ตอนที่ 38 : บทที่ 40
ซูยีไม่รู้ได้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว รู้แต่เพียงว่าเขาใกล้จะตายจากจากคลื่นแห่งความสุขที่โถมทับไปทั่วทั้งร่าง ความรู้สึกนั้นสับสนระหว่างจริยธรรมกับความใคร่ ที่ทำได้ก็เพียงหอบหายใจ ร่างกายอ่อนแอราวกับไม่ใช่ของตนเอง ยามนี้แม้แต่คิดจะควบคุมเสียงของตนก็ทำไม่ได้แล้ว เสียงครวญครางของใครบางคนนั้นดังสะท้อนอยู่ในหู สุ้มเสียงลามกนั้นหลุดออกจากปากราวกับเขาพูดคุยด้วยภาษาที่ลามกอนาจาร เสียงกรีดร้องหวานเครือเป็นสัญญานของความสุขสมที่ทะยานขึ้นจนถึงจุดสูงสุด ซูยีแทบไม่อยากเชื่อว่าผู้ที่ส่งเสียงนั้นคือตนเอง
สองขาเรียวยังคงวางพาดอยู่บนบ่าของหวางเอี๋ยนซู แต่เพราะมีหวางเอี๋ยนซูยึดจับอยู่ หากมิเช่นนั้นสองขาอ่อนแรงของซูยีก็คงจะร่วงหล่นไปนานแล้ว ประสบการณ์ครั้งแรกนี้แตกต่างจากที่ซูยีคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ซูยีไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง เขาไม่สามารถทำตัวเย็นชาตามที่ตั้งใจไว้ได้ ตอนนี้ไม่เพียงไม่แยแสกับความต้องการของหวางเอี๋ยนซู แต่ยังยอมรับกับความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างไม่สามารถต้านทานได้ ความทรมานจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทำให้ซูยีรู้สึกเหมือนว่าตนเองใกล้จะคลุ้มคลั่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ท่วมท้นช่องทางด้านหลัง เป็นหวางเอี๋ยนซูที่ได้ปลดปล่อยสายน้ำรักไว้ในช่องทางอบอุ่นนั้น
ห้องนอนพลันเงียบสงัดไปชั่วครู่ แสงอาทิตย์ยามเย็นลอดผ่านมาทางหน้าต่าง สองร่างบนเตียงหอบหายใจถี่แรงหลังผ่านการประกอบกามกิจ หวางเอี๋ยนซูล้มตัวลงนอนแล้วรั้งร่างของซูยีเข้ามากอด “ซูซู เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ข้าตั้งใจว่าจะอดทนกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ข้าทำโดยไม่รู้ตัว ไม่สามารถหยุดตัวเองได้...” ก่อนที่จะจบประโยค ซูยีก็พูดขัดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าขาวซีด “ไม่...ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าขอร้องท่าน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
หวางเอี๋ยนซูหยุดพูดเพราะเข้าใจดีว่าซูยียังไม่สามารถคลายปมในใจได้ และยังคงทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิด หวางเอี๋ยนซูมองเห็นรอยเลือดที่ไหลเป็นสายยาวลงมาจากต้นขาด้านในของซูยีพร้อมกับร่องรอยของของเหลวสีขาวค่อย ๆ ที่ไหลออกมาผสมกับรอยเลือดนั้นจนกลายเป็นสีชมพูจาง ๆ นั่นเป็นเมล็ดพันธุ์ของเขาที่อยู่ในกายของซูซูอันเป็นที่รัก ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ในที่สุดซูซูก็เป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
เมื่อความคิดนั้นเข้ามาในสมอง อวัยวะที่อยู่กลางลำตัวก็พลันผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้คนทั้งคู่นอนกอดกัน เนื้อสัมผัสเนื้อ ซูยีจึงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ จึงรีบขยับตัวถอยออกห่างจากอีกฝ่ายทันที คล้ายกับกระต่ายน้อยที่โดนสุนัขต้อนให้จนมุม ตามสายตาของหวางเอี๋ยนซูแล้วปฏิกริยาของซูยีที่แสดงออกมานั้นทั้งน่ารักและน่าสงสาร เขาจึงสะกดกลั้นความต้องการที่รุ่มร้อนในช่องท้องให้หายไปอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าร่างของซูยีมากอดไว้แน่น “ซูซู เจ้าไม่ต้องกลัว นี่เป็นครั้งแรกของเจ้า ตอนนี้ข้าจะยังไม่ทำอะไร” พูดจบก็อุ้มร่างของซูยีขึ้น “เจ้าในตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ เลือด และ...สิ่งนั้น...ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อชำระล้าง”
ซูยีรีบละล่ำละลักบอก “ข้า...ข้าทำเองได้” แต่หวางเอี๋ยนซูกลับหัวเราะ “เจ้าจะทำได้อย่างไร ตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะเดิน เจ้ายังไม่มี ให้ข้าไปด้วยจะได้ช่วยดูอาการบาดเจ็บของเจ้า เราสองคนตอนนี้ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน เจ้าจะอายทำไม”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร หวางเอี๋ยนซูก็อุ้มซูยีเดินไปยังห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ของตำหนัก ในห้องนั้นตกแต่งด้วยหยกสีเขียวเรืองรองและไข่มุกขนาดมหึมาจำนวนมาก เสาหินอ่อนเรียงรายตะหง่านจรดหลังคา หลังผ้าม่านปักลายวิจิตรละเอียดละออซ่อนสระน้ำที่ทั้งใหญ่โตและตกแต่งไว้อย่างงดงาม หวางเอี๋ยนซูเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็น “จักรพรรดิ์ฉีช่างรู้จักวิธีหาความสำราญนัก สร้างห้องน้ำงดงามราวกับแดนสวรรค์” เมื่อหลุดคำพูดออกไป ก็นึกขึ้นได้ว่ามันอาจจะทำให้ซูยีรู้สึกเสียใจ เขาจึงไม่พูดต่อ
กลีบดอกไม้มากมายลอยกระจายอยู่ในน้ำ ผู้ที่นำมาลอยเป็นนางกำนัลเดิมที่เคยรับใช้ในพระราชวังของฉี เมื่อหวางเอี๋ยนซูได้กลิ่นหอมรุนแรงนั้นก็พลันขมวดคิ้วแล้วถามนางกำนัล “พวกเจ้านำดอกไม้พวกนี้มาจากที่ใด?” นางกำนัลรับใช้รีบทูลตอบ “พวกหม่อมฉันนำมาจากสวนดอกไม้ของพระบรมหาราชวังเพคะ” หวางเอี๋ยนซูทำเสียงไม่พอใจ “ตอนนี้ก็แล้วกันไปเถิด แต่ต่อไปไม่ต้องโรยกลีบดอกไม้พวกนี้อีก ข้ากับซูซูไม่ชอบ เมื่อก่อนนี้เจ้าอาจจะเคยปฏิบัติเช่นนี้กับเจ้านายของพวกเจ้า แต่ต่อไปให้จดจำว่าต่อไปไม่ต้องทำเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก แค่ดูแลให้น้ำนี้ให้มีความร้อนเหมาะสมก็พอแล้ว”
เมื่อนางกำนัลทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็รับคำโดยพร้อมเพรียงกัน ต่อจากนั้นก็เก็บน้ำมันหอมและครีมต่าง ๆ ออกจากห้องอาบน้ำ เหลือไว้เพียงกระจก หวี ผ้าเช็ดตัว และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการอาบน้ำวางเตรียมไว้ที่ข้างสระน้ำ
หวางเอี๋ยนซูหันไปมองซูยีที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วพูดที่ข้างหู “ซูซู เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องของเราที่เกิดขึ้นในห้องน้ำที่วังจินเหลียว ข้าไม่เคยคิดว่าจะเราจะได้มาอยู่ร่วมกันเหมือนในตอนนี้ ในตอนนั้นข้าช่างโหดร้ายต่อเจ้านัก”
เมื่อพูดจบก็วักน้ำขึ้นราดร่างของซูยี เช็ดล้างของเหลวออกจากต้นขาด้านในของซูยี เมื่อมองผ่านน้ำใสลงไปก็เห็นร่างงดงามขาวผ่องของซูยี เขาแทบทนไม่ไหวเมื่อซูยีเอนตัวพิงอกเขาด้วยอาการอ่อนแรง หวางเอี๋ยนซูจึงลอบขโมยจูบไปสองสามที หลังจากนั้นก็พลิกร่างกายของซูยีและพูดอ่อนโยน “ซูซู ให้ข้าดูบาดแผลที่ตรงส่วนนั้นของเจ้าและล้วงทำความสะอาดสิ่งที่อยู่ในตัวของเจ้าออกมา ถ้าไม่ทำ เจ้าจะไม่สบายท้อง”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไงดีอยู่ในที่สาธารณะกรี้ดไม่ได้ สดาดนกยกมด่รไนไ
คนละคนกับต้นเรื่องเลยค่าาา ฮอลลล หวังว่าน้องซูยีจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้เร็วๆ อยากให้น้องมีความสุขจริงๆ