คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สวรรค์สีเลือด
สวรรค์สีเลือด
ชายในชุดสีขาวแขนยาวหลุดลุ่ยถึงหัวเข่ากำลังยืนมองภาพของตนเองที่สะท้อนกลับมาจากในกระจกอันแตกร้าเป็นรอยยาว ณ กึ่งกลางในห้องน้ำ เขายืนทำหน้าบูดบึ้งเคร่งเครียดใส่กระจก และภาพที่ได้สะท้อนกลับมานั้น กลับกลายเป็นรอยยิ้มอย่างบิดเบี้ยวเพราะมุมของกระจกที่แตกร้าวทำให้ภาพผิดจากความจริงไป ไฟที่ติดๆดับๆทำให้เงาในกระจกผลุบๆโผล่ๆฉายภาพอารมณ์ต่างๆของเขาออกมาทีละอารมณ์ๆ เมื่อไฟกระพริบอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะดับสนิทปล่อยให้ความมืดเข้ามาครอบงำห้องๆนั้นอย่างถาวร ก็ปรากฏภาพของชายหนุ่มในกระจกที่ฉีกยิ้มให้ในขณะที่เจ้าของหน้าตานั้นเบื้องนอกยังคงทำหน้าบึ้งตึง..!! ทั้งสองรูปร่างใบหน้าเหมือนกันทุกประการ ยกเว้นที่ชายที่ยืนอยู่หน้ากระจกสวมเสื้อสีขาวแขนเสื้อยาวถึงเข่า และชายในกระจกสวมชุดเดียวกันเพียงแต่ชุดของเขาเป็นสีดำเท่านั้น..
“สวัสดีทวัช” ชายชุดดำเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เช่นกัน..ทวัช” ชายชุดขาวที่ปั้นหน้าบึ้งหน้ากระจกเอ่ยตอบ ดูท่าทางเขาไม่สบายใจนัก
“วันนี้มีเรื่องไม่สบายใจหรือคู่หู ดูท่าทางนายไม่ค่อยดีนัก?” ชายชุดดำยังคงถามต่อไป สำหรับความทุกข์และความสุขของชายชุดขาวเป็นเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาให้ความสนใจ! ชายชุดขาวนิ่งไปนานก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยเสียงอันสั่นเทา...
“มันกำลังมาทวัช... มันกำลังจะมาเอาตัวฉันไป” ชายชุดดำกอดแขนทั้งสองข้างมองซ้ายมองขวาด้วยสายตาหวาดระแวง
“อีกแล้วหรือ?... พวกมันจะจองล้างจองผลาญพวกเราไปถึงไหนกัน?” ชายชุดดำหุบยิ้มท่าทางโกรธแค้น
“ฉ......ฉันกลัวเหลือเกินทวัช ไม่รู้ว่ามันจะบุกเข้ามาถึงตัวเมื่อไหร่ ตอนไหน?” ชายชุดขาวยังคงกวาดสายตาไปมาทั่วห้อง และใจชื้นขึ้นหน่อยที่เห็นประตูห้องน้ำยังคงปิดสนิทและประตูนี้สามารถถูกล๊อกจากด้านที่ตนอยู่เท่านั้น...
“อย่าแตกตื่นไปทวัช... ตั้งสติไว้ อย่าลืมไปเสียสิว่านายยังมีฉันอยู่!” ชายชุดดำเอ่ยด้วยเสียงอันมีอำนาจจนชายชุดขาวไม่วายจะสะดุ้ง
“นั่นสินะ!” ชายชุดขาวคลายความกังวลลง แต่ข้างนอกประตูห้องน้ำตรงทางเดินกลับมีเสียงฝีเท้าของคนมากมายวิ่งย่ำวุ่นวายไปมาส่งเสียงเอะอะวุ่นวาย........ ชายชุดขาวหันไปมองทางทิศนั้นทันที!!
“เสียงอะไรน่ะทวัช?” ชายชุดดำถาม เขาพยายามจะหันไปมองที่ประตูตรงที่ชายชุดขาวหันไปมอง แต่ติดข้อจำกัดเรื่องมุมของกระจกทำให้มองไม่เห็น แต่เขาได้ยินเสียงหัวจของชายชุดขาวที่เต้นแรงขึ้นและมีเหงื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าไปทั่ว..
“พวกมัน! ... พวกมันมาแล้ว ฉันจะทำยังไงดีทวัช?” ชายชุดขาวลนลาน เสียงฝีเท้ายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วตามมาด้วยเสียงทุบประตูปึงปังพร้อมเสียงดังที่ทรงอำนาจลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นห้องน้ำเข้ามา...
“เรารู้ว่านายอยู่ในนั้นทวัช...ออกมาเสียดีๆ เรารับรองว่าจะไม่ทำร้ายนาย!” ชายชุดขาวสะดุ้ง เมื่อไม่มีเสียงตอบจากด้านในกลุ่มชายฉกรรจ์ข้างนอกจึงตัดสินใจที่จะพังประเข้าไป
“ปึง....ปึง!!” เสียงประตูไม้โดนของแข็งบางอย่างฟาดกระแทกเต็มแรง ชายชุดขาวสะดุ้งเมื่อเห็นลูกบิดที่ปิดล๊อกไว้กำลังจะต้านทานแรงเหล่านั้นไว้ไม่ได้แล้ว...
“หนีทวัช...! นายมองขึ้นไปข้างหลังนายแล้วจะเห็นทางรอด แล้วเดี๋ยวเราค่อยเจอกันข้างนอก” ชายชุดดำตะโกนบอก ชายชุดขาวหันกลับไปมองข้างหลังอย่างรวดเร็วจนเห็นจุดรอดที่ชายชุดดำบอก... เขายิ้มด้วยความดีใจ!!
“ตกลง.. เดี๋ยวค่อยเจอกันนะสหาย!” ชายชุดขาวกล่าวโดยไม่ได้หันหน้ากลับไปมองกระจก ชายชุดดำหายวับไปจากเงากระจกทันทีที่เขาพูดจบ กลายเป็นภาพเบื้องหลังของชายชุดขาวที่กำลังใช้โถชักโครกเป็นแท่นเหยียบปีนขึ้นไปข้างบนแทน..
“โครม...........!!” ประตูห้องน้ำถูกกระแทกพังเข้ามาทั้งบาน ชายในชุดกราวสีขาวหลายคนวิ่งกรูเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับอุปกรณ์บางอย่างในมือ แต่ในห้องน้ำนั้นหามีร่างของทวัชไม่... เขาได้ปีนหนีออกไปจากที่นั่นทางกระจกระบายอากาศบานเล็กๆข้างบนเสียแล้ว..!! ทั้งหมดวิ่งออกไปจากห้องอ้อมตัวตึกตามทวัชไปมีเพียงร่างในชุดกราวสีขาวคนหนึ่งที่ยังคงยืนจ้องหน้าต่างบานนั้นในห้องน้ำเพียงลำพังแล้วพึมพำเบาๆว่า..
“หนีไปได้อีกแล้วนะทวัช....!”
ทวัชในชุดขาววิ่งย่ำไปตามตรอกซอกซอยที่มืดทึบและคดเคี้ยวเต็มกำลัง เท้าที่เปลือยเปล่าของเขาถูกก้อนหินและเศษแก้วบาดเป็นแผลเหวอะหวะ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะมาห่วงเรื่องนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหรือตายอย่างไร ณ วินาทีนี้เขาก็ต้องกัดฟันวิ่ง วิ่งไปให้ห่างไกลที่สุดจากตึกสีขาวหลังใหญ่เบื้องหลัง และเขาจะไม่ยอมกลับไปสถานที่ๆเหมือนกับกรงขังนั้นอีก...... เขาต้องการที่จะไปไขว่คว้าหาสถานที่ๆจะมาเป็นสวนสวรรค์ของเขาเบื้องนอก....
พอเลี้ยวซ้ายผ่านโค้งข้างหน้านี้เขาก็จำได้ว่าจะเจอถนนใหญ่ คงพอที่จะโบกขอติดรถใครซักคนไปได้ไม่ยาก เขายิ้มและพยายามเร่งร่างที่อ่อนแรงนั้นเลี้ยวไปทางซ้ายทันที... พลันสายตาของเขาที่หันไปมองเบื้องมองทางถนนก็ส่งสัญญาณให้เขาหยุดเท้าที่ก้าวไปอย่างอัดโนมัดติ
ตรงจุดนั้นมีชายในชุดสีกากีหลายคนยืนคุมทางออกถนนใหญ่ไว้ พร้อมกับตะบองคู่กาย พวกนั้นกำลังมองสอดส่องสายตาไปมาตามถนน และซอกซอยต่างๆ.... เขาไม่สามารถผ่านทางนี้ไปได้อย่างแน่นอน...!!
เขายืนแนบกับกำแพงโผล่เพียงใบหน้าออกไปมอง เขาหน้าซีดจำได้ถึงความเก่งกาจในการตามหาตัวเขาของคนพวกนี้ที่มีระดับสูงกว่าพวกในชุดกราวสีขาวมากนัก แต่ที่สำคัญพวกนี้ลงมือในการจับเขาส่งกลับตึกสีขาวนั้นได้ทุกครั้งที่เขาพยายามหลบหนี แถมลงมืออย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น... แค่เขาคิดก็ใจสั่นเสียแล้ว
ชายชุดกากีคนหนึ่งหันหลังกลับมามองทางซอกตึกที่เขาอยู่พอดี เขาดึงหัวหลบกลับมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วชายชุดดำเห็นอะไรผลุบโผล่ตรงมุมตึก เขาค่อยๆเดินตรงมาที่ตรอกนั้นด้วยความสงสัยโดยกระชับกระบองมือแน่น.... แล้วกระโดดเข้าไปยืนขวางทางออกจากตรอกอย่างว่องไวสายตาจับจ้องไปยังทางออกอีกด้านหนึ่ง.... แต่เขาก็ไม่พบอะไร? เขาใช้มือดันหมวกอย่างหัวเสียก่อนที่จะสถบเดินกลับไปยืน ณ จุดเดิม
เมื่อชายชุดกากีเดินจากไปไกลกองขยะกองสูงที่มุมตรอกก็เคลื่อนไหว....! เขาคลานออกมาจากใต้กองขยะนั้นอย่างทุลักทุเล เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาสามารถรอดมาจากผู้ที่ตามล่า.. เศษกระจกแผ่นใหญ่เท่าฝ่ามือที่ตกอยู่บนพื้นฉายภาพเขาในชุดดำขึ้นมา..!
“ยอดเยี่ยมทวัช.. พวกนั้นคาดไม่ถึงแน่ๆ” ชายชุดดำฉีกยิ้ม
“ขอบใจทวัช... แต่ก็เกือบไปเหมือนกัน พวกนี้ความรู้สึกไวเป็นบ้า นี่ถ้าไม่ได้นายช่วยตะโกนบอกว่าตรงนั้นมีกองขยะฉันก็คงไม่รอดแล้ว..” เขากำลังพยายามแกะเอาเศษหนวดปลาหมึกที่ติดแน่นบนเส้นผมออก!
“แล้วฉันควรจะทำอย่างไรต่อทวัช?” เขาเร่งร้อนถาม
“ใจเย็นๆทวัช... ตอนนี้นายต้องหาทางออกไปจากตรงนี้ให้ได้เสียก่อนโดยไม่ให้พวกนั้นสังเกตเห็นนะ” ชายชุดดำในกระจกแนะนำ
“นั่นสิ!” เขามองไปรอบๆตัวเอง แต่ก็เห็นเพียงแค่ตึกสูงรอบกายที่ดำทะมึนกั้นแดดจนเห็นเป็นปราการสีดำสนิท เขามองอย่างหมดหวังที่จะปีนขึ้นไปบนตึกเหล่านั้นได้ แต่แล้วเขาก็หันไปเห็นกำแพงอิฐที่ไม่สูงมากนักที่กั้นตรอกนั้นไว้กับตึกๆหนึ่งไม่ห่างจากจุดที่เขาอยู่มากนัก..
“ฉันเจอทางออกไปจากที่นี่แล้วล่ะสหาย” เขาฉีกยิ้ม แล้วตั้งท่าจะวิ่งออกไป
“เดี๋ยวก่อนทวัช!!” ชายชุดดำกระซิบบอก
“มีอะไรรึทวัช?”
“มีใครกำลังมาทางนี้จากตรอกข้างหลังเรา... อาจจะเป็นพวกชุดกราวสีขาวก็ได้หลบก่อน!!” ชายชุดดำกระซิบซ้ำ เขาตอบสนองต่อคำสั่งในทันทีเหมือนกับทหารที่ถูกฝึกมา เขากระโจนกลับเข้าไปในก้องขยะแล้วแทรกตัวผ่านถุงขยะมากมายนั้นลงไปอย่างว่องไว และจริงอย่างที่ชายชุดดำพูดมีร่างๆหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากในตรอกด้านหลังจริงๆ...
ร่างนั้นก้าวเดินอย่างเร่งรีบเขามาใกล้เรื่อยๆจนเขาสามารถมองเห็นได้ถนัดว่าเจ้าของร่างนั้นแท้ที่จริงไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มผู้ล่า แต่เป็นหญิงสาวในชุดของพนักงานบริษัทสีน้ำเงินเข้มที่เดินด้วยท่าทางเร่งร้อนจนเสียงก้าวเดินนั้นสะท้อนก้องไปมาในตรอกที่มืดทึบ...
เขาเหลือบมองขึ้นไปยังท้องฟ้า และเห็นพระอาทิตย์ที่พึ่งจะขึ้นมาจากทางทิศตะวันออกได้ไม่ถึงกับตรงหัวพอดี บวกกับท่าทางที่เร่งรีบของเธอคาดว่าสาวคนนั้นคงกำลังรีบร้อนไปทำงานและหวังว่าคงจะไม่สังเกตเห็นเขาที่ซุกซ่อนอยู่ห่างจากทางเดินพอประมาณ..... เขาควรรอให้เธอไปให้พ้นจากตรอกนี้เสียก่อน แล้วค่อยรีบข้ามกำแพงที่กั้นอิสรภาพสู่สรวงสวรรค์ของเขา..!!
แต่ผิดคาด!! เพราะในมือของเธอมีถุงขยะสีดำใบเล็กๆ และตอนนี้ท่าทางเธอจะเดินตรงมายังกองขยะที่เขากำลังซ่อนอยู่... เขาเริ่มมีอารมณ์สับสนในการปรากฏตัวของเธอ....
“ถ้าเธอเห็นเราให้จัดการเสียก่อนที่เธอจะเอะอะ!” ชายชุดดำกระซิบบอกจากเศษกระจกบนพื้นเบื้องหน้า.. ชายชุดขาวพยักหน้ารับ
เธอเดินเข้ามาจนถึงกองขยะ เขากลั้นหายใจภาวนาอย่าให้เธอเห็นเขาเลย... ถุงขยะในมือถูกโยนลงไปที่กองและเธอหันหลังกลับตั้งท่าจะเดินจากไป เขาเองก็กำลังจะโล่งใจในการตัดสินใจนั้น แต่แล้วก็เหมือนจะสะกิดใจอะไรบางอย่างจึงหมุนตัวหันกลับมามองที่กองขยะสบตากับเขาที่เหลือบขึ้นมามองพอดี....... เธอตั้งท่าจะกรีดร้อง!
“กรี๊ด.................! อุ๊บ..” เสียงกรีดร้องของเธอถูกขัดขวาง เขาเข้าถึงตัวหล่อนก่อน เขาใช้มือข้างปิดปากของเธออีกข้างรวบแขนทั้งสองไว้ด้วยกำลังที่เหนือชั้นกว่า
“เงียบ!!” เขาสั่งด้วยเสียงเด็ดขาด ในขณะที่ชายชุดดำยิ้มร่า!... แต่หญิงสาวที่ส่งเสียงลอดออกมาจากฝ่ามือไม่ได้ก็ยังคงดิ้นรนหาอิสรภาพอย่างต่อเนื่องและพยายามที่จะกรีดร้องเต็มที่ตามสันชาตญานการเอาชีวิตรอด.... เขาฉุนจัด! คว้าเอาเศษแก้วแหลมน่าเสียวไส้ที่สะท้อนภาพชายชุดดำขึ้นมาจ่อที่คอของเธอ......!!
“ถ้าไม่เงียบ กูเชือดคอมึงแน่” เขากระซิบที่ริมหัวของเธอด้วยเสียงอันเฉียบขาด หญิงสาวน้ำตาไหลพรากแล้วอาการขัดขืนก็เงียบสงบลง... ชายชุดขาวเริ่มโล่งใจ เขาหวังว่าเธอจะเงียบไปนานพอที่เขาจะหาอะไรมามัดเธอทิ้งไว้แถวนี้ซักพักจะได้ไม่วิ่งโร่ไปบอกพวกชายในชุดกากีข้างนอกนั่น.. แต่ชายชุดดำกลับกลับหน้าบูดบึ้งด้วยความคิดนั้น!
“จะปล่อยไว้ทำไมให้ยุ่งยากทวัช ทำอย่างที่เคยทำสิ?” ชายชุดดำเอ่ยด้วยเสียงเว้าวอน
“แต่..... ฉันไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้วทวัช” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึกอัก หญิงสาวหันเหลือบสายตาขึ้นมองเขา เธอเห็นเขาพูดพึมพำอยู่คนเดียว........ ความกลัวเริ่มจับใจเธออีกครั้ง!!
“โธ่......... เราทำมามากแล้วทวัชจะมาคิดมากอะไรตอนนี้ อย่าลืมสิรสชาติของสรวงวรรค์ของเราสองคนน่ะ สวรรค์ที่เราคนหามันมีสีอะไรกันแน่..... นายอย่าลืมสิคู่หู” ชายชุดดำยังคงใช้วิธีกล่อมเขาต่อไป อยู่ๆเขาก็เห็นภาพของเขายืนอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางน้ำสีแดงทับทิมด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความพึงพอใจสุดขีด..
“ใช่แล้ว.... สวรรค์ที่เราใฝ่หามันต้องเป็นสีแดง” เขาทำหน้าเคลิบเคลิ้มในขณะที่หญิงสาวที่เห็นเขาพึมพำคนเดียวเริ่มพยายามหาหนทางที่จะรอดไปตอนนี้อีกครั้ง..
“โอ๊ย......ย!!” เขาร้องลั่นเมื่อโดนหญิงสาวกัดเข้าใส่งามมือเต็มแรงในขณะที่เขากำลังเผลอจินตนาการถึงสวรรค์อยู่ เขาสะบัดเธออกจากวงแขนด้วยความตกใจและก้มตัวลงปิดบาดแผลที่มีเลือดซึมออกมาตามสันชาติญาณ!!...
“ช่วยด้วย...........!” หญิงสาวฉวยโอกาสที่มัจจุราชปล่อยมือให้เธอเป็นอิสระออกวิ่งไปข้างหน้าและร้องตะโกน ในขณะที่เขายังคงนั่งกุมบาดแผลและหันไปมองข้างหลังของหญิงสาวที่กำลังห่างออกไปอย่างคับแค้น..! ตอนนี้ชายชุดกากีข้างนอกต้องได้ยินเสียงแจ้งถึงความผิดปกติแล้วแน่ๆ..!!
“จัดการเลยสิ.. จะปล่อยหล่อนไปทำไม? เธอทำนายเจ็บเธอต้องเจ็บกว่า” ชายชุดดำพูดด้วยท่าทางยั่วยุ เขากัดฟันมองดูร่างของหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีไปด้วยอารมณ์โทสะ เขาพุ่งตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว....
แรงกายและความรวดเร็วอันแตกต่างระหว่างชายกับหญิงทำให้เขาตามทันในไม่ช้า เขากระชากผมของหญิงสาวจากข้างหลังจนเธอต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก้องตรอกที่มืดทึบก่อนที่เขาจะใช้เศษกระจกนั้นแทงลงไปยังหลังต้นคอของเธอเต็มแรง... เธอกรีดร้องสุดเสียงในความโชคร้ายของชะตาชีวิต... เลือดสีแดงสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งตามตัวและใบหน้าของเขา.. ก่อนที่จะปล่อยให้ร่างที่ไร้ลมหายใจทรุดลงไปนอนแน่นิ่งที่พื้นดิน..
เขาทั้งสองยิ้มด้วยความสะใจ...!!
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ชื่นชมผลงานอย่างสบายอารมณ์ เสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังมุ่งหน้ามายังจุดที่มีเสียงกรีดร้องก็ใกล้เข้ามาทุกขณะจากทั้งสองด้านของตรอกนั้น..
“หนีเร็วคู่หู!” ชายชุดดำเตือนสติเขา หยาดเลือดสีแดงสดจากบาดแผลของหญิงสาวกำลังไหลลงมาบดบังภาพของเขาในกระจกให้เห็นเพียงเงาร่างชายชุดดำลางๆ...ใช่แล้วเขาต้องหนีแล้ว!!
เขาออกวิ่งไปยังกำแพงอิฐเตี้ยนั้นอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ในมือยังคงกำเอากระจกนั้นไว้ในมือแน่น.. เขาใช้แรงแขนเพียงข้างเดียวเหวี่ยงตัวข้ามกำแพงไปได้ด้วยความชำนาญ ทิ้งตรอกเบื้องหลังที่บัดนี้กำลังเอะอะของฝูงชนในการพบร่างที่ไร้ลมหายใจของหญิงสาวไว้เบื้องหลัง.. เขามุดรั้วอีกที่หนึ่งแล้วลัดเลาะไปทางหลังตึกที่ห่างไกลจากจุดสังหาร ก่อนที่จะนั่งลงพักเหนื่อยในสวนรกทึยข้างหลังของตึกๆหนึ่ง..
“ทำได้เยี่ยมมากทวัช” ชายชุดดำพูดในขณะที่เขายังคงหอบถี่ๆ
“ขอบคุณ!. เรื่องกล้วยๆแค่นี้เราทำได้อยู่แล้ว..!” ชายชุดขาวฉีกยิ้มให้ทั้งๆที่ยังมีเลือดที่แห้งกรังติดอยู่เต็มทั้งตัวและใบหน้าแลดูน่ากลัวยิ่ง..
“แน่นอนเราทำได้” ชายชุดดำยิ้มตอบ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะตอนนี้ชายชุดขาวกำลังอ่อนล้าจากการหลบหนีเต็มทน.. เขาหิวและต้องการพักผ่อน จนไม่ทันระวังตัวว่าตอนนี้กำลังมีชายในชุดกากีหลายคนสะกดรอยตามพวกเขามาจนจะถึงตัวอยู่แล้ว พวกเขาแอบย่องเขาทางด้านหลังชายชุดขาวอย่างช้าๆและเงียบกริบเหมือนเสือที่กำลังจะตะปบเหยื่อ......... กว่าชายชุดดำจะรู้ตัวและร้องเตือนก็สายไปแล้ว!!
“ระวัง..ทวัช!!” ชายชุดดำตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นชายในชุดกากีสองคนกระโจนเข้าใส่คู่หูของเขา แต่ช้าไปแล้วพวกนั้นเข้าถึงตัวชายชุดขาวเสียแล้ว กระจกในมือที่พอจะเป็นอาวุธได้ ถูกเตะกระเด็นไปตกอยู่ใกล้พงหญ้าเสียทางหนึ่ง แขนขาของเขาถูกล๊อกจากข้างหลังด้วยความชำนาญของผู้ล่าเหล่านั้น เขาพยายามดิ้นรนและชายชุดดำก็พยายามตะโกนเชียร์ แต่เพราะความแตกต่างของจำนวนบวกกับความเหนื่อยอ่อนล้ามันทำให้เขาดิ้นจนหมดแรง...!!
เขาพยายามเงยหน้าขึ้นจากการถูกกดให้คว่ำหน้าไว้กับพื้นดินมองดูชายในชุดกราวสีขาวที่กำลังเดินห้อมล้อมเขามาด้วยความชิงชังและหวาดกลัว เมื่อพวกชายในชุดกราวสีขาวเห็นเขาถนัด ก็ล้วงเอาเข็มฉีดยาขนาดเขื่องๆออกมาบรรจงเสียบลงไปบนต้นแขนของเขาอย่างช้าๆ... เขาพยายามดิ้นเร่าๆและร้องตะโกนด้วยความปวดร้าว..
“ไม่..............................ชั้นไม่อยากกลับ.........ไป...!!” เป็นคำพูดสุดท้ายที่ออกจากปากของเขาก่อนที่จะถูกความง่วงของฤทธิยาเข้าครอบคลุมโสตประสาทให้รู้สึกว่าเปลือกหนังตานี่มันช่างหนักเสียเหลือเกิน... ก่อนที่ตาของเขาจะปิดลงเขาเห็นภาพชายในชุดดำที่สะท้อนในกระจกกำลังพยายามตะโกนบอกอะไรบางอย่างสองสามคำ แต่ตอนนี้หูของเขาไม่รับฟังเสียงใดๆแล้วนอกจากเสียงอื้ออึงของสายลมที่พัดผ่านไป.........!! เมื่อเขาหลับตาลงภาพชายชุดดำในกระจกก็หายวูบไปปรากฏเป็นภาพชายหนุ่มที่กำลังนอนแน่นิ่งสิ้นสภาพอยู่บนพื้นดินแทน..
“เฮ้อ.... เล่นเอาเหนื่อยกว่าจะสิ้นฤทธิ์” ชายในชุดกากีปาดเหงื่ออกจากหน้าผาก
“ผมก็ว่าอย่างนั้น.. หมอนี่ร้ายเป็นบ้า นี่หนีออกมาได้เป็นครั้งที่ห้าแล้วกระมัง” ชายชุดกราวสีขาวที่กำลังเอาแขนเสื้อที่ยาวผิดธรรมชาติของชายหนุ่มบนพื้นมัดไขว่หลังเข้าด้วยกันพูดขึ้นในขณะที่มือก็กำลังสาละวนกับการยกชายหนุ่มที่หลับสนิกขึ้นนอนบนเปลหาม... เขาพึมพำว่า
“แถมคราวนี้ยังฆ่าคนตายอีก... เรื่องยาวแน่ๆงานนี้!”
“เขาเป็นโรคอะไรนะ?” ชายชุดสีกากีอีกคนพูดขึ้น
“เป็นโรคหวาดระแวง.... และมีสภาพบุคลิกภาพแตกแยก!! พวกนี้น่ะกลัวว่าจะมีใครเข้ามาทำร้ายตัวเองตลอดเวลา แต่ไอ้ที่เลวร้ายท่าสุดน่ะเห็นจะเป็นเห็นตัวเองอีกคนปรากฏออกมาเสมอๆในเวลาที่มีสถาณการณ์ตึงเครียดน่ะ..!” เขาอธิบายในขณะที่กำลังยกเปลขึ้นจากพื้นแล้วห้ามมันเดินตรงไปยังรถพยาบาลที่จอดคอยอยู่..
เสียงหวอของไซเรนฉุกเฉินของรถพยาบาลดังก้องไปทั่วบริเวณ รถพยาบาลวิ่งจากไปแล้วสู่ถนนใหญ่ที่คับคั่งไปด้วยรถยนต์มากมายหลายชนิด... จุดมุ่งหมายของรถพยาบาลคันนี้คงจะเป็นที่ไหนเสียไม่ได้นอกจากตึกสีขาวหลังใหญ่ที่ชายที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ในรถคันนี้พยายามที่จะหนีออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า..!! ในขณะที่ชายชุดกากียังคงเดินวนเวียนเคลียร์พื้นที่บริเวณจับกุมไปมาอยู่เบื้องหลังพลางบ่นพึมพำว่า
“โธ่... ไอ้คนบ้าคนนี้ทำป่วนไปทั้งกรม” เขาบ่นอุบอิบก่อนที่จะใช้คีมคีบเอาเศษแก้วที่ถูกใช้เป็นอาวุธสังหารหย่อนลงไปในซองพลาสติกหนา เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป.!!
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ความคิดเห็น