คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คำสารภาพบาปของคนใกล้ตาย
คำสารภาพบาปของคนใกล้ตาย
__________________________________________________
ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเปลือยเปล่าท่อนบนอยู่บนขอบดาดฟ้าของตึกสูงในใจกลางเมืองกรุง.... ลมกลางคืนที่พัดแรงตามความสูงของตึกที่กรรโชกผ่านร่างของเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่านั้น หาได้ทำให้ร่างๆนั้นสั่นไหวเพราะแรงลมอันหนาวเย็นนั้นไม่...
ผมที่ยาวและหยาบกร้านเพราะไร้ความสนใจในการบำรุงของเจ้าของ ถูกลมกระชากให้ปลิวพลิ้วไหวไปมาตามลมเหมือนกับรากไม้ที่มีชีวิต แต่เขาก็ยังคงนั่งนิ่งปล่อยให้เส้นผมที่พลิ้วไปมาอย่างยุ่งเหยิงนั้นแตกกระจายปิดบังใบหน้า และทิ่มแทงดวงตาอย่างรุนแรง...
ณ ตอนนี้ ดวงตาและจิตสัมผัสทั้งมวลของเขาหาได้สนใจเส้นผมที่สะบัดไปมานั้นไม่ แต่สายตาของเขากลับทอดยาวมองไปยังหมู่ตึกเบื้องหน้าที่มีแสงไฟสลับกับความมืดเป็นระยะ แต่ภาพเหล่านั้นมันก็ช่างพร่ามัวไม่ชัดเจน อันมีสาเหตุมาจากน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาปิดบังทัศวิสัยของดวงตาไปจนแทบจะหมดสิ้น..... เขาค่อยๆยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อท่วมหางตาทั้งสองอย่างช้าๆเหมือนคนที่ไร้อารมณ์...
กว่า 4 ปี แล้วที่เขาจากบ้านเกิดเพื่อเข้ามาศึกษาต่อในเมืองกรุง กว่า 4 ปีแล้วที่เขาต้องทนทุกข์จากการห่างเหินของความอบอุ่นของครอบครัว และเป็น 4 ปีที่สูญเปล่าสำหรับตัวเขา และครอบครัว..
ชายหนุ่มยกขวดสุราชนิดที่ผลิตในประเทศไทยขึ้นจ่อริมฝีปาก ก่อนที่จะยกมันขึ้นซดเอาน้ำสีเอาพันเข้าไปยังลำเสียหลายอึก...
“เพล้ง..!!” ขวดสุราแก้วในมือถูกเขวี้ยงเต็มแรงไปโดนเสาต้นหนึ่งบนดาดฟ้าเข้าอย่างจังด้วยอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา มันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยแรงของชายฉกรรจ์ กลิ่นแอลกฮอลล์กระจายคลุ้งไปตามแรงลม...
เมื่อชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นเขาก็เซถลาไปเล็กน้อยด้วยฤทธิของสุรา จนต้องใช้มือข้างหนึ่งจับที่เสาอากาศที่อยู่อย่างโดดๆข้างกายเขาไว้ไม่ให้ล้มและทรงตัวให้มั่น ทั้งๆที่อากาศยามค่ำคืนบนตึกสูงเช่นนี้ค่อนข้างหนาวเย็นเพราะแรงลม แต่ร่างของเด็กหนุ่มกลับปรากฏเหงื่อเม็ดโตๆผุดขึ้นเต็มร่างกาย.... เขาก้มหน้าลงหอบถี่ๆนิ่งเงียบไปนาน พอลมหายใจกลับมาเป็นปรกติแล้วเขาก็ปล่อยเสาอากาศที่ใช้เป็นเครื่องยึดกาย สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะเชิดหน้าตาเป็นประกายมองลงไปยังถนนเบื้องล่างที่มีรถยนต์วิ่งกันขวักไขว่และผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาอย่างพลุกพล่าน ดูๆไปแล้วก็เหมือนจุดสีดำจำนวนมากที่เคลื่อนที่ไปมาอย่างไร้ระเบียบแบบแผน ซึ่งจากมุมนี้เขาสามารถมองเห็นทุกคนเบื้องล่างที่ผ่านไปมาเหมือนกับมองฝูงมดฝูงหนึ่ง นี่ล่ะมั้งคือความรู้สึกของพระเจ้าเวลาที่มองลงมาดูพวกเราที่อยู่ ณ พื้นเบื้องล่าง...!!
“หึ” อยู่ๆเขาก็รู้สึกขำในฝูงชนเบื้องล่างเขา ฝูงชนจำนวนมากมายเบื้องล่างในตอนนี้กำลังต้องการอะไร? คิดอะไรอยู่? บางคนข้างล่างหรือเกือบทั้งหมด บางคนก็ต้องการเงิน,ผู้หญิง หรือบางคนก็ต้องการที่จะกลับให้ถึงบ้านให้เร็วขึ้นอีกซักนิดโดยการพยายามเบียดแทรกขึ้นไปบนรถเมล์ที่มีคนหนาแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋อง หรือบางคนที่กำลังพยายามปลอบลูกน้อยที่ร้องไห้จ้าเพราะตื่นฝูงชน.... คนเหล่านนี้กำลังต้องการอะไร แล้วคิดเหมือนเขาหรือเปล่า....เขาคิด!!
แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาก็จะได้เวลาอำลาโลกที่แสนวุ่นวายแห่งนี้แล้ว... เขาจะมัวคิดเรื่องพวกนี้อยู่ใยให้ปวดหัว!!
เขาสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน และเป็นการกระตุ้นตัวเองจากพิษสุรา ก่อนที่จะออกเดินย่างก้าวอย่างช้าๆทีละก้าวๆ ไปยังขอบของดาดฟ้าตึกสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...ด้วยอารมณ์มากมายที่ปะดังเข้ามา และด้วยภาพอดีตที่ผ่านมากำลังฉายเข้ามาในหัวอย่างซ้ำๆ ภาพแล้วภาพเล่า....
“ชีวิตแสนสั้น...ใยต้องคิดสั้นตัดชีวิต” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆหูชายหนุ่ม เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที
“ใคร???” อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะได้อำลาจากโลกแห่งนี้ไปแล้ว... เขาชะงักเท้าแล้วหมุนตัวกลับมามองหาที่มาของเสียง
“อยากเป็นส่วนหนึ่งของรัตติกาลตลอดกาลเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?” เสียงนั้นยังคงดังต่อไป แต่แผงด้วยความเย้ยหยัน... ชายหนุ่มหันมองหน้าหลังตามหาเจ้าของสียง แต่ปรากฏว่าเจ้าของๆเสียงนั้นเข้ามานั่งทอดน่องอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างๆเข้านี่เอง....
หญิงสาวผมยาวสลวยถึงกลางหลังคนหนึ่งนั่งอยู่บนขอบตึกสูงโดยไร้ซึ่งวี่แววของความหวาดกลัว เธอสวมชุดนอนแขนขายาวสีฟ้าลายทางตัวใหญ่เหมือนของผู้ชาย ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ถูกปิดบังไว้ด้วยผมที่ยาวนั้น ทำให้ชายหนุ่มสามารถมองเห็นเพียงโครงหน้าของหญิงสาวได้เพียงลางๆจากแสงไฟสะท้อนจากตึกตรงข้ามเพียงเท่านั้น....
แต่ดูจากเค้าโครงหน้าแล้วหญิงสาวคนนี้คงจะเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งทีเดียว...!!
“เธอเป็นใคร?” แม้ชายหนุ่มจะยังสงสัยว่าหญิงสาวมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ความสงสัยที่ว่าเธอเป็นใครนั้นมีมากกว่า...
หญิงสาวหันมายิ้มให้นิดนึงแก่ชายหนุ่ม ลักยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นเป็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มช่วยเสริมเสน่ห์ให้แก่หญิงสาวในสายตาของชายหนุ่มในขณะนี้...
“แค่คนๆหนึ่งที่นอนไม่หลับ เลยขึ้นมาเดินเล่นรับลมน่ะ” เสียงใสๆของหญิงสาวตอบ
ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ... ดึกดื่นค่อนคืนอย่างนี้ดันมีคนขึ้นมาบนดาดฟ้าตึกที่สูงลิ่วเพื่อรับลม แถมมาขัดจังหวะในเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตในชีวิตของเขา จะเอาอย่างไรดีจะโดดๆลงไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีไหม? แต่ไม่ดีกว่า เรื่องที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย... มันจะกลายเป็นภาพติดตาที่ลบไม่ออกไปเสียเปล่าๆ...!!
“แล้วนายล่ะ..พักอยู่ที่นี่หรือ?” หญิงสาวถามโดยไม่ได้หันหน้ามา
“ อืม” ชายหนุ่มตอบรับเออออไปตามเรื่อง... ที่จริงเขาไม่ได้พักอยู่ที่ตึกแห่งนี้หรอก พอเขารู้สึกตัวจากความคิดสะเปะสะปะมากมายในหัวเขาก็ขึ้นมายืนอยู่บนนี้แล้ว..
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ท่าทางนายดูไม่ค่อยสบายใจนะ?” หญิงสาวยังคงรุกยิงคำถามต่อ เธอหันหน้ามาอย่างรวดเร็วจนแววตาของทั้งคู่นั้นได้ประสานกันอย่างจัง..
“นิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบแล้วบือนหน้าหนีทันที เขาไม่กล้าสบตากับแววตาคู่งามที่ส่อแววสงสัยอันทำให้ใจของเขาสั่นไหวคู่นั้นนานๆเป็นแน่..
เงียบกันไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มแอบภาวนาในใจให้หญิงสาวไปให้พ้นๆจากที่แห่งนี้เสียที เขาจะได้ดำเนินพิธีกรรมแห่งความตายของเขาต่อ.. ได้ผลเกินคาด!! ซักครู่หญิงสาวก็ลุกขึ้นเดินกลับไปยังเบื้องหลังของชายหนุ่ม..
แต่ปรากฏว่าหญิงสาวเพียงแค่เดินไปเก็บเศษแก้วที่แตกจากขวดสุราของชายหนุ่ม ที่กระจายอยู่บนพื้นเบื้องหลังชายหนุ่มเท่านั้นเอง..!
“ว้า....แย่จัง ใครกันนะเอาเศษแก้วมาทิ้งไว้กันนะ มันอันตรายนะนี่” เธอพูดพลางใช้กระดาษทิชชู่เก็บเอาเศษแก้วใส่ถุงพลาสติกไปพลาง..
ชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นกุมขมับ...เพราะหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยกลับไปอย่างง่ายๆและโดยดี ตอนนี้ข้างหลังของเขามีผู้หญิงในชุดนอนกำลังก้มลงเก็บเศษแก้ว และฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี..!!!
เขากำลังปวดหัวตุ๊บๆ จากเรื่องที่ชวนให้ช้ำใจจนอยากที่จะจบชีวิตของตนเองลงเสีย ณ ตรงนี้ และกำลังหงุดหงิดกับผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังผู้ไม่ยอมจากไปเสียที...
“เฮ้อ............!!” ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วทรุดลงนั่งลงที่ขอบตึกเช่นเดิม ตอนนี้เขาทำได้เพียงรอคอยเวลาให้หญิงสาวเบื่อและจากไป..
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ที่ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ ณ จุดนั้น เขากำลังคิดฟุ้งซ่านไปไกลว่า หากเขาจบชีวิตลงที่นี้แล้วจะมีคนที่ร้องไห้เพื่อเขาไหม แม่จะเสียใจเพียงไร? พ่อจะเสียน้ำตาเพื่อเขาบ้างไหมหนอ? แต่นั่นก็คงยังดีกว่าที่จะทนกลับไปที่บ้านแล้วนำความผิดหวังติดตัวไปมอบให้แก่ท่านทั้งสอง.....
“นี่!” เสียงนี้ทำให้ชายหนุ่มผงะถอยไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ พอรู้สึกตัวหญิงสาวก็มานั่งอยู่ข้างๆเขาแล้ว
“ไม่หิวเหรอ..เอ้า...นี่!” หญิงสาวยื่นขนมปังกับน้ำอัดลมจากในถุงสะดวกซื้อมาให้
ชายหนุ่มยังคงมองหญิงสาวอย่างงงๆ หญิงสาวเลยชักมือที่ถือขนมปังและน้ำอักลมกลับ......
“ถ้าไม่เอา.....เรากินคนเดียวก็ได้” เธอพูดงอนๆ แล้วก้มหน้าก้มตาเคี้ยวขนมปังด้วยท่าทางอเร็ดอร่อย...
ณ ตอนนี้ในโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล และราตรีที่ยาวนานแห่งนี้ จะมีคู่หญิงชายซักกี่คู่ในโลกกันที่กำลังนั่งกินขนมปังบนยอดตึกเช่นที่นี่ตอนนี้..
อยู่ๆชายหนุ่มก็รู้สึกหิวขึ้นมา......!!
เขาพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เช้านอกจากเหล้าขวดเดียวที่ถือติดมืออกมาด้วย เขาหันไปมองหญิงสาวที่ยังงอนอยู่ เห็นขนมปังในถุงพลาสติกที่เปิดอ้าไว้กว้างข้างๆเขาที่ เหมือนกับการเชื้อเชิญด้วยความหิวกระหาย แล้วเอือมไปยังขนมปังชิ้นนั้น....
“โอ๊ย!!” หญิงสาวก็ไวไม่แพ้กัน เธอหยิกเข้าที่มือข้างที่พยายามหมายจะหยิบขนมปังของชายหนุ่ม เขาร้องด้วยความตกใจมากกว่าความเจ็บ..
“ขอโทษก่อน!!” หญิงสาวตาเขียวใส่
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายมองขนมปัง แล้วมองดูหญิงสาวที่ท่าทางเอาจริงเอาจังขึ้นมา
“ขอโทษ” ชายหนุ่มพึมพำจนแทบไม่ได้ยิน
“อะไรนะ?....ไม่ได้ยิน!!” หญิงสาวแกล้งกวนประสาทเขา
“ขอโทษ” ชายหนุ่มตะเบ็งเสียง
“ครับ?” หญิงสาวแกล้งพูดเน้นคำลงท้ายประโยค
“ขอโทษ..........ครับ” ในที่สุดชายหนุ่มก็ยกธงขาวที่แสดงถึงความพ่ายแพ้ อันมาจากขนมปังเพียงแค่ก้อนเดียว
“ดีมาก.........เอ้า!นี่รางวัล” หญิงสาวยิ้มอย่างมีชัย ก่อนที่จะหันไปหยิบขนมปังอีกชิ้นหนึ่งมาเพิ่มให้ชายหนุ่มเป็นสองชิ้น
ชายหนุ่มนั่งเคี้ยวขนมปังอยู่อย่างเงียบๆ โดยมีหญิงสาวที่แกล้งเดินไปมาแอบมองหน้าชายหนุ่มที่สะท้อนกับแสงไฟเป็นระยะๆ
อยู่ๆชายหนุ่มก็คิดถึงบ้านขึ้นมา เขาคิดถึงแม่ คิดถึงอาหารที่แม่เคยทำให้กิน.... น้ำตาที่สะกดกั้นไว้ในเบ้าตามันก็เริ่มที่จะทะลักออกมาด้วยอารมณ์ที่พลุกพล่าน... ไม่นานนักหยาดน้ำตาใสๆก็ไหลลงมาจากนัยน์ตาข้างขวาเป็นทางยาวสะท้อนกับแสงไฟของตึกเป็นประกาย...
“นายร้องไห้อยู่หรือ?” ชายหนุ่มสะดุ้งรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา
“เปล่า”
“ยี้...คนโกหก เห็นอยู่ชัดๆว่าขี้แย” หญิงสาวล้อเขา
“ก็บอกว่า.....เปล่า!!” เสียงต่อล้อต่อเถียงของชายหนุ่มค่อยๆเบาลงๆ แล้วมันก็ถูกกลบด้วยเสียงสะอึกสะอื้นในลำคอ แม้ว่าลูกผู้ชายที่ว่ากันว่าเสียน้ำตาได้ยากยิ่งเพียงใดแล้วนั้น หากถูกรุกเร้าด้วยการจี้ใจดำมากๆเข้า บางครั้งพวกเขาก็ไม่อาจที่จะทนฝืนความรู้สึกไว้ได้ ทุกคนต่างก็มีเวลาที่อ่อนแอด้วยกันทั้งนั้น.... เขาชันเขาขึ้นแล้วซุกใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาแอบไว้หลังเข่าที่ชันขึ้นมานั้น...
“โอ๋.....ขอโทษ หยุดร้องเถอะผู้ชายตัวใหญ่ร้องไห้ดูไม่ดีเลยนะ” หญิงสาวหยุดล้อเลียนแล้วใช้มือตบหลังเขาเบาๆเป็นการปลอบใจ
“เราไม่รู้หรอกว่านายมีปัญหาอะไร แต่รื่องบางเรื่องน่ะ ระบายมันออกมาบ้างก็ดีนะ... คนเราน่ะเก็บเรื่องราวที่เป็นปัญหาทุกเรื่องไว้เพียงคนเดียวไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มยังคงสะอึกสะอื้น!!
“เฮ้อ..” หญิงสาวถอนหายใจในท่าทีของชายหนุ่ม
เวลาผ่านไปนานชายหนุ่มก็ยังคงสะอื้นอยู่ หญิงสาวปล่อยให้เขาอยู่ลำพังอย่างเงียบๆ ณ เวลานี้สิ่งที่จะปลอบใจเข้าได้คงมีเพียงเวลาที่ผ่านไปเท่านั้นที่จะทำให้เขาดีขึ้นเอง.... แต่ในที่สุดหญิงสาวก็นึกวิธีที่จะปลอบใจชายหนุ่มได้..
เธอเริ่มขับร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงใสๆ เหมือนกับเครื่องดนตรีแก้วที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างดี จึงจะสามารถส่งเสียงไพเราะจับจิตเหมือนดังเทวดามาร้องเพลงอวยชัยในให้ดังก้องไปในราตรีอันมืดมิดสะกดจิตใจที่ปวดร้าวของชายหนุ่มให้ผ่อนคลายลง....
“ขอพระองค์พระเจ้าประทานความสุข” หญิงสาวยังคงหลับตาพริ้มไปตามท่วงทำนองของเพลง
“ให้ลูกพ้นทุกข์ได้รักสุขศานต์” เสียงร้องที่เป็นคำสวดภาวนาปลุกชายหนุ่มให้ลุกขึ้นจากความเศร้าหมอง
“ให้รักซึมทราบตราบนานเท่านาน” เขามองดูหญิงสาวที่ในขณะนี้ที่กำลังวาดมือไปมาอยู่บนอากาศเหมือนวาทยกรมืออาชีพ..
“ขอองค์ภูบาลประทานพรหลั่งดั่งสายพิรุณ” เสียงเพลงช่วยทำให้เขาลืมเรื่องที่ทำให้เขาครุ่นคิด
“เพื่อสุขสมหมายมากล้นหนทางรัก...เอย” เสียงเพลงจบลง ชายหนุ่มยิ้มนิดหนึ่ง
“ฮันแน่..ยิ้มแล้ว...สบายใจขึ้นบ้างรึยัง?” หญิงสาวลุกขึ้นยืนมือทั้งสองข้างไพว่ไว้ข้างหลังแล้วก้มหน้าลงมามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่...
พระจันทร์เต็มดวงที่ถูกเมฆบดบัง ณ ตอนนี้ ได้ถูกสายลมเบื้องบนพัดเมฆให้เคลื่อนออกห่างจากกัน เผยให้เห็นแสงจันทร์นวลผ่องดวงกลมโตอยู่เบื้องหลังของหญิงสาว ณ เวลานี้.... มันเป็นภาพที่สะดุดความรู้สึกของชายหนุ่มในขณะนี้เป็นอย่างมาก......!!
“นิดหน่อย” ชายหนุ่มก้มลงหลบภาพเบื้องหน้าก่อนที่จะตอบ แต่ภาพเมื่อซักครู่เขาจะเก็บมันไว้ในความทรงจำตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
“บอกได้รึยังว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร?” หญิงสาวกระโดดขึ้นไปยืนบนขอบตึกโดยไร้ซึ่งความกริ่นเกรงแม้แต่น้อย...
ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือปัดเอาเส้นผมออกไปจากใบหน้าด้วยความรำคาญ พอเขามาคิดๆดูแล้วก็ถูกของเธอ มันไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะระบายความอ่อนแอให้ใครซักคนฟัง ยิ่งเป็นคนแปลกหน้าด้วยกันทั้งคู่ด้วยแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวที่จะถูกเอาเรื่องพวกนี้ไปโพนทะนากับคนอื่นๆที่รู้จักและได้พบเจอกันในชีวิตประจำวัน...
“ผมทำให้แม่ต้องร้องไห้!” ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ
“ทำให้พ่อต้องผิดหวัง!” หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ทำให้เวลา 4 ปีที่ทำมาต้องเสียเปล่า...จนแทบจะไม่เหลืออะไรเลย” เขากล่าวจบก็ลุกขึ้นยืนกางแขนทั้งสองข้างออกไปจนสุดแขน ราวกับอยากให้สายลมที่พัดมาสัมผัสกับตัวเขาทุกอณู
“แล้วทำให้ท่านผิดหวังในเรื่องไหนล่ะ?” หญิงสาวกระโดดเข้ามาใกล้
“เรื่องเงิน?” ชายหนุ่มสายหน้า
“เรื่องชกต่อย ทะเลาะวิวาท?” ชายหนุ่มสั่นหัว
“งั้น...!!” หญิงสาวหยุดคิด ใช้นิ้วจ่อที่ริมฝีปาก ท่าทางครุ่นคิดเอาจริงเอาจัง...
“เรื่องผู้หญิง....... นี่นานไปทำให้ใครเค้าท้องมาหรือเปล่า?” ชายหนุ่มหัวเราะพรืด.... เขาไม่ได้หัวเราะมานานแล้วตั้งแต่มีเรื่องกลุ้มใจเรื่องนี้เกิดขึ้น
“ผมยังไม่มีแฟน....หึๆ” เขาตอบไปหัวเราะไป ตอนนี้หญิงสาวกำลังจะเริ่มงอนที่เขาหัวเราะแบบไม่เกรงใจ หญิงสาวกระโดดหนีจากชายหนุ่มแต่ใบหน้านั้นกับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแว้บหนึ่งที่ริมฝีปาก.. .
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาแห่งความขบขันจากหางตา....
“น่า...อย่างอนน่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะซักหน่อย” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมหันมาชายหนุ่มก็เลยจำเป็นต้องง้อ ทั้งที่รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้า..
“งั้นตอบมา... มีเรื่องอะไรกันแน่ ฉันขี้เกียจเดาแล้ว” เธอถามโดยที่ยังหันหลังให้
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง................
“เรื่องผลการเรียนของผมน่ะ.!!” ชายหนุ่มตอบหลังจากนิ่งเงียบไปได้ซักครู่หนึ่ง
“ผล.....การ.......เรียน” หญิงสาวหันมาทำหน้ามึนงง แล้วค่อยๆลากเสียงทีละคำอย่างช้าๆชัดๆ
“อืม”
“เพราะเรื่องเพียงเท่านี้น่ะเหรอที่ทำให้นาย อยากที่จะ..ตาย?” เธอทำหน้าแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“อืม” ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้ว..มันแบบว่า..เอ่อ คือเกรดของเธอมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ผลการเรียนของเธอตอนนี้น่ะ?”
“ก็ไม่แย่เท่าไหร่..แต่ว่ามัน” ชายหนุ่มอึกอัก
“ขนาดที่จะโดนรีไทน์เลยหรือเปล่า?” หญิงสาวยังคงรุกต่อไป
“เปล่า”
“งั้นเกรดก็น้อยมาจนเกินไปเลยน่ะสิ” หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้
“เอ่อ..ก็เปล่า”
“หรือ..ต่ำกว่า 2.00?” หญิงสาวยังคงเดินเข้ามาใกล้ แล้วก็ก้มหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ก็เปล่าอยู่ดี” ชายหนุ่มพยายามถอยหนีให้ห่างใบหน้าของยิงสาวที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ข้างหลังของเขาคืออากาศธาตุอันเวิ้งว้าง... หากถอยไปมากกว่านี้มีหวังเขาคงต้องตกลงไปยังพื้นคอนกรีตเบื้องล่างเป็นแน่
“สรุป...แล้วเพราะอะไร?” ตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวอยู่ห่างจากชายหนุ่มเพียงแค่ฝ่ามือกั้นเท่านั้น ดวงตาและลมหายใจที่ถูกพ่นออกมากระทบใบหน้าของชายหนุ่มนั้น มันทำให้เขาเขินจนหน้าแดง ซึ่งเขาไม่อาจทนกับเหตุการณ์เช่นนี้ได้แต่ก็ทำได้เพียงแค่เบือนหน้าหนีจากเธอ
“เอ่อ..ก็” เขาเหลือบหางตามอง หญิงสาวยังคงจ้องหน้าเขาเม็ง..... ชายหนุ่มสูดลมหายใจรวบรวมความกล้า
“เกรดผมไม่ถึง 4.00 น่ะ !!”
“หา..อะไรนะ?” หญิงสาวแทยจะล้มทั้งยืนด้วยเหตุผลของเด็กหนุ่ม
“เกรดผม........ไม่ถึง 4.00”
“จะบ้าตาย...แล้วนายได้เกรดเท่าไหร่?”
“3.93” ชายหนุ่มสารภาพ
หญิงสาวหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วนั่งยองๆลงกอดเข่าไม่พูดอะไรอีก.......
“นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า!” ชายหนุ่มกังวลใจในท่าทางนิ่งเงียบของเธอ ถึงจะเจอกันไม่นานแต่การหันหลังให้กับคู่สนทนาของหญิงสาวนี้ เขาก็พอรู้ว่ามันเป็นการแสดงออกเวลาที่หยิงสาวจะแสดงอาการงอนออกมา.... เขายืนมือขวาไปหมายจะจับบ่าหญิงสาว...!!
ตอนนั้นเองที่ร่างของหญิงสาวสั่นเทิ้ม แล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะใสๆออกมาจนสุดเสียง.....!!
“.......” ชายหนุ่มยืนทำหน้างง หญิงสาวยังคงนั่งหัวเราะไม่หยุดจนชายหนุ่มชักฉุน และตั้งท่าที่จะเดินหนีออกมา..
“น่า...น่า อย่าใจน้อยนักเลย” หญิงสาวเดินตามมายืนข้างๆ ทั้งๆที่ยังปิดปากหัวเราะอยู่
“......” ชายหนุ่มไม่ตอบ
“ก็มันน่าหัวเราะจริงๆนี่ โธ่....มีอย่างที่ไหน คนเกรดตั้ง 3.9 กว่าๆ ยังอยากจะตาย หวังว่าโลกเราตอนนี้มันคงยังไม่ร้อนเกินไปหรอกนะนี่ เลยทำให้คนเราเพี้ยนไปหมด” เธอหัวเราะ
“เกรดมันไม่สำคัญขนาดนั้นมั้ง...เกรดมันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนะ”
“แต่มันสำคัญสำหรับตัวผมและครอบครัวที่เค้าหวังในตัวผม” ชายหนุ่มชักมีอารมณ์
“ในเรื่องไหนล่ะ?”
“พวกเขาต้องการให้ผมได้รับเกียรตินิยม” เขาพูดเสียงหนักแน่น
“แต่....เกียรตินิยมก็ไม่ได้ทำให้คนเราเป็นคนดีได้” หญิงสาวเสนอทางออก
“แต่มันทำให้เรามีงานทำ และกินอยู่อย่างอิ่มท้องได้.......!!” ชายหนุ่มกระชากเสียงใส่จนหญิงสาวต้องผงะด้วยความหวาดกลัว
“ขอโทษ........ ผมไม่น่าจะขึ้นเสียงกับคุณ แต่คุณคงไม่เข้าใจหรอกว่าคนที่เคยได้เกรดเฉลี่ย 4.00 มาโดยตลอดน่ะ พอถึงเวลาที่เราทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้วจะเสียใจซักแค่ไหน” ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดแรงไปเสียงอ่อนลง
หญิงสาวยืนกำหมัดแน่นทั้งสองข้างจนต้นแขนสั่นระริกด้วยอารมณ์ แต่แววตาที่แนวแน่ของเธอที่จ้องมายังชายหนุ่ม จนทำให้เขาสั่นสะท้านในแววตาคู่นั้น...
“เข้าใจสิ” ในที่สุดหญิงสาวก็เปิดปากพูดทำลายบรรยากาสที่ตรึงเครียด
“เข้าใจทุกอย่างเลยล่ะที่นายพูดมา”เธอยังคงพูดต่อไป
“แต่คนที่มันไม่เคยยอมที่จะเข้าใจอะไรเลยน่ะ....มันน่าจะป็นนายมากกว่า....!!”
หญิงสาวตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มแล้ววิ่งไปยังทางลงไปยังบันไดสู่ชั้นล่าง ท่ามกลางความตกตะลึงของชายหนุ่มที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกหญิงสาวขึ้นเสียง... แต่เหมือนหญิงสาวจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยหมุนตัวเอาร่างที่บอบบางนั้นกลับมาประจันหน้ากับชายหนุ่มอีกครา...
“อ้อ... แล้วก็อีกอย่างหนึ่งนะ มีคนในโลกนี้มากมายพอๆกับดวงดาวบนฟ้าที่เรียนๆแล้วได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึงครึ่งของนาย แต่พวกเขาก็สามารถที่จะจบไปทำงานหาลี้ยงชีพตน และครอบครัวได้อย่างมีความสุข”
เธอหยุดพูดแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ....
“มีแต่คนบ้าที่โง่เง่าเต่าล้านปีเท่านั้นล่ะ ที่จะด่วนตัดชีวิตของตัวเองไปอย่างง่ายๆโดยที่ยังไม่ได้พยายามทำอะไรที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเองแม้แต่เพียงอย่างเดียว...”
“คิดดูให้ดี...ไปล่ะ” พูดจบเธอก็วิ่งลงบันไดไป ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นจนเสียงฝีเท้าที่ก้องจากการวิ่งลงบันไดค่อยๆเบาลงๆ จนในที่สุดทุกอย่างก็กลายเป็นความเงียบสงตามเดิม..
สายลมพัดมาอีกครา แต่ชายหนุ่มก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เรื่องราวสองเรื่องที่ประดังเข้ามาในชีวิตของเขาในหนึ่งวันนั้น ตอนนี้มันกำลังผสมปนกันจนเขาเองก็ไม่สามารถแยกมันออกมาจากกันได้ ตอนนี้ร่างกายของเขาเมื่อยล้า และสมองก็อ่อนเพลีย....
เมื่อระบบความคิดของสมองถูกจำกัดด้วยความเมื่อยล้า สมองของเขาก็จะสั่งให้ร่างกายทำตามในสิ่งสุดท้ายที่ได้ตัดสินใจไว้ในขณะที่สติครบถ้วน... ขาของเขาค่อยๆก้าวไปเบื้องหน้าอย่างช้าๆ ไปยังพื้นที่ๆเป็นสุญญากาศที่ว่างเปล่า...อันถัดจากขอบตึกไปเพียงก้าวเดียว!!
อีกก้าวเดียวชีวิตนี้ก็จะจบลงแล้ว... แม้เมื่อซักครู่จะมีตัวกวนเข้ามาขัดขวางการตัดสินใจ แต่ความแน่วแน่ของจิตใจก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง...
ลมจากเบื้องล่างพัดขึ้นสู่ด้านบน... กระป๋องน้ำอัดลมที่วางทับกระดาษแผ่นหนึ่งบนขอบตึกถูกลมที่เปลี่ยนทิศกระทกจนกระเด็นตกลงไปเบื้องล่าง เมื่อสิ่งที่กดทับอิสรภาพหลุดลอยไปกระดาษแผ่นนั้นก็ถูกแรงลมโอบอุ้มปลิวตามลมมาติดอยู่หน้าอกของชายหนุ่ม...........!!
ชายหนุ่มก้มลงมองดูกระดาษแผ่นนี้ด้วยความรำคาญ ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องที่คอยเป็นอุปสรรคขัดขวางความตั้งใจของเขากันนะ... เมื้อกี๊ก็ถูกขัดขวางโดยผู้หญิงคนหนึ่ง มาตอนนี้ก็มาถูกกระดาษเพียงแผ่นหนึ่งขัดขวางซ้ำอีก... เขากระชากแผ่นกระดาษออกมาจาหน้าอกหมายขยำทิ้ง แต่แล้วเขาก็ต้องเอะใจกับอะไรบางอย่างที่ถูกเขียนไว้ในอีหน้าหนึ่งของกระดาษ...
ชายหนุ่มพลิกอีกหน้าหนึ่งของกระดาษขึ้นมาดูอย่างสนใจ........!!
บนแผ่นกระดาษเขียนไว้ว่า
ถึง คุณผู้ไม่รักในชีวิต
ชีวิตมีค่ามากกว่าที่คุณคิด หากมีปัญหาแล้วไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ด้วยตัว คนเดียว ก็ควรอย่างยิ่งที่จะกาคนมาช่วยคิดแก้ไข ไม่ใช่หลีกลี้หนีปัญหาโดยการจบชีวิต หากหาคนดั่งที่ว่ามาไม่ได้แล้ว เราก็พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ทุกเวลา........เสมอ!!
จาก ผู้หญิงขี้งอน
06-73xxxxxx
ชายหนุ่มยืนนิ่ง.... นี่ผู้หญิงคนเมื่อซักครู่เป็นห่วงเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เวลาผ่านไปอีกซักเล็กน้อยของชายหนุ่ม เขายังคงอยู่ในห้วงความคิดทบทวนในเรื่องที่หญิงสาวคนเมื่อครู่พูดมา จริงอยู่ที่เขายังสามารถจะแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้ด้วยสองมือที่ยังมี และสองเท้าที่ยังดี หากดูจากคนพิการที่เขาสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อแล้ว ปัญหาของเรานั้นมันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กมากส่วนเรื่องผลการเรียนนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่เราก็ยังสามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าในอนาคตต่อให้ไม่ได้รับเกียรตินิยมก็ยังสามารถที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตไปได้.....
“เอาล่ะ....ลองสู้ใหม่อีกครั้ง” หญิงสาวลึกลับได้ช่วยจุดประกายให้กับชายหนุ่มในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เหมือนกับเป็นคนใหม่ที่มีกำลังใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง...
ในขณะที่เขากำลังจะก้าวลงจากขอบตึกนั่นเอง สายลมที่พัดแรงที่สุดในทุกครั้งก็ได้พัดกระแทกร่างของชายหนุ่มอย่างเต็มแรงจนเขาเสียหลัก ชายหนุ่มต้องใช้มือทั้งสองข้างในการเกาะเกี่ยวเสาอากาศไว้ไม่ให้ตัวเองเสียศูนย์ตกลงไปข้างล่าง แต่ตอนนั้นล่ะที่ทำให้แผ่นกระดาษใบนั้นลื่นหลุดมือไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นเบื้องล่าง....!!
“อ๊ะ...เดี๋ยว” ชายหนุ่มอุทานก่อนที่จะเผลอปล่อยมือจากเสาอากาศ เพื่อคว้าจับเอาแผ่นกระดาษที่เป็นเหมือนกับใบเบิกทางสู่สวรรค์ใบนี้ไว้ไม่ให้หลุดลอยไปไหน....
อีกนิดเดียวเขาก็จะจับกระดาษไว้ได้แล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่ากระดาษใบนั้นกลับบินสูงขึ้นไปทุกทีๆ พร้อมๆกับแรงลมที่กรรโชกแรงมาจากเบื้องล่าง.... พร้อมๆกับความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหมือนเขากำลังบินอยู่ในอากาศเสียอย่างนั้น.....!!
“พลั่ก..!!!” เสียงก้อนเนื้อขนาด 60 กว่ากิโลกรัมตกลงมากระแทกพื้นคอนกรีตอย่างจัง สีแดงของเลือดสดๆแดงฉานสาดกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง........ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกของผู้ที่สัญจรผ่านไปมาเบื้องล่าง........................................!!
ชายหนุ่มนอนหายใจรวยริน....อยู่บนทางเท้า เลือดสดๆที่ไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่ถูกกระดูกในร่างกายหักทิ่มทะลุออกมาไหลเจิ่งนองไปทั่วทางเท้าเหมือนก๊อกน้ำที่แตก......
เมื่อซักครู่ที่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้ากระดาษใบนั้นไว้ได้ และเห็นมันค่อยๆบินสูงขึ้นไปนั้น มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าที่จริงกระดาษมันไม่ได้บินสูงขึ้นแต่เป็นเขาเองต่างหากที่ตกลงมายังพื้นเบื้องล่างนี้......... พอมาคิดๆดูแล้วตอนนี้เขาอยากหัวเราะให้กับการกลั่นแกล้งของโชคชะตา ทั้งๆที่เมื่อครู่เขาอยากที่จะตายแต่ก็ถูกขัดขวางตลอด แต่พอมาเมื่อกี๊เมื่อเขาไม่อยากที่จะตายเลยแม้แต่น้อยก็กลับถูกกระดาษที่เห็นเป็นใบเบิกทางสู่สวรรค์ทำให้เขาต้องมาอยู่ในสภาพนี้...
“อ๊อก......ก...!!” ชายหนุ่มเริ่มหายใจไม่ออก เขาอึดอัดเพราะลมหายใจที่ขาดห้วง กระดูกซี่โครงที่หักบางซี่คงทิ่มทะลุปอดเป็นรูทำให้ไม่สามารถเก็บอากาศไว้ไม่ได้ และอีกไม่นานเลือดที่ไหลออกมามากนี้คงทำให้เขาอกเพราะเสียเลือดมากและตายไปในที่สุด.... ตอนนี้ตาข้างหนึ่งของเขาถูกเลือดที่กำลังไหลออกมาจากบาดแผลที่หน้าผากกลบดวงตาจนมองเห็นโลกทั้งโลกกลายเป็นสีแดง.....!!
ในขณะที่สติของเขากำลังจะหมดไปนั่นเอง เขาก็ได้เห็นแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวพลิ้วสะบัดลงมาจากอากาศเบื้องบนอย่างช้าๆ มันถูกแรงลมดันให้สะบัดไปมาซ้ายทีขวาทีเหมือนอย่างจงใจ แต่สุดท้ายมันก็ตกลงบนหน้าอกที่โชกเลือดของเด็กหนุ่มอย่างนิ่มนวล......
ผู้คนที่รุมมองอยู่รอบๆ ต่างเห็นกระดาษสีขาวบริสุทธิ์บนหน้าอกของชายหนุ่มค่อยๆซึมซับเลือดสีแดงที่เจิ่งนองจนกลายเป็นสีแดงอย่างช้าๆ จนกระดาษทั้งแผ่นก็กลายเป็นสีแดงอำพัน....
มีเสียงหวอของรถพยาบาลฉุกเฉินที่ดังแว่วมาแต่ไกล กับเสียงสายลมที่พัดครวญครางยามราตรีเท่านั้นที่ยังคงดังก้องกระทบโสตประสาทของฝูงชนที่เฝ้ามุงดูเหตุการณ์นั้น นอกนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเงียบ...... ไม่มีเสียงอะไร แม้แต่เสียงลมหายใจของชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดด้วยรอยยิ้มอยู่ภายใต้แสงจันทร์........................!!
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ความคิดเห็น