร้องเบาๆ ความเจ็บปวดช่วยบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ มันยิ่งทำให้เขางงเข้าไปอีก....... แล้วชายหนุ่มคนเมื่อกี๊หายไปไหน? หรือ มันจะเป็นภาพหลอน?
นครคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้ต่างๆไปมาอยู่บนที่นั่งคนขับ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น,งง,ประหม่า และตกใจ ความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ค่อยๆผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ดอยู่เต็มสมองของเขา แล้วเขาก็นึกความน่าจะเป็นขึ้นมาได้อีกอย่าง!!
“หรือเมื่อกี๊.......... เราจะโดนผีหลอก??” นครคิดแล้วขนลุกทั้งตัว มันก็มีความเป็นไปได้ที่ว่าเขาดันไปรับเอาผู้โดยสารผีมา แล้วพอถึงที่เปลี่ยวๆก็จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแบบที่คนขับรถแท็กซี่คนอื่นๆเคยโดนกันมาแล้ว..... พอเขาคิดถึงเรื่องนี้แล้วมองไปรอบๆเห็นทุ่งหญ้าที่สั่นไหวไปตามแรงลมเหมือนเงาดำของคนหลายพันคนกำลังโบกมือให้แล้วนครก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาจับใจ...... เขามองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงและปรับไฟรถขึ้นสูงส่องตรงไปเบื้องหน้า!!
“มันจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมันเถอะวะ.... ตอนนี้ได้โอกาสแล้ว เผ่นไว้ก่อนดีกว่า” เขาคำรามด้วยความหวาดกลัว แล้วกระแทกเกียร์รถวิ่งทะยานตัดความมืดไปอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว.................................... พรุ่งนี้เช้า! คิวรถของนครก็คงจะมีเรื่องเล่าสยองขวัญที่เขาได้ประสบกับตัวเองในคืนนี้ ถูกบรรจุลงไปในเรื่องเล่าสยองขวัญที่จะกลายเป็นตำนานบทใหม่ที่จะถูกเล่าขานกันไปปากต่อปากกันในวงการของอาชีพของคนขับแท็กซี่ที่ควรระวังการรับผู้โดยสารยามค่ำคืนต่อไปอีกตราบนานเท่านาน.....
แสงไฟจากรถแท็กซี่หายลับไปแล้วในความมืด เหลือทิ้งไว้เพียงดงกอหญ้าและเศษซากของกองขยะไว้เบื้องหลัง... ในเงามืดของแสงจันทร์ กอหญ้าสูงเริ่มสั่นไหวอย่างผิดปกติของทิศทางลม พวกมันค่อยๆถูกเหยีอบย่ำและแหวกออกเป็นทางให้ร่างๆหนึ่งสามารถเดินออกมาได้สะดวกสู่เบื้องนอก... พอร่างนั้นปรากฏชัดและถูกแสงไฟสลัวๆจากถนนใหญ่ที่ห่างไกลสะท้อนมาโดน ก็ปรากฏเป็นร่างของชายหนุ่มคนนั้นที่ยืนเกาหัวด้วยความงุนงงว่ารถแท็กซี่ที่มันเคยจอดอยู่เมื่อราวห้านาทีที่แล้ว ณ ตรงนี้มันหายไปไหน? เขามองซ้ายมองขวาหารถแท็กซี่ แต่มองยังไงก็หาไม่พบ...!!
“อะไรวะ!.... แค่ขอลงไปปลดทุกข์แปบเดียวแค่นี้ก็รอไม่ได้?” ชายหนุ่มรำพันกับตัวเองด้วยความงุนงง ตอนนี้สีหน้าเขาผ่องใสขึ้นมาก และไม่ปรากฏคราบเหงื่อไคลที่มีต้นเหตุมาจากความทุกข์ทรมานในการอดกลั้นความทุกข์ที่อยากปลดปล่อย.....
ชายหนุ่มออกเดินภายใต้ท้องฟ้าที่ดำครึ้มอย่างช้าๆ ไปสู่แสงไปจากถนนใหญ่ที่เห็นอยู่ลิบๆพร้อมฮัมเพลงในคออย่างสบายอารมณ์.. ทิ้งไว้เพียงเศษซากของซองใส่กระดาษทิชชู่ที่เคยถูกเหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังไว้ ณ พื้นดิน และ...... ก้อนของเสียของร่างกายที่ถูกหมกไว้ในกอหญ้าพื่อไว้เป็นปุ๋ยให้กับธรรมชาติต่อไป!!
ความคิดเห็น