ตอนที่ 31 : ตระกูลใหญ่
“อะไรทำให้หนูทั้งหลายในเมืองชายแดนขยับตัวกันนะ” เมื่อสิงจากไปได้ไม่นาน เงาดำทั้งหลายเริ่มขยับตัว แต่เมื่อพวกมันขยับ ชายผมเทากลับเดินหาวออกมาขวางเอาไว้ เสื้อสีเขียวขอเขาปลิวไสวไปตามสายลมส่งกลิ่นอายคุกคามไปยังเงาดำทั้งสิบสายจนต้องหยุดชะงักถอยหลังกลับมา
“ตอบหน่อยซิ อย่าทำให้ข้าเสียเวลานอนจะได้ไหม” แม่ทัพพยัคฆ์ทักษิณอ้าปากหาวอีกครั้ง ในขณะนั้นเองที่เงาดำร่างหนึ่งหันไปสบตากับพรรคพวก ดวงตาของพวกเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว ลอบตัดสินใจเลือกโจมตีไปยังช่องว่างจังหวะไม่ทันระวังตัว เพียงแต่เมื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ ศีรษะของกลับถูกขว้าจับเอาไว้ด้วยมือขวาของแม่ทัพพยัคฆ์ทักษิณในขณะที่มือซ้ายยังคงป้องปากหาวสืบต่อ
แม่ทัพใหญ่รู้สึกแปลกประหลาด ด้วยตาของเขาหดลงพร้อมทั้งระหว่างคิ้วที่ย่นมาชนกันเล้กน้อย เสียงแค๊กดังขึ้น มันสมองสีขาวผสมกับเลือดค่อย ๆ ไหลย้อยลงมาเมื่อแม่ทัพใหญ่ผู้นี้บีบมือ กะโหลกศีรษะที่ขึ้นชื่อว่าแข็งที่สุดกลับแตกออก ร่างของนักฆ่าชักกระตุกดิ้นรนก่อนที่จะแน่นิ่ง
“ถ้าไม่ตอบก็ตายเสียเถอะงั้น” พยัคฆ์ทักษิณผิวปากเบาๆ ศีรษะทั้งสิบหัวถูกปลิดปลงลงมาทันที เขาสะบัดมือสลัดไล่เลือดแลเนื้อสมองทิ้งหันหลังเดินกลับเข้าไปยังเงามืดเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่ห่างออกไปอยู่ ๆ ปรากฏแสงไฟขึ้นยามวิกาล ทหารในชุดเกราะประจำชายแดนเดินออกมาจากมุมตึกทำการเก็บกวาดทำความสะอาดอย่างเงียบเชียบ จนสุดท้ายแม้แต่ร่องรอยเลือดในอากาศยังถูกขับให้หายออกไป
“รายงาน!” พยัคฆ์ทักษิณพึ่งจะล้มตัวลงนอนที่นอกห้องกลับมีเสียงรายงานอีกครั้งให้ต้องรู้สึกรำคาญใจ
“ว่ามา”
“นักฆ่าทั้งหมดเดินทางมาจากทางใต้ขอรับ จากอาวุธที่ใช้ รวมไปถึงร่องรอยต่างๆ บ่งบอกว่าพวกเขามาจากหนานเจ้า”
“หนานเจ้าอีกแล้ว...มีอะไรอีกไหม”
“เราพึ่งสืบทราบอีกว่าหน่วยหน้ากากลักลอบขนย้ายนักโทษประหารออกจากคุกไปสามนายขอรับ”
“สามงั้นเหรอ ใครบ้างล่ะ”
“ขอรับ ทั้งสามคนหนึ่งคือแม่ทัพใหญ่ปราบอุดรแห่งเมืองรุ่งนามสายฟ้าพิรุณ หนึ่งคือที่ปรึกษาทางการทหารตอแย อีกหนึ่งคือมารแดงแห่งรุ่งใต้ขอรับ”
“ทำไมพวกมันถึงลักลอบนำทั้งสามคนนี้ออกไปกัน สืบหาได้หรือไม่” พยัคฆ์ทักษิณหมดอารมณ์ที่จะนอนแล้วตอนนี้ กว่าเขาจะได้ทั้งสามคนนี้มาเป็นๆ ต้องจ่ายสิ่งตอบแทนออกไปมากมาย หรือเจ้าองค์ชายใหญ่นั่นคิดจับมือกับเมืองรุ่งกัน เขาได้แต่คิด
“กำลังเร่งให้สืบขอรับ”
“สืบมาด้วยว่าทางเมืองรุ่งมีความเคลื่อนไหวไหม อีกเรื่องส่งคำสั่งไปแนวหน้าให้ตรึงกำลังให้พร้อมรบ หากมีอะไรผิดพลาดเราจะยกทัพไปเหยียบเมืองรุ่ง”
“ขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ล้มตัวลงนอนไม่สนใจสิ่งใดอีก เขาปลดปล่อยลมออกจากปากยกผ้าห่มอันเบาบางขึ้นมาคลุมตัว เพียงแต่ว่าดวงตาที่ปิดสนิท สมองกำลังใกล้จะจมลงไปสู่ห้วงแห่งนิทรา เสียงเคาะประตูห้องเบาๆ ดังขึ้นมา เขายังไม่ทันตอบกลับรับคำใด ๆ บุคคลเบื้องนอกหน้าประตูกลับถือวิสาสะเปิดประตูแล้วก้าวเดินเข้ามา วางของสิ่งหนึ่งลงบนโต๊ะ กลิ่นของมันโชยอยู่ภายในห้องจนตลบอบอวล สามารถแยกแยะออกมาได้ว่าเป็นไก่ย่างสมุนไพรที่กำลังสุกได้ที่ตัวหนึ่ง
“ห้องส่วนตัวของท่านข้าก็จัดให้เอาไว้แล้ว เหตุใดจึงต้องมาทานที่ห้องข้าด้วย” แม่ทัพใหญ่เอ่ยถามโดยที่ไม่แม้แต่จะเปิดตาขึ้นมามอง
“ไม่เอาหรอก กลิ่นของมันเหม็นฟุ้งไปทั่วห้อง ข้าไม่ชอบ” หญิงสาวกล่าวอธิบาย เธอคือซาลีอา หญิงสาวข้ากายแม่ทัพ
“เจ้านี่นะ”
“ปีศาจใหญ่ของท่านเป็นหมอเทวดางั้นหรือท่านแม่ทัพ”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” แม่ทัพใหญ่หยิบหมอนข้างขนาดใหญ่ข้างตัวออกมาโอบกอดซุกใบหน้าเข้ากับมันเหมือนดั่งเด็ก ๆ ไม่เหลือมาดแม่ทัพใหญ่พยัคฆ์ทักษิณแม้แต่น้อย
“แล้วเหตุใดพวกนักฆ่าจึงต้องลักลอบติดตามเขาด้วยล่ะ”
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
“นั่นซินะ ทั้ง ๆ ที่ท่านสามารถจับตัวพวกมันมาไว้ได้ แต่กลับเลือกที่จะฆ่าพวกมัน” นางพูดจบก็ใช้ฟันกัดฉีกน่องไก่ทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนน้ำมันจากไก่ที่เลอะปากแม้แต่น้อย
“เจ้าคิดว่ามันเป็นคนของข้าหรืออย่างไรกัน ไร้สาระเสียจริง”
“ถ้าเป็นคนของท่านก็ดีซิ ทุกอย่างจะได้จบลงได้โดยง่าย” เธอเงียบไปสักพักเพื่อดื่มน้ำไล่ความรู้สึกจุกแน่นในลำคอก่อนที่จะกล่าวต่อ “คนพวกนั้นเป็นคนของใคร”
“…”
“ตระกูลเส ตระกูลนอร์ หรือตระกูลอิล่ะเจ้าค่ะ” หญิงสาวฉีกปีกไก่ออกมากัดอีกลงไปอีกครั้ง เมืองชายแดนถึงแม้อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองขุนเขา แต่กษัตริย์ที่แท้จริงคือสามตระกูลใหญ่ ตระกูลเสดูแลเกี่ยวกับการค้า ตระกูลนอร์มีสายสัมพันธ์กับขุนนางราชการลอบทำการค้าของเถื่อนให้แก่ขุนนางต่างๆผ่านเมืองชายแดน ส่วนตระกูลอิดูแลตลาดร้านถิ่นกลุ่มอิทธิพลมืดต่าง ๆ ภายในเมืองชายแดน
ทั้งสามตระกูลจับมือกันส่งเสริมซึ่งกันและกันทำให้เกิดเป็นสามเสาหลักแห่งชายแดนใต้ขึ้น ก่อตั้งบ้านเสอิอนอร์ คอยประสานงานไปยังกลุ่มก้อนกองกำลังต่าง ๆ กลายเป็นกษัตริย์แท้จริงของพื้นที่ พวกเขาทำการเปลี่ยนเจ้าบ้านในทุก ๆ สี่ปีหากต้องการเป็นเจ้าบ้านต่อต้องมีผลงานและผ่านการโหวตเห็นชอบจากคนภายในบ้าน นั่นทำให้เจ้าบ้านแต่ละคนที่ขึ้นมาล้วนขึ้นมาได้ด้วยความสามารถ นานวันเข้าพวกเขายิ่งมีอิทธิพลในพื้นที่สูงขึ้นเรื่องๆ ทางเมืองขุนเขาเห็นว่า หากบ้านเสอิอนอร์คิดก่อกบฏ ดินแดนภาคใต้ของเมืองขุนเขาคงลุกเป็นไฟ ดังนั้นอำนาจทางการทหารทั้งหมดจึงต้องเป็นของแม่ทัพใหญ่
แม่ทัพใหญ่เข้าใจการเมืองภายในเป็นอย่างดี ด้วยคำแนะนำของที่ปรึกษาลับส่วนตัวทำให้แม่ทัพใหญ่แบ่งทหารออกเป็นสามป้อมค่าย หนึ่งเป็นป้อมค่ายหน้าด่าน รับหน้าที่ดูแลแนวหน้าทั้งหมดรวมถึงฝึกทหารผ่านการรบจริง สองทหารรักษาการณ์เมือง แม่ทัพใหญ่จะโยกย้ายทหารที่ผ่านการฝึกเข้าสู่เมืองเพื่อให้ทำงานระดับสั่งการและมีการสลัดผลัดเปลี่ยนทุกสองปี สุดท้ายคือป้อมค่ายนอกเมืองทางฝั่งเมืองขุนเขา เป็นป้อมค่ายทหารใหม่ที่คอยนำกำลังทหารใหม่มาฝึกพื้นฐานของกองทัพเพื่อส่งไปแนวหน้าอีกที
ทั้งหมดนี้ถูกวางเอาไว้เพื่อป้องกันการก่อกบฏของบ้านเสอิอนอร์ หากพวกเขาลุกฮือขึ้น ทหารทั้งสามป้อมค่ายจะโจมตีประสานกันโดยทันที การมาของแม่ทัพใหญ่ยิ่งมายิ่งสร้างชื่อ สะกดข่มตระกูลใหญ่ทั้งสามให้อยู่อย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ เสมอมา
“เมื่อเจ้าทราบอยู่แล้วยังจะถามเอาอะไร”
“ข้าถามเพราะไม่เข้าใจ เพียงหมอคนหนึ่งที่กำลังจะเดินทางไปหนานเจ้า แต่กลับต้องใช้นักฆ่ามากมายติดตามสังหาร”
“เจ้าได้กลิ่นแล้ว”
“แน่นอนซิ” นางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี แม้แม่ทัพใหญ่ไม่เปิดเปลือกตาขึ้นมายังมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวในห้วงสมองของตัวเองได้
“ท่านลองกล่าวมา หากท่านคาดเดาได้ถูกต้อง พรุ่งนี้ข้าจะให้แม่ครัวทำขนมของโปรดให้กับท่านเป็นพิเศษหนึ่งจาน”
“ท่านแม่ทัพ ท่านสัญญาแล้วนะ”
“อืม ข้าสัญญากับท่านแล้ว” เมื่อแม่ทัพใหญ่รับปาก หญิงสาววางปีกไก่ในมือลง วาดมือไปบนอากาศกล่าวอธิบายโดยทันที
.
สิงเดินทางออกจากเมืองเป็นการลับ มุ่งตรงไปยังจุดนัดพบ เมื่อมาถึงหน่วยหน้ากากเข้ามาล้อมเขาเอาไว้ คนที่นำหน้าสุดทำความเคารพสิงพร้อมทั้งนำทางจากไป
“เรื่องนักฆ่า”
“ปล่อยไปเถอะ พวกมันไม่ได้ต้องการฆ่าข้าหรอก”
“พระองค์...”
“หากพวกมันคิดจะฆ่าข้าคงไม่กระทำยามที่เจ้าแมวขี้เกียจนั่นอยู่ในเมืองหรอก ถ้าหากข้าคาดเดาไม่ผิด ทั้งหมดล้วนสวมใส่ชุดของทางใต้ เผลอ ๆ อาจสวมใส่สิ่งของที่บ่งบอกว่าเป็นคนของหนานเจ้าด้วยซ้ำไป”
“พวกมันทำเช่นนี้เพื่อการใดขอรับ ข้าไม่เข้าใจ”
สิงแย้มยิ้มเล็กน้อย “เพราะเมื่อมีสงคราม กลุ่มคนที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดคือพ่อค้าแม่ค้า”
ใบหน้าของหน่วยหน้ากากภายใต้หน้ากากตึงเครียดขึ้น “เช่นนี้หมายความว่าพวกมันทราบแล้วว่าพระองค์ท่านคือผู้ใด”
“ไม่หรอก หากพวกมันทราบว่าข้าเป็นใคร ต่อให้มีขวัญกล้าบังอาจกว่านี้ ก็ไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมองมาที่ข้า การเคลื่อนไหวของพวกมันในครั้งนี้ดีต่อเรา นั่นหมายความว่าการเดินทางครั้งนี้ของข้าถือเป็นความลับขั้นสูงสุด และดูเหมือนว่าหน่วยข่าวกรองหลวงจะไว้ใจได้..ไม่ซิ แค่บางที”
“ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หน่วยหน้ากากที่อยู่ด้านหน้าสุดกล่าวคำถึงแล้ว แต่ด้านหน้ากลับเป็นพื้นที่โล่งเปล่าไม่มีสิ่งใด เขากรีดมือในอากาศอีกครั้งถึงได้เห็นว่าที่นี่เป็นบ้านร้างว่างเปล่ากลางเขาหลังหนึ่ง ภายในบ้านปรากฏร่างของชายสามคนถูกมัดปิดปากปิดตาเอาไว้ ที่คอของพวกเขาทั้งหมดถูกสวมไว้ด้วยเครื่องมือเวทมนตร์จำกัดเวท เพื่อไม่ให้ใช้เวทมนตร์ได้หากไม่ถอดออก สิงเลียริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมทั้งจ้องมองไปยังทั้งสามอย่างสนใจ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

202 ความคิดเห็น
-
#53 masukusang (จากตอนที่ 31)วันที่ 2 ธันวาคม 2563 / 21:34ได้ของเล่นมาแล้วสิ#530
-
#52 สโลว์ลีฟ (จากตอนที่ 31)วันที่ 2 ธันวาคม 2563 / 17:10มาแล้วๆๆๆ#521
-
#52-1 rai-king(จากตอนที่ 31)2 ธันวาคม 2563 / 18:15ครับผม!#52-1
-