คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : :: Sad Story [2] : Meeting :: 100%
To Everlasting … ขอหยุด ((หัวใจ)) ไว้ที่เธอ ♥ชั่วนิรันดร
【Rai2U】
.:* • ● ♪ ●• *:.
:: Sad Story [2]: ♥ Meeting ::
การที่ได้แอบรักใครสักคนหนึ่ง
มันถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต
ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องบอกเขาไป...
ในเมื่อคำว่า “รัก” อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของคำว่า “เพื่อน”
ของพวกเราแตกสลายไป...
ดังนั้น เก็บมันไว้จะดีกว่าสินะ
“นายมาดูหนังสืออะไรเหรอพยองฮวา”
“ข่าวอะไรเล็กๆน้อยๆน่ะ นาจิน”
สายตาที่ทอดมองและไล่เรียงไปตามแผงหนังสือที่วางอยู่ข้างหน้า นักเรียนไฮสคูลคนนี้กำลังหาหนังสือพิมพ์ที่มีการประกาศออดิชั่นหรือการรับสมัครนักร้องของค่ายบันเทิงดังๆ แต่สายตาต้องหยุดลงเมื่อเขาเจอหนังสือพิมพ์ที่คุณลุงเจ้าของร้านกำลังอ่าน หนังสือพิมพ์ที่ตีข่าวของหุ้นของบริษัทตระกูลมินกำลังตก พร้อมกับหัวข้อข่าวข้างๆ เกี่ยวกับการยกเลิกงานหมั้นและงานแต่งงานทั้งหมดของนักแต่งเพลงชื่อดัง อย่าง...ชินแฮจุน นักแต่งเพลงคนโปรดของเขา
เขารีบหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนแผงตรงหน้ามาทันที เพื่อนสาวที่อยู่ข้างๆเขา มองการกระทำเหล่านั้นด้วยความสงสัย แต่ก็พยายามที่จะอ่านข่าวเดียวกับเขา
‘ราคาหุ้นตกลงอย่างรวดเร็ว! มินจองแทเครียดหนัก หลังจากเป็นที่ลือหนาหูว่า ตำแหน่งผู้บริหารคนต่อไปไม่ใช่ลูกชายคนโตอย่างแทโซ แต่กลับเป็นอัยการจองฮู ลูกชายคนเล็กแทน เหตุผลล่ะ? มันคืออะไรกัน ที่ทำให้ครอบครัวที่ดูเพียบพร้อมและสมบูรณ์ต้องแตกแยกและทะเลาะกัน จะใช่การจากไปของจอง มีซันเมื่อ8ปีก่อนรึเปล่า? รายละเอียดดูต่อหน้า 16’
‘ยกเลิกกะทันหัน! นักแต่งเพลงชื่อดัง ชินแฮจุน ยกเลิกงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายปีกับนางแบบสาว โคกาฮี เพราะอะไรกันจึงทำให้งานแต่งงานที่คนทั้งประเทศรอคอยต้องยกเลิก แหวนหมั้นที่นิ้วนางข้างซ้ายไม่มีอยู่ที่กาฮีอีกแล้ว ส่วนฝ่ายชายแฮจุนเก็บตัวเงียบไม่มีวี่แววที่จะออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ รายละเอียดดูต่อหน้า 9’
เขาไล่อ่านทุกวันอักษร.... เพราะตระกูลมินและบริษัทมินนั้น เป็นบริษัทที่คุณแม่ของเขาทำงานอยู่ ส่วนชินแฮจุนคือนักแต่งเพลงที่เขานับถือ เขาคนนี้คือ ปาร์คพยองฮวา นักเรียนไฮสคูลที่รักเสียงเพลงและการร้องเพลง เขาและเพื่อนมาร้านหนังสือก่อนไปโรงเรียน เพราะเขาตั้งใจมาหาอะไรเล็กๆน้อยๆอ่าน โดยมีเพื่อนสนิทอย่าง คิม นาจินเดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน
“นี้ พยองฮวา นายจะอ่านข่าวอะไรแบบนี้ไปอีกนานไหมเนี่ย? เดี๋ยวก็ไปกินข้าวไม่ทันหรอก”นาจินเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย
“โคร...ก~ ครา...ก~”
“=[]=;;;;”
เสียงท้องร้องดังๆของเธอทำให้พยองฮวาขำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า >O<”
“เมื่อคืนนี้กินไม่อิ่มรึไง นาจิน...เสียงท้องมันถึงได้ดังตั้งแต่นี้ไปจนถึงหน้าหมู่บ้านนั้นน่ะ”พยองฮวาแซวเพื่อนเล่นๆ และสิ่งที่ได้กลับมาคือหมัดหนักๆของนาจินที่สวนเขามาเต็มๆแขน
“อะไรเนี่ย แค่แซวเล่นเฉยๆ –o–”
“พยองฮวา...นายนี้อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ ที่ท้องฉันร้องเป็นเพราะว่าเมื่อคืนพ่อฝึกฉันเล่นเทควอนโดหนักไปหน่อยตั้งหาก”นาจินเปิดแขนเสื้อเพื่อเบ่งกล้ามสวยๆอย่างผู้หญิงให้พยองฮวาดู
“นับวันเธอยิ่งแมนเข้าไปใหญ่แล้วนะ เผลาๆมันบ้างก็ได้ เดี๋ยวก็เล่นเทควอนโด เดี๋ยวก็อ่านหนังสือ เดี๋ยวก็เรียนพิเศษ เดี๋ยวก็ทำงานพิเศษ เดี๋ยวก็ช่วยคนอื่น คนนู้นคนนี้ เดี๋ยวเธอเองจะได้เป็นลมเป็นแร้งไปเพราะหมดแรงทำงานจนได้นะ ยัยตัวเล็ก”เพราะพยองฮวาตัวสูงกว่า จึงทำให้เขาสามารถเอื้อมมือไปลูบหัวนาจินได้อย่างสบายๆ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบพูดเล่นๆกับเธอตลอดเวลาแต่เขาเป็นห่วงเพื่อนคนนี้อยู่เสมอ
อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆ และ เธอเป็นคนที่อยู่ข้างๆเขาเสมอ
...อย่าทำแบบนี้กับฉันได้ไหมพยองฮวา...
...มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่...
...ที่ฉันรักนายเข้าไปแล้ว...
“พยองฮวา! โทรศัพท์นายดังน่ะ”นาจินรีบเตือนสติของพยองฮวาที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเหม่อลอยกับบางสิ่งบางอย่างในความคิดของเขา แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาที่ดังไม่หยุด ทำให้นาจินต้องเขย่าตัวของเขาเบาๆ
“พยองฮวา!”จนกระทั่งเขาหันเหสายตามาที่นาจินอีกครั้ง
“โทรศัพท์นายดัง...”
“อ้อ”พยองฮวาที่เพิ่งรู้สึกตัว ทำให้การกระทำของเขาดูร้อนรนจนหาอะไรไม่เจอ
“แล้วโทรศัพท์มันอยู่ไหนล่ะเนี่ย”เขาค้นทุกกระเป๋า ทั้งกระเป๋ากางเกง กระเป๋าหน้าเสื้อ แม้แต่ในกระเป๋านักเรียนของเขาเอง แต่เขาก็ยังไม่เจอโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมที่กำลังดังอยู่ตลอดเวลา
“นายมองหามันดีๆสิ ตั้งสติแล้วหันมาทางนี้”นาจินบอก
พยองฮวาหันสายหันขวา แล้วกลับมามองที่นาจิน...โทรศัพท์มือถือสีดำกำลังส่งเสียงอยู่ข้างหน้าเขานี่เอง
“ไม่นึกว่านายจะหาไม่เจอ”นาจินนั้นเองที่เป็นคนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของเขา เธอถือโทรศัพท์ของเขาอยู่ในมือให้พยองฮวาเห็น แต่เขาก็ร้อนรนเพราะอาการสติไม่อยู่กับตัว ทำให้ไม่เห็นโทรศัพท์ของตัวเอง ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณนะ”พยองฮวาคว้าโทรศัพท์จากมือนาจินมาทันที
“ยอโบเซโย...”
“พยองฮวา...นี่นูน่าเองนะ”เสียงของโซรา พี่สาวของเขาดังมาด้วยเสียงที่สั่นคลอ
“นูน่า ทำไมนูน่าเสียงสั่นล่ะครับ นูน่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”
คำถามของพยองฮวาทำให้ นาจินอยากรู้เรื่อง เธอจึงเอียงหูมาทางโทรศัพท์และเขย่งตัวให้สูงเท่าพยองฮวา
“นูน่าไม่เป็นอะไรพยองฮวา แต่ว่าวันนี้นูน่าจะเข้าไปรับพยองฮวาตอนเที่ยงนะ”
“นูน่าจะพาผมไปไหนครับ?”
“วันนี้อาป๊าจะพานูน่าไปดูตัวกับคุณชินน่ะ แล้วอาป๊าบอกว่าให้พาพยองฮวาไปด้วย”
“ดูตัว?”
“ใช่แล้ว พยองฮวาเตรียมตัวให้พร้อมนะ แล้วนูน่าจะโทรเข้าไปตอนเที่ยงอีกที”
“นูน่า นูน่า!”
ไม่ทันที่พยองฮวาจะได้ถามอะไรกับพี่สาวของเขาต่อ ปลายสายก็ตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว เสียงของปาร์คโซรา พี่สาวคนเดียวของเขา ที่ดูเหมือนเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆ ทำให้พยองฮวารู้สึกเป็นห่วงเธอ
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่โซราน่ะ”นาจินที่อยู่ข้างๆเขาถามอย่างสงสัย
“นูน่าต้องไปดูตัววันนี้”พยองฮวาเอ่ยก่อนที่จะเก็บโทรศัพท์ของเขาไว้ในกระเป๋ากางเกง
แล้วอยู่ๆประโยคของโซราก็ดังขึ้นมาในโสตประสาทของเขาอีกครั้ง
‘วันนี้อาป๊าจะพานูน่าไปดูตัวกับคุณชินน่ะ’
...คุณชิน? ชิน...
...คงไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ...
ในขณะที่พยองฮวาพยายามสะบัดความคิดแปลกๆของเขาออกไปจากหัว ร่างของชายหนุ่มที่นอนรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ในความมืดมน กำลังนึกถึงภาพของใครสักคน
...กล่องของขวัญสีเงินกับดอกกุหลาบสีขาว...
...มันคืออะไรกัน...
‘นี่จีซล แล้วเราไปร้องเพลงด้วยกันอีกนะ’
...ผู้หญิงคนนั้น ใครกัน? เธอเป็นใคร?...
“อ๊ะ...”ร่างกายของเขาที่พยายามจะขยับแต่ก็ขยับไม่ได้ อีกทั้งก็มองไม่เห็นอะไรเลย แต่เขาก็พยายามลืมตา แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันเป็นไม่ไปตามที่เขาสั่ง...
“เคลียร์! คนไข้ฟื้นแล้ว เอาท่อช่วยหายใจมาเร็ว”เสียงของใครสักคนที่เขามองไม่เห็น ทำให้เขากระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม ร่างกายที่อึดอัดเหมือนกับจมอยู่ใต้น้ำ หายใจไม่ออก มองไม่เห็นมันทำให้เขากลัว
ในความคิดของเขา เขาคิดว่าร่างกายของเขานิ่งเฉย แต่จริงๆเขากำลังสั่นเพราะเพิ่งฟื้นตัว มือไม้พยายามควานหาอะไรบางในอากาศ ปัดไปมาเหมือนต้องการให้ใครสักคนช่วย
“คุณหมอคะ หัวใจของคนไข้เต้นเร็วผิดปกติอีกแล้วค่ะ”นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน ก่อนที่สติจะดับมอดลงโดยไม่รู้สึกคัว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ตอนแรกที่เขาตื่นขึ้นมา เขาสามารถพูดคุย จำทุกสิ่งทุกอย่างได้ และยังคงมองเห็นอยู่ แต่เมื่อญาติผู้หญิงคนหนึ่งของเขากลับไป เขาก็บอกพยาบาลของเราว่า ปวดตาและปวดหัว ทางเราไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จึงต้องส่งเขาไปเอ็กซเรย์ จึงได้รู้ว่า สมองของเขามีเลือดคั่งและที่ดวงตาทั้งสองข้างมีเศษกระจกตกค้างจากอุบัติเหตุจนฝังกลายเป็นพิษร้ายกับดวงตาของเขา เมื่อเอ็กซเรย์เสร็จไม่นาน เขาก็หยุดหายใจลง เราจึงต้องรีบกู้ชีวิตของเขาคืนมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่า...ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น....................”
“เกิดอะไรขึ้นกับเขาครับ คุณหมอ”
“สมองของเขาลืมความทรงจำบางส่วนไป และดวงตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้วครับ”
“เสียใจด้วยนะครับ แต่บางทีเขาอาจจะไม่ลืมคุณก็ได้”
“คนนี้เหรอที่นายจะบอกให้ฉันช่วย”หญิงสาวถามอย่างตั้งใจ เธอค่อนข้างงงงันกับน้องชายที่ไม่เคยคิดจะช่วยใครเลย แต่วันนี้กลับวิ่งมาบอกให้เธอช่วยเพื่อนของเขา
“โธ่! พี่อุนเซเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมนะ ครอบครัวเขาก็ไม่มี เงินทองก็ต้องหาเองแต่ตาดันมาบอดแบบนี้ เขาจะทำอะไรได้ล่ะครับ ผมสงสารเขานะ เขาเป็นที่ปรึกษาให้ผมมาตลอดเลย พี่ช่วยหน่อยนะ นะ นะ....”คำอ้อนวอนของน้องชายจอมคาสโนว่า ทำให้อุนเซพูดอะไรไม่ออกไปสักพัก
ใช่แล้ว กวาน อุนเซรุ่นน้องคนสนิทของมิน แทโซ (อ่านได้ในตอนที่ 1 ครับ) เธอกำลังอ้ำอึ้งกับพฤติกรรมของน้องชายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น้องชายของเธอ กวาน แทบิน ที่อ้อนวอนพี่สาวของเขาให้ช่วยเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ทั้งๆที่ผ่านมาเวลาวิ่งมาขอความช่วยเหลือ เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะเงินหรือไม่ก็มีเรื่องทะเลาะวิวาท เป็นครั้งแรกที่แทบินมาขอให้อุนเซ ช่วยเพื่อนของเขา
“เออ....อืม...........”
“เขาร้องเพลงเป็นไหม ถ้าเขาร้องเพลงได้ พี่ก็มีงานกับที่อยู่ให้เขา”อุนเซถาม
“อุ๊ก!”แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ฟังคำตอบ แทบินก็โผเข้ากอดพี่สาวของตัวเองอย่างดีใจ
“นี่ นายยังไม่ตอบพี่เลยนะว่าเขาร้องเพลงเป็นรึเปล่า”เธอไม่ได้แค่ตกใจ แต่เธอแปลกใจที่น้องชายของเธอก็มีด้านดีกับคนอื่นๆเขาเหมือนกัน และนานมาแล้วที่น้องชายกอดเธอ ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายกอดเธอก่อน... มันทำให้อุนเซยิ้ม ยิ้มกว้างเหมือนอบอุ่น
“จีซลเขาเป็นนักร้องได้เลยครับพี่ เสียงนุ่ม ใบหน้าหวานแถมยังมีรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ รุ่งแน่นอน”แทบินตอบคำถามอุนเซอย่างจริงๆจังๆ เขาเองก็อยากจะพูดคุยกับพี่สาวอย่างเป็นธรรมชาติมานานแล้วเหมือนกัน
แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้เขาไม่สามารถได้กลับบ้านบ่อยๆ
ไม่สามารถพูดกับพี่สาวและครอบครัวอย่างที่ใจต้องการ
เหตุผลนั้น? ยังคงเก็บเงียบไว้ในหัวใจของแทบิน...
“ก็ดีเหมือนกัน เพราะพี่กับเพื่อนของพี่ กำลังจะเปิดไนต์คลับที่ชานเมืองเนี่ยแหละ ถ้าเขาหายดีเมื่อไร เขาก็จะได้เป็นพนักงานร้านคนแรกของเรา และนายเองก็ต้องมาช่วยงานด้วยนะจะบอกให้ เพราะต่อไปนี้พี่จะไม่ให้เงินนายไปเปล่าๆแล้ว นายต้องทำงานแลกเงินบ้างรู้ไหม จะได้ฝึกตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้”
“ตอนนี้นายก็ต้องชดใช้ที่นายมาขอเงินพี่ไปก่อนล่ะนะ”อุนเซล็อคคอของแทบิน ก่อนที่จะใช้มือเล่นผมของแทบินอย่างเมามัน ยิ่งเธอเล่นมันมากเท่าไร แทบินก็ยิ่งจะดิ้นมากเท่านั้น
“พี่อุนเซ ปล่อยผมนะ ปล่อย~”แทบินตะโกน แต่พี่สาวคนนี้ก็ยังคงล็อคคอของแทบินไว้ด้วยแรงมหาศาลที่มี เธอชอบที่จะเล่นหัวน้องชาย ผมนุ่มๆของเขาทำให้อุนเซคิดถึงอดีตที่อุนเซและแทบินเคยเล่นด้วยกัน
แทบินพยายามที่จะแกะมือของอุนเซที่ล็อคคอเขา แต่แกะเท่าไรก็แกะไม่ออก จนแทบินหันเหสายตาไปทางอื่น เขาเจอกับชายหนุ่มร่างสูง ที่เดิมมาพร้อมกับช่อดอกป๊อปปี้สีแดง ใบหน้าที่แทบินคุ้นเคยและไม่คิดว่าจะเจอเขาที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มคนนั้นทำให้แทบินเปรยออกมาเป็นชื่อของคนที่อุนเซไม่รู้จัก...
“พี่ซองกวาน...........”
/>
“อ้าว! แทบินมาเยี่ยม อึนพโยเหรอ”ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาแทบินและอุนเซ ใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่สำหรับอุนเซแล้ว เธอยังไม่เข้าใจว่าสองคนนี้พูดถึงอะไรกัน? เพราะน้องชายของเธอไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเพื่อน อันที่จริง เพราะน้องชายของเธอไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว จึงได้แต่ยืนสงสัย พยายามฟังที่พวกเขาพูด
“เปล่าครับ เพื่อนผมเขาเกิดอุบัติเหตุ เลยมาเยี่ยม”แทบินยิ้มให้กับเขา สายตายังคงจดจ้องไปที่ดอกป๊อบปี้ช่อโตในมือของคนตรงหน้า
“^ ^... รู้ไหม ช่วงนี้อึนพโยบ่นว่าคิดถึงนาย ว่างวันไหนก็ไปเยี่ยมเธอบ้างนะ”ชายหนุ่มตบไหล่ของแทบินเบาๆ ก่อนที่จะโค้งให้อุนเซ เธอที่กำลังมองเขาอยู่ ไม่ได้นึกว่าเขาจะหันหน้ามา เลยโค้งกลับอย่างงงงัน
“พี่ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”ชายหนุ่มผู้ที่อุนเซไม่รู้จัก เดินจากไป สำหรับอุนเซเธอคิดว่าเขาเป็นคนแปลกๆ ที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ แต่เธอต้องรีบสะบัดความคิดนั้นออกไปก่อน เพราะเธอจำเป็นที่ต้องสอบถามเจ้าน้องชายตัวแสบ ทั้งเรื่องผู้หญิงที่ชื่ออึนพโย และชายหนุ่มที่แทบินเรียกว่า ซองกวาน คนนั้น...
...พอนายออกจากบ้านไป นายไปทำอะไรไว้บ้างนะ แทบิน...
...นายรู้ไหม พี่สาวของนายก็อยากรู้เรื่องบ้างเหมือนกัน...
“กวาน แทบิน....”อุนเซเรียกชื่อเต็มของน้องชายอย่างช้าๆ น้ำเสียงของเธอทำให้แทบินที่กำลังเหม่อลอยถึงอะไรบางอย่างสะดุ้ง เขาหันกลับมาทางพี่สาว แสยะยิ้มด้วยความกลัว น้ำเสียงแบบนี้ทำให้แทบินรู้ถึงเหตุการณ์ต่อไปที่จะเกิดขึ้น
“ครับ นูน่า”แทบินหลุดพูดคำว่า นูน่า ออกมาเพราะเขาคิดว่าอุนเซจะต้องล็อคคอเขาหรือไม่ก็เล่นหัวอีกแน่ๆ แทบินเลยหลับตาปี๋ รอรับชะตากรรม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความอบอุ่นจากมือบางที่กำลังลูบหัวตนอย่างอ่อนโยน
“นายจะหลับตาทำไมกัน กลัวรึไงห้ะที่ฉันทำเสียงแบบนั้นน่ะ”เธอกำลังยิ้มให้เขา น้องชายที่เธอรัก เธอแกล้งใช้เสียงน่ากลัว เพื่อให้แทบินหลุดคำว่า นูน่าและท่าทางตลกๆออกมา ไม่ว่าแทบินจะทำอะไร มันก็ดูน่ารักและตลกในสายตาของอุนเซ
“กลัวสิ พี่อุนเซชอบแกล้งผมแบบนี้เสมอ พี่ก็น่าจะรู้เสียงของพี่มันน่ากลัวนะ”แทบินลืมตาขึ้น เขาแปลกใจที่ได้เห็นพี่สาวจอมเซี้ยว ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่นี้แหละคือตัวตนของพี่สาวเขา แม้ดูเหมือนปากร้าย ใจแข็งแต่จริงๆแล้ว เธอเป็นคนที่ใจดีมากสำหรับแทบิน
“งั้นแทบิน ไปนั่งดื่มกาแฟกันนะ”อุนเซเอื้อมไปจับมือของแทบิน ก่อนที่จะลากเขาออกไปจากโรงพยาบาล
“เฮ้ย...พี่อุนเซ แต่เช้านี้ผมมีเรียนนะ”แทบินกล่าว ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากไปดื่มกาแฟกับพี่สาวเท่าไร ท่าทีร้อนรนแบบนี้ เปลี่ยนแปลงอารมณ์เร็วแบบนี้ ในความหมายของแทบิน เขาคิดว่าอุนเซจะต้องเค้นอะไรบางอย่างจากเขาแน่ๆ
“โดดซะ เพราะพี่มีเรื่องต้องคุยกับนาย”อุนเซหันไปส่งสายตาดุดันให้น้องชาย จากความอ่อนโยนเมื่อกี้กลายเป็นการบังคับเสียแล้ว อุนเซมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเขาจริงๆ เรื่องที่เขาออกจากบ้านไป และเรื่องที่เขาไปทำอะไรบ้าง อุนเซอยากที่จะรู้ทั้งหมดนั้นและเธอจะต้องทำให้มันออกมาจากปากของน้องชายให้ได้
...วันนี้นายต้องพูดความจริงกับฉันแล้วล่ะ แทบิน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ยินต้อนรับค่ะ / ครับ”
ประตูกระจกสีน้ำตาลอ่อนคอยเปิดปิดรับผู้คนที่เข้ามานั่งดื่มกาแฟในคาเฟ่เล็กๆแห่งนี้ มันถูกตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อนและสีขาวนวลตา ตัดกับเคานเตอร์สีแดงสด ภายในมีโต๊ะกลมสีใส เก้าอี้ไม้สีชมพูเข้มและเปียโนสีขาวที่ถูกวางไว้กลางร้าน มองจากภายนอกเหมือนดั่งกับร้านแห่งความสุข มีแต่สีสัน... แต่หารู้ไม่ว่าลูกค้าที่ผ่านประตูนี้เข้ามาในร้าน ต่างมีสิ่งสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
ความเจ็บปวด และ ความเศร้าในชีวิต
ที่แห่งนี้คือร้านกาแฟ Happiness Café คาเฟ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างโรงเรียนม.ปลายและโรงพยาบาล เป็นคาเฟ่ที่มีบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน เพราะเจ้าของมีครอบครัวเล็กๆ จึงทำให้ที่นี้อบอุ่นตลอดเวลา เจ้าของร้านเป็นชายหนุ่มวัยกลางคน อิม ซึงฮยอน เขาเป็นคุณพ่อและเจ้าของร้านที่มีบุคลิกอ่อนโยน ใครๆที่มานั่งในร้าน เขาจะบริการเป็นอย่างดีเสมอ และเจ้าของร้านอีกคนคือ อิม ยูริ ภรรยาของซึงฮยอน เธอเป็นคุณแม่และเจ้าของร้านที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา เป็นห่วงคนอื่น พูดได้ง่ายๆ บุคลิกของคุณแม่... แต่คาเฟ่แห่งนี้จะขาดสีสันไปหากขาดเจ้าตัวน้อย อิม ยูฮวาและอิม ซึงรี ลูกฝาแฝดของพวกเขา
ที่แห่งนี้ไม่เหมือนคาเฟ่ทั่วๆไป เพราะที่แห่งนี้
คือที่ที่รวมคำปรึกษาและกำลังใจ
และที่แห่งนี้คือที่ที่จะมอบสิ่งเหล่านั้นให้แก่ลูกค้าผู้โศกเศร้า
กลับกลายมาเป็นลูกค้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าแทน...
เหมือนกับชายหนุ่มผู้นี้ ที่กำลังจิบลาเต้ร้อนๆได้สักพัก เขานั่งอยู่หน้าเคานเตอร์ ในมืออีกข้างมีโน้ตเปียโนที่ดูเหมือนเพิ่งแต่งเสร็จ เขานั่งจ้องมันมาตั้งแต่เข้าร้าน... โดยที่ไม่สนใจเลยว่าใครจะมองเขาเช่นไร
“คุณคะ รับเค้กหรือขนมหวานไหม”อิม ยูริซึ่งเป็นเจ้าของร้าน เอ่ยถามชายหนุ่ม เธอมองเห็นเขานั่งจ้องโน้ตเพลงมานานแล้ว สายตาของเขาดูโศกเศร้าเหมือนกับเพิ่งอกหักมา เธอคิดว่าเขาคงอ่อนกว่าเธอสักห้าหกปี เพราะใบหน้ายังดูหนุ่ม แต่มันตัดกับ...รอยบวมใต้ตา
...เขาคงจะร้องไห้มาตลอดทั้งคืน...
“..........”ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ตอบเธอ เขายังจ้องโน้ตเพลงในมือต่อไป
“คุณแม่คะ ซึงรีแกล้งยูฮวาอีกแล้ว”เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งออกมาจากหลังร้าน เธอวิ่งเข้าไปกอดยูริ เพื่อให้เธออุ้มขึ้น พร้อมกับซุกใบหน้าไปที่อกอันแสนอบอุ่น
“ไม่ใช่นะฮะ ซึงรีไม่ได้แกล้งซะหน่อย”เด็กชายตัวน้อยอีกคนเดินจูงคุณพ่อซึงฮยอนออกมาด้วย เขาเดินเข้ามากอดที่ขาของยูรีโดยไม่รู้เลยว่ามันอาจจะทำให้คุณแม่ของเขาล้มเป็นได้
“ตายแล้วซึงรี เดียวแม่ก็ล้มหรอก”เธอเอื้อมมืออีกข้างไปลูบหัวลูกชายตัวน้อยซึงรี และวางลูกสาว ยูฮวาที่ยิ้มร่าไว้ที่เก้าอี้หลังเคานเตอร์ซึ่งตรงกับที่ชายหนุ่มนั่งจ้องโน้ตอยู่นั้นเอง
“เดี๋ยวแม่เอาข้าวกล่องมาให้นะลูก รอแป๊บเดียว คุณคะ ช่วยดูร้านให้ด้วยนะ”แล้วยูรีก็หายเข้าไปในหลังร้าน ปล่อยให้ลูกสาวและลูกชายฝาแฝดของตนนั่งจ้องชายหนุ่มที่เหม่อลอยอยู่กับโน้ตเปียโน โดยมีคุณพ่อซึงฮยอนชงช็อกโกแลตร้อนๆสำหรับยามเช้าให้พวกเขา
“คุณอาคะ จะนั่งจ้องโน้ตเพลงนี้ไปอีกนานไหมคะ”เด็กหญิงยูฮวาเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน แต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมองมันแบบนั้นด้วย
...โน้ตเพลงแผ่นนี้มันทำอะไรผิดรึอย่างไร?...
“สงสัยเขาจะนั่งจ้องให้มันไหม้เลยล่ะมั้ง ยูฮวา”เด็กชายซึงรีเลยประชดเข้าให้ แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากคนตรงหน้า พวกเขาจึงได้แต่ถอนหายใจกับท่าทางประหลาดๆของลูกค้าคนนี้
“แปลกคนจริงๆแฮะ”ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน พวกเขาดื่มช็อกโกแลตร้อนๆที่คุณพ่อทำให้จนหมด ก่อนที่จะวิ่งออกไปรับเมนูจากลูกค้าที่ดูเหมือนเป็นพี่สาวตาดุกับน้องชายร่างบางเดินเข้ามาในร้าน งานนี้ยูฮวาเป็นคนกล้าพูดรับเมนูจากพี่สาว
“รับอะไรดีคะ”ยูฮวาพูดออกไปด้วยท่าทางน่ารัก ใครๆที่มาเห็นท่าทางแบบนี้ก็ต้องยิ้มและหลงใหลไปได้ง่ายๆ เพราะเธอเป็นเด็กตัวเล็กๆ ผิวขาว ตากลม เหมือนตุ๊กตาตัวน้อย ด้วยความน่ารักของเธอจึงทำให้พี่สาวหันเหความสนใจจากน้องชายมาหยุดที่เธอ
“อุ้ย! แทบินดูสิน่ารักจังเลย”เธอสะกิดน้องชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามให้มองมาที่เด็กหญิงตัวน้อยๆที่กำลังยิ้มและเตรียมรับรายการเครื่องดื่ม
“ใช้แรงงานเด็กชัดๆ”น้องชายผู้ซึ่งไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรบ่นออกมา แม้เสียงที่เขาพูดออกมาเหมือนจะพูดกับตัวเอง แต่มันก็ลอยไปเข้าหูของคุณพ่อซึงฮยอนที่ยืนอยู่ตรงเคานเตอร์
“พูดอะไรน่ะ แทบิน น้องน่ารักออก หนูชื่ออะไรจ๊ะ”พี่สาวไม่สนใจคำที่น้องชายพูด เธอก้มหน้ามาใกล้กับยูฮวา เพื่อที่จะมองหน้าของเธอชัดๆ พี่สาวเอื้อมมือไปลูบผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอ แก้มอวบนั้นทำให้พี่สาวหมั้นไส้และอยากจะหยิกเล่นจริงๆ
“หนูชื่อ อิม ยูฮวาค่ะแล้วพี่สาวล่ะคะ ชื่ออะไร”ยูฮวาถาม
“พี่ชื่อกวาน อุนเซจ๊ะ ส่วนหมอนี่เป็นน้องชายพี่ชื่อ กวาน แทบิน”พี่สาวคนนี้คืออุนเซนั้นเอง เธอแนะนำตัวเองและแทบินให้ยูฮวาได้รู้จัก ยูฮวาเองก็อยากที่จะรู้จักกับเธอเหมือนกัน
...พี่สาวตาดุใจดีกว่าที่คิดแฮะ...
“สวัสดีครับ”คุณพ่อซึงฮยอนที่ยืนมองอยู่นาน สุดท้ายเขาก็พาตัวเองออกจากเคานเตอร์ เดินตรงมาที่ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังคุยกับคนแปลกหน้าที่เขาคิดว่าน่าจะไว้ใจได้ เขาทักทายอุนเซและแทบินก่อนที่จะถามถึงรายการอาหารอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นคุณพ่อของหนูยูฮวาสินะคะ”อุนเซทักทายตอบเขา เธอสังเกตเห็นว่าจมูกของพวกเขาคล้ายกัน จึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นคุณพ่อของยูฮวา อุนเซแปลกใจเล็กน้อยที่คุณพ่อของยูฮวาตรงเข้ามาหาเธอ แต่เธอคิดว่าร้านกาแฟที่นี้เหมือนบ้าน บรรยากาศอบอุ่น มีพ่อแม่ลูกอยู่กันครบ ถ้ารสชาติของกาแฟดีเธอคงติดใจแน่ๆ
“ครับ ผมซึงฮยอน นั้นลูกชายซึงรี ส่วนคุณแม่ของยูฮวาอยู่หลังร้าน ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ค่ะ... ร้านนี้เป็นกันเองดีนะคะ บรรยากาศดี แถมยังมีเด็กๆน่ารักแบบนี้ ฉันคงต้องมาเป็นลูกค้าประจำแล้วล่ะ”อุนเซยิ้ม ภายในใจของเธอ เธออยากที่จะให้ครอบครัวของเธอเป็นแบบนี้บ้าง กลับมาอยู่กันพร้อมหน้า กินข้าวพร้อมกัน พูดคุยกัน เป็นห่วงซึ่งกันและกัน คงจะดีไม่น้อย...ถ้าย้อนเวลากลับไปและยืดชีวิตคู่ของพ่อแม่ไว้
...ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้เราคงอยู่กันพร้อมหน้า กินข้าวเช้าที่คุณแม่เป็นคนทำ...
...อยากให้มันกลับมาจังเลย บรรยากาศของครอบครัว...
“ว่าแต่ได้สั่งอะไรรึยังครับ”ซึงฮยอนสอบถามอุนเซอีกครั้ง
“งั้นก็เอาเป็นช็อกโกแลตร้อนแก้วหนึ่ง คาปูชิโน่แก้วหนึ่งและเค้กสตอเบอร์รี่ก้อนหนึ่งนะคะ”อุนเซพูดรายการออกไปอย่างช้าๆ เพื่อที่จะให้ซึงฮยอนจำได้ แต่เขากลับจำได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็ปล่อยให้ยูฮวาและซึงรีนั่งเล่นอยู่กับอุนเซ โดยที่ตัวเองกลับไปที่เคานเตอร์เพื่อทำกาแฟตามที่สั่งมา
“คุณคะ ลูกๆล่ะ”ยูรีกลับออกมาจากหลังร้านพร้อมกับข้าวกล่องใบน้อยสองกล่อง แต่อีกมือหนึ่งมีเค้กส้มที่ประดับไปด้วยผลไม้ต่างๆ ซึงฮยอนมองภรรยาของเขาอย่างแปลกใจ แต่เมื่อสายตาของเธอมองไปทางชายหนุ่มที่ยังคงจดจ้องอยู่กับโน้ตเพลง เขาก็พอเข้าใจภรรยาเพราะเค้กผลไม้เป็นเค้กที่ทำให้สดชื่น ภรรยาของเขาอยากให้ชายหนุ่มผู้นั้น ตื่นจากความเจ็บปวดได้แล้ว...
“ลูกๆเล่นกับลูกค้าอยู่ตรงนั้นน่ะ เดี๋ยวผมไปเรียกให้”ซึงฮยอนจึงขอออกตัวไปเรียกลูกๆ แต่เขากลับยื่นแก้มให้ภรรยาคนสวย
“ขอบคุณค่ะ”เธอหอมแก้มสามีขี้อ้อน ก่อนที่จะปล่อยให้เขาไปตามลูกๆ ส่วนตัวเธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มตาบวมที่ดื่มลาเต้ไปเป็นแก้วที่สอง เธอวางจานเค้กส้มไว้หน้าของเขาก่อนที่จะหันหลังกลับเพื่อไปหยิบน้ำดื่ม
“...............”นั้นเป็นครั้งแรกที่เขาละสายตาจากโน้ตเพลง มาที่เค้กสีส้มตรงหน้าเขา
“ขอโทษนะครับ แต่ว่าผมไม่ได้สั่งไป”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างลังเลใจ ยูรีที่ได้ยินเขาพูดแล้วก็อดที่จะเผลอยิ้มไม่ได้ เธอหันมายิ้มให้เขา เพราะเธอรู้แล้วล่ะว่าทำไมเขาถึงนั่งจ้องโน้ตเพลงได้อย่างไม่ละสายตาแบบนั้น
ในมือของยูรีมีแก้วน้ำและหนังสือพิมพ์ เธอมองโน้ตเพลงของชายหนุ่มสักพักก่อนที่จะกล่าวบางอย่างออกมา
“ความรักเป็นเหมือนกล่องช็อกโกแลต ที่วันหนึ่งคุณหยิบขึ้นมา อาจจะพบว่ามันสอดไส้คาราเมลหอมหวานจนคุณหลงรักมัน แต่อีกวันหนึ่งคุณอาจจะหยิบอีกชิ้น และคุณอาจจะพบว่าไส้ข้างในคือเหล้ารัมที่ขมจนไม่อยากจะแตะ”
“เพราะว่าเราไม่เลือกยังไงล่ะคะ ถึงได้เจอช็อกโกแลตที่มีเหล้ารัม”
“มันอาจจะขมติดลิ้นของเขา จนเราจำไว้จนวันตายว่าจะไม่แตะมันอีก”
“รู้ไหมคะ? อะไรที่ทำให้ความขมจางหายไป”
“ผลไม้ยังไงล่ะ ผลไม้น่ะมีเปรี้ยวมีหวาน มีขมปนกันไป แต่ผลไม้ยังเป็นประโยชน์ ลองทานเค้กนี้ดูนะคะ ฉันเชื่อว่าคุณจะดีขึ้น”
“และอีกอย่างฉันอยากให้รู้ไว้ว่าผู้หญิงบนโลกนี้ไม่ได้มีคนเดียวหรอกนะคะ สักวันคุณจะต้องพบกับคนที่ดีกว่าคนที่ทำให้คุณเจ็บปวดแน่นอน”
“คุณชิน แฮจุน.....”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
พี่เรย์ต้องขออภัยนะครับ ถ้าตอนนี้ภาษาหรืออารมณ์ของตัวละครไม่ค่อยจะดี พี่เรย์ไม่ได้แต่งนิยายนาน พอกลับมาแต่งอีกครั้งมันก็ติดๆขัดๆอยู่บ้าง ขออภัยจริงๆครับ (ขอโทษที่ทำให้น้องๆรอด้วยนะ)
ความคิดเห็น