คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บันทึกรัก : ของชายผู้ไม่เคยรักใคร
บันทึกรัก:ของชายผู้ไม่เคยรักใคร
ฤดูร้อนกับลมอุ่นๆที่โชยมาใต้กองเมฆที่กระจ่างใสภายใต้ท้องฟ้าสีคราม... พอถึงฤดูกาลนี้ทีไร ผมก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นอธิฐานกับก้อนเมฆว่า “ขอให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง” .... แต่จนแล้วจนรอด 21 ปีที่ล่วงเลยมา ก็ยังไม่เคยมีอะไรดีๆดั่งที่ภาวนาเกิดขึ้นเลยซักครั้งเดียว จนกระทั่งถึงวันหนึ่ง....!
ห้องสมุด คือดินแดนแหล่งรวมความรู้ของนักศึกษาทุกชั้นปีในมหาวิทยาลัย ที่แห่งนี้มีผู้คนนับร้อยแปดพันเก้าวนเวียนสับเปลี่ยนกันเข้ามาใช้บริการอยู่ไม่ขาด ซึ่งถ้าการที่เราจะสุดตากับคนหนึ่งในพันคนที่เข้ามาใช้บริการนั้น คนๆนั้นจำเป็นต้องมีความโดดเด่นในตัวเองเอ่อล้นออกมาให้เห็นเด่นชัด หากเป็นผู้หญิงคงต้องเป็นคนที่สวยมาก หรือถ้าเป็นผู้ชายแล้วเขาก็ต้องหล่อมาก!... เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาในการสนใจคนบางคน แต่...จะแปลกไหม? ถ้าผมจะบอกว่าผมกลับสะดุดตากับผู้หญิงที่ดูแข็งๆเหมือนผู้ชาย แถมดูธรรมดามากๆเพียงเพราะเรื่องเล็กๆเรื่องเดียว!
“เคล้ง.....ง!!” ไม้บรรทัดเหล็กอันเล็กๆอันเดียวที่ตกลงบนพื้นของห้องสมุดที่เงียบงัน มันก็ดังเพียงพอแล้วที่จะดึงสายตาของทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตที่เสียงไปถึง และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มองเธอผ่านหนังสือเล่มหนาที่กำลังอ่านอยู่....
ผมมองดูผู้หญิงคนหนึ่งในเครื่องแบบชุดนักศึกษาชายที่กำลังพยายามก้มตัวลงเก็บไม้บรรทัดที่กระเด็นมาเกือบถึงเท้าของผม.... เธอทำท่าอึดอัดใจที่จะเอื้อมมือมาใกล้เท้าของผม ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกกังวล ผมก้มลงหยิบไม้บรรทัดอันนั้นส่งคืนให้เจ้าของๆมันด้วยความรวดเร็วของระยะทางที่ใกล้กว่า.... เธอกล่าวขอบคุณ และหยิบมันไปจากมือผมอย่างรวดเร็ว!
เมื่อห้องสมุดกลับสู่ความเงียบเหมือนเดิม ผมก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือต่อโดยไม่ได้สนใจเธออีก ตอนนั้นใครจะไปคาดคิดว่าตัวผมเองได้จดจำรูปร่างหน้าตา หรือแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอที่อยู่ๆก็ถูกพิมพ์ลึกลงไปในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..!!
วันต่อมาที่โรงอาหารของทางมหาวิทยาลัยในช่วงพักกลางวัน ผมก็เจอเธออีกในโต๊ะใกล้ๆพร้อมๆกับเพื่อนของเธอในทิศทางที่ผมสามารถมองหน้าเธออย่างตรงๆได้ถนัด น่าแปลก!..ที่ผมเผลอนั่งมองเธอที่กำลังหัวเราะอย่างร่าเริงพร้อมฉีกยิ้มกว้างอยู่กับเพื่อนฝูงไปพร้อมๆกับทานข้าวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่าเธอสามารถหัวเราะเสียงดังได้อย่างจริงใจ ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ผมเคยพบ พวกนั้นน่ะจะพยายามรักษาจริตของตัวเองไว้บ้าง(นิดหน่อย).... แต่ที่ผมไม่ สบอารมณ์ก็คือ เธอยังคงสวมชุดนักศึกษาชายอยู่ดี หากเธอสวมชุดกระโปรงและไว้ผมยาวคงจะน่ารักชนิดดาวมหาวิทยาลัยยังชิดซ้ายได้ทีเดียว....
ด้วยความสงสัยผมลองสะกิดถามทีรชัย เพื่อนในกลุ่มที่นั่งข้างๆ เขาเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง และมีข้อมูลทุกอย่างให้เพื่อนฝูง เปรียบเสมือนแหล่งข่าวกรองของคณะนิเทศศาสตร์ทีเดียว..!
“อ๋อ...คนนั้นชื่อเอม เด็กคณะบริหารธุรกิจ ปีเดียวกับเรานี่ล่ะ” เขาควักสมุดจดขึ้นมาพลิกหาข้อมูลเมื่อผมชี้ให้ดูเป้าหมาย
“ทำไมเขาใส่ชุดผู้ชายวะ?” ผมถามจริงจัง แต่ทีรชัยกลับหัวเราะชอบใจ
“มันเป็นทอมเว้ย ไม่เชื่อเมิงลองมองดูดีๆ ที่นั่งขนาบซ้ายขวาน่ะกิ๊กทั้งนั้น...!” ทีรชัยชี้ให้ดูหญิงสาวสองคนในชุดนักศึกษารัดรูปคับติ้วสองคนที่นั่งคนละข้างของเธอ....แต่ละคนสวยทั้งนั้น
ผมปฎิเสธทีรชัยที่ทำท่าทางหวังดี (แต่คาดว่าประสงค์ร้าย) ที่จะไปสืบหาข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับเธอมาให้ ตั้งแต่วันไหนที่เธอชอบตัดเล็บ จนถึงว่าเธอชอบหวีผมเฉลี่ยวันละกี่ครั้งในแต่ละวัน!
“ทุกอย่างบริการฟรีนะเว้ย...? เพื่อเพื่อน” ทีรชัยพูดหน้าทะเล้น แต่ผมรู้จักนิสัยมันดีเลยต้องรีบบอกปัดให้ไว เพราะขืนปล่อยมันทำไปรับรองมันทำจริงแน่ๆ... ผมพยายามที่จะไม่สนใจเธออีก และกลับมาทำหน้าที่ปกติทั่วไปในชีวิตประจำวันต่อไป.!
คุณเชื่อเหมือนผมไหมว่า? ถ้าคนสองคนถูกฟ้าลิขิตให้มาพบกันแล้วมันก็แคล้วกันยาก ขนาดมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่มันก็ใช่ว่าจะแคบ แถมผมกับเธอก็เรียนกันคนละคณะ เวลาว่างก็ใช่ว่าจะตรงกัน แต่วันหนึ่งกลับบังเอิญมาเจอกันวันละสามถึงสี่ครั้งนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อย เหมือนกับพระเจ้าอยากจะลองแกล้งลองใจที่หยาบกระด้างของผมดูเล่นๆซะอย่างนั้น..!!
แล้วันหนึ่งในการเรียนภาคฤดูร้อนก็ได้เริ่มต้นขึ้น ผมจำเป็นต้องลงเรียนเก็บหน่วยกิจในวิชาเลือกเสรีหนึ่งวิชา พอเริ่มเรียนเท่านั้นล่ะ!! ก็เหมือนกับพระเจ้าได้สนองความสะใจของตนเองทันทีที่ได้บันดาลให้เธอมานั่งอยู่ข้างๆผมทั้งๆที่ห้องเรียนมันว่างจะตายไป...... ด้วยความรู้สึกสนใจเป็นทุนเดิม บวกกับภาพรอยยิ้มที่โรงอาหารในวันนั้น มันยิ่งทำให้ใจของผมสั่นไปมาพร้อมกับจังหวะการเต้นตึกตักๆ จนรู้สึกหวิวๆชอบกล...!
เวลายังคงผ่านไปเชื่องช้าพอๆกับอาจารย์ที่พูดอย่างเยินเย้อ วิชานี้น่าเบื่อจนทำให้สติของผมแทบดับวูบไปหลายครั้งหลายคราแต่ก็ต้องทนวางท่าตั้งใจเรียนไว้ก่อน แต่พอมองไปข้างๆปรากฏว่าเธอฟุบหน้าลงหลับสนิทกับโต๊ะเรียนไปเรียบร้อยแล้ว ผมพินิจมองใบหน้าที่ไร้เดียงสายามหลับนั้นอย่างถี่ถ้วนโดยลืมนึกไปว่ามันเป็นการเสียมารยาท... ผู้หญิงคนหนึ่งหลับสนิทอยู่โดยเผยหน้าครึ่งหนึ่งผ่านเส้นผมที่ปรกลงมา ภาพของตาของเธอที่ปิดสนิท และปากสีชมพูที่เผยออกน้อยๆมันช่างติดตาตรึงใจผม จนความน่าเบื่อในการเรียนวิชานี้หายไปจนหมดสิ้น กลายเป็นความรู้สึกที่อยากให้เวลา ณ ตอนนี้เดินไปอย่างช้าๆแทน...!
โอ้พระเจ้า...! ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้น่ารักเป็นบ้าเลย!!” ผมอยากลุกขึ้นร้องตะโกนด้วยใจเต้นระทึกให้สุดเสียงจริงๆ แต่ขืนตะโกนออกมาในห้องเรียนตอนนี้ดูท่าเรื่องมันจะจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่!
แล้วโอกาสทองก็มาถึง เมื่อท้ายชั่วโมงอาจารย์สั่งงานที่ต้องทำเป็นคู่ แถมเป็นงานชิ้นใหญ่ที่ต้องลงมือทำตลอดทั้งปิดเทอมนี้ เหมือนพระเจ้าเป็นใจอีกรอบที่เผลอแปบเดียวคนอื่นๆก็จับคู่กันหมด คงเหลือแต่ผม และเธอที่พึ่งจะตื่นนอนแล้วยังไม่มีคู่!
“ขอโทษครับ คุณมีคู่หรือยัง?” ผมแกล้งถาม
“หื๋อ... คู่? คู่อะไรหรือ!” เธองัวเงียและยังขยี้ตาอยู่ในขณะที่ถาม... พอเห็นผมถนัดๆ เธอก็แสดงอาการอายที่ถูกคนอื่นเห็นหน้าตอนพึ่งตื่นนอน... แต่สำหรับผมแล้ว อากัปกริยาที่เธอทำทั้งหมดมันดูน่ารักมาก
“อาจารย์ให้จับคู่ทำงานชิ้นใหญ่สำหรับวิชานี้ครับ ผมยังไม่มีคู่ทำงานนี้เลย... คุณมีหรือยัง?” ผมยังคงแกล้งไก๋ไปเรื่อยโดยพยายามซ่อนรอยยิ้มที่มุมปาก ยังไงๆเธอก็ไม่มีทางมีคู่แน่ๆ เพราะคนอื่นในห้องไม่เหลือใครแล้วนอกจากผม
“อืม.... เรายังไงก็ได้แล้วแต่นาย... อ้อ! เกือบลืมถามไปนายชื่ออะไร?” เธอพูดด้วยสำเนียงแบบผู้ชายชอบพูดกัน มาตอนนี้ผมเริ่มเชื่อเจ้าทรีชัยบอกแล้วว่าเธอเป็นทอมจริงๆ แต่เรื่องนั้นผมสนใจซะทีไหนกันล่ะ!
“ผมชื่อ นิพ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมเลียนแบบหนังฝรั่งโดยยื่นมือให้เธอจับ
“เช่นกัน.. เราชื่อ เอม ฝากตัวด้วยนะ” ผมเห็นเธอยิ้มในท่าทางของผม ก่อนที่จะยื่นมือมาจับมือผมเขย่าเบาๆ
จากวันนั้นแทบทุกวันในช่วงการเรียนภาคฤดูร้อนเราสองคนก็ต้องไปที่ไหนๆด้วยกันเสมอ ถึงสถานที่ไปหลักๆนั้น มันจะเป็นห้องสมุดเพื่อค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อทำงานก็ตามที แต่ยิ่งนานด้วยความใกล้ชิดเราก็ยิ่งสนิทสนมกันขึ้นทุกที อาจจะเป็นเพราะเอมเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายด้วยนิสัยเหมือนกับเด็กผู้ชายที่ไม่ถือตัว และคุยสนุก ทำให้ในเวลาไม่นานเราก็สามารถหยอกล้อเล่นหัวกันได้โดยไม่ขัดเขิน.... แต่ที่แย่! มันก็คือความรู้สึกข้างในใจของผม ที่นับวันมันจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา จนแทบจะระงับไว้ไม่ได้อยู่แล้ว..!!
“มาขลุกทำงานทั้งวันกับเราแบบนี้ แฟนไม่ว่ารึไง?” เธอถามขึ้นลอยๆในวันหนึ่ง ตอนนั้นผมกำลังใช้ปากกาเคมีตัดขอบกรอบภาพอยู่ ผลของคำพูดนั้นมันทำให้ผมมือผมกระตุกพรือทำให้ผลที่ตามมาคือ รอยปากกาเคมีที่ขีดเป็นเส้นยาวตัดกึ่งกลางของภาพนั้น.... ผมมองหน้าเธออย่างงงๆ คนบ้าอะไรยิงคำถามได้เจ็บตรงใจดีแท้!!
“เป็นอะไรน่ะ?” เธอถามซ้ำ เมื่อเห็นผมนิ่งไม่ยอมตอบ
“แฟนเฟินมีที่ไหนกัน!... โสดจ้ะโสด แต่ไม่ค่อยจะสดเท่าไหร่นะ” ผมแกล้งพูดแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจ
“โห...!! เรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วยังอุส่าห์เป็นโสดอีก กึ๋น...น่ะ! มีบ้างหรือเปล่าเราน่ะ?” เธอพูดขำๆเชิงล้อเลียน แต่มันทำให้ผมรู้สึกฉุน
“ครับๆ ก็ใครมันจะไปหอบแฟนได้ทีละสองสามคนเหมือนใครบ้างคนล่ะครับ!” ผมบ่น
“หมายถึงใคร?” เธอดันได้ยิน และถามผมอย่างห้วนๆ
“........” ผมเม้มปากสนิทโดยไม่ยอมตอบ
“อ๋อ...! หมายถึงเอ๋กับแนทน่ะเหรอ? สองคนนั้นน่ะเพื่อนน่ะเพื่อนไม่ใช่แฟน....” แล้วเธอก็หัวเราะ ผมก็เลยแกล้งหัวเราะตามน้ำไปด้วย แต่ในใจกลับลิงโลดยินดีที่ได้ยินคำยืนยันจากปากเธอเองว่าทั้งสองสาวที่เห็นในวันนั้นไม่ใช่แฟนร่วมเพศของเธออย่างที่ใครๆเขาเข้าใจกัน....!!
ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปได้ด้วยดี ในฐานะของเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันจนสามารถคุยกันได้ในทุกเรื่อง เอมไว้ใจผมมากขึ้น ในขณะที่ผมเองก็ให้เกียรติเธอเสมอ! แต่แล้ววันหนึ่ง จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ของเราทั้งสองก็มาถึงโดยผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน...!!
คืนนั้นเอมมาเคาะประตูห้องของผมที่หอพัก ตอนนั้นผมกำลังหลับอยู่จึงงัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตูในสภาพที่ผมเผ้าฟูฟ่องเหมือนหญ้าชี้ฟ้า.... พอเปิดประตูไปเจอเอมผมก็ต้องสะดุ้ง! เพราะไม่นึกว่าแขกที่มาเยือนยามวิกาลจะเป็นเธอไปได้
“งาย... เจ๊! มีอะไรรึดึกดื่นป่านนี้แล้ว?” ผมทักในขณะที่กำลังพยายามปิดปากหาว พอชำเลืองมองนาฬิกามันก็ชี้บอกเวลาว่าตีสองกว่าแล้ว ดึกป่านนี้ไม่รู้ว่าเธอยังมีธุระอะไรอีก..!
“คอมฯ ที่ห้องเสีย ขอใช้เครื่องที่ของห้องนายพิมพ์งานต่อหน่อยสิ!.. เดี๋ยวเสร็จไม่ทันวันรายงาน” เธอพูดจบก็เดินผ่านผมเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย ในมือหอบหิ้วสมุดจดและแฟ้มงานดูพะรุงพะรัง ผมปิดประตูแล้วก็เดินกลับมานั่งบนเตียงมองดูแผ่นหลังน้อยๆของเธอที่กำลังตั้งน่าตั้งตาพิมพ์งานลงไปในคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ...!! ผมยิ้ม! ไม่ว่าจะเห็นภาพเธอที่ทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างนั้นซักกี่ครั้งผมก็ยังรู้สึกมีความสุข ยิ่งการได้อยู่สองต่อสองกับเธอในค่ำคืนแบบนี้มันก็ยิ่งรู้สึกโรแมนติคไปอีกแบบ...
ที่จริงในช่วงการเรียนภาคฤดูร้อนนี้ เธอก็มาที่ห้องของผมหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่เธอมาก็จะมีพวก “มาร” ติดตามมาด้วย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากบรรดาอดีตกิ๊กของเธอนั่นเองที่ยังอุตส่าห์เกาะติดเธอมาด้วยยังกับจิ้งจก... ไม่ว่าเจอพวกนั้นซักกี่ครั้ง ผมก็รู้สึกถึงความไม่ชอบขี้หน้าผมอย่างแรงจากพวกหล่อน แถมพอผมเข้าใกล้เอมทีไรพวกหล่อนก็จะขู่ฟ่อยังกับงูเห่า... แต่ช่างเถอะ! กว่าผมจะเข้าใจความรู้สึกของพวกหล่อนที่มีต่อผม ก็ตอนนี้เจ้าทีรชัยมากระซิบบอกว่าเอมประกาศบอกเลิกเป็นกิ๊กกับทั้งสองอย่างเด็ดขาดแล้ว..!!
“หมาห้วงก้างชัดๆ” ผมคิดในใจ แล้วก็พึ่งคิดได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่ห้องผมตามลำพัง ยิ่งตอนนี้มันดึกดื่นค่อนคืนแล้ว ถึงผมจะเป็นคนที่ให้เกียรติผู้หญิงมากเพียงใด แต่สำหรับผู้ชายทุกคนแล้วตบะมันก็มีขีดจำกัดที่พร้อมจะแตกได้ทุกเวลานั่นล่ะ!
“ตามสบายนะเจ๊.... ผมนอนต่อล่ะ!” ผมตัดความคิดฟุ้งซ่านในหัว แล้วทิ้งตัวลงนอนพยายามข่มตาให้หลับ มันเป็นทางเดียวที่ผมจะสะกดกั้นข่มใจไว้ได้ดีที่สุด
“นี่ถามจริงๆเถอะ?” อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาเรียบๆ แต่น้ำเสียงแฝงด้วยความจริงจังขึ้นมา
“หื๋อ..?” ผมตอบกลับด้วยเสียงในลำคอ แต่หัวยังคงซุกอยู่ใต้ผ้าห่มเพื่อหลบแสงไฟ
“นายเป็นเกย์หรือ?” เธอพูดเสียงเครียด มันทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ จนต้องผลุดขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว..... ผมจ้องหน้าเธออย่างไม่อยากเชื่อในคำถามนั้น!
“เกย์บ้าอะไร ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง!! ไปฟังใครพูดมาอีกล่ะนั้น??” ผมเลิกลัก
“อ้าว... ก็ไหนทีรชัยบอกว่านายเป็นเกย์” เธอทำหน้ายิ้มๆให้ มันทำให้ผมใจแป้ว
“โอ๊ย... บรรลัยแล้ว ไอ้เพื่อนเวร!!” ผมตบหน้าผากตัวเองดังฉาดด้วยหลังมือ ผมไม่แปลกใจเลยที่พรุ่งนี้ใครต่อใครจะได้ข่าวว่าไอ้ทีรชัยจะกลายเป็นศพหมกหอ..... ผมคิดแล้วอยากลุกไปกระทืบมันตั้งแต่ตอนนี้จริงๆ!
“แล้งก็เห็นนายไม่ยอมมีแฟนซักที... ก็เลบนึกว่าไม่สนผู้หญิงจริงๆ?” เธอยังคงพูดต่อ แต่แล้วจะให้ผมบอกเธอยังไงไม่ทราบว่าไอ้ผู้หญิงที่คุณพูดถึงอยู่นั่น มันเป็นตัวคุณเอง?
“แต่ท่าทางนายให้เกียรติผู้หญิงดีนี่ แปลก! ที่ไม่ยักกะมีใครมาชอบ” เธอหันมาทางผม
“ขนาดมีผู้หญิงหากลางดึกขนาดนี้ ยังไม่ยักกับออกอาการแปลกๆอะไรเลย” เธอพูดเองเป็นนัยๆ แต่กลับหน้าแดงเอง.. ยิ่งเธอทำท่าทางเขินอายอย่างน่ารักอย่างนั้นมากเท่าไหร่ จิตใจของผมก็ต้องต่อสู้กับความคิดต่ำๆประเภทให้กระโดดไปกอดเธอให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้ไปเลยมากยิ่งขึ้น
“ไอ้คนที่ชอบน่ะก็มีอยู่ แต่ไม่รู้เขาจะชอบเราหรือเปล่านี่สิ!” ผมตัดสินใจแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้วยังไงๆก็ต้องพูดออกไปให้ได้... เป็นไงก็เป็นกันวะ!!
“ใครล่ะ?” เธอถามงงๆ ผมเงียบไปหลายวินาทีก่อนที่จะตั้งใจสารภาพด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีต่อเธอ
“เธอไงล่ะเอม... เราชอบเธอมาตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกในห้องสมุดวันนั้นแล้ว..!” ในที่สุดผมก็ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นมานานออกไป.. แต่เธอกลับตะลึง!
“พูดเล่นหรือเปล่า?” เธอพูดแล้วหัวเราะเจื่อนๆ เพราะนึกว่าผมพูดเล่นตามนิสัยที่ผมชอบทำเป็นประจำ
“พูดจริง?” ผมพูดด้วยเสียงจริงจัง เธอเห็นผมจริงจังก็เริ่มหน้าแดงขึ้น ซักครู่หนึ่งจู่ๆเธอก็คว้าแฟ้มงานที่กองอยู่บนโต๊ะวิ่งหายออกไปจากห้องผมอย่างรวดเร็ว ผมวิ่งตามออกมาตะโกนไล่หลังเรียกชื่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่าไหร่เธอก็ไม่หันกลับมา... ผมเริ่มรู้สึกผิดที่อยู่ๆผมก็ฝืนกฎเกณฑ์ทำลายความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่ดีให้ขาดสะบั้นลง แต่ในใจลึกๆกลับรู้สึกโล่งใจที่ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองเก็บกักไว้มานานออกไป
จากวันนั้นเอมก็ไม่มาเรียนอีกเลย หลายวันผ่านไปโดยที่ผมไม่เห็นเงาร่าง และรอยยิ้มเคล้าเสียงหัวเราะของเธอมันทำให้ผมเจ็บปวด ผมเริ่มโทษตัวเองและคิดว่าเธอคงเกลียดผมไปแล้ว จนแม้แต่วันสุดท้ายของการเรียนที่ต้องนำเสนอผลงานที่ผมกับเธอร่วมกันทำมาให้อาจารย์ชม ผมก็ยังคงมองหาเธออยู่ด้วยความหวัง แต่ก็ยังไม่มีแม้แต่วี่แววของเธอ....
คู่สุดท้ายที่ต้องนำเสนอผลงานก่อนหน้าคู่ของผมกำลังแสดงผลงานอย่างร่าเริงเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในชั้น แต่ผมกลับมองดูพวกเขาอย่าไร้อารมณ์.... เมื่อการแสดงผลงานของพวกเขาใกล้จะจบลงผมก็ต้องทำใจที่จะนำเสนอผลงานด้วยตัวคนเดียว มันเป็นผลตอบแทนที่เจ็บปวดอันเนื่องมาจากการกระทำของตัวผมเอง!!
ผมเดินไปที่หน้าชั้นอย่างช้าๆด้วยสีหน้าเศร้าหมอง หลังเสียงปรบมืออย่างกึกก้องให้ผลงานของคู่เมื่อซักครู่
“นิพ!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากเบื้องหลัง ผมรู้สึกเหมือนโดนผีหลอก! แต่พอหันหน้าไปมองตามเสียงก็เจอร่างของเอมยืนอยู่ใกล้ๆ ในชุดของนักศึกษาหญิงเต็มตัวดูน่ารักสมกับตัวเธออย่างที่สุด.. ผมออกไปวิ่งไปหาเธอที่กำลังยืนยิ้มร่าคอยอยู่ทันที!
“หายไปไหนมาหลายวัน... นึกว่าเกลียดผมจนไม่ยอมมาเรียนแล้วเสียอีก?” ผมดีใจจนรู้สึกว่าน้ำอุ่นๆมันมาออกันอยู่ที่ขอบตา โดยพร้อมที่จะไหลล้นกันออกมาได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว...!
“ขอโทษ... แต่แหม!! ก็กว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่พวกนี้ก็เสียเวลาไปเป็นวันๆแล้ว” เธอยิ้มอวดๆอย่างร่าเริง เหมือนกับเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่
“แล้ว... ชุดเก่าไปไหนแล้วล่ะ ไม่ใส่แล้วรึ?” ผมถามงงๆ เธอหัวเราะร่า
“เธอจ๋า...! เธอน่ะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเวลาอยู่กับฉัน และให้เกียรติฉันมานานพอแล้วล่ะ คราวนี้ถึงคราวชั้นสลัดเปลือกเก่า แล้วทำตัวเป็นสุภาพสตรีให้เกียรติเธอบ้างสิจ้ะ!!” เธอพูดจบก็เดินมาหาผม แต่พอเดินมาได้สองสามก้าวก็ต้องสะดุดรองเท้าส้นสูงของตัวเองจนทำท่าจะล้มคว่ำ ผมถลาเข้าไปคว้าไว้แทบไม่ทัน...!
“แหะๆ... ยังไม่ค่อยชินกับรองเท้าแบบนี้น่ะ!” ผมยื่นมือให้เธอจับ
“เอ้า..จับไว้! จะได้ไม่ลื่นล้มอีก” เธอยื่นมือมาให้ผมจับด้วยรอยยิ้ม
“พร้อมรึยัง จะไปแล้วนะ?” เธอพยักหน้า
เราทั้งสองจับมือกันเดินตรงไปที่หน้าห้องเรียนอย่างช้าๆ ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของฤดูร้อนที่เราจะได้เรียนอยู่ด้วยกัน แต่ว่าวันพรุ่งนี้จะกลายเป็นวันแรกที่เราทั้งคู่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันในรั้วมหาวิทยาลัยในฐานะอื่น นอกจากคำว่า “เพื่อน” เช่นเดียวกัน................!!
ความคิดเห็น